หน้า 3 จากทั้งหมด 5

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 1:19 am
โดย Jeng
อืม อีกเรื่องนะ ตอน สหโคเจนเข้าตลาด ipo ที่เราซื้อกันก็ไม่ใช่การเพิ่มทุนใหม่ทั้งหมด แต่มีส่วนที่เป็นเจ้าของหุ้นเดิม ร่วมขายด้วย

แต่ทำไม่มีประเด็นให้ใครบางคนในเว็บคิดถึง

ตลาดเองเขาก็มีกฎเกณ การทำตามกฎเกณ ก็ต้องถือว่าจบตามหลักการ ถ้าผิดก็ต้องไปแก้ที่หลักการ อย่ามาตำหนิที่ตัวบุคคล

ถ้ามาตำหนิ ประเด็นนี้ ก็ต้องตำหนิ สหโคเจนด้วย

แต่ก็ไม่เห็นมีใครตำหนิ

หรือว่า ซื้อ ipo สหโคเจ แล้วไม่ขาดทุนก็เลยไม่ตำหนิ

หรือว่า การตำหนิเพราะว่าเราขาดทุน

แต่เวลาพูด ก็ได้แต่เพียงพูดว่า จริงๆแล้ว เราไม่ได้พูดเพราะเราขาดทุนนะ

แต่ถามจริงๆคือ คุณขาดทุนแล้วรู้สึกไม่ดีใช่หรือไม่

ใครจะรู้คำตอบหละ

ผมเอง บอกได้คำเดียวแต่ไม่ต้องเชื่อ

ผมไม่เคยสนใจ tnx เลย

แต่ตอนนี้ผมเริ่มสนใจบ้างแล้วหละ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 1:23 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

กรณี Thai copper เป็นการเพิ่มทุนดูได้จากงบการเงินในหมายเหตุประกอบงบข้อที่บอกเงินลงทุนในบ.อื่น 
กรณีผมกำลังหาอยู่ยังหาไม่เจอ ก็เลยยังสรุปไม่ได้ว่าผิดตรงไหน

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 1:26 am
โดย Jeng
ถ้า คุณป. ไม่มีธรรมาภิบาลจริงๆ

ไตรมาส 2 ก็แต่งบัญชีให้ติดลบมากๆ เพราะคนส่วนใหญ่ก็ต้องคล้อยตาม เพราะเหล็กแพง ยอดขายตก หรือยอดขายเพิ่ม แต่ค่าการจัดการสูงขึ้น แต่งง่ายครับ

สุดท้าย เมื่อเห็นงบการเงินออกมาแย่ในวันที่ 15 สิงหาคม

ตลาดก็จะสะท้อน ให้หุ้นลงกว่า 1 บาท

อันนี้มองแบบสมมุติในแง่ร้ายนะ ซึ่งบางคนเมื่อฝังใจไปแล้วก็ต้องบอกว่า ชัวร์

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 1:26 am
โดย moo
อ่านไปอ่านมา กลายเป็นเรื่องน่าสนใจแล้วซิครับ อิ อิ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 1:27 am
โดย Jeng
คือมันน่าศึกษาครับ เพราะเราอยู่เมืองไทย คำว่า ธรรมาภิบาล คนที่ดูดี ดีจริงหรือ คนที่ดูร้าย ร้ายจริงหรือ

เวลาครับ ถ้าเราช่วยกันศึกษาเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ คุณ moo

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 1:34 am
โดย Ole
ขอบคุณคุณ Ole ที่เตือนครับ จะไปเอา top posters ออกแล้ว
4. การที่เว็บเติบโตมีตัวมีตนขึ้นมาได้ ย่อมต้องมีบางอย่างถูกต้องเหมาะสม การแก้ไขอะไร ที่จะไปกระทบระบบเดิม โดยมีการเสนอแนะ ของคนบบางคน ck อาจจะด่วนตัดสินใจเกินไป โปรดระวัง
ขอย้ำอีกครั้งตรงนี้ว่าผมไม่เคยเสนอแนะให้ลบคำว่า Top Posters เลยครับ เป็นการตัดสินใจของผู้ดูแลเวปเอง และไม่คิดว่ามีประโยชน์ในการลบออกดังความเห็นที่ได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วครับ

ฝากให้พี่ Jeng ครับ
http://capital.sec.or.th/webapp/webnews ... 2005-02-18
ข่าว ก.ล.ต.



ฉบับที่ 23/2548

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2548



ก.ล.ต. สั่ง ไทยน๊อคซ์ ชี้แจงกรณีไม่เปิดเผยข้อมูลโครงการผลิตเหล็กรีดร้อนมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท ในหนังสือชี้ชวน


ตามที่บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ไทยน๊อคซ์ ได้แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าจะเพิ่มทุนอีก 2 พันล้านหุ้น และออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้น (วอร์แรนท์) อีก 2 พันล้านหน่วย เพื่อระดมเงินไปลงทุนในโครงการผลิตเหล็กรีดร้อน มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท พร้อมอนุมัติซื้อที่ดิน 240 ไร่ มูลค่า 349 ล้านบาท จากบริษัท แอ็คมี่ แค็มพ จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดยกลุ่มมหากิจศิริ (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ไทยน๊อคซ์) เพื่อก่อสร้างโรงงานตามโครงการดังกล่าวนั้น

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวถึงการดำเนินงานในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ ก.ล.ต. ได้สั่งให้บริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินชี้แจงถึงสาเหตุที่ไทยน๊อคซ์ไม่ได้เปิดเผยแผนการลงทุน ในโครงการผลิตเหล็กรีดร้อนในแบบไฟลิ่งและหนังสือชี้ชวน ที่เพิ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 ทั้งที่โครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1 หมื่น 4 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบเท่าตัวของสินทรัพย์ในปัจจุบันของบริษัทที่มีอยู่ประมาณ 1 หมื่น 7 พันล้านบาท

นายธีระชัย กล่าวต่อไปว่า โดยทั่วไป โครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงระดับนี้ น่าจะต้องใช้ระยะเวลาในการตัดสินใจ และมีการวางแผนล่วงหน้านานพอสมควร แต่กรณีของไทยน๊อคซ์นี้เกิดขึ้น หลังจากที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพียง 2 เดือน ก.ล.ต. จึงต้องให้บริษัทมาชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นในเรื่องดังกล่าว

ส่วนประเด็นการซื้อที่ดิน ที่มีลักษณะเข้าข่ายการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรงให้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไป นายธีระชัย กล่าวสรุป

สำหรับการปกปิดข้อมูลในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้นและหนังสือชี้ชวน เป็นการปฏิบัติ ฝ่าฝืนมาตรา 278 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 เท่าของราคาขายของหลักทรัพย์ทั้งหมดที่ผู้นั้นเสนอขาย แต่ไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท


.........................................................................................................
อันนี้เจ้าของเดียวกัน
http://capital.sec.or.th/webapp/webnews ... 2005-06-16

ข่าว ก.ล.ต.



ฉบับที่ 58/2548

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2548



ก.ล.ต. สั่งแก้งบการเงิน TFI


ก.ล.ต. สั่งให้บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) (TFI) แก้ไขงบการเงินปี 2547 และไตรมาส 1 ปี 2548 โดยให้นำงบการเงินของบริษัท ริเวอร์ไซด์ ทาวเวอร์ จำกัด (ริเวอร์ไซด์) มาจัดทำงบการเงินรวม เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงที่ทำให้เชื่อได้ว่า การขายหุ้นริเวอร์ไซด์ให้แก่ บริษัท ดาราวดี จำกัด (ดาราวดี) เมื่อปลายปี 2544 ไม่ถือเป็นการขายแบบเบ็ดเสร็จ (true sale) ตามมาตรฐานการบัญชี เนื่องจาก TFI ยังมีอำนาจควบคุมและมีความเสี่ยงในหุ้นริเวอร์ไซด์เช่นเดียวกับก่อนขายเงินลงทุนดังกล่าว ทั้งนี้ TFI ต้องนำส่งงบการเงินที่แก้ไขและผ่านการตรวจสอบและสอบทานจากผู้สอบบัญชีให้ ก.ล.ต. ภายใน
วันที่ 18 กรกฎาคม 2548

สาเหตุของการสั่งการดังกล่าว เนื่องจาก ก.ล.ต. ได้ติดตามธุรกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2544 และขณะนี้ได้พบหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งทำให้เห็นว่า โดยสภาพความเป็นจริงแล้ว TFI ยังมีอำนาจควบคุมและยังคงได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตจากริเวอร์ไซด์ ตามข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้


เดิม TFI ถือหุ้นริเวอร์ไซด์ 100% ต่อมาในปลายปี 2544 TFI ได้ขายหุ้นริเวอร์ไซด์ให้แก่ดาราวดี ในราคา 1,891 ล้านบาท แต่สัญญาขายหุ้นกำหนดให้ดาราวดีจ่ายชำระค่าหุ้น ณ วันทำสัญญาขายเพียง 5 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1,886 ล้านบาท ทยอยจ่ายใน 15 ปี

สัญญาซื้อขายหุ้นระบุว่า ดาราวดีจะขายอาคารชุดของริเวอร์ไซด์ได้ก็ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจาก TFI เสียก่อน และ TFI เองเคยชี้แจงผ่านสื่อของตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2548 ว่า TFI ได้ควบคุมมิให้ดาราวดีนำรายได้จากการขายอาคารชุดของริเวอร์ไซด์ไปใช้ในธุรกรรมอื่นนอกจากนำมาชำระหนี้ให้แก่ TFI เท่านั้น การขายอาคารชุดดังกล่าวจึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ TFI และเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ TFI โดยตรง

ดาราวดีมีทุนชำระแล้วเพียง 7 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำเทียบกับยอดหนี้ต่อ TFI 1,886 ล้านบาท และดาราวดีก็ไม่มีสินทรัพย์หรือรายได้จากแหล่งอื่นนอกจากการขายอาคารชุดของริเวอร์ไซด์ และความสามารถในการชำระหนี้ของดาราวดีในอนาคตขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ได้จากการขายอาคารชุดของริเวอร์ไซด์ เท่านั้น


ก.ล.ต. จึงสั่งให้ TFI แก้ไขงบการเงินประจำปี 2547 และงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2548 ให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี และปรับย้อนหลังสำหรับงบการเงินทุกงวดที่นำมาเปรียบเทียบด้วย โดยให้นำส่งงบการเงินดังกล่าวที่ผ่านการตรวจสอบและสอบทานจากผู้สอบบัญชี ต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 18 กรกฎาคม 254


.........................................................................................................

กลต. ไทยเรากล่าวโทษและให้แก้งบนี่มันเรียกว่าขั้นรุนแรงแล้วล่ะครับ
จะเอาว่าลงโทษจำคุก 25 ปีแบบ USA คงเป็นไปไม่ได้
แค่กล่าวโทษ+แก้งบ นี่ก็สุดๆแล้วล่ะครับ

งบที่เราอ่านอยู่ไม่รู้เป็นของจริงหรือของปลอมวิเคราะห์ไป ว่ามีเงินเหลือเท่านั้นเท่านี้ จะมั่นใจได้อย่างไร

เอาบริิษัทอื่นดีกว่านะครับพี่ Jeng

:D

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 9:15 am
โดย CK
1. ที่ผมเอา top posters ออก ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เจ๋งครับ แต่คุณ Ole พูดถึง
ทำให้นึกได้ว่า ตั้งใจจะเอาออกตั้งนานแล้ว จริงๆ แล้วมีหรือไม่มีก็ไม่น่าจะ
แตกต่าง แต่ถ้ามีแล้วทำให้คนบางคนอยากเป็น top poster และ post แต่
เรื่องไร้สาระ ก็จะทำให้ db ใหญ่ขึ้นโดยไม่จำเป็น

ตอนนั้นผมใส่ไว้เพื่อ test เท่านั้นเองครับ แต่ไปๆ มาๆ ลืมเอาออก เพราะไม่
เคยดู

2. เรื่อง TNX คงจะยากที่จะเอาเรื่องไม่ดีของเจ้าของมาพูดครับ เพราะ
ถ้าไม่มีหลักฐานชัดเจนก็เสี่ยงกับคุกมาก ถึงผมจะรู้ข้อมูลบางอย่าง จาก
แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ แต่ก็ไม่อาจจะโสต์ในที่สาธารณะได้

