หน้า 2 จากทั้งหมด 2

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 8:31 pm
โดย Jeng
อืม ผู้ติดตาม เล่าต่อซิ มีประโยชน์มากครับ ทำไงถึงรอด เผื่อผมเอาไปทำมั่ง

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 10:16 pm
โดย มือเก่าหัดขับ
สนใจนานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีเงิน และไม่มีโอกาสได้ศึกษา หรือเรียนรู้

ต่อจนได้มีโอกาสเรียน ( เชื่อไหม ตอนที่ผมเรียน ป.โท อีกใบหนึ่งนั้น ผมอายุไม่น้อยแล้ว
แต่ผมผมจ่ายเงินค่าเรียน ป.โท ต่างๆ เองไม่ได้นะ ผมรู้สึกว่าพ่อจะมีความสุขมากที่ได้จ่าย
เงินให้ผมได้เรียน พ่อบอกว่า "พ่อไม่มีโอกาสได้เรียน เมื่อแกมีโอกาส พ่ออยากให้แกได้
เรียนมากๆ อย่างที่แกอยากจะเรียน" ) วิชาเกี่ยวกับการบริหาร และการเงิน ผมก็เริ่มสนใจ
และเริ่มไปเปิดพอร์ต แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรอยู่นาน

จนมาวันหนึ่ง หลังจากที่เปิดพอร์ตแล้ว ผมมารู้ทีหลังว่า ป๋าเราเองนี่แหละ ที่กำหุ้นเอาไว้เยอะ
ใจก็คิดได้ว่า หากวันหนึ่ง เราจะต้องเป็นคนดูแล แล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันจะต้อง บัน ละ ลัย
แน่นอน เลยกระโดดเข้ามา ( เห็นไหม ฟังดูเหมือนเป็นคนดีเลย รักษาสมบัติพ่อแม่ ฮ่าๆๆ )

ตอนแรก บอกตรงๆ ว่าเริ่มด้วยเงินไม่กี่หมื่น เพราะต้องการเพียงเรียนรู้ คิดในใจเพียงแต่ว่า
เออนะ เสียสี่ห้าหมื่น ถือว่าเป็นค่าวิชา เอาไว้รักษาหุ้นป๋าที่มีอยู่ ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้...
แต่ไปๆ มาๆ มันชักจะไม่ใช่แล้วแฮะ

ก็ทำงาน เก็บเงินมาเรื่อย ทำงานส่วนตัวด้วย ล้มลุกคลุกคลานด้วยสาเหตุหลายประการ
แต่โชคดีไม่เคยเจ็บตัว ไม่เคยเป็นหนี้เป็นสิน สุดท้ายแล้วค่อยๆ สะสมเงินทองของตัวเอง แล้ว
ก็เริ่มลงทุน เริ่มทีละนิด จากห้า หก เจ็ด หลัก... เฮ้อ! ยังสงสัยอยู่ว่า ซื้อไปได้ไงเนี่ย
แต่มานั่งคิดๆ ดู ถ้าไม่ได้ลงทุน ป่านนี้ (ส่วนตัว) ก็คงไม่มีหุ้นขนาดนี้เหมือนกัน และเฉลี่ยเดือนๆ
หนึ่ง ก็คงไม่มีปันผลรับขนาดนี้เช่นเดียวกัน ( หวังว่ามันจะไป แปดหลัก เก้าหลัก ด้วยตัวผมเอง
โดยไม่เกี่ยวกับป๊ะป๋า )

เรื่องหุ้น และการลงทุน ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปจริงๆ นะครับ
คือมีความสุขขึ้น รู้ว่า สุดท้ายปลายทางแล้วเราต้องการอะไร
และจะหาเงินมาทำอย่างที่เราต้องการได้อย่างไร ด้วยวิธีไหน :P :P :P

หมายเหตุ
ขออภัยนะครับ อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวไปหน่อย แต่ว่าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนครับ ผมคิดว่า
เหตุแห่งการกระทำอะไรของคนเรา ก็มีเหตุผลต่างๆ กันไป แต่ว่าขอให้อย่าได้เบียดเบียนใคร
ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเองและสังคม และตัวเราก็มีความสุขด้วย ก็พอแล้วครับ

เมื่อตอน สึนามิ ที่ผ่านมา ทั้งผมทั้งพ่อ ช่วยกันบริจาคเงินไปช่วยภาคใต้ โดยไม่ได้ชวนกันก่อน
ก็เป็นเงินปันผลที่ได้รับมาด้วยส่วนหนึ่งนั่นแหละครับ เมื่อเรามี เราก็เป็นผู้ให้บ้าง...

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 19, 2005 10:29 pm
โดย JoJotaro
1 ปีเองครับ ต้องให้ชี้แนะอีกเยอะ

