หน้า 18 จากทั้งหมด 30

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 1:20 pm
โดย naris
bbendum เขียน: พี่นริศมองโอกาสของธุรกิจนี้ขาดเลยครับ คือ มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่มอุตสาหกรรม และยังมีโอกาสโตได้อีกมากๆ เรื่องผู้บริหารข้อนี้ผมไม่ได้ไปฟังเขาพูดเลยไม่ขอออกความเห็นครับ จุดที่ผมเห็นต่างจากพี่คือเรื่องเป็นธุรกิจที่คนอื่นเข้าได้ยาก เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้รับจ้างขนส่งน้ำมันอยู่ค่อนข้างมาก (ที่ได้สัญญาตรงจากทาง ปตท.มีประมาณสิบกว่าราย) ซึ่งผมคิดว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสจะเข้ามาแข่งขันในธุรกิจขนก๊าซได้ง่าย เนื่องจากเป็นผู้รับเหมาที่ทาง ปตท. รู้จักอยู่แล้ว แต่ตราบใดที่ยังมีการขยายปั๊ม NGV นอกแนวท่อก๊าซก็คงต้องเพิ่มปริมาณการขนส่งอีก ปัญหาถูกแย่งงานคงไม่เกิดในระยะ 2-3 ปีนี้แน่ นอกเสียจากว่ารถของ KIAT เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ซึ่งจะทำให้ทาง ปตท.ต้องยกเลิกสัญญากับ KIAT และหาผู้รับเหมารายใหม่

สงสัยอีกข้อครับว่ารายได้ต่อคันที่พี่ประมาณไว้ที่ 5 ล้านบาท/ปี มีที่มายังไงครับ เอารายได้ทั้งปีมาหารด้วยจำนวนรถ หรือเปล่า เนื่องจาก KIAT น่าจะมีรายได้จากการขายรถเก่าออกไปด้วย และ อีกส่วนจากการส่งคนขับไปรับจ้างขับให้ ปตท. ส่วนค่าหัวคิวรถร่วมอาจมีในธุรกิจขนสารเคมีแต่คงไม่มีในธุรกิจขนก๊าซ

ที่สงสัยเรื่องรายได้ เพราะว่ารายได้เฉลี่ยของรถหัวลาก 1 คัน ในธุรกิจขนส่งน้ำมันตกประมาณ 1-2 แสนบาท/คัน/เดือน ธุรกิจขนก๊าซไม่น่าจะต่างกันเป็นเท่าตัวนะครับ

จุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ผม ลังเลในธุรกิจนี้คือ เป็นธุรกิจที่สร้างหนี้ตลอด เพราะรถมีอายุการใช้งานจำกัดอยู่ที่ไม่เกิน 7+1 ปี หลังจากนั้นต้องขายแล้วซื้อใหม่ เป็นวงจรอย่างนี้ตลอด ราคารถใหม่ก็แพงขึ้นเรื่อยๆด้วย ทำให้รถ 1 คัน มีเวลาทำกำไรอย่างเต็มที่แค่ในช่วงหลังผ่อนหมดประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น
พี่นริศมองจุดอ่อนนี้ว่าเป็นอย่างไรครับ
ขอโทษครับที่ตอบช้าช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าคอม เพราะยุ่งงานเรื่องอื่นๆ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณbbendumที่เป็นผู้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรนี้มาแชร์ข้อมูลนะครับ เรื่อง5ล้านนั่นเป็นการคำนวณคร่าวๆจากงบรวม q3/51กับ q3/52 ว่าถ้ารายได้บริการขนส่งจากส่วนอื่นๆคงเดิม รายได้เพิ่มมาจากงานของNGVเพิ่มขึ้นส่วนเดียว ซึ่งหารออกมาจากจำนวนรถที่เคยโทรรไปสอบถามเรื่องรถNGVว่ามี30คันจะได้ตกคันละ4.64ล้านบาท ซึ่งถ้าคุณbbendumยืนยันว่าไม่น่าจะถึง แสดงว่ารายได้ที่เพิ่มน่าจะมาจากการขนสินค้าเข้าลาวมากกว่าที่คิด และน่าจะเป็นส่วนสำคัญระดับหนึ่งทีเดียว เพราะถ้าตีว่ารายได้เพิ่มจากส่วนขนแก๊สเพียง2.5ล้านต่อปี รายได้อีกครึ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็น่าจะมาจากการขนสารเคมีไปต่างประเทศ

