หน้า 3 จากทั้งหมด 4
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:34 pm
โดย cryptonian_man
Jeng เขียน:โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมเองก็อ่าน The New Buffettology แต่ไม่ได้มองทะลุเหมือนที่พี่ JENG มองเลยครับ เพิ่งมาเข้าใจ รู้สึกทะลุปรุโปร่งก็ตอนนี้
ว่าแล้วก็ลอกการบ้านดีกว่า อิอิ
ส่วนเรื่องแบรนด์เนี่ย ใน The New Buffettology บอกว่า Coca Cola มีแบรนด์แบ็งแกร่งที่สุด ขนาด Buffett ยังบอกว่าให้ตังเขาเท่ามาร์เก็ตแคปโค้กเพื่อสร้างธุรกิจมาแข่งกับโค้ก เขาทำไม่ได้ แสดงว่าโค้กมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากๆ
คุณ crytonian อ่านแล้วคิดว่าดีหรือไม่
แต่เท่าที่เจอส่วนใหญ่ได้แต่อ่าน แต่ไม่ได้ลงมือคำนวณ ทำให้อ่านแล้ว เหมือนมีแต่น้ำ ไม่ได้เรื่อง
......................................................................
pttep สมัยก่อน 138 ผมทำตัวเลขไว้ในเว็บว่าให้รอซื้อที่ 88 แต่จะมาพร้อมข่าวร้าย
ปรากฎว่า อีก 1 ปี มันมา 88 จริงๆ
เหอๆ มีน้องๆในนี้หลายคนซื้อตามด้วย
อ่านแล้วรู้สึกว่าดีมากครับ เขาแนะนำความคิด มุมมองของ Buffett ได้ดีมาก แต่ช่วงนี้ผมตามตลาดไปหน่อย หนังสือก็ไม่อยู่กะตัว เลยรู้สึกผิดพลาดมากครับ
ส่วนเรื่องคำนวณดูไว้แต่ผมหาเครื่องคิดเลขแบบที่แนะนำในหนังสือไม่ได้อ่ะครับ จะทำสูตรใน excel ก็ทำไม่เป็น
เลยเสียดายเหมือนกันครับ
ว่างๆ ใครทำสูตรเป็นช่วยด้วยนะคร้าบบบบบ
ลป. พี่ Jeng จะใบ้หุ้นไหนอีก โพสต์บอกในนี้ด้วยนะครับ อิอิอิ จะได้ลอกการบ้าน
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:36 pm
โดย Belffet
สวัสดีครับพี่เจ๋ง หายหน้าหายตาไปนานเชียวครับ
เป็นปีแล้วตั้งแต่ที่เข้าคอร์สอบรมกับพี่ แนวพี่ก็ยังไม่เปลี่ยน แปลว่า Simple is the best จริงๆ
ว่าแต่หุ้นเรือสมัยโน้นเป็นไงมั่งครับ ขายทิ้งตามวัฏจักรไปหรือยังครับพี่
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:38 pm
โดย Jeng
ดูหุ้นเหล่านี้ซิ ถึงราคาจะลดลงมากมาย แต่น่าซื้อจริงหรือ นับจากดัชนี 884 นะครับ มา วันนี้
s2y 2.74 เหลือ 1.73
ascon 11.80 เหลือ 8.00
mlink 1.26 เหลือ .89
inet 2.34 เหลือ 1.71
thl 2.10 เหลือ 1.54
cpn 37.00 เหลือ 27.75
lanna 20.00 เหลือ 15.10
cmo 2.52 เหลือ 1.91
trubb 26.00 เหลือ 19.90
patkl 3.10 เหลือ 2.40
ติดลบ 50 % ถึง 22 %
อย่าง cpn กับ lanna ก็น่าเอามาคิด แต่ cmo มีความได้เปรียบในการแข่งขันจริงหรือ
ตัวอื่นแทบไม่ต้องพูดถึง
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:41 pm
โดย cryptonian_man
Jeng เขียน:ดูหุ้นเหล่านี้ซิ ถึงราคาจะลดลงมากมาย แต่น่าซื้อจริงหรือ นับจากดัชนี 884 นะครับ มา วันนี้
s2y 2.74 เหลือ 1.73
ascon 11.80 เหลือ 8.00
mlink 1.26 เหลือ .89
inet 2.34 เหลือ 1.71
thl 2.10 เหลือ 1.54
cpn 37.00 เหลือ 27.75
lanna 20.00 เหลือ 15.10
cmo 2.52 เหลือ 1.91
trubb 26.00 เหลือ 19.90
patkl 3.10 เหลือ 2.40
ติดลบ 50 % ถึง 22 %
อย่าง cpn กับ lanna ก็น่าเอามาคิด แต่ cmo มีความได้เปรียบในการแข่งขันจริงหรือ
ตัวอื่นแทบไม่ต้องพูดถึง
ปัญหาคือต้องพิจารณาว่ากิจการนั้นมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนพอหรือไม่ ให้ออกก่อนใช่ป่ะครับ
แต่ดูๆ แล้วนอกจาก LAnna แล้วมองไม่ออกว่ามีอะไรเหนือกว่าคู่แข่ง
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:42 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ว่าแต่หุ้นเรือสมัยโน้นเป็นไงมั่งครับ ขายทิ้งตามวัฏจักรไปหรือยังครับพี่
555 หวัดดี belffet
หุ้นเรือพี่ไม่ได้ซื้อนะ แต่พี่ชอบโพส เพื่อหาแนวความคิดว่า ท่านๆคิดไรกันมั่ง
มีคนซื้อตามพี่นะ ซื้อตอน 30 บาท ก่อนหน้านั้น กำไร 9 บาท พี่บอกพี่หมอคนนี้ว่าถูกมาก แกซื้อไปเยอะเลย
แล้วถือไปเหลือ 18 บาท แกโทรมาถามอีกทีว่า ขายดีมั๊ย พี่บอกว่า อย่าเลย
ทุกวันนี้แกยังถืออยู่เลยครับ สรุปว่ากำไร
ส่วนเรื่องวัฎจักรหรือไม่ พี่ก็บอกพี่หมอคนนั้นว่า เรือนะ ไม่ใช่แท๊กซี่ ลองนึกถึงเจ้าที่ทำเรือดูซิมีกี่เจ้ากัน
tta psl rcl มีแค่ 3 เจ้าเอง
แท๊กซี่เมืองไทยมีแสนกว่าคัน คนที่เป็นเจ้าของ ระดับ 200 คัน รวยทุกคน
นั่นขนาดแข่งขันกันสุดๆ ยังมีบางคนรวยเลย
นับประสาอะไรกับเรือครับ
และไม่ต้องกลัวว่าจีนจะแย่ ต่อให้จีนแย่ ก็มีการใช้เรือปริมาณมหาศาลครับ
สรุปว่า เรืออาจจะเป็นวัฎจักร แต่ ปริมาณการต่อเรือเทกอง มีน้อยเกินไป ทำให้ ในที่สุดราคาก็กลับมายืนได้ครับ
จะซื้อเรือ ต้องรูปริมาณเรือโลกครับ เพราะนั่นคือ supply
ส่วนราคาค่าระวาง ที่ขึ้นๆลงๆ ทำให้เราปวดหัวนั้น หากเราซื้อตอน pe ต่ำจัด ก็ไม่ต้องไปกัวไรมาก
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:45 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ปัญหาคือต้องพิจารณาว่ากิจการนั้นมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนพอหรือไม่ ให้ออกก่อนใช่ป่ะครับ
แต่ดูๆ แล้วนอกจาก LAnna แล้วมองไม่ออกว่ามีอะไรเหนือกว่าคู่แข่ง
ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่ค่อยได้ศึกษา lanna ศึกษาแต่ ums
แต่เท่าที่อ่านผ่านๆ lanna มีเหมือง ที่ indo ก็คงได้กำไรมากจากค่าเงินมั๊งครับ
พอ หุ้นตก ค่าเงินพลิกกลับ ลานนาก็เลยร่วงซะ แต่วันนี้เด้งนะ
ส่วน cpn ก็เห็นมีบางโบรกบอกว่าต้องประเมิณจาก sum of the part ซึ่ง ดูกี่รอบกี่รอบ ก็ยังแพง ซื้อ cpn ซื้อ bigc ดีกว่า
อิอิ แล้วแต่มุมมองนะครับ
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:52 pm
โดย Belffet
พี่เจ๋ง โพสต์กระจาย
แหม ก็นึกว่าพี่เจ๋งกลายเป็นเสี่ยเรือซะแล้ว
เพราะตอนนั้นที่เราคุยกัน เจ้าเรือมันอยู่ 20 ต้นๆ มาตอนนี้ไปโน่น.... เด้งนึงแล้วครับทั่น
CMO นี่ไม่แน่ใจเหมือนกันครับพี่ ตัวนี้ผมสนใจนะ แต่เรื่องความยั่งยืนในการแข่งขันถือเป็นปัญหาสำคัญจริงๆ
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:54 pm
โดย Jeng
พี่ไม่ได้เล่นหุ้นนะ ตอนที่เปิดสอน ส่วนตอนที่ราคา 18 บาท พี่แนะนำน้องไปอีกหลายคน บอกว่า pe 2 เองเชื่อพี่เหอะ ซื้อ ซื้อ ม่ายมีคนซื้อแล้ว
555
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:57 pm
โดย Jeng
belffet หลังๆมา ไม่ได้สนใจหุ้นวัฎจักรแล้ว
ก่อนหน้านี้ดู snc มาเป็นชาติ ตั้งแต่ 4-5 บาท แต่ขึ้นนิดๆ ขึ้นช้าๆ
พอประกาศ q 1 เดือนพฤษภาคม ราคา 7.7 ใช่ปะ แล้วผ่านไป 15 วัน ราคาค่อยเด้งมาที่ 8.10
ประกาศตอนแรกไม่เด้ง
พี่ก็แนะนำ น้องๆ โห รวยกันใหญ่เลย ว่า ซื้อ ซื้อ
พอไป 9.10 พี่ก็บอกซื้ออีก ซื้ออีก
555
พอ 17.50 บอกขายๆ ดันไม่ขายกัน
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 7:59 pm
โดย Jeng
ทุกๆ 1 แสนหุ้น ทุน 950,000 ขายได้ 1,750,000 บาท
เออ ไม่ขาย อิอิ ใช้ระยะเวลาไม่กี่เดือนเองนะ
อย่างไรก็ตามก็เป็นประสบการณ์ร่วมกัน ในฐานะคนเชียร์ กับคนเล่น
คนเชียร์ ก็ไม่ได้เงินนะ ได้ความมันส์กันไป
555
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 8:02 pm
โดย artvr4
จะซื้อเรือ ต้องรูปริมาณเรือโลกครับ เพราะนั่นคือ supply
ส่วนราคาค่าระวาง ที่ขึ้นๆลงๆ ทำให้เราปวดหัวนั้น หากเราซื้อตอน pe ต่ำจัด ก็ไม่ต้องไปกัวไรมาก
ถามพี่เจ๋งครับ ทำไมควรซื้อ หุ้นกลุ่มเรือ (วัฎจักร) ที่ p/eต่ำครับ
เคยอ่านข้อเขียนหลายคน หากจำไม่ผิดคุณ invicible hand กับ คุณคลายเครียด เค้าจะบอกว่า หุ้นวัฏจักร ควรซื้อตอน p/eสูง แล้วขายตอน p/e เริ่มต่ำ
จำได้นั้น TTA p/e 4-5 เท่า ราคาสักเกือบ 50-60 บาทได้ เมื่อหลายปีก่อน เป็นราคาสูงสุด เลย p/e ต่ำมาก นักวิเคราะห์ เชียร์ซื้อกระจาย ทั้งที่น่าจะเป็ฯจังหวะขายแล้ว
แล้วก็ตกลงมา เหลือ 20 กว่าบาท p/e เริ่มสูงละ (ควรเป็นจังหวะซื้อนะ)
ว่าแต่ ต้อง ไปซื้อ หนังสือที่พี่เจ๋งบอกซะแล้ว น่าจะสนุก ได้แนวคิด มาดัดแปลงเยอะเลย
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 8:06 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
จำได้นั้น TTA p/e 4-5 เท่า ราคาสักเกือบ 50-60 บาทได้ เมื่อหลายปีก่อน เป็นราคาสูงสุด เลย p/e ต่ำมาก นักวิเคราะห์ เชียร์ซื้อกระจาย ทั้งที่น่าจะเป็ฯจังหวะขายแล้ว
แล้วก็ตกลงมา เหลือ 20 กว่าบาท p/e เริ่มสูงละ (ควรเป็นจังหวะซื้อนะ)
ไม่น่าใช่ เพราะติดตามมาตลอด เรือ ตอนแรกๆเลยก็ pe ต่ำ พอราคาขึ้นไป pe ก็สูงขึ้น แต่ ดันทำกำไรได้มากขึ้น pe ก็ต่ำอีก เป็นงี้อยู่ พักใหญ่ๆ ระดับปีเลยครับ
จากราคาไม่กี่บาทขึ้นไป 50-60 อย่างที่ว่า ตอนที่มันตก เพราะกำไรลด pe ก็เลยสูง แต่ ว่า มันตกต่อครับ
tta ตอน 18 บาท pe 2 ครับ
รอบก่อนหน้านี้นะ
ประมาณ 1 ปี
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 8:14 pm
โดย Belffet
กลายเป็นมาถกเรื่องหุ้นเรือได้ไงไม่รู้ครับพี่
กลับมาที่วิธีคำนวณของพี่เจ๋งอีกทีนะครับพี่ พี่ว่าคำนวณแบบนี้ง่ายไปมั๊ยครับ จำเป็นจะต้องไปคำนวณ Discount Cashflow เพื่อเปรียบเทียบด้วยหรือเปล่า
อีกอย่างครับพี่ ถ้าใช้สูตรแบบที่พี่แนะนำ หุ้นผมไม่มีตัวไหนถูกเลยครับพี่ อย่างเซ็ง....
OHTL ว่าพอสู้ไหว ก็ยังไม่ถูกอยู่ดีจริงๆ
ถามจริงๆเหอะพี่ ยังมีเหลืออยู่จริงๆเหรอครับไอ้หุ้นที่ใช้สูตรแบบนี้แล้วขึ้นป้ายได้เลยว่า "ถูกโ_ตร"
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 8:20 pm
โดย คน...ภูพาน
ขอถามพี่ Jeng และเพื่อนๆ
เกี่ยวกับการกำหนดค่าของ PE ของแต่ละอุตสาหกรรมที่เหมาะสม
เพื่อจะนำมาคำนวณหาราคาหุ้นเราจะกำหนดยังไงครับ
มีวิธีที่แนะนำหรือเปล่าครับ
ขอขอบคุณทุกคนครับ
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 8:28 pm
โดย กูรูขอบสนาม
CMO นี่ไม่แน่ใจเหมือนกันครับพี่ ตัวนี้ผมสนใจนะ แต่เรื่องความยั่งยืนในการแข่งขันถือเป็นปัญหาสำคัญจริงๆ
ตัวเจ้าของเป็นคนที่เก่งมาก (คุณเสริมคุณ) ไอเดียกระฉูด Brief งานไปจะทำการบ้านที่เหนือความคาดหมายกลับมาเสมอ ระยะหลังต้องมาบริหารมากขึ้น ไม่ทราบว่าจะผลิตพวก Creative รุ่นใหม่ทันหรือเปล่า
แต่นั่นแหละครับ ธุรกิจวงการ organization จะมีหัวเรือเก่งๆอยู่ไม่กี่คน ลูกทีมส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายปฏิบัติงาน รายได้มาจากการคิดไอเดีย และบวกค่าเช่าอื่นๆแอบเติมเล็กน้อย แล้วก็บวกด้วยค่าธรรมเนียมตามมาตรฐาน (ปัจจุบันไม่มีแล้วครับเพราะแข่งกันมาก)
ธุรกิจ organiazation อยู่ในวงจรของการตัดราคาอย่างชัดเจน เพราะทุกเอเยนซี่ก็มีแผนกนี้ด้วยตัวเอง บริษัท PR ก็เข้ามาอยู่ในส่วนนี้ (ถึงจะ outsource ก็เถอะ แต่งบใหญ่เอาไปกินก่อน)
ธุรกิจถ่ายหนังซิครับ ( Production House) ที่กำไรมหาศาล โดยเฉพาะ Production เก่งๆ มีอำนาจต่อรองได้เยอะ คือถ้าเรื่องไม่สนใจ ก็ไม่อยากทำ
หรือ Quote แพงๆ ลูกค้าก็ยังยอมเพราะอยากได้หนังคุณภาพเพื่อจะล่ารางวัล
ฉะนั้น Production House ที่มี Director เก่งๆร่วมงานอยู่ด้วย จึงเป็นที่หมายปองสำหรับบรรดาเอเยนซี่โฆษณา (รวมทั้งลูกค้าที่อยากจะติดต่อโดยตรง)เรียกว่าทุ่มไม่อั้น คิวถ่ายหนังรอเป็นเดือนก็ยังเอา
โปรดักชั่นเอ้าส์บางแห่งถึงกับต้องเอารายได้บางส่วนมาเลี้ยงธุรกิจอีกหน่วยหนึ่งซึ่งดำเนินกิจการ Product Design และ Retail ที่ยังขาดทุนต่อเนื่องตลอด (แต่ตัวเองยังกำไรอยู่เลย)
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 8:34 pm
โดย Belffet
ตามวิธีคำนวณแบบดังกล่าว น่าจะใช้ PE ของหุ้นตัวนั้นๆไปเลยมากกว่าครับ ไม่ต้องคาดการณ์ ใช้ PE เฉลี่ยของหุ้นตัวนั้นไปเลย
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:02 pm
โดย คน...ภูพาน
ขอบคุณครับ
คุณ Belffet
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:23 pm
โดย por_jai
8) ผมเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ คอร์สนี้ด้วยครับ
มาคารวะอาจารย์เจ๋ง ที่มีน้ำใจแบ่งปันวิชาให้
ได้ข่าวว่าเบื่อไม่อยากสอนเรื่องนี้แล้ว
ช่วงนี้มีน้องๆเข้ามาใหม่เยอะนะ
ไม่คิดจะให้อีกซักรอบหรือครับ.......
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:36 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ขอถามพี่ Jeng และเพื่อนๆ
เกี่ยวกับการกำหนดค่าของ PE ของแต่ละอุตสาหกรรมที่เหมาะสม
เพื่อจะนำมาคำนวณหาราคาหุ้นเราจะกำหนดยังไงครับ
มีวิธีที่แนะนำหรือเปล่าครับ
ขอขอบคุณทุกคนครับ
ไม่ต้องสนใจ pe เฉลี่ยครับ ดู pe แล้วดูเงินสด แบบคุณฉัตรชัย ว่ามีเงินจริงหรือไม่ ผมคิดอย่างนี้นะ
คน ภูพาน
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:38 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ตัวเจ้าของเป็นคนที่เก่งมาก (คุณเสริมคุณ) ไอเดียกระฉูด Brief งานไปจะทำการบ้านที่เหนือความคาดหมายกลับมาเสมอ ระยะหลังต้องมาบริหารมากขึ้น ไม่ทราบว่าจะผลิตพวก Creative รุ่นใหม่ทันหรือเปล่า
แต่นั่นแหละครับ ธุรกิจวงการ organization จะมีหัวเรือเก่งๆอยู่ไม่กี่คน ลูกทีมส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายปฏิบัติงาน รายได้มาจากการคิดไอเดีย และบวกค่าเช่าอื่นๆแอบเติมเล็กน้อย แล้วก็บวกด้วยค่าธรรมเนียมตามมาตรฐาน (ปัจจุบันไม่มีแล้วครับเพราะแข่งกันมาก)
ธุรกิจ organiazation อยู่ในวงจรของการตัดราคาอย่างชัดเจน เพราะทุกเอเยนซี่ก็มีแผนกนี้ด้วยตัวเอง บริษัท PR ก็เข้ามาอยู่ในส่วนนี้ (ถึงจะ outsource ก็เถอะ แต่งบใหญ่เอาไปกินก่อน)
ธุรกิจถ่ายหนังซิครับ ( Production House) ที่กำไรมหาศาล โดยเฉพาะ Production เก่งๆ มีอำนาจต่อรองได้เยอะ คือถ้าเรื่องไม่สนใจ ก็ไม่อยากทำ
หรือ Quote แพงๆ ลูกค้าก็ยังยอมเพราะอยากได้หนังคุณภาพเพื่อจะล่ารางวัล
ฉะนั้น Production House ที่มี Director เก่งๆร่วมงานอยู่ด้วย จึงเป็นที่หมายปองสำหรับบรรดาเอเยนซี่โฆษณา (รวมทั้งลูกค้าที่อยากจะติดต่อโดยตรง)เรียกว่าทุ่มไม่อั้น คิวถ่ายหนังรอเป็นเดือนก็ยังเอา
โปรดักชั่นเอ้าส์บางแห่งถึงกับต้องเอารายได้บางส่วนมาเลี้ยงธุรกิจอีกหน่วยหนึ่งซึ่งดำเนินกิจการ Product Design และ Retail ที่ยังขาดทุนต่อเนื่องตลอด (แต่ตัวเองยังกำไรอยู่เลย)
ท่ากูรู
ผมคิดว่า ธุรกิจ presentation หรือ สร้างหนัง ไม่เคยทำให้เจ้าของบริษัท หรือผู้ถือหุ้นเป็นเศรษฐีเลยครับ ไม่เชื่อไปดู ใน fortune 500 หรือ forbe
จะรู้เลยว่า ธุรกิจแบบนี้ ทำให้ คนทำงาน รวยครับ เช่น ดารา
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:39 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ คอร์สนี้ด้วยครับ
มาคารวะอาจารย์เจ๋ง ที่มีน้ำใจแบ่งปันวิชาให้
ได้ข่าวว่าเบื่อไม่อยากสอนเรื่องนี้แล้ว
ช่วงนี้มีน้องๆเข้ามาใหม่เยอะนะ
ไม่คิดจะให้อีกซักรอบหรือครับ.......
เหอๆ คาราวะท่านพี่ คนพูดเก่ง โม้เก่ง กับคนเก่งจริง นี่มันคนละเรื่องกันจริงๆ
คาราวะ ท่านพี่อีกครั้ง
ส่วนเรื่องสอน คงไม่หละ ไว้รวยก่อน จะสอนใหม่ รับสอนตามมหาลัยเลย สอนฟรี ด้วย
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:42 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
กลายเป็นมาถกเรื่องหุ้นเรือได้ไงไม่รู้ครับพี่
กลับมาที่วิธีคำนวณของพี่เจ๋งอีกทีนะครับพี่ พี่ว่าคำนวณแบบนี้ง่ายไปมั๊ยครับ จำเป็นจะต้องไปคำนวณ Discount Cashflow เพื่อเปรียบเทียบด้วยหรือเปล่า
อีกอย่างครับพี่ ถ้าใช้สูตรแบบที่พี่แนะนำ หุ้นผมไม่มีตัวไหนถูกเลยครับพี่ อย่างเซ็ง....
OHTL ว่าพอสู้ไหว ก็ยังไม่ถูกอยู่ดีจริงๆ
ถามจริงๆเหอะพี่ ยังมีเหลืออยู่จริงๆเหรอครับไอ้หุ้นที่ใช้สูตรแบบนี้แล้วขึ้นป้ายได้เลยว่า "ถูกโ_ตร"
มีเสมอ หาดูซิ ตอนนี้ยังมีเลย
ครับ belfett ยิ่งช่วงนี้นะ ถ้าตลาด ลงไปสัก 100 จุดยิ่งมี
แต่ว่า หุ้นลงเยอะๆ คนไม่กล้าซื้อครับ ไม่รู้เป็นไง คนชอบซื้อของแพง
แล้วถ้าราคาขึ้นไปอีกยิ่งมั่นใจ ซื้อเพิ่ม
พอราคาลง ขาดทุนก็เริ่มงง งง และงง ว่าซื้อไปได้ไง
เหอๆ
เป็นงี้ตลอด มา และ ตลอด ไป
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:55 pm
โดย Jeng
ดูหุ้นเหล่านี้ซิ จากดัชนี 884 มาวันนี้ 795
หุ้นเหล่านี้บวกขึ้นนะ แต่ว่า น่าซื้อจริงเหรอ
scan 4.22 ขึ้นเป็น 5.95
tcc 1.39 ขึ้นเป็น 1.80
rasa 7.85 ขึ้นเป็น 9.85
ubis 2.46 ขึ้นเป็น 3.40
ptl 4.98 ขึ้นเป็น 6.15
bat3k 45 ขึ้นเป็น 54
acap 5.45 ขึ้นเป็น 6.50
emc 3.40 ขึ้นเป็น 4.02
irc 9.50 ขึ้นเป็น 11.20
rich 8.30 ขึ้นเป็น 9.50
ดูๆแล้ว หุ้นที่น่าสนใจ มี scan ptl bat3k
คริๆ
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 9:56 pm
โดย Jeng
ptl นี่สงสัยได้สองต่อ
เม็ดพลาสติก ราคาลง อินโดรามายังบ่น
แต่ pet film ราคาขึ้น อืม
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 10:00 pm
โดย กูรูขอบสนาม
ผมคิดว่า ธุรกิจ presentation หรือ สร้างหนัง ไม่เคยทำให้เจ้าของบริษัท หรือผู้ถือหุ้นเป็นเศรษฐีเลยครับ ไม่เชื่อไปดู ใน fortune 500 หรือ forbe
จะรู้เลยว่า ธุรกิจแบบนี้ ทำให้ คนทำงาน รวยครับ เช่น ดารา
ถ้าในบ้านเรา บริษัทถ่ายหนังโฆษณา ขอยืนยันว่ารวยมาก อาจจะไม่รวยติดลำดับ เพราะพวกนี้จะเป็นศิลปินเสียส่วนมาก ใช้เงินหมดเร็ว และไม่ค่อยต่อเงิน
อย่างบริษัทหนึ่ง รับถ่ายหนังโฆษณาในเครือสินค้าอุปโภค บริโภครายยักษ์ ปีหนึ่งประมาณ 20 กว่าเรื่อง (ขนาดปฏิเสธไปเยอะมากแล้ว เพราะอยากจะถ่ายหนังล่ารางวัลอย่างอื่นครับแต่ได้เงินบริษัทนี่อยู่ได้สบายๆทั้งปี )
วันหนึ่งเจ้าของเบื่อไม่อยากจะถ่ายหนังแล้ว ทำตัวเป็นฤาษีเอาเลือดควายมาทาหน้า ผู้บริหารบริษัทใหญ่ถึงกับมาเยี่ยมเยียน เอ่ยปากเลยว่า ...คุณ...กลับไปสร้างหนังเถอะ อยากจะทำหนังแบบไหน บอกมาเลย มีงบรอไว้..
เพราะค่าใช้จ่าย Production House อยู่ที่ Director และท๊อปไม่กี่คน และผลักให้ลูกค้าได้ นอกนั้นจ่ายแบบแรงงานธรรมดามาก เพราะถือว่ากินอยู่กับกองถ่ายแล้ว
มิหนำซ้ำ Production House ที่เก่งๆ จะได้งานจากเมืองนอกเยอะมาก เช่น สิงคโปร์ อย่างไรเสียค่าจ้างของเราถึงจะ Quote ไปสูงแค่ไหน ก็ยังถูกกว่าของกองถ่ายฝรั่ง ( สิงคโปร์เก่งเรื่องงาน Print ไม่เก่งสร้างหนัง แต่อีกหน่อยคงเก่ง)
อันนี้เปรียบเทียบกับหนังไทยไม่ได้นะครับ ยิ่งทำ ยิ่งจน
แต่การทำหนังไทยมันได้อิสระ และตอบแทนความสาสมใจลึกๆของคนทำ
ไม่ต้องมาตอบโจทย์การตลาด
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 10:05 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ถ้าในบ้านเรา บริษัทถ่ายหนังโฆษณา ขอยืนยันว่ารวยมาก อาจจะไม่รวยติดลำดับ เพราะพวกนี้จะเป็นศิลปินเสียส่วนมาก ใช้เงินหมดเร็ว และไม่ค่อยต่อเงิน
อย่างบริษัทหนึ่ง รับถ่ายหนังโฆษณาในเครือสินค้าอุปโภค บริโภครายยักษ์ ปีหนึ่งประมาณ 20 กว่าเรื่อง (ขนาดปฏิเสธไปเยอะมากแล้ว เพราะอยากจะถ่ายหนังล่ารางวัลอย่างอื่นครับแต่ได้เงินบริษัทนี่อยู่ได้สบายๆทั้งปี )
วันหนึ่งเจ้าของเบื่อไม่อยากจะถ่ายหนังแล้ว ทำตัวเป็นฤาษีเอาเลือดควายมาทาหน้า ผู้บริหารบริษัทใหญ่ถึงกับมาเยี่ยมเยียน เอ่ยปากเลยว่า ...คุณ...กลับไปสร้างหนังเถอะ อยากจะทำหนังแบบไหน บอกมาเลย มีงบรอไว้..
ถ่ายหนังโฆษณา มีแบรนด์เนมครับ และไม่ใช่ธุรกิจถ่ายหนัง แต่เป็นธุรกิจ โฆษณา
และก็ไม่ใช่ ธุรกิจ presentation ด้วยครับ
ธุรกิจโฆษณา มีแบรนด์ กำไรดี แต่ในตลาด ไม่มีนี่ครับ
มีแต่ FE กับ P-FCB chuo ซึ่ง ผมดูๆแล้ว ก็งั้นๆ
ไม่ได้ทำกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
FE อาจจะเป็นเพราะทำให้บริษัทในเครื่อสหพัฒน์
ส่วน P-FCB ไม่ทราบเหมือนกัน
chuo ก็ขึ้นๆลงๆ คงทำให้แต่ ญี่ปุ่น
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 10:14 pm
โดย กูรูขอบสนาม
ถ่ายหนังโฆษณา มีแบรนด์เนมครับ และไม่ใช่ธุรกิจถ่ายหนัง แต่เป็นธุรกิจ
โฆษณา
และก็ไม่ใช่ ธุรกิจ presentation ด้วยครับ
ธุรกิจโฆษณา มีแบรนด์ กำไรดี แต่ในตลาด ไม่มีนี่ครับ
มีแต่ FE กับ P-FCB chuo ซึ่ง ผมดูๆแล้ว ก็งั้นๆ
ไม่ได้ทำกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
FE อาจจะเป็นเพราะทำให้บริษัทในเครื่อสหพัฒน์
ส่วน P-FCB ไม่ทราบเหมือนกัน
chuo ก็ขึ้นๆลงๆ คงทำให้แต่ ญี่ปุ่น
ที่ระบุมาเป็น Agency โฆษณาครับไม่ใช่ Production House
อย่าง Match Box นี่ใช่ แต่เขาขยายกิจการไปทำ Organizer และ Presentation ด้วย (เลยเป็นตัวฉุดเลย)
บริษัทถ่ายหนังโฆษณา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนดำเนินการมากครับ คงไม่ต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ระดมทุนกับใคร
อย่างไรก็ตามงานมาก งานน้อยอยู่ที่ฤดูกาลและภาวะเศรษฐกิจด้วย
อย่างช่วงนี้ไม่มีงานในประเทศ ก็ออกไปเดินสายต่างประเทศเอาลูกค้ากลับเข้ามา
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 20, 2007 10:39 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
บริษัทถ่ายหนังโฆษณา ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนดำเนินการมากครับ คงไม่ต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ระดมทุนกับใคร
ครับพวกเราก็เลยไม่ได้ซื้อเลย
เพราะไม่เข้านี่แหละ
อิอิ
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 21, 2007 11:05 am
โดย 007-s
เฮียเจ๋งสมชื่อจริงๆ
Simple is the best
ดิฉันชอบนะ
คงเพราะเป็นคนไม่ชอบคิดไรมากมาย ขี้เกียจอ่าว่าง่ายๆ :oops: :lol:
เป็นนิสัยด้วยมั้ง ไม่ชอบจำไรพวกรายละเอียดหยิมๆ คงแล้วแต่นิสัยคนแหละ
อย่างเช่นเปรียบการวาดรูป บางคนก็ชอบเก็บรายละเอียด บางคนตวัดภู่กันสามจึ๊กเสร็จแระ มันก็ไม่ได้ยืนยันว่าแบบไหนถูกผิด
คิดงี้นะ ถ้ากลัววัฏจักร ใช้แบบลุงเบนได้ คือ เอาค่าเฉลี่ยยาวๆหน่อย หรือเอาค่าเฉลี่ยขมวด แบบ สามปีรวม สามปีรวม สามปีรวม สามปีรวม แล้วเอาสี่กระจุกมาคำนวน งี้ก็ได้ หรือตัดหัวท้าย เอาสูงสุดต่ำสุดออก แล้วหาเฉลี่ยอีกที
เพื่อนดิฉันหนักกว่ามากนะ มันลงทุนมา 7-8 ปีได้แล้ว ไม่เคยดูงบเงิบไรอ่ะ ใช้เซนส์ หูตาไวหน่อย เคลียร์สมองให้โล่งๆ ทำใจให้กลางๆ ฟังข้อมุลจากทุกด้าน
แต่พื้นฐานเขาเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่แล้วด้วยมั้ง ตำแหน่งในบดสัดนี่คุมการเงินด้วยซ้ำ แต่ซื้อหุ้นขายหุ้น ไม่เคยเปิดงบเลย
ไม่ได้แนะให้เอาอย่างเขานะ คนขี้เกียจมันก็ไม่น่าเอาอย่างอยู่แล้วแหละ :lol: แต่แค่ยกตัวอย่างให้ดูว่า มันทำได้หมดอ่ะ ...อยู่ที่ว่า นั่นใช่ทางของเราหรือเปล่า
ตลาดกำลังจะเปิดแล้ว
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 21, 2007 2:38 pm
โดย Jeng
หลังจากคิดอะไรมามายแล้ว สุดท้าย ก็ต้องคิดง่ายๆแหละ
ธูรกิจ ยืนได้ด้วย กำไร ผู้ถือหุ้น ร่ำรวยได้ด้วยกำเงิน ไม่ใช่กำใบหุ้นที่มูลค่าลดไปเรื่อยๆ