3. กิจการของ tnx ดีแน่นอนครับ จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้
แต่ที่ questionable คือการที่เจ้าของเอาหุ้นมาเข้าตลาดทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น
ต้องใช้เงิน ซื้อหุ้นจากฝรั่งเศสคืนโดยเอาทรัพย์สินบริษัทไปค้าประกัน ทั้งๆ
ที่ทรัพย์สินนั้นควรจะเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นทุกคน การที่อยู่ๆ ออกเม็กกะโปรเจ็ก
หมื่นสี่พันล้านทั้งๆ ที่เพิ่งจะเพิ่มทุนไม่นาน ธรรมาภิบาลไม่ผ่านแน่นอนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ทั้งนั้น เจ้าของอาจจะเป็นคนดี เจตนาดีก็ได้ครับ แต่ทำไม่ถูกต้องเรื่อง
ธรรมาภิบาล

ธรรมาภิบาลคือการที่ผู้บริหารซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นปฏิบัติกับผู้ร่วมทุน ผู้ถือหุ้นรายย่อย
ผู้ผลิต พนักงาน และลูกค้าอย่างเป็นธรรมโดยมิได้ตั้งใจเอารัดเอาเปรียบ

การซื้อหุ้นคืนจาก accelor โดยใช้ทรัพย์สินส่วนหนึ่งของ accelor มาค้ำประกัน
ผมมองว่าไม่เป็นธรรมกับ accelor นัก

การเอาหุ้นเดิมมาขาย "จำนวนมาก" เมื่อเทียบกับสัดส่วนที่เพิ่มทุน ผมก็มองว่า
ไม่เป็นธรรมกับคนที่ซื้อ IPO โดยเฉพาะเมื่อกำหนดราคา IPO ไว้เสียสูง คือตอน
แรกตั้งไว้ที่ 2.6 แต่พอขายไม่หมดก็ให้ TISCO ออกข่าวทำนองว่า valuation สูง
ไป ยอมลดราคาเหลือ 2.1 อันนี้ผมมองว่าไม่เป็นธรรมกับนักลงทุนที่ซื้อหุ้น IPO
นัก

ส่วนการออกข่าวเพิ่มทุนหลังจาก ipo สองเดือน พี่เจ๋งอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้า
เป็นประเทศที่ตลาดทุนเจริญกว่านี้ คุณ MD คงจะติดคุกไปแล้วครับ ซึ่งกรณีนี้
ผมมองว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นรายย่อย

ส่วนกับ supplier และลูกค้า TNX ผูกขาดการผลิตเหล็กไร้สนิมโดยอาศัยการ
เจรจากับรัฐบาลก่อนๆ ทำให้สามารถเรียกราคาได้ตามใจชอบ ผมก็มองอีกว่า
ไม่เป็นธรรมกับลูกค้าสักเท่าไหร่


4. หุ้นที่เจ้าของใหญ่ไม่มีธรรมาภิบาล ผมไม่ได้ว่าเป็นหุ้นไม่ดีหรือเจ้าของไม่ดีนะครับ
แต่ผมมีหลักการที่ชัดเจนว่า หุ้นที่ธรรมาภิบาลเจ้าของ questionable ผมจะไม่
คิดถือยาวแน่ๆ (ขนาดหุ้นที่เจ้าของธรรมาภิบาลดีหลายตัว ยังไม่คิดถือยาวเลย)

แต่ trading น่ะ เอาแน่นอนครับ ถ้าไม่ได้ติดสีดำสนิท :) TNX ผมก็เล่นไปสองรอบ
แล้วนะครับ อาจจะกำไรไม่มาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นหุ้นยอดแย่แต่ประการใด

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 9:52 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

3. กิจการของ tnx ดีแน่นอนครับ จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ 
แต่ที่ questionable คือการที่เจ้าของเอาหุ้นมาเข้าตลาดทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็น 
ต้องใช้เงิน ซื้อหุ้นจากฝรั่งเศสคืนโดยเอาทรัพย์สินบริษัทไปค้าประกัน ทั้งๆ 
ที่ทรัพย์สินนั้นควรจะเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นทุกคน การที่อยู่ๆ ออกเม็กกะโปรเจ็ก 
หมื่นสี่พันล้านทั้งๆ ที่เพิ่งจะเพิ่มทุนไม่นาน ธรรมาภิบาลไม่ผ่านแน่นอนอยู่แล้ว 
อืม ลองคิดดูให้ละเอียดอีกนิดนะครับ ท่าน ck ตอนซื้อหุ้น 96.1 % จากพวกฝรั่ง ต้องใช้เงินครับ

คุณป.อะไรนี่ ต้องมั่นใจมากว่าน่าซื้อ แต่เงินไม่พอครับ ก็เลยเอาที่ดินเลควู๊ดไปกู้เงิน

แต่ก็ยังไม่พอก็เลยเอาโรงงาน เครื่องจักร ของ tnx ไปกู้ด้วย รวมเงินจำนอง 9 พันกว่าล้าน

สมมุติว่าเขาไม่ได้เข้าตลาด ทำแบบนี้ผิดหรือไม่

เพราะเขาถือหุ้นอยู่ 96.1 ส่วนที่เหลือผมไม่ทราบว่าใครถือ

เอาตรงนี้ก่อน

.............................................................................................

สมมุติว่าผมเห็นโรงงาน หนึ่ง มูลค่า 100 ล้าน ผมอยากซื้อ

และผมเจรจามาได้ 50 ล้าน ผมไม่มีเงิน ผมเอาบ้านผมไปค้ำ ได้เงินมา 30 ล้าน ก็ยังไม่พอ ผมบอกแบงค์ว่า เอางี้ เอาโรงงาน กับบ้านผม กู้เงินไปเลย รวมผมขอกู้ 70 ล้าน โดยใช้โรงงานค้ำ 40 ล้าน และเอาบ้านผมได้มา 30 ล้าน

สรุปแบงค์ให้เงินมา 70 ล้าน ผมนำไปจ่ายเจ้าของเดิม 50 ล้าน

ผมเหลือโรงงาน 100 ล้าน หนี้สิน 70 ล้าน เงินสด 20 ล้าน และยังมีบ้านอยู่

ผมก็เลยนำบริษัทนี้เข้าตลาดเพื่อระดมทุน

แต่ไม่ได้ระดมเข้าตัวโรงงาน ผมเอาเงินจากที่ระดมทุนได้ ไปกลับหนี้ 70 ล้าน

แค่ยกตัวอย่างนะ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:03 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ส่วนการออกข่าวเพิ่มทุนหลังจาก ipo สองเดือน พี่เจ๋งอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้า 
เป็นประเทศที่ตลาดทุนเจริญกว่านี้ คุณ MD คงจะติดคุกไปแล้วครับ ซึ่งกรณีนี้ 
ผมมองว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นรายย่อย 
ขนาดนั้นเชียวหรือ

พี่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ต้องมีการประชุมเพื่อชี้แจงกัน ว่าจะทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร จะเอาเงินมาจากไหน ทำไมไม่ไปกู้ ในเมื่อไม่มีหนี้เลย ทำไมต้องเพิ่มทุน

ขนาดติดคุกเชียวหรือ

ไม่มีข้อมูลนะ

เอาเป็นว่า wg มีเงินแล้วไม่ปันผลเยอะๆ ไม่มีธรรมาภิบาลละเปล่า

คือเป็นเทาๆอะ

พี่ดูประวัติ tnx เริ่มต้นจากผลิตได้ 60000 ตันต่อปี แล้วก็สร้างโรงงานเพิ่ม ขยายกำลังการผลิต อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเป็น 200000 ตัน

ประวัติบริษัทของเขาก็ขยายเรื่อยๆ

ถ้าจะผิดก็ผิดตรงที่เขานำเสนอเร็วเกินไป

หรือเข้าผิดจังหวะ ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่สนใจที่จะเพิ่มทุน

ก็ไม่น่าจะถึงขั้นติดคุก เพราะผลสรุปออกมาที่ประชุมไม่รับรอง

ซึ่งการที่นายป. เป็นหุ้นใหญ่ คุมเสียงข้างมาก เขาก็ไม่ได้ดื้อดึงอะไรนี่

นายป.ถือเสียงตั้ง 65.3 แต่ผลการประชุมยังไม่รับรองได้

พี่ยังไม่คิดว่านายป.นี่แย่ขนาดนั้น

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:04 am
โดย CK
ก็แล้วแต่มุมมองครับ พี่เจ๋ง

เอาเป็นว่า เรื่องอย่างนี้มันยากที่จะตัดสินว่าขาวหรือดำ เพราะเป็นแค่สีเทาๆ
แต่ผมมองว่าไม่เป็นธรรมกับ accelor ครับ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเทคนิกการ
ซื้อของที่ชาญฉลาด

ถ้าถามว่าผิดหรือเปล่า ผมว่าไม่ผิด แต่ถ้าถามว่าเป็นธรรมหรือไม่ ผมว่า
ไม่เป็นธรรมครับ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:05 am
โดย Jeng
ck พี่ไม่ได้บ้า tnx หรือทุ่มอะไรไปกับ tnx นะ

นี่คือการพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล

เออ ขอถามนิด accelor แปลว่าอะไร

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:06 am
โดย CK
พิมพ์ผิดครับ arcelor :oops:

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:08 am
โดย woody
CK เขียน:พิมพ์ผิดครับ arcelor :oops:
บริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศครับ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:09 am
โดย CK
เอาล่ะ วางเรื่องธรรมาภิบาลไว้ก่อน มาดูว่าผมคิดอย่างไรกับ tnx

ดูจากรูปแบบพฤติกรรมบวกการคาดเดาส่วนตัว ผมคิดว่า tnx ไม่น่าสนใจใน
ระยะยาวเนื่องจาก

1. คิดว่าการผูกขาดของ tnx คงจะจบลงในเร็วๆ นี้ คาดว่าไม่เกิน 2-3 ปี
เพราะยังไม่เห็นเหตุผลอื่นใดที่เขาต้องการเข็น tnx เข้าตลาดให้เร็วที่สุด

2. ผลการดำเนินงานของ tnx อาจจะโดดเด่นได้เป็นบางไตรมาส แต่ใน
ระยะยาว น่าจะ competitive มาก และน่าจะมีแนวโน้มที่ลดลงหรือเท่าเดิม

3. ถ้าราคาขึ้นไปเกิน 2.50 บาท คาดว่าผู้ถือหุ้นเดิมคงจะขนมาขายอีก
จำนวนมากในตลาด เนื่องจากเป้าหมายเดิม เขาต้องการขายหุ้นตัวเอง
ใน ipo มากกว่านี้หลายเท่า แต่เนื่องจาก tisco ไม่ยอมให้ราคาที่ 2.60 บาท
เลยตัดมาขายไม่มาก

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:13 am
โดย Jeng
เท่าที่พี่เห็นนะ คุณป. ถือหุ้น tnx ผ่านทางเลควู๊ดณ.ปัจจุบัน ตั้ง 39.16 % คือพี่เปิดใน set นะ ( น่าจะอัพเดดแล้ว )

ส่วนตัว tnx คลีน ไม่มีหนี้สินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย คือไม่มีหนี้ระยะยาว

ถ้า เลควู๊ดยังมีหนี้กับธนาคารอยู่

และการที่ tnx เหลือเงินเยอะแยะขนาดนี้ 4200 ล้าน

ในที่สุดนโยบายปันผล 50 % ของกำไร tnx ก็ต้องทำตามนั้นครับ เพราะจะได้นำเงินไปให้เลควู๊ดเอาไปจ่ายธนาคาร

เดาล้วนๆแฮะ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:17 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

1. คิดว่าการผูกขาดของ tnx คงจะจบลงในเร็วๆ นี้ คาดว่าไม่เกิน 2-3 ปี 
เพราะยังไม่เห็นเหตุผลอื่นใดที่เขาต้องการเข็น tnx เข้าตลาดให้เร็วที่สุด 

2. ผลการดำเนินงานของ tnx อาจจะโดดเด่นได้เป็นบางไตรมาส แต่ใน 
ระยะยาว น่าจะ competitive มาก และน่าจะมีแนวโน้มที่ลดลงหรือเท่าเดิม 

3. ถ้าราคาขึ้นไปเกิน 2.50 บาท คาดว่าผู้ถือหุ้นเดิมคงจะขนมาขายอีก 
จำนวนมากในตลาด เนื่องจากเป้าหมายเดิม เขาต้องการขายหุ้นตัวเอง 
ใน ipo มากกว่านี้หลายเท่า แต่เนื่องจาก tisco ไม่ยอมให้ราคาที่ 2.60 บาท 
เลยตัดมาขายไม่มาก
อืม ตรงนี้ไม่คอมเม้นครับ เพราะยังไม่รู้เหมือนกันว่า จะผูกขาดได้แค่ไหน

และไม่รู้ว่าระยะยาว จะ competitve มากขึ้นหรือน้อยลง

ส่วนเรื่อง ipo มันเป็นเรื่องของซื้อของขายอะ

ก็ว่ากันไป และการขายหุ้น tnx ไม่ได้ 100 ล้านหุ้นนะครับ ต้องถามวู๊ดดี้ รู้สึกต้อง 30 % ก็ปาเข้าไป 2400 ล้านหุ้น

ราคาตอน ipo พี่ว่าก็เป็นแบบนี้หลายบริษัท ที่ต้องมานั่งต่อรองกัน

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:22 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เอาเป็นว่า เรื่องอย่างนี้มันยากที่จะตัดสินว่าขาวหรือดำ เพราะเป็นแค่สีเทาๆ 
แต่ผมมองว่าไม่เป็นธรรมกับ accelor ครับ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเทคนิกการ 
ซื้อของที่ชาญฉลาด 
ck ช่วยขยายความ ตรงที่มองว่าไม่เป็นธรรม กับ arcelor ไม่ทราบว่าไม่เป็นธรรมอย่างไรครับ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:23 am
โดย woody
Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

1. คิดว่าการผูกขาดของ tnx คงจะจบลงในเร็วๆ นี้ คาดว่าไม่เกิน 2-3 ปี 
เพราะยังไม่เห็นเหตุผลอื่นใดที่เขาต้องการเข็น tnx เข้าตลาดให้เร็วที่สุด 

2. ผลการดำเนินงานของ tnx อาจจะโดดเด่นได้เป็นบางไตรมาส แต่ใน 
ระยะยาว น่าจะ competitive มาก และน่าจะมีแนวโน้มที่ลดลงหรือเท่าเดิม 

3. ถ้าราคาขึ้นไปเกิน 2.50 บาท คาดว่าผู้ถือหุ้นเดิมคงจะขนมาขายอีก 
จำนวนมากในตลาด เนื่องจากเป้าหมายเดิม เขาต้องการขายหุ้นตัวเอง 
ใน ipo มากกว่านี้หลายเท่า แต่เนื่องจาก tisco ไม่ยอมให้ราคาที่ 2.60 บาท 
เลยตัดมาขายไม่มาก
อืม ตรงนี้ไม่คอมเม้นครับ เพราะยังไม่รู้เหมือนกันว่า จะผูกขาดได้แค่ไหน

และไม่รู้ว่าระยะยาว จะ competitve มากขึ้นหรือน้อยลง

ส่วนเรื่อง ipo มันเป็นเรื่องของซื้อของขายอะ

ก็ว่ากันไป และการขายหุ้น tnx ไม่ได้ 100 ล้านหุ้นนะครับ ต้องถามวู๊ดดี้ รู้สึกต้อง 30 % ก็ปาเข้าไป 2400 ล้านหุ้น

ราคาตอน ipo พี่ว่าก็เป็นแบบนี้หลายบริษัท ที่ต้องมานั่งต่อรองกัน
ขอใช้สิทธ์พาดพิงครับท่านประธาน ฮิฮิ เอ พี่ jeng อยากทราบเรื่องอะไรหรือครับ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:30 am
โดย Jeng
ขอบคุณคุณ ole ครับ ที่เอารายละเอียดกลต.มาให้อ่าน โดยเฉพาะของ tnx และ tfi

โดยเฉพาะเรื่องของ tfi ที่กลต.สั่งให้ทำอะไรนั้น ผมเองอยากทราบว่า ผลเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรงกับ tfi ในกรณี ของ การขายหุ้นริเวอร์ไซด์ ให้ บริษัทดารณี คืออะไร

ถ้าสมมุติ เพราะผมก็ยังไม่รู้จริงๆ

คือสมมุติว่า เขาทำแบบนั้น แล้ว tfi ได้ประโยชน์หละ แต่มันผิดตรงที่หลักบัญชี ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าให้อภัย

แต่ถ้า ผู้ถือหุ้น tfi เสียผลประโยชน์มหาศาล เป็นการผ่องถ่ายชัดเจน

ผมเลิกดู tnx เลย

ขอดูเจตนาตรงนั้นหน่อย ว่าขายแบบนั้น เพื่ออะไร ใครได้ ใครเสีย

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 10:35 am
โดย Jeng
วู๊ดดี้ครับ อยากทราบว่า การนำบริษัทเข้าตลาด ต้องกระจายหุ้น ipo เป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์

และการนำหุ้นเก่า มาขาย หรือนำหุ้นใหม่มาขาย นี่ มีหลักการ หรือสัดส่วนอย่างไร มีการกำหนดกติกาไว้อย่างไรครับ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 11:06 am
โดย CK
ไม่เป็นธรรมกับ Arcelor ในแง่ว่า ในฐานะที่ arcelor เคยเข้ามาช่วยถือหุ้นตอน
ธุรกิจย่ำแย่ ทำไมไม่ชวนเขาขายตอน IPO ครับ ที่ 2.10 บาท แทนที่จะหักคอ
ซื้อที่ 1 บาท แล้วเอาหุ้นที่ซื้อได้มา ipo ที่ 2.10 บาท

ถ้าเป็นธรรมจริง ควรจะให้ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ arcelor มี first right of refusal
คือสามารถขายได้ที่ ipo ด้วยเหมือนกัน หรือควรจะตั้งราคาให้ "เป็นธรรม"
ตามที่อ้างตอน ipo แต่นี่จะบอกว่าราคา 1 บาทที่ซื้อจาก arcelor เป็นธรรม
กับ arcelor แต่ราคาที่จะขาย ipo นั้น 2.60 ต่างกันกว่า 200%

ถ้าเป็นธรรมจริงกับทั้งสองฝ่าย ราคาน่าจะสัก 30-40% ครับ เป็น margin
สำหรับความเสี่ยง แต่นี่ตั้ง 100% กว่า มันดูเอาเปรียบมากไปหน่อย

เหมือนกับผมมีหุ้นในโรงงานหนึ่ง 5 ลบ. แล้วผู้ถือหุ้นอีกคน ซึ่งเข้ามาซื้อ
เพิ่มทุนตอนโรงงานย่ำแย่อีก 5 ลบ. เอาไปจ่ายหนี้ เมื่อโรงงานขยายได้
และมีกำไร ก็ขอซื้อหุ้นส่วน 5 ลบ.คืน โดยเอาโรงงานไปค้ำประกันเงิน
กู้มาซื้อคืนที่ 5 ลบ. เสร็จแล้วเอาหุ้นที่ได้คืนมาไปขายให้รายย่อย ได้เงิน
มา 10 ลบ. เข้ากระเป๋าตัวเอง 5 ลบ. จ่ายหนี้ (ที่ก่อขึ้นเพื่อไปซื้อจาก
เจ้าของเดิม) 5 ลบ.

อย่างนี้เป็นธรรมกับหุ้นส่วนเดิมหรือไม่

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 11:12 am
โดย Jeng
ทำไม arcelor ยอมขายครับ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 11:14 am
โดย woody
Jeng เขียน:วู๊ดดี้ครับ อยากทราบว่า การนำบริษัทเข้าตลาด ต้องกระจายหุ้น ipo เป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์

และการนำหุ้นเก่า มาขาย หรือนำหุ้นใหม่มาขาย นี่ มีหลักการ หรือสัดส่วนอย่างไร มีการกำหนดกติกาไว้อย่างไรครับ
25% ครับสำหรับ free float ส่วนจำนวนหุ้นเก่าของผู้บริหารนั้น ไม่มีกำหนดไว้ครับ

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 11:19 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ไม่เป็นธรรมกับ Arcelor ในแง่ว่า ในฐานะที่ arcelor เคยเข้ามาช่วยถือหุ้นตอน 
ธุรกิจย่ำแย่ ทำไมไม่ชวนเขาขายตอน IPO ครับ ที่ 2.10 บาท แทนที่จะหักคอ 
ซื้อที่ 1 บาท แล้วเอาหุ้นที่ซื้อได้มา ipo ที่ 2.10 บาท 
อืม เท่าที่ผมอ่านใน 56-1 นี่ tnx ไม่ได้แย่นะ กิจการทำกำไรดี และมีการขยายงานมาโดยตลอด

การที่ arcelor ถอนตัว

พี่มองว่า คนเรามีมุมมองต่างกัน

อย่าง brunwick ถอนตัวจากโบลิ่ง จนกระทั่ง กลุ่มสหพัฒน์ ต้องระดมเงิน 300 ล้านไปซื้อคืนมาทั้งหมด แล้วเปลี่ยนเป็น bsc

หรือกรณี ที่ cp ถอนตัวจาก lostus ในเมืองไทย

มันเป็นเรื่อง ที่มีการตกลงพูดคุยกัน cp เองก็ไม่อยากถอนแต่ร้อนเงิน

สุดท้ายเมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถอนตัว ก็มีการเจรจาซื้อหุ้นกัน โดยการประเมิณหลักทรัพย์ และตัวกิจการ ว่าจะทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหน

การตกลงใดๆ ไม่มีใครบังคับให้เซ็นต์

การมองว่า ipo แล้วได้กำไร ทำให้ arecelor ขาดทุนกำไร ถือว่าไม่แฟร์ พี่ว่าไม่สมเหตุสมผล เพราะเกิดขึ้นคนละเวลา

ถ้าพี่ไปหุ้นกับโรงงานที่ตกต่ำ 5 ล้าน แล้ว เมื่อมันดีขึ้น แล้วเจ้าของโรงงานมาขอซื้อคืนที่ 5 ล้าน

ถ้าพี่ต้องขายเพราะร้อนเงิน ถึงแม้รู้ว่าขาดทุน พี่ถือว่าแฟร์

แต่ถ้าพี่ไม่ร้อน พี่ก็ไม่ขายครับ พี่ก็เจรจาขอขาย ipo ด้วยคน

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 11:37 am
โดย สุมาอี้
Jeng เขียน:ก็เลยยังสรุปไม่ได้ว่าผิดตรงไหน
ในงบแจ้งแค่ว่า TFI เข้าไปซื้อหุ้นของ Thai Copper อะไรที่มากกว่านั้นไม่ได้ระบุไว้ เรื่องที่ผิดคงหาไม่ได้ในงบการเงินอยู่แล้ว

แต่ประเด็นก็คือว่า ธุรกิจสองอย่างนี้มันเกี่ยวกันยังไงถึงต้องไปถือหุ้น ถ้าเป็นโรงงาน Silver ก็ยังพอถูไถไปได้ (สารประกอบที่ใช้ผลิตฟิล์มเป็นสารประกอบ silver) แต่ Copper นี่คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเกี่ยวกันอย่างไร

การที่ผู้ถือหุ้นหลักเอาเงินของบริษัทไปพยุงบริษัทอื่นที่ตนเองถือหุ้นอยู่ ผิดหลักธรรมภิบาล เพราะใช้เงินของมหาชนราวกับว่าเป็นเงินของตัวเอง แต่คงไม่ผิดกฏหมายเพราะคนถือหุ้นมากกว่าย่อมมีอำนาจมากกว่า

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 11:51 am
โดย Jeng
อืม หมายถึง thai copper ขาดทุนใช่หรือไม่ แล้ว tfi เอาเงินไปถมให้ thai copper แบบไม่มีทางมีผลประโยชน์อะไรกับมาเลยใช่หรือไม่ครับ คุณสุมาอี้

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 12:09 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ในการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2547 คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทฯ ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สแตนเลส จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและขายเหล็กไร้สนิมเพื่อใช้ในการผลิต อ่างล้างจาน เครื่องใช้ในครัว เครื่องซักผ้าและสินค้าอุปโภคอื่น           รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทฯ มีความเห็นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์      ต่อบริษัทฯ  บริษัทฯ ได้เจรจาและตกลงซื้อหุ้นสามัญจำนวน 67 ล้านหุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมเป็นเงิน 67 ล้านบาท ในราคา  หุ้นละ 0.72 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 48.24 ล้านบาท จากประธานและผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทฯ บริษัทฯ ได้แจ้งมติดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2547 บริษัทฯ ได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไปเพื่อชำระหุ้นแล้วเมื่อวันที่   10 พฤษภาคม 2547 และเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2547 บริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้นสามัญดังกล่าวทั้งหมดในราคา 2.10 บาท ต่อหุ้นเป็นเงิน  140.7 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญดังกล่าวจำนวน 92.5 ล้านบาท ซึ่งได้บันทึกไว้ในงบกำไรขาดทุนปี 2547
ประเด็นนี้ก็น่าสนใจ ว่าเข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่

เพราะสองบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกัน

คือ tfi ซื้อหุ้น tnx ในราคา .72 แล้วเอาไป ipo ที่ 2.1 ได้กำไร 92.50 ล้านบาท

อย่างนี้ทำได้หรือเปล่า ทำแล้วแถมรายงานอีก ต้องถามคุณ nana แล้ว

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 12:15 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ในงบแจ้งแค่ว่า TFI เข้าไปซื้อหุ้นของ Thai Copper อะไรที่มากกว่านั้นไม่ได้ระบุไว้ เรื่องที่ผิดคงหาไม่ได้ในงบการเงินอยู่แล้ว 

แต่ประเด็นก็คือว่า ธุรกิจสองอย่างนี้มันเกี่ยวกันยังไงถึงต้องไปถือหุ้น ถ้าเป็นโรงงาน Silver ก็ยังพอถูไถไปได้ (สารประกอบที่ใช้ผลิตฟิล์มเป็นสารประกอบ silver) แต่ Copper นี่คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเกี่ยวกันอย่างไร 

การที่ผู้ถือหุ้นหลักเอาเงินของบริษัทไปพยุงบริษัทอื่นที่ตนเองถือหุ้นอยู่ ผิดหลักธรรมภิบาล เพราะใช้เงินของมหาชนราวกับว่าเป็นเงินของตัวเอง แต่คงไม่ผิดกฏหมายเพราะคนถือหุ้นมากกว่าย่อมมีอำนาจมากกว่า
ในงบแจ้งไว้ละเอียดพอควรนะเดี๋ยวเอามาให้อ่าน

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เงินลงทุนซึ่งบันทึกโดยวิธีส่วนได้เสีย และเงินลงทุนระยะยาวอื่น

 				ประกอบด้วย

				สัดส่วนเงินลงทุน (ร้อยละ)
				ณ วันที่
บริษัท	ประเทศที่ตั้ง	ประเภทธุรกิจ	ทุนชำระแล้ว	31 มีนาคม 2548	31 ธันวาคม 2547
บริษัทร่วม  วิธีส่วนได้เสีย					
   บริษัท ที เอฟ เอ็ม แพคเกจจิ้งฟิล์ม จำกัด	ประเทศไทย	ผลิตฟิล์มบรรจุภัณฑ์	324.84  ล้านบาท	49.20	49.20
   บริษัท ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน)	ประเทศไทย	ผลิตทองแดงบริสุทธิ์	6,221.36 ล้านบาท	27.47	27.47
					
บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน  ราคาทุน					
   บริษัท เลควูดแลนด์ จำกัด					
      (ชื่อเดิม บริษัท เลควูดเรียล เอสเตท จำกัด)	ประเทศไทย	พัฒนาอสังหาริมทรัพย์	290 ล้านบาท	10.00	10.00
   บริษัท เลควูดคันทรีคลับ จำกัด	ประเทศไทย	สนามกอล์ฟ	10 ล้านบาท	5.00	  5.00
   บริษัท ไทยฟิล์มบังคลาเทศ จำกัด	บังคลาเทศ	ผลิตฟิล์มบรรจุภัณฑ์	112 ล้าน TAKA	53.57	53.57
     (ประเทศบังคลาเทศเงินสกุล TAKA)					










 (หน่วย : พันบาท)
	ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548	ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547
	เงินลงทุน	เงินลงทุน
	วิธีราคาทุน	วิธีส่วนได้เสีย	เงินปันผล	วิธีราคาทุน	วิธีส่วนได้เสีย	เงินปันผล
บริษัทร่วม - วิธีส่วนได้เสีย						
   บริษัท ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี่ จำกัด  (มหาชน)						
      หุ้นสามัญ	1,708,981	1,306,558	-	1,708,981	1,394,146	-
      ใบสำคัญแสดงสิทธิ 						
            (จำนวน 5,511,530 หน่วยราคาหน่วยละ 0.01 บาท)	55	55	-	55	55	-
   บริษัท ที เอฟ เอ็ม แพคเกจจิ้งฟิล์ม จำกัด	   159,836	-	-	   159,836	-	-
                           รวม	1,868,872	1,306,613	-	1,868,872	1,394,201	-
   หัก  ค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุน	(159,836)	-	-	(159,836)	-	-
                         สุทธิ	   1,709,036	      1,306,613	-	   1,709,036	   1,394,201	-
						
บริษัทที่เกี่ยวข้องกัน - ราคาทุน						
   บริษัท เลควูดแลนด์ จำกัด        (ชื่อเดิม บริษัท เลควูดเรียล เอสเตท จำกัด)	43,500	-	-	43,500	-	-
   บริษัท เลควูดคันทรีคลับ จำกัด	750	-	-	750	-	-
   บริษัท ไทยฟิล์มบังคลาเทศ จำกัด	     37,487	-	-	     37,487	-	-
                         รวม	81,737	-	-	81,737	-	-
   หัก  ค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุน	(37,487)	-	-	(37,487)	-	-
                         สุทธิ	     44,250	-	-	     44,250	-	-
			
			บริษัทฯ และบริษัทที่เกี่ยวข้องกันข้างต้นมีลักษณะความสัมพันธ์โดยการเป็นผู้ถือหุ้นและ/หรือ กรรมการร่วมกัน

			ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 บริษัทฯ มีเงินลงทุนในบริษัท ไทยคอปเปอร์ อินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน)(TCI) เป็นจำนวน 1,307  ล้านบาท ดังรายละเอียดต่อไปนี้

(หน่วย : ล้านบาท)
เงินลงทุนใน TCI ในราคายุติธรรม	
ตามสัดส่วนการถือครอง (ร้อยละ 27.47) ณ วันที่ 2 มกราคม 2546	2,370
หัก  ค่าความนิยมติดลบ ณ วันที่ลงทุน	    (770)
เงินลงทุนในราคาทุน ณ วันที่ 2 มกราคม 2546 	1,600
บวก  เงินลงทุนเพิ่มในหุ้นเพิ่มทุนระหว่างปี 2546	    109
รวมเงินลงทุนในราคาทุน	1,709
หัก  ส่วนแบ่งผลขาดทุนสะสมจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548	(422)
บวก ค่าความนิยมติดลบตัดจ่ายสะสมจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548	     20
สุทธิ	1,307
			


			ณ วันที่ลงทุน (วันที่ 2 มกราคม 2546) มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ระบุได้ของ TCI ส่วนที่เป็นของบริษัทฯ เกินกว่ามูลค่าเงินลงทุนจำนวนประมาณ 770 ล้านบาท บริษัทฯ จึงบันทึกส่วนเกินนี้เป็น              ค่าความนิยมติดลบและจะรับรู้ส่วนของค่าความนิยมติดลบเป็นรายได้ตามจำนวนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักตลอดอายุการใช้งานและอายุการให้ประโยชน์ของสินทรัพย์เสื่อมสภาพที่ระบุได้ ซึ่งได้แก่ อาคารและเครื่องจักรเป็นเวลา 20 ปี โดยบริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากค่าความนิยมติดลบเมื่อTCI เริ่มดำเนินพาณิชยกิจแล้ว ซึ่ง ณ วันที่
24 กันยายน 2547 TCI ได้เริ่มดำเนินพาณิชยกิจแล้ว บริษัทฯ จึงรับรู้ค่าความนิยมติดลบตัดจ่ายสะสมถึงวันที่  31 มีนาคม 2548 จำนวน 20.00 ล้านบาท 

			ใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ  TCI  มีอายุ  4  ปี นับจากวันที่ออก (วันที่ 27 ธันวาคม 2545) ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธินี้จะสามารถใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญใหม่ได้ ในอัตรา 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญต่อ 1 หุ้นใหม่ของ TCI ในราคาหุ้นละ 0.01 บาท เมื่อ

				1.	TCI ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation) แล้ว เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี และ

			2.	หุ้นของ TCI ได้จดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว 

			ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจะต้องใช้สิทธิแปลงสภาพภายในเวลา 3 เดือน หลังจากที่เงื่อนไขข้างต้นสมบูรณ์แล้ว

			เนื่องจากเป็นเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  (ธนาคาร) ที่จะให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TCI ฝ่ายไทยที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (บสท. หรือบรรษัทฯ) ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อโครงการ โดยการจำนำหุ้นจำนวน 60  ล้านหุ้นกับธนาคาร บริษัทฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ฝ่ายไทยที่ไม่ใช่สถาบันการเงินจึงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว บริษัทฯ ได้จำนำหุ้น TCI จำนวน 60 ล้านหุ้นกับธนาคาร เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2546

			บริษัทฯ หยุดการคำนวณส่วนได้เสียในขาดทุนของบริษัทร่วมแห่งหนึ่งเนื่องจากบริษัทร่วมดังกล่าวอยู่ระหว่างการชำระบัญชี บริษัทฯ จึงรับรู้ส่วนได้เสียเพียงเท่าที่ลงทุน (ศูนย์) และในวิธีราคาทุนได้    ตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนดังกล่าวเต็มจำนวน 160 ล้านบาท และได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของเงินให้กู้ยืม ดอกเบี้ยค้างรับและเงินทดรองจ่าย เต็มจำนวน (25 ล้านบาท) ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 2.1

			เงินลงทุนในบริษัท  ไทยฟิล์มบังคลาเทศ  จำกัด  (Thai  Film Bangladesh Co., Ltd.)  จำนวนเงิน 37 ล้านบาทเป็นการลงทุนโดยเครื่องจักรเพื่อใช้ในการผลิตซึ่งตีราคาในราคาตลาด ณ วันซื้อขาย บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท ไทยฟิล์มบังคลาเทศ จำกัด ในอนาคต รวมทั้งบริษัทฯ ไม่มีอิทธิพลอย่างเป็นสาระสำคัญเหนือบริษัทดังกล่าว ดังนั้น บริษัทฯ จึงบันทึกเงินลงทุนในบริษัทดังกล่าวด้วยวิธีราคาทุน ปัจจุบัน บริษัทดังกล่าวไม่มีการดำเนินพาณิชยกิจแต่อย่างใด และอยู่ระหว่างการปิดกิจการ ดังนั้น บริษัทฯ     จึงตั้งค่าเผื่อการด้อยค่าของเงินลงทุนดังกล่าวเต็มจำนวน  (37 ล้านบาท)  และค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของ         เงินให้กู้ยืมดอกเบี้ยค้างรับและเงินทดรองจ่าย เต็มจำนวน (38 ล้านบาท) ตามหมายเหตุประกอบงบการเงิน    ข้อ 2.1

			ในการประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2547 คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทฯ ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สแตนเลส จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและขายเหล็กไร้สนิมเพื่อใช้ในการผลิต อ่างล้างจาน เครื่องใช้ในครัว เครื่องซักผ้าและสินค้าอุปโภคอื่น           รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทฯ มีความเห็นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์      ต่อบริษัทฯ  บริษัทฯ ได้เจรจาและตกลงซื้อหุ้นสามัญจำนวน 67 ล้านหุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวมเป็นเงิน 67 ล้านบาท ในราคา  หุ้นละ 0.72 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 48.24 ล้านบาท จากประธานและผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทฯ บริษัทฯ ได้แจ้งมติดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2547 บริษัทฯ ได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวไปเพื่อชำระหุ้นแล้วเมื่อวันที่   10 พฤษภาคม 2547 และเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2547 บริษัทฯ ได้จำหน่ายหุ้นสามัญดังกล่าวทั้งหมดในราคา 2.10 บาท ต่อหุ้นเป็นเงิน  140.7 ล้านบาท เป็นผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นสามัญดังกล่าวจำนวน 92.5 ล้านบาท ซึ่งได้บันทึกไว้ในงบกำไรขาดทุนปี 2547

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 12:17 pm
โดย CK
ทางเทคนิกคงไม่ผิดกฎหมายครับ แต่ถามว่าใสกระจ่างหรือไม่ ตอบยากครับ
แต่คงจะเป็นการแต่งงบ tfi ด้วยวิธีง่ายๆ ตรงไปตรงมา

ราคาหุ้น tfi ก่อนที่ tnx จะ ipo เฉลี่ยแถวๆ 0.66 บาท

หลัง ipo เรียบร้อย book กำไรเสร็จ วิ่งขึ้นไป 0.78 บาท

หลังจากเรื่องเพิ่มทุน tnx ก็ไหลลงเรื่อยๆ ตามผลประกอบการจริง

ตอนนี้อยู่ที่ 0.30 บาท

ช่วยด้วย ผมติด tnx ที่ 1.05

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 12:17 pm
โดย Jeng
เหมือนๆกับว่า นายป.ไปเทค thai copper เพื่อจะเอามาแต่งตัวเข้าตลาด เพราะปัจจุบัน นายป.เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ฝ่ายไทย

ซึ่ง thai copper ก็ไม่ได้เล็กนะ เป็นบริษัทมหาชน ทุนจดทะเบียน 6 พันกว่าล้านบาท

อืม นายป.นี่ก็เจ้าพ่อโปรเจ็คเหมือนกัน