หน้า 2 จากทั้งหมด 2

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 12:13 pm
โดย luangrit
ayethebing เขียน:ก็จริงอยู่ว่าคิดแต่ PE มันหยาบและอาจจะมอง growth ผิดพลาดได้

แต่อย่างที่ตั้งเป็นโจทย์ไว้ ถ้าต้องจ่าย 40 บาทเพื่อซื้อกำไรบาทเดียว มัน make sense ขนาดไหน (ผมจำได้ว่า CPN มันมี PE เยอะๆ อยู่ปีเดียวคือปีที่เซ็นทรัลเวิรลด์ โดนเผา ที่เหลือก็ประมาณ 10-15 เท่านะครับ) ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีกำไรพิเศษ PE ก็เป็นอะไรที่แสดงได้ถึงความถูกแพงระดับนึงนะครับ

ถ้าใช้ PEG น่าจะสมเหตุสมผลกว่านะครับ

บางตัวจ่าย 40 บาท แล้วได้กำไรบาทเดียวก็จริง
แต่ตอนที่เราซื้อ เราก็ไม่ได้มองที่กำไรปัจจุบันนี่ครับ

เรามองถึงการเติบโตในอนาคต 3 ปี 5 ปี มากกว่า

คือหุ้นบางตัวคุณภาพมันดีมากๆ และก็ไม่เคยถูก
บางครั้งเราอยากให้ราคามันตกลงมามากๆ แต่ก็ไม่เคยเป็นอย่างนั้น
เพราะตลาดเค้าก็รับรู้สิ่งเดียวกับเราว่า หุ้นตัวนี้มันมีคุณภาพชั้นหนึ่ง

บางทีอาจต้องกัดฟันยอมจ่ายค่า Premium ให้มันบ้าง
(สำหรับผม PEG ต้องไม่ควรเกิน 1 หรืออาจจะเกินได้ ถ้าหุ้นตัวนั้นมีการเติบโตอย่างชัดเจนจริงๆ)

ผมเคยพลาดในหลายๆกรณีครับ
ติดกับดักกับค่าความถูกแพง โดยใช้ PE ประเมินมาก็มาก

ผลสุดท้ายหุ้นที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ก็คือหุ้น Growth ที่ตอนซื้อนั้น ราคามันไม่ได้ถูกเลย เมื่อเทียบกับกำไรในตอนนั้น

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 12:16 pm
โดย Jeng
luangrit เขียน:
ayethebing เขียน:ก็จริงอยู่ว่าคิดแต่ PE มันหยาบและอาจจะมอง growth ผิดพลาดได้

แต่อย่างที่ตั้งเป็นโจทย์ไว้ ถ้าต้องจ่าย 40 บาทเพื่อซื้อกำไรบาทเดียว มัน make sense ขนาดไหน (ผมจำได้ว่า CPN มันมี PE เยอะๆ อยู่ปีเดียวคือปีที่เซ็นทรัลเวิรลด์ โดนเผา ที่เหลือก็ประมาณ 10-15 เท่านะครับ) ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีกำไรพิเศษ PE ก็เป็นอะไรที่แสดงได้ถึงความถูกแพงระดับนึงนะครับ

ถ้าใช้ PEG น่าจะสมเหตุสมผลกว่านะครับ

บางตัวจ่าย 40 บาท แล้วได้กำไรบาทเดียวก็จริง
แต่ตอนที่เราซื้อ เราก็ไม่ได้มองที่กำไรปัจจุบันนี่ครับ

เรามองถึงการเติบโตในอนาคต 3 ปี 5 ปี มากกว่า

คือหุ้นบางตัวคุณภาพมันดีมากๆ และก็ไม่เคยถูก
บางครั้งเราอยากให้ราคามันตกลงมามากๆ แต่ก็ไม่เคยเป็นอย่างนั้น
เพราะตลาดเค้าก็รับรู้สิ่งเดียวกับเราว่า หุ้นตัวนี้มันมีคุณภาพชั้นหนึ่ง

บางทีอาจต้องกัดฟันยอมจ่ายค่า Premium ให้มันบ้าง
(สำหรับผม PEG ต้องไม่ควรเกิน 1 หรืออาจจะเกินได้ ถ้าหุ้นตัวนั้นมีการเติบโตอย่างชัดเจนจริงๆ)

ผมเคยพลาดในหลายๆกรณีครับ
ติดกับดักกับค่าความถูกแพง โดยใช้ PE ประเมินมาก็มาก

ผลสุดท้ายหุ้นที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ก็คือหุ้น Growth ที่ตอนซื้อนั้น ราคามันไม่ได้ถูกเลย เมื่อเทียบกับกำไรในตอนนั้น
แล้วเราจะให้ peg อย่างไร ในเมื่อตอนนี้มีผสม ลดภาษี เข้าไปใน g ด้วย

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 1:16 pm
โดย luangrit
Jeng เขียน:
luangrit เขียน:
ayethebing เขียน:ก็จริงอยู่ว่าคิดแต่ PE มันหยาบและอาจจะมอง growth ผิดพลาดได้

แต่อย่างที่ตั้งเป็นโจทย์ไว้ ถ้าต้องจ่าย 40 บาทเพื่อซื้อกำไรบาทเดียว มัน make sense ขนาดไหน (ผมจำได้ว่า CPN มันมี PE เยอะๆ อยู่ปีเดียวคือปีที่เซ็นทรัลเวิรลด์ โดนเผา ที่เหลือก็ประมาณ 10-15 เท่านะครับ) ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีกำไรพิเศษ PE ก็เป็นอะไรที่แสดงได้ถึงความถูกแพงระดับนึงนะครับ

ถ้าใช้ PEG น่าจะสมเหตุสมผลกว่านะครับ

บางตัวจ่าย 40 บาท แล้วได้กำไรบาทเดียวก็จริง
แต่ตอนที่เราซื้อ เราก็ไม่ได้มองที่กำไรปัจจุบันนี่ครับ

เรามองถึงการเติบโตในอนาคต 3 ปี 5 ปี มากกว่า

คือหุ้นบางตัวคุณภาพมันดีมากๆ และก็ไม่เคยถูก
บางครั้งเราอยากให้ราคามันตกลงมามากๆ แต่ก็ไม่เคยเป็นอย่างนั้น
เพราะตลาดเค้าก็รับรู้สิ่งเดียวกับเราว่า หุ้นตัวนี้มันมีคุณภาพชั้นหนึ่ง

บางทีอาจต้องกัดฟันยอมจ่ายค่า Premium ให้มันบ้าง
(สำหรับผม PEG ต้องไม่ควรเกิน 1 หรืออาจจะเกินได้ ถ้าหุ้นตัวนั้นมีการเติบโตอย่างชัดเจนจริงๆ)

ผมเคยพลาดในหลายๆกรณีครับ
ติดกับดักกับค่าความถูกแพง โดยใช้ PE ประเมินมาก็มาก

ผลสุดท้ายหุ้นที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ก็คือหุ้น Growth ที่ตอนซื้อนั้น ราคามันไม่ได้ถูกเลย เมื่อเทียบกับกำไรในตอนนั้น
แล้วเราจะให้ peg อย่างไร ในเมื่อตอนนี้มีผสม ลดภาษี เข้าไปใน g ด้วย
เรียนพี่ Jeng

ผมก็ให้ค่ามันราวกับว่ามันเป็นกำไรพิเศษตัวหนึ่ง
ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

ใช่ครับหลังจากปี 57 กำไรมันก็กลับมาสู่ภาวะปกติ
แต่หากตัวบริษัทยังมีการขยายตัว ขยายสาขา กินส่วนแบ่งได้มากขึ้น
ผมก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนักครับ
แม้ว่าปี 57 กำไรมันจะเหมือนกับว่า เราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

แต่ทุกๆบริษัทก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน
คู่แข่งเราก็เช่นกัน

ดังนั้นผมเองก็จะมองข้ามกำไรพิเศษในช่วงปีสองปีนี้
แล้วไปให้น้ำหนักกับการเติบโตของตัวกิจการจริงๆมากกว่าครับ

ส่วนเรื่อง G ในค่า PEG ก็ให้น้ำหนักในเรื่องของการ Growth ของรายได้ครับ
เพราะมัน Concern กับการขยายตัวของกิจการจริงๆ

ผิดถูกอย่างไรก็ขอให้พี่ Jeng ช่วยชี้แนะ
เพื่อเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:02 pm
โดย peacedev
Jeng เขียน:คือว่า ผมคิดอย่างนี้นะ แย้งได้นะ อย่าไปกดลบ กดบวกเลย ทำแบบนั้น ผมไม่ฉลาดขึ้น

คือสรุป ผมคิดว่า ปีนี้ภาษีลด 30 เหลือ 23 ภาพรวมคือจะมีกำไรโตขึ้น 10 %

และปีหน้า ภาษีลดจาก 23 เหลือ 20 กำไรก็จะโตขึ้น 3.89 %

และบางบริษัทก็มี growth ของตัวเองอยู่แล้ว ผสม growth ของ ภาษีเข้าไป

ซึ่ง ซึ่ง เป็นเรื่อง ถาวรแบบชั่วคราว เพราะในปี 2557 ไม่มีการลดภาษีอีก

อย่างไรก็ตาม บางบริษัท ก็สามารถขึ้นราคาได้อีก อันนี้ผสม growth จาก การปรับราคาขายไปอีก

ผลคือ ปีนี้ growth ของกำไร โดยรวมก็จะโตขึ้นมาก

คือเจ้า peg นี่จะโตขึ้นมาก ตลาดบูมอีก

ทะลุ 1300 หลายคนก็กลัว หลายคนก็ขายหมู และไม่รู้จาซื้ออะไร

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า หุ้นก็ไปต่อแหละ เพราะ growth ทั้งสามตัวดังกล่าว

และปีหน้า ยังมี growth อีก

แต่น่าจะระวังปี 2557

หากฟองจะแตก ก็คงจะแตกปลายๆปี 2556 นั่นแหละ

เดาเล่นๆหนุกดี ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องอนาคต

แต่อยากจะฝากไว้ว่า growth ที่เราเห็นๆนั้น เกิดจาก ภาษี และการปรับราคา เพราะค่าแรงปรับ เป็น

300 บาทด้วย

โชคดีกับการลงทุนครับ
Jeng เขียน:แต่ก็เสียวๆจะมี technical correction

บอร์ด การลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่มีทั้งทำนายตลาด ทั้ง technical correction เลยนะเนี่ย

สงสัยผมจะตกยุคไปละ

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:17 pm
โดย Jeng
peacedev เขียน:
Jeng เขียน:คือว่า ผมคิดอย่างนี้นะ แย้งได้นะ อย่าไปกดลบ กดบวกเลย ทำแบบนั้น ผมไม่ฉลาดขึ้น

คือสรุป ผมคิดว่า ปีนี้ภาษีลด 30 เหลือ 23 ภาพรวมคือจะมีกำไรโตขึ้น 10 %

และปีหน้า ภาษีลดจาก 23 เหลือ 20 กำไรก็จะโตขึ้น 3.89 %

และบางบริษัทก็มี growth ของตัวเองอยู่แล้ว ผสม growth ของ ภาษีเข้าไป

ซึ่ง ซึ่ง เป็นเรื่อง ถาวรแบบชั่วคราว เพราะในปี 2557 ไม่มีการลดภาษีอีก

อย่างไรก็ตาม บางบริษัท ก็สามารถขึ้นราคาได้อีก อันนี้ผสม growth จาก การปรับราคาขายไปอีก

ผลคือ ปีนี้ growth ของกำไร โดยรวมก็จะโตขึ้นมาก

คือเจ้า peg นี่จะโตขึ้นมาก ตลาดบูมอีก

ทะลุ 1300 หลายคนก็กลัว หลายคนก็ขายหมู และไม่รู้จาซื้ออะไร

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า หุ้นก็ไปต่อแหละ เพราะ growth ทั้งสามตัวดังกล่าว

และปีหน้า ยังมี growth อีก

แต่น่าจะระวังปี 2557

หากฟองจะแตก ก็คงจะแตกปลายๆปี 2556 นั่นแหละ

เดาเล่นๆหนุกดี ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องอนาคต

แต่อยากจะฝากไว้ว่า growth ที่เราเห็นๆนั้น เกิดจาก ภาษี และการปรับราคา เพราะค่าแรงปรับ เป็น

300 บาทด้วย

โชคดีกับการลงทุนครับ
Jeng เขียน:แต่ก็เสียวๆจะมี technical correction

บอร์ด การลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่มีทั้งทำนายตลาด ทั้ง technical correction เลยนะเนี่ย

สงสัยผมจะตกยุคไปละ
มีปัญหาอะไรหรือ

ทำไมชอบแซวบอร์ด ไม่ชอบที่นี่ก็ไปที่อื่นได้นี่ครับ

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:21 pm
โดย Jeng
4 สถานการณ์ ที่เป็นโอกาสซื้อ 1 ในนั้นคือ technical correction

แปลกใจจริง ทำไมชอบมาถล่มบอร์ด

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:22 pm
โดย peacedev
โอ เจ้าของสถานที่มาไล่ แล้ว
ผมคงต้องไปสินะ


ปล. ผมไม่ได้แซว ผมพูดถึง "Fact" :\/:

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:23 pm
โดย Jeng
จากหนังสือ The New buffetology

1.ซื้อตอนเศรษฐกิจตกต่ำ
2.ซื้อตอนอุตสาหกรรมนั้นๆมีปัญหา เลือกซื้อตัวที่แข็งแกร่งที่สุด
3.ซื้อตอนบริษัทมีปัญหา ชั่วคราว แก้ได้
4.ซื้อตอน technical correction

ไม่มีอะไรแปลกที่ พูดเกี่ยวกับ technical correction

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:24 pm
โดย peacedev
Jeng เขียน:4 สถานการณ์ ที่เป็นโอกาสซื้อ 1 ในนั้นคือ technical correction

แปลกใจจริง ทำไมชอบมาถล่มบอร์ด

พี่ก็อย่าทำให้คนเขาเข้าใจผิดสิครับ
ผมเคยมาถล่มบอร์ดเมื่อไหร่กัน แซวนิดแซวหน่อยอย่างโกรธกันสิครับ

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:25 pm
โดย Jeng
peacedev เขียน:
Jeng เขียน:4 สถานการณ์ ที่เป็นโอกาสซื้อ 1 ในนั้นคือ technical correction

แปลกใจจริง ทำไมชอบมาถล่มบอร์ด

พี่ก็อย่าทำให้คนเขาเข้าใจผิดสิครับ
ผมเคยมาถล่มบอร์ดเมื่อไหร่กัน แซวนิดแซวหน่อยอย่างโกรธกันสิครับ
บอร์ดเพิ่งเริ่มต้นใหม่ เข้าใจไว้ด้วย ช่วยๆกันสร้างบ้านให้หน้าอยู่ และจะได้อยู่บ้านที่น่าอยู่

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 8:49 pm
โดย greenman
ไม่แปลกครับที่หลายคนจะมองภาพใหญ่ ผมหมายถึงภาพของตลาด :8)

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 9:55 pm
โดย ayethebing
เห็นเมื่อหลายวันก่อน นักวิแคระห์ ท่านบอกว่า set จะถึง 1300 ภายในปลายปี พอทะลุ 1300 มีมาใหม่อีกแล้ว 1496 ปลายปี เอากะเค้าดิ

ช่วงนี้ ใครเข้ามาเล่น ถ้าเล่นในสไตล์ VI ต้องเลือกอย่างระมัดระวังอย่างสุดยอดครับ แต่ถ้าเล่นสไตล์เทคนิค อย่าลืมมีวินัยกับตัวเองให้สูงๆ นะครับ (let profit run, cut loss อะไรอย่างงั้นนะ)

พี่เจ๋ง ลองอธิบาย technical correction ให้น้องๆ ฟังหน่อยก็ดีนะครับ

ใครมีหุ้น bad news เอามาแชร์กันหน่อยดิ เพื่อเป็นโอกาสลงทุนของพวก selective contrarian อย่างพวกเรา :wink:

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:05 pm
โดย ayethebing
untrataro25 เขียน:
ayethebing เขียน: เรื่องนโยบายพวกปีแรกทั้งหลาย ปีหน้าพอหมด ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมครับ ผมว่าจะแย่ลงด้วยซ้ำ เช่นบริษัทรถ เคยต้องขยายกำลังผลิตเพราะนโยบายรถคันแรก พอหมดนโยบาย ยอดขายตก กำลังผลิตเหลือก็เงินจมอีก ช่วงนี้เศรษฐกิจผมมองลบมากกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมาเลย
เรื่องขยายกำลังผลิตเพราะรถคันแรกนี่ขอแย้งนิดนึงครับ ยอดผลิตภายในประเทศลดลง แต่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องครับ ส่งออกของไทยส่งไปที่ยุโรปไม่ถึง 10% ครับ ส่วนใหญ่ขายในเอเชีย บริษัทยานยนต์ต่างๆลงทุนกันเป็นหลายร้อย หลายพันล้าน เค้าคงคิดทบทวนมาเป็นอย่างดีพอสมควรแล้วกระมั้ง ใครจะไปนัดกันขยายกำลังผลิตทั้งกลุ่ม ลงเครื่องจักรหลายร้อยพันล้าน แต่ไม่มีงานรองรับ ยานยนต์มีรอบของมันครับ เวลารอบมันมาแต่ละรอบ ระยะเวลากี่ปีไม่มีใครรู้ครับ :P
แหะ ๆ คงจริงอย่างที่คุณ untrataro25 บอก ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ตลาดรถหรอกครับ ขออภัยที่ แสดงความคิดส่วนตัวออกมาจนอาจจะเหมือน fact ความเห็นส่วนตัวของผมนะไม่ห่วงพวก OEM อย่าง โตโยต้า GM หร้อก ลงทุนเยอะๆ สิดี เราจะได้เงินมาเก็บไว้ในไทย (ซึ่งเค้ามีหลักการที่แม่นยำและมองอนาคตได้ดี อย่างที่คุณ untrataro25 ว่า) ที่ผมห่วงคือพวกอุตสาหกรรมที่เป็นชิ้นส่วนอะดิ SME ก็เยอะ กลัวว่าจะคิดไม่รอบคอบเหมือนกับเจ้าใหญ่ๆ เค้า

จริงๆ ที่ตั้งใจจะสื่อคือนโยบายประชานิยมของรัฐบาลส่วนใหญ่ได้ผลระยะสั้น เหมือนเร่งเครื่องออกตัวให้ดังเข้าไว้ แต่ระยะยาวเศรษฐกิจจะไม่ดี (ตามความเห็นส่วนตัวเช่นกัน) ครับ

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:09 pm
โดย Jeng
ก็เห็นอยู่เป็นประจำครับ technical correction อยู่ดีๆ ไม่มีเหตุผลอะไร หุ้นตก 3 วัน 100 จุด

บางคนพอร์ทเขียวๆ ก็กลายเป็นแดงเถือก

คนที่ลงทุนมานาน ก็เคยชิน มีวิธีแก้กันหมด เช่น

vi ที่ถือยาว หุ้นตก ก็ไม่สนใจ ดูกิจการอย่างเดียว ขอให้ยอดขายเพิ่ม กำไรเพิ่ม

หุ้นยิ่งตก ก็จะหาเงินมาซื้อ

ส่วน vi ที่ไม่ได้ถือยาว บางคนก็ขายออกมาก่อน เพราะไม่อยากกลับไปขาดทุน

(อย่าถกเถียงกันเลยนะ ว่า vi ต้องถือยาว วอเรน บัพเฟต ซื้อขายตลอด ไม่เห็นมีใครไปว่า แกไม่ใช่ vi)

คนที่ถือก็รับความเสี่ยง ว่าพอร์ทจะแดง แต่มีโอกาสซื้อเพิ่ม

คนที่ขายไปก่อน ก็รับความเสี่ยงว่าจะขายหมู หากหุ้นที่ตัวเองขาย ไม่ลง

อย่างไรก็ตาม ฝากให้มือใหม่รับทราบ ว่าหุ้นมีโอกาส technical correction คือลงเพราะขึ้นมาเยอะ

หรือจะเรียกว่าปรับฐานก็ได้ ส่วนข่าว ก็จะมาเขียนตามหลัง ว่าปัญหา หนี้ยุโรป ไม่จบ

ทำให้ ดัชนีปรับตัวลดลง อะไรก็ว่ากันไป

ซึ่ง จริงๆไม่เกี่ยว เรื่องที่ชัดเจนที่สุดคือ หุ้นขึ้นมาเยอะ ก็ต้องปรับลงบ้าง

หุ้นที่ลงเยอะๆ ก็ต้องขึ้นครับ

พี่เข้าใจแบบนี้ครับ คุณ eyethebing

เพราะฉะนั้น มือใหม่ พี่ว่ายังไม่ควรรีบซื้อ ควรเลือกกิจการที่ดี และคำนวณราคาซื้อไว้หลายๆตัว

ตัวไหนลงมา ต้องกล้าซื้อ เมื่อซื้อแล้ว ต้องกล้าถือ เพราะซื้อตอนลงมาแล้ว

ถ้าหุ้นไม่ technical correction แล้วยังวิ่งขึ้นสถานเดียว ก็ไม่ต้องห่วง

สุดท้าย มันก็ต้อง technical correction อยู่ดี

วิ่งขึ้นอย่างเดียว ไม่เคยเจอ

Re: growth หลอกๆ แต่โตจริงๆ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2012 10:17 pm
โดย Jeng
เพิ่มเติมเล็กน้อย ต้องดูหุ้นเป็นตัวๆด้วยนะครับ

เช่นหุ้น abc เราซื้อมา 20 คำนวณราคาควรจะเป็น 100 ในอีกกี่ปีว่าไป

ณ เวลานี้ ราคาหุ้นขึ้นมา 40 และยังมีโอกาสขึ้นต่อ เพราะ 1 2 3

แบบนี้ ต่อให้ ดัชนีลง 100 จุด ถ้าเราแม่นยำจริง ก็ไม่ต้องกลัวนะครับ

สมัยก่อน ตอนตลาดแดงจัด snc เคยติด top gain อันดับหนึ่งเลย