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 12:23 am
โดย bigshow
1ปี 4 เดือน ที่เล่นเพราะอกหักโดนหญิงทิ้ง :cry: ตอนนั้นอยากทำธุรกิจแบบ
แฟร์นชายด์ 7-11 กับ tsutaya แต่เงินไม่พอมีอยู่ล้านเดียว พอได้อ่านหนังสือ ตีแตก ก็เลยปลี่ยนความคิดมาลงทุนในหุ้นแทน :lol:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 12:45 am
โดย ผู้ติดตาม
:arrow: ต่อครับ แสงสว่างที่มีก็คือผมพอจะเหลือเงินสดในบัญชีอีกเกือบ 2
แสนบาท จริงๆ ควรเหลือมากกว่านี้ แต่การใช้ชีวิตแบบไร้หางเสือแบบมนุษย์
เงินเดือนที่คิดว่าทุกสิ้นเดือนก็ต้องมีเงินก้อนหนึ่งในบัญชี ทำให้ผมนำเงินใน
อนาคตมาใช้มากมาย เล่นหุ้นโดยใช้ O/D ที่ค้ำด้วยบ้าน ซื้อทุกอย่างด้วยบัตร
เครดิต อยากมีคอนโดในเมือง อยากมีสวนผลไม้เล็กๆ ดังนั้นผมก็เลยดาวน์
เพื่อเตรียมผ่อนทุกอย่าง เมื่อต้องตกงานในปี 41 ก็เลยตัดสินใจไม่เป็นลูกจ้าง
ร่วมกับลูกน้องที่เป็นเพื่อนร่วมตกงานตั้งบริษัทด้วยเงินที่ได้มาจากการออก
จากงานใครมีมากออกมากใครมีน้อยก็ออกน้อย แต่บริษัทที่เริ่มต้นด้วยเงินน้อย
ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ มันทำให้ผู้ก่อตั้งและบริหารงานไม่มีเงินเดือน
ไป 7 เดือน ทำท่าจะไม่รอดแล้ว ผมจะบอกกับแม่อย่างไรว่าบ้านที่อยู่อาจถูก
เขายึด ผมตัดสินใจใช้วันเสาร์และอาทิตย์ช่วงกันยา 42 เอาโจทย์ทุกอย่างที่
มีมาวางไว้
1.ผมเหลือเงินเกือบ 200,000 กับรถยนต์เก่าๆ 1 คัน ดังนั้นผมต้องไม่พลาดอีก
2.ผมต้องตัดค่าใช้จ่ายแบบไร้สาระให้หมด เริ่มจากทิ้งเงินดาวน์คอนโด ส่วน
สวนผลไม้เจ้าของเจ๊ง ธนาคารยึดผมก็ไม่ต้องตัดสินใจอะไรเพราะเงินดาวน์
ฟรีไปเรียบร้อย ถึงให้ผมกู้ผมก็ไม่เอาแล้ว
3.ผมต้องจัดการเรื่อง O/D ด้วยการ Refinance ไปยังธนาคารอื่นที่ไม่เอา
เปรียบแบบธนาคาร C ที่เอาเปรียบขนาดนี้ ก็ต้องยอมกู้ร่วมกับพี่ชายเพราะ
ลำพังตัวเอง ธนาคาร B ไม่เชื่อถือ
4.บริษัทที่ทำอยู่กำลังลุ้นโครงการใหญ่ที่ทุ่มทุกอย่างที่เหลือลงไป ถ้าไม่ได้
ผมคงต้องกลับไปทำงานประจำ แล้วหางานมาป้อนกลับให้บริษัทที่ยังมีลูก
น้องอยู่
5.เข้าเรื่องสำคัญครับ ผมเอาพอร์ตหุ้นมาดูอย่างจริงจัง มีหุ้นหลายตัวที่มีการ
กล่าวว่าดีมากๆ แต่พอเจอวิกฤตก็จบเห่หมด แต่มีอยู่ 1 ตัวที่ผมซื้อโดยไม่ได้
คิดอะไรเพียงแต่สงสัยว่าทำไมมันจ่ายปันผลเยอะจัง แล้วที่น่าแปลกใจคือเมื่อ
ผมลองคิดปันผลดูพบว่าหุ้นตัวนี้จ่ายปันผลให้ผมมาตลอดจนแทบจะไม่เหลือ
ต้นทุนแล้ว หุ้นตัวนั้นคือ FE เอาล่ะซิ ทำไมหุ้นที่ผมซื้อแบบไม่ได้คิดอะไรมัน
ถึงดีอย่างนี้ แต่ใช่ว่าราคาไม่ลงนะครับลงเหมือนกันแต่มันไม่หยุดจ่ายปันผล
อ่ะ แล้วที่สำคัญถึงอยากขายก็ขายยากจริงๆ เพราะมันฟันหลอครับ

ก่อนที่จะเขียนต่อขออนุญาตดูแมนยูก่อนครับ

ปล. ผมขอโทษครับที่ใช้กระทู้นี้เล่าเรื่องประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าคิดว่าไม่
เหมาะสมบอกได้ครับ :arrow:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 12:49 am
โดย Jeng
เหมาะสมมากครับ เว็บนี้ต้องการเรื่องส่วนตัวเยอะๆครับ ทั้งสำเร็จและล้มเหลว อยากเก็บเป็นบันทึกไว้ทั้งหมด

อืมเว็บนี้ตั้งใจ ว่าฐานข้อมูลจะใหญ่ไปเรื่อยๆ ไม่มีการลบนะครับ

อีก 10 ปี ใหญ่แค่ไหนก็ต้องหาเงินมาหาพื้นที่เก็บไว้ครับ เพราะเราเชื่อเรื่องการเรียนรู้ ทั้งจากคนที่สำเร็จ และล้มเหลวครับ

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 9:25 am
โดย yakole
ผมเริ่มลงทุน เมื่อ ก.ค.46 และโชคดีมากๆ ที่ได้มาเจอเวปนี้ ได้พบกับ
ความรู้ ความเห็นที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญต่อการเป็นนักลงทุนที่ดี ทำให้มีความรู้ ความเข้าใจพอสมควรในการลงทุน

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 7:41 pm
โดย booklover
อยากอ่านอีกครับคุณผู้ติดตาม อยากอ่านประสบการณ์ของพี่เจ๋ง
พี่ครรชิต พี่ฉัตรชัย พี่มน พี่invisble พี่คัดท้าย พี่มือเก่า
พี่ๆทุกๆท่านเลย
ครับได้อ่านประสบการณ์คนอื่นจะได้นำมา apply ได้ครับ
ถ้าไม่ลำบากไปอยากให้โพสเป็นห้องประสบการณ์เลยก้อดีครับ
ผมอ่านอย่างเดียวมา 1ปีแล้วครับชอบมากๆเลยครับ

