หน้า 2 จากทั้งหมด 2

Re: ชอบไอเดียการวิเคราะห์แบบนี้กันไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 28, 2012 11:12 am
โดย crazyrisk
จริงๆสิ่งที่ผมจะสื่อ คือ

ภาพของบริษัทเปลี่ยนไปหรือไม่. หลัง ipo

ยกตัวอย่าง

บ คอมโม

Ipo. มี spread ของราคามาก กำลังผลิต 1 ล้านตัน

หลัง ipo ต่อให้ลงทุน กำลังการผลิตขึ้นมา เป็น 10 ล้านตัน แต่ถ้า spead แย่
ก้อป่าวประโยชน์เพราะไม่กำไร. ยิ่งต่อให้คนบอกว่าต่ำ book
แต่จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ คนมีแรงจูงใจซื้อโรงงานเก่าๆน้อยลง
เพราะ เทคโนโลยีใหม่กว่า และถูกกว่า

ผมเลยคิดว่า การจะดูว่า คุ้มหรือไม่ น่าจะดูว่าสิ่งที่เขาลงทุนไป
สามารถ drive profit ได้หรือเปล่ามากกว่า

ถ้าไม่ได้ ก้อ แค่นั้น

Re: ชอบไอเดียการวิเคราะห์แบบนี้กันไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 28, 2012 11:21 am
โดย << New >>
อ่อครับพี่เค ตอนผมโพสก็กำลังนึกถึงตัวนึงที่แอบมีอยู่ใน port นิดๆทำเกี่ยวกับที่ดินอยู่แถวๆ impact
ก็ไม่รู้ว่าipo ตัวนี้เท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นสร้างตึกนู้นตึกนี้มามากมาย แต่ตอนหลังไม่perform ธรรมภิบาลก็แปลกๆ ผมเลยมองว่าราคาipoไม่น่าจะเกี่ยวไรเท่าไหร่

Re: ชอบไอเดียการวิเคราะห์แบบนี้กันไหมครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 28, 2012 10:08 pm
โดย SEHJU
crazyrisk เขียน:มีคนชอบไอเดียนี้มากไหมครับ

WORK IPO 16 บาท ตอน ราคา work ลงไป 10 บาท
ลงไปได้ไง ในเมื่อไม่รวมแม้กระทั่ง ตอน IPO มันยังไม่มี studio ราคาโคตรแพงเลยนะ

ลองมาคิดเล่นๆกันหุ้นตัวอื่น ดูไหมครับ

(ปล ไม่ได้เชียร์หุ้นนะครับ เพราะตัวนี้ ผมตกรถคันใหญ่มากกก)


แต่อยากให้ช่วยแชร์กัน ว่า คิดว่าไอเดียแบบนี้ ใช้กับตัวอื่น ได้หรือไม่ได้อย่างไร
ผมว่าต่างกรรมต่างวาระกัน ผมมีความเห็นดังนี้ครับ

การทำสตูดิโอของเวิร์กพอยน์ก็เพื่อการแก้ bottle neck ของบุคลากร เพราะหากไม่มีสตูดิโอเอง ด้วยบุคลากร ทีมส์งานโปรดิวเซอร์เก่งๆ หรือคุณปัญญาบอสใหญ่ ก็จะต้องวิ่งลอกไปช่องนั้นช่องนี้ ทำให้ไม่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้ โดยเฉพาะเวลาและทีมส์งาน สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ รายการก็ไม่สามารถทำได้เยอะ โดยเฉพาะพิธีกรคีย์แมนอย่างคุณปัญญาเอง อีกทั้งนักแสดงของสังกัด

เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่ตามมาคือ การเติบโตจึงทำได้จำกัด...

สตูดิโอน่าจะเริ่มใช้การได้ปี 2550 (จำไม่ีค่อยแน่ชัด) สิ่งที่ตามสตูดิโอมาด้วย คือ ค่าเสื่อมที่เพิ่มมากขึ้นมาก มิหนำซ้ำเจอกับปัญหาการซบเซาของอุตสาหกรรมโฆษณา(อุตสาหกรรมนี้อ่อนไหวต่อสภาวะเศรษฐกิจ) ทำให้ผลประกอบการเริ่มตกต่ำลงเช่นกัน

นอกจากเรื่องอำนาจการต่อรองในอุตสาหกรรมแล้ว ในช่วงปี 49-50 บ.เคยให้เป้าหมายว่า จะมีรายได้ถึง 3,000 ลบ.ในเวลา 4-5 ปี (ยังเหลือเวลาอีกหน่อยนึงนี่นา...) แต่ผลที่ตามมาคือ มันสวนทางกับสิ่งที่พูด... มาถึงขั้นนี้ก็คงจะพอบอกได้ว่า ราคาลงไม่ลงไม่ใช่แค่เรื่องมีหรือไม่มีสตูดิโอซะแล้ว เพราะตัวของธุรกิจเองก็ซ่อนความเสี่ยงไว้เยอะ แต่เดชะบุญ บ.เป็น บ.ที่มีความแข็งแกร่งภายใน

ทีวีดาวเทียมจึงเป็นเหมือนความหวังที่จะปล่อยแอกเวิร์กพอยน์ให้มาสร้างอาณาจักรเอง ซึ่งใครมองอุตสาหกรรมนี้ขาดก็ร่ำรวย ยิ่งเก็บหุ้นในราคาที่มี MOS สูง รอกินปันผลไปสองปีสามปี ทีวีดาวเทียมโตจริง โครงสร้างอุตสาหกรรมเปลี่ยนไปจริง ก็สบายแฮ :wink: