หน้า 12 จากทั้งหมด 19

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 30, 2010 6:51 am
โดย sai
ผมกำลังเปลี่ยนจากวิธีการดู d/e มาเป็นการดูหนี้ต่อกระแสเงินสดเหมือนที่โยเล่าพอดีครับ เพราะคิดแล้วสะท้อนความเป็นจริงมากกว่า (เวลาทำการค้าเชื่อว่าพ่อค้าคิดในหัว คงไม่ได้เปรียบเทียบว่าหนี้เท่าไรแล้วทุนเท่าไรแล้ว แต่คงคิดว่าหนีเท่าไร และ กระแสเงินสดในอนาคตเท่าไร ฉันจะจ่ายหนี้ยังไง มากกว่า ) ขอถามนิดหนึ่งนะครับ ถ้าประมาณการณ์ออกมาแล้ว หนี้ต้อ(net profit+ค่าเสื่อม-capex)ที่โยมองแล้วรับได้อยู่ที่ประมาณไหนครับ ผมมองว่าถ้าเอา หนี้สิน/(กำไรสุทธิ+ค่าเสื่อมราคา-capex ) แล้วไม่เกิน 2-3 ปีถือว่าใช้ได้ และ มีจุดไหนต้องระวังเพิ่มเติมไหมครับกับการมองหนี้ในรูปแบบนี้ ขอบคุณครับ  :lol:

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 30, 2010 8:32 am
โดย yoyo
[quote="sai"]ผมกำลังเปลี่ยนจากวิธีการดู d/e มาเป็นการดูหนี้ต่อกระแสเงินสดเหมือนที่โยเล่าพอดีครับ เพราะคิดแล้วสะท้อนความเป็นจริงมากกว่า (เวลาทำการค้าเชื่อว่าพ่อค้าคิดในหัว คงไม่ได้เปรียบเทียบว่าหนี้เท่าไรแล้วทุนเท่าไรแล้ว แต่คงคิดว่าหนีเท่าไร และ กระแสเงินสดในอนาคตเท่าไร ฉันจะจ่ายหนี้ยังไง มากกว่า ) ขอถามนิดหนึ่งนะครับ ถ้าประมาณการณ์ออกมาแล้ว หนี้ต้อ(net profit+ค่าเสื่อม-capex)ที่โยมองแล้วรับได้อยู่ที่ประมาณไหนครับ ผมมองว่าถ้าเอา หนี้สิน/(กำไรสุทธิ+ค่าเสื่อมราคา-capex ) แล้วไม่เกิน 2-3 ปีถือว่าใช้ได้ และ มีจุดไหนต้องระวังเพิ่มเติมไหมครับกับการมองหนี้ในรูปแบบนี้ ขอบคุณครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 30, 2010 12:24 pm
โดย pacabee
พี่โยครับ ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง The little book that beats the market
ที่พี่โยแนะนำไว้  ผมขอสอบถามพี่โยเรื่อง
1. อัตราผลตอบแทนต่อหุ้นในหนังสือ
ที่สูตรบอกว่า

                    Earning Yield = EBIT/Enterprise Value

คือผมงงเรื่อง enterprise value น่ะครับ
ในหนังสือบอกว่าหามาจาก =
ราคาตลาดของส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย

แต่ถ้าหาใน google ก็จะต่างกันออกไป  แต่คร่าว ๆ ก็คือ
EV = (มูลค่าตามตลาด + หนี้สิน) - เงินสด
ตกลงว่าเราควรใช้อันไหน หรือว่าพี่โยใช้สูตรไหนอยู่ครับ
รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ

2. ส่วนอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ผมพอเข้าใจได้

เลยอยากถามพี่โยอีกว่า พี่โยใช้ 2 ปัจจัยนี้เป็นตัวกรองหาหุ้นดีด้วยไหมครับ
หรือว่าเราจะลองใช้เกณฑ์แบบที่สองที่เขาแนะนำคือ
ให้ ROA มากกว่า 25%
กับ P/E ต่ำ เช่นต่ำกว่า 5

พี่โยว่าเราประยุกต์ใช้กับตลาดหุ้นไทยอันไหนดีครับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 30, 2010 1:17 pm
โดย yoyo
[quote="pacabee"]พี่โยครับ ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง The little book that beats the market
ที่พี่โยแนะนำไว้

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 30, 2010 3:01 pm
โดย pacabee
pacabee wrote:
พี่โยครับ ผมเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง The little book that beats the market
ที่พี่โยแนะนำไว้  ผมขอสอบถามพี่โยเรื่อง
1. อัตราผลตอบแทนต่อหุ้นในหนังสือ
ที่สูตรบอกว่า

                   Earning Yield = EBIT/Enterprise Value

คือผมงงเรื่อง enterprise value น่ะครับ
ในหนังสือบอกว่าหามาจาก =
ราคาตลาดของส่วนของผู้ถือหุ้น + หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย

แต่ถ้าหาใน google ก็จะต่างกันออกไป  แต่คร่าว ๆ ก็คือ
EV = (มูลค่าตามตลาด + หนี้สิน) - เงินสด
ตกลงว่าเราควรใช้อันไหน หรือว่าพี่โยใช้สูตรไหนอยู่ครับ
รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ

แหะๆ ผมไม่ได้ใช้ซักสูตรเลยครับ จริงๆแล้วสูตรทางการเงินนั้นบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้เป๊ะๆก็ได้นะ แต่ถ้าใช้แล้วอย่าเอาค่าไปเทียบกับของที่คนอื่นเค้าทำ คือทำใช้เองคนเดียว อย่างเช่น roe กับ roa นี่ก็เป็นสูตรที่ผมไม่ได้ใช้แบบที่ถูกต้องเป๊ะ แต่ดันแปลงให้ง่ายขึ้น

roe ที่ถูกต้องคือ กำไรสุทธิ / (ส่วนผู้ถือหุ้นเฉลี่ยต้นปีท้ายปี)
ผมใช้ กำไรสุทธิ/ส่วนผู้ถือหุ้นสิ้นปี

หรือ roa นี่สูตรจริงเป็นยังไงผมก็ยังจำไม่ได้เลย คุ้นๆว่าเป็น ebit/average operating asset (ผมไม่แน่ใจนะอย่าจำไปใช้ละกัน)
ผมก็ใช้เป็น กำไรสุทธิ/สินทรัพย์สิ้นปี

ทำทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้ แล้วเอาเวลาไป focus กับการวิเคราะห์คุณภาพของตัวบริษัท ความแข่งแกร่ง สามารถในการแข่งขัน และแนวโน้มอุตสาหกรรมจะดีกว่าครับ

2. ส่วนอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ผมพอเข้าใจได้

เลยอยากถามพี่โยอีกว่า พี่โยใช้ 2 ปัจจัยนี้เป็นตัวกรองหาหุ้นดีด้วยไหมครับ
หรือว่าเราจะลองใช้เกณฑ์แบบที่สองที่เขาแนะนำคือ
ให้ ROA มากกว่า 25%
กับ P/E ต่ำ เช่นต่ำกว่า 5

พี่โยว่าเราประยุกต์ใช้กับตลาดหุ้นไทยอันไหนดีครับ

ตัวกรอง roa มากกว่า 25% นี่ผมว่าดูจะหายากเกินไปหน่อยครับ ยิ่งถ้าเจาะจงไปด้วยว่า roa จะต้องมากว่าอย่างสม่ำเสมอ จากหุ้น 500 ตัวอาจจะเหลือออกมาไม่ถึง 5 ตัวด้วยซ้ำ

ผมใช้ตัวกรองคือ roe เป็นตัวแรกครับ ต้องมากกว่า 20% อย่างสม่ำเสมอ
แค่นี้เราก็กรองออกมาได้พอสมควรแล้วครับ

จากนั้นก็ต้องมาดูว่า de สูงไปมั๊ย ถ้าธุรกิจดูเฉยๆแล้ว de สูงผมก็อาจจะโยนทิ้งไปเลย แต่ถ้า de สูงแต่ธุรกิจดูดีมีอนาคตผมก็มาดูกระแสเงินสดต่อว่าคืนหนี้ได้มั๊ย (อย่างที่เพิ่งอธิบายไปใน post ก่อนหน้านี้)

pe นี่ค่อยมาดูทีหลังเลยครับ เพราะว่า e นั้นต้องใช้ e อนาคต ซึ่งต้องเจาะลึกหาข้อมูลลึกขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลจากการสอบถามพูดคุยกับผู้บริหารถึงจะประเมินได้เหมาะสมที่สุด แล้วก็ค่อยมาดูว่า pe ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมั๊ย การใช้ pe เป็นตัวกรองในการหาหุ้นนั้นอาจจะได้ผลดีระดับหนึ่งเพราะ  e ที่เราใช้กรองนั้นเป็นในอดีต การจะสร้างผลตอบแทนแบบชนะตลาดอย่างขาดลอยนั้นควรใช้ e อนาคตมาคิดเป็นขั้นตอนสุดท้ายว่าเราจะให้ upside ของหุ้นระดับเท่าไหร่
ขอบคุณครับพี่โยที่คอยแนะแนวทางให้กับพี่ ๆ น้อง ๆ และผมด้วย
ขอให้ spali เอ้ย พี่โยมีความมั่งคั่งยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะครับ  :lol:

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 30, 2010 11:24 pm
โดย AleAle
ปกติ capex นี่ต้องถามเอาจากบริษัทเท่านั้นหรือเปล่าครับ  
คุณโยใช้วิธีไหนในการหา capex บ้างครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 30, 2010 11:24 pm
โดย AleAle
ปกติ capex นี่ต้องถามเอาจากบริษัทเท่านั้นหรือเปล่าครับ  
คุณโยใช้วิธีไหนในการหา capex บ้างครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 31, 2010 9:04 am
โดย yoyo
[quote="AleAle"]ปกติ capex นี่ต้องถามเอาจากบริษัทเท่านั้นหรือเปล่าครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 31, 2010 10:28 am
โดย nun08
:bow:  :bow:   ขอบคุณครับพี่โย...... :bow:

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 31, 2010 3:44 pm
โดย AleAle
ขอบคุณ คุณโยครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 31, 2010 10:38 pm
โดย หมีบึงกุ่ม
หน้านี้เชื่อมโยงสูงสุดสู่สามัญดีจริงๆ
เป็นกำลังใจให้ตอบไปเรื่อยๆ นะครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 12:28 pm
โดย nun08
 ตัวกรอง roa มากกว่า 25% นี่ผมว่าดูจะหายากเกินไปหน่อยครับ ยิ่งถ้าเจาะจงไปด้วยว่า roa จะต้องมากว่าอย่างสม่ำเสมอ จากหุ้น 500 ตัวอาจจะเหลือออกมาไม่ถึง 5 ตัวด้วยซ้ำ

ผมใช้ตัวกรองคือ roe เป็นตัวแรกครับ ต้องมากกว่า 20% อย่างสม่ำเสมอ
แค่นี้เราก็กรองออกมาได้พอสมควรแล้วครับ