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 7:52 pm
โดย ปุย
น่าสนใจดีครับ เรื่องของ k.ผู้ติดตาม นั่งรออ่านต่อ

[ตอบคำถาม]ส่วนตัวผม เล่นมาเกือบๆ 3 ปีครับ ไม่ค่อยได้ซื้อ-ขายมากเท่าไร

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.พ. 20, 2005 11:56 pm
โดย ผู้ติดตาม
:arrow: สิ่งสำคัญที่ผมต้องเล่าเรื่องส่วนตัวประกอบด้วยเพราะ ตั้งแต่ 1-4
เป็นการบอกให้รู้ว่า ผมคิดอย่างไร ตัดสินใจอย่างไร ในสภาวะแวดล้อมขณะ
นั้น เพราะการตัดสินใจ ในขณะนั้นมันเป็นสิ่งที่ผมใช้เวลาเงียบๆ ขลุกอยู่กับ
ตัวเองคนเดียวถึง 2 วันเต็มๆ ผมกำลังจะบอกว่าเมื่อผมกางพอร์ตออกดู แล้ว
เปรียบเทียบการเล่นหุ้นของผมกับการดำเนินชีวิตและการทำงาน พบว่ามันให้
ผลคล้ายกันมาก และถ้าผมไม่เปลี่ยนแปลงมันก็คงให้ผลไม่ต่างจากเดิมๆ ที่
ผ่านมา ผมเอาหุ้น FE ที่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าการลงทุนอย่างนี้มันคืออะไร (ตอน
หลังเมื่อได้อ่านมากๆ ขึ้นและดูจากหลายๆ Web รวมทั้งที่นี่จึงรู้ว่าแบบนี้น่าจะ
พอเรียกว่า VI) แต่ผมยังขาดอยู่ 2 อย่างคือ ผมไม่ได้เอาเงินปันผลและเครดิต
ภาษีที่ได้มาลงทุนซ้ำ ทำให้เสียโอกาส และ ผมมีเงินเหลือแค่เกือบ
200,000 มันไม่เหมาะแน่กับการลงทุนในภาวะขณะนั้น เพราะเวลาที่ผมใช้ทิ้ง
ขว้างก่อนหน้านี้มันมากเกินไป แต่แน่นอนผมเริ่มรู้แล้วว่า ยังมีการเล่นหุ้นอีก
แบบที่ให้ผลลัพธ์ได้ดีจากเงินปันผล และช่วงเวลาหนึ่งทีผ่านไปมันจะมี
Capital Gain ตามมา ซึ่งผมต้องใช้เวลาและความรู้จาก MBA ที่ผมจบมานาน
และโทษมาตลอดว่าไม่รู้เรียนไปทำไมไม่เคยได้ใช้ประโยชน์ แต่ภายหลังคำ
ตอบคือ รู้แต่นำไปประยุกต์ใช้ไม่เป็นต่างหาก เพราะเมื่อเริ่มนำมาใช้มันจะเกิด
ปัญหาให้คิดต่อและตัดสินใจว่า ใช่อย่างที่คิดหรือไม่ กลับมาที่เรื่องการตัดสิน
ใจเล่นหุ้นของผม ผมว่าผมมีเงินไม่มากหุ้นในพอร์ทำไมมันมีเยอะตัวจัง หลาย
ตัวขึ้นลง 10% ก็ทำให้ผมกำไรได้แค่หลักพัน รวมทั้งเวลาสั่งซื้อขายกับมาร์ก็
เหมือนกับเขาไม่ให้ความสำคัญ ช่วงที่ชุลมุนโทรศัพท์ของเราถูกแขวนรอ
ทุกที แล้วเราก็ขาดทุนซึ่งผมพบว่ามีกระทู้ในหลาย Web โทษเหตุการณ์แบบ
นี้ไปที่มาร์ทั้งหมด ทั้งๆ ที่เราเองต้องยอมรับส่วนหนึ่งว่า ซื้อ Lot ใหญ่กับ Lot
เล็กในเวลาเดียวกัน ในทางธุรกิจยังไงเขาก็ต้องเลือก Lot ใหญ่ก่อน

ผมจึงตัดสินใจขายหุ้นที่ผมไม่มีเหตุผลที่จะเลือกเล่นทิ้งทั้งหมด เหลือหุ้นทั้ง
พอร์ตอยู่ 2 ตัวคือ FE อีกตัวคือ Tisco มันมีเหตุผลคือ FE ผมตั้งใจให้เป็นต้น
แบบในการลงทุนระยะยาว เพื่อหวังปันผลเป็นหลัก ส่วน Tisco นี่เป็นหุ้นที่ผม
น่าจะเข้าใจมันมากที่สุด เพราะเคยทั้งกำไรกับมันมากสุดและขาดทุนกับมัน
หนักสุด รวมทั้ง Tisco ในขณะนั้นเป็นหุ้นตัวนึงที่มี Story ให้รอเล่นอยู่หลาย
เรื่อง ผมรู้ว่า Web นี้น่าจะพูดถึง VI แต่ตามความคิดผม คุณจะเป็น VI ได้ต้อง
ดูสภาวะตัวเองทั้งเรื่องเวลาและเงินทุนที่ใช้ ผมแก้ปัญหาเรื่องหนี้ไปแล้ว แต่ก็
ยังมีหนี้ที่ต้องทยอยผ่อนอย่างน้อยก็ค่าดอกเบี้ย เพราะผมยังเลือกที่จะให้มัน
เป็น O/D เหมือนเดิม ส่วนอีกด้านคือเรื่องงานเขาว่า คนเราเมื่อจังหวะมันต่ำ
สุดแล้วมันมีแต่จะดีขึ้น ปรากฎว่าผมได้งานใหญ่ที่เหลือเป็นวิธีการเจรจาทาง
ธุรกิจให้ Supplier เชื่อว่าเราจัดการได้จริง ตอนนี้ผมจะเปรียบเทียบให้ดูว่า
งาน การใช้ชีวิต และการเล่นหุ้นมันคล้ายกันอย่างไร

1. การที่ผมตัดสินใจทิ้งเงินดาวน์ทั้งคอนโดและสวนผลไม้ ก็คล้ายกับการที่ผมตัดทิ้งหุ้นที่ผมไม่คิดจะเล่นและลงทุน
2. การที่ผม Refinance ก็เหมือนกับการที่ผมเลือกหุ้นที่ผมจะลงทุนและเล่น
ต่อไป อันนี้ผมคิดว่าถ้าอยู่ที่เดิมผมจ่ายดอกแบบที่เขาตีความว่าผมเป็นพวก
ผิดนัดชำระเงิน ทั้งๆ ที่ผมจ่ายดอกเบี้ย O/D ที่ใช้มาตลอด แต่เมือคุยกับเขา
เขาบอกว่า O/D เป็นเงินทุนหมุนเวียนมีอายุแค่ 1 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วหาก
ทางธนาคารเห็นว่าผู้กู้ยังน่าเชื่อถืออยู่ก็จะต่ออายุไปให้ แต่ถ้าเห็นว่าเสี่ยงก็จะ
เรียกเงินนั้นคืน ในกรณีนี้เมื่อเรียกคืนผมไม่มีจ่าย เขาก็เลยถือว่าผมผดนัด
ชำระเงินคิดอัตราสูงสุดน่าจะ 19-20% ในขณะที่ที่ใหม่คิด 8.5% นั่นคือผม
ต้องเลือกหุ้นที่จะให้ผลตอบแทนกับผมได้ดีทีสุดเท่าที่ผมจะหาได้ในขณะนั้น
3. ผมได้งานใหญ่ในภาวะที่ตกต่ำสุดๆ ซึ่งต่อให้ผมไม่ได้ผมก็เตรียมทางออก
ไว้แล้ว แต่ผมเสี่ยงทุ่มที่จะทำงานใหญ่ทั้งหมดเพราะ ไม่มีอะไรเสีย เหมือนกัน
เมื่อหุ้นตกแบบสุดๆ แล้วทุกคนอยู่ในภาวะกลัวกันหมด ทั้งที่ตอนนั้นมันหา
เหตุผลที่จะตกต่อไปอีกก็ไม่มี คุณซื้อไปถ้ามีโอกาสก็น่าจะมีแต่ได้กับได้
สำหรับหุ้นที่ผลดำเนินงานยังไปได้อยู่

ผมบอกไม่ได้ว่าการแก้ปัญหาทั้งหมดมันดีพร้อม เพราะหลายอันเมื่อเวลาผ่าน
ไปแล้วรู้ผลลัพธ์ ผมรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นไม่ตัดสินใจอีกแบบ มันเหมือนกับ
การเล่นหุ้นที่พอรู้ผลในแต่ละช่วงเวลาทำให้เรามักจะโทษตัวเองว่าทำไมตอน
นั้นไม่ทำอีกอย่างที่ดีกว่านะ ทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นแต่พยายามตัดใจให้เร็วที่สุด
เพราะเราเปลี่ยนแปงอดีตไม่ได้ แต่เตรียมการสำหรับอนาคตได้ สังเกตนะ
ครับว่าผมแยกระหว่างเล่นหุ้นกับลงทุน คุณคงเดาออกว่าผมเอาหุ้นไหนเล่น
และเอาหุ้นไหนลงทุน

ยอมรับเลยครับเขียนนี่มันยากกว่าอ่านจริงๆ อ่านบอร์ดต่างๆ มา หลายปีตั้งแต่
พันทิพย์เป็นที่แรก แต่ไม่เคยสมัครสมาชิก เคย Post ในที่ต่างๆ นับครั้งได้แต่
ก็แค่สั้นๆ แต่ที่นี่ผมเข้ามาอ่านเกือบทุกวันที่มีโอกาส รู้สึกจะมีสมาชิกคนนึง
เขียนว่าผู้ที่มาเยือนที่ Online อยู่ขอให้แสดงตัวก็เลยรู้สึกละอายที่เอาแต่แอบ
อ่านอย่างเดีบว เลยสมัครสมาชิก ส่วนอันนี้หัวข้อมันกระตุ้นว่าคุณลงทุนมากี่
ปี ทำให้รู้สึกอยากจะบอกอะไรที่เป็นประสบการณ์เผื่อสมาชิกบางท่านจะได้นำ
ไปหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ผมเดินผิดพลาดได้ ถัดไปผมจะมาต่อว่าหลังจากผม
จัดการวิธีการลงทุนแบบแบ่งเป็น 2 ส่วนแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง :wink: :arrow:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 12:14 am
โดย Blueblood
ของผมประมาณ 3 ปีครับ :)

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 11:17 am
โดย yoyo
2 ปี 1 เดือนครับ

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 11:29 am
โดย edd
10 ปี ครับ เริ่มปี 2537 ตอนนั้นเป็น lending officer ให้กับ finance ที่นึง ต้องปล่อยกู้ให้กับลูกค้า listed ใน set ด้วย

ตอนจะปล่อยกู้ก็ต้องดูงบเค้า ศึกษาธุรกิจเค้า ถ้าดี ก็เสนอบอร์ดเพื่อขออนุมัติ และก็ซื้อด้วย ได้ประโยชน์ 2 ต่อครับ

แต่หลังจากเปลี่ยนงาน ก็มาเล่นแนว VS เป็นส่วนใหญ่ ก็ลุ่มๆดอนๆครับ

พึ่งเริ่มกลับมาแนว VI ก็ 2-3 นี้ครับ

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 11:53 am
โดย อินทรีทอง
ขอบคุณคุณผู้ติดตามมากๆเลยครับที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ให้ฟังของผมก็อยู่ในตลาดประมาณ 6 ปีกว่าครับ ก็เริ่มจากการขาดทุนเหมือนกันครับก็โชคดีที่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือตีแตกของ ดร.นิเวศน์ กับหนังสือของ บัพเฟต พอร์ตลงทุนก็เริ่มทำผลตอบแทนขึ้นมาเรื่อยๆครับ ก็ดีใจที่ตัดสินใจลงทุนในแนว VI ครับ

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 1:05 pm
โดย iscssn
เข้าตลาดเดือน พ.ค. 47 ครับ ไม่รู้เป็น vi หรือ vs ก็ปรับ port บ้างตามความจำเป็น ขอขอบคุณ board แห่งนี้ที่มีส่วนทำให้ไม่เป็นแมงเม่าในขณะนี้ครับ โดยสรุป port ก็มีกำลังบ้าง 20% :D

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 2:54 pm
โดย Ont
ประมาณ 3 ปีครับ :oops:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 3:16 pm
โดย wizard
ตอบลงทุนในหุ้นมา 2 ปี
เป็น value invester
เนื่องจากเป็นวิศวกรโยธา จึงค่อนข้างขี้กล้ว ชอบมี factor of safety
ขอแค่ 10% ต่อปี ก็พออยู่ได้สบายแล้ว

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 3:30 pm
โดย pa_chit
1 ปีกับ 5 เดือน ครับ

เป้าหมายหลักคือเป็น Vi

แต่ตอนนี้ยังเป็นลูกครึ่งอยู่เลย

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 21, 2005 8:31 pm
โดย baggio
1 ปี 8 เดือน ครับ
เล่นไปศึกษาไป ตอนนี้คิดว่าน่าจะดีขึ้นกว่าเดิม
ปีแรกขาขึ้น ปีที่แล้วขาลง ปีนี้เป็นไงต่อไป...

คิดว่า style ตัวเองน่าจะต้องเป็น vi กำลังฝึกฝนอยู่ :D

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 22, 2005 4:29 pm
โดย thaweesak
พ.ย. 47. มือใหม่สุด.
เพื่อนผมบอกว่าผมโชคดีที่เข้าตอนSETกำลังขึ้นซึ่งเขาแนะนำให้ขายทำกำไรเรื่อย ๆ ถ้าไม่อยากติดดอย แต่ว่าผมอยากเป็น VI เพราะอ่านหนังสือของดรนิเวศน์แล้วชอบ จึงพยามยามถือหุ้นให้นานไว้ก่อนเพื่อรับปันผลและคำเตือนอีกอย่างคือจงระวังเวลามันลงก็แล้วกัน แล้วจะเสียใจที่ไม่ทำกำไรเมื่อมีโอกาส.
:D

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 22, 2005 8:11 pm
โดย ผู้ติดตาม
:arrow: หลังจากที่แบ่งหุ้นเป็น 2 ส่วนคือลงทุน กับ เล่นหุ้น (ต่อไปนี้ผมจะ
พยายามไม่เอ่ยถึงชื่อหุ้น) ผมกำหนดวิธีการสำหรับแต่ละแบบดังนี้

การลงทุน
1. ผมเริ่มจากค้นหาหุ้นที่มี P/BV ต่ำๆ และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
2. ผมเลือกหุ้นที่จะลงทุนไม่เกิน 4 ตัว มีแล้ว 1 ตัว
3. ผมเริ่มศึกษางบการเงินและทำความเข้าใจในตัวบริษัทต่างๆ โดยดูจาก
www.set.or.th

เดี๋ยวมาเขียนต่อครับ :arrow:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 22, 2005 8:35 pm
โดย ลูกอิสาน
ยอมรับเลยครับเขียนนี่มันยากกว่าอ่านจริงๆ อ่านบอร์ดต่างๆ มา หลายปีตั้งแต่
พันทิพย์เป็นที่แรก แต่ไม่เคยสมัครสมาชิก เคย Post ในที่ต่างๆ นับครั้งได้แต่
ก็แค่สั้นๆ แต่ที่นี่ผมเข้ามาอ่านเกือบทุกวันที่มีโอกาส รู้สึกจะมีสมาชิกคนนึง
เขียนว่าผู้ที่มาเยือนที่ Online อยู่ขอให้แสดงตัวก็เลยรู้สึกละอายที่เอาแต่แอบ
อ่านอย่างเดีบว เลยสมัครสมาชิก ส่วนอันนี้หัวข้อมันกระตุ้นว่าคุณลงทุนมากี่
ปี ทำให้รู้สึกอยากจะบอกอะไรที่เป็นประสบการณ์เผื่อสมาชิกบางท่านจะได้นำ
ไปหลีกเลี่ยงในสิ่งที่ผมเดินผิดพลาดได้ ถัดไปผมจะมาต่อว่าหลังจากผม
จัดการวิธีการลงทุนแบบแบ่งเป็น 2 ส่วนแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง
ไม่ทราบคุณผู้ติดตามเป็นคนเดียวกับ ผู้ติดตาม ที่เคยคุยกันกระทู้เรื่อง PR นานมาแล้ว หรือเปล่าครับ.. :o


บางคนพูดว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น ไม่ต้องไปลองผิดลองถูกทดลองเอง ซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ และผมก็ชื่นชมผู้ที่แบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นมากครับ อะไรจะดีไปกว่าการ ให้ ใช่ไหมครับ :lol:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 22, 2005 11:12 pm
โดย ผู้ติดตาม
:arrow: ขอโทษครับ พอดีตอนแรกอยู่ที่ออฟฟิศ ตอนนี้กลับมาที่บ้านแล้ว
ถือโอกาสสวัสดีคุณลูกอีสานด้วยครับ ดีใจครับที่ยังจำผมได้ เมื่อก่อนโพสต์
โดยไม่ต้องล็อกอินได้ แต่ตอนนี้เป็นสมาชิกแล้วครับ ส่วนเรื่อง PR ตอนนี้ผมมี
มากกว่าเดิมอีก 5,700 หุ้นครับ :o ต่อเลยครับ

4. ผมใช้เวลาคัดหุ้นก่อนจะเริ่มสะสมประมาณ 6 เดือน PR คือหนึ่งในตัวที่ผม
เลือก ส่วนอีก 2 ตัวอยู่ในกลุ่มประกันภัยและกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม

การเล่นหุ้น ผมเลือก Tisco เพราะผมถือมันมาอย่างยาวนาน จนพอจะจับ
จังหวะมันได้ รวมทั้งผมคิดว่ามันมี Story ให้ผมเล่นอีกพอสมควร เพราะขณะ
นั้น Tisco มี 3 ตัวคือ Tisco, -p และ -c1 ผมเริ่มจาก Tisco โดยรอซื้อที่ต่ำ
กว่า 10 บาท ถ้าขึ้นขายโดยเฉพาะถ้าเกิน 11 บาท ผมได้เล่นรอบพอสมควร
แต่มีปัญหา คือมันไม่ได้อย่างที่ต้องการ ณ เวลานั้น ที่สำคัญถ้าเป็นอย่างนี้ผม
ไม่มีทางที่จะหาเงินไปลงทุนในหุ้นที่ผมคัดเลือกได้แน่ สาเหตุคือ
1. ผมไม่ได้เห็นหุ้นแบบ Real Time เพราะผมไม่สามารถอยู่ที่ห้องค้าได้
2. เวลาสำคัญผมจะเจอปัญหา โทร.ไปไม่มีคนรับสาย มาร์ผมติดสายคนอื่น
ถูกมาร์ทักแล้วเปลี่ยนราคาหรือ จำนวนหุ้น และอายที่สั่งซื้อหรือขายในจำนวน
หรือราคาที่ดูแล้วไร้เหตุผล
3. ผมไม่ทำตามกฏที่วางไว้ เช่น ขายก่อนเวลาที่กำหนด ซื้อทั้งที่มีดยังไม่ปัก
เขียง หรือพูดอีกที่คือผมไม่นิ่งพอ
จากปัญหาที่เกิดขึ้นด้านบนมันมี 2 สิ่งผมต้องแก้ สิ่งแรกคือผมต้องหาวิธีการ
ซื้อขายที่ให้ผมเห็นราคาได้ใกล้เคียงเวลานั้นมากที่สุด สิ่งที่สองผมต้องฝึก
จิตใจให้นิ่งหรือหนักแน่นมากกว่านี้ ซึ่งมันมีหลายอย่างที่ผมสามารถทำให้ผม
นิ่งได้ เช่นอยู่เงียบๆ คนเดียว ทำตามสิ่งนึกข้นมาได้ในครั้งแรก ฯลฯ แต่สรุปก็
คือ มันทำให้ผมนิ่งได้จริงเมื่อผมเริ่มลงทุนหรือที่เรียกว่าเล่นแบบ VI เพราะผม
ต้องรอให้ได้ที่ราคาต้องการ ผมต้องทนเมื่อราคาหุ้นมันต่ำกว่าที่ซื้อมามากๆ
แต่ก่อนอื่นเลยคือต้องแก้สิ่งแรกก่อน เหมือนว่าตลาดหุ้นเห็นใจผมที่อดทน
เล่นหุ้นมานาน ผ่านสารพัดเหตุการณ์แต่ไม่เคยจำ ผมอ่านเจอว่า Phillip ให้
เล่นหุ้นผ่าน Net โดยต้องต้องฝากเงินเข้าไปก่อนเรียกว่า แบบ Prepaid มัน
ตรงกับที่ต้องการไปหมด เพราะเวลาเล่นหุ้นผมมักจะเอาเงินเติมเพิ่มตลอด
เวลา ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่ผิดมากๆ แต่ตอนเริ่มผมก็กลัวเหมือนกันเลยลอง
แหย่ไปแค่ 200,000 - ขอเปิดพอร์ตเพื่อศึกษาดูว่ามันเป็นอย่างที่ผมคิดหรือ
ไม่ ผลคือผ่านไป 3 เดือนผมย้ายพอร์ตทั้งหมดไปเล่นทางเน็ตอย่างเดียว ผม
เริ่มเล่นได้ โดยเรียงการเล่น Tisco -> -c1 -> -P ผมได้เงินกำไรจากตัวนี้
ประมาณล้านเศษ จริงๆ น่าจะได้มากว่า 2 ล้านแต่เพราะไม่ยอมทำตามกติกา
ที่ตั้งผมดื้อเล่น Tisco-P โดยตามซื้อในราคาที่สูง แล้วไม่ยอม Stop Loss เมื่อ
ราคาตกมาถึงจุดแล้ว ก็ตัดสินใจขายเมื่อทนไม่ได้ ขายที่ 22.- ไปตามซื้อที่
24.- ไม่ผ่าน 25.-แล้วตกลงมาถึง 20.- ไม่ Stop ไปปล่อยหมดที่ 16.- สรุป
รอบเดียวโดนไปหลายแสน ผมหยุดเลยผมรู้แล้วว่าเมื่อผิดจังหวะผมควรหยุด
รอ ผมเอาเงินกำไรจาก Tisco series ไปทยอยซื้อลงทุนในหุ้นที่ผมได้คัดไว้
รวมทั้งนำเงินเก็บที่รวบรวมได้จากงานที่เริ่มฟื้นแล้ว และผมใช้หนี้ O/D หมด
จากเงินที่ได้จากงานที่เริ่ม OK ตอนนี้ผมไม่มีหนี้ O/D เป็นตัวดำ :arrow:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 12:11 am
โดย ผู้ติดตาม
:arrow: :) ผมอยากจะเขียนเล่าให้ละเอียดกว่านี้แต่ เขียนแล้วบางที่มันก็ทับกันไปทับกันมาจนกลัวว่า คนอ่านจะงง สรุปว่าปัจจุบันผมยังอยู่รอดในตลาดหุ้นได้ และมีความสุขกับการลงทุนและการเล่นหุ้น รวมทั้งปรับปรุงวิธีการเล่นหุ้นและการลงทุนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยใช้ทั้งคลายเครียดเรโช และอีกหลายๆ เรโชมาประยุกต์ โดยหลักใหญ่คือทุกครั้งที่กำไรจากการเล่นหุ้น ผมจะทำคลายเครียดแล้วเอามาลงทุนในหุ้นที่ผมเลือกแทน เชื่อไหมว่าพอร์ตเล่นหุ้นของผมกำไรมากกว่าพอร์ตลงทุนหลายเท่า แต่ผมกังวลกับพอร์ตเล่นหุ้นมากกว่าพอร์ตลงทุนหลายเท่าเช่นกัน เพราะพอร์ตลงทุนจะค่อยเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่พอร์ตเล่นหุ้นมีบางช่วงที่แดงจนเครียด แต่เมื่อผมทำคลายเครียดเรโชไปแล้วปัจจุบันผมเหลือเงินต้นทุนในพอร์ตเล่นหุ้นประมาณ 20% และตั้งใจว่าจะดึงกำไรออกจนต้นทุนหมดไปผมจะได้เล่นโดยไม่เครียด ส่วนพอร์ตลงทุนตอนนี้แม้ว่าบางตัวราคาตอนนี้จะติดลบนิดๆ แต่ถ้ารวมปันผลและเครดิตภาษีก็กำไรอยู่ พอร์ตลงทุนโดยรวมก็กำไรมาตลอดแม้จะต้องเพิ่มต้นทุนที่มาจากพอร์ตเล่นหุ้นก็ตาม 8)

คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองใช้ความคิดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะเวลาที่ผ่านไปจะทำให้คุณรู้จักตลาดหุ้นมากขึ้นตลอดเวลา เช่น ช่วงปี 46 หุ้นเรือเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะ PSL และ TTA แต่ผมรู้จักแต่ RCL แล้วก็คิดว่า RCL อยู่ในตลาดมานานกว่าตอนนั้นผมตัดสินใจทยอยเข้าซื้อหุ้น RCL จนได้ครบ 5,000 หุ้นราคาเฉลี่ยไม่เกิน 55.- เมื่อมีการแตกพาร์ผมก็ยังเชื่อมั่นถือมาตลอด แต่ตอนนั้นมีการ Post เรื่องเรือใน Web ตลาดหุ้นกันอย่างมากผมก็อ่านและมีการโพสต์โต้ตอบบ้าง แต่ในที่สุดเมื่อ RCLวิ่งไปถึง 20.- แล้วล่วงมาเรื่อยๆ ผมเลย ขายทิ้งหมดที่ 13.9 แล้วเอากำไรทั้งหมดรวมกับกำไรที่ผมได้จากห้นไฟตัวหนึ่งไปเข้าซื้อ PSL ปรากฏว่าดอยครับแต่โชคดีที่ผมเอาเงินกำไรที่ได้จากตัวอื่นมาเล่นแม้จะเสียดายแต่ก็ต้องตัดใจพยายามเล่นโดยเอาวิธีการหลายแบบมาใช้ตอนหลังมีคนพูดถึงกันมากคือ DSM วิธีการที่ผมใช้กับ PSL คล้ายแต่ไม่เหมือนทั้งหมดกล่าวคือผมจะทยอยซื้อไปเรื่อยเมื่อมันแดงจนกว่าจกลับมาเขียวหรือหมดงบ และจะเริ่มขายเมื่อเขียวมาถึงราคาตัวที่แดง Step ถัดมา โดยผมทำอย่างนี้เพราะผมเชื่อว่า PSL เป็นหุ้นที่จะยังมีผลงานดีต่อไปอีก 2-3 ปี แม้จะไม่สามารถทำให้ผมกำไรสูงสุดแต่ปัจจุบันผมเหลือต้นทุน PSL ที่ต่ำกว่า 30.- แต่เหมือนกับตอนต้นที่กล่าวไว้ถ้าผมเชื่อในตัวเองอยู่เฉยๆ ผมคงได้กำไรจาก RCL มากกว่าที่จะต้องมาเหนื่อยกับ PSL แต่ผมพยายามตัดใจ เพราะผมแก้อดีตไม่ได้ แต่ผมเตรียมการสำหรับอนาคตได้ อย่างน้อยผมรู้วิธีการเล่นหุ้นอีกแบบที่ใช้วินัยและความอดทน สำหรับหุ้นที่มีอนาคตได้ แต่อย่าลืม ณ ครับผมนับ RCL และ PSL เป็นหุ้นที่มีไว้เล่นเท่านั้น :roll:

:idea: สุดท้ายผมแค่อยากจะสรุปว่า ตอนนี้ผมเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสอยู่รอดในตลาดหุ้นแห่งนี้ และกำลังพยายามลงทุนในหุ้นที่ให้ความปลอดภัยเป็นวัวนมให้ผมได้ตลอดไปชั่วชีวิต ส่วนการเล่นหุ้นมันทำให้ชีวิตมีรสชาดไม่น่าเบื่อแต่สุดท้าย ผมเชื่อว่า ถ้าจะอยู่รอดอย่างถาวรในตลาดคุณต้องมีหุ้นลงทุนที่จ่ายปันผลต่อเนื่องให้มากพอ แล้วทุกวันคุณจะสนุกกับการเล่นหุ้นได้ :?:

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 9:36 am
โดย ลูกอิสาน
ยินดีครับ เป็นผู้ติดตาม จริงๆด้วยครับ

ที่ผมจำได้เพราะคุณผู้ติดตาม มีมุมมองที่น่าสนใจหลายเรื่องครับ และพอพูดถึง RCL PSL ที่ taladhoon.com ผมก็จำได้ขึ้นมาทันทีครับ จำได้ว่าผมและคุณผู้ติดตาม แสดงความเห็นในทำนองสนับสนุน rcl มากกว่า psl รู้สึกว่าคุณผู้ติดตาม จะโพสต์กระทู้นั้นเป็นกระทู้สุดท้ายด้วย.. :roll:

น่าแปลกที่ผมเคยถือ rcl ที่ราคาและจำนวนพอๆกับคุณ ผู้ติดตามครับ แต่ผมขายไปที่ราคาประมาณ 80 บาทก่อนแตกพาร์ ขาดทุนกำไรไปมากครับแบบทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากจำเป็นบทเรียน ผมเคยคิดว่าผมรู้จัก RCL มากที่สุดในตลาดหุ้น แต่กลับกลายเป็นว่าผมยังรู้ไม่จริงครับ ผมยังไม่รู้วัฤจักรค่าระวางเรือ อุปสงค์-อุปทานเรือที่แท้จริง..

และที่เหมือนกันอีกอย่างคือผมมาแก้ตัวกับ psl เหมือนกัน หลังจากศึกษา psl จากเพื่อนๆ ผมก็สนใจหุ้นตัวนี้ขึ้นมา หลังจากดัชนี้ค่าระวางเป็นขาลง หุ้นตัวนี้ราคาตกลงมาก ผมก็เข้าไปซื้อที่ประมาณ 30-26.5 (ทำโลวร์ที่ 26) ขายไปที่ 30 กว่าๆ และกลับมาซื้ออีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ที่ประมาณ 40 บาท ...psl น่าจะเป็นหุ้นที่พอจะถือได้ 2-3 ปีนี้ครับ แต่หลังจากนั้นก็ต้องระวังครับ...
:o

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 9:53 am
โดย Dech
มั่วมา 1 ปี กะประมาณ 4-5 เดือน ครับ

ตอนนี้นิ่งขึ้นเยอะ ไม่ดูพอร์ต ไม่สนใจเลยก็ยังได้ครับ รอได้เรื่อยๆ

ตอนนี้ไม่ได้ซื้อขายมา 4-5 เดือนแล้วมั้งครับ

ตอนเข้ามาใหม่ 2-3 เดือนแรก แทบบ้า ขนาดติดตามอ่านในนี้มาก่อนตั้งนานนะครับ
และเลือกเฉพาะหุ้นที่ พี่ๆ ในนี้แนะนำไว้ เท่านั้น ยังขาดทุนเพียบ

ตอนนี้ผลตอบแทนรวมๆตั้งแต่ต้น คงได้ซัก 1% มั้งครับ เพราะช่วงแรกๆไม่ได้ทำไว้

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 9:58 am
โดย ลูกอิสาน
กลยุทธ์ของคุณผู้ติดตามน่าสนใจครับ :?
มีทั้งทัพหน้าทัพหลัง แต่ละส่วนก็มีข้อเด่นข้อดีต่างกัน

ส่วนผมจะมีหุ้นโตเร็วและหุ้นปันผล อย่างตอนนี้ดัชนี้ขึ้นมาพอสมควร
และผมหาหุ้นโตเร็วที่ราคาสมเหตุสมผลไม่ได้ ตอนนี้ก็เลยถือหุ้นปันผลซะส่วนใหญ่ ปีนี้คงรับปันผล และรอเครดิตปันผลต้นปีหน้าครับ

ส่วนเทคนิคการบริหารพอร์ตอย่าง DSM ผมก็คิดว่าน่าสนใจครับ คงมีข้อดีบ้างเพราะดูเหมือนหลายคนนำไปใช้ก็น่าจะได้ผล เพียงแต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากเรียนรู้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน และดูจะไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตของผม ก็เลยใช้วิธีง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ซื้อหุ้นที่ดี ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และขายไปเมื่อมูลค่าสูงเกินจริง หรือมูลค่าขึ้นไปอย่างที่ควรจะเป็น.. :D

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 10:02 am
โดย ปรัชญา
เขียนได้ดี น่าอ่านครับ
เรื่องเงินปันผลให้พอใช้ตลอดปี
แล้วมีเงินไปเล่นรอบอีกส่วนเป็นหลักการที่น่าทำให้มี
ทางขยายพอท์ตยามหุ้นเป็นขาขึ้น
และเมื่อเป็นขาลงก็มีเงินปันผลไว้แบบไม่ต้องออกแรง เห็นด้วยครับ

แต่ละคนที่นี่ลงทุนมาแล้วกี่ปีครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 23, 2005 10:08 am
โดย ลูกอิสาน
ยังไม่ได้ตอบกระทู้เลยครับ :D

ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 2541 หรือร่วมๆ 8 ปีแล้วครับ
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหกครับ เพราะความรู้สึกเหมือนเป็นมือใหม่อยู่เลย
ตอนนั้นจำไม่ผิดเพิ่งลอยตัวเงินบาทไม่นาน ซื้อปั๊ปก็ติดดอยทันที ขาดทุนไปมากกว่า 50% เป็นประสบการณ์แรกที่ลืมไม่ได้ จำไม่ลง :roll: