หน้า 20 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 04, 2003 10:21 pm
โดย thanez
ขอบคุณพี่ลูกอีสาน พี่วิบูลย์ พี่มน มากครับ ตอนแรกผมไปลองหาความหมายของทั้งสองตัวนี้ดูในdicการเงินบัญชี ทั้งสองตัวแปลว่าหนี้สินเหมือนกันเลยงงครับ แต่ตอนนี้"กระจ่าง"แล้วครับ ขอบคุณมากครับ เด๋วไปทำการบ้านต่อ ...

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 10, 2003 8:28 pm
โดย ปรัชญา1
พอดี ผมมีเงินไม่ถึงสามสิบล้าน
เลยไม่รู้ว่า รู้สึกอย่างไร
แต่สำหรับผม
มี 1 ล้าน, 10 ล้าน, 30 ล้าน, 100 ล้าน
ผมก็จะใช้หลักการเหมือนเดิมครับ
ไม่กระจายความเสี่ยง
ลงในหุ้นที่เรามั่นใจสุดๆ(เยอะๆ)

อาจารย์บัฟเฟตบอกว่า
หุ้นที่ตัดสินใจซื้อต้องกล้าถืออย่างน้อย 10% ของพอร์ต
ดังนั้น ถ้าพอร์ตใหญ่ก็ไม่น่าจะถือเกินสิบบริษัท
ถ้าพอร์ตเล็ก ผมแนะนำ สองถึงสามบริษัท ก็พอ

ท่านอื่นอาจจะเห็นต่างจากผมนะครับ
คุณMon พี่เจ๋ง พี่ปรัชญา พี่Chatchai มีความเห็นอย่างไรบ้างครับกับเรื่องนี้



เคยเจอสุภาษิต อย่าใส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียวทั้งหมด

เมื่อตอนก่อนนี้ผม ชอบเสี่ยงก็ตัวเดียวครับ
เวลาได้ก็เป็นกอบเป็นกำ เวลาเสียก็เป็นกอปเป็นกรรม(เก็งกำไร)
มาปัจจุบัน อายุเยอะขึ้น เจอะเจอเรื่องราวต่างๆมากขึ้น
ยิ่งแก่ก็ยิ่งขี้ขลาด คือกลัวโน่นกลัวนี่
ก็เพิ่งจะมาเริ่มกระจายความเสี่ยงเอาแค่2-3ปีที่ผ่านมาครับ

ขอบคุณ คุณวิบูลย์ยังคิดถึงกัน
ช่วงนี้บะหมี่พวกกดกันหน้าดูเลย

มายืนให้กำลังใจครับ

ถึงเวลามันก็ต้องขึ้นไปยืนบนความเป็นจริงครับ
ติดตามชมครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2003 12:23 am
โดย Jeng
ถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะปริ้น ข้อมูลในกระทู้นี่ มาค่อยๆนั่งอ่านอย่างตั้งใจ

อิอิ

ใกล้ 2 หมื่น แย้ว น้องวิบูลย์

เฮียปรัชญาครับ ผมยังคงชอบหลักการ การกระจายความเสี่ยง ยิ่งเสี่ยง

ผมจึงเห็นด้วยกับการถือหุ้นน้อยตัวครับ

อีกหน่อยผมมีเงินมากๆ ผมก็จะถือหุ้นไม่เกิน 5 - 10 ตัวครับ

และจะจ้างพนักงานระดับ MBA และดร. มานั่งตรวจสอบข้อมูล เจ้าหุ้น 5 - 10 ตัว ที่ผมถืออยู่ไว้ด้วยเลย

เอาแบบให้รู้กันจริงๆไปเลย ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 11, 2003 9:19 am
โดย CK
Jeng เขียน:เฮียปรัชญาครับ ผมยังคงชอบหลักการ การกระจายความเสี่ยง ยิ่งเสี่ยง

ผมจึงเห็นด้วยกับการถือหุ้นน้อยตัวครับ

อีกหน่อยผมมีเงินมากๆ ผมก็จะถือหุ้นไม่เกิน 5 - 10 ตัวครับ

และจะจ้างพนักงานระดับ MBA และดร. มานั่งตรวจสอบข้อมูล เจ้าหุ้น 5 - 10 ตัว ที่ผมถืออยู่ไว้ด้วยเลย

เอาแบบให้รู้กันจริงๆไปเลย ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร
พี่เจ๋งครับ กระจายมากก็เสี่ยง กระจายน้อยก็เสี่ยง ความเสี่ยงไม่ได้
อยู่ที่น้อยหรือมากครับ อยู่ที่รู้หรือไม่รู้ต่างหาก

ผมว่า 5 ตัวนี่มากนะครับ

เพราะผมถือหุ้นเกิน 50 ตัวในพอร์ตก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นทหารเลวครับ
คือมีร้อยสองร้อยหุ้นเท่านั้นเอง ซื้อเกือบทุกตัวที่ผลงานดี มีปันผล ไม่
สนว่าถูกหรือแพง

หุ้นที่ถือเป็นทัพหลักมีไม่กี่ตัวครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นกองกำลังป้องกันประ
เทศทั้งนั้น คือไม่หวังกำไรมากมาย แต่ไม่ขาดทุนแน่นอน ยังไงเสียต่อ
ให้ตลาดถล่มทลาย เกิดสงครามโลก โดนวางระเบิด หุ้นพวกนี้ก็จะออก
ดอกออกผลให้สม่ำเสมอครับ มากบ้างน้อยบ้าง

ส่วนกองกำลังประจัญบานก็...อืม แพ้บ้างชนะบ้างครับ แต่โดยรวมก็ยัง
ไม่แพ้ index

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2003 1:09 pm
โดย VIB007
กลับมาแล้วครับ
ไปพักผ่อนที่เกาะกลางทะเลมา
อยู่ในเมืองไทยนี่หละครับ
ห่างจากกรุงเทพประมาณ 4 ชั่วโมง
ฝรั่งเยอะมาก
คนไทยก็แยะ
ไปอยู่หนึ่งอาทิตย์
ไม่ได้รับรู้โลกภายนอก
เวปไม่ได้เปิด
อีเมล์ไม่ได้อ่าน
หุ้นไม่ได้ดู

กลับมาหุ้นที่ถืออยู่ราคาขึ้นไปจนตกใจ
ก็ยังงงๆกับนายตลาดอยู่
ทำไมช่วงนี้อารมณ์ดี
มาซื้อบริษัทผมในราคาที่สูงไม่น่าเชื่อ
แต่ผมไม่ขายให้หรอกครับ
ผมกะถือยาวววววววว สัก 10 ปี
แล้วค่อยมาดูกัน
ช่วงนี้ก็รับปันผลไปทุกปีๆไปก่อน
ก็จะถือตราบเท่าที่บริษัทผมยัง"เจ๋ง"อยู่

ก็ขอบคุณพี่ปรัชญา พี่เจ๋ง พี่CK ครับ
ที่ช่วยต่อยอดกระทู้นี้ให้ไม่ตกกระป๋องไปเสียก่อน

ตอนนี้ก็อ่านกัน 19,000 ครั้ง
พี่ๆน้องๆที่เข้ามาใหม่ๆ คงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ช่วงนี้ คนแย่งซื้อของกันมาก
พอดีผมเป็นโรคไม่ชอบตามแห่
ช่วงนี้เลยจ๋อยๆ ไม่รู้จะซื้ออะไรดี
ก็เลยเก็บเงินสดไว้
รอตลาดตกใจ แล้วค่อยชอปปิ้ง
ดูราคาหุ้นขึ้นๆลงๆก็สนุกดี
ฝึกฝนตัวเองให้เข้าใจกับความผันผวนของตลาด
โดยไม่ต้องไปเข้าคอร์สที่ไหน
ทำเองได้ทุกที่ทุกเวลาครับ
ปรัชญา เขียน:เคยเจอสุภาษิต อย่าใส่ไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียวทั้งหมด

เมื่อตอนก่อนนี้ผม ชอบเสี่ยงก็ตัวเดียวครับ
เวลาได้ก็เป็นกอบเป็นกำ เวลาเสียก็เป็นกอปเป็นกรรม(เก็งกำไร)
มาปัจจุบัน อายุเยอะขึ้น เจอะเจอเรื่องราวต่างๆมากขึ้น
ยิ่งแก่ก็ยิ่งขี้ขลาด คือกลัวโน่นกลัวนี่
ก็เพิ่งจะมาเริ่มกระจายความเสี่ยงเอาแค่2-3ปีที่ผ่านมาครับ

ขอบคุณ คุณวิบูลย์ยังคิดถึงกัน
ช่วงนี้บะหมี่พวกกดกันหน้าดูเลย

มายืนให้กำลังใจครับ

ถึงเวลามันก็ต้องขึ้นไปยืนบนความเป็นจริงครับ
ติดตามชมครับ
ขอบคุณครับ พี่ปรัชญา
เจ้าบะหมี่ผม ผมถือกินปันผลครับ
มากกว่าเงินฝากก็พอใจแล้ว
ไม่ได้คาดหวังว่าจะวิ่งเป็นลมกรดเหมือนขาวบ้าน
ถือไว้เวลาไปซุปเปอร์มาร์เก็ต
เห็นสินค้าเราขายดีอันดับหนึ่ง
ทุกท่านที่อ่านกระทู้นี้ชอบทาน
มีไว้ประดับบ้านทุกบ้าน
แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วครับ
ความฝันก็คือ
ปันผลที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีครับ

ฮ่า ฮ่า
ไม่บ้าก็เมา.....บางท่านอาจนึกในใจ
เวลานี้ไม่มีใครสนใจปันผลแล้วจะบอกให้
ยังโง่ถือหุ้นกินปันผลอยู่ได้
ต้องหุ้นเก็ง หุ้นGrowth ซิแน่นอนกว่า
ได้กำไรเห็นๆ วิ่งเป็นรายวัน
บางวันได้มากกว่า 10% จะบอกให้
หรือไม่ก็หุ้น IPO แน่นอนที่สุด
เข้าตลาด มีกำไรเป็นเท่าตัวให้เห็น
ถือหุ้นกินปันผล ไม่บ้าก็เมา

เออ........อยากบอกว่า
หุ้นทุกตัวผมเป็นหุ้นปันผลครับ
ปันมากบ้างน้อยบ้าง
บางตัวตอนนี้ราคาขึ้นมากกว่า 100%
ข้อดีคือขึ้นแล้วไม่ชอบลง
ไม่หวือหวาเหมือนหุ้นเก็ง หรือ หุ้นGrowth

คนถือกินปันผล ไม่ผิดหรอกครับ
เป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนไม่หมือนกัน
บางท่านต้องการกำไรเร็วๆ
บางท่านต้องการป้องกันเงินต้น
บางท่านต้องการปันผล
ดังนั้น ผมไม่เคยคิดเลยว่า
ท่านที่ลงทุนคนละแนวกับที่ผมทำอยู่จะลงทุน"ผิด"วิธี
การลงทุนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
และที่สำคัญ
เราสามารถออกแบบการลงทุนของเราได้
ว่าเราต้องการอะไร

เห็นพูดกันเรื่อง VI VS
เอามาตั้งเป็นกระทู้มาหลายเพลา
ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นกระทู้อมตะ
ผ่านไปอีกสิบปี
ผมว่าก็คงยังมีกระทู้ VI VS อยู่นั่นแหละ
ส่วนตัวผม ไม่อยากแบ่งเลยว่าใครจะเป็น VI VS
เพราะมันไม่ใช่สาระสำคัญ
สิ่งสำคัญก็คือ
1) อย่าขาดทุน
2) อย่าลืมกฎข้อที่หนึ่ง
ดังนั้น
ผมถือว่า แมวสีไหนก็จับหนูได้ครับ

ผมว่าทุกท่านที่เข้ามาในเวปนี้
ได้มีส่วนร่วมในการเปิดมุมมองของการลงทุนกว้างขึ้น
ได้ให้ความรู้และประสบการณ์อันหาค่าไม่ได้
กับพี่ๆน้องๆที่เข้ามาลงทุนใหม่ๆ
ไม่ต้องตกไปในกับดักของเหล่าเสือ สิงห็ กระทิง แรด ในตลาด
แต่จะเป็นแบบไหน
ก็ขึ้นกับความถนัดของแต่ละคนครับ
Jeng เขียน:ถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะปริ้น ข้อมูลในกระทู้นี่ มาค่อยๆนั่งอ่านอย่างตั้งใจ

อิอิ

ใกล้ 2 หมื่น แย้ว น้องวิบูลย์

เฮียปรัชญาครับ ผมยังคงชอบหลักการ การกระจายความเสี่ยง ยิ่งเสี่ยง

ผมจึงเห็นด้วยกับการถือหุ้นน้อยตัวครับ
พี่เจ๋ง
ผมพิมพ์กระทู้นี้มาตลอดครับ
ตอนนี้เก็บได้เป็นแฟ้มใหญ่
เอามาอ่านอีกทีก็ยังขำตัวเองว่า
เขียนไปเยอะแยะได้ยังไง
ตอนแรก
กะมีคนอ่านสัก 10,000 ครั้งแล้วจะเลิก
เขียนไปเขียนมา
เกือบ 20,000 ครั้งแล้ว
.......เป็นงง

นี่ถ้าไม่ได้โพสของ
พี่เจ๋ง พี่ปรัชญา พี่CK พี่Chatchai
คุณMon Money คุณThanwa
และท่านอื่นๆ
สงสัยกระทู้นี้คงไม่มีคนอ่านมากขนาดนี้

อ้อ เรื่องเวปไม่มีรายได้
ผมแนะนำให้บริจาคเลยครับ
แจ้งชื่อบัญชีให้รับทราบกัน
ใครมีจิตศรัทราก็โอนเงินกันเข้าได้เลย
แล้วก็ประกาศกันให้โปร่งใสเลยว่า
ได้เงินบริจาคมาเดือนละเท่าไหร่
และมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
หักกลบเหลือเงินใช้ได้อีกนานแค่ไหน
ถ้าขาดเหลือก็เรี่ยไรเอาแถวนี้หละครับ

อีกวิธีก็ตั้งกองทุน TVI
เอาเงินไปลงทุนในหุ้น
เอาปันผลมาใช้
ส่วนเกินก็เก็บไว้ลงทุนต่อ
ไหนๆทุกคนก็สามารถลงทุนได้อยู่แล้ว
ก็เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ซะเลย
หุ้นปันผลดีๆ ไม่เจ๊ง ปันปีละ 6-7% ยังหาได้ครับ
ถ้าต้องการเงินค่าใช้จ่ายเดือนละ 10,000 บาท
ปันผลปีละ 7% ก็ต้องใช้เงินต้น 1,714,285 บาท
รับบริจาคเงินเหมือนสร้างโบสถ์
แล้วเอาไปลงทุน
เน้นหุ้นปันผลจนกาจะมีเงินพอใช้
หลังจากนั้นก็เอาไปลงหุ้นโตเร็วไม่ต้องการปันผลได้
ที่สำคัญ ผู้บริหารกองทุนต้องซื่อสัตย์และไว้ใจได้
การบริหารต้องโปร่งใส

ผมก็แนะนำสองวิธีนี้หละครับ
ทำได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ก็อยากเห็นเวปนี้อยู่ไปอีกนานๆ
CK เขียน:พี่เจ๋งครับ กระจายมากก็เสี่ยง กระจายน้อยก็เสี่ยง ความเสี่ยงไม่ได้
อยู่ที่น้อยหรือมากครับ อยู่ที่รู้หรือไม่รู้ต่างหาก

ผมว่า 5 ตัวนี่มากนะครับ

เพราะผมถือหุ้นเกิน 50 ตัวในพอร์ตก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นทหารเลวครับ
คือมีร้อยสองร้อยหุ้นเท่านั้นเอง ซื้อเกือบทุกตัวที่ผลงานดี มีปันผล ไม่
สนว่าถูกหรือแพง

หุ้นที่ถือเป็นทัพหลักมีไม่กี่ตัวครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นกองกำลังป้องกันประ
เทศทั้งนั้น คือไม่หวังกำไรมากมาย แต่ไม่ขาดทุนแน่นอน ยังไงเสียต่อ
ให้ตลาดถล่มทลาย เกิดสงครามโลก โดนวางระเบิด หุ้นพวกนี้ก็จะออก
ดอกออกผลให้สม่ำเสมอครับ มากบ้างน้อยบ้าง

ส่วนกองกำลังประจัญบานก็...อืม แพ้บ้างชนะบ้างครับ แต่โดยรวมก็ยัง
ไม่แพ้ index
ผมว่าพี่CK นี่สุดยอดแล้วละครับ
ถามหุ้นตัวไหนตอบได้หมด
ผมยังรู้จักไม่ถึงครึ่งตลาด
นับถือ นับถือ
มีคำถามถึงพี่CK ครับว่า
"ทำอย่างไร พอร์ตของพี่ถึงชนะIndexได้
ช่วยบอกกล่าวเป็นวิทยาทานกับน้องๆด้วยครับ"

ตอนนี้ สวัสดีทุกท่านครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2003 1:49 pm
โดย CK
VIB007 เขียน: มีคำถามถึงพี่CK ครับว่า
"ทำอย่างไร พอร์ตของพี่ถึงชนะIndexได้
ช่วยบอกกล่าวเป็นวิทยาทานกับน้องๆด้วยครับ"

ตอนนี้ สวัสดีทุกท่านครับ
อะแฮ่ม :oops: เขินครับ เพราะเคล็ดลับที่ชนะ
ตลาดได้คือพระเจ้าอวยพรเท่านั้นครับ ไม่ได้
การันตีแต่อย่างใดว่าจะชนะไปตลอด

อีกอย่างที่สำคัญคือ สองหัวดีกว่าหัวเดียวครับ
ร่วมกันศึกษาและแลกเปลี่ยนความเห็นของหุ้น
ระหว่างผมและภรรยาสุดที่รัก ทำให้ได้มุมมอง
ที่แตกต่างและกว้างขวางขึ้น ทำให้ลงทุนได้
ปลอดภัยขึ้น (หุ้นปลอดภัยนี่แหละ ในระยะยาว
ชนะตลาดเสมอ)

ถ้านับปีต่อปี (โดยเอามูลค่ารวมของพอร์ต ณ
สิ้นปีแต่ละปีมาคำนวณ growth และ prorated
เงินลงทุนใหม่ๆ ตามสูตร IRR หรือดอกเบี้ยทบ
ต้นแบบฝากธนาคาร) ก็พอสูสีกับ SET Index
แหละครับ ถ้านับเฉพาะช่วงเป็นเดือนๆ ก็แพ้
บ้างชนะบ้าง

ส่วนเรื่องหุ้นผมรู้ไม่เยอะหรอกครับ สู้ลุงขวด
พี่ปรัชญา พี่ครรชิต พี่เจ๋ง และน้องคัดท้ายไม่ได้
เลยครับ และก็ยอมรับด้วยครับว่า ผลงานสู้ท่าน
เหล่านี้ไม่ได้สักคน รวมทั้งท่านวิบูลย์ด้วยครับ
จาก 120+ ไป 230+ ไม่นับปันผลภายใน 6 เดือน
นับ IRR ก็คงประมาณ 200% กว่าๆครับ

ของผม IRRปีนี้คงจะปิดที่ 110-140% เป็นอย่างมากครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2003 5:30 pm
โดย VIB007
พี่ CK
ผมก็ปรึกษาภรรยาเหมือนกันครับ
ผมชอบถามว่าตอนนี้ชอบทานอะไร
ชอบไปชอปปิ้งที่ไหน
ชอบฟังเพลงอะไร
ชอบฯลฯ
ก็ได้มุมมองอีกแบบครับ

คุณน้า Peter Lynch ก็ใช้มุขนี้หละครับ
ในการค้นหาหุ้นของแก
เพราะน้าแกคิดว่า หุ้นตัวที่จะเป็นพระเอกตัวต่อไปนั้น
ลูกค้าจะรู้ก่อนเสมอ
ซึ่งผมคิดว่าจริงนะครับ
ถ้ามีคนซื้อสินค้ามากขึ้นเยอะๆ บริษัทก็ต้องเติบโตแน่
ถึงแม้จะไม่เติบโตถาวรก็เถอะ
ดูอย่าง Stanly
ถ้ากระบะ Dmax ขายดี
ยอดขาย Stanly ก็พุ่งแน่นอน
ราคาหุ้นก็ไปตามกัน หนีไม่พ้น
แต่จะเติบโตได้นานแค่ไหน ก็ต้องค้นหากันต่อไป
CK เขียน: ส่วนเรื่องหุ้นผมรู้ไม่เยอะหรอกครับ สู้ลุงขวด
พี่ปรัชญา พี่ครรชิต พี่เจ๋ง และน้องคัดท้ายไม่ได้
เลยครับ และก็ยอมรับด้วยครับว่า ผลงานสู้ท่าน
เหล่านี้ไม่ได้สักคน รวมทั้งท่านวิบูลย์ด้วยครับ
จาก 120+ ไป 230+ ไม่นับปันผลภายใน 6 เดือน
นับ IRR ก็คงประมาณ 200% กว่าๆครับ

