Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขอบคุณครับ และได้เช็คกับ scb แล้ว เป็นจริงดังที่คุณบอกมา งั้นก็ต้องหนีไปซื้อ SCBLT1 แทน เพราะลงทุน 70% เท่านั้น ผมเกรงว่า ดัชนีปีหน้าจะแย่น่าจะต่ำกว่าปีนี้ เป็นแน่

^^ ลุงขวดครับ ผมถือ LTF ของ SCB มา 3 ปีแล้ว รู้สึกว่าผลตอบแทนไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเทียบกับรายอื่นๆนะครับ ลุงขวดลองเปรียบเทียบดูนะครับ ส่วนตัวผมไม่ค่อยกล้าแนะนำใครว่ารายไหนดี แต่ที่ผมเห็นล่าสุด LTF ที่เด่นๆจะเป็น AYF, Aberdeen, Thanachart อะไรประมาณนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะยังดีอยู่หรือเปล่า

ส่วนตัวซื้อ LTF เต็ม 5 แสนทุกปี แต่ไม่ได้พิถีพิถันในการเลือกเท่าไหร่ ปีนี้จะดูละเอียดจริงจังแล้วละครับ

อ้อ แล้วอย่าลืม RMF กันนะครับ ทางเลือกมากกว่า LFT เยอะเลย

ซื้อ LTF ในปีที่หุ้นสูง ก็พอๆ กับซื้อหุ้นตอนราคาสูงป่าวครับ

ที่บอกว่า 3 ปี หรือ 5 ปี เอามาหมุนใหม่ สมมติฐานภาษี 20% ซื้อ LTF แล้วได้ 20% ทันที แต่ถ้าราคาตอนซื้อกับผ่านไป 3 ปี(ขายได้) มันขาดทุนไป 50% ล่ะครับ

...เพราะคิดงี้เลยไม่ได้ซื้อซะที

แหะๆ

Fuji เขียน:ซื้อ LTF ในปีที่หุ้นสูง ก็พอๆ กับซื้อหุ้นตอนราคาสูงป่าวครับ

ที่บอกว่า 3 ปี หรือ 5 ปี เอามาหมุนใหม่ สมมติฐานภาษี 20% ซื้อ LTF แล้วได้ 20% ทันที แต่ถ้าราคาตอนซื้อกับผ่านไป 3 ปี(ขายได้) มันขาดทุนไป 50% ล่ะครับ

...เพราะคิดงี้เลยไม่ได้ซื้อซะที

แหะๆ

ส่วนตัวนะครับ ผมมองว่าดัชนี สูงไปมั้ย หรือต่ำไปมั้ย คงยากที่จะมีใครคาดเดาได้ เพราะถ้าเดาได้ ผมว่าคนนั้นรวยได้มากกว่า Warren เป็น 10 เท่าแน่ ^^! (หยั่งรู้ฟ้าดิน) .. ผมใช้มุมมองแบบนี้ครับ ถ้าการลงทุนแนว VI คือลงทุนในบริษัทที่มั่นใจ และอยู่กับบริษัทนั้นตราบนานเท่าที่มันยังดีอยู่ การลงทุนใน LTF (หรือกองทุน SET อื่นๆ) ก็เหมือนกับการลงทุนบริษัทที่ชื่อว่า "ประเทศไท" จำกัด (มหาชน) ซึ่งผู้ลงทุนแนว VI มักเชื่อกันว่าราคาสุดท้ายแล้วจะวิ่งเข้าหาคุณภาพของบริษัท ฉะนั้น .. ผมยังมีความเชื่อในตัวประเทศไทจำกัด คือ

1) มีความตั้งใจจะอยู่กับบริษัทนี้ไปจนตาย และคงไม่ลาออกจากบริษัทนี้ไปอยู่บริษัทอื่น
2) เนื่องด้วยเชื่อในตัวบริษัท มูลค่าทรัพย์สินต่างๆก็ยังคงเก็บไว้ในรูปการตรามูลค่าของบริษัทเช่นกัน (ค่าเงินบาท)
3) หากเมื่อไหร่ไม่เชื่อในบริษัทนี้จริงๆ ผมคิดว่าควรลาออกไปลงทุนกับบริษัทอื่นอย่างจริงจัง ถ้ายังคงถือทรัพย์สินในรูปการตรามูลค่าของบริษัทนี้อยู่ อย่างไรก็คงนี้ไม่พ้นภาวะคุณภาพของบริษัทนี้

อย่างที่กล่าวว่าแค่เป็นอีกแง่มุม/หลักการคิดนึงในการลงทุนกองทุน SET (LTF/RMF) นะครับ การพิจารณาด้วยความเชื่อของตัวเองย่อมดีที่สุด และทำให้เราเสียศูนย์น้อยที่สุดครับ ^^

ลุงขวด เขียน:ผมก็ยังไม่ได้ซื้อ LTF ให้ตนเอง และ ให้ ลูก 2 คน ผมรอดัชนีให้ลดไปแถว 1260 จึงตัดสินใจ....เพื่อน ๆ คิดว่า ดัชนี 1260 ยังสูงไปหรือไม่ ถ้าคิดว่าสูงไปผมก็จะไปซื้อ LTF ของ SCB ซื้อตัว SCBLTS ... ถ้าคิดว่า ดัชนี 1260 พอรับได้ก็จะตัดสินใจซื้อ SCBLT3 ครับ ผมซื้อ SCB เพราะซื้อใน easy net คือใน internet ไม่ต้องไปธนาคาร ทำง่าย ๆ ดี แถมใช้ซื้อด้วยบัตร credit นั่นคือ ไม่ต้องหักเงินในวันที่ซื้อ ได้ credit ไปอีก.....ที่ซื้อมาหลายปีแล้ว ทุกตัวก็ให้กำไรดีพอควร แถมได้แต้มในบัตรด้วย ไว้แลกของที่เขาจะให้ครับ คำถามจึงว่า ดัชนี 1260 จะสูงหรือไม่ในปีนี้นะครับ

เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะซื้อขายสะดวกคล้าย ๆ กันครับ หลายบลจ.ซื้อผ่าน ATM ผ่านธนาคารอื่น ๆ ผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ ตัดบัญชีธ.อื่นทาง ATM หรืออินเตอร์เน็ตก็ยังได้ เพียงแต่เสียเวลาตอนสมัครหน่อยครับ สำหรับผมไม่อยากมองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องหลักครับ

kraikria เขียน:^^ ลุงขวดครับ ผมถือ LTF ของ SCB มา 3 ปีแล้ว รู้สึกว่าผลตอบแทนไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเทียบกับรายอื่นๆนะครับ ลุงขวดลองเปรียบเทียบดูนะครับ ส่วนตัวผมไม่ค่อยกล้าแนะนำใครว่ารายไหนดี แต่ที่ผมเห็นล่าสุด LTF ที่เด่นๆจะเป็น AYF, Aberdeen, Thanachart อะไรประมาณนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะยังดีอยู่หรือเปล่า

ส่วนตัวซื้อ LTF เต็ม 5 แสนทุกปี แต่ไม่ได้พิถีพิถันในการเลือกเท่าไหร่ ปีนี้จะดูละเอียดจริงจังแล้วละครับ

อ้อ แล้วอย่าลืม RMF กันนะครับ ทางเลือกมากกว่า LFT เยอะเลย

ผมเห็นด้วยครับว่าการซื้อ LTF ก็ควรดูด้วยครับ เดิมทีผมเคยซื้อของบลจ.หนึ่ง ที่เคยติดอันดับผลตอบแทนสูง ซื้อแล้วก็ไม่ได้ดู ผ่านไปหลายปีก็รู้สึกว่ากำไรดีเพราะซื้อตอนปลายปี 51 แต่พอมาดูเทียบกับกองอื่นผลตอบแทนมันต่างกันมากครับ

ยิ่งตอนหลังลงไปเจาะดูรายกอง จะเห็นเนื้อแท้ได้เลยว่าทำไมบางกองมันถึงห่วย บางกองถึงดีมาก บางทีผมก็ซื้อ LTF โดยคิดว่าผมลงทุนผ่านหุ้นบางตัวทางอ้อมครับ

ยกตัวอย่างเมื่อปีก่อน เท่าที่เคยเข้าไปเจาะดูกองที่ได้ผลตอบแทนสูง ๆ เกิดจากการถือหุ้นสื่อสารบางตัวในสัดส่วนที่สูง บางกองก็เป็นหุ้นค้าปลีก

ส่วนกองที่บริหารได้ไม่ดี บางทีก็ไปซื้อหุ้นกระจัดกระจาย แถมยังเป็นตัวที่ผลตอบแทนไม่ดี เช่นพวกหุ้นโภคภัณฑ์

ไม่ขอลงว่าเป็นบลจ.ไหนนะครับ แต่อยากจะบอกว่าการซื้อ LTF ต้องดูให้ละเอียดครับ เพราะเวลาเค้าเรียงลำดับผลตอบแทนนี่ มันต่างกันเป็นสิบ% ครับ

อีกประเด็นหนึ่งคือเงินปันผล บางคนก็ไม่ชอบเพราะต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย แต่บางทีมันก็มีประโยชน์เพราะสามารถนำกลับมาซื้อ LTF ในปีต่อไปได้อีกเหมือนดึงเงินออกมาก่อนครบกำหนดครับ

ผมซื้อ RMF กับ LTF มาหลายปีแล้ว ผมชินกับ SCB easy net ก็เลยไม่ค่อยไปเปรียบเทียบกับของที่อื่น ซื้อทาง SCB มันง่าย และ ดูผลสรุปก็ง่ายครับ ชอบระบบของเขา ส่วนผลการดำเนินงานก็ยอมรับว่าสู้ที่อื่น ไม่ได้ ก็คงไม่หนีกันมากเท่าไหร่ ผมรักเดียวใจเดียว เลยอยู่กับเขามาตลอดเลยครับ ตอนนี้ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อ SCBLT1 กับ ตัว RMFR1 เช่นกัน รอดัชนีลงอีกหน่อยเท่านั้นเอง....... ตั้งแต่ซื้อมาตอนนี้ก็ได้กำไรทุกตัวแล้วก็พอใจแล้วครับ ปีนี้ก็อดโอกาสจะซื้อแล้วเพราะส่วนใหญ่ภาษีนิติบุคคลลดเหลือ 23% ผมเสียภาษีในอัตรา 37% สูงสุด จึงคิดว่าคงจะขอเครดิตภาษีไม่คุ้มแล้วครับ

แก้ไขใหม่นะครับ ที่บอกว่า ปีนี้ก็อดโอกาสจะซื้อแล้วเพราะฯ..... แก้ไขเป็น ปีหน้าก็อดโอกาสจะซื้อแล้ว.....คนแก่ก็แบบนี้แหละครับพิมพ์ผิดและไม่ได้อ่านก่อน submit

ขอเรียนถามผู้รู้หน่อยครับ

ผมลาออกจากงานตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรแล้ว รายได้จากเงินเดือนก็เลยมีนิดหน่อย
แต่ผมได้เงินจาก Providend Fund ซึ่งรวมของนายจ้างและดอกเบี้ย ซึ่งต้องคิดภาษีเงินได้

อยากถามว่า ส่วนเงิน Providend Fund สามารถเอาไปรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ หรือมีข้อยกเว้นไหม?

และผมยังมีรายได้จากเงินปันผลในหุ้น ไม่รู้ว่าจะรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ ? ถามมาหลายคน บอกว่าไม่ได้ ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน?

ขอบคุณครับ

Mrkwan เขียน:ขอเรียนถามผู้รู้หน่อยครับ

ผมลาออกจากงานตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรแล้ว รายได้จากเงินเดือนก็เลยมีนิดหน่อย
แต่ผมได้เงินจาก Providend Fund ซึ่งรวมของนายจ้างและดอกเบี้ย ซึ่งต้องคิดภาษีเงินได้

อยากถามว่า ส่วนเงิน Providend Fund สามารถเอาไปรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ หรือมีข้อยกเว้นไหม?

และผมยังมีรายได้จากเงินปันผลในหุ้น ไม่รู้ว่าจะรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ ? ถามมาหลายคน บอกว่าไม่ได้ ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน?

ขอบคุณครับ

ผมไม่เคยรับหรือรู้จัก provident fund เลยตอบไม่ได้นะครับ ผมอยู่กับบริษัทฯเล็ก ๆ ไม่มี provident fund ผมเกี่ยวข้อง.......ส่วนที่ถามว่า รายได้จากเงินปันผลในหุ้น อันนี้ เอามารวมเป็นรายได้แน่นอน ทำได้ครับ แถมมีการขอคืนภาษีที่ถูกหักไป 10% ได้อีก ยกเว้นพวก boi นะครับ พวกนี้ไม่มีภาษีมาเกี่ยวข้อง แต่ก็สามารถเอาเงินปันผลที่ได้รับ มาเป็นรายได้พึงประเมินได้ครับ

ขอบคุณลุงขวดมากครับ
ผมเอง ปกติก็นำเงินปันผลมาเป็นรายได้เพื่อเครดิตภาษีทุกปีอยู่แล้วครับ แต่ไม่เคยเอามาคิดเพื่อซื้อ LTF เพราะมีเพื่อนบอกว่า ทำไม่ได้ ปีก่อน ไปถามที่งาน LTF-RMF ที่ เซ็นทรัลเวิร์ล หลายคนก็บอกว่า ไม่ได้ เพราะเป็นรายได้คนละประเภท
ปีก่อนๆ ผมเลยซื้อ LTF RMF แค่ 15% ของรายได้จากการทำงานเท่านั้น
งั้นปีนี้ ผมคงซื้อ LTF โดยรวมรายได้จากเงินปันผล และน่าจะรวมส่วน Providend fund ด้วยนะครับ
ใครมีความรู้หรือข้อเสนอแนะอื่น ช่วยบอกด้วยครับ

ยื่นทาง internet ซิครับ ได้เงินไวมากเลยครับ ประมาณ 1 เดือนเศษก็ได้แล้ว ผมยื่นทาง internet ทุกปี ...และเขาก็ขอเอกสารไปตรวจสอบทุกปีเหมือนกัน......ปีนี้ได้ความรู้เพิ่มว่า ทำไมเขาจึงต้องแสดง บริษัทฯ ที่ได้รับ BOI ด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเครดิตภาษี เขาบอกว่า เอามารวมเป็นฐานเงินได้พึงประเมินเพื่อซื้อ LTF ได้มากขึ้นนั่นแหละครับ.....

ลุงขวด เขียน:ผมก็ยังไม่ได้ซื้อ LTF ให้ตนเอง และ ให้ ลูก 2 คน ผมรอดัชนีให้ลดไปแถว 1260 จึงตัดสินใจ....เพื่อน ๆ คิดว่า ดัชนี 1260 ยังสูงไปหรือไม่ ถ้าคิดว่าสูงไปผมก็จะไปซื้อ LTF ของ SCB ซื้อตัว SCBLTS ... ถ้าคิดว่า ดัชนี 1260 พอรับได้ก็จะตัดสินใจซื้อ SCBLT3 ครับ ผมซื้อ SCB เพราะซื้อใน easy net คือใน internet ไม่ต้องไปธนาคาร ทำง่าย ๆ ดี แถมใช้ซื้อด้วยบัตร credit นั่นคือ ไม่ต้องหักเงินในวันที่ซื้อ ได้ credit ไปอีก.....ที่ซื้อมาหลายปีแล้ว ทุกตัวก็ให้กำไรดีพอควร แถมได้แต้มในบัตรด้วย ไว้แลกของที่เขาจะให้ครับ คำถามจึงว่า ดัชนี 1260 จะสูงหรือไม่ในปีนี้นะครับ

ผมรอไม่ไหวแล้วครับ ซื้อไปบางส่วนแล้ว ที่ดัชนี1276.39.....วันนี้จะซื้ออีกส่วนหนึ่ง....ต้องซื้อทั้งหมด 5แสนบาท....คงทะยอยซื้อไปเรื่อย ๆ

Mrkwan เขียน:ขอเรียนถามผู้รู้หน่อยครับ

ผมลาออกจากงานตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรแล้ว รายได้จากเงินเดือนก็เลยมีนิดหน่อย
แต่ผมได้เงินจาก Providend Fund ซึ่งรวมของนายจ้างและดอกเบี้ย ซึ่งต้องคิดภาษีเงินได้

อยากถามว่า ส่วนเงิน Providend Fund สามารถเอาไปรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ หรือมีข้อยกเว้นไหม?

และผมยังมีรายได้จากเงินปันผลในหุ้น ไม่รู้ว่าจะรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ ? ถามมาหลายคน บอกว่าไม่ได้ ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน?

ขอบคุณครับ

เผอิญผมทำงานบริษัทที่มี Provident Fund เหมือนกันครับ แต่ผมยังไม่เคยลาออกมาแล้วได้เงินก่อนนี้นะ ^^! ... ในความเข้าใจของผมคิดว่าไม่น่าจะรวมเป็นรายได้แล้วครับ เพราะตอนเงินเดือนออกทุกเดือน ผมเห็นค่า Provident Fund + ส่วนของนายจ้างถูกนำมาคิดรวมเป็รรายได้ และ "หักภาษี " ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ได้เงินเดือนแล้ว ฉะนั้น ตอนที่ขาย Provident Fund ออกมาจริง ไม่น่าจะเอามาคิดเป็นรายได้ เพราะน่าจะถือว่าเป็นการคิดซ้ำซ้อนอะครับ (เพราะคิดไปแล้ว 1 รอบ)

ที่ผมไม่เห็นด้วยคือว่ามาคิด "ส่วนของนายจ้าง" ตั้งแต่วันที่เงินเดือนเราออก และหักภาษีไปล่วงหน้า แต่ตามกฎหมาย (ไม่ยืนยันนะครับ ต้องหาข้อมูลเพิ่ทเติม) คือ ถ้าเราออกจากงานก่อน 6 เดือนจะไม่ได้ "ส่วนของนายจ้าง" เลย ... คำถาม? .. แล้วเงินภาษีที่หักไปแล้วอะครับ รัฐจะคืนมั้ย

yakjabon เขียน:

Mrkwan เขียน:ขอเรียนถามผู้รู้หน่อยครับ

ผมลาออกจากงานตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรแล้ว รายได้จากเงินเดือนก็เลยมีนิดหน่อย
แต่ผมได้เงินจาก Providend Fund ซึ่งรวมของนายจ้างและดอกเบี้ย ซึ่งต้องคิดภาษีเงินได้

อยากถามว่า ส่วนเงิน Providend Fund สามารถเอาไปรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ หรือมีข้อยกเว้นไหม?

และผมยังมีรายได้จากเงินปันผลในหุ้น ไม่รู้ว่าจะรวมเป็นรายได้ เพื่อซื้อ LTF 15% ได้ไหมครับ ? ถามมาหลายคน บอกว่าไม่ได้ ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน?

ขอบคุณครับ

เผอิญผมทำงานบริษัทที่มี Provident Fund เหมือนกันครับ แต่ผมยังไม่เคยลาออกมาแล้วได้เงินก่อนนี้นะ ^^! ... ในความเข้าใจของผมคิดว่าไม่น่าจะรวมเป็นรายได้แล้วครับ เพราะตอนเงินเดือนออกทุกเดือน ผมเห็นค่า Provident Fund + ส่วนของนายจ้างถูกนำมาคิดรวมเป็รรายได้ และ "หักภาษี " ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ได้เงินเดือนแล้ว ฉะนั้น ตอนที่ขาย Provident Fund ออกมาจริง ไม่น่าจะเอามาคิดเป็นรายได้ เพราะน่าจะถือว่าเป็นการคิดซ้ำซ้อนอะครับ (เพราะคิดไปแล้ว 1 รอบ)

ที่ผมไม่เห็นด้วยคือว่ามาคิด "ส่วนของนายจ้าง" ตั้งแต่วันที่เงินเดือนเราออก และหักภาษีไปล่วงหน้า แต่ตามกฎหมาย (ไม่ยืนยันนะครับ ต้องหาข้อมูลเพิ่ทเติม) คือ ถ้าเราออกจากงานก่อน 6 เดือนจะไม่ได้ "ส่วนของนายจ้าง" เลย ... คำถาม? .. แล้วเงินภาษีที่หักไปแล้วอะครับ รัฐจะคืนมั้ย

ผมเพิ่งไปงาน Set in the city มาครับ ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่บูธของกรมสรรพากร ซึ่งยืนยันว่าได้ครับ
คือ Providend Fund ส่วนของนายจ้างที่สมทบเข้ากองทุน และผลประโยชน์ของเงินกองทุน (ทั้งส่วนของเรากับนายจ้าง) ซึ่งต้องคำนวนเป็นเงินที่จะต้องคิดเป็นรายได้ของปีนี้ (นำเงินก้อนนี้ มาลบ 7000 คูณจำนวนปีที่ทำงานกับนายจ้าง) แล้วเราสามารถซื้อ LTF RMF ได้ไม่เกิน 15%
เงินปันผลจากหุ้น ก็นำมารวมเป็นรายได้ ในการซื้อ LTF RMF ได้เช่นกันครับ

ผมเลยซื้อ RMF ของแบงค์ม่วง มาบางส่วน เพราะมีบัตรเครดิตของค่ายนี้อยู่ โดยซื้อเป็นกองทุน SET50 กับ ตราสารหนี้อย่างละครึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง
จริงๆอยากซื้อมากกว่านี้ แต่ที่บูธ ไม่มีโปรรูดบัตรเครดิต ผ่อน 0% 3 เดือน เหมือนปีที่แล้ว ผมถามเจ้าหน้าที่แล้วเค้าบอกว่า ปีนี้ทาง กลต. ไม่ยอมให้มีผ่อน 0% 3 เดือน... ไม่รู้จริงหรือเปล่า
ผมคงรอซื้ออีกทีงานหน้า คิดว่า น่าจะมีงาน LTF RMF ในเดือนหน้าน่ะครับ จำได้ว่า ปีที่แล้ว จัดที่เซ็นทรัลเวิลด์
สุดท้าย ปลายเดือนหน้า ก็คงซื้อส่วนที่เหลือ ผ่านอีซี่เนท เหมือนลุงขวด...น่ะครับ

ขอบคุณครับ เดี๋ยวจะลองคำนวณดูอีกทีว่ารวมหรือไม่รวมจะคุ้มกว่า .. เป็นชาวแบงค์ม่วงเหมือนกัน .. เพราะมีบัตรเครดิต - บัญชี - EasyNet เพื่อความสะดวกเฉยๆ ไม่ได้คิดว่าผลตอบแทนต่างกันมากนักตรงนี้

ไม่อยากจะแนะนำ SCB เลยจริงๆให้ตายเถอะ

คือไม่ได้จะ Discradit นะครับ แต่ภาพมันฟ้อง ....

http://siamchart.com/fund-compare/LTF


(ลองเรียงผลดำเดินงาน 5 ปีดูนะครับ SCB อยู่ท้ายตารางทุกกองทุน
ต่างกันหลาย X0% อยู่นะครับ ....)

อยากรู้มูลค่าที่ LTF/RMF ถูกซื้อแตะละปี ทั้งหมดของประเทศไทย ปีละเท่าไหร่ เป็นกี่ % ของ Market Cap.

ยอดซื้อ LTF/RMF ปีนี้ประมาณ 3 แสนราย คิดเป็นยอดเงินประมาณ 59,000 ล้านบาท

ซึ่งยอดเงินนี้ ส่วนใหญ่ จะซื้อประมาณปลายนี้