จากนั้นก็ต้องมาดูว่า de สูงไปมั๊ย ถ้าธุรกิจดูเฉยๆแล้ว de สูงผมก็อาจจะโยนทิ้งไปเลย แต่ถ้า de สูงแต่ธุรกิจดูดีมีอนาคตผมก็มาดูกระแสเงินสดต่อว่าคืนหนี้ได้มั๊ย (อย่างที่เพิ่งอธิบายไปใน post ก่อนหน้านี้)


pe นี่ค่อยมาดูทีหลังเลยครับ เพราะว่า e นั้นต้องใช้ e อนาคต ซึ่งต้องเจาะลึกหาข้อมูลลึกขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลจากการสอบถามพูดคุยกับผู้บริหารถึงจะประเมินได้เหมาะสมที่สุด แล้วก็ค่อยมาดูว่า pe ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมั๊ย การใช้ pe เป็นตัวกรองในการหาหุ้นนั้นอาจจะได้ผลดีระดับหนึ่งเพราะ  e ที่เราใช้กรองนั้นเป็นในอดีต การจะสร้างผลตอบแทนแบบชนะตลาดอย่างขาดลอยนั้นควรใช้ e อนาคตมาคิดเป็นขั้นตอนสุดท้ายว่าเราจะให้ upside ของหุ้นระดับเท่าไหร่

 

             พี่โยครับข้อควรระวังในการใช้ roe กับ de  มีอะไรบ้างไหม๊ครับ....

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 1:56 pm
โดย yoyo
[quote="nun08"][quote]

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 2:32 pm
โดย picklife
[quote="yoyo"][quote="nun08"][quote]

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 01, 2010 3:00 pm
โดย pacabee
de คือ D/E หรือหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 07, 2010 10:57 pm
โดย VI พันธุ์ทาง
คุณโยมีเทคนิคในการประมาณการกำไรในอนาคตอย่างไรครับ
ขอบคุณครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:05 am
โดย yoyo
VI พันธุ์ทาง เขียน:คุณโยมีเทคนิคในการประมาณการกำไรในอนาคตอย่างไรครับ
ขอบคุณครับ
เทคนิคหลักของผมคือ หลอกถามผู้บริหารครับ ถามเค้าโต้งๆ เค้าไม่ค่อยตอบหลอกครับ ต้องถามแบบมีชั้นเชิง ให้เค้าเห็นว่าเราทำการบ้านมา พอเราถามคำถามคมๆหลายๆคำถาม เค้าจะอยากตอบเรามากขึ้น เพราะไม่ได้มองเราเป็น นักลงทุนไก่กา

ก่อนถามเราก็ต้องทำการบ้านมาละเอียดๆก่อน
โดยเอารายได้ จากเป้าหมายที่ผู้บริหารพูดตามสื่อ อันนี้หาไม่ยาก
ประเมิน GPM จากค่าในอดีต
ประเมิน ค่าขายและบริหารเทียบกับยอดขาย จากในอดีต
ประเมิน Tax rate จากในอดีต
แล้วมาประมาณกำไรออกมา... เป็นตัวเลขค่าหนึ่ง

เรามีตัวเลขในใจไว้ก่อนแล้ว.. แล้วก็ไปถามผู้บริหารไปเรื่อย เช่น
- ระดับการแข่งขันเป็นไง ... แล้วก็หลอกถาม "แล้ว GPM ระดับเท่านี้เท่านั้นทำได้มั๊ย มั่นใจแค่ไหน
- โครงสร้างของ cost เป็นยังไง ต้องใช้ Fix cost เยอะมั๊ย จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะมั๊ย ... แล้วก็หลอกถาม "ค่าขายบริหารน่าจะประมาณกี่ % ของยอดขาย
- Tax rate นี่ก็ถามตรงๆได้เลยว่าเท่าไหร่ มี Tax Benefit มั๊ย หมดอายุเมื่อไหร่

แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้จากผู้บริหารมา... แล้วมาปรับประมาณการใหม่ให้ใกล้เคียงมากขึ้น

นี่เผยความลับฟ้าดินหมดเปลือกแล้วนะนี่....  :twisted:  :twisted:  :twisted:  ใครเอาไปใช้แล้วเจออะไรเด็ดๆ อย่าลืม pm หลังไมค์มาบอกผมบ้างนะ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:23 am
โดย dome@perth
yoyo เขียน:
เทคนิคหลักของผมคือ หลอกถามผู้บริหารครับ ถามเค้าโต้งๆ เค้าไม่ค่อยตอบหลอกครับ ต้องถามแบบมีชั้นเชิง ให้เค้าเห็นว่าเราทำการบ้านมา พอเราถามคำถามคมๆหลายๆคำถาม เค้าจะอยากตอบเรามากขึ้น เพราะไม่ได้มองเราเป็น นักลงทุนไก่กา

ก่อนถามเราก็ต้องทำการบ้านมาละเอียดๆก่อน
โดยเอารายได้ จากเป้าหมายที่ผู้บริหารพูดตามสื่อ อันนี้หาไม่ยาก
ประเมิน GPM จากค่าในอดีต
ประเมิน ค่าขายและบริหารเทียบกับยอดขาย จากในอดีต
ประเมิน Tax rate จากในอดีต
แล้วมาประมาณกำไรออกมา... เป็นตัวเลขค่าหนึ่ง

เรามีตัวเลขในใจไว้ก่อนแล้ว.. แล้วก็ไปถามผู้บริหารไปเรื่อย เช่น
- ระดับการแข่งขันเป็นไง ... แล้วก็หลอกถาม "แล้ว GPM ระดับเท่านี้เท่านั้นทำได้มั๊ย มั่นใจแค่ไหน
- โครงสร้างของ cost เป็นยังไง ต้องใช้ Fix cost เยอะมั๊ย จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะมั๊ย ... แล้วก็หลอกถาม "ค่าขายบริหารน่าจะประมาณกี่ % ของยอดขาย
- Tax rate นี่ก็ถามตรงๆได้เลยว่าเท่าไหร่ มี Tax Benefit มั๊ย หมดอายุเมื่อไหร่

แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้จากผู้บริหารมา... แล้วมาปรับประมาณการใหม่ให้ใกล้เคียงมากขึ้น

นี่เผยความลับฟ้าดินหมดเปลือกแล้วนะนี่....

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:40 am
โดย Packky
yoyo เขียน: เทคนิคหลักของผมคือ หลอกถามผู้บริหารครับ
:shock:  :shock:  :shock:
yoyo เขียน: พอเราถามคำถามคมๆหลายๆคำถาม เค้าจะอยากตอบเรามากขึ้น เพราะไม่ได้มองเราเป็น นักลงทุนไก่กา
พี่โยจะบอกใบ้อะไรรึป่าวหว่า??.... :lol:  :lol:  :lol:



ขอบคุณครับ
:8)  :8)  :8)

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 6:52 am
โดย คนคอน
ขอถามพี่โย หน่อยว่าแล้วปกติพี่โยใช้ช่องทางไหนในการถามผู้บริหารอะครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 7:54 am
โดย หมีขาว
เข้ามาคารวะครับ แอบอ่านเงียบๆ มานานแล้วครับ :bow:

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 9:43 am
โดย picatos
yoyo เขียน:
เทคนิคหลักของผมคือ หลอกถามผู้บริหารครับ ถามเค้าโต้งๆ เค้าไม่ค่อยตอบหลอกครับ ต้องถามแบบมีชั้นเชิง ให้เค้าเห็นว่าเราทำการบ้านมา พอเราถามคำถามคมๆหลายๆคำถาม เค้าจะอยากตอบเรามากขึ้น เพราะไม่ได้มองเราเป็น นักลงทุนไก่กา

ก่อนถามเราก็ต้องทำการบ้านมาละเอียดๆก่อน
โดยเอารายได้ จากเป้าหมายที่ผู้บริหารพูดตามสื่อ อันนี้หาไม่ยาก
ประเมิน GPM จากค่าในอดีต
ประเมิน ค่าขายและบริหารเทียบกับยอดขาย จากในอดีต
ประเมิน Tax rate จากในอดีต
แล้วมาประมาณกำไรออกมา... เป็นตัวเลขค่าหนึ่ง

