Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

tpoly

rojna

samart

pot_c เขียน:ส่ง htech ให้พี่ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ. ราคา new low จนต่ำกว่า book value เลยครับ

ช่วยๆกันคิดดีกว่าครับ ผมก็อ่านๆจากห้องร้อยคน ที่สมาชิกร่วมกันให้ข่าวสารเหมือนกับทุกคน ตัวนี้ผมก็เคยสนใจ ติดที่ว่าพึ่งพาอุตสาหกรรมฮาร์สดิสมากเกินไป ตอนนี้ก็มี SSD มาแข่ง และผู้ซื้อก็มีแค่ 2-3 รายเท่านั้น ประกอบกับเห็นอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 20% น่าจะดีเกินไป ไม่คิดเหมือนกันว่าราคาจะลงได้ขนาดนี้ ปัจจุบันก็เห็นพยายามขยายไปยานยนต์ที่มาร์จินน้อย คู่แข่งเยอะ (เช่น toptec ของ snc) แต่วอลุ่มกลุ่มนี้น่าจะสูง การขยายไปตลาดต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง ผู้บริหารก็ถือหุ้นแค่ 20% ต่ำไปนิด แรงจูงใจก็ลดลง มีโอนออกอีก ก็ต้องดูว่าโอนให้ใครครับ

ดูจากตารางข่าวหุ้น รายชื่อหุ้นที่ราคาลดลงมาก สรุปได้ไม่กี่กลุ่ม

1.หุ้นปั่น ของแย่ๆ แต่พยายามทำให้ดูดี สุดท้ายก็เหลือแต่สิ่งแย่ๆ หุ้นพวกนี้ มีทุกยุคทุกสมัย ต่างกันที่ชื่อหุ้น ตราบใดที่นักลงทุนยังโลภ กงล้อนี้ก็ยังหมุนต่อไป นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่ เข้ามาแรกๆ มักบอกว่าจะเลือกหุ้นพื้นฐานดี สุดท้ายยอมจำนน ไปซื้อหุ้นปั่นกันหมด

2.หุ้นปั่นที่มี story เช่น หุ้นของเสี่ยคนโน้นคนนี้ รายใหญ่จะเข้า มีโครงการที่จะเปลี่ยนพื้นฐานธุรกิจหน้ามือเป็นหลังเท้า คนที่เชื่อก็ไล่ซื้อตามความฝันและจินตนาการในแง่ดี โดยไม่ได้ดูพื้นฐานความเป็นจริง จนราคาสะท้อนอนาคตไปหลายๆปี ส่วนใหญ่ก็อย่างที่คุณ วรันศ์ ว่าไว้ 9 ใน 10 มักตกราง ตกสวรรค์เป็นประจำ

3.หุ้นวัฎจักร ที่ชัดเจนเร็วๆนี้คือกลุ่มอสังหา หุ้นรายตัวราคาลดลงมากกว่า 50% จากความกังวลเรื่องกำลังซื้อ ที่จริงกลุ่มนี้ดีต่อเนื่องเป็น 10 ปีจากปี 2540 ช่วงดีๆ ทำ net ได้มากกว่า 20% อะไรที่มันดูดีเกินจริง มันจะไม่ยั่งยืน หรือนี่จะเป็นขาลงของกลุ่มนี้

romee เขียน:TSF WAT TH PAE GEN GSTEL EMC KMC VTE NIPPON CWT TCC AIT KKC SLC HYDRO PPS LIVE SSC MBAX UWC RML SIRI HTECH NMG MATCH TVD DNA NINE ANAN OISHI TFI WORK OFM AP SSI TYCN UKEM TMC TKT KASET AJ

พวกนี้คือ ราคาต่ำกว่า50% เทียบกับวันที่10-01-2556

เห็นใจคนที่เคยซื้อช่วงนั้นจริงๆ

น่าสนใจครับ มากกว่าครึ่งเป็นหุ้นปั่นแปะ และหุ้นที่พอมีพื้นฐานแต่ราคาขึ้นไปสูงมาก

ว่าแต่น้อง romee หาข้อมูลพวกนี้จากไหนครับ

RML ครับ P/E 5 นิดๆ น่าจะมาจากกำไรปกติ
- จุดเสีย ยังไม่มีปันผล มีขาดทุนสะสม หนี้สินค่อนเยอะ การโอนที่ล่าช้าส่งผลต่อรายได้
- จุดที่น่าสนใจ มีแบ็คล้อครองรับ เช่น เดอะ ริเวอร์ อีกเล็กน้อย 185 ราชดำริ เดอะ ลอฟต์ เอกมัย (น่าจะโอนได้ปี 2558-2559) Zire วงศ์อมาตย์ น่าจะทำให้กำไรปี 2557 โตกว่าปี 2556 ได้เล็กน้อย น่าจะช่วยให้นำเงินไปชำระหนี้ได้ ทำให้อัตราส่วน D/E ค่อยๆดีขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายลดลง มีโอกาสล้างขาดทุนสะสมได้หมดใน 2557-2558
ผู้บริหารชุดใหม่เข้าซื้อหุ้นที่ราคาน่าจะประมาณ 2.4 ช่วงที่ราคาลงมามีผู้บริหารท่านหนึ่งเข้าไปเก็บหุ้นมาพอสมควร คอนโดเป็นระดับ Luxury มีการวางเงินดาวน์สูง มีโอกาสยกเลิกจองค่อนข้างน้อย ผู้บริหารสามารถนำโครงการไปโฆษณาที่สิงคโปร์ได้ เป็นการแนะนำบริษัทและโครงการให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกจุดหนึ่งคือบริษัทไม่เร่งเปิดโครงการใหม่มากเกินไป ประมาณนี้ครับ

อีกตัว Live อดีตหุ้นปั่นที่น่าจะ Turnaround ได้จริงหลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจ ทำกำไรได้ 5 ไตรมาส ติดต่อกัน มีการลงทุนในบริษัทก่อสร้าง ซึ่งน่าจะจ่ายปันผลให้ Live ได้ในงบปี 2556 Q4 ซึ่งถ้าธุรกิจเดิมยังทำกำไรได้ต่อเนื่องและธุรกิจใหม่(ก่อสร้าง) สร้างกำไรให้บริษัทได้ดี น่าจะมีโอกาสล้างขาดทุนสะสมได้หมดในปี 2558 งบดุลบริษัทใช้ได้ มีเงินสดมากกว่าหนี้สินทั้งหมด และน่าจะยังได้รับเงินสดจากการแปลงวอแรนต์เข้ามาเพิ่ม แต่จะโดนไดลูทกำไรต่อหุ้นไป ไม่ทราบว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากการประมูลทีวีดิจิตัลบ้างมั้ย

อีกตัว Tmill ทำผลิตภัณฑ์แป้งสาลีครบวงจร ผู้บริหารเดินหน้าเก็บหุ้นเรื่อยๆแม้จะเป็นปริมาณไม่มาก (แต่มีขายออกไปช่วงปลายปีที่แล้ว) งบดุล D/E ต่ำกว่า 1 แต่มีเงินสดค่อนข้างน้อยและมีเงินเบิกเกินบัญชีเยอะพอควร บริษัทกำลังจะขยายกำลังการผลิตเท่าตัว น่าจะเห็นผลใน Q3-Q4 ปีนี้

รบกวนพี่ลูกอิสาน ตอบpmหน่อยสิครับ

ลูกอิสาน เขียน:

good to great เขียน:ส่ง rs เข้าประกวด กำลัง hot อยู่พอดี

ถ้าจำไม่ผิดตัวนี้ราคาสุงสุดประมาณ 12 บาท ตอนนี้ 6 บาท
ตอนราคาขึ้นไปคาดหวังทีวีดาวเทียม ฟุตบอลโลก ฟุตบอลยุโรป ลาลีกา และใบเตย
ประกอบกับผู้บริหารก็ซื้อ นักลงทุนรายใหญ่ก็ซื้อ
ส่วนที่ราคาลง เพราะลงตามตลาด และต้นทุนประมูลที่ค่อนข้างสูง โดนบังคับจาก กสทช ให้ถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีทุกนัด

มีประเด็นอะไรที่ผมตกหล่นไหมครับ

ราคาลงเพราะเรื่องกสทชบังคับให้ถ่ายบอลโลกผ่านฟรีทีวีทุกนัดคงไม่น่าเป็นประเด็นหลังครับ เพราะล่าสุดมีแนวโน้มในทางที่ดีสำหรับ RS ราคาก็ยังไหลต่อเนื่องหลังจากชนะประมูล ประเด็นหลักน่าจะมาจากการที่ชนะประมูลด้วยต้นทุนสูง ซึ่งกำไรปกติปัจจุบัน Q ละราว 100 ล้าน (ทั้งปีนี้น่าจะราวๆ 400 ล้านบาทได้) แต่หลังชนะประมูล fix cost เพิ่มขึ้นทันทีราว 220 ล้านบาทต่อปี (ค่าตัดจำหน่ายเงินประมูล + ต้นทุนเช่าโครงข่าย) ยังไม่รวมค่า content ที่เพิ่มอีกน่าจะสูงกว่าตอนที่อยู่แค่ทีวีดาวเทียมค่อนข้างมาก อันนี้คือความเป็นจริงที่ว่ากำไรจะขายไปเยอะ ส่วนความคาดหวังเรื่องรายได้ ภาพยังไม่ชัดครับ รอผบห.แถลงอีกที

เป็นกระทู้ที่ดีมากเลยครับ

Laziale เขียน:

ลูกอิสาน เขียน:

good to great เขียน:ส่ง rs เข้าประกวด กำลัง hot อยู่พอดี

ถ้าจำไม่ผิดตัวนี้ราคาสุงสุดประมาณ 12 บาท ตอนนี้ 6 บาท
ตอนราคาขึ้นไปคาดหวังทีวีดาวเทียม ฟุตบอลโลก ฟุตบอลยุโรป ลาลีกา และใบเตย
ประกอบกับผู้บริหารก็ซื้อ นักลงทุนรายใหญ่ก็ซื้อ
ส่วนที่ราคาลง เพราะลงตามตลาด และต้นทุนประมูลที่ค่อนข้างสูง โดนบังคับจาก กสทช ให้ถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีทุกนัด

มีประเด็นอะไรที่ผมตกหล่นไหมครับ

ราคาลงเพราะเรื่องกสทชบังคับให้ถ่ายบอลโลกผ่านฟรีทีวีทุกนัดคงไม่น่าเป็นประเด็นหลักครับ เพราะล่าสุดมีแนวโน้มในทางที่ดีสำหรับ RS ราคาก็ยังไหลต่อเนื่องหลังจากชนะประมูล ประเด็นหลักน่าจะมาจากการที่ชนะประมูลด้วยต้นทุนสูง ซึ่งกำไรปกติปัจจุบัน Q ละราว 100 ล้าน (ทั้งปีนี้น่าจะราวๆ 400 ล้านบาทได้) แต่หลังชนะประมูล fix cost เพิ่มขึ้นทันทีราว 220 ล้านบาทต่อปี (ค่าตัดจำหน่ายเงินประมูล + ต้นทุนเช่าโครงข่าย) ยังไม่รวมค่า content ที่เพิ่มอีกน่าจะสูงกว่าตอนที่อยู่แค่ทีวีดาวเทียมค่อนข้างมาก อันนี้คือความเป็นจริงที่ว่ากำไรจะหายไปเยอะ ส่วนความคาดหวังเรื่องรายได้ ภาพยังไม่ชัดครับ รอผบห.แถลงอีกที

ขอแก้ไขครับ พิมพ์ผิดไปหลายคำ

ลูกอิสาน เขียน:

romee เขียน:TSF WAT TH PAE GEN GSTEL EMC KMC VTE NIPPON CWT TCC AIT KKC SLC HYDRO PPS LIVE SSC MBAX UWC RML SIRI HTECH NMG MATCH TVD DNA NINE ANAN OISHI TFI WORK OFM AP SSI TYCN UKEM TMC TKT KASET AJ

พวกนี้คือ ราคาต่ำกว่า50% เทียบกับวันที่10-01-2556

เห็นใจคนที่เคยซื้อช่วงนั้นจริงๆ

น่าสนใจครับ มากกว่าครึ่งเป็นหุ้นปั่นแปะ และหุ้นที่พอมีพื้นฐานแต่ราคาขึ้นไปสูงมาก

ว่าแต่น้อง romee หาข้อมูลพวกนี้จากไหนครับ

ใช้ไฟล์ของพี่ครรชิตนะครับ แต่ต้องมาแปะ กรองข้อมูลเองอีกนิดหน่อย

JMT รับรู้กำไรปี 57 มาก จากการซื้อหนี้มาบริหารในปี 56
KMC เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ กลุ่มทุนใหม่ กลุ่มทุนเก่าที่เคยสร้างเรื่องไว้ขายหุ้นออกหมดแล้ว ราคาต่ำลงทุกวัน ยิ่งอยู่ยิ่งนิวโลว์ ความน่าสนใจอยู่ที่ผู้บริหารคนใหม่

ผมอยากขอเพิ่มเงื่อนไขเพื่อความปลอดภัยนะครับ คือ
1.pe ตํ่ากว่า10
2.รายได้รวมต้องโตอย่างน้อย 10% ต่อปีไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี
3.กำไรสุทธิโตอย่างน้อย 10% ไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี
4.ปันผลอย่างน้อย 3%
ให้ติดตามช่วยส่งประกวดด้วยครับ
ส่วนตัวที่ผมติดตามอยู่แต่อาจไม่เข้ากฎ 4 ข้อมีตามนี้นะครับ tuf charan sena tmill nmg bland bat3k samco manrin it se-ed ivl scsmg tip bch svh pm tf cns jmt thai (ยังไม่ได้ซื้อสักตัวนะครับ พวกนี้คือติดตามแบบใกล้ชิดหน่อย บางตัวรอการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง บางตัวรอเหตุการ์ณเกิด บางตัวรอการแก้ไขจุดเสีย คิดว่าไม่เกิน 2-3 ปีคงจะได้ซื้อบางตัวครับ ส่วนใหญ่ผมจะตามประมาณ 2-5 ปีกว่าจะได้ลงทุนสักบริษัทครับ ผมมันพวกสเปกเยอะไปหน่อย แต่พอมารู้จักเวป thaivi นิก็ประหยัดเวลาตามหุ้นไปได้มากเลยครับมีคนช่วยกันโพสข่าวดีมากๆเลยครับ แต่ผมพึ่งรู้จักเวปนี้ก่อนตั้งเป็นสมาคมแค่ 2-3 เดือนเองครับ ถือว่าเป็นน้องใหม่ฝากตัวด้วยนะครับ

Loby เขียน:รบกวนพี่ลูกอิสาน ตอบpmหน่อยสิครับ

ถามอะไรไปครับ อยากรู้มั้งได้ไหมครับ เผื่อเป็นไอเดียที่ดีๆกับเพื่อนๆครับ คุณ Loby สุดหล่อครับ

ลูกอิสาน เขียน:

pot_c เขียน:ส่ง htech ให้พี่ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ. ราคา new low จนต่ำกว่า book value เลยครับ

ช่วยๆกันคิดดีกว่าครับ ผมก็อ่านๆจากห้องร้อยคน ที่สมาชิกร่วมกันให้ข่าวสารเหมือนกับทุกคน ตัวนี้ผมก็เคยสนใจ ติดที่ว่าพึ่งพาอุตสาหกรรมฮาร์สดิสมากเกินไป ตอนนี้ก็มี SSD มาแข่ง และผู้ซื้อก็มีแค่ 2-3 รายเท่านั้น ประกอบกับเห็นอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 20% น่าจะดีเกินไป ไม่คิดเหมือนกันว่าราคาจะลงได้ขนาดนี้ ปัจจุบันก็เห็นพยายามขยายไปยานยนต์ที่มาร์จินน้อย คู่แข่งเยอะ (เช่น toptec ของ snc) แต่วอลุ่มกลุ่มนี้น่าจะสูง การขยายไปตลาดต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง ผู้บริหารก็ถือหุ้นแค่ 20% ต่ำไปนิด แรงจูงใจก็ลดลง มีโอนออกอีก ก็ต้องดูว่าโอนให้ใครครับ

เห็นว่าโอนให้ลูกครับพี่

ลูกหิน เขียน:ผมอยากขอเพิ่มเงื่อนไขเพื่อความปลอดภัยนะครับ คือ
1.pe ตํ่ากว่า10
2.รายได้รวมต้องโตอย่างน้อย 10% ต่อปีไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี
3.กำไรสุทธิโตอย่างน้อย 10% ไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปี
4.ปันผลอย่างน้อย 3%
ให้ติดตามช่วยส่งประกวดด้วยครับ
ส่วนตัวที่ผมติดตามอยู่แต่อาจไม่เข้ากฎ 4 ข้อมีตามนี้นะครับ tuf charan sena tmill nmg bland bat3k samco manrin it se-ed ivl scsmg tip bch svh pm tf cns jmt thai (ยังไม่ได้ซื้อสักตัวนะครับ พวกนี้คือติดตามแบบใกล้ชิดหน่อย บางตัวรอการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง บางตัวรอเหตุการ์ณเกิด บางตัวรอการแก้ไขจุดเสีย คิดว่าไม่เกิน 2-3 ปีคงจะได้ซื้อบางตัวครับ ส่วนใหญ่ผมจะตามประมาณ 2-5 ปีกว่าจะได้ลงทุนสักบริษัทครับ ผมมันพวกสเปกเยอะไปหน่อย แต่พอมารู้จักเวป thaivi นิก็ประหยัดเวลาตามหุ้นไปได้มากเลยครับมีคนช่วยกันโพสข่าวดีมากๆเลยครับ แต่ผมพึ่งรู้จักเวปนี้ก่อนตั้งเป็นสมาคมแค่ 2-3 เดือนเองครับ ถือว่าเป็นน้องใหม่ฝากตัวด้วยนะครับ

SCSMG โดน ACE เทคไปซะแล้วครับพี่ลูกหิน

เสียหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่ตํ่าแบบนี้ เห็นใจสำหรับผู้ที่คิดจะถือ scsmg ในระยะยาวจัง

คงต้องตัดพวกที่ขึ้นเพราะเก็งกำไรออกไปก่อน แล้วดูเป็นกลุ่มๆ
Property-กำลังซื้อที่ลดลง เพราะเป็นของใหญ่ ทำให้เห็นผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น ต่อให้ราคาลงมาก ก็ไม่ค่อยน่าสนใจ
Commerce-น่าจะดี เมื่อกำลังซื้อกลับมา แต่ไม่รู้จะนานเท่าไร ตัวที่ดีแน่ก็ไม่ค่อยตก
Telecom- น่าจะดี เพราะคนไม่สามารถตัดรายจ่ายด้านนี้ได้
Health- ตัวที่ขยายมาก ไม่น่าจะดีเพราะลงทุนไปมาก ต้องใช้เวลา ตัวที่ไม่ขยายก็ไม่ค่อยลง
Media- จาก TV digital ควรจะมีผู้ชนะหน้าใหม่แน่ๆที่จะมาแข่งกับช่อง 3 และ 7 แม้ราคาประมูลจะสูง แต่คนที่ได้ rating ดี คุ้มแน่นอน เพียงแต่จะเป็นใคร ถ้าเลือกผิดก็แย่แน่

ความเห็นผมเพิ่มเติมคือ เราควรจัดกลุ่มการคาดหวังว่าพื้นฐานเปลี่ยนตามลักษณะสำคัญของกิจการให้ได้ และราคาปรับตัวลงตามกลุ่มนั้นเพราะอะไร อาจดูแบบปีเตอร์รินซ์ เช่น

 1. หุ้นแข็งแกร่ง มีเหตุพื้นฐานเปลี่ยนทำให้แข็งแกร่งลดลง เช่น กลุ่มธนาคารโตตามภาวะเศรษฐกิจ gdp ไม่โต npl เริ่มขยับ สมมุติฐานนี้จะเปลี่ยนในระยะยาวหรือไม่
2. หุ้นวัฏจักร. เชื่ิอว่า วัฏจักรขาลงสิ้นสุดหรือต่ำสุดแล้ว แต่ วัฏจักรยังไม่ลงต่ำสุด พื้นฐานจึงเปลี่ยน เช่นกลุ่มเรือ ปิโตรเคมี เกษตร เราต้องอดทนรอคอยจนกว่ามั่นใจว่าต่ำสุดจริงเมื่อใด
3. หุ้นเติบโตสูง เชื่อว่าจะเติบโตสูงอีกหลายปี แต่เริ่มหยุดโต พื้นฐานจึงเปลี่ยน เช่น  ค้าปลีก โรงพยาบาล แล้วจะโตใหม่ในอนาคตหรือไม่
4. หุ้น asset play เดิมเชื่อว่ามูลค่าทรัพย์สินสูงกว่าต้นทุนมาก มีโอกาสปลดล้อคต้นทุนได้เร็ว หากทรัพย์สินถูกตีราคาลดลงไปมาก หรือปลอดล้อคช้า พื้นฐานตีมูลค่าทรัพย์สินเปลี่ยนไปจากเดิมในทางลดลงมาก
5. หุ้นเติบโตช้าแต่จ่ายปันผลสูง พื้นฐานเปลี่ยน ธุรกิจเริ่มเกิดปัญหาไม่โต จากที่เคยจ่ายปันผลได้มาก ก็จ่ายน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนหยุดจ่ายทำให้พื้นฐานเปลี่ยนไป ธุรกิจนี้จะกลับมาในอนาคตได้หรือไม่เพราะเหตุผลใดที่เป็นไปได้บ้าง โอกาสมากน้อยเพียงใด
6. หุ้นฟื้นตัว เดิมมีสัญญาณว่าจะมีโอกาสฟื้นตัว เช่น รับงานมากขึ้น การขยายกำลังการผลิตมากขึ้น เปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการใหม่ เปลี่ยนแปลง model ธุรกิจใหม่ หาพันธมิตรใหม่ เป็นต้น แต่การคาดหวังตัวกระตุ้นเปลี่ยนไปเพราะมีปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น เช่น การรับรู้รายได้ชะลอออกไป งานไม่มาตามนัดหมาย หนี้สินสูงมากขึ้นในภาวะที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงขึ้น model ธุรกิจใหม่ ไม่work ในขณะที่ธุรกิจเดิมก็ย่ำแย่อยู่ พื้นฐานที่คาดการณ์ไว้ไม่มาตามนัด อละจะไม่มาตามนัดอีกในอนาคตระยะยาวหรือไม่ หรือเฉพาะช่วงนี้ชั่วคราว

การจัดกลุ่มตัวแปรตามลักษณะของธุรกิจนี้ ทำให้เรารู้ตัวกระตุ้นในแต่ละกลุ่มได้ชัดขึ้น ทำให้เราไปทำการบ้านว่า ที่นายตลาดประเมินปัจจัยเหล่านี้ไว้ ประเมินเสี่ยงมากเกินไปกว่าความเป็นจริงของพื้นฐานระยะยาวหรือไม่ หรือประเมินถูกต้องแล้ว และทำให้ราคามันสะท้อนตามจริง เราจึงต้องทำหน้าที่แยกแยะให้ออก จึงจะเจอขุมทรัพย์ในโคลนตม จึงต้องเลือกด้วยความระมัดระวัง มี mos ตามความรอบรู้ของเรา และกระจายความเสี่ยงให้ดี ไม่กระจุกตัวจนเราแก้ไขไม่ได้หากเราวิเคราะห์ผิดพลาดบ้าง 

เพราะไม่เข้าถ้ำเสือในยามราคาตกต่ำมาก ๆ ฤาจะได้ลูกเสือมาเชยชมเพื่อรอให้ลูกเสือมันโตขึ้นในอนาคตข้างหน้า

แต่ระวังเสือลำบากด้วยนะจะกัดเจ้าของตายด้วยนะครับ จะหาว่าไม่เตือน 555

เสนอpjw apcs bch jas ไม่ถึง50%แต่ก็ใกล้เคียง

chaitorn เขียน: เพราะไม่เข้าถ้ำเสือในยามราคาตกต่ำมาก ๆ ฤาจะได้ลูกเสือมาเชยชมเพื่อรอให้ลูกเสือมันโตขึ้นในอนาคตข้างหน้า

แต่ระวังเสือลำบากด้วยนะจะกัดเจ้าของตายด้วยนะครับ จะหาว่าไม่เตือน 555

ผมว่าผมเริ่มออกหาแล้วครับ สะหมง สมอง ของคนไม่มีสมาธิเรื่องหุ้นแล้ว ราคา หุ้นเล็กบางตัวเคาะกันผิด ๆ ถูก ๆ ก็มี

จมูกของหมาแก่ น่าจะยังพอใช้ได้นา

นอกจากพวกนี้แล้ว ผมว่าหุ้นแจ๋ว ๆ ราคาตกไม่ถึง 50% ก็คุ้มค่าได้เหมือนกันครับ อันนี้แล้วแต่สไตล์เลย

เศรษฐกิจการเมือง เรื่องชั่วคราวครับ กำไรของกิจการนี่คือของจริง

Linzhi เขียน:นอกจากพวกนี้แล้ว ผมว่าหุ้นแจ๋ว ๆ ราคาตกไม่ถึง 50% ก็คุ้มค่าได้เหมือนกันครับ อันนี้แล้วแต่สไตล์เลย

เศรษฐกิจการเมือง เรื่องชั่วคราวครับ กำไรของกิจการนี่คือของจริง

.....ขอ ยกตัวอย่างซักหน่อยเป็นไร...อิอิ

Linzhi เขียน:นอกจากพวกนี้แล้ว ผมว่าหุ้นแจ๋ว ๆ ราคาตกไม่ถึง 50% ก็คุ้มค่าได้เหมือนกันครับ อันนี้แล้วแต่สไตล์เลย

เศรษฐกิจการเมือง เรื่องชั่วคราวครับ กำไรของกิจการนี่คือของจริง

ผมเห็นด้วยกับพี่Linzhiเลยครับ

ของผมมีอยู่3ตัว ตกไม่ถึง50เปอร์เซ็นต์
แต่มั่นใจว่าอัพไซด์เกิน100ทุกตัวครับ

(แฮ่...แต่อีกกี่ปีไม่รู้น๊ะครับ... )

มาแปะเพิ่ม + จัดให้อ่านดูง่ายๆ ละกันครับ (เทียบกับวันที่10-1-2556)

ราคาตกกว่า 50%
TSF WAT TH PAE GEN GSTEL EMC KMC VTE NIPPON CWT TCC KKC HYDRO SLC UWC PPS SSC SIRI RML HTECH
MBAX TVD NMG LIVE MATCH DNA NINE OISHI WORK SSI AP TYCN UKEM OFM TFI TMC

ราคาตก 40% - 50%
SE-ED APCS KASET TKT CPH TMW MAX IT UV CMO MALEE TK FOCUS SITHAI ESTAR GOLD TU-PF ESSO VNT F&D TRU
TR TRUBB AS NPK SIS UMS YUASA SC THAI APURE SYMC SYNEX TAPAC CHUO JTS SCG SPPT MJD PICO

ราคาตก 30% - 40%
SENA TSTH MCOT EE LVT ROJNA PTL KCAR PRIN MCS SPACK SAT PAF SNC CHOTI KAMART KIAT SMT TVI
TLUXE PR QHOP TMI PJW VNG PDI Q-CON PLE SSF CIG CCP BSM GRAND CPI INOX TEAM LOXLEY BOL GUNKUL
GJS SAMTEL TGCI RICH SIAM ASIAN BANPU E TPIPL STEC PS KC LUXF NBC BGT NUSA CEN TMILL CFRESH SFP
HTC CIMBT STA

ในทางกลับกัน ก็มีหุ้นที่+30%เมื่อเทียบกับปีก่อน
(ไม่แน่ใจว่ามีตัวใหน พลาดเรื่องแตกพาร์ หรือเปล่านะครับ ตรวจสอบอีกที)

[/size]

storyบางตัวก็คล้ายๆกับตัวที่ร่วงเกิน30%...แต่บางตัวก็มีพื้นฐานที่ดี รองรับอยู่

ขอบคุณครับ

กระทู้นี้ ชอบมากเรย แต่ไม่มีเงิน
ผมขอเสนอ AIT ครับ แต่ลงไม่ถึง 50% ประมาณ 40 กว่าๆ

พี่แต่ละท่านข้อมูลแน่นกันจริงๆ ขอคารวะ