ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 460
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 61
[quote="ลูกอิสาน"]ไปเจอคอมเมนต์ของพี่หมอสามัญชนเกี่ยวกับ ahc ครับ
เป็นมุมมองอีกด้าน ใครที่สนใจตัวนี้ ควรอ่านด้วยครับ
[quote]โรงพยาบาลเอกชล ( AHC ) มีคู่แข่งที่น่ากลัวคือ รพ. ศูนย์ชลบุรี ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นโรงเรียนแพทย์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีนิสิตแพทย์ ปี 4 6 จากจุฬาบางส่วนมาเรียนที่นี่
เป็นมุมมองอีกด้าน ใครที่สนใจตัวนี้ ควรอ่านด้วยครับ
[quote]โรงพยาบาลเอกชล ( AHC ) มีคู่แข่งที่น่ากลัวคือ รพ. ศูนย์ชลบุรี ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นโรงเรียนแพทย์ไปเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีนิสิตแพทย์ ปี 4 6 จากจุฬาบางส่วนมาเรียนที่นี่
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 460
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 62
โดยทั้งสองรพ.อยู่ใกล้กันมากจริงๆครับ อยู่ในตัวเมืองทั้งคู่ ห่างกัน
ประมาณ 1 km ได้ครับ หมอที่ไปตรวจที่รพ.เอกชลก็เป็นหมอจากรพ.ศูนย์
เป็นส่วนใหญ่ครับ แต่ก็ไม่ได้มีแต่หมอทั่วไปนะครับ อ.แพทย์ก็ไปตรวจกัน
เยอะแยะครับ อ.บางคนยังรับเวรตรวจผู้ป่วยนอกเวลาถึงเที่ยงคืนเลยครับ
จริงๆจะแยก ระหว่างหมอกับคลินิก กับ รพ.จะยากครับ เพราะต้องพึ่งพากัน
เวลาคนไข้ที่มาที่คลินิกจำเป็นต้องนอนรพ. หมอก็ต้องเลือกรพ.ให้อยู่ดี และ
ถ้ารับ job ที่รพ.เอกชนด้วย ก็จะตามมาดูแลคนไข้ต่อได้ครับ
เรื่องนี้จะเห็นชัดมากในกรณีฝากครรภ์นะครับ ฝากที่คลินิก แต่ยังไงๆก็ต้อง
คลอดที่รพ.ครับ
แต่เรื่องคนไข้นอกนิยมไปตรวจที่คลินิกนี่จริงครับ คลินิกแต่ละที่จะบูมมาก
แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ เพราะฉะนั้นมันก็คงสะท้อนมาในงบหมด
แล้วล่ะครับ :)
โดยรวมแล้ว ถ้าเป็นคนค่อนข้างมีฐานะแล้วล่ะก็ ไม่ไปรพ.ศูนย์แหงๆครับ
พอๆกับรพ.รัฐในกรุงเทพแหละครับ แต่ward ผู้ป่วยในนี่ สุดๆจริงๆ
โดยเฉพาะ ward อายุรกรรม ศัลยกรรม เด็ก
ขอเห็นแย้งหน่อยนะครับ พอดีมีหุ้นอยู่ด้วย กลัวหุ้นตก :lol: :lol: :lol:
ประมาณ 1 km ได้ครับ หมอที่ไปตรวจที่รพ.เอกชลก็เป็นหมอจากรพ.ศูนย์
เป็นส่วนใหญ่ครับ แต่ก็ไม่ได้มีแต่หมอทั่วไปนะครับ อ.แพทย์ก็ไปตรวจกัน
เยอะแยะครับ อ.บางคนยังรับเวรตรวจผู้ป่วยนอกเวลาถึงเที่ยงคืนเลยครับ
จริงๆจะแยก ระหว่างหมอกับคลินิก กับ รพ.จะยากครับ เพราะต้องพึ่งพากัน
เวลาคนไข้ที่มาที่คลินิกจำเป็นต้องนอนรพ. หมอก็ต้องเลือกรพ.ให้อยู่ดี และ
ถ้ารับ job ที่รพ.เอกชนด้วย ก็จะตามมาดูแลคนไข้ต่อได้ครับ
เรื่องนี้จะเห็นชัดมากในกรณีฝากครรภ์นะครับ ฝากที่คลินิก แต่ยังไงๆก็ต้อง
คลอดที่รพ.ครับ
แต่เรื่องคนไข้นอกนิยมไปตรวจที่คลินิกนี่จริงครับ คลินิกแต่ละที่จะบูมมาก
แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ เพราะฉะนั้นมันก็คงสะท้อนมาในงบหมด
แล้วล่ะครับ :)
โดยรวมแล้ว ถ้าเป็นคนค่อนข้างมีฐานะแล้วล่ะก็ ไม่ไปรพ.ศูนย์แหงๆครับ
พอๆกับรพ.รัฐในกรุงเทพแหละครับ แต่ward ผู้ป่วยในนี่ สุดๆจริงๆ
โดยเฉพาะ ward อายุรกรรม ศัลยกรรม เด็ก
ขอเห็นแย้งหน่อยนะครับ พอดีมีหุ้นอยู่ด้วย กลัวหุ้นตก :lol: :lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 63
คุณลูกอีสานคะ กรุณาวิเคราะห์ SVH ด้วยค่ะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 64
FOREVERYOUNG เขียน:คุณลูกอีสานคะ กรุณาวิเคราะห์ SVH ด้วยค่ะ
ออกตัวว่าผมไม่ได้ติดตามตัวนี้นะครับ แต่จากที่ไปดูข้อมูลคร่าวๆเป็นอย่างนี้ครับ
1. กำไรไตรมาส 2 ไตรมาส 0.83 บ/หุ้น ไตรมาส 2 ทำได้ 0.5 บ/หุ้น เพราะเริ่มรวมงบสาขาศรีราชาเข้ามา ดังนั้นใช้ไตรมาส 2 เป็นฐาน eps ทั้งปีน่าจะทำใด้ 2-2.5 บ/หุ้น ราคาตลาด 39 บาท ได้ pe ประมาณ 17 เท่า ก็ถือว่าค่อนข้างแพง (แต่ในเวปตลาด pe แค่ 11 เท่า ผมไม่แน่ใจว่าว่าใครคำนวณผิด เห็นครั้งแรกผมแอบคิดว่าจะได้ถือหุ้น รพ.อีกตัวซะแล้ว :lol: )
2.งบการเงินค่อนข้างอ่อนแอ มีหนี้สินทั้งระยะยาวและสั้นมาก ขาดสภาพคล่อง มีหนี้เงินกู้ทั้สิ้น 2170 ลบ. หากทำกำไรได้อย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 10 ในการคืนหนี้ โดยไม่จ่ายปันผล และไม่ลงทุนมากกว่าค่าเสื่อม ที่จริงอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง แต่มีต้นทุนทางการเงินสูงด้วยคือดอกเบี้ย ทำให้อัตรากำไรสุทธิต่ำประมาณ 5-6% ซึ่งต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระดับลูกค้า และรพ.ในระดับเดียวกัน
3.มีขาดทุนสะสมประมาณ 570 ล้าน ใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าจะทำให้เป็นบวก ทำให้ปันผลไม่ได้ ที่จริงบริษัทไม่จ่ายปันผลมา 5 ปีแล้ว แม้จะจ่ายได้เจ้าหนี้ก็อาจจะไม่ให้จ่าย เพราะมีหนี้ค่อนข้างสูง
4.กิจการมี 3 สาขาคือสุขุมวิท ศรีนครินทร์ ศรีราชาที่เพิ่งซื้อ (ถือหุ้น 60%) จับลูกค้าตลาดบน ใช้อัตราการใช้บริการจริงค่อนข้างต่ำ และมีการเติบโตของคนใข้ไม่สูงประมาณ 5-11% ต่อปี
5.เป็นบริษัทลูกของ bgh โดยถือหุ้น 93% ทำให้มีปริมาณหุ้นหมุนเวียนไม่ถึง 15% กำลังจะโดนขึ้นเครื่องหมาย CM (ปี 2547 bgh takover โดยแลกหุ้น 1 หุ้น svh / 2 หุ้น bgh ไม่จ่ายเงินสด)
สรุปว่า pe 17 เท่า อัตราการเติบโตปานกลาง งบการเงินอ่อนแอ ไม่มีเงินปันผล ผมมองว่าน่าจะมีตัวที่น่าสนใจมากกว่านี้ครับ :o
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 65
[quote="ลูกอิสาน
2.งบการเงินค่อนข้างอ่อนแอ มีหนี้สินทั้งระยะยาวและสั้นมาก ขาดสภาพคล่อง มีหนี้เงินกู้ทั้สิ้น 2170 ลบ. หากทำกำไรได้อย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 10 ในการคืนหนี้ โดยไม่จ่ายปันผล และไม่ลงทุนมากกว่าค่าเสื่อม ที่จริงอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง แต่มีต้นทุนทางการเงินสูงด้วยคือดอกเบี้ย ทำให้อัตรากำไรสุทธิต่ำประมาณ 5-6% ซึ่งต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระดับลูกค้า และรพ.ในระดับเดียวกัน
3.มีขาดทุนสะสมประมาณ 570 ล้าน ใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าจะทำให้เป็นบวก ทำให้ปันผลไม่ได้ ที่จริงบริษัทไม่จ่ายปันผลมา 5 ปีแล้ว แม้จะจ่ายได้เจ้าหนี้ก็อาจจะไม่ให้จ่าย เพราะมีหนี้ค่อนข้างสูง
[/quote]
ถ้ามีการเพิ่มทุนเพื่อตัดขาดทุนสะสม และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็อาจจะกลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจขึ้นมาสิครับ....แต่P/E ก็คงขึ้นมารอเวลาอยู่แล้วมั้งครับ
frontosa wrote:
คนแน่น รออาจารย์หมอจากศิริราชมารักษา ห้องพักยังต้องโทรจองล่วงหน้า ยังกะโรงแรมแหนะ(หมายถึง รพ.ธนบุรี1 นะครับ)
2.งบการเงินค่อนข้างอ่อนแอ มีหนี้สินทั้งระยะยาวและสั้นมาก ขาดสภาพคล่อง มีหนี้เงินกู้ทั้สิ้น 2170 ลบ. หากทำกำไรได้อย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 10 ในการคืนหนี้ โดยไม่จ่ายปันผล และไม่ลงทุนมากกว่าค่าเสื่อม ที่จริงอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง แต่มีต้นทุนทางการเงินสูงด้วยคือดอกเบี้ย ทำให้อัตรากำไรสุทธิต่ำประมาณ 5-6% ซึ่งต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระดับลูกค้า และรพ.ในระดับเดียวกัน
3.มีขาดทุนสะสมประมาณ 570 ล้าน ใช้เวลาประมาณ 2 ปีกว่าจะทำให้เป็นบวก ทำให้ปันผลไม่ได้ ที่จริงบริษัทไม่จ่ายปันผลมา 5 ปีแล้ว แม้จะจ่ายได้เจ้าหนี้ก็อาจจะไม่ให้จ่าย เพราะมีหนี้ค่อนข้างสูง
[/quote]
ถ้ามีการเพิ่มทุนเพื่อตัดขาดทุนสะสม และปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ก็อาจจะกลายเป็นหุ้นที่น่าสนใจขึ้นมาสิครับ....แต่P/E ก็คงขึ้นมารอเวลาอยู่แล้วมั้งครับ
frontosa wrote:
ลักษณะคล้ายๆ รพ.ธนบุรี กับ รพ.ศิริราช เลยนะครับโดยทั้งสองรพ.อยู่ใกล้กันมากจริงๆครับ อยู่ในตัวเมืองทั้งคู่ ห่างกัน
ประมาณ 1 km ได้ครับ หมอที่ไปตรวจที่รพ.เอกชลก็เป็นหมอจากรพ.ศูนย์
เป็นส่วนใหญ่ครับ แต่ก็ไม่ได้มีแต่หมอทั่วไปนะครับ อ.แพทย์ก็ไปตรวจกัน
เยอะแยะครับ อ.บางคนยังรับเวรตรวจผู้ป่วยนอกเวลาถึงเที่ยงคืนเลยครับ
จริงๆจะแยก ระหว่างหมอกับคลินิก กับ รพ.จะยากครับ เพราะต้องพึ่งพากัน
เวลาคนไข้ที่มาที่คลินิกจำเป็นต้องนอนรพ. หมอก็ต้องเลือกรพ.ให้อยู่ดี และ
ถ้ารับ job ที่รพ.เอกชนด้วย ก็จะตามมาดูแลคนไข้ต่อได้ครับ
คนแน่น รออาจารย์หมอจากศิริราชมารักษา ห้องพักยังต้องโทรจองล่วงหน้า ยังกะโรงแรมแหนะ(หมายถึง รพ.ธนบุรี1 นะครับ)
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 66
คุณลูกอิสานครับ....ขอถามอีกนิดเป็นความรู้ครับ
กรณีที่เราดูกระแสเงินสด โดยดูควบคู่กับค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวร เราสามารถประเมิณค่าเสื่อมราคากลับมามีมูลค่าควบคู่กับกระแสเงินสดได้มั้ยครับ
ถ้าได้ กรณีอาคารหรือสินทรัพย์ถาวรที่ปลุกสร้างบนที่ดินเช่า อาจจะไม่สามารถคิดมูลค่ากลับมาควบคู่กับกระแสเงินสด รึปล่าวครับ(หมายความว่ากรณีนี้อาจต้องตีเป็นค่าเสื่อมราคาไปเลยตามจริง)
กรณีนี้ มีนัยสำคัญกับค่า P\E ของTNH บ้าง มากน้อยแค่ไหนครับ
รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการเช่าเข้าไปด้วย
กรณีที่เราดูกระแสเงินสด โดยดูควบคู่กับค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวร เราสามารถประเมิณค่าเสื่อมราคากลับมามีมูลค่าควบคู่กับกระแสเงินสดได้มั้ยครับ
ถ้าได้ กรณีอาคารหรือสินทรัพย์ถาวรที่ปลุกสร้างบนที่ดินเช่า อาจจะไม่สามารถคิดมูลค่ากลับมาควบคู่กับกระแสเงินสด รึปล่าวครับ(หมายความว่ากรณีนี้อาจต้องตีเป็นค่าเสื่อมราคาไปเลยตามจริง)
กรณีนี้ มีนัยสำคัญกับค่า P\E ของTNH บ้าง มากน้อยแค่ไหนครับ
รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการเช่าเข้าไปด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 67
นิตยสารหลายฉบับเริ่มตีพิมพ์เรื่องโรงพยาบาลแล้วน่าครับ
เริ่มจากtimeฉบับเดือน กค 2549
คนไข้ชาวอเมริกันเริ่มหันมาสนใจและเริ่มเข้ามารักษา
ในประเทศไทย อินเดีย มาเลเซียเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถูกว่าในประเทศ
(รายการนี้คนที่จะต้องตั้งคำถามเพื่อยืนยันคือคนที่ถือหุ้น BHพวกนี้น่าครับ)
ต่อมา
คือบริษัทประกันภัยของสหรัฐ เริ่มให้การประกันภัยแบบนี้
ในประเทศรักษาแพงก็ส่งออกมารักษาต่างประเทศ
งานนี้ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จหรือเปล่าเนี่ย
เริ่มจากtimeฉบับเดือน กค 2549
คนไข้ชาวอเมริกันเริ่มหันมาสนใจและเริ่มเข้ามารักษา
ในประเทศไทย อินเดีย มาเลเซียเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถูกว่าในประเทศ
(รายการนี้คนที่จะต้องตั้งคำถามเพื่อยืนยันคือคนที่ถือหุ้น BHพวกนี้น่าครับ)
ต่อมา
คือบริษัทประกันภัยของสหรัฐ เริ่มให้การประกันภัยแบบนี้
ในประเทศรักษาแพงก็ส่งออกมารักษาต่างประเทศ
งานนี้ก็ถือว่า ประสบความสำเร็จหรือเปล่าเนี่ย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 68
ไม่รู้ว่าผมเข้าใจและตอบตรงประเด็นของพี่เพื่อนหรือเปล่านะครับเพื่อน เขียน:คุณลูกอิสานครับ....ขอถามอีกนิดเป็นความรู้ครับ
กรณีที่เราดูกระแสเงินสด โดยดูควบคู่กับค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ถาวร เราสามารถประเมิณค่าเสื่อมราคากลับมามีมูลค่าควบคู่กับกระแสเงินสดได้มั้ยครับ
ถ้าได้ กรณีอาคารหรือสินทรัพย์ถาวรที่ปลุกสร้างบนที่ดินเช่า อาจจะไม่สามารถคิดมูลค่ากลับมาควบคู่กับกระแสเงินสด รึปล่าวครับ(หมายความว่ากรณีนี้อาจต้องตีเป็นค่าเสื่อมราคาไปเลยตามจริง)
กรณีนี้ มีนัยสำคัญกับค่า P\E ของTNH บ้าง มากน้อยแค่ไหนครับ
รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการเช่าเข้าไปด้วย
คือตอนนี้ tnh เช่าที่ดินประมาณ 6 ไร่จากหม่อมสโมสรเกษม เกษมศรี ระยะเวลา 30 ปีสิ้นสุดปี 2561 แต่กลางปีนี้ท่านได้โอนที่ดินให้สภากาชาดไทย สภากาชาดไทยก็รับค่าเช่าต่อไป ต้องยกย่องในความดีของท่านมาในโอกาสนี้ด้วยครับ
ครบกำหนด 30 ปีสัญญาที่ทำไว้สามารถต่อได้ไม่น้อยกว่า 5 ปี ตามค่าเช่าที่ตกลงกันใหม่ โดยที่หลังจากครบสัญญาเช่า เข้าใจว่าหมายถึงปี 2561 สินทรัพย์อาคาร สิ่งก่อสร้างจะตกเป็นของสภากาชาดไทย ดังนั้นสัญญาที่ต่อคงรวมค่าเช่าที่ดิน และค่าเช่าอาคารไปด้วย (ตอนนี้เช่าแค่ที่ดิน)
คาดว่าหลังครบสัญญา คงได้ต่อแน่ๆครับ แต่อาจจะต้องจ่ายมากขึ้น
ราคาค่าเช่าที่ดินตอนนี้เดือนละประมาณ 78,000 บ/เดือนครับ
ส่วนคำถามของพี่เพื่อน ผมเข้าใจว่าปกติบริษัทสร้างอาคาร ก็มักจะตัดค่าเสื่อมตามอายุการใช้งานประมาณ 25-30 ปี โดยจ่ายเงินไปในการลงทุนครั้งแรก ปีต่อๆไปก็ตัดค่าเสื่อมเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน แต่เงินไม่ได้ออกไปจริงๆ เพราะเราจ่ายไปครั้งแรกแล้ว ดังนั้นกิจการมักนำเงินนี้ไปใช้ได้อิสระ ส่วนใหญ่ มักคืนหนี้ที่กู้มาก่อสร้างอาคารนั้นๆ ครับ หรือไม่ก็นำไปใช้ส่วนอื่นๆ
บริษัทส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของอาคารเอง หลังจากตัดค่าเสื่อมครบ ก็มักจะใช้งานอาคารต่อไป (ถ้าสภาพยังใช้ได้) โดยไม่ต้องตัดค่าเสื่อม ทำให้งบกำไรดูดีขึ้น แต่กระแสเงินสดจะเท่าเดิม
กรณี tnh หากยังเช่าอยู่ ตัดค่าเสื่อม แต่ไม่ได้จ่ายเงินไปจริงๆ ก็นำเงินไปใช้ทำอะไรก็ได้ เป็นส่วนหนึ่งของกระแสเงินสด แต่หลังจากครบกำหนดการเช่าแล้วต้องคืนอาคารให้ผู้เช่า ซึ่งจะมี 2 กรณี
1.ต่อสัญญาเช่าต่อ ทำให้ไม่ต้องตัดค่าเสื่อม แต่จ่ายค่าเช่าอาคารแทน ทำให้กำไรอาจจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก หากค่าเสื่อมที่เคยตัด กับค่าเช่าใหม่พอๆกัน แต่กระแสเงินสดจะลดลง เพราะเค่าเช่าใหม่เป็นรายจ่ายที่จ่ายไปจริงๆ ไม่ใช่ค่าเสื่อมที่เงินสดไม่ออกไป
2.ผู้ให้เช่าไม่ต่อสัญญา (ผมคิดว่าเป็นไปได้น้อยที่สภากาชาดไทยไม่ต่อค่าเช่า) tnh ก็ต้องไปหาที่ใหม่ สร้างอาคารใหม่ เสมือนเริ่มกิจการใหม่ แต่จะดีหน่อยที่ยังเป็นเจ้าของชื่อโรงพยาบาล และเครื่องมือแพทย์ สังหาริมทรัพย์อื่นๆ
พอจะตรงคำถามใหมครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- tatandchin
- Verified User
- โพสต์: 775
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 69
โดยส่วนตัว ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณฉัตรชัย กับคุณ stock ms คับ เพราะว่า pe ที่สูง ถ้าเราไม่สามารถเพิ่ม eps ได้ตามที่ตลาดคาดหวัง อาจลงเยอะได้คับ ดังนั้นค่อนข้างเป็นภาระที่หนักเพราะตลาดคาดหวังสูง และผม (เชื่อว่า) ถ้าตลาดมองว่าธุรกิจ รพ. ยังมีกำไรสูงและ ตลาดที่โตในอนาคต ก็จะทำให้มีผู้เข่ามาใหม่มากขึ้น อาจมาในรูปแบบอื่น (นอกจาก รพ.)
แต่ก็ยังแปลกใจที่ รพ. บางแห่งสามารถรักษา pe ที่สูงไว่ได้ต่อเนื่องหลายปี
และโดยส่วนตัวก็ยังเชื่อว่ามันมีวัน(วัฎจักร)ของมันครับ ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้เป็นช่วงไหนของวัฎจักร ถ้าเป็นช่วงต้นของวัฏจักรขาขึ้นก็ดีไปปครับ แต่ถ้าเป็นขาลง (กำไรของ รพ. อาจไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของตลาดได้) ก็แย่หน่อยครับ
เป็นแค่ความเห็นกว้าง ๆ เท่านั้นครับ
แต่ก็ยังแปลกใจที่ รพ. บางแห่งสามารถรักษา pe ที่สูงไว่ได้ต่อเนื่องหลายปี
และโดยส่วนตัวก็ยังเชื่อว่ามันมีวัน(วัฎจักร)ของมันครับ ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้เป็นช่วงไหนของวัฎจักร ถ้าเป็นช่วงต้นของวัฏจักรขาขึ้นก็ดีไปปครับ แต่ถ้าเป็นขาลง (กำไรของ รพ. อาจไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของตลาดได้) ก็แย่หน่อยครับ
เป็นแค่ความเห็นกว้าง ๆ เท่านั้นครับ
- เพื่อน
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1832
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 70
ขอบคุณครับ คุณลูกอิสาน
ถ้าเราตั้งโมเดลขึ้นมาพิจารณากันตามจริง ก็จะได้ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากค่าเสื่อมราคาของอาคาร โดยใช้ราคาอาคารหารด้วย25 เป็นค่าใช้จ่ายแต่ละปี
ในขณะที่ รพ.อื่น มีการแสดงค่าเสื่อมอาคารให้ดู แต่กลับไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง อย่างมากผมว่าอาจเป็นค่าซ่อมบำรุงพิเศษไม่เกิน10-30%ชองมูลค่าอาคาร...ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของอาคารในการลงทุนคร้งแรก (ซึ่งTNHคงไม่อยากลงทุนในส่วนการซ่อมบำรุงอาคารเพิ่มเติมในช่วงหลังๆ...เพราะไม่ใช่ของตัวเอง)
อีกประเด็นที่ต้องไม่ลืมด้วยก็คือ ราคาค่าก่อสร้างอาคาร รพ.ใหม่ ในอีก30ปีข้างหน้า จะสูงกว่าในปัจจุบันมาก....น่าจะทำให้ราคาค่าเช่าสูงมาก(รวมทั้งค่าเช่าที่ดินและค่าปรับปรุงอาคารด้วย) เมื่อถึงเวลานั้นอาจมีการประมูลค่าเช่าอาคารก็เป็นได้นะครับ เพราะเป็นกิจการของรัฐซึ่งต้องแสดงความโปร่งใสด้วย
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นคงยังไม่มีข้อเปรียบเทียบชัดเจน จึงยังไม่น่าเป็นเรื่องกังวลในการถือหุ้นระยะสั้นถึงปานกลาง และถึงตอนนั้น TNHอาจทำกำไรได้สูงและเร็วกว่าจนสามารถcoverค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ไปแล้ว หรืออาจมีการเพิ่มขยายตัว รพ.ไปแหล่งอื่นๆอีกหลายหลังแล้วก็ได้ครับ....คงต้องรอดูกันชัดเจนในช่วงอายุใกล้25ปี(วัยเบญจเพศ)ของTNHอีกที....ตอนนี้ลงทุนกันได้อย่างสบายใจครับ
ถ้าเราตั้งโมเดลขึ้นมาพิจารณากันตามจริง ก็จะได้ตัวเลขค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากค่าเสื่อมราคาของอาคาร โดยใช้ราคาอาคารหารด้วย25 เป็นค่าใช้จ่ายแต่ละปี
ในขณะที่ รพ.อื่น มีการแสดงค่าเสื่อมอาคารให้ดู แต่กลับไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง อย่างมากผมว่าอาจเป็นค่าซ่อมบำรุงพิเศษไม่เกิน10-30%ชองมูลค่าอาคาร...ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของอาคารในการลงทุนคร้งแรก (ซึ่งTNHคงไม่อยากลงทุนในส่วนการซ่อมบำรุงอาคารเพิ่มเติมในช่วงหลังๆ...เพราะไม่ใช่ของตัวเอง)
อีกประเด็นที่ต้องไม่ลืมด้วยก็คือ ราคาค่าก่อสร้างอาคาร รพ.ใหม่ ในอีก30ปีข้างหน้า จะสูงกว่าในปัจจุบันมาก....น่าจะทำให้ราคาค่าเช่าสูงมาก(รวมทั้งค่าเช่าที่ดินและค่าปรับปรุงอาคารด้วย) เมื่อถึงเวลานั้นอาจมีการประมูลค่าเช่าอาคารก็เป็นได้นะครับ เพราะเป็นกิจการของรัฐซึ่งต้องแสดงความโปร่งใสด้วย
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นคงยังไม่มีข้อเปรียบเทียบชัดเจน จึงยังไม่น่าเป็นเรื่องกังวลในการถือหุ้นระยะสั้นถึงปานกลาง และถึงตอนนั้น TNHอาจทำกำไรได้สูงและเร็วกว่าจนสามารถcoverค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้ไปแล้ว หรืออาจมีการเพิ่มขยายตัว รพ.ไปแหล่งอื่นๆอีกหลายหลังแล้วก็ได้ครับ....คงต้องรอดูกันชัดเจนในช่วงอายุใกล้25ปี(วัยเบญจเพศ)ของTNHอีกที....ตอนนี้ลงทุนกันได้อย่างสบายใจครับ
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ถามนิดครับ
โพสต์ที่ 72
ถามแบบไม่ได้ดูงบนะครับ เพราะสิ่งที่ถามในงบดูไม่ออก
ในเวลาไม่นานนี้ ผมกว่า เรื่องบุคคลากรมากที่สุดสำหรับอุตฯนี้
ทั้งเรื่องหาบุคคลากร เรื่องค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร
ในเวลาไม่นานนี้ ผมกว่า เรื่องบุคคลากรมากที่สุดสำหรับอุตฯนี้
ทั้งเรื่องหาบุคคลากร เรื่องค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- metro
- Verified User
- โพสต์: 861
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 73
[quote="frontosa"]โดยทั้งสองรพ.อยู่ใกล้กันมากจริงๆครับ อยู่ในตัวเมืองทั้งคู่ ห่างกัน
ประมาณ 1 km ได้ครับ หมอที่ไปตรวจที่รพ.เอกชลก็เป็นหมอจากรพ.ศูนย์
เป็นส่วนใหญ่ครับ แต่ก็ไม่ได้มีแต่หมอทั่วไปนะครับ อ.แพทย์ก็ไปตรวจกัน
เยอะแยะครับ อ.บางคนยังรับเวรตรวจผู้ป่วยนอกเวลาถึงเที่ยงคืนเลยครับ
จริงๆจะแยก ระหว่างหมอกับคลินิก กับ รพ.จะยากครับ เพราะต้องพึ่งพากัน
เวลาคนไข้ที่มาที่คลินิกจำเป็นต้องนอนรพ. หมอก็ต้องเลือกรพ.ให้อยู่ดี และ
ถ้ารับ job ที่รพ.เอกชนด้วย ก็จะตามมาดูแลคนไข้ต่อได้ครับ
เรื่องนี้จะเห็นชัดมากในกรณีฝากครรภ์นะครับ ฝากที่คลินิก แต่ยังไงๆก็ต้อง
คลอดที่รพ.ครับ
แต่เรื่องคนไข้นอกนิยมไปตรวจที่คลินิกนี่จริงครับ คลินิกแต่ละที่จะบูมมาก
แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ เพราะฉะนั้นมันก็คงสะท้อนมาในงบหมด
แล้วล่ะครับ
ประมาณ 1 km ได้ครับ หมอที่ไปตรวจที่รพ.เอกชลก็เป็นหมอจากรพ.ศูนย์
เป็นส่วนใหญ่ครับ แต่ก็ไม่ได้มีแต่หมอทั่วไปนะครับ อ.แพทย์ก็ไปตรวจกัน
เยอะแยะครับ อ.บางคนยังรับเวรตรวจผู้ป่วยนอกเวลาถึงเที่ยงคืนเลยครับ
จริงๆจะแยก ระหว่างหมอกับคลินิก กับ รพ.จะยากครับ เพราะต้องพึ่งพากัน
เวลาคนไข้ที่มาที่คลินิกจำเป็นต้องนอนรพ. หมอก็ต้องเลือกรพ.ให้อยู่ดี และ
ถ้ารับ job ที่รพ.เอกชนด้วย ก็จะตามมาดูแลคนไข้ต่อได้ครับ
เรื่องนี้จะเห็นชัดมากในกรณีฝากครรภ์นะครับ ฝากที่คลินิก แต่ยังไงๆก็ต้อง
คลอดที่รพ.ครับ
แต่เรื่องคนไข้นอกนิยมไปตรวจที่คลินิกนี่จริงครับ คลินิกแต่ละที่จะบูมมาก
แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ เพราะฉะนั้นมันก็คงสะท้อนมาในงบหมด
แล้วล่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 75
ราคากระโดดไปเท่าไหร่
อาจไม่สำคัญเท่า ราคาจะยั่งยืนนานเท่าๆไหร่มั้งครับ
เหมือนกับหุ้น สำนักพิมพ์บางอัน ขึ้นมา 2 บาท แล้วก็หล่น....
มาตอบนะครับ (แต่ตั้งคำถามไว้นานแล้ว :lol: )
ผมว่าถ้าเราเข้าใจธุรกิจที่ลงทุน แค่นั้นก็น่าจะช่วยให้เรามีความปลอดภัยมากขึ้น(อย่างที่ชาว VI รู้กัน)
คนที่มา รพ. ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ป่วย ก็มาเยี่ยมญาติ
คงไม่มีใครอยากมาเที่ยว รพ. (หรืออาจมาจีบคนใน รพ. ..ก็ไม่แน่นะ )
แต่ถ้าเทียบกับร้านหนังสือ
ห้างสรรพสินค้า
...บางทีเดินเข้า เพราะว่าเราร้อน เบื่อ อยากเดินเล่น ฯลฯ
ซึ่งผมว่า คนที่เข้า รพ.เนี่ย มักจะมีโอกาส ได้ใช้เงินให้เจ้าของกิจการ มากกว่าคนที่เข้าไปใน ร้านหนังสือ (เห็นอ่านฟรีอยู่บ่อยๆ) หรือห้างสรรพสินค้านะครับ
สรุป ผมว่า น่าจะปลอดภัยนะครับ (เพราะผมก็ถือ B...อยู่น่ะ อ้าว มาเชียร์หุ้นนี่เรา :lol: )
อาจไม่สำคัญเท่า ราคาจะยั่งยืนนานเท่าๆไหร่มั้งครับ
เหมือนกับหุ้น สำนักพิมพ์บางอัน ขึ้นมา 2 บาท แล้วก็หล่น....
มาตอบนะครับ (แต่ตั้งคำถามไว้นานแล้ว :lol: )
ผมว่าถ้าเราเข้าใจธุรกิจที่ลงทุน แค่นั้นก็น่าจะช่วยให้เรามีความปลอดภัยมากขึ้น(อย่างที่ชาว VI รู้กัน)
คนที่มา รพ. ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ป่วย ก็มาเยี่ยมญาติ
คงไม่มีใครอยากมาเที่ยว รพ. (หรืออาจมาจีบคนใน รพ. ..ก็ไม่แน่นะ )
แต่ถ้าเทียบกับร้านหนังสือ
ห้างสรรพสินค้า
...บางทีเดินเข้า เพราะว่าเราร้อน เบื่อ อยากเดินเล่น ฯลฯ
ซึ่งผมว่า คนที่เข้า รพ.เนี่ย มักจะมีโอกาส ได้ใช้เงินให้เจ้าของกิจการ มากกว่าคนที่เข้าไปใน ร้านหนังสือ (เห็นอ่านฟรีอยู่บ่อยๆ) หรือห้างสรรพสินค้านะครับ
สรุป ผมว่า น่าจะปลอดภัยนะครับ (เพราะผมก็ถือ B...อยู่น่ะ อ้าว มาเชียร์หุ้นนี่เรา :lol: )
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 76
ดู เท่ง โหน่ง ซักพัก พึ่งคิดได้
ว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่างกัน
เหมือนกลุ่มคนที่ดูหนังเรื่องนี้ อีกกลุ่มอยากดูเรื่องอื่น
..ที่ผมเขียนข้างต้น ก็หมายความว่า คนที่ไม่ป่วย
(ไม่มาเยี่ยมญาติ/จีบหมอ เป็นต้น ) ก็อาจไม่มา รพ.เนอะ
เพราะมันคนละ business model กัน ... งั้นต้องไปฟังพี่มนพูดเรื่อง biz. model ซะแล้ว
(โยงเข้าไปได้นะเรา )
เอาเป็นว่า ผมก็ยังคิดว่า หุ้น รพ. น่าจะยังปลอดภัยกว่าหุ้น it บางตัวซะอีกนะครับ(ความเห็นส่วนตัวนะครับ )
ว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายต่างกัน
เหมือนกลุ่มคนที่ดูหนังเรื่องนี้ อีกกลุ่มอยากดูเรื่องอื่น
..ที่ผมเขียนข้างต้น ก็หมายความว่า คนที่ไม่ป่วย
(ไม่มาเยี่ยมญาติ/จีบหมอ เป็นต้น ) ก็อาจไม่มา รพ.เนอะ
เพราะมันคนละ business model กัน ... งั้นต้องไปฟังพี่มนพูดเรื่อง biz. model ซะแล้ว
(โยงเข้าไปได้นะเรา )
เอาเป็นว่า ผมก็ยังคิดว่า หุ้น รพ. น่าจะยังปลอดภัยกว่าหุ้น it บางตัวซะอีกนะครับ(ความเห็นส่วนตัวนะครับ )
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4940
- ผู้ติดตาม: 1
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 77
ขุดมาอีกครั้งครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- GeneraX
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 78
พอดีได้เจอ link กระทู้เข้าให้ เลยลองมาอ่านดู
เป็นกระทู้ที่ดีมากๆเลยครับ 4 ตัวที่ว่าของพี่ลูกอีสาน ตรงกับที่ผมมีอยู่ 2 ครับ โดยเหตผลที่ผมเลือกก็ใกล้เคียงกับเหตผลที่พี่ว่ามา
เสียดายตรง RAM ครับ ส่วนตัวผูกพันกับโรงพยาบาลนี้มาก หมอประจำบ้านที่รักษากันตั้งแต่รุ่นแม่ก็เป็น CEO ของ RAM ซะด้วย แต่เสียดายตรงที่ผมพึ่งเริ่มลงทุน ซึ่งราคา RAM ตอนนี้ก็ไม่ถูกเหมือนสมัยก่อนๆซะแล้ว
เป็นกระทู้ที่ดีมากๆเลยครับ 4 ตัวที่ว่าของพี่ลูกอีสาน ตรงกับที่ผมมีอยู่ 2 ครับ โดยเหตผลที่ผมเลือกก็ใกล้เคียงกับเหตผลที่พี่ว่ามา
เสียดายตรง RAM ครับ ส่วนตัวผูกพันกับโรงพยาบาลนี้มาก หมอประจำบ้านที่รักษากันตั้งแต่รุ่นแม่ก็เป็น CEO ของ RAM ซะด้วย แต่เสียดายตรงที่ผมพึ่งเริ่มลงทุน ซึ่งราคา RAM ตอนนี้ก็ไม่ถูกเหมือนสมัยก่อนๆซะแล้ว
Financial Discipline + Value Investment + Time = Financial Independence
- Isamu
- Verified User
- โพสต์: 167
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 79
ขออนุญาตมองโลกในแง่ร้าย จากคนวงใน
1.คนไข้ไปรพ.หาหมอที่ชอบ ไม่ได้ติดยี่ห้อรพ. คนไข้ไปรพ.ที่ดังเพราะจ้างหมอเก่งๆไว้ได้ ต้นทุนการดึงตัวหมอเก่งๆไว้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
2.คนไข้ไปหาหมอ ชอบหมอเฉพาะทาง ตอนนี้หมอเฉพาะทางไปกองอยู่รพ.เอกชน เพราะเมื่อก่อนหมอเฉพาะทางมีคนเรียนน้อย แต่ตอนนี้หมอเฉพาะทางผลิตเพิ่มยังกับดอกเห็ด อีกหน่อย 5-6 ปี รพ.รัฐก็มีหมอเฉพาะทางครบ ไม่ต่างจากเอกชน
3. คนเป็นโรค เพราะสะสมปัจจัยเสี่ยงมาเป็น 10 ปี คนไข้ล้นรพ.ตอนนี้ เป็นผลมาจาก10ปีก่อน 10ปีข้างหน้าจึงจะเป็นผลมาจากปัจจุบัน โรงพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็งแบบครบวงจรได้ น่าจะได้ประโยชน์ในอีก 10ปีมากที่สุด เพราะยังไม่รู้วิธีป้องกัน แต่เวลาคนไข้รู้ว่าเป็นมะเร็ง ชอบมารพ.รัฐซะนี่
4. เพิ่มจำนวนเตียง คนไข้จะไม่เพิ่มตาม ทำอย่างกับว่าสั่งให้คนป่วยได้ซะงั้น ตอนนี้รพ.เอกชน เล็งขยายไปทางคนไม่ป่วยเช่น ตรวจร่างกาย เสริมสวย บำรุง (wellness) ซึ่งรพ.รัฐ ไม่มาแข่งขันแน่
5. หมอเก่งก็ต้องพึ่งเทคโนโลยี หมอไม่เก่งยิ่งชอบพึ่งเทคโนโลยี รพ.ต้องลงทุนกับเทคโนโลยีไม่รู้จบ แล้วเมื่อไหร่จะจ่ายปันผลงามๆได้ซะที
6. กลยุทธ์การแข่งขันของรพ.จากนี้ไปคือ focus กับ differentiation ไม่ใช่ cost leadership หรือ economy of scale รักษาคนไข้ ไม่เหมือนทำปลากระป๋องนะครับ
7. สุดท้ายคุ้นๆว่า จงหลีกเลี่ยงหุ้นร้อนแรงในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรง
ผมไม่มีหุ้นรพ.เลยครับ จึงมองโลกในแง่ร้ายได้สุดๆ ลองปรึกษาแพทย์ ดีกว่าซื้อหุ้นรพ.กินเองครับ ขอบคุณครับ
1.คนไข้ไปรพ.หาหมอที่ชอบ ไม่ได้ติดยี่ห้อรพ. คนไข้ไปรพ.ที่ดังเพราะจ้างหมอเก่งๆไว้ได้ ต้นทุนการดึงตัวหมอเก่งๆไว้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ
2.คนไข้ไปหาหมอ ชอบหมอเฉพาะทาง ตอนนี้หมอเฉพาะทางไปกองอยู่รพ.เอกชน เพราะเมื่อก่อนหมอเฉพาะทางมีคนเรียนน้อย แต่ตอนนี้หมอเฉพาะทางผลิตเพิ่มยังกับดอกเห็ด อีกหน่อย 5-6 ปี รพ.รัฐก็มีหมอเฉพาะทางครบ ไม่ต่างจากเอกชน
3. คนเป็นโรค เพราะสะสมปัจจัยเสี่ยงมาเป็น 10 ปี คนไข้ล้นรพ.ตอนนี้ เป็นผลมาจาก10ปีก่อน 10ปีข้างหน้าจึงจะเป็นผลมาจากปัจจุบัน โรงพยาบาลที่รักษาโรคมะเร็งแบบครบวงจรได้ น่าจะได้ประโยชน์ในอีก 10ปีมากที่สุด เพราะยังไม่รู้วิธีป้องกัน แต่เวลาคนไข้รู้ว่าเป็นมะเร็ง ชอบมารพ.รัฐซะนี่
4. เพิ่มจำนวนเตียง คนไข้จะไม่เพิ่มตาม ทำอย่างกับว่าสั่งให้คนป่วยได้ซะงั้น ตอนนี้รพ.เอกชน เล็งขยายไปทางคนไม่ป่วยเช่น ตรวจร่างกาย เสริมสวย บำรุง (wellness) ซึ่งรพ.รัฐ ไม่มาแข่งขันแน่
5. หมอเก่งก็ต้องพึ่งเทคโนโลยี หมอไม่เก่งยิ่งชอบพึ่งเทคโนโลยี รพ.ต้องลงทุนกับเทคโนโลยีไม่รู้จบ แล้วเมื่อไหร่จะจ่ายปันผลงามๆได้ซะที
6. กลยุทธ์การแข่งขันของรพ.จากนี้ไปคือ focus กับ differentiation ไม่ใช่ cost leadership หรือ economy of scale รักษาคนไข้ ไม่เหมือนทำปลากระป๋องนะครับ
7. สุดท้ายคุ้นๆว่า จงหลีกเลี่ยงหุ้นร้อนแรงในอุตสาหกรรมที่ร้อนแรง
ผมไม่มีหุ้นรพ.เลยครับ จึงมองโลกในแง่ร้ายได้สุดๆ ลองปรึกษาแพทย์ ดีกว่าซื้อหุ้นรพ.กินเองครับ ขอบคุณครับ
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 80
ผมก็สนใจคัรบหุ้นโรงบาลแต่ว่าผมไม่เคยเห็น MOS ของมันซักที
เคยซื้อไปทีหนึ่งครับคิดว่าได้ต่ำแล้วแต่ยังไงก็ยังไม่อยู่หลังเส้น MOS
สุดท้ายแล้วราคามันก็ลงทะลุที่ผมถือไว้ สุดท้ายกดดันครับเลยขายออกไป เพราะปันผลก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับตัวอื่นในพอร์ท
คุณลูกอีสานอย่าพึ่งคิดว่าโรงพยาบาลไม่มีความเสี่ยงนะครับ อย่างตอนนี้ถ้าพูดถึงโรงพยาบาลที่รับต่างชาติเยอะ ตอนนี้ก็กระทบแล้วเห้นๆ จากเรื่องการเมืองภายใน
สังเกตุได้จาก marketing เค้าก็ออก TV Commercial มาแก้เกมส์แล้ว โดยการดึงลูกค้าภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อหวังทดแทนสิ่งที่หายไป
เคยซื้อไปทีหนึ่งครับคิดว่าได้ต่ำแล้วแต่ยังไงก็ยังไม่อยู่หลังเส้น MOS
สุดท้ายแล้วราคามันก็ลงทะลุที่ผมถือไว้ สุดท้ายกดดันครับเลยขายออกไป เพราะปันผลก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับตัวอื่นในพอร์ท
คุณลูกอีสานอย่าพึ่งคิดว่าโรงพยาบาลไม่มีความเสี่ยงนะครับ อย่างตอนนี้ถ้าพูดถึงโรงพยาบาลที่รับต่างชาติเยอะ ตอนนี้ก็กระทบแล้วเห้นๆ จากเรื่องการเมืองภายใน
สังเกตุได้จาก marketing เค้าก็ออก TV Commercial มาแก้เกมส์แล้ว โดยการดึงลูกค้าภายในประเทศให้มากขึ้น เพื่อหวังทดแทนสิ่งที่หายไป
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 81
หุ้นที่ต้องใช้ความเชื่อถือสูงมากๆๆ สำหรับลูกค้า หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝัน ในเรื่องความน่าเชื่อถือ
เช่น ธนาคาร (ผมว่าโรงพยาบาลจะสูงกว่าด้วย)
ผลจะเป็นอย่างไรครับ (เมืองไทยยังไม่เคยเกิด)
:?: :?: :?: :?: :?:
เช่น ธนาคาร (ผมว่าโรงพยาบาลจะสูงกว่าด้วย)
ผลจะเป็นอย่างไรครับ (เมืองไทยยังไม่เคยเกิด)
:?: :?: :?: :?: :?:
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- charnengi
- Verified User
- โพสต์: 2395
- ผู้ติดตาม: 0
ผมเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า ถือหุ้นโรงพยาบาล
โพสต์ที่ 82
แต่ผมว่า อุตสาหกรรมโรงพยาบาล มี Bargaining power of customer น้อย
เนื่องจากผู้ป่วย ไม่สามารถต่อรองได้ ในกรณีฉุกเฉิน
กรณีญาติผมเกิดอุบัติเหตุ ผ่าตัดสมอง ก็ต้องทำทันที ค่ารักษาหลายแสนบาทครับ อันนี้นี่เองที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้ยังเติบโตต่อไป
ส่วนที่อายุที่ยืนยาวขึ้น ผมคิดว่าไม่ได้เกิดจากการปรับตัวของประชากร ที่รักษาสุขภาพกัน ผมเห็นคนเที่ยวผับ ดื่มเหล้าก็ยังเยอะเหมือนเดิม อาหารข้างนอก ต้นทุนที่สูงทำให้เกิดการปนเปื้อนค่อนข้างมาก
รอคนเลิกเที่ยว หันมาออกกำลังกาย เลิกขับรถเร็ว เมื่อไหร่ เมื่อนั้น รพ ก็คงเจ๊ง
เนื่องจากผู้ป่วย ไม่สามารถต่อรองได้ ในกรณีฉุกเฉิน
กรณีญาติผมเกิดอุบัติเหตุ ผ่าตัดสมอง ก็ต้องทำทันที ค่ารักษาหลายแสนบาทครับ อันนี้นี่เองที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้ยังเติบโตต่อไป
ส่วนที่อายุที่ยืนยาวขึ้น ผมคิดว่าไม่ได้เกิดจากการปรับตัวของประชากร ที่รักษาสุขภาพกัน ผมเห็นคนเที่ยวผับ ดื่มเหล้าก็ยังเยอะเหมือนเดิม อาหารข้างนอก ต้นทุนที่สูงทำให้เกิดการปนเปื้อนค่อนข้างมาก
รอคนเลิกเที่ยว หันมาออกกำลังกาย เลิกขับรถเร็ว เมื่อไหร่ เมื่อนั้น รพ ก็คงเจ๊ง