ของผม IRRปีนี้คงจะปิดที่ 110-140% เป็นอย่างมากครับ
ผมได้ไม่ถึง 200% หรอกครับ
เพราะถือไว้หลายตัว บางตัวราคาก็ไม่ได้ไปไหน
อาจารย์ Fisher บอกไว้ว่า
ราคาหุ้นที่สูงขึ้นในไม่กี่เดือน
เป็นเรื่องของ"โชค"มากกว่าครับ

ของแท้ของไม่แท้ต้องดูกันนานๆครับ
หุ้นของอาจารย์ Fisher แกขอสามปีครับ
หุ้นดีไม่ดีต้องดูกันสามปีขึ้นไป

พี่ได้ผลตอบแทนเกิน 100% ต่อปีก็ถือว่าเยี่ยมแล้วครับ
ไม่รู้ว่าจะลงทุนวิธีไหนที่ให้ผลตอบแทนสูงเท่านี้อีกแล้ว
ก็ฝากพี่แบ่งความรู้ความคิดให้น้องๆได้เก็บไว้ศึกษาในกระทู้นี้ด้วยแล้วกันครับ
ผมถามต่อแล้วกันครับ
"หุ้นที่พี่CKชื่นชอบ มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากหุ้นทั่วไปอย่างไรบ้างครับ"

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2003 9:51 pm
โดย CK
VIB007 เขียน:พี่ CK
ผมก็ปรึกษาภรรยาเหมือนกันครับ
ผมชอบถามว่าตอนนี้ชอบทานอะไร
ชอบไปชอปปิ้งที่ไหน
ชอบฟังเพลงอะไร
ชอบฯลฯ
ก็ได้มุมมองอีกแบบครับ
ภรรยาพี่เคยบอกว่าเดี๋ยวนี้วาโก้มันห่วยครับ
สู้ไทรอัมพ์ไม่ได้

พี่เคยมี WACOAL อยู่ ซื้อที่ราคา 60 บาท
ขายทิ้งไปเพราะเชื่อภรรยาที่ราคา 100 บาท
ปีรุ่งขึ้น มันวิ่งไป 160 ปีมะรืน วิ่งไป 30 หลังแตกพาร์

พอดีช่วงนั้นอ่าน Beating the Street ของน้าลินช์อยู่
เหมือนกันครับ เลยลองดู

อดฝันแบบพี่ครรชิตเลย ฮ่าๆ
VIB007 เขียน: พี่ได้ผลตอบแทนเกิน 100% ต่อปีก็ถือว่าเยี่ยมแล้วครับ
ไม่รู้ว่าจะลงทุนวิธีไหนที่ให้ผลตอบแทนสูงเท่านี้อีกแล้ว
ก็ฝากพี่แบ่งความรู้ความคิดให้น้องๆได้เก็บไว้ศึกษาในกระทู้นี้ด้วยแล้วกันครับ
ผมถามต่อแล้วกันครับ
"หุ้นที่พี่CKชื่นชอบ มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากหุ้นทั่วไปอย่างไรบ้างครับ"
เฉพาะปีนี้แหละครับที่ได้ 100% เฉลี่ยก็ 15-30% เองครับ

หุ้นที่ผมชื่นชอบเหรอครับ เข้าใจถามนะครับ อืมมมมม...

เมื่อก่อนชอบหุ้นที่มี story ครับ ประเภทข่าวลือ ข่าวโตก้าวกระโดดปีหน้า
ฯลฯ เดี๋ยวนี้รู้สึกหัวใจไม่แข็งแรงครับ เลยหลีกเลี่ยงหุ้น stories ซะแล้ว

ผมชอบหุ้นเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เหลียวแลครับ โดยเฉพาะผู้บริหาร

ผู้บริหารที่เอาเวลาไปดูแลกิจการ ไม่ซื้อและไม่ขายหุ้นตัวเอง
ไม่แตกพาร์ ไม่ออกวอร์แร้นท์ ไม่ขยันออกข่าวดี แต่ขยันออกข่าวเตือนนัก
ลงทุนว่าประมาณการของนักวิเคราะห์อาจจะสูงเกินไป ขยันลดต้นทุนบริษัท
ขยันหารายได้เพิ่ม ให้ความสำคัญกับ R&D และคุณภาพของสินค้าตนเอง
ไม่มีการยักย้ายถ่ายเท ไม่มีการแต่งงบการเงิน

เป็นไงครับ บริษัทในฝัน จะหาได้มั๊ยนี่

ให้ผลตอบแทนสู้ "หุ้นตลาด" ไม่ได้หรอกครับ หุ้นพวกนี้ คลานเป็นเต่าล้าน
ปี ออกไข่ปีละครั้ง

ตอนนี้มีอยู่ 3 ตัวครับ 1 ใน 3 วอลลุ่มก็ต่ำแถมฟันหลออีกต่างหาก
รวม 3 bid 3 offer เข้าด้วยกันยังใช้เงินไม่ถึงหมื่นบาทเลยครับ :)
ทำให้อยากขายก็ขายไม่ได้ ซื้อก็ยากเย็นแสนเข็ญ ต้องทำใจครับ
ว่า liquidity ไม่มีเลย หนักยิ่งกว่าซื้อที่ดินต่างจังหวัดเสียอีก

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 13, 2003 8:27 pm
โดย thanwa
ถ้าคุณวิบูลย์จะตั้งกองทุน TVI และเป็น Fund Manager บำรุงเวบ
หลายคนคงจะร่วมแจมด้วย ดูจากกระทู้ของคุณเจ๋งนะ

ขออภัยช่วงนี้งานเยอะมากๆๆๆ แต่ก็ยังมาแอบอยู่ไม่ขาด

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 13, 2003 8:51 pm
โดย kotaro
ผมชอบหุ้นเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เหลียวแลครับ โดยเฉพาะผู้บริหาร

ผู้บริหารที่เอาเวลาไปดูแลกิจการ ไม่ซื้อและไม่ขายหุ้นตัวเอง

พี่ CK ครับ ในความเห็นพี่ คิดว่าบริษัทที่ดี ผู้บริหารควรจะมีหุ้นที่ตัวเองบริหารอยู่ไหมครับ

ถ้าไม่มีหุ้นเลย ก็จะได้สบายใจได้ว่าผู้บริหารจะไม่เอาหุ้นตัวเองมาเล่น หลอกนักลงทุนรายย่อย

แต่อีกด้านนึง ก็กลัวว่าจะไม่สนใจผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น เพราะตัวเองไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เหมือนที่ Graham บอกว่าบริษัทที่ดี ผู้บริหารควรจะมีถือหุ้นอยู่ด้วย เพราะผู้บริหารก็จะมุ่งหวังผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ไม่ใช่นั่งกินเงินเดือนไปวันๆ

อยากทราบความเห็นท่านอื่นๆด้วยครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 13, 2003 8:54 pm
โดย harry
kotaro เขียน:
พี่ CK ครับ ในความเห็นพี่ คิดว่าบริษัทที่ดี ผู้บริหารควรจะมีหุ้นที่ตัวเองบริหารอยู่ไหมครับ

ถ้าไม่มีหุ้นเลย ก็จะได้สบายใจได้ว่าผู้บริหารจะไม่เอาหุ้นตัวเองมาเล่น หลอกนักลงทุนรายย่อย

แต่อีกด้านนึง ก็กลัวว่าจะไม่สนใจผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น เพราะตัวเองไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย เหมือนที่ Graham บอกว่าบริษัทที่ดี ผู้บริหารควรจะมีถือหุ้นอยู่ด้วย เพราะผู้บริหารก็จะมุ่งหวังผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ไม่ใช่นั่งกินเงินเดือนไปวันๆ

อยากทราบความเห็นท่านอื่นๆด้วยครับ
ผมก็เห็นด้วยกับเกรแฮมนะครับ แต่มันก็มีทั้งดีและเสีย ถ้าผู้บริหารมีหุ้นแล้วตั้งใจทำธุรกิจให้ดีๆ มีกำไรสม่ำเสมอ และก็ปันผลให้ทุกปีคือเป็นทั้งผู้บริหารและผู้ถือหุ้นในคนเดียว แล้วแต่คนครับ ถ้าเจอคนดีและเก่ง ก็น่าร่วมหุ้นด้วยแน่นอน

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 13, 2003 10:08 pm
โดย CK
kotaro เขียน:พี่ CK ครับ ในความเห็นพี่ คิดว่าบริษัทที่ดี ผู้บริหารควรจะมีหุ้นที่ตัวเองบริหารอยู่ไหมครับ
คิดว่าต้องมีครับ สัก 25% เป็นอย่างต่ำ แต่ไม่ควรเกิน 50%

ถ้าในประวัติตั้งแต่ IPO ไม่เคยขายเลย และไม่ซื้อเพิ่มจะดีมากครับ
ถ้าขาย ก็แปลว่าผู้บริหารสนใจ capital gain มากกว่าปันผล
ถ้าซื้อ ก็ทำให้หุ้นในตลาดน้อยลง อาจจะนำไปสู่การถอนออกจากตลาด


หมายเหตุ: ผมไม่มีทฤษฎีอะไรมารองรับนะครับ เพราะฉะนั้นควร
จะถือว่าเป็น "ความเห็นส่วนตัว" ผมอ่าน Beating the Street ของ
Lynch ได้ 3 บท อ่าน Buffettology ของ Marry ได้ 5 บท

นอกนั้นไม่เคยอ่านเลยครับ จะอ่านก็แต่สรุปยอดความคิดของคุณวิบูลย์
ในกระทู้นี้เท่านั้นแหละครับ

เป็นคนเรียนหนังสือไม่เก่ง ชอบอ่านแต่นิยายครับ โดยเฉพาะกำลังภายใน
หรือไม่ก็แฟนตาซี

การค้นหามูลค่าของหุ้น

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2003 12:37 am
โดย Sixsense
คือ ผมเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ นะครับ ตอนนี้ผมก็กำลังลองผิดลองถูกอยู่เหมือนกันครับ ก่อนนั้นคิดว่า การเอากำไรจากราคาหุ้น ที่ซื้อถูกแล้วนำมาขายแพง โดยการเอากำไรไม่เยอะ เป็นวิธีการสร้างรายได้อย่างหนึ่ง ระยะแรกนั้น ผมสามารถทำรายได้ ได้ดีเลยครับ โดยการไม่โลภมาก นิดหน่อยกำไร ผมก็ขายครับ ผมคิดว่า การกำไรดีกว่าขาดทุน เป็นการ รักษาควาเสี่ยงไว้ให้มากที่สุด แต่ปรากฎว่า ผมมีความรู้สึก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ระยะหลังผมทำกำไรไม่ได้เลย เงินทุนได้กำไรหมดครับ ไม่รู้จะทำยังไงดี แต่ผมไม่ยอมแพ้ครับ พยายามที่จะค้นหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผม คือผมเป็นโปรแกรมเมอร์ อ่ะครับ แต่นึกไงไม่รู้ ลาออกจากงานมานั่งเล่นหุ้น เหอๆ ผมบอกตรงๆ นะครับ ว่าการหามูลค่าของหุ้น นั้นผมยังไม่ทราบเลย แมงเม่าดีๆ นี่เอง

การวิเคราะห์ บริษัท ผมคิดว่าผมพอจะวิเคราะห์ออกครับ เพราะผมจบศิลปศาตร์ (แต่ไปทำโปรแกรมเมอร์ กำ) ภาษาอังกฤษ พอทราบครับ แต่รู้แค่ว่ามันหมายถึงอะไรอ่ะครับ (ผมนี่น่าสงสารจริงๆเล้ย)

ผมคิดว่าผลของการกระทำในอดีต มีผลถึงปัจจุบัน คือ อดีต เค้าเคยทำกำไรมาเท่าไหร่ ปัจจุบันยังทำได้อยู่ คือการประกอบการไม่ขาดทุน เป็นหุ้นที่น่าลงทุน แต่ ผมไม่รู้ว่าจะซื้อได้ในราคาเท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่า ถือได้คุ้ม ซื้อได้ถูก

*** ผมอยากจะทราบว่าการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นนั้น เค้าทำกันอย่างไรครับ ใช้อะไรคำนวน และผลของการคำนวน เราควรจะซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า สักกี่เปอร์เซ็นต์ครับ ช่วยผมหน่อยครับ ผมใหม่จริงๆ ****


ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับพี่ๆ มากนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2003 12:41 am
โดย Jeng
ลองซื้อหนังสือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า Value inveting made easy มีขายที่ se-ed ไปอ่าน ก่อน แล้วติดปัญหาอะไร ก็มาโพสถามดีมั๊ยครับ

Sixsense

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2003 12:55 am
โดย Sixsense
เรื่องหนังสือ ผมซื้ออ่านแล้วครับ แต่ในทางปฎิบัติ ผมบอกตรงๆว่ายากมากๆ ครับ การเริ่มต้น ผมเริ่มครับแต่ไม่ค่อยจะโสภาสักเท่าไหร่ครับ งงตัวเองอยู่เหมือนกัน อย่างเช่น ของดร.นิเวศน์ ผมก้ออ่าน อ่านสิบรอบ ยังไม่แน่ใจว่าวิเคราะห์ถุกเหรอเปล่า เลยครับ คุณ Jeng แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ เพราะผมรักการลงทุนมาก เพียงแต่ยังหาทางออกตัวเองไม่ได้เพราะ ยังสับสนตัวเองครับ ไม่รู้ว่าผมจะต้องซื้อ ประสบการณ์ในการลงทุนแพงสักแค่ไหน เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ ผมจะค่อยๆไปโดยการอยู่กับกลุ่มพวกพี่ๆ ดู เผื่อผมจะค้นหาเจอครับ

ว่าแต่พี่ การหามูลค่าของหุ้น ทำกันอย่างไรครับ ^^;

*** ตั้งเอาไว้ในใจแล้วครับว่า ผมจะไม่เป็นแมงเม่า เด็ดขาด ***

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2003 3:15 am
โดย harry
คุณ sixsense ครับ ผมก็มือใหม่เหมือนกันครับ ผมว่าเล่มที่พี่เจ๋งแนะนำ ผมว่าดีมากนะ ผมอ่านรอบสองซ้ำแล้วเข้าใจมากขึ้น และผมก็มีแนวทางการลงทุนของผมเองมาก่อนแล้ว และพอเข้าเว็บนี้มาก็ได้เห็นคนที่มีแนวทางคล้ายๆกัน ก็เลยไม่อยากไปไหนไกลครับ มาขอความรู้กับเว็บนี้ดีที่สุดแล้ว

คุณ sixsense บ้านอยู่แถวไหนเหรอครับ อยู่กทม.ป่าว ถ้าอยู่ว่างๆก็นัดเจอที่ห้องสมุดตลาดหลักทรัพย์เจอกันบ้างมั้ยครับ ช่วงเย็นประมาณ 4 โมงครึ่งถึง 5 โมงเย็น อยู่ถึง หกโมงเย็นห้องสมุดปิด

ไปคุยกันตามประสามือใหม่ แล้วก็เชิญชวนท่านพี่ๆที่เชี่ยวชาญมาด้วยก็จะดีนะครับ

Re: การค้นหามูลค่าของหุ้น

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2003 7:15 am
โดย CK
คุณ sixsense ถามถูกที่แล้วครับ ก่อนอื่นลองเริ่มอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้น
แล้วรอพี่วิบูลย์ตอบอีกทีนะครับ
Sixsense เขียน: คือผมเป็นโปรแกรมเมอร์ อ่ะครับ แต่นึกไงไม่รู้ ลาออกจากงานมานั่งเล่นหุ้น
เหอๆ ผมบอกตรงๆ นะครับ ว่าการหามูลค่าของหุ้น นั้นผมยังไม่ทราบเลย
แมงเม่าดีๆ นี่เอง


ประการแรกครับ นอกจากคุณ sixsense จะมั่นใจว่า ผลตอบแทนการลงทุน
ในแต่ละปีจะมากกว่ารายจ่ายประจำสัก 2-3 เท่า แน่ๆ ไม่มีทางขาดทุน
ก็เล่นหุ้นเป็นอาชีพอย่างเดียวได้ครับ เท่าที่ผมเห็นก็คุณ chatchai ที่ประสพ
ความสำเร็จในอาชีพนี้อย่างจริงจัง

ถ้าไม่มั่นใจ หางานประจำทำก่อนครับ แล้วลงทุนในหุ้นสำหรับเป็นหลักประกัน
ในอนาคต งานโปรแกรมเมอร์หาไม่ยากหรอกครับ

อยากเป็นนักวิเคราะห์เสียที

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2003 10:41 pm
โดย Sixsense
ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ช่วยตอบคำถามผมครับ คือปกติ ผมทำงานแถวสุขุมวิทย์อ่ะครับ แต่ตอนนี้กับมาอยู่ที่บ้านแล้ว คือมาอยู่กับแม่ครับ แม่ ผมแกเดินไม่ได้ ไม่อยากจะห่างแกสักเท่าไหร่ (ใครจะว่าเป็นลูกแหง่ ก็ได้นะครับ ^^;)

ส่วนบ้านผมอยุ่ นครปฐม ครับ เวลาซื้อขาย จะซื้อผ่านทางเน็ตโลด เวลาทำอะไรเกี่ยวกับคอม แล้วผมรู้สึกว่าไปได้เร็วกว่าอะครับ เพราะผมอยู่กับ คอมตลอดเวลา อิๆ

ขอบคุณมากนะครับ ที่แนะนำ ว่าแต่พี่

*** การหามูลค่าหุ้น อ่า... อิๆ ให้ความรู้ผมหน่อยนะครับ ผมคงจะไม่ไปไหนแล้วครับ คงจะเกาะติดพวกพี่ๆ เผื่อ จะได้เป็นนักลงทุน เสียที แหะๆ***

Re: อยากเป็นนักวิเคราะห์เสียที

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 15, 2003 12:44 am
โดย CK
Sixsense เขียน:ขอบคุณทุกท่านนะครับ ที่ช่วยตอบคำถามผมครับ คือปกติ ผมทำงานแถวสุขุมวิทย์อ่ะครับ แต่ตอนนี้กับมาอยู่ที่บ้านแล้ว คือมาอยู่กับแม่ครับ แม่ ผมแกเดินไม่ได้ ไม่อยากจะห่างแกสักเท่าไหร่ (ใครจะว่าเป็นลูกแหง่ ก็ได้นะครับ ^^;)

ส่วนบ้านผมอยุ่ นครปฐม ครับ เวลาซื้อขาย จะซื้อผ่านทางเน็ตโลด เวลาทำอะไรเกี่ยวกับคอม แล้วผมรู้สึกว่าไปได้เร็วกว่าอะครับ เพราะผมอยู่กับ คอมตลอดเวลา อิๆ

ขอบคุณมากนะครับ ที่แนะนำ ว่าแต่พี่

*** การหามูลค่าหุ้น อ่า... อิๆ ให้ความรู้ผมหน่อยนะครับ ผมคงจะไม่ไปไหนแล้วครับ คงจะเกาะติดพวกพี่ๆ เผื่อ จะได้เป็นนักลงทุน เสียที แหะๆ***
น้อง sixsense ครับ อยู่บ้านก็ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ได้นี่ครับ
โดยเฉพาะถ้าเขียน ASP ASP.NET หรือ PHP ได้ ก็ทำเว็บได้ครับ

นครปฐมก็บ้านเดียวกับภรรยาพี่ครับ

การหามูลค่าหุ้นคงต้องรอพี่วิบูลย์มาตอบครับ เพราะพี่ก็หาไม่เป็นเหมือนกัน
เห็นมาหลายวิธีครับ ตั้งแต่ใช้ P/E, yield, PEG, EVA, etc. แต่ผมพบว่า
แต่ละวิธีก็มีจุดอ่อนจุดแข็ง และใช้กับหุ้นแต่ละประเภทไม่เหมือนกัน เลย
ดูแค่คร่าวๆเท่านั้นเองครับ

วิธีการเฉลี่ยทุนเป็นวิธีที่ผมแนะนำให้มือใหม่ทุกคนครับ คือตั้งงบไว้ว่าซื้อ
เดือนละ xx บาท ทุกวันทำการแรกของเดือน โดยไม่ต้องสนราคา ซื้อที่
ราคาตลาดเลยครับ เหลือเศษเงิน (ที่ซื้อได้ไม่ครบ 100 หุ้น) ก็สมทบไป
เดือนหน้า ได้ปันผลและเครดิตภาษีปันผลมาก็เอาไปซื้อหุ้นตัวเดิมอีก

เป็นวิธีที่ลุง Peter Lynch แกแนะนำไว้ครับ เหมาะสำหรับการถือหุ้น
แบบยาวเหยียดเท่านั้น คือถ้าถือได้เกิน 2-3 cycles ของเศรษฐกิจได้
จะกำไรชัวร์ๆครับ (อาจจะไม่มากเท่านั้นเอง)

วิธีนี้ก็ตัดปัญหาเรื่องการประเมินราคาออกไปได้ เหลือแต่เลือกหุ้นที่ดี
เท่านั้นเอง ซึ่งวิธีการเลือกหุ้นก็ลองอ่านๆดูในกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นก็ได้ครับ

