Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

สิ่งที่ควรทำเวลาหุ้นตก คือ ช้อนซื้อของดีราคาถูกครับ

ขอโม้หน่อย...
จริงๆ ผมก็ได้เตียมตัวไว้นะ ก็ได้ขายบางส่วนออกมา ก่อนที่หุ้นจะปรับตัวลงมาวันนี้ครับ

แต่ว่า ราคาที่ขายนั้น ต่ำกว่านี้อีกเยอะเลยครับ 555

ขอบคุณครับพี่Picatos ได้ความรู้เยอะเลยครับ^^

ส่วนผมใช้ใช้วิธีเตรียมใจครับ
คือผมเชื่อว่าVIหลายๆคนก็รู้ว่าราคาหุ้นระยะยาวเป็นไปตามผลประกอบการณ์ ส่วนระยะสั้นก็เป็นไปตามตลาด แต่บางครั้งรู้ทั้งรู้ แต่บางครั้งหุ้นลง แล้วลง แล้วลง แล้วลง แล้วลง แม้นเราจะเป็นVIแต่เราก็เป็นคนธรรมดามีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก จนหลายๆคนต้องหมอบ บางคนขายไปโดยไม่รู้ตัว หรือหลายๆคนทนไม่ไหวไปศึกษาว่าวิกฤตินี้เกิดอะไรขึ้นพอยิ่งศึกษายิ่งเครียด ยิ่งกลัวแล้วสุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องหมอบ แต่หลายครั้งณ.จุดที่ทนไม่ไหวแล้วหมอบแล้ว กลับเป็นจุดต่ำสุด ขายแล้วเด้งสวยขึ้นมาทันที เหมือนโดนแทง แล้วแทงซ้ำอีกรอบ ทนไม่ไหวดูพื้นฐานเพื่อความมั่นใจ ราคานี้ถูกจริง!!! ยอมซื้อราคาสูงกว่าที่ขายไป แต่แล้วกลับต่อและต่ำกว่าจุดเดิมอีกT^T ผมคิดว่าสาเหตุที่เป็นแบบนั้นน่าจะเป็นเพราะจิตใจ

ดังนั้นผมใข้วิธีง่ายๆเลยครับคือ ในExcellที่บันทึกพอร์ท ก็สมมุติ ให้เกิดPanic -50%
แล้วดูสภาพพอร์ทเรา และทำใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา วันหนึ่งก็ต้องเกิด พอเราทำใจแบบนี้เรื่อยๆ โดยเฉพาะขาขึ้น ผมว่ามันน่าจะทำให้เราเตรียมใจ พอเกิดPanicหรืออะไรขึ้นมา เราก็จะไม่ตกใจเพราะมันเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้แล้ว ทีนี้เราก็จะสามารถมีสติมากที่สุดในช่วงที่สำคัญที่สุด และตัดสินใจด้วยเหตุผลล้วนๆ แต่ในทางปฎิบัติอาจจะมีอารมณ์แฝงบ้างแต่ผมเชื่อว่าน้อยมากๆครับ^^

อ่านของพี่ IH แล้วโดนจริงๆเรื่อง key เองผิด

T_T เคย key ซื้อเป็นขาย งงเลย ต้องไปซื้อคืน 55555

เมื่อหุ้นตก สิ่งที่ผมทำคือ...

1. ทำใจให้สบาย แล้วเดินกลับเข้าไปตรวจสวนดอกไม้ของตัวเองอีกครั้ง ว่ามันกำลังจะเหี่ยวเฉา หรือ ยังออกดอกบานสดใสอยู่... อะไรเป็นดอกไม้อะไรเป็นวัชพืช ควรแยกแยะจัดหมวดหมู่ให้ชัด ห้ามพลาด!
2. เด็ดวัชพืชทั้งหลายแหล่ถ้ายังมี..ทิ้งไป เอาเงินที่ได้มาเก็บรอ เตรียมเอาไปซื้อดอกไม้ดอกสวยๆเพิ่ม
3. ลองดูสวนข้างๆ(watch list)และในสวนของเรา(port)ว่า ยังมีดอกอะไรน่าสนใจและมันกำลัง ลดราคาแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซล
4. ระดมสรรพกำลัง กระสุนดินดำทั้งหมดเท่าที่พอหาได้ อย่าลืมว่า หุ้นขึ้นย่อมมีวันตก หุ้นตกย่อมมีวันขึ้น เป็นธรรมดาของโลก...แต่ราชรถนั้นไม่ได้มาเกย ทุกวัน
5. รอ รอ รอ...รอให้ถึงราคาที่อยากได้ ราคาตามที่เคยคำนวนไว้ เอาแบบmos เยอะๆ แบบไม่มีทางแพ้ อย่าover หรือ under confident เกินไป อย่าโลภเกินความรู้ อย่าหลอกตัวเอง เชื่อกึ๋นของตัวเอง... เมื่อราคาลงมาถึงที่ต้องการก็ซัดเลย
6. ถ้าไม่มีเงิน ก็ขายเอาเงินจากตัวที่เชื่อมั่นน้อยที่สุดไปซื้อตัวที่เชื่อมั่นมากที่สุด หรือตัวอื่นที่มองไปในอนาคตแล้วยัง undervalue สุดๆ...จัดเต็ม จัดหนัก จัดไม่ต้องบ่อย จัดน้อยตัว
7. ถ้าผมเชื่อว่ามันเป็นดอกไม้ไม่ใช่วัชพืช ผมจะไม่เด็ดดอกไม้ในช่วงเวลานี้เป็นอันขาด เพราะโอกาสที่เราจะได้มันกลับคืนมาในสภาพที่เราเคยมีนั้นน้อยมาก ผมเคยพลาดมาแล้ว และคงจะไม่พลาดซ้ำสอง

พูดง่ายแต่ทำยาก...ยังไงก็มีความสุขกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าทุกท่าน นะครับผม

1.เข้ามาอ่าน thaivi ครับ จะมีกระทู้ดีๆ เตือนสติ มากมาย
2.หยิบตำราจาก ปรมาจารย์ มาอ่าน เพื่ิอเตือนสติอีกครั้ง
3.ทบทวนกลยุทธ ที่เราเตรียมไว้เมื่อหุ้นตก และ ปฏิบัติตาม
4.ประเมินสถานการณ์ และ ปรับกลยุทธเป็นระยะๆ ปรับพอร์ทเมื่อจำเป็น

กลับมามองดูที่ตัว...กู

ผมยังถือ (ติด) อยู่ 100%
10 ปีมานี้ก็เห็นมาหลายรอบ ไม่เคยได้ออกก่อนวิกฤตสักที
ตอนนี้ก็อยู่เฉยๆ รอครับ
รอรายได้เสริมจากปันผลมาซื้อเพิ่ม
รอส่วนต่าง upside ของหุ้นที่ถือ และหุ้นที่จะซื้อ ให้คุ้มค่าการเปลี่ยนหุ้น
รอสถานการณ์ที่ดีขึ้น และการกลับมาของวันสดใส (แต่ขอเป็นหลังเก็บของถูกได้แล้วนะ)

ผมคิดง่ายๆ อย่างฝรั่งเขาว่า "This too shall pass"
ในระยะยาวแล้ว เศรษฐกิจโลกก็จะต้องโตขึ้น
จะมีสะดุดบ้าง พุ่งบ้าง แต่ภาพใหญ่ยังไงด้ชนีตลาดทุกที่ก็จะต้องสูงขึ้นกว่าเดิมในระยะยาว (มาก)

หลักการเดียวกันใช้กับการพิจารณาหุ้นรายตัว
หากค้าขายดีขี้น กิจการโตขึ้น ลูกค้ามากขึ้น ยอดขายมากขึ้น กำไรมากขึ้น มีกระแสเงินสดสะท้อนเข้ามาจริง
จะให้ราคาหุ้นเท่าเดิม หรือต่ำลงสวนทางกำไรไปเรื่อยๆ อยู่ได้อย่างไร (ในระยะยาว) และสุดท้ายราคาก็ต้องสูงกว่าเดิม

ตอนดัชนีสูงสุดรอบนี้ก็ยังนั่งอ่านหนังสือหุ้นห่านทองคำล่าสุดของคุณเทพ ที่แกบอกว่าหุ้นแพงก็ให้ขายมารอซื้อตอนวิกฤต
เล่นแค่รอบใหญ่ก็รวยพอแล้ว รอบเล็กๆ ปล่อยผ่านไป ก็ยังเห็นดีด้วยกับแกและรู้สึกว่าช่วงนั้นหาหุ้นถูกยากจริงๆ
ว่าจะขายล้างพอร์ต แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดหุ้น ว่าแพงแล้วยังแพงได้อีก และก็กลัวมันจะไม่ลง ก็เลยเฉยๆ


อ้อ ตอนนี้ก็พยายามไม่คิดว่า "รู้งี้" ให้มันบ่อยนัก เหมือนอย่างเคยที่ผ่านๆ มา

ในเมื่อบัฟเฟตต์ชอบซื้อหุ้นตอนคนอื่นกลัว ตอนราคาหุ้นถูกๆ
(ผมขอเหมา แปลความหมายว่า เขาชอบซื้อหุ้น ตอนหุ้นตกนะครับ)

รบกวนถามผู้รู้ด้วยครับว่า เวลาบัฟเฟตต์เขาซื้อหุ้นแล้ว หุ้นยังลงต่อบ่อยไหมครับ
หรือเขาสามารถซื้อหุ้นได้ที่ราคาก้นเหวทุกครั้ง

ผมจะได้ดูว่าเขาทำยังไง ผมจะได้พยายามทำตามน่ะครับ

"ขอเพียงแค่ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่จุดหมาย
โปรดจงมั่นใจ ที่ทำลงไปนะถูกแล้ว
อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว
คนแน่แน่วเท่านั้น ผู้ชนะ"

"จงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว" ประโยคนี้ต้องย้อนถามกลับด้วยว่า
แล้วคุณกลัวบ่อยขนาดไหน กลัวทุกครั้งที่หุ้นตก กลัวทุกครั้งที่ราคาผันผวน?
ถ้ากลัวอยู่ตลอดเวลา แสดงว่าคุณมีปัญหาไม่จุดใดก็จุดหนึ่งค่อนข้างแน่นอน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องกลับมาดูตัวเองเป็นจุดตั้งต้นใหม่ว่ามีวิธีการเลือกลงทุนอย่างไร เข้าใจธุรกิจนั้นมากน้อยแค่ไหน ราคาที่ซื้อมี mos มากเพียงพอหรือไม่ และมีระยะเวลาลงทุนเหมาะสมหรือไม่
กลับไปยังจุดที่เริ่มซื้อ วิเคราะห์ให้รอบคอบ เพราะ ปัญหานี้จะไม่หายไป และจะกลับมาหลอกหลอนเรื่อยๆ หุ้นตกคราวหน้า ถ้าไม่กลับไปแก้ที่จุดเริ่มต้น ก็คงมีคำถามเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
ครั้งหน้าที่หุ้นตก คุณอาจมีคำตอบที่ชัดเจน และรู้ว่าต้องทำอย่างไร

"ผมรู้จักซีดานแค่นี้เอง
ซีดาน ไม่วิ่งไปที่ๆลูกบอลอยู่
แต่เขาจะวิ่งไปที่ๆลูกบอลกำลังจะไป"

