เวลาท้อแท้ใจกับผลลัพธ์ของการลงทุน ควรทำอย่างไรดีครับ ?

[อินทรีย์ทองแดง]

เวลาคุณเดินไปบนถนนแล้วเหยียบขี้หมา คุณจะทำยังไงต่อ ระหว่าง ก้าวขาไม่ออกนั่งทรุดลงกับพื้นทำหน้ายังกับ
ขี้หมามันกระเด็นเข้าปาก ตัวสั่นงันงกฟูมฟายจะเป็นจะตาย กับรีบๆถูรองเท้ากับพื้นฟุตบาทแล้วหันไปด่ากองขี้หมาสองคำ
นึกในใจกรูจะไม่มีวันพลาดท่าเสียทีมันอีกแร้ว พร้อมทั้งจำพิกัดสถานที่เวลาที่เกิดเหตุใส่สมองอย่างแม่นยำ


เลือกเอาแร้วกันว่าจะอย่างแรกหรืออย่างหลัง

[tum_H]

เป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนคงไม่แตกต่างกันมากนัก
เพียงแค่ระยะเวลาที่ใช้ จนประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ของแต่ละคนสั้นยาวไม่เท่ากัน

การลงทุนนั้น ให้มองที่ตัวเราเป็นหลัก ใช้สิ่งรอบข้างเป็น
เพียงข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจเท่านั้น

หลายคนมักจะไปเปรียบเทียบผลการลงทุนกับนักลงทุน
ท่านอื่นๆที่ประสบความสำเร็จกับผลการลงทุนของตน
ทำให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นมีข้อด้อย หรือ ลงทุนไม่ถูกทาง
พอร์ตจึงไม่โตก้าวกระโดดอย่างเขา

สำคัญว่า เรากำหนดเป้าหมายการลงทุนของตนเองแล้วหรือยัง
หลายคนพอใจกับผลการลงทุนแค่ชนะเงินเฟ้อกับเงินฝาก หลายคน
ตั้งเป้าการลงทุนแค่พอเพียงกับการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนมีความสุข
ที่ได้ลงทุนกับบริษัทในฝัน

เดิน กับ วิ่ง สุดท้ายก็ถึงเป้าหมายเหมือนกัน แต่ศิลปะที่สะท้อนออกมา
ระหว่างทาง จะให้อรรถรส ที่แตกต่างกัน

ดังนั้น อย่ามองตัวเองว่าด้อยกว่าคนอื่น ให้ละความยึดติดนี้เสีย
สุดท้ายก็จะประสบความสำเร็จได้ตามที่หวังครับ

[luangrit]

เป็นคำถามที่ดีนะครับ

นักลงทุนแนว VI โดยพื้นฐานแล้ว จะสนใจที่ตัวกิจการมากที่สุด
ดังนั้นเวลาที่ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามคาด
เราอาจต้องมาประเมินพื้นฐานของบริษัทจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ถ้าพื้นฐานมันเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง
อันนี้เราคงวิเคราะห์เอาว่าจะถือหุ้นต่อไปหรือไม่

แต่ถ้าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เพียงแต่ตลาดเค้าไม่ได้เห็นด้วยกับเรา
สิ่งนี้ก็จะทำให้ราคาหุ้น(ในระยะสั้น)ไม่ไปไหน หรืออาจจะแย่ลง

ผู้ลงทุนนั้น ควรจะประเมินความเป็นไปของพื้นฐานกิจการอยู่เสมอ
เพื่อที่จะได้ตัดอารมณ์ต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจในระยะสั้น

จากประสบการณ์ส่วนตัว
ยิ่งเห็นตัวเลขแดงๆ ยิ่งทำให้ผมนั้นมีความตื่นตัวในการประเมินหุ้น
และวิเคราะห์บริษัทอย่างปลอดภัยมากขึ้น
ทั้งยังช่วยในการฝึกจิตใจ ไม่ให้ไหลไปกับภาวะต่างๆของตลาด
และสุดท้าย สิ่งที่จะยืนยันการประเมินของเรา
ก็คืองบการเงิน ที่ออกมาให้เห็นทุกๆไตรมาสครับ

[viim]

มีเรื่องจริงจะเล่าให้ฟังครับ มีนักศึกษาปริญญาเอกคนหนึ่ง สมัยเรียน ป.เอก ทดลองทำวิจัยไปเรื่อยๆ ทำยังไงมันก็ได้ผลแย่ อ่านหนังสือตั้งหลายเล่ม อ่านบทความวิชาการ บทความวิจัย นอนก็ดึก เป็นอย่างนี้มาสามปีกว่า ท้อก็ท้อแต่ไม่ถอย ผลวิจัยก็ไม่ออกมาตามที่คาดหวังซะที ต้องอ่านแล้วอ่านอีก ค้นคว้าแล้วค้นคว้าอีก ทดลองทำแล้วทดลองทำอีก กลับไปกลับมาตั้งหลายรอบ เป็นอยู่สามปีกว่าต้องอดทนอย่างมาก พอเข้าปีที่สี่ไอ้ที่ทำๆมา การทดลองทั้งหมดที่เคยไม่ได้ผลตามคาด ประยุกต์โน่นผสมนี่ เอาประสบการณ์ที่สะสมมา สุดท้ายมันก็มาได้ผลที่สามารถเขียนเป็น dissertation จบ ป.เอก ได้ ในปีที่สี่ ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์ไปแล้วครับ

ผมคิดว่าการลงทุนหรือทำงานใหญ่ๆให้สำเร็จมันก็ต้องอาศัย

- ความอดทน รอวันที่ความฝันหรือเป้าหมายของเราจะเป็นจริง อย่ารีบร้อน
- ความรู้ ต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
- ทัศนคติ ต้องมีอย่างถูกต้อง
- และความขยัน

โดยเฉพาะความอดทนนี่สำคัญทีเดียว ผมว่านะ ถ้าเป็นการลงทุนน่าจะเป็นความอดทนสองลักษณะ คือ
- อดทนที่จะรอราคาที่เราอยากซื้อ
- อดทนที่จะรอให้หุ้นที่ลงทุนแสดงศักยภาพออกมาในระยะยาว (ถ้าซื้อแล้ว) ไม่ซื้อขายบ่อยๆ

[Jeng]

เรียนรู้จากคนสำเร็จวันละนิด ดีกว่าเสียเวลาทั้งชีวิตคิดเอง

[Hughes]

เริ่มจากการดูคนที่ผลตอบแทนดีๆเขาทำยังไงกันก่อน แรกๆยังไม่เป็นงานก็อาจจะต้องลอกการบ้านคนเก่งๆไปก่อนแล้วดูว่าเขาคิดยังไงทำกันยังไง พยายามวิเคราะห์ไม่ใช่ฟังอะไรแล้วก็เชื่อไปหมด

ติดตามข่าวบริษัทจากหนังสือพิมพ์ที่เชื่อถือได้และทางเว็ปตลาด, หัด ฟัง oppday, เลือกอ่านหนังสือดีๆ หาคนมีประสบการณ์แนะนำให้

ถ้าไม่มีพื้นฐานแล้วอ่านหนังสือเองไม่รู้เรื่อง ถ้ามีทรัพยากรณ์พอสมัครไปเรียน mba ก็ช่วยได้บ้างครับ (Nida, ธรรมศาสตร์)

พอเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นก็ต้องเริ่มคิดเองทำเองบ้าง สร้างแนวคิดของตัวเองจากการเรียนรู้กับผู้มีประสบการณ์, หนังสือที่อ่าน, และสิ่งที่ได้เห็น อย่าปิดกั้นตัวเองลองเรียนรู้หลายๆอย่างหลายแนวคิด แต่ต้องแยกแยะอย่าเชื่อคนง่ายเพราะวงการนี้ผลประโยชน์ทับซ้อนมาก

สุดท้าย ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการเล่นหุ้น อาจจะไม่ถูกจริต การหา รายได้แบบ passive income มีอีกหลายอย่างให้ลองเช่นลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และการสร้างธุรกิจ ถ้าเล่นหุ้นนานแล้วยังไม่รุ่งก็น่าจะลองอย่างอื่นดูบ้าง

[the_matrix]

ไม่ต้องสนราคาหุ้นครับ คุณจะเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไร

[nueng]

ได้อ่านข้อคิดเห็นของแต่ละท่านแล้วทำให้ผม รู้สึกมีกำลังใจในการลงทุนมากขึ้น
จากที่เคยขาดทุน มากกว่า 90% ในตลอดระยะเวลาการลงทุน 4 ปีที่ผ่านมา มันอาจจะเป็นเพราะว่า...

1. ผมซื้อขายหุ้นโดยไม่มีเหตุผล ผมพยายามคิดอยู่ทุกวันว่าที่ซื้อเพราะอะไร? คำตอบคือไม่รู้เหมือนกัน
2. ผมไม่มีความกระตือรือร้นที่จะศึกษา ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเลย
3. ผมไม่มีความพยายาม ไม่มีความมุ่งมั่น ที่จะทำมันอย่างเต็มที่
4. ซื้อเพราะดูราคาอย่างเดียว เวลาเล่นก็ถือสั้นมาก ส่วนใหญ่จะขาดทุน
5. ผมอ่านหนังสือมาก็เยอะ ติดตามข่าวเศรษฐกิจทุกวัน ทางช่อง Moneychannel แต่ก็เท่านั้นเพราะไม่ได้สรุปอะไรเลย
6. และอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่ผิดพลาด......

ความผิดพลาดของผมทั้ง 6 ข้อที่ได้กล่าวมา เป็นเพียงความผิดพลาดพื้นฐานที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้ มันยังมี
ความผิดพลาดอื่น ๆ อีกที่รออยู่ในวันข้างหน้า ยกตัวอย่างเช่น การประเมินปัจจัยเชิงตัวเลข หรือปัจจัยคุณภาพของ
บริษัทผิดพลาด แต่ผมยังไปไม่ถึงตรงนั้นเลย
สุดท้ายแล้วชีวิตคนเราเจอกับความผิดพลาดอยู่ทุกเวลา จงตั้งมั่นอยู่ในหลัก อะไรซักอย่างก่อน แล้วก็ลงมือทำอย่าง
ถึงที่สุด ต้องที่สุดจริง ๆ นะ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ทำมัน

ก้าวไปด้วยกัน ผู้ร่วมอุดมการณ์
ขอบคุณครับ _/\_
"(^_^)"