ส่วนเรื่องการทำธุรกิจประเภทนี้ พี่อาศัยความรู้สึกเอานะครับว่าพี่มีคนที่รู้จักอยู่ในแวดวงขนส่งนี้หลายคนและขนส่งหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นขนส่งทั่วไปให้ร้านแบบพี่รายใหญ่ของประเทศ ขนส่งสินค้าพิเศษ(นมสด)รายใหญ่ของประเทศ ขนส่งรถทัวร์รายใหญ่ในอิสาน พี่เห็นคนทำธุรกิจนี้รวยถึงรวยมากและมีรายได้อย่างมั่นคง(แต่ก็เห็นในส่วนที่ไม่มืออาชีพ เจ๊งมาก็มาก) โดยจุดสำคัญของธุรกิจนี้คือหลักการบริหารคนและรถ โดยยึดหลักความปลอดภัย สูญเสียและรั่วไหลให้น้อยที่สุด โดยการคัดคน ถ้าวัฒนธรรมองค์กรอยู่ตัวแล้ว และผู้บริหารไม่ปล่อยวาง ก็ไม่น่าห่วงอะไร ไม่ทราบว่าคุณbbundumเห็นด้วยไหมครับ

ส่วนจุดอ่อนที่ว่า จะกำไร2-3ปีหลังผ่อนหมด เมื่อเทียบกับ7ปีที่ทำฟรีนั่นไม่ทราบว่า กำไรที่ขายรถหลัง10ปีได้รวมด้วยไหมครับ ถ้ายังพี่ก็ว่าเป็นกำไรที่สูงพอควร เพราะราคารถได้ตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถ้ามีการขายรถก็กำไรล้วนๆ และราคารถเมื่อสิบปีก่อนกับขายตอนนี้ หลายๆครั้งราคารถหัวลากลดลงน้อยมาก ส่วนสัญญาทำใหม่นั้น ถ้าการแข่งขันไม่สูง โดยเฉพาะเป็นสินค้าพิเศษ พี่ว่าราคารถเขาก็เอาราคารถใหม่ที่ซื้อมาคำนวณเป็นต้นทุนเช่นเดิมครับ คุณbbundumมีความเห็นในเรื่องนี้เป็นอย่างไรครับ

ปล.อยากให้มาแจมบ่อยๆนะครับ ช่วยแชร์ความรู้ในกลุ่มนี้ให้พี่ด้วยนะครับ :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 1:32 pm
โดย moonchild
ถ้าเรื่องรายได้รถ NGV ต่อคันจากข้อมูลใน Q3
จำนวนรอบที่ขนส่งเท่ากับ 5,805 รอบ และรายได้ 40.47 ล้านบาท
มีรถ 30 คัน
ก็จะได้ 1 เดือน รถคันนึงขับเฉลี่ย 193.5 รอบ
และ 1 รอบมีรายได้ประมาณ 6,971 บาท
ดังนั้น รถ NGV 1 คันจะทำรายได้เฉลี่ยต่อเดือนประมาณ  
193.5*6,971 = 1,348,888 บาทต่อเดือน

ถูกหรือปล่าวครับเนี่ยไหงรายได้เยอะจังครับ :shock:

หรือรถมีมากกว่า 30 คันแล้วหรือปล่าวครับ ในไตรมาส 3

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 1:43 pm
โดย moonchild
555 ตกใจไปหน่อย ลืมไปครับ อันนี้มันต่อไตรมาส
เพราะฉะนั้น 3 เดือนมีรายได้ 1,348,888 บาท
เพราะฉะนั้น 1 ปีก็จะมีรายได้เท่ากับ 5,395,552 บาทครับ
อันนี้คิดเฉพาะ Q3 นะครับ เดียวลงคิดอีกสองไตรมาสดูก่อนนะครับ

อันนี้เปรียบเทียบกับรถจำนวน 30 คันนะครับ
Q1 = 104.3(รอบต่อคัน)*4,800(บาทต่อรอบ) = 500,640(รายได้ต่อไตรมาส)*4 = 2,002,560 บาทต่อปี
Q2 = 177.8(รอบต่อคัน)*6,572(บาทต่อรอบ) = 1,168,501(รายได้ต่อไตรมาส)*4 = 4,674,006 บาทต่อปี
Q3 = 193.5(รอบต่อคัน)*6,971(บาทต่อรอบ) = 1,348,888(รายได้ต่อไตรมาส)*4 = 5,395,552บาทต่อปี

ซึ่งผมมองว่า Q1 อาจจะยังมีรถไม่ถึง 30 คัน
Q2 น่าจะใกล้เคียงกับ 30 คัน
ส่วน Q3 อาจจะเกิน 60 คันไปแล้ว
ดังนั้นก็เลยคิดว่า ประมาณ 5 ล้านตามที่พี่นริศบอกก็ถือว่าใกล้เคียงแล้วครับ
*ข้อมูลรอบและรายได้ของ NGV ต่อไตรมาส เคยโพสไว้ในห้อง KIAT แล้วนะครับ*

ปล. ทำไมผมกด submit แล้วจะขึ้น
Invalid Session. Please resubmit the form.
ตลอดเลยอ่ะครับ บางทีจะโพสกดไปสิบกว่าครั้ง :cry:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 1:45 pm
โดย moonchild
เอ้ย ขอแก้นิดนึงครับ
ส่วน Q3 อาจจะเกิน 60 คันไปแล้ว
30 คันนะครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 1:53 pm
โดย naris
moonchild เขียน: พี่พอรูุ้ไหมครับว่าจากรถมือหนึ่งไปขายเป็นรถมือสอง
ราคาจะตกไปขนาดไหนครับ

แล้วก็อยากถามพี่นริศหน่อยครับ
ว่าตามประสบการณ์ของพี่แล้ว
การไปเล่นหุ้นเข้าใหม่กับเล่นหุ้นเดิมในตลาด
ตัวไหนให้ผลลัพธ์ได้ดและเร็วกว่ากันครับ
เห็นหุ้นไอพีโอปีนี้หลายตัวขึ้นเยอะครับ
ขอบคุณครับ
ความเห็นพี่ราคารถเมื่อสิบปีที่แล้วกับตอนนี้ก็ต่างกันมาก รถก็เหมือนสินค้าโภคภัณฑ์ชิ้นหนึ่งครับ เพิ่มตามเงินเฟ้อทุกปี เพียงแต่รถนั่นมีความสึกหรอไปเรื่อยๆ ราคารถขึ้นกับว่าใครดูแลได้ดีหรือไม่ดีครับ

ส่วนการเลินหุ้นใหม่นั้น พี่มีความเห็นว่าหุ้นที่เข้าในช่วงตลาดไม่ดีนี้จะมีราคาถูกน่าลงทุนมากกว่าหุ้นที่เข้าในช่วงตลาดบูมๆ ทำให้มีโอกาสได้ของถูกมากกว่า แต่ในทางกลับกันก็มีความเสี่ยงมากกว่าครับ ตาดีได้ตาร้ายเสีย  :P

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:03 pm
โดย moonchild
พี่นริศครับ จำนวนรถ 30 คันที่พี่นริศโทรไปถาม IR นี่ของ Q
ไหนหรอครับ จะได้คำนวณเป๊ะๆไปเลยว่า ต่อคันรายได้ต่อปีเท่าไหร่
ถ้า Q3 มีจำนวนรถเท่ากับ 30 คัน จริงก็น่าจะตกคันละ 7,000 บาทต่อรอบ
ซึ่งถ้ามีการบริหารรอบรถให้ดีขึ้น รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามเยอะเหมือนกันครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:28 pm
โดย moonchild
ถามคุณ bbendum หน่อยครับ
นอกจากที่ ปตท เค้ามีกฎว่าต้องใช้รถไม่เกิน 7 ปี หรือแต่ละบริษัทรับอย่างมากแค่ 250 คัน แล้วยังมีกฎอย่างอื่นอีกไหมครับ
เช่นวันนึงวิ่งได้กี่ชั่วโมงต่อคัน ยี่ห้อรถ อายุคนขับ ประสบการณ์ และอื่นๆ ครับ

ขอบคุณครับ :bow:  :bow:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 3:29 pm
โดย bbendum
ส่วนเรื่องการทำธุรกิจประเภทนี้ พี่อาศัยความรู้สึกเอานะครับว่าพี่มีคนที่รู้จักอยู่ในแวดวงขนส่งนี้หลายคนและขนส่งหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นขนส่งทั่วไปให้ร้านแบบพี่รายใหญ่ของประเทศ ขนส่งสินค้าพิเศษ(นมสด)รายใหญ่ของประเทศ ขนส่งรถทัวร์รายใหญ่ในอิสาน พี่เห็นคนทำธุรกิจนี้รวยถึงรวยมากและมีรายได้อย่างมั่นคง(แต่ก็เห็นในส่วนที่ไม่มืออาชีพ เจ๊งมาก็มาก) โดยจุดสำคัญของธุรกิจนี้คือหลักการบริหารคนและรถ โดยยึดหลักความปลอดภัย สูญเสียและรั่วไหลให้น้อยที่สุด โดยการคัดคน ถ้าวัฒนธรรมองค์กรอยู่ตัวแล้ว และผู้บริหารไม่ปล่อยวาง ก็ไม่น่าห่วงอะไร ไม่ทราบว่าคุณbbundumเห็นด้วยไหมครับ

ส่วนจุดอ่อนที่ว่า จะกำไร2-3ปีหลังผ่อนหมด เมื่อเทียบกับ7ปีที่ทำฟรีนั่นไม่ทราบว่า กำไรที่ขายรถหลัง10ปีได้รวมด้วยไหมครับ ถ้ายังพี่ก็ว่าเป็นกำไรที่สูงพอควร เพราะราคารถได้ตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ถ้ามีการขายรถก็กำไรล้วนๆ และราคารถเมื่อสิบปีก่อนกับขายตอนนี้ หลายๆครั้งราคารถหัวลากลดลงน้อยมาก ส่วนสัญญาทำใหม่นั้น ถ้าการแข่งขันไม่สูง โดยเฉพาะเป็นสินค้าพิเศษ พี่ว่าราคารถเขาก็เอาราคารถใหม่ที่ซื้อมาคำนวณเป็นต้นทุนเช่นเดิมครับ คุณbbundumมีความเห็นในเรื่องนี้เป็นอย่างไรครับ

ปล.อยากให้มาแจมบ่อยๆนะครับ ช่วยแชร์ความรู้ในกลุ่มนี้ให้พี่ด้วยนะครับ
ปกติได้แต่แอบอ่านที่พี่นริศวิเคราะห์ เพราะว่าตัวเองไม่ค่อยรู้จักธุรกิจอะไร
ขนส่งเป็นธุรกิจที่พอมีความรู้อยู่บ้างเล็กน้อย ยินดีมากครับที่ได้ร่วมแสดงความเห็นกับพี่นริศ

คนทำธุรกิจนี้ที่ผมรู้จักส่วนมากจะดูรวยครับ  :lol:  แต่มีทั้งรวยจริงและรวยไม่จริง
ผมเคยต้องทำเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้ารายหนึ่ง เป็นรายใหญ่ระดับประเทศในธุรกิจขนส่ง ทำมานานแล้ว ซึ่งดูภายนอกไม่มีทางรู้ว่า เค้าเป็นหนี้มากมายและผ่อนไม่ไหว เพราะยังออกสื่อ ให้สัมภาษณ์ ขับเบนซ์ป้ายแดงอยู่เลย :evil:  :evil:

จุดที่ต้องดูนอกจากเรื่องการบริหารรถและคน ก็มีดังนี้ครับ

1.บริหารไม่เป็นมืออาชีพ ขนส่งของไทยเติบโตมาจากระบบเถ้าแก่หรือบางรายโตมาจากเป็นคนขับรถเอง การบริหารรถ 10-20 คัน ต่างจากบริหารรถ 100 คันมาก ต้องมีการวางระบบที่ดีพอ จะยึดถือในความสามารถเฉพาะตัวบุคคลไม่ได้ต้องเน้นไปที่ระบบ

2. Over expansion ยกตัวอย่างเช่น เดิมมีรถอยู่ 60 คัน ติดผ่อนอยู่ 10 คัน เหลือกำไร 2.5 ล้าน/เดือน แล้วไปประมูลงานใหม่ได้ ต้องออกรถเพิ่มอีก 50 คัน มีหนี้เพิ่มขึ้นมา 5 เท่า ค่างวดเดือนละ 2.3 ล้าน หากงานใหม่มีกำไรเลี้ยงตัวเองได้ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากเป็นงานที่กำไรบางหรือขาดทุนในบางเดือน
กระแสเงินสดจะเป็นปัญหา หรือ บางคนทำธุรกิจขนส่งมีกำไรอยู่ดีๆ เกิดไปลงทุนทำหมู่บ้านจัดสรรแล้วขาดสภาพคล่อง ก็จะดึงเงินออกไปสุดท้ายก็เสียหายไปทั้งหมด

3.พึ่งพิงลูกค้ารายใหญ๋แค่ 1-2 ราย เนื่องจากรถมักจะผ่อนนานกว่าสัญญางานขนส่ง เมื่อหมดสัญญาถ้าหาลูกค้ารายใหม่ไม่ได้หรือหาได้ไม่ทัน ก็ไม่มีเงินส่งงวดได้

4.ธรรมาภิบาลผู้บริหาร/เจ้าของ  :twisted:  เจอคนขี้โกงนี่ไม่ว่าจะธุรกิจดีขนาดไหน ก็ไม่ไหวครับ พวกนี้ดูออกยากเสียด้วย เพราะเจอกันวันแรกที่ขอกู้ก็ดูเป็นคนดีแทบทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยเงินกู้ให้

ส่วนเรื่องกำไรค่าซากรถ และ การคำนวณรวมต้นทุนรถใหม่เข้าไปในราคาค่าขนส่งทุกเจ้าทำอยู่แล้วครับ ถ้าเป็นรถขนส่งน้ำมันหัวลากเฉลี่ยจะได้ IRR 25-30%ต่อปี หักดอกเบี้ย 7-8% ส่วนรถขนส่งก๊าซผมไม่มีข้อมูลแต่คาดว่าน่าจะได้สูงกว่านี้
ธุรกิจขนส่งที่ผมเห็นว่าทำกำไรได้สูงมากๆตัวหนึ่งเลยคือธุรกิจรถโดยสารจากกทม.ไปต่างจังหวัด พวกรถร่วม บขส.นี่แหละครับ
ดูภายนอกมันดูเป็นธุรกิจพื้นๆ แต่กำไรท่วมจริงๆ ธุรกิจสัมปทานนี่เสือนอนกินมากครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 6:05 pm
โดย naris
moonchild เขียน:พี่นริศครับ จำนวนรถ 30 คันที่พี่นริศโทรไปถาม IR นี่ของ Q
ไหนหรอครับ จะได้คำนวณเป๊ะๆไปเลยว่า ต่อคันรายได้ต่อปีเท่าไหร่
ถ้า Q3 มีจำนวนรถเท่ากับ 30 คัน จริงก็น่าจะตกคันละ 7,000 บาทต่อรอบ
ซึ่งถ้ามีการบริหารรอบรถให้ดีขึ้น รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามเยอะเหมือนกันครับ
หลังq3ครับ และบอกเป็นจำนวนรถที่ใช้NGVที่อยู่ในบริษัท รายละเอียดแต่ละอย่างขอIRยากมาก ถามมากก็บอกว่าต้องฝากคำถามแล้วจะตอบภายหลัง พี่เลยกะไว้ว่าจะไปสอบถามวันประชุมผู้ถือหุ้นต้นปีหน้าครับ(ประชุมวันที่4ติดธุระครับ ไม่งั้นคงได้เข้าร่วมสอบถามแล้ว)

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 08, 2009 5:38 pm
โดย bbendum
พี่นริศเก็บเบาๆหน่อยครับ เดี๋ยวน้องๆตกรถหมด  :lol:  :lol:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 12:11 am
โดย GTA
ถามพี่นริศห้องนี้ล่ะกันครับว่า  พี่ลงทุนหุ้นต่างประเทศเปิด port กับโบรคไหนครับ จะได้ไปเปิดบ้าง อยากลงทุนบ้างครับ เผื่อจะได้เป็นเจ้าของบริษัทระดับโลกมั่ง
ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:08 am
โดย naris
[quote="bbendum"]พี่นริศเก็บเบาๆหน่อยครับ เดี๋ยวน้องๆตกรถหมด

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 9:10 am
โดย naris
[quote="GTA"]ถามพี่นริศห้องนี้ล่ะกันครับว่า

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 09, 2009 12:23 pm
โดย moonchild
อยากทราบจังหวะในช่วงที่จะซื้อหรือขายของพี่นริศหน่อยครับ

ส่วนผมหลายๆครั้งจะ
ซื้อราคากระบือ
ขายราคาสุกร
:lol:
ตอนราคาถูกชอบทะยอยซื้อ แต่พอราคาขึ้นนี่ป๊าบเดียวจอด
ตอนราคาแพงไม่ชอบขายจะรอให้ถึงเป้าแล้วค่อยขาย แล้วราคาก็หล่น ตุ๊บ
:cry:
ขอบคุณมากครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 8:48 pm
โดย โว้กว้าก
สวัสดีครับ พี่นริศ

    พี่มีมุมมองในการระงับ 65 โครงการที่มาบตาพุฒ อย่างไรบ้างครับ?

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 11, 2009 3:00 pm
โดย sorn adis
แค่อยากแวะมาขอบคุณคุณนริศที่ทำให้ผมมั่นใจในหุ้นบางตัว
(ลอกการบ้าน sis, kiat) จนสามารถทำกำไรได้ตามสมควร
จะพยายามหัดวิเคราะห์เองให้ได้สักครึ่งของคุณนริศก็ดีใจมากแล้ว
ขอบคุณจริงๆครับ ถ้าแวะมาหาดใหญ่จะไปต้อนรับด้วยครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 12, 2009 4:10 pm
โดย naris
moonchild เขียน:อยากทราบจังหวะในช่วงที่จะซื้อหรือขายของพี่นริศหน่อยครับ

ส่วนผมหลายๆครั้งจะ
ซื้อราคากระบือ
ขายราคาสุกร
:lol:
ตอนราคาถูกชอบทะยอยซื้อ แต่พอราคาขึ้นนี่ป๊าบเดียวจอด
ตอนราคาแพงไม่ชอบขายจะรอให้ถึงเป้าแล้วค่อยขาย แล้วราคาก็หล่น ตุ๊บ
:cry:
ขอบคุณมากครับ
โดยนิสัยคนถ้าเฝ้าจอ ชอบไล่ซื้อตอนวันเขียว แต่มักจะขายตอนวันแดงครับ ส่วนตัวอารมณ์พี่ก็เป็น เพียงแต่พอเรารู้ว่าเราไม่ควรทำอย่างนั้น ก็มีวิธีว่า จะปิดจอเดินไปทำอย่างอื่น ก็ มานั้งคำนวณมูลค่ามันใหม่อีกรอบ เช็คข้อมูลให้มากขึ้น เพื่อที่จะให้สบายใจ หรือไปหาหนังสือวอเรนต์ ดร.นิเวศน์ เกี่ยวกับบทความจังหวะโอกาสที่ควรซื้อควรขายครับ

ส่วนที่น้องmoonทำก็เหมือนกับพี่ขายตอนถึงเป้าหมาย ซื้อเมื่อถึงราคาที่อยากซื้อ แต่ราคาในใจของเราสองคนอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ครับ และนายตลาดก็อาจจะคิดเหมือนหรือไม่เหมือนเรา ทำให้มีคนขายหมูและซื้อควายเป็นประจำครับ แม้กระทั่งพี่ก็เป็น 555

ส่วนการแนะนำคงไม่มี เพราะการกระทำอย่างหนึ่งจะไปส่งผลอีกอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน เช่นหยิบปลายมีดก็ต้องติดด้ามมีดมาด้วย วิธีที่ดีในโอกาสนี้ ก็ะทำให้ไม่ดีในอีกมุมหนึ่งแน่นอนครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 12, 2009 4:18 pm
โดย naris
[quote="โว้กว้าก"]สวัสดีครับ พี่นริศ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 12, 2009 4:20 pm
โดย naris
2BOK เขียน:  ถ้าแวะมาหาดใหญ่จะไปต้อนรับด้วยครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ :)

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 12, 2009 4:29 pm
โดย moonchild
ขอบคุณมากๆครับพี่นริศ สำหรับทุกคำตอบ

ส่วนการซื้อขายตอนนี้ผมคงลองปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆดูอ่ะครับ

แต่ประสบการณ์ลงทุนของผมน้อยนิดคงต้องโดนค่าเรียนไปอีกหลายรอบแน่ๆเรย  :lol:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 12, 2009 6:30 pm
โดย โว้กว้าก
[quote="naris"][quote="โว้กว้าก"]สวัสดีครับ พี่นริศ

ว่าด้วยเรื่อง Tcap

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 11:05 am
โดย somjainuek
สวัสดีค่ะ คุณนริศ
เข้ามาแอบอ่านเป็นประจำ ทำให้มีมุมมองดีขึ้นกับการลงทุน เพราะที่นี่มีแต่คนมีน้ำใจ คอยบอกเล่าประสบการณ์ และดูเป็นมิตร ขอเรียนถามเกี่ยวกับ MCS
และ TCAP ขอบคุณค่ะ/มือใหม่จริง ๆ

สวัสดีครับพี่นริศ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 1:35 am
โดย pacabee
สวัสดีครับพี่นริศ  จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ได้ไปเชียงคานที่ จ.เลยสักที
มีโอกาสไหมครับว่าที่นี่จะบูมได้เหมือนที่ปาย  เพราะใคร ๆ ก็ไปปายกัน
ผมยังไม่เคยไปสักที  อุปมาดั่งหุ้นที่ขึ้นมาเยอะแล้ว mos ก็ลดลง
ผมคิดว่าไปเชียงคานจะ อุปมาดั่งซื้อหุ้น value ที่ถูกมองข้าม  เราไปเที่ยวก่อนคนอื่น
เราได้เห็นของสวยงามก่อนคนอื่น  อิ อิ
นอกเรื่องมาเยอะแล้วรบกวนถามพี่นริศครับว่า  sis นอกจากการเิติบโต
ในเรื่องการใช้เทคโนโลยีของคนไทยมากขึ้นอย่าง คอมพิวเตอร์ มือถือ smartphone
อุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ แล้ว  เรื่องการที่จะไปเปิดสาขาที่ต่างจังหวัดจะทำให้กำไรของเขาก้าวกระโดดไปอีกมากได้ไหมครับ  พี่นริศคาดหวังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน
และจากที่ได้ดู opp day ของ synex ผมก็เริ่มสนใจตัวนี้ด้วยครับ
เห็นเขาลงทุนไปกับระบบสต็อกสินค้าค่อนข้างเยอะ  ตามที่เขาพูดประมาณว่า
เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตด้วย ตรงนี้หรือเปล่าครับที่ทำให้งบออกมา
ตัว ROA ยังไม่ค่อยดีเท่าไร  แต่ในอนาคตถ้าระบบที่ได้ลงทุนไปลดต้นทุนได้ดี
น่าจะทำให้ ROA กับกำไรสุทธิดีขึ้น  อนาคตจะเหมือนกับ sis ได้ไหมครับ
หรือพี่นริศคิดว่ามีปัจจัยอะไรที่สำคัญทำให้ synex กับ sis แตกต่างกันบ้างครับ
เช่น ผู้บริหาร  ระบบการจัดการของบริษัท เป็นต้น

ขอบคุณล่วงหน้าครับพี่นริศ

Re: ว่าด้วยเรื่อง Tcap

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 8:00 am
โดย naris
Boonjira เขียน:สวัสดีค่ะ คุณนริศ
เข้ามาแอบอ่านเป็นประจำ ทำให้มีมุมมองดีขึ้นกับการลงทุน เพราะที่นี่มีแต่คนมีน้ำใจ คอยบอกเล่าประสบการณ์ และดูเป็นมิตร ขอเรียนถามเกี่ยวกับ MCS
และ TCAP ขอบคุณค่ะ/มือใหม่จริง ๆ
ต้องขอโทษด้วยครับที่ตอบช้า ช่วงนี้ผมค่อนข้างวุ่นทั้งในเรื่องซุปเปอร์และเรื่องการวางระบบถ่ายมอบงาน และพอร์ตหุ้นก็จัดลงตัวแล้วเลยไม่ได้ทำการบ้านเพิ่มเติมในหุ้นตัวอื่นๆที่อยู่นอกความรู้ความสามารถของผม
เท่าที่รู้คร่าวๆนะครับ MCS เป็นบ.ที่รับเหมาทำโครงสร้างเหล็กไว้ไปประกอบเป็นโครงสร้างตึก รับงานมากๆจากสองแหล่งคือ ญี่ปุ่นและไต้หวัน เขากำลังอัพเกรดสร้างมูลค่าของงานมากขึ้น โดยการขยับไปทำเหล็กเกรดS(แต่STPIก็มี) และมีการขยายโรงงานเปิดกลางปีหน้าอีก10000ตัน และbacklogก็ยังมีอีกเยอะ ส่วนความเสี่ยงก็มีเรื่องการไปขยายโรงงานที่จีน(คนอื่นอาจจะมองต่างว่าเป็นปัจจัยบวก)ผมว่าเขาถือหุ้นเพียง20%นี่น้อยเกินไปที่จะไปถ่ายทอดโนฮาวให้กับบ.คู่แข่ง โดยเฉพาะพี่จีนนี่ได้เปรียบเราทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นค่าแรง ทำเลที่ตั้งทั้งใกล้แหล่งวัตถุดิบและแหล่งลูกค้า ค่าขนส่งคงจะถูกกว่าเรามากพอสมควร ข้อนี้ผมเลยให้เป็นปัจจัยบวกระยะสั้น1-2ปี แต่ระยะยาวคงจะหนาวครับ และจากที่ผู้บริหารให้ข่าวว่าปีหน้ามาร์จิ้นจะลดลงเพราะการแข่งขันมากขึ้นก็ต้องติดตามดูครับ คงจะให้ความเห็นได้เพียงคร่าวๆเท่านั้นนะครับ เพราะไม่มีเวลาไปศึกษาเพิ่มเติมหุ้นตัวใหม่ๆเลย ส่วนtcapเป็นหุ้นในกลุ่มที่ผมยังไม่ไปยุ่งเลยไม่มีข้อมูลครับ ลองถามคุณลูกอิสานสิครับ รายนี้ข้อมูลเขาเพียบเลย :wink:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 19, 2009 5:35 pm
โดย moonchild
พี่นริศมีการตั้ง MOS ไว้ยังไงหรอครับก่อนที่จะซื้อหุ้น
สำหรับผมจะประเมินหุ้นที่ราคาต่ำสุด แล้วเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบัน
ถ้ายังมี upside อีกเยอะก็จะลงทุนมากกว่าตัวที่มี upside น้อยครับ
แล้วก็ดูพื้นฐานหุ้นประกอบด้วยครับ
แต่บ่อยครั้งก็เผลอกดไปตามอารมณ์ครับ :lol:

อยากให้พีนริศช่วยเล่าประสบการณ์ตีแตกให้ฟังหน่อยครับ
และปกตินักลงทุนเขาตีแตกกันบ่อยไหมครับ
อยากจะลองตีแตกให้ได้ซักที แต่ใจไม่กล้าพอครับ
แล้วก็รักพี่เสียดายน้องด้วยอ่ะครับ :x

ขอบคุณมากๆครับ
:bow:  :bow:  :bow:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 19, 2009 9:47 pm
โดย pongo
เข้ามาทักทายพี่นริศครับ ผมเป็นคนตั้งกระทู้เองแท้ๆ (โดนลูกยุจากเจ้าหนู blueblood ด้วย ^^)
กลับไม่ได้ถามอะไรพี่เป็นเรื่องเป็นราวเลย
แต่ผมก็ยังเข้ามาอ่านคำถามของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และคำตอบของพี่นริศเสมอๆ
รู้สึกดีใจที่กระทู้ได้มีการถามตอบมาอย่างต่อเนื่อง มีการแบ่งปันความรู้ให้กับนักลงทุนมือใหม่

ใกล้ปีใหม่แล้ว ขอให้พี่นริศมีความสุข สุขภาพแข็งแรง พอร์ตโตวันโตคืน
และอยู่ให้ความรู้กับน้องๆ ไปอีกนานๆ นะครับ ผมยังเข้ามาอ่านเก็บเกี่ยวความรู้อยู่เสมอๆ ครับ
:bow:  :bow:  :bow:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 19, 2009 10:07 pm
โดย nun08
อยากทราบ เกี่ยวกับประสบการณ์ กับหุ้นอสังหาน่ะครับพี่ ที่พี่กับพี่โย โดน snake bite effect มาว่าเกิดไรขึ้น  แล้วพอร์ตพี่ยังมีหุ้นอสังหาไหม๊ครับ


                                                ขอบคุณครับพี่....... :D

Re: สวัสดีครับพี่นริศ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 11:15 am
โดย naris
[quote="pacabee"]สวัสดีครับพี่นริศ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 5:00 pm
โดย moonchild
คำถามต่อเนื่องครับ

อยากทราบประวัติการลงทุนแบบย่อๆ ใน 5 ปี ที่ผ่านมาของการลงทุนของพี่นริศจนมั่นใจว่าตัวเองมาถูกทางที่ใช่และชอบครับ

การลงทุนครึ่งปีแรกผมก็เริ่มจากตัวอ่อนที่อยากลงทุนแบบวีไอ แต่ยังหลงในแสงสีในช่วงครึ่งแรก และตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองมาถูกทาง และตอนนี้กำลังพยายามจัดระเบียบการทำงานเพื่อพัฒนาตัวเองให้เหมาะสมตามแนวทางของตัวเองครับ  แต่ในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะไปได้ขนาดไหนครับ :x

แล้วการที่พี่นริศเจอหุ้นซักตัวได้มาจากทางไหนบ้างครับ
ตอนนี้ของผมก็เกิดจาก (เรียงตามจากมากไปน้อยนะครับ)
เหาฉลาม :ep:
เห็นงบการเงินแล้วสนใจ
ฟังบทสัมภาษณ์ ของผู้บริหาร
กรองพวกเรโชต่างๆ
มองภาพใหญ่ของธุรกิจที่่จะเติบโตในอนาคต
ข่าวตามหนังสือพิมพ์
กิจการที่เดินๆ แล้วไปเจอ

คำว่า เหาฉลามนี่หมายถึง ตามคนเก่งๆในเว็บแบบไม่ดูรายละเอียด หรือตามคนเก่งๆในเว็บ แล้วไปดูรายละเอียดค่อยตัดสินใจซื้ออ่ะครับ

สำหรับผมก็อ่านข้อมูลจากที่คนเก่งๆโพสก่อน แล้วก็ดูรายละเอียด พวกงบการเงิน หรืองานของบริษัทว่าดีจริง แล้วค่อยทะยอยซื้อ
แต่ถ้าจะให้ตัดสินใจว่าตัวนี้จะซื้อเยอะจริงๆ ตัวเองต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ข้อดีข้อเสียของบริษัทนี้อยู่ตรงไหนก่อนครับ แต่ก็จะพยายามลดส่วนนี้แบบพี่ Hughes ครับ

ขอบคุณครับพี่นริศ
:bow:  :bow:  :bow:

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 20, 2009 5:45 pm
โดย naris
[quote="moonchild"]พี่นริศมีการตั้ง MOS ไว้ยังไงหรอครับก่อนที่จะซื้อหุ้น
สำหรับผมจะประเมินหุ้นที่ราคาต่ำสุด แล้วเปรียบเทียบกับราคาปัจจุบัน
ถ้ายังมี upside อีกเยอะก็จะลงทุนมากกว่าตัวที่มี upside น้อยครับ
แล้วก็ดูพื้นฐานหุ้นประกอบด้วยครับ
แต่บ่อยครั้งก็เผลอกดไปตามอารมณ์ครับ :lol:

อยากให้พีนริศช่วยเล่าประสบการณ์ตีแตกให้ฟังหน่อยครับ
และปกตินักลงทุนเขาตีแตกกันบ่อยไหมครับ
อยากจะลองตีแตกให้ได้ซักที แต่ใจไม่กล้าพอครับ
แล้วก็รักพี่เสียดายน้องด้วยอ่ะครับ :x

ขอบคุณมากๆครับ
:bow: