๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 61
FORTH ยิ้มร่า Q3/49 และ 9 เดือนฟันกำไรอื้อ มั่นใจปีนี้รายได้เข้าเป้า 2.5 พันลบ.
FORTH โชว์งบสุดสวยไตรมาส3/2549 มีกำไรสุทธิ 108.48 ล้านบาท
ขยายตัว 706.54% จากปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือน ปั๊มกำไรสุทธิ 165.80 ล้านบาท
ขยายตัว 705.25% ผู้บริหารแจงเป็นผลมาจากรายได้จากการขายและบริการโตฉลุย
หลังส่งสินค้าใหม่ IP- DSLAMบุกตลาด แถมคำสั่งซื้อและคำสั่งจ้างผลิตพุ่งหนุนมาร์จิ้น
เพิ่ม ดังนั้น มั่นใจสิ้นปีนี้ดันรายได้เข้าเป้า 2,500 ล้านบาท ได้แบบไร้ปัญหา
นายพงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) เปิด
เผยถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2549 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 108.48 ล้านบาท เพิ่ม
ขึ้น 706.54% จากไตรมาส 3/2548 ที่มีกำไรสุทธิ 13.45 ล้านบาทและเพิ่มขึ้น 284.27% จาก
ไตรมาส 2/2549 ที่มีกำไรสุทธิ 28.23 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 165.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
705.25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 20.59 ล้านบาท
สาเหตุของกำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก มาจากรายได้จากการขายและบริการที่ปรับ
เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสามารถขายสินค้าใหม่ได้ คือ ตู้ชุมสายอินเตอร์เน็ทความเร็วสูง (IP-
DSLAM) ให้กับ บมจ.ทีโอที และงานรับจ้างมีคำสั่งผลิตเข้ามามากจนเกือบเต็มกำลังการผลิต
เช่นเดียวกับ งานขายระบบไฟจราจร และป้ายไฟแสดงข้อความที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวน
มาก นอกจากนั้น การจำหน่ายสินค้าดังกล่าวยังทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นด้วย
เขากล่าวต่อว่าปัจจัยที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายรายได้และธุรกิจ
เนื่องจากมีแผนกวิจัยและพัฒนาที่เข้มแข็ง สามารถคิดค้นสินค้าที่มีคุณภาพออกมาจำหน่าย และ
เป็นที่ยอมรับของลูกค้าโดยทั่วไป รวมถึงการเอาใจใส่ที่ดีต่อลูกค้า ทำให้ลูกค้าพอใจในบริการ
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการกลับมาของวงจรธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ที่ตกต่ำลงไป
เมื่อปี 2548 แต่ปัจจุบันได้เริ่มฟื้นตัวตัวขึ้นมา ทำให้การใช้กำลังการผลิตของบริษัทฯ สามารถใช้
ได้อย่างเต็มที่ ก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี
ขึ้น
'รายได้ของ FORTH มีแนวโน้มขยายตัวดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพราะนอก
จากจะรับรู้รายได้จากงานที่มีอยู่ในมือแล้ว บริษัทยังได้เซ็นสัญญารับงานใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดย
ระยะเวลาจากนี้จนถึงสิ้นปีนี้มีงานที่รอเซ็นสัญญาและใบสั่งซื้ออย่างเป็นทางการ คิดเป็นมูลค่า
ประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงทำให้มั่นใจได้ว่าในปี 2549 บริษัทฯจะยังรักษาเป้าหมายรายได้
เท่ากับ 2,500 ล้านไว้ได้ ส่วนปี 2550 บริษัทก็มีงานที่กำลังรอผลการประมูลในส่วนของการ
ไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมูลค่า 1,700 ล้านบาท และงานของ บมจ.ทีโอที มูลค่าประมาณ 700-800
ล้านบาท'
นายพงษ์ชัยกล่าวต่อถึง ทิศทางของธุรกิจในปี 2550 ว่าน่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเป็น
ผลพวงจากทิศทางของอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะปรับลดลง จะส่งเสริมให้
เศรษฐกิจขยายตัว ทำให้เกิดการลงทุนเพื่อให้บริการกับธุรกิจต่าง ๆ ได้เต็มที่ โดยเฉพาะระบบ
อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ดังนั้นจะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ ทำให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น ซึ่ง
หนุนให้ธุรกิจของบริษัทฯเติบโตไปพร้อม ๆ กับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ในปี 2549 บริษัทได้เริ่มขายและแนะนำสินค้าใหม่ ๆ คือตู้ชุมสายอินเตอร์เน็ท
ความเร็วสูง ตู้ชุมสายโทรศัพท์ ป้ายไฟอิเล็กทรอนิกส์ และผลตอบรับคือลูกค้าก็พอใจในสินค้าและ
บริการของบริษัทเป็นอย่างมาก ดังนั้น คาดว่าในปี 2550 จะมีรายได้จากสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่าง
ชัดเจน และหนุนให้รายได้รวมของ FORTH ขยายตัวดีต่อเนื่อง
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 62
SPORT กำไรสวยเพราะควบคุมต้นทุนได้ดี-ได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้การค้า
บริษัทสยามสปอร์ตซินดิเคท จำกัด(มหาชน) มีผลการดำเนินงานสำหรับ
งวดไตรมาสที่ 3/2549 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 เป็นกำไรสุทธิ 15.04 ล้าน
บาท ซึ่งเปรียบเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปี 2548 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 5.91
ล้านบาท หรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 9.13 ล้านบาทหรือร้อยละ 154.48 เนื่องมาจากสาเหตุ
ดังนี้
1. บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวมลดลง 21.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นนโยบายของบริษัท
ในการควบคุมต้นทุน โดยต้นทุนขายลดลง 5.5 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและ
บริหารลดลง6.6 ล้านบาท และบริษัทได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้การค้าจำนวนเงิน
13.5 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญไปแล้ว ทำให้ค่าใช้จ่ายลด
ลง ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นก็คือการควบคุมและการบริหารต้นทุนให้มี
ประสิทธิภาพ
2. บริษัทมีรายได้รวมลดลง 11.5 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขาย
หนังสือพิมพ์ลดลง ทั้งนี้เป็นนโยบายของบริษัทที่ต้องการควบคุมยอดรับคืน เพราะ
ช่วงไตรมาส 3 โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลยูลีกยุโรปไม่ค่อยมีมากนัก
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 63
PPM แจง Q3/49 กำไรพุ่ง เหตุกำไรขั้นต้นขยับ หลังเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการจัดการสินค้าคงคลัง
นายชำนาญ พรพิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรพรหมเม็ททอล จำกัด
(มหาชน)(PPM) เปิดเผยว่า บริษัทได้ส่งงบการเงินสำหรับไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน
2549 ที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีแล้ว บริษัทฯ ขอชี้แจงสาเหตุของผลการดำเนินงาน
เมื่อเปรียบเทียบกับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 20 ดังนี้
1.บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 742.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 533.19 ล้านบาท ใน ไตร
มาสเดียวกันของปี 2548 คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 39.29 เนื่องจากการราคาแร่มีการปรับ
ตัวสูงขึ้น ตามลำดับ จึงทำให้ราคาขายสินค้าทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอุตสาหกรรม และกลุ่มวัสดุ
ก่อสร้างมีการปรับ เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ยังคงมีการรักษาและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อ
เนื่อง
2 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 77.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 36.03 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกัน
ของปี 2548 คิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 116.46 ซึ่งเป็นไปตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพ
3.บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 19.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 15.87 ล้านบาท
ในไตร มาสเดียวกันของปี 2548 คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 21.80 และมีสัดส่วนค่าใช้
จ่ายในการขาย และบริหารต่อรายได้จากการขายเท่ากับร้อยละ 2.60 เปรียบเทียบกับร้อยละ
2.98 ในไตรมาส เดียวกันของปี 2548 จะเห็นว่าสัดส่วนดังกล่าวมีการปรับตัวลดลงมาก โดย
บริษัทฯสามารถควบคุมค่าใช้ จ่ายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับกับยอดขายที่มีการ
ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4.จากเหตุผลข้างต้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 3 ปี 2549
บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 44.85ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนบริษัทฯมีกำไรสุทธิ
5.39 ล้านบาท
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 64
BOL แจง Q3/49 กำไรพุ่ง 1179.56% เหตุรายได้เพิ่ม-ค่าใช้จ่ายลด
นายนรวัฒน์ สุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน)
(BOL) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) ได้พิจารณาอนุมัติงบ
การเงินไตรมาสที่3/2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ซึ่งผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้สอบ
ทานแล้ว โดยที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาสที่ 3/2549 ตามที่ปรากฏในงบกำไรขาด
ทุนเฉพาะและงบกำไรขาดทุนรวม มีกำไรสุทธิเท่ากับ 7.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.17 ล้าน
บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,179.56% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของงวดเดียวกันในปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุ
หลักดังต่อไปนี้
1. รายได้รวมสำหรับไตรมาสที่ 3/2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ
51.23 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 14.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40.58% เมื่อเทียบกับยอดรายได้รวม
ของงวดเดียวกันปีที่แล้ว สาเหตุหลักเกิดจากรายได้ จากการให้บริการด้านการบริหารข้อมูลและ
รายได้ค่าที่ปรึกษา (Data Management and Consultation income)ที่เพิ่มขึ้น 8.11 ล้าน
บาท หรือเพิ่มขึ้น 1,580% เมื่อเทียบกับยอดรายได้ประเภทเดียวกันปีที่แล้ว นอกจากนี้ รายได้
จากการให้บริการ Value Added products เช่น การให้บริการ DSS เป็นต้น และ รายได้จาก
การให้บริการโครงการพิเศษ (One-off Projects) ก็เพิ่มขึ้น 5.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น
220% จากรายได้ประเภทเดียวกันในงวดเดียวกันปีก่อน
2. ต้นทุนการให้บริการสำหรับไตรมาสที่ 3/2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549
เท่ากับ 25.96 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.02 % เมื่อเทียบกับต้นทุน
การให้บริการของงวดเดียวกันปีที่แล้ว ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมีเหตุผลหลักมาจากต้นทุนของการให้
บริการด้านการบริหารข้อมูลและต้นทุนโครงการที่ปรึกษา (Data Management
and Consultation Projects) และต้นทุนการให้บริการ Value Added products (ได้แก่
DSS Service) และต้นทุนโครงการพิเศษ (One-off Projects)
3. ค่าใช้จ่ายในการบริหารและค่าตอบแทนกรรมการ สำหรับไตรมาสที่ 3/2549 สิ้น
สุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 15.44 ล้านบาท ซึ่งลดลง 0.89 ล้านบาท หรือลดลง
5.79% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีที่แล้ว
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น บริษัท มีกำไรก่อนหักภาษีสำหรับไตรมาสที่ 3/2549 สิ้น
สุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 9.78 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 8.35 ล้านบาท หรือ
เพิ่มขึ้น 584.17% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีที่แล้วกล่าวโดยสรุป บริษัท มีกำไรสุทธิหลังภาษี
สำหรับไตรมาสนี้ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 7.77 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.17
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,179.56% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีที่แล้ว ในขณะที่กำไรสุทธิหลัง
ภาษี สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 25.71 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น
19.68 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 326.37% จากกำไรสุทธิสำหรับงวดเดียวกันปีที่แล้ว
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 65
แจ้งสรุปผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2549
บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) ได้พิจารณาและอนุมัติงบการเงิน
ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบแต่สอบทานแล้วสำหรับประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2549
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯโดยรวม
มีความแตกต่างจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุสำคัญๆดังนี้
งบกำไรขาดทุน
? บริษัทฯมีรายได้จากการขายเหล็กสเตนเลสรีดเย็น จำนวน 4,061 ล้านบาท
(35,038 ตัน ณ ราคาขายถัวเฉลี่ย 115,890 บาทต่อตัน) ซึ่งสูงกว่ายอดขาย
ในช่วงเดียวกันของปี 2548 ที่มีจำนวน 2,871 ล้านบาท (31,668 ตัน
ณ ราคาขายถัวเฉลี่ย 90,654 บาทต่อตัน) เท่ากับ 1,190 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 41% โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขาย
คิดเป็น 11% และราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นคิดเป็น 28%
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 ล้านบาทหรือคิดเป็น 80%
เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 เนื่องจากบริษัทฯ
ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาทได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
รายได้อื่นๆรวม 42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39 ล้านบาทหรือคิดเป็น 1,055%
เทียบจากช่วงเดียวกันของปี 2548 เนื่องจากดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นจาก
ยอดเงินฝากที่สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 ปี 2548
มีการโอนกลับขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าเป็น
จำนวนเงิน 124 ล้านบาท โดยการโอนกลับบางส่วนจากที่ได้ตั้งสำรองไว้ใน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2548 เป็นจำนวนเงิน 200 ล้านบาท ทั้งนี้การรับรู้รายได้
ในส่วนนี้มีความจำเป็นที่จะต้องรับรู้เนื่องจากบริษัทฯมียอดขายจากการขาย
สินค้าคงเหลือวีธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งได้ตั้งค่าเผื่อมูลค่าสินค้าลดลงไว้ใน
ไตรมาสที่ 2 แล้ว
ต้นทุนขายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 เป็นจำนวนเงิน 3,009 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 188 ล้านบาทหรือคิดเป็น 7% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของ
ปี 2548 เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ โดยมีต้นทุนวัตถุดิบ
ลดลง 19%
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 153 ล้านบาท ลดลง 5 ล้านบาท
หรือคิดเป็น 3% เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2548
เนื่องจากสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลกำไรสุทธิจำนวน 951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 927 ล้านบาท
หรือคิดเป็น 3,840% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548
โดยมีสาเหตุหลักมาจาก
1. กำไรขั้นต้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
จำนวน 1,002 ล้านบาท
2. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 39 ล้านบาท
3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 5 ล้านบาท
4. ในปี 2548 มีการโอนกลับขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้า
เป็นจำนวนเงิน 124 ล้านบาท
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 66
กำไรโค้ง3 กลุ่มโรงพยาบาลสดใส พุ่ง 54.74% SVH นำโด่งกำไรกระฉูด 343% โบรกฯมั่นใจปีหน้าธุรกิจยังสดใสต่อ
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลอนาคตใสปิ๊ง กำไรQ3/49 ทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นรวม 54.74%
SVH นำโด่งกำไรพุ่งแรง 343% โรงพยาบาลมหาชัยรองลงมาโต 332% ส่วน KDH กำไรลด
ลงมากสุด 96% โบรกฯระบุ ปีนี้ปีทองธุรกิจโรงพยาบาล หลังมีผู้ใช้บริการเพิ่ม และไตรมาส3 ยัง
ถือเป็นไฮซีซั่นของโรงพยาบาล เชื่อปีหน้ายังสดใสต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้บริการที่คาดว่าจะเพิ่ม
ขึ้น รวมทั้งบางแห่งมีการสร้างเครือข่ายมากขึ้น แนะนำหุ้นเด่นในกลุ่ม BGH ให้ราคาเป้าหมาย
34 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาล ในไตรมาส 3 ปี 2549 ว่า
กำไรสุทธิโดยรวมเพิ่มขึ้นจากถึง 54.74% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2548 โดย บมจ.สมิติ
เวช (SVH) มีกำไรเพิ่มมากสุด 343.28% รองลงมา บมจ.โรงพยาบาลมหาชัย (M-C HAI)
เพิ่มขึ้น 332.44% และเชียงใหม่ธุรกิจการแพทย์ (LNH) เพิ่มขึ้น 302.11 ในขณะที่ บมจ.
โรงพยาบาลกรุงธน (KDH) กำไรลดลงมากสุด 96.78% ส่วน บมจ. วัฒนาการแพทย์ (NEW)
รองลงมา 38.81%
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี
2549 ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล หรือกลุ่มธุรกิจการแพทย์ ว่า เป็นเพราะโรงพยาบาลมีวันทำการ
มากขึ้นหากเทียบกับในไตรมาส 2 และมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูฝน จึงทำให้
กลุ่มโรงพยาบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับในไตรมาส 4 คาดว่า จะมีกำไรลดลงแต่ไม่มาก เนื่อง
จากเป็นปกติที่ผลประกอบไตรมาส 3 จะมากกว่าไตรมาส 4
ส่วนกำไรในปีนี้หากมองเป็นรายตัว หุ้นกรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) จะโดดเด่น
เนื่องจากได้เข้าไปซื้อกิจการโรงพยาบาลอื่น นอกจากนี้ก็มีหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพ(KH) ซึ่งมี
การปรับโรงพยาบาลดีขึ้น
สำหรับในปีหน้า มองว่ากลุ่มโรงพยาบาลยังน่าจะมีกำไรจากค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม
ขึ้น โดยเฉพาะการที่ชาวต่างชาติที่เริ่มใช้บริการโรงพยาบาลของไทยเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามแนะนำให้ ซื้อลงทุน BGH โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 34 บาท ให้
แนวรับไว้ที่ 28.90-29 บาท แนวต้านให้ไว้ที่ 31 บาท และถัดไปที่ 32.50
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2549 ที่
เพิ่มขึ้น มาจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับรู้รายได้จากโครงการ 30
บาทหลังจากที่เพิ่มงบประมาณต่อหัวจาก 1,300 บาท เป็น 1,600 บาท
สำหรับไตรมาส 4 คาดว่าน่าจะมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจาก
Seasonal effect แต่คาดว่าอาจจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเท่าไตรมาส 3ส่วนในปีหน้ามองว่า
กลุ่มโรงพยาบาลยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากจะมีปัจจัยบวกเรื่องจำนวนผู้ใช้บริการที่
คาดว่าจะมีเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมทั้งบางโรงพยาบาลจะมีการสร้างเครือข่ายเพิ่มขึ้นนอก
จากนี้หากมองเป็นรายตัว เช่น KH จะมีการสร้างตึกเสร็จซึ่งจะช่วยให้มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้แนะนำให้ ขาย KH เนื่องจากราคาตลาดขึ้นมาสูงกว่าราคาพื้นฐาน
ผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาล Q3/49
(หน่วย:ล้านบาท)
บริษัท Q3/49 Q3/48 เปลี่ยนแปลง (%)
กำไร(ขาดทุน)
ACH 34.91 23.84 11.07 46.43
BGH 362.68 188.58 174.1 92.32
BH 308.96 307.77 1.19 0.38
KDH 0.20 6.22 -6.02 -96.78
KH 109.07 55.59 53.48 96.20
LNH 9.49 2.36 7.13 302.11
M-CHAI 22.66 5.24 17.42 332.44
NEW (2.9) 4.74 -1.84 -38.81
NTV 42.98 23.83 19.15 80.36
RAM 83.57 57.49 26.08 45.36
SKR 23.85 10.03 13.82 137.78
SVH 87.15 19.66 67.49 343.28
VIBHA 30.91 14.25 16.66 116.91
รวม 1,113.53 719.6 393.93 54.74
ที่มา : eFinanceThai.com
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 67
PDI เผย Q3/49 มีกำไรสุทธิ 232 ล้านบาท
รายงานข่าวจากบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (PDI) ระบุว่า รายงานผลการ
ดำเนินงานประจำไตรมาสสามของปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 232 ล้านบาท หรือ 1.03 บาทต่อหุ้น
และมีรายได้จากการขายรวม 2,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่
ที่ 1,394 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากไตรมาสสองของปีเดียวกัน
สำหรับผลการดำเนินงานรอบเก้าเดือนแรกของปี 2549 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน
1,243 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 181 จากช่วงเดียวกันของปี
2548 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 442 ล้านบาท หรือ 1.96 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายเพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 62 จากระยะเวลาเดียวกันของปี 2548
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เพิ่มสูงขึ้นมากเนื่องจากราคาโลหะสังกะสีโลกมีระดับ
ราคาที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีราคาเฉลี่ยช่วงเก้าเดือนแรกเท่ากับ 2,966 เหรียญสหรัฐต่อ
เมตริกตัน เพิ่มขึ้นมากจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 129 และเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
เฉลี่ยที่ราคา 3,363 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตันในไตรมาสสามของปีนี้
บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายโลหะสังกะสีในไตรมาสนี้จำนวน 21,887 เมตริกตัน ลด
ลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกซึ่งมียอดขายค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนและผลกระทบจาก
สถานการณ์ทางการเมือง
บริษัทฯ มียอดการจำหน่ายโลหะสังกะสีระยะ 9 เดือนแรกของปีจำนวน 72,493
เมตริกตัน ลดลงร้อยละ 5 จากปี 2548 เนื่องจากการส่งออกมีปริมาณลดลง แต่การจำหน่ายใน
ประเทศเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 11 จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ผลจากปริมาณสต็อคโลหะสังกะสีโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาโลหะสังกะสีโลก
ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลดีกับบริษัทฯ สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ใน
ประเทศอาจมีผลกระทบต่อยอดขายในประเทศบ้างก็ตาม
บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2524 และจด
ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในกลุ่มทรัพยากร (เหมืองแร่) เป็นผู้ประกอบการ
ถลุงแร่สังกะสีแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกำลังการผลิตโลหะสังกะสี
บริสุทธิ์และโลหะสังกะสีผสมรวมปีละประมาณ 110,000 เมตริกตัน
ที่มา : eFinanceThai.com, thaiset.com
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 68
SEAFCO ปรับเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 2 พันลบ. แต่ยอมรับงบ Q4/49 อาจต่ำกว่า Q3/49 เล็กน้อย
SEAFCO ยอมรับงบ Q4/49 อาจต่ำกว่า Q3/49 เล็กน้อย เหตุ
ไตรมาส 3 มีงานส่งมอบได้มากกว่าที่คาดไว้ แต่ได้ปรับเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ
2 พันลบ. จากเดิม 1.75 พันลบ.คุยมีงานรอส่งมอบอีกเพียบ ชี้หุ้นวิ่งไม่หยุด
เหตุ นลท.เข้าถึงพื้นฐานบริษัทฯ หลังเห็นผลประกอบการโตต่อเนื่อง
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด
(มหาชน) (SEAFCO) เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า คาดว่ารายได้และกำไรใน
ไตรมาสที่ 4/2549 อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่ 3/2549 ที่มีรายได้อยู่ที่
ประมาณ 600-700 ล้านบาท กำไรสุทธิ 71 ล้านบาท ซึ่งถือว่าออกมาดีกว่าที่คาด
การณ์ไว้ ทั้งนี้ เป็นผลมาจากสามารถส่งมอบงานและรับรู้รายได้มากกว่าที่ประเมินไว้
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ปรับประมาณการรายได้ในปีนี้เพิ่มเป็นมากกว่า 2,000 ล้าน
บาท จากเดิมที่ประมาณการรายได้อยู่ที่ 1,750 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนที่
ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้รวม 1,670 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีงานที่รอส่งมอบ
อีกหลายโครงการ
'เดิมเราตั้งเป้ารายได้ในช่วงต้นปีอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น
1,600 ล้านบาทในไตรมาสแรก และหลังจากนั้นก็ปรับประมาณไปเป็น 1,750 ล้าน
บาท และในขณะนี้ก็คาดว่ารายได้น่าจะมากกว่า 2,000 ล้านบาท เพราะ 9 เดือนมีราย
ได้แล้ว 1,670 ล้านบาท และยังมีอีกหลายโครงการที่รอส่งมอบอยู่' นายณรงค์ กล่าว
ในขณะเดียวกัน มั่นใจว่า gross profit margin ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่
วางไว้ที่ประมาณ 13-15% โดยไตรมาสที่ 3/2549 มี gross profit margin ประมาณ
14% จึงเชื่อว่าเฉลี่ยทั้งปีนี้น่าจะสามารถรักษาให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
ทั้งนี้ ในขณะนี้มี backlog ในมือประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้
ภายในปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท และที่เหลือก็จะทยอยรับรู้ในปีหน้า ในขณะเดียว
กัน ก็จะรับงานใหม่เข้ามาทดแทนงานที่ได้มีการส่งมอบและรับรู้รายได้ไปแล้ว ทำให้
มองว่าในช่วงไตรมาสแรกปี 2550 จะยังคงมี backlog อยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
และทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง
โดยในขณะนี้ บริษัทฯได้มีการยื่นซองประกวดราคาไปมูลค่าประมาณ 400-
500 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะมีโอกาสได้งานมูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท โดยลักษณะ
งานส่วนใหญ่ที่เข้าประกวดราคานั้นจะเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียม อาคาร
สำนักงาน รวมถึงโรงพยาบาล เป็นต้น
สำหรับโครงการรถไฟฟ้า 5 สายที่รัฐบาลอนุมัติให้ดำเนินการได้นั้น จะช่วย
ทำให้ตลาดเสาเข็มเจาะมีงานมากยิ่งขึ้นและขยายตัวมากขึ้น ซึ่ง SEAFCOเป็นหนึ่ง
ในผู้ประกอบการเสาเข็มเจาะก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย อีกทั้งทำให้สามารถเลือก
งานได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทฯยังไม่ได้มีการกำหนดรูปแบบการเข้าร่วมกับงาน
โครงการรถไฟฟ้า 5 สายว่าจะเป็นลักษณะของผู้รับเหมารองหรือเข้าร่วมประมูลงาน
ซึ่งในขณะนี้ก็ได้มีผู้รับเหมารายใหญ่ติดต่อขอเป็นพันธมิตรเพื่อเข้าร่วมประมูล แต่
บริษัทฯยังคงขอดูความเหมาะสมทั้งข้อดีและข้อเสียก่อนตัดสินใจ
'งานเมกะโปรเจ็กเป็นงานจรที่ไม่ใช่งานประจำ ซึ่งหากเราขยับไปทำก็จะ
ต้องมีการปรับโครงสร้างบริษัทฯให้ใหญ่ขึ้น และก็ต้องเพิ่มคนที่มาทำงานเฉพาะมาก
ขึ้น ดังนั้นจึงยังคงเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร' นายณรงค์ กล่าว
เขากล่าวต่อว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีหน้าเติบโตประมาณ 15% จากปีนี้ที่
คาดว่าจะมีรายได้มากกว่า 2,000 ล้านบาท เนื่องจากตลาดเสาเข็มเจาะยังคงมีการ
ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐบาล
'เรามองว่ารายได้ในปีหน้าจะโตประมาณ 15% และเราก็สามารถโตได้
มากกว่านี้ แต่ไม่อยากให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลของดีมานด์และซัพพรายในตลาด
เสาเข็มเจาะ เพราะหากเราโตมากกว่านี้ก็จะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ซึ่งก็จะกระทบ
กับบริษัท' นายณรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปีหน้า SEAFCO ยังคงเน้นสัดส่วนรายได้จากงานภาคเอกชน
ประมาณ 70% และที่เหลืออีก 30% จะมาจากงานรัฐบาล ซึ่งเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกับ
ปีนี้ โดยเหตุผลที่ยังเน้นรับงานจากเอกชน เพราะงานเอกชนจะมีออกมามากกว่างาน
รัฐบาล
ในปัจจุบัน SEAFCO มีมาร์เก็ตแชร์ตลาดเสาเข็มเจาะอยู่ที่ 45% โดยไม่มี
แผนที่ต้องการจะเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในอนาคต เนื่องจากไม่ต้องการบีบให้ผู้ประกอบการ
รายเล็กเกิดการตัดราคา ซึ่งจะเกิดภาวะการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงมากขึ้นก็ย่อมส่ง
ผลกระทบผลประกอบการของบริษัทฯได้
เขากล่าวถึงราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องว่า เชื่อว่าน่าจะเกิด
จากการที่นักลงทุนได้เห็นความเคลื่อนไหวและความคืบหน้าธุรกิจของ SEAFCO ว่ามี
อัตราการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเข้าในธรรมชาติของธุรกิจเสาเข็มเจาะ ทำ
ให้สนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น จึงส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวดีขึ้น
...ที่มา eFinanceThai.com, thaiset.com
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 69
STPI เชียร์ซื้อลงทุนมีปัจจัยหนุนเทรนขาขึ้น
เอสทีพี แอนด์ ไอ มีแรงจูงใจให้เข้าลงทุน ประเมินสัญญาณเทคนิคขาขึ้น ผู้บริหารลั่น
รายได้เฉพาะบริษัทปีนี้ทะลุ 1 พันล.แน่ ยังเน้นรับงานภาคเอกชน 100% โอดค่าเงินบาทแข็งค่า
กระทบธุรกิจ เหตุส่งออกมาก เร่งสรุปแผนรุกปี 50 เหตุตัวเลขงานในมือยังไม่นิ่ง แต่มั่นใจเติบโต
ต่อเนื่อง ด้านนักวิเคราะห์แนะนำซื้อหุ้น STPI มีแนวต้านสำคัญที่ 4.30 บาท
น.ส.เปรมภา หิตะพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด
(มหาชน) หรือ STPI เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2549 เฉพาะของ STPI น่าจะเป็นไปตามเป้า
หมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำ
รายได้แล้วจำนวน 965.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 327 ล้านบาท เทียบกับปี 48 ถือเป็นกำไรที่เติบโต
เท่าตัว เนื่องจากงวด 9 เดือนปี 48 บริษัทมีกำไรสุทธิเพียงกว่า 100 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนรายได้
ที่รวมกับบริษัทย่อย และการร่วมทุนกับพันธมิตรงวด 9 เดือนมีรายได้จำนวน 1,705 ล้านบาท ทั้ง
นี้ บริษัทยังคงจะรับงานของภาคเอกชนทั้งหมด แม้ภาครัฐบาลจะมีการดำเนินการในเรื่อง
โครงการเมกะโปรเจกต์ต่อไป เนื่องจากเห็นว่างานภาครัฐบาลมีขั้นตอนในการเสนองานมาก รวม
ทั้งเงื่อนไขในสัญญาที่ค่อนข้างมาก ประกอบกับ Margin ของงานภาคเอกชนมีมากกว่ารัฐบาล
อยู่มาก
ขณะที่บริษัทยอมรับว่า ได้รับผลกระทบในเรื่องของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจาก
งานของบริษัทส่วนมากเป็นการส่งออก แต่ทั้งนี้บริษัทได้มีการตรวจสอบในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
อยู่เสมอ ถ้ามีจังหวะก็จะมีการ Forward และอาจจะดูในเรื่องของ Matching Fund รวมทั้งดูใน
ด้านอื่นเพื่อบริหารความเสี่ยงอีกด้วย ส่วนเรื่องของราคาน้ำมันตอนนี้น่าจะทรงตัวไปถึงปี 50 ส่งผล
ให้ราคาต้นทุนของบริษัทลดลงตามไปด้วย
เร่งสรุปแผนปี50-มั่นใจเติบโตเพิ่ม
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2550 บริษัทยังขอไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับ
ตัวเลข Backlog เนื่องจากตัวเลขยังไม่นิ่ง จากการเจรจาตกลงกันระหว่างบริษัทกับผู้ว่าจ้างยัง
สรุปไม่เรียบร้อย แต่เชื่อว่า จะสามารถสรุปได้ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ โดยเบื้องต้นบริษัทจะพยายาม
รักษาระดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับปี 49 ขณะเดียวกันยังพยายามหาโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มอยู่
ตลอดเวลา
ตอนนี้เรายังไม่ขอบอกตัวเลข Backlog เพราะยังไม่นิ่ง เนื่องจากมีบางรายการที่ยัง
ไม่สรุป แต่เราจะพยายามรักษาให้ใกล้เคียงกับปีนี้ไว้ก่อน แต่อยากให้เข้าใจว่า การเติบโตของ
บริษัทในแต่ละปีนั้น อาจจะไม่มีการเติบโตขึ้นๆเรื่อย เพราะต้องแล้วแต่งานที่เข้ามา ถ้าโชคดีปี
ไหนได้โครงการใหญ่มูลค่าสูงๆก็จะทำให้บริษัทมีการเติบโตในปีนั้นๆมาก แต่ถ้าไม่มีโครงการ
ใหญ่ๆ บริษัทก็พยายามหาโครงการอื่นเข้ามา จะทำให้บริษัทมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : น.ส.พ. กระแสหุ้น
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 70
...ไม่มีข่าว...
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 71
บริษัท ไทยโพลีอะคริลิค จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งผลการดำเนินงาน ไตรมาส
ที่ 3 ปี 2549 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ซึ่งผ่านการสอบทานจากผู้สอบ
บัญชีแล้วดังนี้
กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้
นิติบุคคลเท่ากับ 30.37 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.50 บาท เปรียบเทียบกับปี
ก่อน มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่ากับ 10.49 ล้านบาท คิดเป็นกำไร
ต่อหุ้น 0.86 บาท
ปัจจัยที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2549 คิดเป็นร้อยละ 189.51%
เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วเนื่องจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการ
ลดต้นทุนการผลิต และการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตที่เพิ่มขึ้น
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 72
บิ๊ก BEC คุยปีนี้ฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 1.7-1.8 พันลบ.
ส่วนรายได้ค่าโฆษณาทั้งปีจะอยู่ที่ 6 พันลบ.สูงสุดเป็นประวัติการณ์
บิ๊ก BEC คาด ทั้งปีมีกำไรไม่ตำกว่า1.7-1.8 พัน ลบ. โดยไตรมาส4
จะเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่คาดจะมีกำไรอยู่ที่ 400 ล้านบาท ส่วนรายได้ค่าโฆษณาทั้งปี
อยู่ที่ 6 พันล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังงวด 9 เดือนฟันแล้วกว่า 4.6 พันลบ.
ส่วนปีหน้าปรับกลยุทธ์เพิ่มรายการข่าว และปรับรายการช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ดึง
คะแนนนิยม เผยช่วงที่ ITV กับ MCOTมีปัญหายิ่งทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองค่า
โฆษณามากขึ้น แย้ม มี.ค.-เม.ย.ปี50 อาจพิจารณาปรับขึ้นค่าโฆษณา
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายการเงิน บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) เปิด
เผย ว่า คาดว่าในสิ้นปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้ค่าโฆษณากว่า 6 พันล้านบาท หรือโต 30% จากช่วง
เดียวกันปีก่อน โดยล่าสุด 9 เดือนบริษัทฯ มีรายได้ค่าโฆษณาแล้ว 4.6 พันล้านบาท หรือ โต
30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของรายได้โฆษณาทั้งอุตสาหกรรมในช่วง 9
เดือนแรกที่โตเพียง 8%
'ปีนี้จะเป็นปีที่เรามีรายได้จากค่าโฆษณาสูงสุดซึ่งรายได้ค่าโฆษณาของเราปรับ
สูงขึ้นทุกปีคาดว่าปีนี้น่าจะทะลุกว่า 6 พันล้านบาท' นายฉัตรชัย กล่าว
นอกจากนี้ คาดว่าประมาณเดือน มี.ค.-เม.ย. ปี 50 บริษัทฯ อาจจะพิจารณาปรับ
ขึ้นค่าโฆษณาแต่ขณะนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวเนื่องจากจะต้องรอดูผลของการ
เปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมบันเทิงไม่ว่าจะเป็น ITVที่ยังรอคำพิพากษาของศาลอยู่ ในขณะที่
MCOTก็ยังมีปัญหาเรื่องของโครงสร้างภายใน ดังนั้นคาดว่าช่วง มี.ค.-เม.ย. ปี50น่าจะเป็น
จังหวะที่จะมาพิจารณาสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง
ส่วนในปีหน้าคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของค่าโฆษณาเป็นเลข 2 หลัก ในขณะ
ที่รายได้รวมของบริษัทในปีหน้าเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยากเพราะมีความไม่แน่นอนสูง
นายฉัตรชัย กล่าวถึง กรณีที่ ITV และ MCOT ยังมีปัญหาอยู่ว่าในช่วงดังกล่าว
น่าจะช่วยให้ช่อง 3มีอำนาจในการต่อรองของค่าโฆษณามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราค่าโฆษณา
ปรับเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากที่ผ่านมาช่อง 3ไม่สามารถปรับขึ้นค่าโฆษณาได้เพราะช่อง 9 และ ITV
เป็นคู่แข่งที่สำคัญ โดยที่ผ่านมามีการปรับรูปแบบรายการค่อนข้างมากและเจาะกลุ่มลูกค้าเดียว
กันกับช่อง 3
'ที่ผ่านมาเราขึ้นค่าโฆษณาไม่ได้ และต้องลดราคาด้วยซ้ำไป เพราะITV กับช่อง
9 ปรับตัวค่อนข้างมากในขณะที่ค่าโฆษณาถูกกว่าช่อง 3 ดังนั้นต่อไปนี้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
เจ้าของสินค้าจะมาขู่เราไม่ได้ อำนาจการต่อรองด้านโฆษณาเราจะมีมากขึ้น' นายฉัตรชัย กล่าว
ส่วนกำไรสุทธิปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาท โดยงวด 9เดือน
ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 1.3 พันล้านบาท ดังนั้นไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วง High Season
บริษัทน่าจะทำกำไรได้มากกว่าไตรมาส 3 ซึ่งอยู่ที่427 ล้านบาท เมื่อรวมกับงวด 9 เดือนจึงถือว่า
มีความเป็นไปได้กับตัวเลขที่ประมาณการดังกล่าว
' ทั้งปีน่าจะทำกำไรได้ 1.7-1.8 พันล้านบาท เฉพาะไตรมาส 4 น่าจะทำได้
มากกว่า 400 ล้านบาท' นายฉัตรชัยกล่าว
สำหรับแผนงานที่บริษัทฯจะทำจากนี้ไปคือชูจุดแข็งในด้านผู้นำรายการข่าวช่วงเช้า
และจะรักษาความเป็นผู้นำไว้ให้ได้ต่อไป นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงรายการช่วงบ่ายเพื่อที่จะ
เพิ่มรายได้ของบริษัทฯให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะยังคงเน้นในเรื่องของละคร ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ
ช่อง 3 ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะปรับปรุงรายการในช่วงเสาร์-อาทิตย์เพื่อสามารถตอบโจทย์กลุ่ม
เป้าหมายได้มากขึ้น เพราะปัจจุบันรายการในวันเสาร์-อาทิตย์ของช่อง 3 ค่อนข้างเสียเปรียบคู่
แข่ง
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนรายการข่าวเป็น 50% และลดรายการ
บันเทิงลงเหลือ50% จากปัจจุบันที่รายการข่าวต่อรายการบันเทิงมีสัดส่วนอยู่ที่ 40:60 เนื่องจาก
มองว่ารายการข่าวเป็นรายการที่หากทำสำเร็จแล้วจะคงอยู่กับบริษัทไปอีกนาน ต่างจากละครที่
เมื่อจบลงแล้ว เรทติ้งส์ก็หยุดลงแค่นั้นแต่ทั้งนี้รายการข่าวของช่อง 3 จะไม่ใช่ข่าวหนักมากจน
เกินไป แต่จะเป็นข่าวที่อัพเดทสถานการณ์ในแต่ละวันมากกว่า
' ข่าวเป็นรายการที่หากทำสำเร็จแล้ว จะ stable รักษาง่ายไม่เหมือนละคร แค่ 2
เดือนก็จบแล้ว ขณะที่ข่าวต้นทุนต่ำและยังสร้างฐานคนดูได้ในอนาคต เชื่อว่าช่อง3มีช่องทางจะทำ
ตรงนี้ได้อีกมาก' นายฉัตรชัย กล่าว
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 73
AP แจงกำไรพุ่ง 207.5% หลังขายเงินลงทุนในกองทุนรวมซิตี้แอสเสท 752 ลบ.
บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ AP ชี้แจงผลการดำเนินงาน สำหรับ
กำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2549 เพิ่มขึ้นร้อยละ 207.5 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ว่ามีสาเหตุหลักมาจาก บริษัทบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุน ในกองทุนรวมซิตี้แอสเสท
จำนวน 752 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 206.9 ล้าน
บาท ในไตรมาส 3 ปี 2548 เป็น 636.2 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2549 นี้
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 74
บริษัทฯ ขอชี้แจงถึงผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของรอบปีบัญชีสิ้น
สุด 31 มีนาคม 2550 ที่เพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนว่า
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของทั้งปริมาณการขายและมูลค่าขาย
โดยที่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 32.9 และมูลค่าขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.7
อีกทั้งเป็นผลของการควบคุมต้นทุนการผลิตในระหว่างไตรมาส ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิต
เพิ่มขึ้นน้อยกว่ามูลค่าขายที่เพิ่มขึ้น กล่าวคือต้นทุนขายมีอัตราเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 36.0
ในขณะที่มูลค่าขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.7
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 75
ไตรมาสนี้ PAP สร้างเซอร์ไพรส์กำไรพุ่ง 12,474.07% ส่วน GSTEEL-SSI วงการชี้กำไรดีตามคาด
ผู้สื่อข่าวได้รวบรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในกลุ่มเหล็กทั้ง
หมวดชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเครื่องจักร และในหมวดวัสดุก่อสร้าง ปรากฎว่า บมจ.แปซิฟิก
ไพพ์ (PAP) กำไรพุ่งขึ้นสูงสุด 12,474.07% โดยไตรมาส 3/49 มีกำไรสุทธิ 67.9 ล้านบาท เพิ่ม
ขึ้น 67.36 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/48 ที่มีกำไรสุทธิ 0.54 ล้านบาท
PAP ชี้แจงว่าสาเหตุที่กำไรพุ่งขึ้นมาก ทั้งที่บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน
772.95 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ายอดขายในไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ซึ่งมีจำนวน 928.66
ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นจำนวน 43.21 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาส
เดียวกันของปี 2548 ซึ่งมีรายได้อื่นจำนวน 14.75 ล้านบาทและมีกำไรขั้นต้นจากการขายและ
บริการจำนวน 138.09 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้น 37.65 ล้านบาท ในไตรมาส
เดียวกันของปี 2548 เนื่องจาก บริษัทมีวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือ ซึ่งมีต้นทุนต่ำอยู่
ขณะเดียวกัน บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 67.94 ล้านบาท เปรียบ
เทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาสเดียวกัน ของปี 2548 จำนวน 0.54 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจเหล็กต้นน้ำผลการดำเนินงานไตรมาส 3/49 ยังทำได้ดี โดย GSTEEL
ยังกำไรกว่า 346 ล้านบาท ส่วน SSI พลิกเป็นกำไรกว่า 642 ล้านบาท จากในQ3/48 ที่ขาดทุน
ถึง 657.01 ล้านบาท
นายสุรชัย ประมวลกิจเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง
(ประเทศไทย)เปิดเผยถึงผลประกอบการในกลุ่มเหล็กว่าภาพรวมยังคงเป็นไปตามคาดโดยทั้ง
บริษัทเหล็กทั้งต้นน้ำ-ปลายน้ำจากในกลุ่มอุตสาหกรรมหมวดชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเครื่อง
จักร และในหมวดวัสดุก่อสร้าง ยังคงมีผลกำไรได้เช่น SSI และ GSTEEL ที่ยังคงมีผลกำไร
เป็นไปตามที่คาดการไว้ ส่วน MS ถือว่าผลประกอบการดีกว่าคาด และ BSBM ที่ผลประกอบ
การใกล้เคียงกับที่คาดไว้
อย่างไรก็ตามแนวโน้มภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มเหล็กในอนาคตทั้งไตรมาส
4 และปีหน้ายังคงยากที่จะประเมิน เนื่องจากจะต้องพิจารณาเป็นรายบริษัทไป เช่น SSI ,
GSTEEL และ MS ที่คาดว่าจะยังมีกำไรเพิ่มขึ้น ส่วน BSBM คาดว่าผลประกอบการอาจจะ
ลดลงได้ในปีหน้า เพราะแต่ละบริษัทจะได้รับผลสะท้อนจากแนวทางการดำเนินธุรกิจ และ
เรื่องราวสนับสนุนที่แตกต่างกัน
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 76
TMW เผยกำไรงวด 6 เดือนพุ่งเพราะค่าใช้จ่ายลด -ขายสินค้าใหม่ได้ราคาดีขึ้น
บริษัท ไทยมิตซูวา จำกัด (มหาชน) ( TMW ) อธิบายเกี่ยวกับการที่ผลประกอบการ
ของบริษัท สำหรับงวดหกเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวด
เดียวกันของปี2548 ว่า ผลประกอบการเปรียบเทียบของบริษัท สำหรับงวดหกเดือนของปี 2549
และสำหรับงวดเดียวกันของปี 2548 ดังต่อไปนี้
(หน่วย : พันบาท)
สำหรับงวดหกเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549
2549 2548
รายได้รวม 754,031 925,982
กำไรขั้นต้น 163,874 157,703
กำไรจากการดำเนินงาน 57,519 37,843
กำไรสุทธิ 61,773 30,304
กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.55 0.76
หมายเหตุ - ในการคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30
กันยายน 2549 และงวดเดียวกันของปี 2548 บริษัทใช้จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทในปี 2549 และ 2548 ซึ่งอยู่ที่ 39.9 ล้านหุ้น และ 39.9 ล้านหุ้น ตาม
ลำดับ ในราคาพาร์ 5 บาท
บริษัทขอชี้แจง สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิสำหรับงวดหกเดือน (ไตรมาสที่
สอง) สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2549 สูงขึ้น 103.85% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี
2548 ดังนี้
รายได้รวมลดลงจาก 925.98 ล้านบาท เป็น 754.03 ล้านบาท คิดเป็น 18.57%
เนื่องจากรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ลดลงจาก 883.64 ล้านบาท เป็น 632.89 ล้านบาท คิด
เป็น 28.38% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สาเหตุที่ส่งผลให้ยอดขายลดลง เนื่องจากลูกค้าหลายรายได้ลงทุนซื้อเครื่องฉีดพลาสติก
เอง โดยพ่นและประกอบชิ้นส่วนเอง และเนื่องจากภาวการณ์แข่งขันด้านราคาโดยรวมที่รุนแรง
ส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ต่ำลง แต่ต้นทุนยังเท่าเดิม ทำให้กำไรลดลง
ต้นทุนขายลดลงจากเดิม 764.33 ล้านบาทเป็น 566.62 ล้านบาทคิดเป็น 25.87%
เนื่องจากลูกค้าบางรายนำชิ้นส่วนประกอบบางส่วนมาเอง (Supply part) ทำให้บริษัทฯไม่ต้องลง
ทุนซื้อชิ้นส่วนดังกล่าวมาผลิต และประกอบ ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง
รายได้จากการขาย mold เพิ่มขึ้นจาก 38.40 ล้านบาท เป็น 97.61 ล้านบาท คิดเป็น
154.19% และต้นทุน mold เพิ่มขึ้นจาก 30.77 ล้านบาท เป็น 65.78 ล้านบาท คิดเป็น
113.78% ต่ำกว่าอัตราการเพิ่มรายได้จากการขาย mold 40.41% รายได้อื่น เพิ่มขึ้นจาก
3.65 ล้านบาท เป็น 20.99 ล้านบาท คิดเป็น 474.37 % เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งเป็นชิ้นส่วน
รถยนต์ที่มีขนาดใหญ่โดยบริษัทฯมีเทคนิคเฉพาะในการฉีด พ่น และประกอบชิ้นส่วนดังกล่าวอยู่
แล้ว ทำให้บริษัทฯ สามารถเสนอราคาขายสินค้าได้สูงขึ้น
ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจาก 30.30 ล้านบาทเป็น 61.77 ล้านบาทคิดเป็น
103.85% เป็นผลมาจากรายการดังกล่าวข้างต้น
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 77
UV เผยรับรู้รายได้จากธุรกิจผลสังกะสีออกไซด์เพิ่ม 83.1% ดันกำไร 9 เดือนพุ่งเกือบ
100%
นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) (UV)
เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ของบริษัทฯ
และบริษัทย่อย ซึ่งมีกำไรสุทธิ 115.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อย
ละ 95.9 จากงวดเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่เป็นผลจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจผงสังกะสีอ็อก
ไซด์ 917.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 416.34 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 83.1 โดยการปรับ
เพิ่มราคาขายผงสังกะสีอ๊อกไซด์ตามการปรับเพิ่มของราคาสังกะสีแท่งในตลาดโลก กล่าวคือ
จาก 1,298 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน ณ เดือนกันยายน 2548 เป็น 3,403 ดอลลาร์สหรัฐต่อ
เมตริกตัน ณ เดือนกันยายน 2549 ทำให้บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 181.50
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 78
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมในไตรมาสสามของปี 2549 จำนวน 2,820.80 ล้านบาท และ
กำไรสุทธิจำนวน 117.32 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.บริษัทและบริษัทย่อยสามารถทำรายได้รวมเพิ่มขึ้น 172.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.51
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2548 โดยเพิ่มขึ้นจากยอดขาย 161.12 ล้านบาท จากการจัด
กิจกรรมส่งเสริมการขายหลักประจำไตรมาส (รายการท้าเที่ยวไทย, My Beauty) ที่ทำอย่างต่อเนื่อง
ทุกปี การเพิ่มกิจกรรม ณ จุดขายเพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วม ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก และ
การปรับกลยุทธ์ในการนำเสนอสินค้าที่สอดคล้องกับสภาวะการตลาดที่มีการแข่งขันสูง เพื่อกระตุ้นการใช้
จ่ายของผู้บริโภคในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงยอดขายของสาขาใหม่ (รัตนาธิเบศร์) ซึ่งเปิด
ดำเนินการบางส่วนตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาสสามของปี 2548
2.ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 114.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.13 ซึ่งต่ำกว่าสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของ
ยอดขาย
3.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 92.99 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายของสาขาใหม่ (รัตนา
ธิเบศร์) ที่เปิดดำเนินการแล้วและค่าใช้จ่ายในการเตรียมเปิดสาขาใหม่ (อยุธยา) ที่จะเปิดดำเนินการ
ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้, ค่าส่งเสริมการขายจากการเปิดโครงการ The One Card (T1C) ที่
เข้ามาทดแทนระบบ Robinson Member Card เดิม รวมถึงค่าไฟฟ้าที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 13%
ตั้งแต่ปลายปี 2548 และการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนพนักงาน
4.กำไรสุทธิรวม 117.32 ล้านบาทลดลง 81.19 ล้านบาท สาเหตุหลักจากค่าภาษีเงินได้เพิ่ม
ขึ้น 37.38 ล้านบาท การตัดจำหน่ายมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของการประเมินราคาสิทธิการเช่าและทรัพย์สินในไตร
มาสที่หนึ่ง จำนวน 28.60 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินการของสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกนั้น บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในปี
2549 จำนวน 2,411.13 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 เพิ่มขึ้น 1,763.12ล้าน
บาท จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และกำไรจากการประเมินราคาสิทธิการเช่าและทรัพย์สินเพิ่มขึ้นในช่วงไตร
มาสที่หนึ่งที่ผ่านมา
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 79
TEAM แจง Q3/49 กำไรพุ่ง เหตุคำสั่งซื้อเพิ่ม
นางสุรัตน์ เพชรมุณี ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด
(มหาชน)(TEAM) เปิดเผยว่า บริษัทขอเรียนชี้แจงถึงผลการดำเนินงานสำหรับงบการเงิน
ระหว่างกาลสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ซึ่งแสดงผลกำไรสุทธิ จำนวนเงิน 68.45
ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิสำหรับงวดสิ้นสุดวันเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลกำไรสุทธิ จำนวน
เงิน 36.46 ล้านบาท โดยคิดเป็นผลต่างกำไรสุทธิเท่ากับ ร้อยละ 87.74 อันมีผลมาจากมีคำ
สั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนประกอบกับความต้องการของลูกค้าส่งคำสั่งซื้อสินค้าล่วง
หน้ามายังบริษัทเร็วขึ้นส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มมากขึ้นคิดเป็นอัตราการเจริญเติบโตของ
รายได้ถึงร้อยละ 68.45
อัตรากำไรขั้น ต้นในไตรมาสนี้ คิดเป็นร้อยละ 21.29 ของรายได้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตร
มาสเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 18.69 ของรายได้ ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตร
มาสนี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นยังคงมีสาเหตุหลัก มาจากการที่บริษัทฯได้การตั้งสำรองค่าเผื่อมูลค่าวัตถุ
ดิบให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงการใช้วัตถุดิบ ประเภทไร้สารตะกั่ว (Lead free ) ตาม
ระเบียบข้อบังคับของสภายุโรปและคณะกรรมาธิการของสหภาพยุโรปที่ 2002/96/EC อย่างต่อ
เนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามหลักแห่งความระมัดระวังของหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป และอัตรากำไร
สุทธิในไตรมาสนี้คิดเป็นร้อยละ 10.80 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ร้อย
ละ 9.69
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 80
ตามรายงานและงบการเงินระหว่างกาล สำหรับงวดสามเดือนและเก้าดือน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 สอบทานโดย บริษัท สำนักงาน เอินส์ท แอนด์ ยัง จำกัด
ในรายงานงบกำไรขาดทุนเปรียบเทียบปรากฏว่า
1.ในไตรมาส 3 ปี 2549 รายได้รวม เป็นเงิน 550.00 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ในไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ซึ่งมีรายได้ 347.23 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 202.77 ล้านบาท หรือร้อยละ 58.39 สาเหตุเนื่องมาจาก ในไตรมาส 3 ปี 2549
มีโครงการแล้วเสร็จจำนวนมาก
2.ในไตรมาส 3 ปี 2549 กำไรสุทธิ เป็นเงิน 27.81 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 15.90 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 11.91 ล้านบาท หรือร้อยละ 74.90 สาเหตุเนื่องมาจากรายได้ที่สูงขึ้น
ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตาม
บิ๊ก AIT ตั้งเป้ารายได้ บริษัทร่วมทุน ' สเกล พล็อตติ้ง เซ็นเตอร์ ' ปีหน้าไม่ต่ำกว่า 150 ลบ.
บิ๊ก AIT ตั้งเป้ารายได้ บริษัทร่วมทุน ' สเกล พล็อตติ้ง เซ็นเตอร์ ' ปีหน้า
ไม่ต่ำกว่า 150 ลบ. อีกทั้งมีแผนตั้งบริษัทฯร่วมทุนหรือลงทุนเองเพิ่มในอนาคต เพื่อ
ช่วยขยายธุรกิจ คาดได้เห็นปี 50 เล็งจีบพันธมิตรควบรวมกิจการ หวังเพิ่มมาร์เก็ตแคป
หวังเพิ่มมาร์เก็ตแคปดึงความสนใจกองทุน-นลท.ต่างชาติ ฟุ้งรายได้ปีนี้แตะ 2 พันลบ.
ทะลุเป้าที่คาดไว้ 1.6 พันลบ. ส่วนปี 50 คาดโตอีก 15-20%
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.
แอ๊ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี หรือ AIT เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าตั้งเป้าราย
ได้บริษัทร่วมทุนคือบริษัทสเกล พล็อตติ้ง เซ็นเตอร์ ในปีหน้าไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท โดยจะมา
จากโครงการต่างๆ ที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 200 ล้านบาท และยังมีงานที่บริษัทฯเข้าร่วม
ประมูลและให้บริษัทร่วมทุนเป็นผู้ดำเนินงานอีกด้วย
โดยงานที่บริษัทร่วมทุนฯ จะได้รับนั้นจะเป็นงานที่ AIT เป็นผู้ประมูลงานได้และเสนอ
ให้บริษัทร่วมทุนเป็นผู้ร่วมดำเนินการ ในขณะเดียวกันก็สามารถขายงานให้กับหน่วยงานต่างๆ ได้
เองด้วย ทั้งนี้ เพื่อช่วยงานให้ AIT เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ในอนาคต บริษัทฯมีแผนที่จะตั้งบริษัทฯร่วมทุนเพิ่มอีก หรืออาจจะเป็นใน
รูปของการลงทุนเอง 100% หลังจากที่ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนคือบริษัทสเกล พล็อตติ้ง เซ็นเตอร์
ซึ่งคาดว่าน่าจะได้เห็นความชัดเจนในปี 2550 ทั้งนี้ เพื่อช่วยขยายฐานธุรกิจและขยายฐานลูกค้า
ให้เพิ่มมากขึ้น
'มีความเป็นไปได้ที่จะมีการตั้งบริษัทร่วมทุนหรือลงทุนเอง รอดูอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร คง
จะได้เห็นในปีหน้า ทั้งนี้ เพื่อเสริมธุรกิจให้ขยายฐานได้มากขึ้น และขยายฐานลูกค้าด้วย ทำให้
การบริหารกำหนดเป้าหมายได้มากขึ้น' นายศิริพงษ์ กล่าว
เขากล่าวต่อว่า บริษัทฯมีจุดมุ่งหมายที่ต้องการเพิ่มมาร์เก็ตแคปให้กับ AIT เพื่อให้
ต้องการให้กองทุนรวมถึงนักลงทุนต่างชาติหันมาสนใจมากขึ้น อีกทั้งต้องการให้เข้ามาช่วยเสริม
ธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งแนวทางที่มีความเป็นไปได้แนวทางหนึ่งก็คือการควบรวม
กิจการ ซึ่งในขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพูดคุยกับผู้ประกอบการหลายราย แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะได้
ข้อสรุปเมื่อไหร่
'เรายังไม่ได้มีการเจรจา แต่เป็นเพียงการพูดคุยในขั้นเริ่มต้น ซึ่งก็คุยอยู่กับหลายๆ
ราย โดยเราวางเป้าหมายให้เป็นบริษัทฯที่มีมาร์เก็ตแคปสูงขึ้น และธุรกิจมาเอื้อและเสริมกัน ซึ่ง
การควบรวมกิจการก็เป็นแนวคิด แต่คงไม่ได้เห็นใน 3-6 เดือน และยังกำหนดไม่ได้ว่าจะเป็นเมื่อ
ไหร่' นายศิริพงษ์
สำหรับรายได้ในปีนี้ เชื่อว่าจะมากกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท
โดยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรายได้ในช่วง 9
เดือนที่ผ่านมามีมากกว่า 1,600 ล้านบาท จึงประเมินว่ารายได้ปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,000
ล้านบาทได้
นอกจากนี้ ยังคาดว่ารายได้ในปีหน้าจะเติบโต 10-15% จากปีนี้ เนื่องจากยังมีงานใน
มือที่รอรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท อีกทั้งยังเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯจะมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในงวดสิ้นปีอย่างแน่นอน หลังจากที่
จ่ายงวดระหว่างกาลไปในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น โดยในขณะนี้มีกำไรสะสมอยู่กว่า 300 ล้าน
บาท แม้ว่าจะมีการลงทุนบ้าง แต่ก็ยังมีการจ่ายเงินปันผล เพราะบริษัทฯวางหุ้น AIT เป็นหุ้นปัน
ผล ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
เขากล่าวถึงราคาหุ้นบนกระดานว่า ยังถูกเมื่อเทียบค่า P/E ที่อยู่ที่ 5 เท่า ในขณะที่
P/E อุตสาหกรรมเทเลคอมฯอยู่ที่ประมาณ 11-12 เท่า ในขณะเดียวกันก็ยังมีผลกำไรอย่างต่อ
เนื่อง
'ก็ยอมรับว่าหุ้น AIT เป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ก็จะถือลงทุน
ระยะยาว เพราะเราวางหุ้น AIT เป็นหุ้นปันผล' นายนายศิริพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น AIT ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น คงเกิดจากการ
ที่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลของบริษัทฯกับนักลงทุน รวมถึงนักวิเคราะห์มากขึ้น จึงทำให้
นักลงทุนรู้จักธุรกิจและให้ความสนใจเข้าลงทุนหุ้น AIT มากขึ้น
- trillionaire
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1090
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 81
...อ่อย ไม่ไหวแล้วครับ ดึกแล้วตาเริ่มลาย...อิอิ
...ก้อหวังว่า กระทู้นี้คงเป็นประโยชน์บ้างสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต...
...ต้องขอขอบคุณ Efinancethai และ Thaiset.comสำหรับข้อมูลและกราฟ...
...และคำแนะนำจากทุกท่าน ...
...ผมได้อะไรดีๆจากที่นี่มากมาย หากมีสิ่งใดที่จะตอบแทนคืนให้ชุมชนแห่งนี้บ้างก้อยินดีครับ ...
...สุดท้าย ขอฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจไว้กับพี่ๆเพื่อนๆทุกท่านด้วยละกัน...
...พบกันใหม่ สวัสดี...
...ปล.พบผมและบรรดาSEAFCO FC ได้ใน "ร้อยคนร้อยหุ้น"นะครับ...
...ช่วงนี้ล่ำซำ โสภณพานิช กันทุกคน อิอิ... :lol: :lol: :lol:
...ก้อหวังว่า กระทู้นี้คงเป็นประโยชน์บ้างสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต...
...ต้องขอขอบคุณ Efinancethai และ Thaiset.comสำหรับข้อมูลและกราฟ...
...และคำแนะนำจากทุกท่าน ...
...ผมได้อะไรดีๆจากที่นี่มากมาย หากมีสิ่งใดที่จะตอบแทนคืนให้ชุมชนแห่งนี้บ้างก้อยินดีครับ ...
...สุดท้าย ขอฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจไว้กับพี่ๆเพื่อนๆทุกท่านด้วยละกัน...
...พบกันใหม่ สวัสดี...
...ปล.พบผมและบรรดาSEAFCO FC ได้ใน "ร้อยคนร้อยหุ้น"นะครับ...
...ช่วงนี้ล่ำซำ โสภณพานิช กันทุกคน อิอิ... :lol: :lol: :lol:
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 82
[quote="trillionaire"]...อ่อย ไม่ไหวแล้วครับ ดึกแล้วตาเริ่มลาย...อิอิ
...ก้อหวังว่า กระทู้นี้คงเป็นประโยชน์บ้างสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต...
...ต้องขอขอบคุณ Efinancethai และ Thaiset.comสำหรับข้อมูลและกราฟ...
...และคำแนะนำจากทุกท่าน ...
...ผมได้อะไรดีๆจากที่นี่มากมาย หากมีสิ่งใดที่จะตอบแทนคืนให้ชุมชนแห่งนี้บ้างก้อยินดีครับ ...
...สุดท้าย ขอฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจไว้กับพี่ๆเพื่อนๆทุกท่านด้วยละกัน...
...พบกันใหม่ สวัสดี...
...ปล.พบผมและบรรดาSEAFCO FC ได้ใน "ร้อยคนร้อยหุ้น"นะครับ...
...ช่วงนี้ล่ำซำ โสภณพานิช กันทุกคน อิอิ... :lol:
...ก้อหวังว่า กระทู้นี้คงเป็นประโยชน์บ้างสำหรับนักลงทุนโดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต...
...ต้องขอขอบคุณ Efinancethai และ Thaiset.comสำหรับข้อมูลและกราฟ...
...และคำแนะนำจากทุกท่าน ...
...ผมได้อะไรดีๆจากที่นี่มากมาย หากมีสิ่งใดที่จะตอบแทนคืนให้ชุมชนแห่งนี้บ้างก้อยินดีครับ ...
...สุดท้าย ขอฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจไว้กับพี่ๆเพื่อนๆทุกท่านด้วยละกัน...
...พบกันใหม่ สวัสดี...
...ปล.พบผมและบรรดาSEAFCO FC ได้ใน "ร้อยคนร้อยหุ้น"นะครับ...
...ช่วงนี้ล่ำซำ โสภณพานิช กันทุกคน อิอิ... :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
๑๑๑...คัดหุ้น(เฉพาะงบโต)...๑๑๑
โพสต์ที่ 89
THANKS THANKS THANKS