Credit : นำมาจากคำพูดใน FB ของคุณ Prapas Cholsaranon

สิบกว่าปีก่อนโน้น

ฟังรายการมันนี่ทอล์คช่องสิบเอ็ด
อาจารย์ไพบูลย์ถามอาจารย์นิเวศน์
"ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกทำไง"
อ.นิเวศน์ตอบ
"ตกอีกซื้ออีก"
(ตอนนั้นยังไม่มีหนังสือตีแตก)

ถ้าเป็นตอนนี้หุ้นตก
แล้วอ.นิเวศน์บอก
"ตีแตก"

ผมจะไม่พลาดโอกาสอีกแล้วครับ

ขอบคุณมากครับ พี่ๆ ทุกท่าน

ใช้ Candlesticks ช่วยครับ พร้อมกับธูป 3 ดอก
จุดไฟ ไหว้พระ ขอให้หุ้นขึ้น แล้วไปนอนครับ

เข้ามาป่วนกระทู้เล่น 555

ทำตามแผนการที่วางไว้แต่แรกครับ ไม่ว่าหุ้นตก หุ้นขึ้น หรือหุ้นไม่กระดิก

ดันกลับมาให้อ่านอีกรอบ สู้ๆครับ ^^

dr1 เขียน:สิบกว่าปีก่อนโน้น

ฟังรายการมันนี่ทอล์คช่องสิบเอ็ด
อาจารย์ไพบูลย์ถามอาจารย์นิเวศน์
"ซื้อหุ้นแล้วหุ้นตกทำไง"
อ.นิเวศน์ตอบ
"ตกอีกซื้ออีก"
(ตอนนั้นยังไม่มีหนังสือตีแตก)

ถ้าเป็นตอนนี้หุ้นตก
แล้วอ.นิเวศน์บอก
"ตีแตก"

ผมจะไม่พลาดโอกาสอีกแล้วครับ

เคยดูสมัยก่อนเค้าแซวกันเอง นั้งพูดๆให้คนดูกัน เจ๊งหมดทั้งโต๊ะ
แล้วก็หัวเราะเฮฮา

ปักหมุดเอาไว้อ่าน

ตกลงมีใคร ขายทิ้ง ซื้อเพิ่ม บ้างครับ สารภาพมาเหอะ
ผมคนนึงล่ะทำใจไม่ได้ ขายออกไปบ้างล่ะ

พื้นฐานไม่เปลี่ยนก็อยู่ด้วยกันต่อไปครับ

มองหาโอกาสครับ " เวลาหุ้นตก ผมชอบคิดว่าประตูแห่งโอกาสเปิดออกแล้ว "

การลงทุนของผมเป็นแบบ ค่อยๆเก็บจากเงินเดือนทุกๆ เดือนเลยทำให้บางช่วงมีเงินสด

(ถ้าไม่ใช้ซื้อหุ้น ทบกันหลายๆเดือนก็เป็นกระสุนสำรองไปในตัว)

หุ้นตกคราวนี้มือไวไปหน่อย ทะยอยรับตั้งแต่วันแรก (ถือเงินสดอยู่เกิน 70% ของพอร์ตก่อนหุ้นตก)

เพราะคิดว่าคงไม่ลงไปเยอะมาก แต่สิ่งที่เราคิดก็ผิด


หลังจากนั้นก็กลับไปดูข้อมูลของหุ้นที่ถือ ดู ออปเดย์ ตรวจสอบข้อมูลเชิงคุณภาพ ดูแนวโน้มตลาดของสินค้าที่บริษัทผลิต ต้นทุนของบริษัท ของลูกค้าของบริษัท ฯลฯ เท่าที่หาได้

สุดท้ายก็ทะยอยรับมาตลอด ถึงจะไม่ได้ราคาที่ต่ำที่สุด แต่ก็ต่ำกว่าราคาตอนแรกที่รับมา ราคาเฉลี่ยก็ลดลงมาเรื่อยๆ บางท่านอ่านเรียกว่าถัว แต่ผมขอเรียกแบบปลอบใจตัวเองว่า "เพิ่มสัดส่วนความเป็นเจ้าของ" โดยผมใช้วิธีการคำนวนหาปันผลที่น่าจะได้รับเป็นหลัก ถ้าได้ราวๆ 7% (แต่ในช่วงตลาดขาลงจริงๆ อัตราปันผล 10%-20% ก็เคยมี) และหุ้นนั้นเป็นหุ้นที่ผมมองว่าเติบโต ผมก็ทะยอยรับเรื่อยๆ

ท้ายสุดถึงแม้หุ้นจะลงไปอีก ลงๆๆๆๆ ไปอีก เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ผมถือว่า ณ ราคาที่ผมถืออยู่ผมได้รับปันผลในอัตราที่น่าพอใจ

งานนี้ออกหัว (หุ้นขึ้น) ผมได้อาจได้หลายร้อย
ออกก้อย (หุ้นลง) ผมมีปันผลรองรับ และมีสดเหลืออีกนิดหน่อย เอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือซื้อหุ้นเมื่อมันลงไปมากกว่านี้สักเท่าสองเท่า

สรุปว่า ช่วงนี้ผมซื้อครับ

พระอาจารย์ชัยชาญที่สอนตอนผมบวชอยู่สอนผมว่า

Take it Easy, Make it Simple, Stay with the one who know.

ดูภาวะจิตของเราให้ดี ให้ง่ายและอย่างเป็นธรรมดา

แล้วภาพที่เห็นจะขยายตามตรรกะที่ควรเป็น.

มีสติ สมาธิ จึงเกิดปัญญา, การที่มีปัญหาไม่ใช่ให้เราต้องสะกดให้เราเย็น (นั่นคือการกด)
เราสามารถร้อนได้ให้รู้ว่าร้อน ร้อนอย่างมีสติ ร้อนอย่างมีสมาธิในการแก้ปัญหา
และหาเหตุแห่งทุกข์ สำหรับผมทางแก้ของผมคือการ บริหารพอร์ต ให้ผมสบายใจที่สุด

สำหรับชีวิตการลงทุนอันสั้นของผม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การบริหารพอร์ตอย่างมีสติ

ได้เวลาทบทวนการลงทุนของตัวเอง เราให้ MOS ที่เท่าไร growth rate & forward PE แล้วเราจะไม่หวั่นไหวกับอารมณ์นายตลาด

ผมว่า มันมองได้เป็น 2 แบบ คนละอารมณ์นะครับ

อันแรก หุ้นที่เราถือ เราประเมินมูลค่าได้ ที่ราคานี้ มี MOS เกิน 20%++ เคสนี้ ตกไปไม่กลัวครับ ดูพื้นฐาน เน้นที่ตัวกิจการ

อันที่สอง หุ้นที่เราถือ ที่ราคานี้มันวิ่งมาเกินมูลค่าไปแล้ว คำนวณแล้ว พรีเมี่ยมเกือบ 20% นั่งดูนอนดูตะแคงดูยังไง ก็เกินมูลค่า แต่ก็ยังอยากถือเพราะเป็นกิจการที่ดีมากๆ
แข็งแกร่งและเติบโตตลอด
แล้วสมมติตลาดมันลง 10% แต่หุ้นตัวที่ว่านี่ ยังไม่ลงหรือยังลงไปไม่เยอะ.... ผมว่าจังหวะนี้แหละครับ ที่ทำใจยาก และ ลังเลมากว่าจะขายดี ไม่ขายดี

(สรุป ก็ยังถือหุ้นเต็มพอร์ตอยุ่เลยครับ )

หุ้นตกก็เก็บ
เอาไปขายคืนคนที่เค้าทำตก
(เลือกไอ้ที่ตกแล้วไม่แตก)

ขอขุดมาอ่านอีกกระทู้ครับ