Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คุณ sunrise น่าจะจบจากรุ่นเดียวกะผม ที่ค่ายเดียวกันนะ
แต่ผมไม่ใช่เด็กวิศวะ

ส่วนตัวผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกะจบอะไรนะครับ น่าจะเกี่ยวกับทำงานอะไรมากกว่า ตอนผมจบ สมัครงาน งานแต่ละอย่าง แต่ละที่ offer เงินเดือนต่างกันเยอะมากนะครับ

เอ...ผมก้อจบวิศวะมา เริ่มต้น 13000 บาท ครับ ทำงาน 2 ปีเงินขึ้น 700 บาท สิ้นปีที่ 2 13700 บาท ทุ่มเท ทำงานเต็มที่ แต่เจ้านายไม่เห็น
สุดท้ายลาออก เพราะหมดกำลังใจที่จะทำอาชีพวิศวะไฟฟ้าล่ะ

ตอนนี้มาเป็นช่างซ่อมเครื่องบินแล้วอ่ะครับบ :lol: :lol:

ผมก็จบวิศวะ มา ด้านคอม นะครับ
เงินเดือนก็เยอะกว่้าวิศวะด้านอื่น นิดๆหน่อยๆ แต่ตอนนี้ลาออกแล้วละครับ ว่าจะไปเรียนต่อ....

ผมคิดว่าเงินเดือนปัจจุบันมันขึ้นไม่ทันเงินเฟ้อนะครับ สมัยคุณพี่ครรชิต ข้าวจานละ 2-3 บาท เอง คิดดูสมัยนี้ตั้งเท่าไหร่ ถ้าทำงานประจำอย่างเดียวไม่ต้องคิดเลยเรื่องซื้อบ้านซื้อรถ

เอ พี่ๆวิศวะได้เงินเดือน แสนกันเยอะจัง แล้วอย่างผมต้องทำกี่ปีหรือยังไงถึงจะได้มั่งครับ

รู้สึกว่าเวปนี้ เด็ก วิดวะ สามย่า่น เยอะแฮะ เจอหลายคนแล้วเนี่ย

คนเรือ VI เขียน:คุณ sunrise น่าจะจบจากรุ่นเดียวกะผม ที่ค่ายเดียวกันนะ
แต่ผมไม่ใช่เด็กวิศวะ

ส่วนตัวผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกะจบอะไรนะครับ น่าจะเกี่ยวกับทำงานอะไรมากกว่า ตอนผมจบ สมัครงาน งานแต่ละอย่าง แต่ละที่ offer เงินเดือนต่างกันเยอะมากนะครับ

ครับสุดท้ายผมไม่ได้ทำงานวิศวะจริงๆ ฮ่าๆ รู้ๆกันกลายเป็นคนเรือไปแทน

ch_army เขียน:รู้สึกว่าเวปนี้ เด็ก วิดวะ สามย่า่น เยอะแฮะ เจอหลายคนแล้วเนี่ย

นั่นจิครับ ผมเข้ามาครั้งแรกเหนียมเลยครับ รู้สึกแปลกแยกเล็กน้อยครับ ผมวิดซิวะแถวบางเขน คอมฯ ครับ ตอนนี้อาชีพวิจัยฝุ่น

คุณ ch_army นี่เรียนด้านการเงินมาเลยหรือเปล่าครับ ?

ผมเรียนวิดวะ มาครับ ค่ายพระจอมแถวๆ ฝั่งธน แล้วมาเรียนต่อที่สามย่านครับ
เรื่องการเงินไม่รู้เรื่องอ่ะครับ

แสดงว่าคุณ Chatchai ไกล้เคียงผม
ผมจบปี 32 เงินเดือนแรก 8,000 บาทครับ ทำงานกับ บ. ในเครือซิเมนต์ไทย ตั้งแต่จบ

สมัยนี้ หากเป็นบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์จากสถาบันมีชื่อในประเทศไทย น่าจะเริ่มต้นที่
ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท

นอกนั้น ไม่ออกความเห็นครับ

ทำไมเกษียณเร็วนักล่ะครับ คุณมนยังหนุ่มอยู่เลย รับใช้สังคมหน่อยสิครับ

มาดูแลเว็บแบบเต็มเวลาดีไหม :lol: :lol:

คัดท้าย เขียน: นั่นจิครับ ผมเข้ามาครั้งแรกเหนียมเลยครับ รู้สึกแปลกแยกเล็กน้อยครับ ผมวิดซิวะแถวบางเขน คอมฯ ครับ ตอนนี้อาชีพวิจัยฝุ่น

ตอนนี้พี่คัดท้ายก็ไม่ต้องห่วงแล้วซิครับ
เป็นสมาชิกชั้นแนวหน้าของ เว๊ปแล้วครับ

หวังว่าอีกสัก 10 ปี ผมยังอยุ่ในเว๊ปแล้วได้คุยกับเพื่อนคอเดียวกันต่อไปครับ

ผมก็จบแถวบางเขนครับ ชอบไปเรียนแถวสามแยก เพราะแถวนั้นโต๊ะสนุ้กเยอะ

เห็นมีแต่วิดวะ ผมนั่งสามแยกทุกวันเลย มีแต่เพื่อนวิดวะ อ่ะ

ที่เดียวกับคุณคัดท้ายรุ่น 10 ครับ

ผมยังไม่เห็นใครตอบตรงคำถามเลย ผมก็จบจากช่างกลสามย่านเหมือนกันและยังทำงานเกียวกับการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์อยู่ จึงขอชี้แจงดังนี้

1)การวิจัยเพื่อการออกแบบ real product ที่ไปสู้ในตลาดโลกได้นั้นไม่มีอยู่ในการเรียนการสอน รวมทั้งบุคคลากรในวงการการศึกษาวิศวกรรมสาขาต่างๆ (ยกเว้นวิดวะโยธา) ไม่ได้มี profound know-how ที่จะสร้างคนไปรองรับงานดีไซน์ของอุตสาหกรรมระดับ world-class ที่มาตั้งในประเทศไทย

2)ด้วยเหตุจากข้อหนึ่ง อุตสาหกรรมทางด้านนี้จริงๆมีแต่ผลิต(ปั๊มหรือประกอบ) หรือประเภทซื้อมาขายไปเป็นหลัก ทำให้มูลค่าเพิ่มต่ำ เงินเดือนก็ต่ำด้วย

3)จากข้อหนึ่งอีก ทำให้งานวิจัยและพัฒนาการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีน้อยมากในประเทศนี้ เพราะเขามองว่าคนของเรามีคุณภาพต่ำโดยเฉลี่ย หรือ มีคนคุณภาพดีน้อย ก็ทำให้เงินเดือนถูกกดอีก

4)รัฐบาลทุกชุดไม่เคยมีการสนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรมที่ต้องการการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างแท้จริง รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เป็นการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ(BOI) ก็ไม่ได้มีการบังคับให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้วิศวกรของเราล้าหลัง
พวกเพื่อนอาจจะสังเกตได้ว่างานออกแบบที่มีอยู่มากที่สุดในประเทศนี้ก็คือ การออกแบบงานระบบสาธารณูปโภค (ระบบไฟฟ้า-ทำความเย็น---ฯลฯ)

งานออกแบบระดับกลาง พวกอุปกรณ์การจัดการพลังงานไฟฟ้า UPS, บัลลาสต์สำหรับหลอดฟลูออฯ, อินเวอร์เตอร์สาหรับมอเตอร์ เครื่องขยายเสียง พอมีบ้างแต่ยังอยู่ในscaleเล็กมาก -->อาจไม่competitive/profitableในอนาคต เทียบกับ สินค้าจากจีน

งานออกแบบระดับค่อนข้างสูง เช่น computer server/mainboard, redundant harddisk array, VOIP engine, mobile phone and base station equipment แทบจะไม่มีเลย

ทำอย่างไรเราถึงจะหลุดจากวงจรนี้ได้??
-->ปรับปรุงระบบการศึกษา ให้สถาบันการศึกษาเข้าหาอุตสาหกรรมมากขึ้น ค้นหาหัวข้อที่อุตสาหกรรมต้องการ
-->รัฐบาลต้องสนับสนุนให้วิศวกรไทยเข้าไปออกแบบ/มีส่วนร่วมในโปรเจ็คใหญ่ๆ เช่น พวกระบบขับเคลื่อนรถไฟฟ้า ดาวเทียม อุปกรณ์ป้องกันประเทศ -radar helicopter unmanned aircraft ฯลฯ เพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางวิศวกรรมในวงกว้างทุกสาขา (ไม่ใช่ซื้อมาทั้งดุ้นเหมือนในปัจจุบัน)

หวังครับว่าสักวันหนึ่งวิศวกรไฟฟ้าของไทยจะได้ไม่ต้องทำงานพวกเดินสายไฟ, เขียนโปรแกรม, คุมโรงงาน , เซลส์เอ็นจินเนีย อีกต่อไป