อ้อ ในหนังสือ The New Buffettology ฉบับภาษาไทยน่าจะมีสอน
ทั้งวิธีเลือกหุ้นและวิธีคำนวณราคาเหมาะสมอยู่ครับ คนที่อ่านมาแล้ว
บอกว่าดีมากครับ ลองไปหามาอ่านดูก่อนสิครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 15, 2003 1:04 pm
โดย ศิริศิลป์
อยากถามพี่ๆหน่อยนะครับ
เนื่องจากว่าผมได้รับเงินปันผลมาให้รูปของเช็คนะครับ
เราจะต้องนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารเอง
อยากถามว่าพี่ๆมีวิธีการรับเงินปันผล แบบว่าเค้านำมาเข้าบัญชีเราเลย
มีหรือเปล่าครับ เพราะว่ามีได้เงินปันผลไม่มากเท่าำไร มันค่อยคุ้มนะครับ
ที่จะต้องเดินทางไปธนาคาร
เผอิญผมอยู่ที่ต่างจังหวัดนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 15, 2003 1:20 pm
โดย CK
ศิริศิลป์ เขียน:อยากถามพี่ๆหน่อยนะครับ
เนื่องจากว่าผมได้รับเงินปันผลมาให้รูปของเช็คนะครับ
เราจะต้องนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารเอง
อยากถามว่าพี่ๆมีวิธีการรับเงินปันผล แบบว่าเค้านำมาเข้าบัญชีเราเลย
มีหรือเปล่าครับ เพราะว่ามีได้เงินปันผลไม่มากเท่าำไร มันค่อยคุ้มนะครับ
ที่จะต้องเดินทางไปธนาคาร
เผอิญผมอยู่ที่ต่างจังหวัดนะครับ
หุ้นบางตัวมีข้อตกลงกับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ให้สามารถโอนเงิน
เข้าบัญชีที่เราต้องการได้เลยครับ แต่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมครับ
เข้าใจว่ารายการละ 10 บาทครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 15, 2003 1:44 pm
โดย ลูกอิสาน
เสริมคุณ CK นะครับ......เป็นบริการของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์
รายละเอียดตามลิงค์ เป็นของ Tisco แต่เข้าใจว่าเหมือนกันทุกโบรคครับ..

สะดวกมากครับ โดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างจังหวัด เพราะปกติต้องเสียค่าธรรมเนียมให้ธนาคารในการเรียกเก็บเช็คมากกว่า คนที่อยู่กรุงเทพฯ..

http://www.tiscoetrade.com/brokerpage/0 ... online.doc

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 15, 2003 2:32 pm
โดย VIB007
โทษทีครับ
พอดีช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ค่อยได้เข้าเวป
ถ้าตอบช้าไปกันบ้างคงไม่ว่ากันนะครับ
CK เขียน: ภรรยาพี่เคยบอกว่าเดี๋ยวนี้วาโก้มันห่วยครับ
สู้ไทรอัมพ์ไม่ได้

พี่เคยมี WACOAL อยู่ ซื้อที่ราคา 60 บาท
ขายทิ้งไปเพราะเชื่อภรรยาที่ราคา 100 บาท
ปีรุ่งขึ้น มันวิ่งไป 160 ปีมะรืน วิ่งไป 30 หลังแตกพาร์

พอดีช่วงนั้นอ่าน Beating the Street ของน้าลินช์อยู่
เหมือนกันครับ เลยลองดู

อดฝันแบบพี่ครรชิตเลย ฮ่าๆ
พี่CK
พอดีภรรยาผมไม่ใช้ Wacoal ครับ
ผมเลยไม่ได้ซื้อห้น Wacoal
หุ้นสิ่งทอผมไม่ถนัดครับ
แต่ก้ออยากเก็บก้นบุหรี่เหมือนน้า Lynch ดูบ้าง
จะได้ไม่ว่างมากเกินไป
ตอนนี้เงินมันล้นเซฟ (ล้อเล่นนะ)
ไม่รู้จะซื้อตัวไหนลงทุนยาวๆเหมือนบัฟเฟต์ดี
ราคาแต่ละตัวขึ้นมาสูงจนน่าตกใจ
คุณ Mon Money ก็คุยกับผมเหมือนกันว่า
ตอนนี้หาหุ้นถือยาวๆปลอดภัยน้อยมาก
เลยหันมาเก็บก้นบุหหรี่สไตล์น้า Lynch ไปพลางๆก่อน
ผมเห็นว่าท่าจะจริง
เลยหันมาเก็บก้นบุหรี่แบบคุณ Mon ดูบ้าง
ชีวิตมันก็น่าเบื่อน้อยลง
ก็จริงอย่างที่อาจารย์บัฟเฟต์บอกไว้หละครับที่ว่า
สิ่งที่อยากที่สุดก็คือ ความอดทน
เรามีความอดทนไม่พอที่จะรอใช้เงินที่มีอยู่ซื้อหุ้น
เวลามีเงินในกระเป๋าแล้วมันอดไม่ได้ที่จะต้องซื้อ ใช่มั๊ยครับ
อาจารย์เลยบอกไว้ว่า ให้ใจเย็นๆไว้โยม
รอไว้ให้โอกาสมาถึงค่อยคว้า
พวกเราส่วนใหญ่ท่าจะรอไม่ได้
มีเงินแล้วมันอดไม่ได้ จริงมั๊ยครับ
CK เขียน: เฉพาะปีนี้แหละครับที่ได้ 100% เฉลี่ยก็ 15-30% เองครับ

หุ้นที่ผมชื่นชอบเหรอครับ เข้าใจถามนะครับ อืมมมมม...

เมื่อก่อนชอบหุ้นที่มี story ครับ ประเภทข่าวลือ ข่าวโตก้าวกระโดดปีหน้า
ฯลฯ เดี๋ยวนี้รู้สึกหัวใจไม่แข็งแรงครับ เลยหลีกเลี่ยงหุ้น stories ซะแล้ว

ผมชอบหุ้นเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เหลียวแลครับ โดยเฉพาะผู้บริหาร

ผู้บริหารที่เอาเวลาไปดูแลกิจการ ไม่ซื้อและไม่ขายหุ้นตัวเอง
ไม่แตกพาร์ ไม่ออกวอร์แร้นท์ ไม่ขยันออกข่าวดี แต่ขยันออกข่าวเตือนนัก
ลงทุนว่าประมาณการของนักวิเคราะห์อาจจะสูงเกินไป ขยันลดต้นทุนบริษัท
ขยันหารายได้เพิ่ม ให้ความสำคัญกับ R&D และคุณภาพของสินค้าตนเอง
ไม่มีการยักย้ายถ่ายเท ไม่มีการแต่งงบการเงิน

เป็นไงครับ บริษัทในฝัน จะหาได้มั๊ยนี่

ให้ผลตอบแทนสู้ "หุ้นตลาด" ไม่ได้หรอกครับ หุ้นพวกนี้ คลานเป็นเต่าล้าน
ปี ออกไข่ปีละครั้ง
ท่าจะจริงครับพี่CK
หุ้นบางตัวผม ไม่มีคนอยากได้และไม่มีคนอยากขาย
บางวันไม่มีการซื้อขาย
ราคาหุ้นชาวบ้านเขาไปถึงดาวอังคารแล้ว
ราคาหุ้นผมเพิ่งไปถึงแค่ดอนเมือง ยังไม่ได้ขึ้นเครื่องเลยครับ
แต่ก็ยังเก็บไว้เป็นหมอนข้าง
กอดแล้วมันอบอุ่นดี ไม่หวือหวา
เวลาตลาดตกสุดๆก็"เฉยๆ"
ผลประกอบการต่อไตรมาศลดลงก็"เฉยๆ"
ผมดูในรายงานประจำปี
มีผู้ถือหุ้นอยู่ 400 กว่าราย
นับว่าน้อยมากจริงๆ
ส่วนใหญ่เป็นแบบถือรอปันผล
ดังนั้นถือหุ้นอย่างนี้แล้วก็ต้องทำ"เฉยๆ"เหมือนกันครับ
ศิริศิลป์ เขียน:
อยากถามพี่ๆหน่อยนะครับ
เนื่องจากว่าผมได้รับเงินปันผลมาให้รูปของเช็คนะครับ
เราจะต้องนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารเอง
อยากถามว่าพี่ๆมีวิธีการรับเงินปันผล แบบว่าเค้านำมาเข้าบัญชีเราเลย
มีหรือเปล่าครับ เพราะว่ามีได้เงินปันผลไม่มากเท่าำไร มันค่อยคุ้มนะครับ
ที่จะต้องเดินทางไปธนาคาร
เผอิญผมอยู่ที่ต่างจังหวัดนะครับ
คุณศิริศิลป์ครับ
ติดต่อโบรกหรือศุนย์รับฝากหลักทรัพย์ได้เลยครับ
มีบริการโอนเงินปันผลเข้าบัญชีแน่นอน
ส่วนของผมเคยถามเพื่่อนที่เป็นโบรกเกอร์ เขาบอกไม่มี
แต่ผมไปอ่านเจอในประกาศของศูนย์รับฝากรับทรัพย์
ปรากฏว่ามีบริหารโอนเงินปันผลเข้าบัญชีแน่นอน
แต่ตอนนี้ ผมตัดสินใจรับเป็นเช็คเหมือนเดิมครับ
เพื่อผลทางจิตวิทยามากกว่า
เพราะบางทีก็ไม่ค่อยสะดวกเข้าเช็คเข้าหมือนกัน
แต่ก็ทำให้เรารู้สึกดี เวลาได้ปันผลมากกว่าการโอนเงินแน่นอนครับ
ได้อย่างเสียอย่างครับ
Sixsense เขียน:
คือ ผมเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ นะครับ ตอนนี้ผมก็กำลังลองผิดลองถูกอยู่เหมือนกันครับ ก่อนนั้นคิดว่า การเอากำไรจากราคาหุ้น ที่ซื้อถูกแล้วนำมาขายแพง โดยการเอากำไรไม่เยอะ เป็นวิธีการสร้างรายได้อย่างหนึ่ง ระยะแรกนั้น ผมสามารถทำรายได้ ได้ดีเลยครับ โดยการไม่โลภมาก นิดหน่อยกำไร ผมก็ขายครับ ผมคิดว่า การกำไรดีกว่าขาดทุน เป็นการ รักษาควาเสี่ยงไว้ให้มากที่สุด แต่ปรากฎว่า ผมมีความรู้สึก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ระยะหลังผมทำกำไรไม่ได้เลย เงินทุนได้กำไรหมดครับ ไม่รู้จะทำยังไงดี แต่ผมไม่ยอมแพ้ครับ พยายามที่จะค้นหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผม คือผมเป็นโปรแกรมเมอร์ อ่ะครับ แต่นึกไงไม่รู้ ลาออกจากงานมานั่งเล่นหุ้น เหอๆ ผมบอกตรงๆ นะครับ ว่าการหามูลค่าของหุ้น นั้นผมยังไม่ทราบเลย แมงเม่าดีๆ นี่เอง

การวิเคราะห์ บริษัท ผมคิดว่าผมพอจะวิเคราะห์ออกครับ เพราะผมจบศิลปศาตร์ (แต่ไปทำโปรแกรมเมอร์ กำ) ภาษาอังกฤษ พอทราบครับ แต่รู้แค่ว่ามันหมายถึงอะไรอ่ะครับ (ผมนี่น่าสงสารจริงๆเล้ย)

ผมคิดว่าผลของการกระทำในอดีต มีผลถึงปัจจุบัน คือ อดีต เค้าเคยทำกำไรมาเท่าไหร่ ปัจจุบันยังทำได้อยู่ คือการประกอบการไม่ขาดทุน เป็นหุ้นที่น่าลงทุน แต่ ผมไม่รู้ว่าจะซื้อได้ในราคาเท่าไหร่ ถึงจะเรียกว่า ถือได้คุ้ม ซื้อได้ถูก

*** ผมอยากจะทราบว่าการวิเคราะห์มูลค่าหุ้นนั้น เค้าทำกันอย่างไรครับ ใช้อะไรคำนวน และผลของการคำนวน เราควรจะซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า สักกี่เปอร์เซ็นต์ครับ ช่วยผมหน่อยครับ ผมใหม่จริงๆ ****


ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับพี่ๆ มากนะครับ
ยินดีต้อนรับครับ
การลงทุนไม่เหมือนการพนันนะครับ
ขอเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง

วันหนึ่งอาจารย์บัฟเฟต์ไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อน
พอดีเพื่อนๆอยากลองแหย่อาจารย์เล่น
ก็เลยบอกกับอาจารย์ว่า
เอางี้มั๊ย เรามาพนันกัน
ถ้าบัฟเฟต์ทำ Hole in One ได้วันนี้
เพื่อนๆจะจ่ายเงินให้คนละหนึ่งหมื่นเหรียญ
รวมๆแล้วก็ประมาณ 4 หมื่นเหรียญ หรือ 1ล้าน6แสนบาท
แต่ถ้าบัฟเฟต์ทำไม่ได้ จ่ายมาแค่ 20 เหรียญ หรือ 800 บาท
อาจารย์บัฟเฟตยืนคิดอยู่แป๊ปนึง แล้วบอกกับเพื่อนๆว่า
ไม่ล่ะ ขอบคุณ
เพื่อนๆก็งง ถามว่า "ทำไมล่ะ นั่นคิดเป็นผลตอบแทนมากกว่าล้านเปอร์เซนต์เชียวนะ"
บัฟเฟตตอบว่า "ใช่ มันเป็นผลตอบแทนที่สูงมาก
แต่การที่จะเสียเงิน 800 บาทมันมากกว่าที่จะได้เงินล้านมาก
มากกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ ผมจะไม่ทำอะไรที่ผมคิดว่ามันมีโอกาสน้อย"

ถามว่า อาจารย์บัฟเฟตรวยจากการลงทุนในหุ้นใช่มั๊ยครับ
แต่กลับไม่ชอบเล่นการพนัน
ผมเดาว่า ถ้าเป็นพวกเราบางคนได้ข้อเสนอแบบนี้
รับประกันว่า ตกปากรับท้าแน่นอน จริงมั๊ยครับ
ไม่ทราบว่า ถ้าคุณSixsense มีเพื่อนมายื่นข้อเสนอแบบนี้จะยอมพนันด้วยหรือเปล่า อิ อิ
ก็เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า
เราไม่ต้องเป็นนักพนัน
ก็สามารถลงทุนในหุ้นได้ครับ

แล้วที่เราซื้อขายหุ้นอยู่ทกวันนี้เป็น"พนัน"หรือ"ลงทุน"ครับ
ถ้าตอบไม่ได้ "้เป็นเรื่อง"แน่นอนครับ
มีผู้รู้กล่าวเอาไว้ว่า
"ข้อผิดพลาดของคนที่ซื้อขายหุ้นข้อหนึ่งก็คือ
เราคิดว่าเรากำลังลงทุนขณะที่เรากำลังเก็งกำไร"

ข้อผิดพลาดของนักเก็งกำไรก็คือคิดว่าตัวเองเป็นนักลงทุน
เข้าใจมั๊ยครับ
หลักการหรือกฏข้อที่หนึ่งของนักเก็งกำไรก็คือ
"กล้าได้ก็ต้องกล้าเสีย"
ดังนั้น คิดจะเอากำไรก็ต้อง Cutloss เป็น
แต่นักเก็งกำไรที่คิดว่าตัวเองเป็นนักลงทุนจะ Cutloss ไม่เป็น
ก็เลย"ติดดอย"กันเป็นประจำจนชินตา
ไม่ทราบวา คุณSixsense เคยพบเห็นคนเหล่านี้บ้างหรือเปล่าครับ
ส่วนผมเห็นเป็นประจำจนเป็นเรื่องปกติครับ

ดังนั้นคำตอบแรกที่เราจะต้องตอบให้ได้ก็คือ
"เราเป็นอะไร"
ถ้าตอบไม่ได้ก็อย่าเพิ่งเข้าตลาดครับ
โอกาสขาดทุนสูงมาก
ถ้าจะเป็น"นักเก็งกำไร"ก็ต้องเข้าใจหลักการของการเก็งกำไร
ถ้าจะเป็น"นักลงทุน"ก็ต้องเข้าใจในหลักการลงทุน
ซึ่งผมคิดว่า
กระทู้นี้รวมรวม"หลักการของการลงทุน"ไว้มากพอสมควรแล้ว
ถามว่า คุณSixsense อ่านทุกหน้าหรือยังครับ
ในหน้าต้นๆจะมีการพูดถึงการหามูลค่าหุ้นที่แท้จริงไว้
ลองไปอ่านดูนะครับ
ผมแนะนำหนังสือไว้ด้วย ซื้อมาอ่านดู
ถ้าอ่านกระทู้หรือหนังสือแล้ว ไม่เข้าใจก็ถามไถ่มาอีกทีนะครับ
พวกผมยินดีตอบเต็มที่ครับ
ผมไม่อยากฉายหนังซ้ำนะครับ
ลองอ่านดูก่อน

ถึงตอนนี้ก็ขอให้คุณSixsense ประสบความสำเร็จในการลงทุนไวๆครับ
อ้อ เรื่องลาออกมา"เล่น"หุ้น
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่
เพราะผมก็ทำงานประจำ
แล้วเอาเงินเก็บมาลงทุน
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ช่วยให้เราไม่ต้องตามราคา และมีเวลาเอาไปทำอย่างอื่นได้ครับ
บางท่านก็ทำงานประจำ บางท่านก็ทำธุรกิจส่วนตัว บางท่านก็เลี้ยงลูกเป็นอาชีพ(เช่น พี่Chatchai แซวเล่นนะครับ)
สักวันที่ผลตอบแทนของการลงทุนมากกว่ารายจ่าย เราก็ลาออกจากงานได้ครับ
ก็มีบางท่านที่ผมรู้จักลาออกมาเล่นหุ้นเหมือนกัน
แต่ส่วนใหญ่จะเล่นแบบเก็งกำไรติดตามราคาตลาดทุกวินาที
และที่สำคัญ พวกเขาปฎิบัติตามหลักการ"เก็งกำไร"อย่างเคร่งครัดครับ
ถึงสามารถอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
ส่วนพวกที่ลาออกมาเล่นหุ้นแต่ไม่มีหลักการอะไรเลย
ที่ผมเห็น คนเหล่านี้ี้ก็ต้องหางานประจำทำแล้วครับ เพราะขาดทุนหมด
ผมเห็นคนหมดกับตลาดหุ้นหลายสิบล้านหลายคนครับ
ต้องขายรถ ขายบ้าน แล้วสาบส่งตลาดหุ้นไป
ผมไม่อยากให้คนที่อ่านกระทู้นี้ ตกอยู่ในสภาพแบบที่ผมเคยเห็น
มันไม่่ใช่เรื่องสนุกเลยนะครับ ที่เห็นคนแทบจะล้มละลายเพราะ"เล่น"หุ้น

ว่าแต่ว่่า คุณMon Money หายไปไหนนะ ไม่เข้ามาในกระทู้นี้เลย
คิดถึงครับ
ตอนนี้พี่เจ๋งไปเที่ยวอเมริกา อิจฉาจัง เวปคงเหงาไปเยอะ
ไว้กลับมาก็คงมีคนมาตอบปัญหาพี่ๆน้องๆในกระทู้อื่นๆ
ขอบคุณพี่ CK ด้วยนะครับที่ช่วยตอบปัญหาน้องๆในกระทู้นี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หลังเที่ยงคืนก็ตอบอยู่เลย ยอดเยี่ยมจริงๆ ขอบอก
คุณธันวา พี่ปรัชญา ว่างๆก็มาแจมกระทู้นี้กันบ้างนะครับ มุขผมเริ่มหมดแล้วนะครับ ต้องขอแรงมาช่วยกันแล้วล่ะครับ

เอาล่ะครับวันนี้สวัสดีทุกท่านครับ

.....

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 16, 2003 11:47 am
โดย Sixsense
ขอบคุณมากครับ ผมยังต้องค้นหาตัวเองอีกพักนึงครับ พี่ๆ แต่พอจะรู้ละครับ ว่าสิ่งไหนเหมาะสำหรับผม เรื่องงานมีคนมาเกริ่นกับผมไว้แล้วครับ ตอนช่วงปีใหม่ ผมว่าผมคงไม่เหมาะกับการเกร็งกำไรแน่ๆครับ พี่ๆ ยังไงประสบการณ์ผมคงสู้พวกขาใหญ่ไม่ได้แน่ๆ หรือกว่าจะมีคงทุ่มไปหลาย หรือหมดเงินทุนไปเลยค่อยถึงบางอ้อ จริงๆแล้วผมก้อเน้นความปลอดภัยเป็นหลักอยู่แล้วครับ ไม่ชอบเรื่องความเสี่ยงเอาเลย

มีอยู่ช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน ผมได้กำไรหุ้นเอาๆ อย่าง Shin Sc ผมเข้าออกหลายรอบมาก แต่มาคิดๆดูแล้ว หมดเงินไปกับโบรก เสียเป็นส่วนมาก ถึงแม้ว่าเล่นทางเน็ท จะเสียค่าโบรกแค่ 0.21 แต่พอมาคำนวนดูแล้วไม่ใช่ย่อยครับ

ผมยังเป็นโสด และยังไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่อง ผลประโยชน์ทางการเงินอย่างไร ให้มันงอกเงย ซึ่งเอาไว้ใช้ในยามชรา หรือถ้าผมแต่งงานไป อาจจะต้องมีเงินสำรองไว้ใช้ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายครอบครัว

ผมลองศึกษาตั้งแต่หน้าแรกแล้วครับ แต่เนื่องจาก ศัพท์บางตัวเป็นศัพท์ทางเทคนิค จึงต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจไปอ่ะครับ เสียดายที่ตอนนั้นผมไม่เลือกเรียน คณะบริหาร อิๆ

ยังไงผมจะไม่ยอมแพ้ครับ
นักเรียนทุนผมก้อเคยเป็น
เกรียรตินิยมก้อเคยได้
แล้วเป็นเซียนหุ้นผมจะทำไม่ได้ให้มันรู้ไป
(ปลอบใจตัวเอง เข้าไว้ๆ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
Thank So Much ^^

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 16, 2003 5:38 pm
โดย VIB007
ขอเรียกน้องSixsenseแล้วกันนะครับ

ขอบอกหน่อยแล้วกันครับว่า
"นักเรียนทุน" พี่ก็ไม่เคยเป็น
"เกียรตินิยม" ก็ไม่เคยได้
อาศัยอ่าน ศึกษา และทดลองทำเอาเองทั้งนั้นหละครับ
จะไปเรียนในมหาลัยก็ไม่มีสอนเรื่อง VI
ดูๆไปแล้ว น้องมีภาษีมากกว่าพวกพี่ๆซะอีก
พี่รับประกันว่า
ถ้าใจเย็นๆ ศึกษา และค่อยๆทดลองไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องรีบร้อน
รับประกัน"นักลงทุนมืออาชีพ"อยู่ไม่ไกลครับ
แถมไม่ต้องออกจากงานมานั่งเฝ้าหุ้นอีกต่างหาก
เรียกว่ามีรายได้ทั้งสองทาง
เวลาผ่านไป "รวย"แน่นอน
แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเข้าใจในหลักการลงทุน
แยกให้ออกว่า อะไรคือการลงทุน อะไรคือการเก็งกำไร
อย่าใจร้อน เอื้ออาทรเพื่อนร่วมทาง
โอกาสในการลงทุุนมีอยู่ตลอดเวลา

หนังสือภาษาไทยเรื่่อง VI มีน้อย
ถ้าให้ดีต้องอ่านภาษาอังกฤษ
มีหนังสือดีๆเยอะมาก หาซื้อได้ในเมืองไทยด้วย
ตาม Asia Book หรืือ Kinokuniya
เทคนิคการซื้อ คือ ถ้าเห็นให้ซื้อมาเลย
เอามาอ่านทีหลังก็ได้
ที่ต้องรีบซื้อ เพราะหมดเร็วมาก
ผมเคยจะกลับมาซื้อ มาดูอีกทีหมดแล้ว
เลยต้องซื้อที่ Amazon.com อาจจะแพงกว่านิดหน่อย
เพราะมีค่าส่ง ใช้เวลาประมาณสองอาทิตย์
แต่ก็สะดวกดี ไม่ต้องตระเวณหาตามร้านหนังสือในกรุงเทพ

ส่วนเรื่องการบริหารเงินส่วนตัวนั้น
เห็นด้วยอย่างมากครับ
"เวลา"เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ อย่าให้มันผ่านไปเปล่าๆ
หางานทำ เก็บเงิน เอามาลงทุน
ยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดีครับ
ผมแนะนำหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก" ของคิโยซากีครับ
เราจะเข้าใจว่า
สิ่งที่คนอื่นๆเรียกว่า"ทรัพย์สิน" เช่น บ้าน รถยนต์ เครื่องประดับ นาฬิกา นั้น
จริงๆแล้วมันคือ"หนี้สิน" ต่างหาก
การที่เราไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้
ทำให้เราไม่สามารถหยุดทำงานได้ ต้องทนทำงานจนเกษียณ
เรียกว่า ไม่มีอิสรภาพทางการเงิน
คิโยซากิบอกว่า
"คนจนทำงานเพื่อเงิน คนรวยใช้เงินทำงาน"
ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจในตอนแรกๆ
แต่ตอนนี้เข้าใจชัดเจนครับ
ลองมองไปรอบๆแล้วจะเข้าใจมากขึ้น
เพื่อนๆผมก็ยังต้องทำงานเพื่อนำเงินมาจ่ายหนี้สินที่มีอยู่โดยคิดว่านั่นคือทรัพย์สิน
พวกเขาชอบเอาของใหม่ๆมาโชว์ให้ผมดูอยู่เสมอ
เช่น มือถือเครื่องใหม่ถ่ายรูปได้ รถยนต์คันใหม่รุ่นใหมล่าสุด นาฬิกาเรือนแสน ฯลฯ
ผมก็เฉยๆ แถมยินดีกับเขาด้วย

แต่ถ้าผมเป็นพวกเขา ผมจะเอาเงินเหล่านั้นไปลงทุนให้งอกเงยครับ
สมมุติรถยนต์คันละห้าแสน
เวลาผ่านไปห้าปี ขายได้คันละสองแสนบาท เงินหายไปสามแสนบาท
หรือมูลค่าของรถยนต์หายไป 60%
แต่ถ้าเอาเงินจำนวนเดียวกันไปลงทุน
สมมุติได้ผลตอบแทนปีละ 15% ทบต้น
เวลาผ่านไปห้าปี เงินห้าแสนจะกลายเป็น หนึ่งล้านบาท
มูลค่าเงินเพิ่มขึ้น 100%
ใครคิดว่า รถยนต์เป็นทรัพย์สิน ก็แสดงว่าไม่เข้าใจความคิดของคิโยซากิครับ

ผมเคยอ่านหนังสือของ John Berry
เพือนซี้ของคิโยซากิ
เขาเคยบอกเอาไว้ว่า
ระดับของนักลงทุนมีอยู่ 7 ระดับครับ

ระดับที่หนึ่ง เรียกว่า Non-existing
คนเหล่านี้เรียกว่า ไม่มีเงินเก็บ
หาเงินมาได้เท่าไหร่ เอาไปใช้หมด
ชอบกิน เที่ยว ชอบซื้อของหมด
มีใครที่รู้จักอยู่ในระดับนี้บ้างเปล่า

ระดับที่สอง เรียกว่า ฺBorrower
คนระดับนี้ แย่กว่าระดับที่หนึ่งอีกครับ
นอกจากไม่เงินเก็บแล้ว ยังกู้หนี้ยืมสินเอามาใช้จ่าย
เรียกว่า ติดอยู่ในวังวนของหนี้
ไม่ว่าจะเป็นหนี้นอกระบบ หนี้เครดิตการ์ด หนี้สาระพัดหนี้
ยิ่งมีรายได้มาก ยิ่งเป็นหนี้ได้ง่ายครับ
เคยเห็น เคยรู้จักคนระดับนี้บ้างมั๊ยครับ

ระดับที่สาม เรียกว่า Saver
คนระดับนี้จะเก็บเงินเป็นเงินฝากในแบงค์ครับ
เป้าหมายในการเก็บเงินก็คือ
นำเงินมาซื้อของครับ
พอเก็บเงินได้สักพัก อันนี้ก็น่าซื้อ อันนี้ก็น่าใช้
อดใจไม่ไหวก็ไปถอนเงินมาซื้อ

ระดับที่สี่เรียกว่า Passive Investor
หรือเรียกกันว่า "แมงเม่า"ครับ
ส่วนใหญ่จะเป็นพวกชอบตามแห่
เขาทำอะไรก็ทำตาม สุดท้ายก็ขาดทุน
หรืออีกทีีก็เรียกว่า พวก"เป็นไปไม่ได้" ครับ
เช่น ชอบบอกว่าลงทุนแบบถือยาวๆเหรอ....ทำไม่ได้หรอก
ลงทุนแบบ VI เหรอ....เป็นไปไม่ได้หรอก
ถ้าเจอพวกนี้ ผมขอแนะนำให้อยู่ห่างๆ

ระดับที่ห้าี่เรียกว่า Automatic Investor
เป็นจุดเริ่มต้นของนักลงทุนครับ
โดยการเก็บเงินทุกเดือนๆแล้วนำไปให้มืออาชีพบริหาร
โดยการลงทุนในกองทุนต่างๆ
ผลตอบแทนต่อปีก็ประมาณ 5-20%

ระดับที่หกเรียกว่า Active Investor
เป็นการก้าวขึ้นมาอีกระดับของการลงทุนครับ
อาจจะเป็นการลงทุนในหุ้น อสังหา หรือ อื่นๆ
โดยลงทุนแบบมีหลักการและความรู้ และยึดมั่นในหลักการของตัวเอง
ผลตอบแทนต่อปีก็ประมาณ 20-100%

ระดับที่เจ็ดเรียกว่า Capitalist
สุดยอดของนักลงทุนครับ
เป็นผู้ที่สร้างความเจริญให้กับมนษย์ชาติ
เป็นเจ้าของธุรกิจระดับโลก
เช่น Bill Gate หรือ John D Rockfeller

John Berry บอกไว้ว่า
สำหรับคนทั่วไป ระดับห้าและระดับหก เป็นระดับที่ควรจะต้องไปถึง
ถึงจะมีอิสรภาพทางการเงินได้
ดังนั้นใครจะเป็นระดับไหนก็ว่ากันไปครับ

ส่วนน้องSixsense ผมก็จะแนะนำให้หางานทำ
แล้วเก็บเงิน 50%ของเงินเดือน
นำเงินเก็บไป"ลงทุน" อาจจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือ อสังหาริมทรัพย์ก็ได
แล้วแต่ว่าเรามีความรู้เรื่องอะไร
เวลาผ่านไป รับประกันว่าน้องมีอิสรภาพทางการเงินได้แน่นอน

ก็ขอให้โชคดีในการทำงานและการลงทุนครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 16, 2003 9:50 pm
โดย Mon money
มาแล้วครับคุณวิบูลย์ ตอนนี้เล่นก้นบุหรี่เสียจนมะเร็งจะเล่นงานเอา

วิธีการของผมคือ ถ้าหากยังหาบริษัทดีๆให้ลงยาวๆไม่ได้ผมจะเที่ยวได้เก็บก้นบุหรี่สูบไปพลางๆก่อน ชีวิตจะได้มีสีสันสมจริง

Styleน้าLychก็ไม่ยากนะครับ ดูรอบของอุตสาหกรรมให้ดีๆ อย่างตอนนี้ Petrochemicalครับ สังเกตุที่งบดุลหนี้สินควรจะน้อย D/E ควรไม่เกิน1:1 เงินสดต้องมีมากสักหน่อย กำไรต้องเติบโตให้เห็นเด่นชัด ที่สำคัญ FCFจะต้องเป็นบวก Storyมากๆออกกันได้ทุกวัน หรือวันเว้นวัน ผมเห็นวิ่งกันฝุ่นตลบ รอบนี้คงได้สักสองปีมังครับ

ที่กำลังมองๆอยู่ต่อไปต้องจำพวกก่อสร้าง แต่หาไอ้ที่ผ่านเกณฑ์ให้ถืออย่างสบายใจไม่ค่อยมี เลยมองๆก่อน

กลุ่มพลังงานก็น่าสนใจนะครับ มองๆหากันให้ดี

ระหว่างนี้ผมทำการบ้านเอาไว้รอโอกาสงาม สงสัยกว่าจะเกิดอีกคงหลายปี สมาชิกรุ่นใหม่ๆไม่ต้องใจร้อนศึกษาเรียนรู้รอเวลาได้ครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 16, 2003 10:21 pm
โดย thanwa
คุณวิบูลย์นี่ ความรู้+มุข เยอะจริงๆ
ผมคอยตามอ่านหาความรู้กะให้กำลังอย่างเดียวครับ

หมายเหตุ ชอบความตั้งใจของคุณ sixsense ครับ
สะกดรอยตามคุณวิบูลย์ไปรับรองประสบผลสำเร็จในการลงทุนแน่ๆ :wink:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 17, 2003 4:13 pm
โดย VIB007
สวัสดีครับคุณมน คุณธันวา
เห็นหายไปนานเลยคิดถึง
ตอนนี้หาหุ้นถือยาวๆยากมากเลย
ไม่รู้ผู้คนแห่มากจากไหน
มาหาซื้อของกันเหมือนชาตินี้จะไม่ได้ซื้อหุ้นกันแล้ว
เรียกว่า กลัวตกรถไฟ ต้องรีบขึ้นกันใหญ่
ต่างคนต่างคิดว่า ขบวนนี้จะไปสวรรค์กัน
แต่ผมดูๆแล้ว ไม่มีป้ายติดหน้าขบวนบอกว่าจะไปที่ไหนนะครับ
ผมชอบคำพูดของนักปราชญ์โบราณท่านนึง ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครที่บอกไว้ว่า
"Everything is illusion"
ทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน เราฝันว่าตลาดจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ความจริงคืออะไร ไม่มีใครทราบได้ครับ
เวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์

เรื่องก้นบุหรี่
ตอนนี้ผมก็เก็บขึ้นมาเหมือนกัน เอาไว้ในกระเป๋า
ยังไม่ได้สูบครับ
มีบางอุตสาหกรรม ดูแล้วเป็นCyclical แน่่อน
แต่อดใจไว้ไม่ได้ก็เลยเก็บกับเขาไว้มั่ง
ดูแล้ววิ่งเป็นรถแข่งเลยครับ
ตอนนี้ก็มีกำไรหลายอยู่
แต่ยังไม่ขายเอาเก็บไว้สักปีสองปีค่อยจัดการ

ไม่รู้ว่าพี่ๆเพื่อนๆอ่านบทความของท่าน ดร.นิเวศน์ เมื่อวานนี้กันหรือยังครับ
http://www.thaivalueinvestor.com/investorguide46.html
ผมว่าดีมากเลยนะครับ
ทำให้เห็นภาพการลงทุนได้ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว
ท่าน ดร.แบ่ง"วิธีการ"ซื้อหุ้นแนวคุณค่าไว้ดังนี้
1) หุ้นก้นบุหรี่ แบบที่พวกเรากำลังทำกันอยู่
ด้อมๆมองๆหาก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้ง เก็บมาสูบสักปื้ด แล้วโยนทิ้งไป หาตัวใหม่
วิธีการนี้ใช้ได้ดี ทุกที่ทุกเวลาครับ
ว่าแต่ว่า ผมขออนุญาติเอ่ยชื่อสมาชิก TVI ที่คุ้นเคยกันดีเพื่อจัดว่า
ใครจัดอยู่ในประเภทไหน ขออนุญาติล่วงเกินท่านทั้งหลายด้วยนะครับ

ผมว่าสุดยอดเซียนเก็บก้นบุหรี่ก็คือ คุณพี่Chatchai คุณMon Money
รวมทั้งเฮียคลายเครียดและพี่ปรัชญาที่ผมเคารพรักทั้งสอง ก็รวมอยู่ในเซียนประเภทนี้ด้วย

2) หุ้นห่านทองคำ เก็บไว้กินปันผล ผมว่าดีกว่าซื้อพันธบัตรหรือฝากแบงค์นะครับ
เพราะนอกจากจะได้ปันผลแล้ว ยังมี Capital Gain เป็นของแถม
ขณะที่พันธบัตรไม่มีCapital Gain และดอกเบี้ยแบงค์ก็ต่ำติดดิน
สุดยอดเซียนหุ้นห่านทองคำที่ผมเห็น นอกจากคุณเทพ ผู้เขียนหนังสือ"หุ้นห่านทองคำ"แล้ว
ก็ยังมี ลุงขวด และพี่ครรชิต ไพศาล ที่เป็นปูชนียบุคคลแห่ง TVI รวมอยู่ด้วยครับ
ส่วนตัวผมเคารพรักท่านทั้งสองมากเลยนะครับ ถึงแม้ว่าท่านทั้งสองจะไม่ได้เข้ามาในกระทู้นี้ก็ตาม

3)หุ้นช้อนทองคำ สำหรับคนใจกล้า เป็นพวกชาวสวน ไม่ใช่ชาวไร่
ต้องมั่นใจในตัวเองสุดๆ ใครขายข้าซื้อ พอได้ทีใครซื้อ ข้าขายให้
ผมว่าสุดยอดชาวสวนก็ต้อง พี่เจ๋ง และพี่CK ครับ
ไม่ว่าชาวบ้านจะเทขายอย่างไร ทั้งสองท่านก็ี้พร้อมและกล้าสวนท่านเสมอ
มีข้อแม้ว่าถ้าหุ้นที่ท่านทั้งสองคิดว่า"เจ๋ง"จริงๆเท่านั้นนะ

4)หุ้นSuperStock เป็นสุดยอดของหุ้น
ซื้อแล้วเอามือซุกกระเป๋า เรื่องอื่นตัวหุ้นจัดการด้วยตัวของมันเองได้
คู่แข่งไม่มีทางสู้ได้ บริษัทก็เติบโตไปเรื่อยๆอย่างมั่นคง
ซื้อแล้วจะไปตีกอล์ฟ ไปปีนเขา หรือไปเที่ยวทะเล ก็ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล
ซื้อแล้วไม่ได้ดูราคาหุ้นไปสามปี กลับมาลมใส่แน่นอน เพราะหุ้นแบบนี้กู่ไม่ค่อยกลับครับ
ผมว่านอกจาก Warren Buffet และท่าน ดร.นิเวศน์ แล้ว
ผมว่่าใน TVI เรายังมี คุณธันวา และคุณลูกอีสาน ที่มีความอดทนเป็นเลิศในการรอคอย
คอยราคาหุ้นลงมาให้ซื้อ รวมทั้งอดทนรอให้มูลค่าหุ้นเติบโตตามผลประกอบการบริษัท
ผมมั่นใจว่า สองท่านนี้ประสบความสำเร็จกับหุ้นSuperStockแน่นอนครับ

สำหรับท่านอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยนาม ไม่ต้องน้อยใจนะครับ
ผมว่ามีหลายๆท่านเป็นเซียนหุ้นVI อย่างแน่แท้ เพียงแต่ผมไม่ได้ติดตามผลงานเท่านั้นเอง
ท่านส่วนใหญ่ที่ผมรู้จักก็เพราะกระทู้นี้ทั้งนั้นหละครับ

สำหรับผม
หุ้นก้นบุหรี่ ก็กำลังเริ่มเก็บ เพิ่งริอ่านสูบบุหรี่
หุ้นห่านทองคำ ก็มี เก็บไว้กินไข่ แต่ราคาไม่ค่อยไปไหน
หุ้นช้อนทองคำ ก็เคยช้อนกับเขาเหมือนกัน แต่ไม่บ่อยเพราะใจไม่ค่อยถึง
หุ้นซุปเปอร์ คิดว่ามีกับเขาเหมือนกันนะครับ กะเก็บไว้สักสามสิบปี มีคุณธันวาเก็บเป็นเพื่อน

ว่าแต่ว่า แล้วพี่ๆเพื่อนๆละครับ ชอบหุ้นแบบไหนมากกว่ากัน เพราะอะไร????

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 17, 2003 6:59 pm
โดย Mon money
คุณวิบูลย์จัดผมเป็นกลุ่มขี้ยาร่วมกับคุณฉัตรชัยหรือครับ ไม่รู้แกชอบสูบบุหรี่หรือเปล่านะ?

ความจริงผมมีเกียบทุกรูปแบบครับ(ในสายตาผมคนเดียวนะครับ)

ในยามก้นบุหรี่มากมาย ก็ไม่ต้องซื้อสูบ

ในยามเจอของดีมีมูลค่าก็เอาเก็บซ่อนเลย

มีปันผลงามเอาไว้เป็นค่าเทอมลูก

สรุปว่ามีครบ แล้วแต่สถานการณ์ครับ มีเวลาผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 17, 2003 7:55 pm
โดย chatchai
เคยสบสมัยเรียนวิศวะนะครับ พอแต่งงานแล้วแฟนให้เลิก ก็เลยเลิกครับ เลิกมา 7-8 ปีแล้วมั๊งครับ

ขอบใจน้อง VIB007 นะที่ยกให้พี่เป็นเซียนก้นบหรี่

บังเอิญพี่ถนัดดงบเป็นหลักนะครับ แถมมีลกแล้วถึง 2 คน ชีวิตเลยต้องการความมั่นคงมากกว่าความร่ำรวยนะครับ รวยช้าไม่ว่าแต่เงินต้นอย่าหายเป็นสำคัญ เหมือนหลักการลงทน 2 ข้อ ของอาจารย์ Buffett นะครับ

ช่วงนี้พอดีซื้อหนังสือจาก www.amazon.com มาเล่มหนึ่ง ชื่อหนังสือ Investment Valuation ของ Damodaran นะครับ

มีใครเคยอ่านบ้างไหมครับ ผมเพิ่งอ่านผ่านๆ ผมว่าเนื้อหาการหามลค่ากิจการก็ครบถ้วนดีนะครับ เพื่อนๆลองดครับ