คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

กระทู้การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น วีไอ มีประโยชน์ ความรู้ดีดี เป็นประโยชน์เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แค่ไหนก็ตาม
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4111

โพสต์

truetempo เขียน:พี่ๆในนี้คิดอย่างไรกับคนที่อายุยังไม่มากไม่ได้มีเงินทองมากมาย (port size ประมาณ 100 เท่าของเงินเดือน) แต่รู้สึกว่าทำงานประจำก็ไม่มีเวลาแล้ว อยากจะมาเป็น full-time investor ครับ ช่วงเวลานี้เหมาะสมหรือไม่ครับ คือผมเริ่มลงทุนมา 2 ปีแล้วแต่คิดว่ายังพัฒนาไปไม่ถึงไหน เริ่มเข้าตลาดมาตอน 900 จุดเจอวิกฤติไปเต็มๆใบครับ ขาดทุนไปราว 40-50% เพิ่งรอดตัวกลับมาได้เดือนที่แล้วโดยถือหุ้นตัวเดียว (กลัวจะเป็นการกลับมาได้เพราะโชค) คิดไปคิดมารู้สึกว่าไม่อยากกลับไปขาดทุน(จากกการ mark to market) และหากสามารถทำผลตอบแทนได้ซัก 15-20% ต่อปีก็น่าจะพออยู่ได้ (7% เป็นค่าใช้จ่าย ที่เหลือปล่อยให้ port โต) เลยอยากจะใช้เวลามาศึกษาหุ้นและหลักการลงทุนเพิ่มเติม ไม่ทราบพี่ๆในนี้คิดเห็นกันอย่างไรครับ
ลงทุนแบบ Value Investing
ไม่ต้องลาออกจากงานประจำหรอกครับ
ทำงานไปด้วย ลงทุนไปด้วยได้
ไม่ใช้เวลามากหรอก
วีไอแท้ๆซื้อหุ้นทางไปรณีย์ยังทัน...บัฟเฟตบอกนะ

อย่าออกมาเลยจนกว่าจะมีเงินปันผลมากกว่ารายได้
ถึงแม้จะได้เงินปันผลมากกว่ารายได้
หลายคนก็ยังทำงานประจำอยู่
ได้รายได้สองทาง
เอาเงินเก็บมาลงทุนเพิ่ม
ยิ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนให้ทวีคูณ

ใครคิดจะลาออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว
คิดดูดีๆแล้วกันครับ
นี่ยังดีตลาดกลับมาเร็ว
ถ้าตลาดซึมไปห้าหกปีเหมือนปี 40
คนหากินจากตลาดอย่างเดียวคงแย่แน่ๆ

ลองศึกษา Value Investing ให้ถ่องแท้
แล้วจะรู้ว่ายิ่งเฝ้าตลาดยิ่งตัดสินใจพลาดง่าย
เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า
ปล่อยให้เงินงอกเงยในตลาดหุ้นเวิร์คกว่าไหนๆ

โชคดีครับ
truetempo
Verified User
โพสต์: 47
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4112

โพสต์

น้อง Voldtrest ครับ:
ผมทำ asset allocation ครับ 2/3 เป็นหุ้นครับแต่ไม่ได้มาจากการทำ optimisation นะครับ เพราะไม่คิดว่า volatility จะเป็นตัวสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของการลงทุนครับ อ่านที่ post แล้วรู้สึกว่าคุณ Voldtrest จะมีความคิดที่ค่อนข้างชัดเจนดีครับ ขอชมเชยและขอบคุณสำหรับความเห็นที่เป็นประโยชน์ครับ

พี่วิบูลย์ครับ:
ไม่ได้ออกมาเพื่อเฝ้าตลาดหรอกครับ กะว่าจะได้ให้เวลากับการลงทุนมากกว่าปัจจุบันนี้ได้ครับ เห็นหลายๆท่าน post กันในนี้ดูแล้วข้อมูลแน่นมากครับ สำหรับตัวเองคิดว่าอยากมีเวลาศึกษาการลงทุนและหาข้อมูลให้มากกว่านี้ครับจะได้มีกรอบการลงทุนที่กว้างขึ้น (รู้จักหุ้นมากขึ้นและมีมุมมองธุรกิจที่ดีขึ้น)

หลังจากได้คุยปรึกษากับคนใกล้ชิดหลายๆคนแล้ว คิดว่าคงทำงานประจำต่อไปแหละครับ พยายามหาเวลามาศึกษาการลงทุนมากขึ้น (นอนน้อยลง อิอิ) หรือหากยังไม่พอก็คงจะเปลี่ยนที่ทำงานที่มีเวลามากขึ้น ก็เลยบรรเทาอาการจิตตกไปได้ระดับนึงครับ ขอบคุณความเห็นของทั้งสองท่านมากครับ  :)
kewin
Verified User
โพสต์: 69
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4113

โพสต์

อ่าน research เจอว่า supply อง พาราไซลีนจะเข้ามีอีก ไตรมาส4/52

1.6 ล้านตันและไม่มีอีกเลยนาน 11 เดือน ทำให้โบรกเกอร์เชียร์ซื้อ  pttar

รบกวนขอมุมมองคุณ วิบูลย์หน่อยครับ
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4114

โพสต์

มาชวนพี่วิบูลย์คุยเรื่อง บัฟเฟตต์ ครับ พอดีผมกำลังพยายามทำความเข้าใจแนวทางการลงทุนของหลายๆท่านอยู่ครับ จะได้นำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางของผมเอง

มีข้อสงสัยดังนี้ครับ

ผมอยากทราบว่า

- ในระยะแรกๆของการลงทุน บัฟเฟตต์ ไม่ได้ซื้อแล้วถือหุ้นอย่างยาวนานรึเปล่าครับ เท่าที่ผมเคยอ่าน ช่วงแรกๆ ที่พอซื้อลงทุนแล้วราคาขึ้นไป กำไร 50% ก็ขายทำกำไร ประมาณนี้รึเปล่าครับ ทยอยสะสมกำไรให้ทุนเพิ่มก่อน


- ต่อมาพอทุนเริ่มเพิ่มขึ้น(พอร์ตใหญ่) ก็เปลี่ยนมาเป็นซื้อหุ้นจำนวนมาก หรือ ซื้อทั้งบริษัท ทำให้ บัฟเฟตต์ สามารถมีเงินสดจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกหรือเงินปันผลที่มีจำนวนมาก และนำเงินสดนั้นมาซื้อลงทุนในบริษัทอื่นๆ ได้โดยที่ไม่ต้องขายหุ้นเดิมที่ถืออยู่รึเปล่าครับ ถึงแม้จะราคาปรับตัวขึ้นไปมากก็ตาม เลยเป็นที่มาของการถือหุ้นอย่างยาวนาน แทบไม่ต้องขายหุ้นเพื่อนำเงินมาลงทุนต่อครับ


- การที่ บัฟเฟตต์ บอกว่าไม่ต้องสนใจราคาหุ้นระยะสั้น ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ดูราคารึเปล่าครับ เพียงแต่ดูได้ แต่อย่าไปใส่ใจมาก ยกเว้นจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ เช่น หุ้นตกหนักๆ หรือ ราคาขึ้นไปมาก เพราะถ้าไม่ดูราคาเลย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนหุ้นถูก หรือ ตอนไหนหุ้นแพงเกินไปครับ


- แก่นที่แท้จริงของ Value Investment ก็คือยึดหลักการซื้อถูกขายแพง ใช่มั๊ยครับ

ซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำว่ามูลค่าที่เหมาะสม ขายเมื่อเห็นว่าราคาหุ้นเกินมูลค่าที่เหมาะสม หรือเจอตัวที่น่าสนใจกว่า

VI ไม่ได้จำเป็นต้องถือหุ้นไว้ตลอดไป หากเห็นว่าราคาหุ้นสูงเกินความเหมาะสม หรือเราพอใจในกำไรแล้ว ก็ขายทำกำไรไป ไม่ได้ผิดหลัก VI แต่อย่างใด

ยกตัวอย่าง บัฟเฟตต์ก็ซื้อถูกขายแพง , ผมได้ดูบทสัมภาษน์เกี่ยวกับการซื้อและขายปิโตรไชน่าของบัฟเฟตต์ : http://www.youtube.com/watch?v=Lc791is6X0o

ฟังคร่าวๆ ก็ประมาณว่า บัฟเฟตต์เห็นว่าบริษัทนี้ควรมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ $100 billion แต่ตอนที่ซื้อมาใช้เงินลงทุน $488 million , Mkt. ทั้งบริษัท = $37 billion และขายหุ้นทั้งหมดได้เงินมา $4 billion Mkt. ทั้งบริษัท = $275 billion
We made one large sale last year. In 2002 and 2003 Berkshire bought 1.3% of PetroChina for $488 million, a price that valued the entire business at about $37 billion. Charlie and I then felt that the company was worth about $100 billion. By 2007, two factors had materially increased its value; the price of oil had climbed significantly, and PetroChinas management had done a great job in building oil and gas reserves. In the second half of last year, the market value of the company rose to $275 billion, about what we thought it was worth compared to other giant oil companies. So we sold our holdings for $4 billion. A footnote: We paid the IRS tax of $1.2 billion on our PetroChina gain. This sum paid all costs of the U.S. government defense, social security, you name it for about four hours.

ที่มา : http://www.peridotcapitalist.com/2008/0 ... arren.html

ผมคิดว่าบางคนหรือหลายๆคนเข้าใจว่า VI คือ ซื้อแล้วถือไว้ตลอดไป ไม่ขาย หรือลงทุนแบบ บัฟเฟตต์ ซึ่งผมเห็นว่า แนวทางของบัฟเฟตต์ไม่ใช่ทุกอย่างของหลักการ VI แต่เป็นหลักการที่แตกมาจาก VI อีกทีนึงรึเปล่าครับ

VI เองก็มีหลายๆท่านอย่าง ปีเตอร์ ลินซ์ , จอห์น เนฟฟ์ ที่เน้นซื้อถูกขายแพงเป็นหลัก ระยะเวลาที่ถือก็ตั้งแต่ 6 เดือน - 3 ปี หรืออาจจะ 4 - 5 ปี

อย่าง จอห์น เนฟฟ์ ก็เป็น VI ที่เปลี่ยนหุ้นบ่อยมากๆ และดูเหมือนว่าเค้าจะเน้นไปที่ PE , EPS , Dividend และแนวโน้มเศรษฐกิจระยะ 1 - 2 ปี เป็นหลัก


การที่นักลงทุนจะลงทุนตามอย่าง บัฟเฟตต์ (ซื้อหุ้นที่ดีแล้วถืออย่างยาวนานหรืออย่างน้อยก็ถือไว้จริงๆไม่ขายเลย 5 ปีขึ้นไป ผลตอบแทนประมาณ 20% ต่อปี) ได้ผมคิดว่าต้องมีปัจจัยดังนี้ครับ

1. พอร์ตลงทุนเริ่มต้นมีขนาดใหญ่ ระดับ 5 - 10 ล้านบาทขึ้นไป และไม่ใช่เงินทั้งหมดของชีวิต คือได้เงินปันผลจำนวนมากพอที่สามารถนำไปลงทุนหุ้นตัวอื่นๆในสัดส่วนที่มากได้ โดยที่ไม่ต้องขายหุ้นเดิม และไม่กระทบการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ถ้าคนพอร์ตเล็ก(อย่างผม) อยากลงทุนแนวทางบัฟเฟฟต์ คือซื้อแล้วถือ ให้มูลค่าหุ้นตัวเดิมเพิ่มไปเรื่อยๆ สมมติผลตอบแทนรวมปันผลราวๆ 20% ต่อปี  

เงิน 1 แสนบาท กับ เงิน 1 ล้านบาท หรือ เงิน 10 ล้านบาท ผลตอบแทนต่อปีถือว่าต่างกันมากเลยนะครับ 1 แสน ได้ 2 หมื่นบาท 10 ล้าน ได้ 2 ล้านบาท , เปรียบเทียบการนำเงิน 2 หมื่นบาท กับ 2 ล้านบาท ไปลงทุนในหุ้นตัวใหม่น่าจะให้ผลต่างกันเยอะครับ

ในความเห็นของผมพอร์ตขนาดเล็กหรือใหญ่ มีผลต่อหลักการลงทุนของเราครับ พอร์ตเล็กจะลงทุนแบบพอร์ตใหญ่ก็ไม่น่าเหมาะ หรือพอร์ตใหญ่จะลงทุนแบบพอร์ตเล็กก็ไม่คล่องตัวเท่าครับ


2. มีเงินสดรับแต่ละปีจำนวนมาก จากรายได้หลัก หรือรายได้อื่นๆ เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันครับ อย่างบัฟเฟตต์เองรู้สึกว่าได้เงินเดือนราวๆ $100,000 ต่อปีรึเปล่าครับ ไม่แน่ใจครับ

หุ้นเบิร์กไชร์ก็ไม่ได้จ่ายปันผล กำไรหรือปันผลจากบริษัทลูกก็นำไปลงทุนหุ้นตัวใหม่ๆต่อไปเรื่อยๆ หุ้นเดิมก็ถือต่อไปได้เรื่อยๆ


3. ตะแกรงร่อนหุ้นต้องเข้มข้นมากๆ ถึงจะลงทุนแนว บัฟเฟตต์ ได้ เพราะถ้าซื้อแล้วถือไปเรื่อยๆอย่างยาวนาน คล้ายกับเราร่วมลงทุนทำธุรกิจนั้นไปด้วยเลย ต้องดูทุกอย่าง ดูงบอย่างละเอียด วิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ศึกษาผู้บริหารให้ดี

ก็จำเป็นต้องมีตะแกรงร่อนที่เข้มข้นมากกว่า การลงทุนแบบเน้นซื้อถูกขายแพง ที่หลักๆจะดูพวก PE , EPS , Dividend และภาวะเศรษฐกิจครับ


สิ่งที่ผมสามารถนำหลักการของบัฟเฟตต์ มาประยุกต์ใช้กับผม ก็คือ การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ , การดูผู้บริหาร , การรอจังหวะเข้าซื้อหุ้นเมื่อตลาดตกต่ำ , การดูแนวโน้มระยะยาวของกิจการ(อนาคต)ครับ (ตอนนี้นึกได้เท่านี้ครับ)

ส่วนการถือหุ้นอย่างยาวนานผมคิดว่า ณ ตอนนี้ ยังไม่สามารถใช้กับขนาดของพอร์ตผมได้ครับ


ตอนนี้ผมซื้อหุ้นระยะเวลาที่หวังผลประมาณ 6 เดือน - 2 ปีครับ แต่ช่วงนี้หุ้นบางตัวดันขึ้นมาเร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ(ราคานี้คิดว่าจะได้ตอนปีหน้า) ก็เลยขายทำกำไรไปลงทุนตัวอื่นที่คิดว่ายังถูกอยู่ครับ ตามตะแกรงร่อนหุ้นของผม

ก็ประมาณนี้ครับ รบกวนพี่วิบูลย์ช่วย วิจารณ์ และ แลกเปลี่ยน ด้วยครับ  :8)

พอดีผมเพิ่งสอบเสร็จ แบบว่าเก็บกดครับ 2 อาทิตย์อ่านแต่หนังสือเรียน

จะศึกษาหุ้นตัวไหนก็ไม่ได้ทำ ดองไว้หลายตัวเลย ขอพิมพ์เยอะหน่อยนะครับ   :lol:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
ภาพประจำตัวสมาชิก
SunShine@Night
Verified User
โพสต์: 2196
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4115

โพสต์

2. มีเงินสดรับแต่ละปีจำนวนมาก จากรายได้หลัก หรือรายได้อื่นๆ เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันครับ อย่างบัฟเฟตต์เองรู้สึกว่าได้เงินเดือนราวๆ $100,000 ต่อปีรึเปล่าครับ ไม่แน่ใจครับ
เข้าใจว่า เขา เป็นกรรมการหลายบริษัทนะครับ

น่าจะได้เงินจากตรงนี้พอสมควร
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์

หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี :)
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4116

โพสต์

ผมว่า  buffett จะลงทุน เค้าดูว่า อีก 5 ปี 10 ปี บริษัทจะโตอย่างไร
บริษัทจะเป็นอย่างไรในตอนนั้น

เพื่อนผม เคยบอกว่า บัฟเฟต จะไม่รู้เรื่อง microsoft หรือ
เพราะ บิลเกตก็สนิทกับเค้ามากๆ
อยากดูงบ อยากดู บริษัท ก็ทำได้

แต่อาจเป็นไปได้ที่ว่า อีก 10ปี เค้าไม่แน่ใจว่า microsoft จะเป็นอย่างไร
เทคโนโลยีจะไปแค่ไหน(เป็นการคาดเดานะครับ)
แต่ nebraska furniture เค้าทราบว่า ต่อไปก็คือร้านขาย furniture

แต่ผมคิดว่า เค้ามี วินัยการลงทุน "พยายาม"ลงทุนในสิ่งที่เค้าเข้าใจ

(มาร่วมแจมครับพี่ครับ :D )
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4117

โพสต์

ขอบคุณครับ

คือผมอยากหานิยามคำว่า Value Investment ครับ

ดูเหมือนมันจะแยกย่อยไปหลายทาง เพราะผมเองก็เคย งงๆ กับ VI ว่าตกลงมันเป็นยังไงแน่ ประมาณว่าหาแก่นไม่เจอครับ

ตอนผมลงทุนใหม่ๆ ผมก็เข้าใจว่า VI คือซื้อแล้วถือยาวๆ แทบไม่ต้องขาย กินปันผล หุ้นดีเดี๋ยวราคาก็ขึ้นไปเรื่อยๆ ลงทุนอย่าง บัฟเฟตต์

พอครึ่งปีผมก็เจออีกแบบนึง ลงทุนหุ้นโตเร็ว PE สูงๆ แต่ไม่เกินหรือเท่ากับ Growth ขายตอนที่กิจการหยุดโตแล้ว หรือ หุ้นวัฏจักร ลงทุนอย่าง ปีเตอร์ ลินซ์

ตอนนี้ผ่านมาปีกว่าๆ ผมก็ยังเจอ VI แนวใหม่ๆไปเรื่อยๆครับอย่าง ดู PE EPS DIVIDEND เป็นหลัก ซื้อหุ้นที่ดีตอนราคาต่ำๆ ไม่มีใครสนใจ พอคนสนใจราคาขึ้นมาเหมาะสมแล้วหรือขึ้นเกินราคาเหมาะสมก็ขาย แล้วก็หาหุ้นตัวใหม่ใช้ตะแกรงร่อนหุ้นตามเกณฑ์ของเรา ลงทุนอย่าง จอห์น เนฟฟ์

เป็น VI ทั้ง 3 คนแต่คนละสาขา คนละแนวทาง แต่ยึดหลักคือซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม ขายเมื่อราคาเกินพื้นฐาน หรือกิจการหยุดโตแล้ว หรือ ราคาเหมาะสมแล้ว หรือ เจอหุ้นที่ดีกว่า หรือจะไม่ขายก็ได้ถือต่อไป

ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญสุดของ Value Investment น่าจะเป็น ซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม รึเปล่าครับ

แต่ถ้าเป็นแบบ บัฟเฟตต์ ก็จะเพิ่มว่า ซื้อหุ้นชั้นยอด(super stock) ในราคาเหมาะสมและถือยาวๆ เพราะถ้าถือสั้นๆมูลค่าหุ้นก็ยังไม่เติบโตมาก เพราะราคามันเหมาะสมแล้ว (ในช่วงนั้นๆ)

ส่วนจะขายหุ้น หรือ ถือหุ้นต่อไป ก็น่าจะแล้วแต่ ว่าเป็น VI สาขาไหน และหุ้นที่ถือเป็นแบบไหนอีกทีครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4118

โพสต์

เพื่อนผม เคยบอกว่า บัฟเฟต จะไม่รู้เรื่อง microsoft หรือ
เพราะ บิลเกตก็สนิทกับเค้ามากๆ
อยากดูงบ อยากดู บริษัท ก็ทำได้
เค้าสนิทกันตอนรวยมากๆๆๆ แล้วทั้งคู่ครับ คงไม่ใช่ประเด็นนี้

คงเป็นเพราะบัฟเฟต์ไม่ชอบหุ้น IT ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว และคาดการณ์อะไรได้ลำบากมากกว่า
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
ภาพประจำตัวสมาชิก
hongvalue
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2703
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4119

โพสต์

พี่วิบูลย์ขอยืมกระทู้โฆษณานิดนึงนะ

พอดีผมอยากหาคำตอบว่าแต่ละคนให้ความสำคัญกับ
stockselection , timing  และอื่นๆมากน้อยเท่าไหร่สำหรับ
การลงทุน ก็เลยมีให้เขียนแชร์ประสบการณ์เข้ามา
คนชนะมีรางวัลเป็น file เสียงการลงทุน classic ที่หายาก
ให้เพียบเลย ส่วนนึงก็เป็น file ที่พี่วิบูลย์กับพี่เว็บและ
พี่ฉัตรเคยพูดที่ตลาดหลักทรัพย์นั้นแหละ อิอิ

ใครสนใจเข้าไปร่วมแชร์ประสบการณ์ก็ได้เลยนะครับ
ใน บล็อกผมอะ อยู่ในลายเซ้นด้านล่างนี้

ไม่ได้มาโฆษณาอย่างเดียวนะ เดี่ยวถ้ามีคนเขียนเข้ามาเยอะๆ
ผมจะมาทำสรุปให้อ่านในกระทู้นี้ว่าคนที่ให้ความสำคัญกับอะไร
เขาคิดยังไงและเขามีประสบการณ์อะไรมาเล่า
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผม
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP
young_5432
Verified User
โพสต์: 1109
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4120

โพสต์

รบกวนถามพี่วิบูลณ์ครับ  ว่าเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด กับ รายได้ที่ยังไม่ได้จัดสรร มีส่วนเกี่ยวข้องกันไหมครับ  บ้างบริษัท เงินสด 1000 ล้าน รายได้ ไม่ได้จัดสรร 10000 ล้าน ทำไมต่างกันจังเลย เพราะเห็นบอกว่าเงินที่ยังไม่ได้จัดสรร คือกำไรที่ไม่ได้เอาไปจ่ายปันผล หรือซื้อหุ้นคืน หรือไม่ได้นำไปลงทุน แล้วเงินสดหละครับ ขอบคุณครับ
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
young_5432
Verified User
โพสต์: 1109
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4121

โพสต์

ถ้าหา FCF ติดลบ แต่มีเงินสด 1000 ล้าน  และ เงินยังไม่ได้จัดสรรเป็น 10000 ล้าน หมายความว่ายังมีเงินหรือป่าวครับ
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4122

โพสต์

[quote="hongvalue"]พี่วิบูลย์ขอยืมกระทู้โฆษณานิดนึงนะ

พอดีผมอยากหาคำตอบว่าแต่ละคนให้ความสำคัญกับ
stockselection , timing
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4123

โพสต์

[quote="young_5432"]รบกวนถามพี่วิบูลณ์ครับ
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4124

โพสต์

[quote="kewin"]อ่าน research เจอว่า supply อง พาราไซลีนจะเข้ามีอีก ไตรมาส4/52

1.6 ล้านตันและไม่มีอีกเลยนาน 11 เดือน ทำให้โบรกเกอร์เชียร์ซื้อ
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4125

โพสต์

i_sarut เขียน:มาชวนพี่วิบูลย์คุยเรื่อง บัฟเฟตต์ ครับ พอดีผมกำลังพยายามทำความเข้าใจแนวทางการลงทุนของหลายๆท่านอยู่ครับ จะได้นำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางของผมเอง

มีข้อสงสัยดังนี้ครับ

ผมอยากทราบว่า

- ในระยะแรกๆของการลงทุน บัฟเฟตต์ ไม่ได้ซื้อแล้วถือหุ้นอย่างยาวนานรึเปล่าครับ เท่าที่ผมเคยอ่าน ช่วงแรกๆ ที่พอซื้อลงทุนแล้วราคาขึ้นไป กำไร 50% ก็ขายทำกำไร ประมาณนี้รึเปล่าครับ ทยอยสะสมกำไรให้ทุนเพิ่มก่อน:
แรกๆบัฟเฟตลงทุนแบบ"ก้นบุหรี่"ครับ
ซื้อมาถูกๆไม่สนคุณภาพบริษัท
พอราคาขึ้นมาเกินมูลค่าก็ขาย
ไม่ได้คิดถือตลอดชีวิต
เป็นวิธีการลงทุนแบบเบนจามิน เกรแฮมล้วนๆ

i_sarut เขียน:- ต่อมาพอทุนเริ่มเพิ่มขึ้น(พอร์ตใหญ่) ก็เปลี่ยนมาเป็นซื้อหุ้นจำนวนมาก หรือ ซื้อทั้งบริษัท ทำให้ บัฟเฟตต์ สามารถมีเงินสดจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกหรือเงินปันผลที่มีจำนวนมาก และนำเงินสดนั้นมาซื้อลงทุนในบริษัทอื่นๆ ได้โดยที่ไม่ต้องขายหุ้นเดิมที่ถืออยู่รึเปล่าครับ ถึงแม้จะราคาปรับตัวขึ้นไปมากก็ตาม เลยเป็นที่มาของการถือหุ้นอย่างยาวนาน แทบไม่ต้องขายหุ้นเพื่อนำเงินมาลงทุนต่อครับ
:
ไม่ใช่
บัฟเฟตสนใจการลงทุนแบบฟิลิฟ ฟิชเชอร์
ที่ลงทุนในหุ้นบริษัทใดบริษัทหนึ่งนานมาก
เพื่อให้บริษัทแสดงศักยภาพในระยะยาวออกมา

เริ่มต้นจาก"หลักการ"มากกว่าเงินที่มีครับ
i_sarut เขียน:- การที่ บัฟเฟตต์ บอกว่าไม่ต้องสนใจราคาหุ้นระยะสั้น ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้ดูราคารึเปล่าครับ เพียงแต่ดูได้ แต่อย่าไปใส่ใจมาก ยกเว้นจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่ๆ เช่น หุ้นตกหนักๆ หรือ ราคาขึ้นไปมาก เพราะถ้าไม่ดูราคาเลย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนหุ้นถูก หรือ ตอนไหนหุ้นแพงเกินไปครับ:
เขาไม่ได้บอกว่าไม่ต้องดู
ไม่สนใจไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นนะครับ

แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า
คนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจใน"ราคาหุ้น"มากกว่าผลประกอบการบริษัทในระยะยาว

i_sarut เขียน:- แก่นที่แท้จริงของ Value Investment ก็คือยึดหลักการซื้อถูกขายแพง ใช่มั๊ยครับ

ซื้อหุ้นเมื่อราคาต่ำว่ามูลค่าที่เหมาะสม ขายเมื่อเห็นว่าราคาหุ้นเกินมูลค่าที่เหมาะสม หรือเจอตัวที่น่าสนใจกว่า

VI ไม่ได้จำเป็นต้องถือหุ้นไว้ตลอดไป หากเห็นว่าราคาหุ้นสูงเกินความเหมาะสม หรือเราพอใจในกำไรแล้ว ก็ขายทำกำไรไป ไม่ได้ผิดหลัก VI แต่อย่างใด:
ก็ถูกแล้วนี่ครับ
i_sarut เขียน:ยกตัวอย่าง บัฟเฟตต์ก็ซื้อถูกขายแพง , ผมได้ดูบทสัมภาษน์เกี่ยวกับการซื้อและขายปิโตรไชน่าของบัฟเฟตต์ : http://www.youtube.com/watch?v=Lc791is6X0o

ฟังคร่าวๆ ก็ประมาณว่า บัฟเฟตต์เห็นว่าบริษัทนี้ควรมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ $100 billion แต่ตอนที่ซื้อมาใช้เงินลงทุน $488 million , Mkt. ทั้งบริษัท = $37 billion และขายหุ้นทั้งหมดได้เงินมา $4 billion Mkt. ทั้งบริษัท = $275 billion:
Overvalue ก็ขายได้นี่ครับ
แต่บัฟเฟตบอกว่าขายไปแล้ว ราคาหุ้นกลับสูงขึ้นไปอีก
ขาดทุนกำไรไปเยอะเลย....หัวเราะ
i_sarut เขียน:ผมคิดว่าบางคนหรือหลายๆคนเข้าใจว่า VI คือ ซื้อแล้วถือไว้ตลอดไป ไม่ขาย หรือลงทุนแบบ บัฟเฟตต์ ซึ่งผมเห็นว่า แนวทางของบัฟเฟตต์ไม่ใช่ทุกอย่างของหลักการ VI แต่เป็นหลักการที่แตกมาจาก VI อีกทีนึงรึเปล่าครับ:
อย่าไปสนใจในนิยามมากเกินไป
มันไม่มีประโยชน์
เอาเป็นว่าอะไรที่ซื้อหุ้นต่ำกว่ามูลค่าคือวีไอแล้วกัน

i_sarut เขียน:VI เองก็มีหลายๆท่านอย่าง ปีเตอร์ ลินซ์ , จอห์น เนฟฟ์ ที่เน้นซื้อถูกขายแพงเป็นหลัก ระยะเวลาที่ถือก็ตั้งแต่ 6 เดือน - 3 ปี หรืออาจจะ 4 - 5 ปี

อย่าง จอห์น เนฟฟ์ ก็เป็น VI ที่เปลี่ยนหุ้นบ่อยมากๆ และดูเหมือนว่าเค้าจะเน้นไปที่ PE , EPS , Dividend และแนวโน้มเศรษฐกิจระยะ 1 - 2 ปี เป็นหลัก:
ก็ใช่

i_sarut เขียน:การที่นักลงทุนจะลงทุนตามอย่าง บัฟเฟตต์ (ซื้อหุ้นที่ดีแล้วถืออย่างยาวนานหรืออย่างน้อยก็ถือไว้จริงๆไม่ขายเลย 5 ปีขึ้นไป ผลตอบแทนประมาณ 20% ต่อปี) ได้ผมคิดว่าต้องมีปัจจัยดังนี้ครับ:
i_sarut เขียน:1. พอร์ตลงทุนเริ่มต้นมีขนาดใหญ่ ระดับ 5 - 10 ล้านบาทขึ้นไป และไม่ใช่เงินทั้งหมดของชีวิต คือได้เงินปันผลจำนวนมากพอที่สามารถนำไปลงทุนหุ้นตัวอื่นๆในสัดส่วนที่มากได้ โดยที่ไม่ต้องขายหุ้นเดิม และไม่กระทบการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน:
ไม่จริง
อย่างทีผมบอก
เงินไม่ใช่สิ่งสำคัย
หลักการสำคัญกว่า

มีคนมากมายอยากเป็นบัฟเฟต
แต่บอกว่าเราเงินน้อยเลยลงทุนแบบบัฟเฟตไม่ได้
มันเป็นแค่"ข้ออ้าง"
เราคิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นหละ

คิดว่าทำได้ก็ได้
คิดว่าทำไม่ได้ก็ไม่ได้
i_sarut เขียน:ถ้าคนพอร์ตเล็ก(อย่างผม) อยากลงทุนแนวทางบัฟเฟฟต์ คือซื้อแล้วถือ ให้มูลค่าหุ้นตัวเดิมเพิ่มไปเรื่อยๆ สมมติผลตอบแทนรวมปันผลราวๆ 20% ต่อปี
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4126

โพสต์

โอ ขอบคุณมากครับ เข้าใจชัดเจนมากขึ้นครับ  :lol:

เดี๋ยวผมขอใช้เวลากับการลงทุนให้นานกว่านี้ แล้วจะมาถกกับพี่ใหม่นะครับ

ผมยังไม่ค่อยตกผลึกเท่าไหร่ครับ ต้องลองลงทุนไปอีกหลายปีครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
young_5432
Verified User
โพสต์: 1109
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4127

โพสต์

young_5432 wrote:
รบกวนถามพี่วิบูลณ์ครับ  ว่าเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด กับ รายได้ที่ยังไม่ได้จัดสรร มีส่วนเกี่ยวข้องกันไหมครับ  บ้างบริษัท เงินสด 1000 ล้าน รายได้ ไม่ได้จัดสรร 10000 ล้าน ทำไมต่างกันจังเลย เพราะเห็นบอกว่าเงินที่ยังไม่ได้จัดสรร คือกำไรที่ไม่ได้เอาไปจ่ายปันผล หรือซื้อหุ้นคืน หรือไม่ได้นำไปลงทุน แล้วเงินสดหละครับ ขอบคุณครับ

ถ้าหา FCF ติดลบ แต่มีเงินสด 1000 ล้าน  และ เงินยังไม่ได้จัดสรรเป็น 10000 ล้าน หมายความว่ายังมีเงินหรือป่าวครับ



ผมเคยได้ยินแต่"กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร"นะ
ภาษาอังกฤษเรียกว่า Retain Earning
เป็นส่วนเพิ่มของมูลค่าหุ้นจากเงินจดทะเบียนของบริษัทในส่วนของผู้ถือหุ้น

เงินนี้มาจากไหน
มาจากกำไรในแต่ละปีเพิ่มเข้ามาในงบดุล
เงินก้อนนี้อาจต่างจาก"เงินสด"ในมือได้อย่างแน่นอน
เพราะบริษัทอาจนำกำไรที่ยังไม่ได้จัดสรรไปลงทุน
ซื้อเครื่องจักร ซื้อที่ดิน สร้างโรงงานหรืออื่นๆ

ส่วนเงินสดก็คือเงินสดที่ฝากแบงค์ไว้ครับ
เอามาใช้ได้
แต่กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรรอาจไม่ใช่เงินสดครับ
มันแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินไปแล้วครับ

FCF ติดลบ แต่มีเงินสด 1000 ล้าน  
แสดงว่ามีเงินสด 1000 ล้านอยู่ดี
แต่อนาคตมีไม่ถึงแน่

อ๋อพูดผิดครับ มันคือ  กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร แต่ทีนี้ ที่พี่วิบูลณ์บอกว่ามันอาจจะอยู่ในรูปทรัพย์สินที่ อาจจะไปซื้อเครื่องจักร ที่ดิน มันไม่ใช่อย่างนี้หรอครับ ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจผิดรึป่าว

เท่าที่ผมเคยอ่านหนังสือวอเร็นชอบที่จะมีเงินนี้เยอะ ๆ เพราะจะได้เอาไปซื้อหุ้น คืนหรือว่า ลงทุนให้กำไรต่อหุ้นยิ่งมากขึ้น ถ้าได้กำไรมากขึ้น  ส่วนที่เอาไปลงทุน  สมมุติมีกำไรไม่ได้จัดสรร 10000 ล้าน ถ้าเอาไปซื้อหุ้นคืนชะ 1000 ล้าน ซื้อที่ดิน ซะ 1000 ล้าน  กำไร ที่ยังไม่ได้จัดสรรที่เหลือคือ 10000-1000-1000= 8000  ล้าน ซึ่งมันได้หักค่าซื้อที่ดินออกไปแล้ว แล้วมันจะเป็นส่วนที่เป็นทรัพย์สินพวกเครื่องจักร ที่ดิน หรืออสังหาอื่นได้ยังไงครับ


ขอบคุณครับ
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4128

โพสต์

[quote="young_5432"]

อ๋อพูดผิดครับ มันคือ
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4129

โพสต์

[quote="i_sarut"]โอ ขอบคุณมากครับ เข้าใจชัดเจนมากขึ้นครับ
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4130

โพสต์

i_sarut เขียน:ขอบคุณครับ

คือผมอยากหานิยามคำว่า Value Investment ครับ

ดูเหมือนมันจะแยกย่อยไปหลายทาง เพราะผมเองก็เคย งงๆ กับ VI ว่าตกลงมันเป็นยังไงแน่ ประมาณว่าหาแก่นไม่เจอครับ[
อย่าไปยึดติดเลยครับ
ใครจะไปนิยามแบบไหนก็ช่างเขาเถอะ

อย่างตอนวอร์เรนซื้อหุ้นโค๊กใหม่ๆ
ใครก็วิจารณ์ว่าไม่ใช่หลักการวีไอ
เพราะราคาแพง พีอีสูงกว่าตลาดเท่าตัว
ปากหอยปากปู
ผมว่าลงทุนในแบบที่เราเข้าใจก็พอแล้ว
ใครจะว่าเป็นวีไอวีเอ็กก็ช่างแ_่งเถอะ
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4131

โพสต์

พี่วิบูลย์ขอบคุณนะครับผม(แอบเข้ามาอ่านครับ)

ช่วงนี้ ฝนตกบ่อย พี่วิบูลย์รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4132

โพสต์

[quote="noooon010"]พี่วิบูลย์ขอบคุณนะครับผม(แอบเข้ามาอ่านครับ)

ช่วงนี้ ฝนตกบ่อย พี่วิบูลย์รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
young_5432
Verified User
โพสต์: 1109
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4133

โพสต์

young_5432 wrote:


อ๋อพูดผิดครับ มันคือ  กำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร แต่ทีนี้ ที่พี่วิบูลณ์บอกว่ามันอาจจะอยู่ในรูปทรัพย์สินที่ อาจจะไปซื้อเครื่องจักร ที่ดิน มันไม่ใช่อย่างนี้หรอครับ ไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจผิดรึป่าว

เท่าที่ผมเคยอ่านหนังสือวอเร็นชอบที่จะมีเงินนี้เยอะ ๆ เพราะจะได้เอาไปซื้อหุ้น คืนหรือว่า ลงทุนให้กำไรต่อหุ้นยิ่งมากขึ้น ถ้าได้กำไรมากขึ้น  ส่วนที่เอาไปลงทุน  สมมุติมีกำไรไม่ได้จัดสรร 10000 ล้าน ถ้าเอาไปซื้อหุ้นคืนชะ 1000 ล้าน ซื้อที่ดิน ซะ 1000 ล้าน  กำไร ที่ยังไม่ได้จัดสรรที่เหลือคือ 10000-1000-1000= 8000  ล้าน ซึ่งมันได้หักค่าซื้อที่ดินออกไปแล้ว แล้วมันจะเป็นส่วนที่เป็นทรัพย์สินพวกเครื่องจักร ที่ดิน หรืออสังหาอื่นได้ยังไงครับ


ขอบคุณครับ


ผมว่าน้องเข้าใจผิดมหาศาลเลย
กำไรสะสมอาจไม่อยู่ในรูปของเงินสด
มันเป็นเพียงตัวเลขทางบัญชี

จะซื้อหุ้นคืนต้องใช้"เงินสด"ในงบดุล
ใช้กำไรสะสมซื้อไม่ได้

ขอบคุณครับพี่ มี คอร์ส ที่ไหนแนะนำก็บอกได้นะครับ ถ้าพี่วิบูรณ์เปิดสอนจะรีบไปเรียนเลยครับ
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4134

โพสต์

young_5432 เขียน: ขอบคุณครับพี่ มี คอร์ส ที่ไหนแนะนำก็บอกได้นะครับ ถ้าพี่วิบูรณ์เปิดสอนจะรีบไปเรียนเลยครับ
เห็นแต่ อ. มนตรีที่เปิดสอนนะครับ  ลองเข้าไปดูครับ  :)
แต่เมื่อไหร่ ต้องติดตาม...หรือไม่ก็ลองสอบถามคุณพรรณดูก็ได้


http://www.thaivi.com/webboard/posting. ... e&p=527792

แนะนำความเป็นมาของ อ. มนตรีอีกครั้งนึง

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... ht=#506823
ซากคน
Verified User
โพสต์: 1400
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4135

โพสต์

young_5432 เขียน: ขอบคุณครับพี่ มี คอร์ส ที่ไหนแนะนำก็บอกได้นะครับ ถ้าพี่วิบูรณ์เปิดสอนจะรีบไปเรียนเลยครับ
เห็นแต่ อ. มนตรีที่เปิดสอนนะครับ
i_sarut
Verified User
โพสต์: 1808
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4136

โพสต์

VIB007 เขียน: อย่าไปยึดติดเลยครับ
ใครจะไปนิยามแบบไหนก็ช่างเขาเถอะ

อย่างตอนวอร์เรนซื้อหุ้นโค๊กใหม่ๆ
ใครก็วิจารณ์ว่าไม่ใช่หลักการวีไอ
เพราะราคาแพง พีอีสูงกว่าตลาดเท่าตัว
ปากหอยปากปู
ผมว่าลงทุนในแบบที่เราเข้าใจก็พอแล้ว
ใครจะว่าเป็นวีไอวีเอ็กก็ช่างแ_่งเถอะ
555+ โดนใจจริงๆครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับผม  :lol:
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet

สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย

http://www.sarut-homesite.net/
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4137

โพสต์

^^ แต่ก่อนเป็นโฆษณา tiffy
เดี๋ยวนี้ต้อง ดาราคนนี้ครับ

(เกี่ยวกันไหมเนี่ย 555 ทำกระทู้พี่สาระลดลงอีกแล้วครับ)

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... 8&gblog=19

มีความสุข ได้ความรู้ และได้ข้อคิดเสมอๆเวลาที่ได้อ่านกระทู้ของพี่ครับ  :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
winox
Verified User
โพสต์: 15
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4138

โพสต์

มีหุ้นดีอีกตัวมาแนะนำคับ  tipco น่าซื้อมากมาย หลงรักตัวนี้จริงๆ
young_5432
Verified User
โพสต์: 1109
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4139

โพสต์

ถามพี่วิบูลณ์ครับ  พอดีผมซื้อ SVI กับ SMT ผมพึ่งจะเริ่มเล่น  ผมกลัวคิดผิดครับ ผมได้ดูงบดุลกับกำไร ขาดทุน ก็ ok ดีครับ และมีเหตุผลที่ไม่ซื้อ delta กับ hana ดังนี้ และผมมีคำถามครับ

1. ในส่วน SVI(pe=4.8) มี PE กับ pbv ต่ำ กว่า  delta (pe=9.6) ,hana (pe=9.8)

2. ส่วน ROE  SIVก็มากกว่า delta ในปีล่าสุด แต่ เฉลี่ย แทบจะเท่ากัน(roe=17) แต่ SVI มีแนวโน้มพิ่มมากกว่า(roe svi เพิ่มจาก 16-->23 แต่ delta ลดจาก 20 ลงเป็น 16 ) แต่น้อยกว่า HANA (roe มากกว่า 24%) แต่ว่าอัตราการเติบโตของ DELTA เพิ่ม q0q 140 % ส่วน svi เพิม่แค่ 14%  

3. เหตุผล ที่ผมไม่วื้อ hana กับ delta อีกหนึ่งเหตุผล มันเป็นบริษัทที่ ใหญ่แล้ว upside การโตน่าจะน้อยกว่า บริษัท เล็ก  ผมคิดถูกรึป่าวครับผมเคยเห็น SVI เคยขึ้นไปถึง 2.8 แต่ตอนนี้แค่ 2.08 เอง
   

3. ส่วน CCET ผมตัด ไปเลยเพราะ D/E มากกว่า 2 ส่วน ส่วน SVI 0.19  เอง

4. ส่วน SMT ผมเห็นว่ามีประสบการมานาน และได้ลดภาษีเป็นบริษัทแรกจากการส่งเสริมของ boi ไม่จำกัดวงเงิน และเป็นลูกค่าบริษัทระดับโลกที่ผลิตของแบรนแนมเช่น แบลคเบอรี่เป็นต้น พROE เกือบ 20 แต่หนี้สูง 2.84 แต่ก็ลดลงมาเรื่อยๆ จาก 4 เท่ากว่า ซึ่งผมว่าน่าจะดีครับ  แต่ PE 9.8 และดอกเยจ่ายค่อนข้างสูง 29% ของกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่ง ปกติผมจะซื้อที่ดอกเบี้ยจ่ายตำน้อยกว่า 5 ด้วยซ้ำ



ไม่รู้ผมคิดจุดไหนผิดไหมครับ เพราะพอผมมาดู upside ที่โบรกให้มาน้อยกว่า DELTA HANA CCET ครับ

คาดการณ์ผลการดำเนินงาน 3Q52 ของกลุ่มชิ้นส่วนฯ
กำไรสุทธิ
(ล้านบาท) 3Q52F 2Q52 %qoq 3Q51 %yoy
CCET 6 95 4 60 51.1% 642 8.2%
DELTA 725 3 01 140.9% 883 -17.9%
HANA 6 56 5 04 30.0% 580 13.0%
KCE 79 5 1506.0% 10 661.9%
SPPT 4 3 1 9 127.0% 28 53.8%
SVI 158 1 39 14.1% 205 -22.7%
SMT 9 9 94 4.6% 62 58.5%

Recommendation BUY HOLD BUY BUY BUY HOLD BUY
Price (B) 19.00 2.80 4.14 3.64 17.60 2.12 6.30
Fair Value (B) 30.97 2.77 4.45 5.11 20.10 1.90 7.01
Upside 63.0% -1.2% 7.6% 40.3% 14.2% -10.3% 11.2%
# of shares (M) 825 250 500 3,919 1,247 1,461 368
Market cap 15,679 700 2,070 14,266 21,954 3,097 2,318
Net profit 2551 1,910 62 -399 2,128 2,898 647 201
2552F 1,887 77 49 2,148 2,377 425 302
2553F 2,465 102 216 2,478 2,465 483 389
EPS 2551 2.30 0.22 -0.86 0.52 2.32 0.43 0.73
2552F 2.27 0.24 0.11 0.53 1.91 0.28 0.82
2553F 2.97 0.32 0.47 0.61 1.98 0.32 1.06
EPS growth 2551 -18.3% -36.9% n.m. -29.5% -8.2% 69.5% 1.7%
2552F -1.2% 9.8% n.m. 1.0% -18.0% -33.7% 12.7%
2553F 30.6% 33.2% n.m. 15.3% 3.7% 13.6% 28.8%
BVS (B) 2551 14.93 2.10 5.00 3.79 13.51 2.05 3.78
2552F 15.66 2.05 5.14 4.13 14.31 2.27 4.76
2553F 17.44 2.27 5.64 4.60 15.43 2.53 5.55
DPS (B) 2551 0.69 0.09 0.00 0.20 1.10 0.13 0.00
2552F 1.19 0.10 0.00 0.16 0.86 0.09 0.41
2553F 1.55 0.13 0.07 0.18 0.89 0.10 0.63
PER (x) 2551 8.3 12.9 -4.8 7.0 7.6 5.0 8.7
2552F 8.4 11.7 39.4 6.9 9.2 7.5 7.7
2553F 6.4 8.8 8.8 6.0 8.9 6.6 6.0
PBV (x) 2551 1.3 1.3 0.8 1.0 1.3 1.0 1.7
2552F 1.2 1.4 0.8 0.9 1.2 0.9 1.3
2553F 1.1 1.2 0.7 0.8 1.1 0.8 1.1
Dividend yields 2551 3.6% 3.1% 0.0% 5.5% 6.3% 6.0% 0.0%
2552F 6.2% 3.4% 0.0% 4.3% 4.9% 4.0% 6.5%
2553F 8.2% 4.6% 1.7% 5.0% 5.1% 4.6% 10.1%
ROE 2551 14.8% 10.7% -15.2% 13.7% 22.1% 24.2% 24.4%
2552F 14.5% 12.2% n.m. 12.9% 12.6% 13.2% 19.5%
2553F 17.9% 14.8% n.m. 13.4% 12.9% 12.1% 20.5%
ROA 2551 12.8% 7.2% -4.0% 4.2% 16.7% 16.5% 6.2%
2552F 12.6% 8.4% n.m. 4.2% 8.5% 9.0% 6.6%
2553F 15.8% 10.6% n.m. 4.6% 8.7% 8.8% 9.3%
_________________
มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้น จะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล :Philip A. Fisher
คนคอน
Verified User
โพสต์: 883
ผู้ติดตาม: 0

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์ที่ 4140

โพสต์

svi นี้มันมี warrant ด้วยนิ เวลาคำนวณผมคิดว่าน่าจาเอาตัววอแรนตอนแปลงกลับมาคำนวณด้วยนะ


ปล.มือใหม่เหมือนกันแต่ลองช่วยๆตอบดู