เรามีตัวเลขในใจไว้ก่อนแล้ว.. แล้วก็ไปถามผู้บริหารไปเรื่อย เช่น
- ระดับการแข่งขันเป็นไง ... แล้วก็หลอกถาม "แล้ว GPM ระดับเท่านี้เท่านั้นทำได้มั๊ย มั่นใจแค่ไหน
- โครงสร้างของ cost เป็นยังไง ต้องใช้ Fix cost เยอะมั๊ย จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะมั๊ย ... แล้วก็หลอกถาม "ค่าขายบริหารน่าจะประมาณกี่ % ของยอดขาย
- Tax rate นี่ก็ถามตรงๆได้เลยว่าเท่าไหร่ มี Tax Benefit มั๊ย หมดอายุเมื่อไหร่

แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้จากผู้บริหารมา... แล้วมาปรับประมาณการใหม่ให้ใกล้เคียงมากขึ้น

นี่เผยความลับฟ้าดินหมดเปลือกแล้วนะนี่....

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 10:35 am
โดย vi_tal signs
สุดยอดครับพี่โย


:lol:

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 11:45 am
โดย saichon
yoyo เขียน:
เทคนิคหลักของผมคือ หลอกถามผู้บริหารครับ ถามเค้าโต้งๆ เค้าไม่ค่อยตอบหลอกครับ ต้องถามแบบมีชั้นเชิง ให้เค้าเห็นว่าเราทำการบ้านมา พอเราถามคำถามคมๆหลายๆคำถาม เค้าจะอยากตอบเรามากขึ้น เพราะไม่ได้มองเราเป็น นักลงทุนไก่กา

ก่อนถามเราก็ต้องทำการบ้านมาละเอียดๆก่อน
โดยเอารายได้ จากเป้าหมายที่ผู้บริหารพูดตามสื่อ อันนี้หาไม่ยาก
ประเมิน GPM จากค่าในอดีต
ประเมิน ค่าขายและบริหารเทียบกับยอดขาย จากในอดีต
ประเมิน Tax rate จากในอดีต
แล้วมาประมาณกำไรออกมา... เป็นตัวเลขค่าหนึ่ง

เรามีตัวเลขในใจไว้ก่อนแล้ว.. แล้วก็ไปถามผู้บริหารไปเรื่อย เช่น
- ระดับการแข่งขันเป็นไง ... แล้วก็หลอกถาม "แล้ว GPM ระดับเท่านี้เท่านั้นทำได้มั๊ย มั่นใจแค่ไหน
- โครงสร้างของ cost เป็นยังไง ต้องใช้ Fix cost เยอะมั๊ย จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะมั๊ย ... แล้วก็หลอกถาม "ค่าขายบริหารน่าจะประมาณกี่ % ของยอดขาย
- Tax rate นี่ก็ถามตรงๆได้เลยว่าเท่าไหร่ มี Tax Benefit มั๊ย หมดอายุเมื่อไหร่

แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้จากผู้บริหารมา... แล้วมาปรับประมาณการใหม่ให้ใกล้เคียงมากขึ้น

นี่เผยความลับฟ้าดินหมดเปลือกแล้วนะนี่....

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 1:16 pm
โดย SEHJU
saichon เขียน:
เทคนิคหลักของผมคือ หลอกถามผู้บริหารครับ ถามเค้าโต้งๆ เค้าไม่ค่อยตอบหลอกครับ ต้องถามแบบมีชั้นเชิง ให้เค้าเห็นว่าเราทำการบ้านมา พอเราถามคำถามคมๆหลายๆคำถาม เค้าจะอยากตอบเรามากขึ้น เพราะไม่ได้มองเราเป็น นักลงทุนไก่กา

ก่อนถามเราก็ต้องทำการบ้านมาละเอียดๆก่อน
โดยเอารายได้ จากเป้าหมายที่ผู้บริหารพูดตามสื่อ อันนี้หาไม่ยาก
ประเมิน GPM จากค่าในอดีต
ประเมิน ค่าขายและบริหารเทียบกับยอดขาย จากในอดีต
ประเมิน Tax rate จากในอดีต
แล้วมาประมาณกำไรออกมา... เป็นตัวเลขค่าหนึ่ง

เรามีตัวเลขในใจไว้ก่อนแล้ว.. แล้วก็ไปถามผู้บริหารไปเรื่อย เช่น
- ระดับการแข่งขันเป็นไง ... แล้วก็หลอกถาม "แล้ว GPM ระดับเท่านี้เท่านั้นทำได้มั๊ย มั่นใจแค่ไหน
- โครงสร้างของ cost เป็นยังไง ต้องใช้ Fix cost เยอะมั๊ย จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะมั๊ย ... แล้วก็หลอกถาม "ค่าขายบริหารน่าจะประมาณกี่ % ของยอดขาย
- Tax rate นี่ก็ถามตรงๆได้เลยว่าเท่าไหร่ มี Tax Benefit มั๊ย หมดอายุเมื่อไหร่

แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้จากผู้บริหารมา... แล้วมาปรับประมาณการใหม่ให้ใกล้เคียงมากขึ้น

นี่เผยความลับฟ้าดินหมดเปลือกแล้วนะนี่....

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 8:57 pm
โดย nun08
yoyo เขียน:
เทคนิคหลักของผมคือ หลอกถามผู้บริหารครับ ถามเค้าโต้งๆ เค้าไม่ค่อยตอบหลอกครับ ต้องถามแบบมีชั้นเชิง ให้เค้าเห็นว่าเราทำการบ้านมา พอเราถามคำถามคมๆหลายๆคำถาม เค้าจะอยากตอบเรามากขึ้น เพราะไม่ได้มองเราเป็น นักลงทุนไก่กา

ก่อนถามเราก็ต้องทำการบ้านมาละเอียดๆก่อน
โดยเอารายได้ จากเป้าหมายที่ผู้บริหารพูดตามสื่อ อันนี้หาไม่ยาก
ประเมิน GPM จากค่าในอดีต
ประเมิน ค่าขายและบริหารเทียบกับยอดขาย จากในอดีต
ประเมิน Tax rate จากในอดีต
แล้วมาประมาณกำไรออกมา... เป็นตัวเลขค่าหนึ่ง

เรามีตัวเลขในใจไว้ก่อนแล้ว.. แล้วก็ไปถามผู้บริหารไปเรื่อย เช่น
- ระดับการแข่งขันเป็นไง ... แล้วก็หลอกถาม "แล้ว GPM ระดับเท่านี้เท่านั้นทำได้มั๊ย มั่นใจแค่ไหน
- โครงสร้างของ cost เป็นยังไง ต้องใช้ Fix cost เยอะมั๊ย จ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเยอะมั๊ย ... แล้วก็หลอกถาม "ค่าขายบริหารน่าจะประมาณกี่ % ของยอดขาย
- Tax rate นี่ก็ถามตรงๆได้เลยว่าเท่าไหร่ มี Tax Benefit มั๊ย หมดอายุเมื่อไหร่

แล้วก็เอาข้อมูลที่ได้จากผู้บริหารมา... แล้วมาปรับประมาณการใหม่ให้ใกล้เคียงมากขึ้น

นี่เผยความลับฟ้าดินหมดเปลือกแล้วนะนี่....

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 11, 2010 8:46 am
โดย ssaran
ตอบได้ดีมากครับ
เห็นภาพชัด  นำไปใช้ได้จริง

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 11, 2010 3:36 pm
โดย conseto
ไว้จะเอาไปใช้บ้างครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 11, 2010 6:13 pm
โดย tatandchin
สุดยอดครับ
ขอเอาเคล็ดวิชาไปใช้บ้างนะครับ
ขอบคุณมากครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 14, 2010 10:51 pm
โดย catty
ขอบคุณค่ะพี่โย :oops:  :oops: