Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ออกจากงานแรกๆ
ลำบากใจเวลาคนถามว่าทำอะไร
แม้เวลากรอกแบบฟอร์มต่างๆ ที่ถามว่าทำอาชีพอะไร

ทุกวันนี้สบายใจ
ใครถาม
ผมก็บอกว่าเป็นพ่อบ้าน ดูแลลูกๆ
ไม่ได้ทำอะไร ไม่ต้องบอกว่าเป็นนักลงทุน หรือเล่นหุ้น
ดีซะอีก  ผมได้เห็นว่า
คนที่รู้จัก คิดกับเรายังไง  มีทัศนะคติมองคนที่เปลือกรึเปล่า
ผมไม่สนใจคนที่มองแบบดูถูกเลย  เพราะไม่มีความสำคัญอะไร
ต่อชีวิตผม  :D

เรื่องคิดผลตอบแทน อย่าลืมคิดเงินเฟ้อด้วยนะครับ เอาแบบเวอร์ๆไปหน่อยซัก 4% ก็ดี ไม่งั้นเงินที่ได้ทุกปีมันน้อยลงเรื่อยๆนะครับ

เรื่องคนอื่นมองนักลงทุนไม่มั่นคงนี่ผมก็เจอเยอะนะ พอใครถามปุ๊บ ไอเราก็ตอบว่าเป็นนักลงทุน เล่นหุ้น แล้วต้องอธิบายต่ออีกเป็นกระบุงเลย

โชคดีที่ยังไม่เป็น

เคยคิดอยากจะเป็นเหมือนกัน

แต่วันนี้เลิกคิดแล้ว

ผมคิดว่า ถ้าเมื่อไร เราพยายามคิดอะไร
ว่าเราเป็นอะไร เราทำอะไร กลับรู้สึกว่ามันมีความเครียด

ก็เลยพยายามเลิกคิด เดี๋ยวนี้แทบไม่คุยเรื่องหุ้นกับคนที่ไม่สนใจเลย
หรือคนที่ไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่เค้นถามจริงๆก็ไม่ตอบ

มีแต่พยายามบอกคนที่จะพยายามเข้าตลาดว่า
อย่ามาเล่นหุ้นเลยครับ (คิดในใจ เพราะกว่าคุณเข้าใจ จะกำไร
มันคงต้องใช้เวลานานมากทีเดียว)

อืมมม   ขอบคุณทุกๆคนมากครับ

ลูกอิสาน เขียน:อาชีพที่ถูกกล่าวหาว่าไม่มีประโยชน์ต่อสังคม

โห... อ่านกระทู้เก่าๆที่พี่ๆ Post ไว้แล้วเนี่ย มีประโยชน์มากๆ
หลายกระทู้ที่พี่ลูกอิสาน ขุดขึ้นมาเนี่ย เยี่ยมจริงๆ
(ไปแอบๆอ่านกระทู้เก่าๆ ดีกว่า)

คำถามที่พี่ตั้งไว้ ผมคิดแบบนี้นะ
ถ้าเรามองผลตอบแทนจากการลงทุน โดยการซื้อขายเก็งกำไร
ผมยังคิดประโยชน์ต่อสังคมไม่ค่อยออกเหมือนกัน

ในทางเศรษฐศาสตร์ก็บอกไว้ว่า เงินลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดรอง ไม่ถือว่าเป็นการลงทุน
ซึ่งต่างกับเงินลงทุนในที่ดิน เครื่องจักร อุปกรณ์

แต่ถ้าเรามองผลตอบแทน ในแง่บริษัทนำทุนของเรา ไปดำเนินธุรกิจที่เกิดประโยชน์ต่อสังคมตามระบบทุนนิยม
เราซึ่งเป็นเจ้าของร่วม ก็ได้รับผลตอบแทนจากการเติบโตจากธุรกิจ ซึ่งท้ายที่สุดก็จะสะท้อนมาในราคาหุ้น
(อย่างที่แนว VI มองกัน)
ตรงนี้น่าจะเกิดประโยชน์ต่อสังคมบ้าง ไม่มากก็น้อย
หรือพูดได้ว่าเราเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ...

ขอบคุณมากครับ ที่มีกระทู้ดีดี

ผมคิดว่าหลายๆคนคงยังไม่มีสภาพคล่อง หรือพร้อมมากพอที่จะลงทุนเป็นอาชีพอย่างเดียวครับ

อันที่จริงการงานอื่นๆไปด้วยก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ
ยิ่งถ้าคุณได้ทำงานที่ชอบไปด้วยแล้ว ความรู้สึกเบื่อหรือเหน็ดเหนื่อยก็จะไม่ค่อยเกิดเลยครับ

ขอบคุณพี่ Chatchai ผู้ตั้งกระทู้
ขอบคุณทุกความเห็น
ขอบคุณพี่ลูกอิสาณผู้นำกลับมาให้อ่าน
และขอบคุณบอร์ดนี้...อีกครั้งครับ

HVI เขียน: พูดได้ว่าเราเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ...

ชอบครับ ฟังดูโก้ดี

chatchai เขียน:ผมรู้สึกว่าในเมืองไทยถ้าบอกคนอื่นว่าเรามีอาชีพเป็นนักลงทุนในหุ้น  เค้าจะมองเราไม่ดี  เห็นเราเป็นนักพนัน  มีแต่ความเสี่ยง  เป็นอาชีพที่ไม่ดี  เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในการลงทุน  มีภาพที่ไม่ดีต่อการลงทุน(เล่นหุ้น) จะกู้ยืมเงินซื้อบ้านก็ลำบาก  จะสมัครบัตรเครดิตก็ลำบาก  มีเพื่อนๆที่ไม่ทำงานประจำ  ลงทุนในหุ้นอย่างเดียวแบบผมบ้างไหมครับ  แล้วเวลาที่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไม่สนิทนักถามว่าเรามีอาชีพอะไร  แล้วจะตอบว่าอย่างไรดีครับ

สิ่งที่พี่ post ด้วยเสียงกังวลแห่งตัวตลกของวันวาน วันนี้ที่ทาง
ซึ่งบอกว่าวันเวลาที่ผ่านไปไม่ได้ดึงชีวิตของพี่ฉัตรไปด้วย
อย่างน้อยมันก็ตกทอดชัดเจนมาจากวันวาน ซึ่งทำให้รู้ว่า.....
วันนี้พี่ก็ไม่ได้ลืมตาอยู่บนแผ่นดินอันว่างเปล่านี้คนเดียว
พี่ฉัตรกลายเป็นฮีโร กลายเป็นตัวแทนเอกอัครทูตไทยวีประจำบ้าน
เมื่อเดือนที่ผ่านมา......กระผมประสบปัญหา same same
กระผมจึงร่วมกับสมาคมเมียและลูก จัดงาน เทศกาลวัฒนธรรมไทยวี หรือ
Thaivi Fest ครั้งที่ ๑ ในบ้าน เพื่อเสริมเติมความเข้าใจ
ฉลองความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนชีวิต ใครคิดอย่างไรม่ายสน ขอให้เมียเข้าใจเป็นพอ
โดยจัดสรรกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่เดือนที่แล้ว เช่น เดือนก่อนเป็นนิทรรศการแห่ง
ภาพถ่ายเน้นคุณค่า ฝีมือศิลปินตำนานไทยวี อย่าง ดร.นิเวศน์ ที่หอศิลป์ห้องครัว ติดบอร์ด
แสดงแฟชั่นโชว์ผลงานสร้างสรรค์จากดีไซเนอร์กลุ่มไทยวี อาทิ  Chatchai, CK
Mon Money, Jeng, VIB007, ปรัชญา, Por_Jai, ต.หยวนเปียว, HIV, ลูกอีสาน,
สามัญชน, สุมาอี้, ,ม้าเฉียว  และอื่นๆอีกมากมาย มากมาย ฯลฯ............................
ผลตอบรับฟื้นตัวดีเยี่ยมเกินคาด รวมทั้งสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ และสามารถ
ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวอีกได้อีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ.......
รายละเอียดสอบถามได้ที่สถานทูตไทยวี ประจำประเทศไทย
ถามหาคนชื่อ โหน่งได้...จบข่าว    :B

[quote="ดร.โหน่ง"]
โดยจัดสรรกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่เดือนที่แล้ว เช่น เดือนก่อนเป็นนิทรรศการแห่ง
ภาพถ่ายเน้นคุณค่า ฝีมือศิลปินตำนานไทยวี อย่าง ดร.นิเวศน์ ที่หอศิลป์ห้องครัว ติดบอร์ด
แสดงแฟชั่นโชว์ผลงานสร้างสรรค์จากดีไซเนอร์กลุ่มไทยวี อาทิ

อุ้ย!.....ตกใจหมด ขอโทษนะพี่เอช  
เรียกพี่หวีก็แล้วกันนะ.......จุ๊บ จุ๊บ ปู๊ด ปู๊ดด..

[quote="ดร.โหน่ง"]ผลตอบรับฟื้นตัวดีเยี่ยมเกินคาด รวมทั้งสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ ...ได้อีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ.......
...

[quote="ดร.โหน่ง"]อุ้ย!.....ตกใจหมด ขอโทษนะพี่เอช

Raphin Phraiwal เขียน: ชอบครับ ฟังดูโก้ดี

ไม่ใช่แค่โก้หรอกค่ะ มันเป็นเช่นนั้นจริง (ตามพี่หวีว่ามา :lol: )

จะมีตลาดทุนได้อย่างไร ถ้าไม่มีนักลงทุน
ถ้าไม่มีตลาดทุน ก็คงขาดช่องทางระดมทุนของบริษัทไปหนึ่งช่องทาง

เมื่อหะแรก ที่เริ่มเข้าตลาดใหม่ๆ ไม่บอกใครว่าเรากะลังทำอะไร
เพราะรู้ดีว่า สายตาคนที่มองมา จะเป็นเช่นไร จึงมักขี้เกียจนั่งอธิบายยาวเหยียด ไปกะคนที่มีคำตอบตั้งอยู่ก่อนแล้วในใจเขา

พอหลังๆ คนที่ชอบมองแปลกๆ ก็มีเริ่มเลียบๆเคียงๆมาถามบ้าง สนใจบ้าง ว่าเราทำอะไร รู้สึกน่าสนใจ (ซึ่งโดยมากจะเป็นช่วงที่สื่อต่างๆ กระหน่ำข่าวว่า หุ้นขึ้นกี่จุดๆ อนาคตโลกนี้สดใสสวยงามยิ่งนัก  :lol: )
เราก็อธิบายใหญ่ด้วยความเมามันส์ (ร้อนวิชา :lol: ) เขาฟังไปๆ ก้เริ่มงงๆ
แต่ยังสนใจอยู่ ตราบใดที่ข่าวยังประโคมว่า หุ้นขึ้น และโลกยังสดใส

...ช่วงนี้แหละ จะเริ่มมีบางคน ทำท่าสนใจอย่างแรง บ้างถามไถ่ เปิดพอร์ททำไงบ้าง หนังสือซื้อที่ไหนเริ่มต้นศึกษาอย่างไร บางคนถึงกับหัดวิเคราะห์อย่างสนุกสนาน ผมว่าบริษัทนี้ น่าสนใจมากนะดูอนาคตน่าจะไปอีกไกล ไรต่างๆ มากมาย นานาทัศนะ
...ดิฉันก็แนะนำว่า อ่ะ หนังสือ มีอยู่บ้างนะ ลองเอาไปอ่านดูก่อนสิ มีบางหน้าขีดเส้นเน้น เขียนสรุปย่อ เลอะๆในเล่มอยู่นะ ถ้าไม่รำคาญตา ก็ให้ยืมได้ ..พอร์ทน่ะ เปิดเมื่อไหร่ก็ทัน หรือจะอยากเปิดไว้เล่นๆโก้ๆ ก็ได้ แต่ยังไม่ต้องซื้อขายหรอก ศึกษาดีๆก่อน ใจเย็นๆ คิดเองให้เป็นก่อน มั่นใจแล้วค่อยเข้ามา ไม่มีคำว่าสาย ...

พอช่วงหุ้นตก ข่าวร้ายซ้ำ ถาโถมไม่หยุดหย่อน
ไอ้เราก็หวังดี ตาเหลือบทำเป็นมองดัชนีหน้าจอทีวีที่ตกกระหน่ำ สิบกว่าจุดไม่มีทีท่าจะหยุดหย่อน ...พลางพูดลอยๆ(แต่ดัง)ว่า "อืมมม..น่าสนใจแล้วนะ...หูยแต่ละตัว ถู๊กถูก อ่ะ ..."
แปลก....หลายคนที่หะแรกดูราวกับสนใจ เมื่อวันก่อน ค่อยๆลุกเดินหนี ทีละคน สองคน   :lovl:  :lovl:
ซ้ำแว่วเสียงลอยมาแว่วๆไกลๆ (พอเป็นแบคกราวน์ :lol: ) วิจัยวิจารณ์ กันถึง ทุกหนทาง ที่จะนำพาโลกนี้ไปสู่ หายนะ

ยังดีหน่อย ที่ข้างๆ ยังเหลือ น้องคนนึงที่ขอยืมหนังสือไปอ่าน ยังคงยืนยัน ว่าสนใจเรื่องการลงทุน กระชิบถาม....."พี่คะ ๆ ถ้าหนู เริ่มต้นลงทุน ช่วงปีแรก ๆ นี่ หนูซื้อตามพี่ไปก่อนได้มั้ยคะ แล้วพอหนูเก่ง ค่อยเล่นเอง ...."

คำตอบที่มีให้กลับไปคือ ...."ไม่น้อง ไม่โดยเด็ดขาด   ถ้าเริ่มต้นก็คิดอย่างนี้แล้ว แปลได้ว่า เธอยังไม่เหมาะจะลงสนามนี้ (และพี่เองก็ใช่ว่าจะเก่งอย่างที่เธอหวังจะพึ่งพา  :lovl: :lovl:  :lovl:  ).....สุดท้ายนี้ จงเอาหนังสือที่ยืมไปคืนมา รู้นะว่าไม่ได้เริ่มอ่านเลย  :!: "



มันเป็นเช่นนั้นเอง เป็นมานานแสนนาน และเชื่อว่าจะยังคงเป็น อีกนานเท่านาน

:lol:

007-s เขียน:

ไม่ใช่แค่โก้หรอกค่ะ มันเป็นเช่นนั้นจริง (ตามพี่หวีว่ามา :lol: )

จะมีตลาดทุนได้อย่างไร ถ้าไม่มีนักลงทุน
ถ้าไม่มีตลาดทุน ก็คงขาดช่องทางระดมทุนของบริษัทไปหนึ่งช่องทาง

เมื่อหะแรก ที่เริ่มเข้าตลาดใหม่ๆ ไม่บอกใครว่าเรากะลังทำอะไร
เพราะรู้ดีว่า สายตาคนที่มองมา จะเป็นเช่นไร จึงมักขี้เกียจนั่งอธิบายยาวเหยียด ไปกะคนที่มีคำตอบตั้งอยู่ก่อนแล้วในใจเขา

พอหลังๆ คนที่ชอบมองแปลกๆ ก็มีเริ่มเลียบๆเคียงๆมาถามบ้าง สนใจบ้าง ว่าเราทำอะไร รู้สึกน่าสนใจ (ซึ่งโดยมากจะเป็นช่วงที่สื่อต่างๆ กระหน่ำข่าวว่า หุ้นขึ้นกี่จุดๆ อนาคตโลกนี้สดใสสวยงามยิ่งนัก

เอากระทู้เก่ามาดู

อยาทราบว่าถ้าเทียบกับตอนคุณ Chatchai ตั้งกระทู้

1. ตอนนี้อาชีพนักลงทุนเป็นที่ยอมรับเพิ่มขึ้นหรือเปล่าครับ

2. มีคนประกอบอาชีพนี้เพิ่มขึ้นเยอะไหมครับ

ปีเดียวอะไรๆมันก็คงไม่เปลี่ยนหรอกครับ  :lol:

คุณ Sunrise ครับ
คุณ Chatchai ตั้งกระทู้ไว้ตั้งแต่ Aug 07,2003 แล้วครับ
สี่ปีกว่าแล้วครับ

จริง ๆ แล้ว บลจ. น่าจะรับประกาศรับสมัคร fund manager ใน web นี้นะครับ  fund performance จะได้ outperform SET index มาก ๆ ซะที

เข้าใจว่าหลาย ๆ fund มี performance ไม่ได้เรื่อง สงสัยมัวแต่ day trade กันอยู่

เวลานี้จะซื้อ LTF แต่ละปีนี่คิดหนักครับ ลงทุนเองอาจจะคุ้มกว่าผลประโยชน์ทางภาษีรึเปล่า

อ่านแล้วได้คำตอบโดยไม่ต้องตั้งคำถาม
ขอบคุณผู้ตั้งกระทู้และผู้ตอบทุกท่านครับ
8)

ช่วงที่ผมเรียนจบใหม่ๆ
ไฟแรงมาก รีบกลับมาช่วยงานตรวจสอบบัญชีที่บ้าน
วาดผันว่า จะต้องเป็น CPA ให้ได้ใน 3 ปี
เพื่อมาคุมงานที่บ้าน

แต่ปรากฎว่า ผมทำได้เกือบปี
ทำให้ผมรู้ว่า นี่ไม่ใช่งานที่ผมรัก

ผมจึงขอออกมาเรียนโท-การเงิน
ที่นี่ทำให้ผมรู้จักพี่คนนึงที่เก่งมากในการลงทุนในหุ้น

ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมก็พอมีความรู้อยู่บ้าง
แต่ก็เป็นแค่นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มใหญ่ๆเท่านั้น

แต่พอได้รู้จักพี่คนนี้ ทำให้รู้ว่านี้แหละ คือ "งาน"ที่ผมถนัด
และสามารถที่จะเลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ขัดสน
ด้วยเพราะผมมีเงินทุนอยู่ ซึ่งขอแค่เงินปันผลปีละไม่ถึง 10%
ก็ทำให้ผมอยู่สบายแล้ว

ช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ผมมีความสุขกับชีวิตมากๆ
ไม่ต้องเครียดกับงานตรวจสอบที่น่าเบื่อ และจำเจ

แต่มาถึงตอนนี้ ผมกำลังโดนแรงกดดันจากทางญาติๆ และพ่อ แม่แฟน
ให้กลับมาทำงานที่เป็นหลักแหล่ง
หรือพูดง่ายๆให้กลับไปทำตรวจสอบบัญชีเนี่ยแหละ

ทางผู้ใหญ่ ท่านให้เหตุผลว่า สิ่งที่เราทำอยู่ จะทำเมื่อไรก็ได้
(ซึ่งผมไม่ได้ถียงท่าน แต่คิดในใจว่า ถ้าผมเสียเวลาไปกับการทำงาน
มันก็ยิ่งทำให้ผมมีค่าเสียโอกาสในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น)

อีกเหตุผล คือ ท่านบอกว่าการทำงานจะทำให้เรามีประสบการณ์
รู้จักสังคมที่กว้างขึ้น ซึ่งมันจะเป็นภูมิคุ้มกันให้เรา เวลาที่มีปัญหาได้

ข้อที่สำคัญเลย คือ ภาพลักษณ์ของการเป็นนักลงทุนในหุ้นของผู้ใหญ่
ไม่ต่างอะไรกับนักพนัน เป็นงานที่ไม่มีเกียรติ ทำให้ตัวเองไม่มีคุณค่า
และมีความเสี่ยงสูง
โดยเฉพาะพ่อ แม่แฟนผมจะไม่ค่อยพอใจเท่าไร
ที่จะให้ผมหาเงินเลี้ยงว่าที่ภรรยาในอนาคตด้วยผลตอบแทนจากลงทุนในหุ้น

ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คิดว่ายังไงก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องกลับไปทำงานที่บ้าน
คิดๆแล้ว ผมก็เซ็งจริงๆ ผมไม่เข้าใจว่า
ตกลงเราทำงานเพื่อเป็นอิสระทางการเงิน
หรือเพื่อที่จะได้ไม่อายใครว่ามีงานทำกันแน่

ผมเห็นทั้งพ่อผม พอ่แม่แฟนผมซึ่งทำงานบัญชีเหมือนกัน
ไม่มีเวลาจะหยุดพักผ่อนเลย
ทั้งที่จริงถ้าเป็นข้าราชการ ป่านี้เค้าเกษียณกินเงินบำนาญ
ใช้ชีวิตตอนแก่อย่างมีความสุขกันหมดแล้ว

คือ เห็นแล้วก็สะท้อนถึงตัวเอง ต่อไปเราก็คงต้องเป็นอย่างนี้แหละ
เฮ้อ คิดแล้วเซ็ง
ทั้งๆที่ตอนนี้ผมทำผลตอบแทนได้ไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาแท้ๆ

ผมยังเด็ก(หรือเปล่าหว่า)

อยากแสดงความคิดเห็นเรื่อง คห.ด้านบนนิดนึง

ผมว่าผู้ใหญ่คงจะเป็นห่วงพี่ละครับ
แล้วผมคิดว่านักลงทุนมันก็ไม่แน่นอนจริงๆ เกิดหุ้นร่วงกระจายแบบปี40
พี่จะทำยังไง โอกาสที่จะทำได้10-20เปอเซน พ่อจิ๊วตอนนั้นผมว่ายากนา
ดีไม่ดีเงินต้นอาจจะโดนกินก็ได้

แล้วจะทำยังไง.....

แต่ถ้าพี่มีเงิน200เท่าของ ค่าใช้จ่ายแบบที่ คห.แรกๆบอกไว้ก็คงไม่เป็นไรมั้งครับ




อาชีพนักลงทุน....
ผมเคยวาดฝัน+หวังไว้ว่าซักวันจะต้องทำธุรกิจ มีอิสรภาพทางการเงินแบบพ่อ-แม่ให้ได้ ตอนนั้นคิดออกอยู่2ทางคือ
ทำงานประจำที่รายได้ดีๆ หมอ วิศวะ ต่างๆ
ค้าขาย

แต่มาวันนี้ผมว่า VI ก็เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
ทำงานอ่ะไรก็ได้ที่ชอบ มีความสุข

แต่ผมว่ายังไงทุกอย่างก็มีความเสี่ยง อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน
อีกอย่าง ผมก็เป็น1ในคนที่แอนตี้การเล่นหุ้นเหมือนกัน
จนวันนี้ผมเข้าใจการเล่นหุ้นและการลงทุนแล้ว ในขณะที่คนรอบข้างผมไม่มีความเข้าใจเลย และบอกว่า   หุ้นอ่ะมันอยู่ที่ดวง หรือไม่ก็ เดียวหมดตัวแน่

ซักวันจะพยายามอธิบายให้คนเหล่านั้นเข้าใจและเป็นตัวช่วยกระจาย แก้ไขภาพพจน์ของการเล่นหุ้น

พิมพ์ซะยาว ไปนอนก่อน พรุ่งนี้มีเรียน อิอิ
ขอบคุณกระทู้นี้ครับ
^ ^

เข้ามา ทุกท่านครับ

hagrid เขียน:คุณ Sunrise ครับ
คุณ Chatchai ตั้งกระทู้ไว้ตั้งแต่ Aug 07,2003 แล้วครับ
สี่ปีกว่าแล้วครับ

โทดทีครับ เห็นเป็น 2006  ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง

ไม่โกรธกันนะครับ  :D

ขอบคุณกระทู้ดีนะครับ.....
เเละก็ขอบคุณพี่ๆที่เอามาให้อ่านอีก :lol:

ผมนี่เหมือนกับ คุณ WannaBeVI เกือบจะทั้งหมดเลย

แต่ต่างกันหน่อยตรงที่ 2-3 ปีนี้ที่ไม่ได้เป็นมนุษยเงินเดือน ผมมีอาชีพ ไปคมการ ปลูกสวนยาง กับปาล์มอยู่  เพราะหากว่าไม่ไปคุมเองเงินคงรั่วไหลไปอีกเยอะ แต่นี่คงต้องกลับเป็น มนุษย์เงินเดือนอีกแล้ว

เนื่องจากว่า ผู้ใหญ่ยังไม่เข้าใจ เกี่ยวกับ การลงทุน ในหุ้น ที่ไม่ใช่การเก็งกำไรในหุ้น แบบที่เค้าเคยเจอ กับพวกแมงเม่าที่มาเล่าให้ฟัง

   เผอิญผมโชคดีอีกนิดหน่อย ที่คุณพ่อ ผม ป่วยต้องผ่าตัด มะเร็ง ใช้เงิน เกือบล้านบาท   แต่เงินเก็บ ทั้งบ้านก็เอาไปลงทุนกับอนาคตหมดแล้ว(ปลูกยาง)  ก้ได้เงินจาก หุ้นที่ผมมีนี่แหละ เอาไปช่วยใช้จ่ายค่ารักษา    

 ทำให้ เค้ามีทัศนคติที่ดีขึ้นกับ ผม ในเรื่องการลงทุนในหุ้นหน่อยนึง  นี่ก็ยอมที่จะเอาเงินส่วนนึงมาลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่กว่าฝากธนาคารแล้ว

  อีกอ่ย่างทางด้านแฟน   แม่แฟนก็เล่นหุ้นด้วย จะว่าไป ตอนผมเป็นมาร์เก็ตติ้ง ผมทำแม่แฟนติดดอย จนถึงตอนนี้ยังไม่หลุดดอยในหุ้นบางตัวเลย

  แต่เพราะได้ทำงานในตลาดทุนมาก่อน เลยเจออะไรมาเยอะ  ทำให้ การลงทุนในวันนี้ของผม  พอจะมีภูมิต้านทานกับการ โลเล  การเก็งกำไรได้

กระทู้นี้ตั้งมา 4 ปีแล้ว ถ้าจากมุมมองคนแถวบ้านผม (รวมทั้งญาติผม และพ่อแม่แฟน ) นักลงทุนในหุ้นก็ยังเป็นนักพนันอยู่เหมือนเดิม รวยเร็ว เจ๊งเร็ว ไม่มั่นคง และไม่มีประโยชน์ต่อสังคม

ถ้าเริ่มมีดีขึ้นคงมีแค่คนในบ้านผมนะ เพราะเห็นว่าเรามีมุมมองในการลงทุนเป็นยังไง+โชว์ผลงานเป็นการพิสูจน์ว่าเราทำได้จริงๆ (ตอนนี้พี่สาวผมก็เริ่มสนใจมาลงทุนบ้างแล้ว) จากเป้าหมายของผม ถ้ายังรักษาอัตราการเติบโตในระดับนี้ได้อยู่ ประมาณ 10 ปี ก็น่าจะมีอิสระภาพทางการเงินได้ซักที  :D

ผมเห็นทั้งพ่อผม พอ่แม่แฟนผมซึ่งทำงานบัญชีเหมือนกัน
ไม่มีเวลาจะหยุดพักผ่อนเลย

น้องWannaBeVI ก็ทำแค่งานสอบบัญชีครึ่งปีแรก ช่วงเทศกาลยื่นงบ
ครึ่งปีหลังก็เอารายได้ครึ่งปีแรกมาลงทุน น่าจะ
แต่ถ้าทำสำนักงานบัญชีอย่างที่บอกก็หนักหน่อย หาเวลายาก  :evil:

โอ้พี่ Chatchai มีปัญหาเหมือนผมเลย นี่ขนาดพี่ประสบความสำเร็จแล้วนะครับเนี่ย ผมยังคิดอยู่ว่าถ้าวันนึงผมลาออกจากงานหลักจะไปทำอะไรที่ผู้ใหญ่ไม่ว่าเรา
          ลองแบบนี้มั้ยครับ ผมคิดอยู่นานผมคิดว่าอาชีพที่เราทำมันต้องได้เงินเท่านั้น พี่ๆเพื่อนๆสนใจอาชีพที่ให้เงินมั้ยครับ พวกสังคมสงเคราะห์ แบบนี้อะครับ เรามีเงินถึงจุดนึงก็เปิดมูลนิธิการกุศล แจกลูกเดียว ถ้าใครอยากจะแจกด้วยก็มาร่วมกับเรา
          ถึงเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยได้เงินแต่ผู้ใหญ่น่าจะยอมรับนะครับ อีกอย่าง การให้ย่อมนำความสุขกลับมาครับ เรามีเงิน แล้วยังมีความสุขอีก จะน่าอิจฉาอะไรขนาดนั้น

Pupto เขียน:โอ้พี่ Chatchai มีปัญหาเหมือนผมเลย นี่ขนาดพี่ประสบความสำเร็จแล้วนะครับเนี่ย ผมยังคิดอยู่ว่าถ้าวันนึงผมลาออกจากงานหลักจะไปทำอะไรที่ผู้ใหญ่ไม่ว่าเรา
          ลองแบบนี้มั้ยครับ ผมคิดอยู่นานผมคิดว่าอาชีพที่เราทำมันต้องได้เงินเท่านั้น พี่ๆเพื่อนๆสนใจอาชีพที่ให้เงินมั้ยครับ พวกสังคมสงเคราะห์ แบบนี้อะครับ เรามีเงินถึงจุดนึงก็เปิดมูลนิธิการกุศล แจกลูกเดียว ถ้าใครอยากจะแจกด้วยก็มาร่วมกับเรา
          ถึงเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยได้เงินแต่ผู้ใหญ่น่าจะยอมรับนะครับ อีกอย่าง การให้ย่อมนำความสุขกลับมาครับ เรามีเงิน แล้วยังมีความสุขอีก จะน่าอิจฉาอะไรขนาดนั้น

ผมก็คิดไว้ครับ แต่ผมจะแจก ผมเลือกคนรับครับ เลือกคนขยันคนดี ที่จะพัฒนาตัวเอง จะได้ไปทำประโยชน์งอกเงยต่อสังคมต่อๆไป
แจกๆหว่านๆ อาจไม่ถึงมือคนที่ลำบากครับ เข้ากระเป๋าพวกคนกลางหมด