Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

dr1 เขียน:หูย...
มากันตรึมไปเลย อาจารย์มือเก๋าๆทั้งนั้น

อร่อยมากครับ กระทู้กระตุ้นต่อมอภิปราย
เอาอีก เอาอีก

คำถามนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ คุณ Blueplanet ถาม

คงไม่มี ผู้เยี่ยมยุทธ์ มาตอบกันตรึมขนาดนี้ครับ

ก็ถือว่าเป็นผู้สร้างสีสัน และกระตุ้นต่อมอยากตอบของเหล่ายอดฝีมือได้จริง ๆ ครับ

สรุปแล้วคิดว่าbuffetปล่อยหมดจริงหรอ

ผมไม่พูดถึงที่มาของเงินลงทุนนะครับ

เอาแค่หลักการลงทุนของบัฟเฟท์ที่ทุกคนก็รู้เหมือนๆกัน
ถ้าคนที่นำหลักการไปใช้แล้วไม่ประสบความสำเร็จ เลยสรุปว่า..
หลักการผิด บัฟเฟท์บอกความจริงไม่หมด
อย่างนั้นคนที่นำหลักการไปใช้แล้วประสบความสำเร็จละครับ?
จะให้เขาเห็นด้วยกับความเชื่อของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จได้ยังไง?

สรุปในความเห็นส่วนตัวนะครับ
หลักการไม่ได้ผิด และไม่มีอะไรซ่อนเร้น
ปัญหามีแค่ว่า คนที่เอาไปใช้
..ใช้เป็นหรือใช้ไม่เป็น...
ปัญหาก็มีแค่นี้ละครับผม

ผมว่า เราเอาหลักการลงทุน ที่ถูกต้องมาประยุกต์ ใช้กับเราจะดีกว่านะคับ
แต่ในรายละเอียดปลีกย่อย ก็ต้องประยุกต์เอาเองแล้วแต่ตัวจะถนัด
ขนาด ดร นิเวศน์ ท่านบอกเสมอว่าถ้าไม่มีความรุ้อย่าใช้ มาร์จิน แต่ท่านมีความรุ้ท่านใช้มาร์จิน

ผมว่า เราเอาหลักการลงทุน ที่ถูกต้องมาประยุกต์ ใช้กับเราจะดีกว่านะคับ
แต่ในรายละเอียดปลีกย่อย ก็ต้องประยุกต์เอาเองแล้วแต่ตัวจะถนัด
ขนาด ดร นิเวศน์ ท่านบอกเสมอว่าถ้าไม่มีความรุ้อย่าใช้ มาร์จิน แต่ท่านมีความรุ้ท่านใช้มาร์จิน

แม้แหล่งที่มาของเงินของเราจะไม่ได้มาจากเงินคนอืน(บริษัทประกัน)เหมือนเขา
แต่ถ้าถือหุ้นดี(ดีจริงๆไม่ใช่คิดว่าดี) ที่ราคาส่วนลด โอกาสตายยากครับอย่างน้อยก็มีปันผลกิน

เพิ่งหยิบหนังสือของ buffett มาปัดฝุ่นอ่านอีกรอบ ( the essential buffett) เพื่อทบทวนแนวทางการลงทุนของตัวเอง

ในหนังสือบอกว่า การลงทุนของปู่ buffett นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เกิดจากการสังเคราะห์เอาด้านดีของคน 3 คนมารวมกันคือ
1. Ben graham เรื่อง margin of safety และการทำกำไรเมื่อตลาดแตกตื่นโดยไร้เหตผล
2. Philip fisher เรื่องการวิเคราะห์ธุรกิจในเชิงคุณภาพ อุตสาหกรรม และการลงทุนแบบโฟกัส
3. Charlie munger ความฉลาดรอบรู้หลายด้าน ,การยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นในราคายุติธรรมสำหรับบริษัทที่มีคุณภาพสูง, จิตวิทยาของการตัดสินใจที่ผิดพลาด

ซึ่งความสามารถที่ดีที่สุดของปู่ ก็คือการเอาข้อดีของแต่ละคนมาประยุกต์ใช้ ซึ่งพอรวมกันแล้วเลยเป็นส่วนผสมที่สุดยอด

ส่วนตัวเลยคิดว่า เราน่าจะรับเอาแนวทาง buffett ซึ่งผ่านการพิสูจน์มายาวนานว่าได้ผลดีมาก แต่มาปรับให้เข้ากับจริตการลงทุนของเรา และสภาพตลาดบ้านเรา ซึ่งหลักการของ buffett ใครๆก็หาหนังสือมาอ่านได้ แต่ฝีมือในการเอามาประยุกต์ใช้อาจจะสำคัญกว่า ใครประยุกต์ได้เก่ง ก็จะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าคนอื่น เหมือนที่ buffett ทำได้ดีกว่าทั้ง เกรแฮม ฟิสเชอร์ มังเจอร์

ผมเป็น VI แบบ อ.นิเวศน์ครับซึ่งเป็นภาพสะท้อนจากบัฟเฟ็ดครับ
"มั่นใจหรือว่าตามบัฟเฟ็ตแล้วจะมาถูกทาง" ผมดูจาก อ.นิเวศน์อีกนั่นแหละว่าถูกทางหรือไม่ ซึ่งก็น่าจะถูกทางเพราะมีผู้สำเร็จตามมาอีกมากมายจนเป็น ThaiVI นี่แหละครับ
เข้าใจบัฟเฟ็ตหรือไม่ผมก็ไม่สนใจผมแค่พยายามเข้าใจแนวทางของ อ.นิเวศน์ก็พอครับ

อ้างอิงจาก หนังสือ 85 idea ของพี่โจ๊ก นะครับ

บัฟเฟตต์ ใช้ทฤษฎี Mr.market , Margin of safety
อีกปัจจัยหนึ่งผมไม่แน่ใจว่า จะเป็น intrinsic value หรือไม่นะครับ
(จำไม่ได้จริงๆ และไม่ได้หยิบหนังสือมาครับ ><)
Mr.market เปลี่ยนอารมณ์ครับ

หลายครั้งเราไม่สามารถทราบได้จริงๆว่า Mr.Buffett คิดอย่างไร
แต่การลงทุนของเค้า จุดประกายการลงทุนดีๆ ให้กับหลายๆท่านครับ

เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเราครับ

noooon010 เขียน: Mr.market เปลี่ยนอารมณ์ครับ

ข้อความหายหมดเลย ขอโทษทีนะครับ

ผมพิมพ์ว่า

เราไม่ควรเปลี่ยน strategy การลงทุนของเรา ทุกครั้งที่ Mr.Market เปลี่ยนอารมณ์ ครับ

การไม่แน่ใจ การลังเล เกิดขึ้นได้เสมอ
เราควรคิดหา วิธีการ ที่จะ deal กับความลังเล และรวมถึงความมั่นใจที่อาจมากเกินไป

นิยามนี้มันเป็น subjective ครับ
การลงทุน จึงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง

คนที่ลงทุนมาด้วยกัน จึงลงทุนต่างกันครับ

จุดประกายดีครับ

ได้ความเห็นจากหลากหลายทาง

การพัฒนาบางทีมาจากคำถามแปลกๆนี่แหละครับ

ตามที่ผมเข้าใจแบบสรุปรวบยอด คือ ถูกแล้ว / ลุงใช้ LBO โดยมี cost of capital ต่ำและยาวมาก (ชนิดที่ fund manager ทั่วไปทำไม่ได้) และซื้อกิจการที่สุดยอด หรือ ข้อตกลงพิเศษ เช่นเดียวกับที่ทำกับ GS