เห็นด้วย เต็มประตูครับผม
แต่เรื่องของ เรื่องต้องให้ คนไทยเชื่อมือเรากันเองด้วยนะครับ และร ัฐบาลทุกท่านกรุณากินให้น้อยๆ นิดนึง เอาเงินมาให้ การศึกษามากๆหน่อย แบบ ครึ่งหนึ่งของงบเลยก็ีครับ ถือว่าซื้อนาคตของประเทศ แค่นี้จะขนาดไหนกันเชียว ทีหุ้นโตเร็วล่ะไม่เห็นจะต่อราคาเลย

เห็นเขาบอกกันว่าที่ฟินแลนด์ มีแต่วิดวะกันหมดเลย วิดวะแก่ๆจะตกงาน เพราะสู้วิดวะหนุ่มๆไฟแรงไม่ได้

ในฐานะมีประสบการณ์โดยตรง
วิศวกรในยุโรปที่ยังทำงานในส่วน design and development engineering มีอายุแก่กว่าพวกที่ทำงานสายงานเดียวกันใน Asiaมาก

งานวิศวะที่ฟินแลนด์มี Nokia กับ ABB กิน >30%GDPของทั้งประเทศ

Projects ที่ทำกันที่นั้นมีความซับซ้อนและต้องการ design optimization อย่างมาก ประสบการณ์ ของ Senior engineer, Principal enegineer สำคัญมากต่อ product reliabiltiy และ company's competetiveness.
ดังนั้น วิศวกรอาวุโสจะเป็นที่ต้องการมากกว่า Fresh graduate engineer (ยกเว้นในกรณีที่เป็น Ph.D.)

หันกลับมามองในประเทศไทย วิศวกรไม่ได้ทำงานโดยใช้วิชาวิศวกรรมอย่างจริงจัง หรือ แทบไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ทางการออกแบบ ผู้ว่าจ้างจึงชอบพวกอึดมากกว่าพวกมือโปร ทำงาน5-6ปีขึ้นเป็น managerหน้าเด็กเลย

มองออกไปทางเอเซีย เกาหลี ไต้หวัน(ไม่รวม ญี่ปุ่นนะ) พวกนี้เป็นประเทศ hi-tech แต่ วิดวะแก่มีน้อย ความคิดความอ่านจึงแคบ มุ่งไปแค่ทำของให้ออกเร็ว,มากรุ่น,ราคาที่ถูกอย่างไม่สมเหตุผล เพื่อให้ชนะคู่แข่ง ของก็เลยพังเร็ว หรือ reliability ต่ำ เมื่อเทียบกับค่ายยุโรป

tycoon เขียน: หวังครับว่าสักวันหนึ่งวิศวกรไฟฟ้าของไทยจะได้ไม่ต้องทำงานพวกเดินสายไฟ, เขียนโปรแกรม, คุมโรงงาน , เซลส์เอ็นจินเนีย อีกต่อไป

ถูกใจมากๆ ครับ ปรบมือให้เลย

คุณ Bangkok
จบปี 36, รหัส 32 หรือปล่าวครับ ถ้าใช่ก็รุ่นเดียวกะผมเลยสิ ผมจบคอมพ์

ถ้าอยากได้เงินเดือนขึ้นเยอะ ๆ เร็ว ๆ ให้ทำงาน บ.ฝรั่งครับ
ถ้าได้ถูกส่งไปทำงานเมืองนอกด้วยใช้ประหยัด ๆ เก็บเบี้ยเลี้ยงได้เพียบครับ

เห็นด้วย เต็มประตูครับผม
แต่เรื่องของ เรื่องต้องให้ คนไทยเชื่อมือเรากันเองด้วยนะครับ

ใช่แล้วครับ เคยไปทำงานที่ฟิลิปปินส์ รู้จัก network eng อยู่คนหนึ่ง รุ่นใกล้เคียงกัน
วันหนึ่งก็มาทำงานเมืองไทย เดิน network อาทิตย์หนึ่งทำงานสองวัน คอยตรวจงานที่คนไทยเป็นคนทำ ได้เงินเดือน มากกว่า 50000
(เหตุการณ์เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว)
สาเหตุ: เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษ คนไทยคิดว่าเขาเก่ง :lol:

ผมว่าปกติแล้วอาชีพที่จัดเป็นวิชาชีพ มักจะไม่มีการเปลี่ยนสายงานกันมากนัก เช่น แพทย์ นักบัญชี ช่างเทคนิค

แต่สังเกตกันมั้ยครับ คนจบวิศวะจำนวนมากกลับไปประสบความสำเร็จในสายงานอื่นแทน

tycoon เขียน:ในฐานะมีประสบการณ์โดยตรง
วิศวกรในยุโรปที่ยังทำงานในส่วน design and development engineering มีอายุแก่กว่าพวกที่ทำงานสายงานเดียวกันใน Asiaมาก

งานวิศวะที่ฟินแลนด์มี Nokia กับ ABB กิน >30%GDPของทั้งประเทศ

Projects ที่ทำกันที่นั้นมีความซับซ้อนและต้องการ design optimization อย่างมาก ประสบการณ์ ของ Senior engineer, Principal enegineer สำคัญมากต่อ product reliabiltiy และ company's competetiveness.
ดังนั้น วิศวกรอาวุโสจะเป็นที่ต้องการมากกว่า Fresh graduate engineer (ยกเว้นในกรณีที่เป็น Ph.D.)

หันกลับมามองในประเทศไทย วิศวกรไม่ได้ทำงานโดยใช้วิชาวิศวกรรมอย่างจริงจัง หรือ แทบไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ทางการออกแบบ ผู้ว่าจ้างจึงชอบพวกอึดมากกว่าพวกมือโปร ทำงาน5-6ปีขึ้นเป็น managerหน้าเด็กเลย

มองออกไปทางเอเซีย เกาหลี ไต้หวัน(ไม่รวม ญี่ปุ่นนะ) พวกนี้เป็นประเทศ hi-tech แต่ วิดวะแก่มีน้อย ความคิดความอ่านจึงแคบ มุ่งไปแค่ทำของให้ออกเร็ว,มากรุ่น,ราคาที่ถูกอย่างไม่สมเหตุผล เพื่อให้ชนะคู่แข่ง ของก็เลยพังเร็ว หรือ reliability ต่ำ เมื่อเทียบกับค่ายยุโรป

ให้ทายกันครับ ว่าวิศวกรเมืองไทย จบมาต่อปริญญาโท ต่อด้านไหนมากที่สุด

ผมขอเดาว่า MBA เพราะส่วนใหญ่ต้องการทำงานในการบริหารจัดการมากกว่าครับ คืออยู่ในระดับ Manager

ซึ่งมาจากค่านิยมสมัยใหม่ และโอกาสการก้าวหน้า และจากระบบเจ้าขุนมูลนายคนไทยแต่เดิมที่ปรับปรุงใหม่นิดหน่อย โดยสอนกันมาว่าให้ เรียนสูงๆนะลูกจะได้โตไปเป็นเจ้าคนนายคน คงเป็นคำพูดที่คงได้ยินกันบ้างนะครับ

ทำให้ประเทศไทย ขาด วิศวกรเก่งๆ ที่เรียนต่อในงานเฉพาะด้านของตน แล้วก็มาทำงานเป็นนักวิจัย นักพัฒนา เพื่อจะได้มีการต่อยอดเทคโนโลยีได้เองบ้าง

ผมว่าส่วนใหญ่วิศวกรเมืองไทย ที่จบสูงๆในสายงานของตนเอง โดนเฉพาะจบ ดร. นั้นผมว่าอยู่ในระบบข้าราชการเยอะ ครับ เพราะการเรียนระดับนี้ต้องใช้เงินสูง เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนทุน ต้องมาใช้ทุน อาจเป็นอาจารย์ หรือนักวิจัยในกรม กองต่างๆ แล้วก็รับ jobs นอก เพื่อปั่นเงิน

เพราะระบบราชการเมืองไทยให้ผลตอบแทนไม่ดี งานวิจัยที่ทำออกมาก็ได้ไม่เต็มที่นักเพราะต้องแบ่งเวลาในรับ Jobs นอก แต่ใช่ว่าจะเป็นทุกคนนะครับ อาจารย์ หรือนักวิจัย สายวิศว เก่งๆ ก็เยอะครับ

จะเกี่ยวกับหัวข้อไม่เนี้ย ไม่เป็นไรมั่วนิ่มเลย

เหตุผลที่เงินเดือนน้อยเพราะว่าที่เรียนมาไม่ได้ใช้
วิศวกรโยธาในประเทศไทย ทำงานเหมือน ปวส ปวช เด๊ะ
เพียงแต่ว่าเซ็นต์งาน(ถ้ามีกว.)ได้เท่านั้นเอง

แถมส่วนใหญ่ยังทำงานสู้ ปวส ไม่ได้ เพราะไม่สุ้งานเท่า แถมติดลูกแอ๊คซะเยอะ
นายจ้างแบบชาวบ้านๆไม่ชอบวิศวะครับ ผมบอกได้ค่อนข้างเต็มปาก
นายจ้างต่างชาติ ก็เห็นว่าวิศวะที่จบจากเมืองไทย ไม่ชอบศึกษาเชิงลึก เชิงวิจัย เพราะระบบการศึกษาเป็นอย่างนั้น
เค้าก็ไม่มีเหตุผลจะจ้างคนเก่งๆ ราคาสูงมากทำงานที่เค้าไม่ถนัดครับ

ที่เรียน MBA เพราะต่อให้เรียนวิศวะชั้นสูงเรียนมาสูงๆ
ก็ยังมีรายได้ก็น้อยมาก เพราะงานที่เป็นงานวิจัยไม่มีให้ทำ
สุดท้ายคนเก่งมากๆ ก็หนีไปทำงานประเภทอื่นๆ กันหมด
เพราะว่ารอช่วยชาติไม่ไหวตอนท้องหิวครับ

แล้วก็อย่างที่พี่ๆบอกนั่นแหละครับ top of top ของวิศวกรเมืองไทยได้ทุนไปเรียนต่างชาติ
กลับมาไม่มี Project ให้ทำ
หรือมีแนวคิดที่ต้องวิจัยก็ไม่มีงบที่เหมาะสมพอเพียง
สู้ได้สักพัก ก็หมดใจกับระบบ แล้วก็ไปรับงานนอกแทนครับ

เรียนท่านผู้ปกครองบ้านเมือง เหล่าวิศวกร ในขณะนี้มีรายได้ไม่พอใช้จ่ายกันแล้วครับ โปรดเร่งช่วยยกฐานอาชีพนี้ให้ดีขึ้น กว่าจะจบก็หืดขึ้นคอ ต้องพจรภัยใต้ mean. มาไม่รู้กี่ครั้ง เหอ...........

พวกเราหล่าวิศวกร เลยต้องหันเหชีวิตมาเป็นนักล่าฝันการลงทุนแทน :lol:

พวกเราหล่าวิศวกร เลยต้องหันเหชีวิตมาเป็นนักล่าฝันการลงทุนแทน

ฮ่าๆๆ ท่าจะเหมือนจริง...
แต่ผมก็ "ล่าฝัน" อย่างอื่นด้วยครับ (มีธุรกิจส่วนตัวด้วย)

ก็เห็นด้วยนะ ถ้าคุณไม่ได้ทำงานกับบริษัทฝรั่ง ที่มีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง มี Product Engineering Department และ R&D ไม่ว่าจะทางด้านการออกแบบ การผลิต หรือด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มคุณภาพเป็นของตัวเอง วิศวกรบ้านเราก็ไม่ได้ใช้ความรู้เต็มที่หรอก อย่างงานของผม ต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ผมรับวิศวกรจบใหม่ปีละกว่า 20 คน (ไม่ผิดครับ เลขสองกับศูนย์ อ่านว่ายี่สิบ) และรับยากมาก คือต้องการคนดี เรียนเก่ง มีความคิดสร้างสรรค์ มีมานะอดทน ไม่ยึดติด พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา (เน้น ตลอดเวลา เพราะมีของใหม่ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ว่ามาเรียนรู้ทีเดียวแล้วใช้ได้ตลอด) ดังนั้นจึงหายากมาก เมื่อเข้ามาแล้ว ก็เหมือนกับว่าเราสกรีนคนไว้แล้ว การที่พวกเขาจะไปหางานใหม่ที่อื่น ย่อมง่าย ใครๆ ก็พร้อมที่จะรับ (เฮ้อ!) การรักษา Turnover Rate ให้อยู่ในระดับต่ำก็เป็นปัญหาหนึ่งขององค์กรใหญ่ๆ ที่มีคนดีๆ เยอะ

ผมเชื่อว่าทุกอย่างเริ่มจากการตลาด เพียงแต่ว่าคนไทยเรา มีความเป็นชาตินิยมสักนิด ซื้อหาของที่ผลิตด้วยมือเราจริงๆ ในราคาที่เหมาะสม แม้ว่ามันจะไม่สุดยอด แต่เพียงคุ้มกับราคา (อาจจะดีเลิศไปเลย แต่แพงหน่อย บางทีเราก็ไม่กล้าซื้อแล้ว) เราก็น่าจะสนับสนุนคนไทยด้วยกันเอง เดี๋ยวบรรดานายทุน นักลงทุน วิศวกรไทย นักการตลาดไทย ก็หันมาช่วยกันทำสินค้าไทยๆ ให้ดีขึ้นเอง ประเทศก็พัฒนาได้เองครับ มันเป็นผลต่อเนื่องกัน

ไม่มีอะไรหรอกครับ บ่น และ เล่า ให้ฟังเฉยๆ ตามประสาคนแก่...

ผมเองยังอีกไกลครับ เป็นแค่น้องปี 1 ค่ายบางเขนครับ

ตอนนี้ยังไม่กล้าหวังเงินเดือนสูงๆๆอ่ะครับ เพราะเคยลองนับวัฏจักรเศรษฐกิจดูแล้วมันจะไปทรุดตอนช่วงผมจบพอดี เคยคิดไว้แล้วว่าระหว่างนั้นก็คงไปเรียนต่อ ป.โทดีกว่าครับ รอเวลาเศรษฐกิจฟื้น จะได้ทำงาน......

มีปัญหาคาใจ อยากถามมานานแล้วค่ะ...

นอกจากเหตุผลที่คุณโป้งว่ามาแล้ว

ทำไม "วิศวะ" ถึงได้เป็นนักเล่น เอ๊ย! นักลงทุนกันเยอะคะ ???

Guang Ming เขียน:คุณ Bangkok
จบปี 36, รหัส 32 หรือปล่าวครับ ถ้าใช่ก็รุ่นเดียวกะผมเลยสิ ผมจบคอมพ์

ถ้าอยากได้เงินเดือนขึ้นเยอะ ๆ เร็ว ๆ ให้ทำงาน บ.ฝรั่งครับ
ถ้าได้ถูกส่งไปทำงานเมืองนอกด้วยใช้ประหยัด ๆ เก็บเบี้ยเลี้ยงได้เพียบครับ

ครับผม รหัส 32 ครับ แต่ก่อน ทำงาน กับ บ.ไทย-ญี่ปุ่น ตอนนี้ ทำงาน กับ บ.ฝรั่ง-แขก ครับ
สรุปแล้ว วิศวกรไทย over supply ครับ demand โตไม่ทัน
ส่วนที่ว่า ทำไมมาเล่นหุ้นกันเยอะ ผมว่า พวกวิศวะนี่ รายได้ดี + ชอบเสี่ยงหรือเปล่าครับ ถ้าพูดสวยๆก็ แบกรับความเสี่ยงได้

enokwan wrote:

ทำไม "วิศวะ" ถึงได้เป็นนักเล่น เอ๊ย! นักลงทุนกันเยอะคะ ???

ต้องการมีอิสระภาพทางการเงินครับ หรือพูดง่ายๆคือ อยากรวย อยากชนะตลาด เหมือนพี่ๆหลายๆคนใน board ทำสำเร็จกันมีเงินเหลือกินเหลือใช้ โดยไม่ต้องเป็นมนุษย์เงินเดือน (คนที่มีความสุขผมว่าก็เป็นคนกลุ่มนี้ ให้คนอื่นทำธุรกิจแทนเรา เหนื่อยแทนเรา คิดแทนเรา หาผลกำไรให้เรา)

วิศวกรช่วง พศ. 30-38 เป็นช่วง hot มากสำหรับอาชีพนี้ ใครที่จบมาใหม่ๆไม่ใช่แค่มีงานรองรับ แต่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก จนค่านิยมสมัยผมฮิตมากกว่า ent' เข้าแพทย์ซะอีก พอเจอพิษเศษรฐกิจ วิศวเป็นอันจบตำนาน จนในปัจจุบันก็ได้รับเงินเดือนเหมือนจบคณะอื่นๆ โลกปัจจุบันมันแข่งด้วยความสามารถแล้วครับ

เพื่อนผมจบศึกษาศาสตร์ เป็น MD แล้วครับ เงินเดือนสองแสนกว่า ยังไม่รวมรถประจำตำแหน่ง ค่าน้ำมัน ค่าตอบแทนผู้บริหาร แต่นั้นเขาเก่งจริงๆ กับเพื่อนผมอีกคนจบโทวิศวะ (เรียนโท 4 ปีเต็ม) ได้เงินเดือนสองหมื่นกว่า โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจะมาพึ่งวุฒิการศึกษาอย่างเดียวไม่ได้แล้ว