fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 61
ขอบคุณคุณ ฮงครับ
ผมว่าเรื่องการมองภาพรวมจากบนลงล่าง น่าสนใจนะครับ
ผมคิดว่ามันช่วยในเรื่องจังหวะการลงทุนได้ดีมากๆ
บางครั้งหุ้นที่คิดว่าราคาถูกแล้ว ถ้าเราได้มีการวิเคราะห์ภาพรวมดีๆ
อาจจะเห็นว่ายังมีโอกาสถูกกว่านี้อีก เป็นการช่วยให้เราไม่รีบเข้าไปลงทุน
จนเกินไป ซึ่งช่วยลดโอกาสของการขาดทุนทางบัญชีในระยะสั้น
ผมว่าเรื่องการมองภาพรวมจากบนลงล่าง น่าสนใจนะครับ
ผมคิดว่ามันช่วยในเรื่องจังหวะการลงทุนได้ดีมากๆ
บางครั้งหุ้นที่คิดว่าราคาถูกแล้ว ถ้าเราได้มีการวิเคราะห์ภาพรวมดีๆ
อาจจะเห็นว่ายังมีโอกาสถูกกว่านี้อีก เป็นการช่วยให้เราไม่รีบเข้าไปลงทุน
จนเกินไป ซึ่งช่วยลดโอกาสของการขาดทุนทางบัญชีในระยะสั้น
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 62
ก่อนอื่นขอบคุณพี่หมอมากนะครับที่มาตอบให้สามัญชน เขียน: เพราะระยะเวลาที่สั้นๆ
ราคาหุ้นไม่จำเป็นต้องตอบสนองกับมูลค่าที่แท้จริงอย่างที่เราคาดไว้สวยหรู
เพราะมี mr.market เป็นคนคุมนั่นเอง
และ mr.market ที่คุ้มดีคุ้มร้าย
แม้อาจจะเคยดีกับเราแต่ก็อาจจะร้ายอย่างมหันต์ต่อเราในอนาคตก็ได้
อืม คิดๆดูก็จริงเหมือนกัน
การ short หุ้นนั้น
ดูแล้วมีข้อจำกัดทางด้านเวลาจริงๆ
ไม่เหมือนคนที่ซื้อหุ้นปันผล
ถ้าหุ้นไม่ขึ้นซักทีก็ได้ปันผลออกมาใช้เรื่อยๆ
แทนที่จะต้องซื้อดอกเบี้ย
อืม ผมจะไปลองนั่งทำการบ้านว่าถ้าจะ short หุ้น
ต้องทำยังไงถึงจะเพิ่ม probability ให้ผมได้อีก
ถ้าคิดไม่ออกก็ช่างมันไม่ต้อง short ก็ได้ :P
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 63
อันนี้หมายความว่าถ้าเรือมีอายุ 15-25 ปีสามัญชน เขียน: ที่ผ่านมาแต่ละรอบก็ใช้เวลา 15-25 ปี
เพราะสัมพันธ์กับอายุของเรือ
จนกระทั่งผู้ประกอบการเดินเรือถอดใจกันหมดนั่นแหละครับ
รอบใหญ่จึงจะเกิดขึ้นอีก
แล้วพอเรือปลดระวางจะทำให้ supply หายแล้วถ้าไม่มี
คนต่อเรือเพิ่มวัฏจักรถึงจะมาใช่ไหมครับ
สรุปว่าแต่ละรอบที่มันยาวเพราะว่า อายุของเรือมันยาว
และ ต้องรอมันปลดระวางก่อน
อืม demand กับ supply ต้องสัมพันธ์กันสูงจริงๆนะนี้
ขอบคุณพี่หมอครับ :lol:
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 66
ตามความเห็นของผมสามัญชน เขียน:
เรื่องภาพรวมนั้นขนาดลินช์และบัฟเฟตต์ยังบอกว่า
เขาเดาไม่ถูก
และจริงๆแล้วกระทั่งสถาบันที่เก่งๆก็เดาถูกเดาผิดพอๆกัน
หายากที่จะเดาถูก 80% ขึ้นไป
ผมว่าไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดๆ การเดาถูกมากกว่า
80% ก็เป็นไปได้ยากมากเลยนะครับ
เซียนหุ้นหลายคนที่ผมรู้จักในเว็บบอร์ด
หรือ นอกเว็บบอร์ด ก็เลือกหุ้นผิดบ่อยๆครับ
เพียงแต่ตัวที่เขาได้มักจะได้เยอะมากๆ
แต่เวลาเขาเลือกผิดเขากลับตัวเร็วเลยไม่มีผลต่อ
การลงทุนภาพรวมของเขามาก
ผมยังไม่เคยเห็นคนแม่นกว่า 80% เลยนะครับ
แบบว่าพูด 10 ตัว ผิดทางแค่ 2 ตัว
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 68
kornjackrit เขียน: บางครั้งหุ้นที่คิดว่าราคาถูกแล้ว ถ้าเราได้มีการวิเคราะห์ภาพรวมดีๆ
อาจจะเห็นว่ายังมีโอกาสถูกกว่านี้อีก เป็นการช่วยให้เราไม่รีบเข้าไปลงทุน
จนเกินไป ซึ่งช่วยลดโอกาสของการขาดทุนทางบัญชีในระยะสั้น
ผมเพิ่มให้อีกประเด็นนึงนะครับ
ประเด็นข้างบนนั้นทำให้นึกถึงตอนที่ผมล้าง port หลังจาก
lehman brother ล้ม
แต่อีกประเด็นนึงคือ วิชา fundflow ที่ผมใช้มันจะหาสัญญาณอะไรที่บางครั้งตัวพื้นฐานธุรกิจอาจจะยังไม่ดีขึ้น
แต่หุ้นก็ขึ้นได้ หรือขึ้นได้เยอะ ถ้ามีปัจจัยเรื่องเม็ดเงินหรือ
fundflow เข้ามาครับ
สรุปว่า ผมคิดว่ามันใช้ได้ทั้งรุกและรับครับ
ทหารที่ดียอมต้องมีเกาะที่แข็งแกร่งและดาบที่สุดยอดฉันใด
นักดู fundflow ก็ต้องทั้งหนีหุ้นลงและซื้อหุ้นตอนเพิ่งเริ่มขึ้นนิดเดียว(ไม่ตกรถ)ให้ได้ฉันนั้นครับ
ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการฝึกปรือฝีมือและเที่ยวบินของแต่ละท่านครับ
ขอให้โชคดีครับ :D
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 69
ผมชอบพี่หมอตรงที่มีความเห็นที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาดีจังสามัญชน เขียน: การโฟกัสไปที่หุ้นที่เราจะซื้อ
น่าจะเป็นประโยชน์กับเราโดยตรง
การโฟกัสไปที่ภาพรวมน่าจะเป็นประโยชน์กับเราโดยอ้อม
มีบ่อยไปที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมหนึ่งไม่ดี
แต่หุ้นในกลุ่มนั้นตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายๆตัวกลับดีสวนกระแสด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง
และทำกำไรให้เรางามๆ
หรือภาพรวมของอุตสาหกรรมหนึ่งดีมากๆ
แต่ตัวที่เราซื้อกลับแย่กว่าภาพรวม
ก็เจอได้บ่อยๆ
ฉะนั้นอย่าเพิ่งไปไหน คุยกับผมก่อน :D
ผมมีคำถามกว้างๆอย่างจะถามพี่หมอก็คือว่า
พี่หมอเป็นแนวลงทุนในแบบ
bottom-up นั้นหมายความว่าแนวคิดของพี่หมอ
จะดูเฉพาะตัวกิจการเท่านั้น
โลกภาพนอกเศรษฐกิจ usa จะเป็นอย่างไร
ก็ช่างมันไม่เกี่ยวกับหุ้นพี่หมอ อะไรทำนองนั้นใช่หรือไม่ครับ
ถ้าผมขอให้พี่หมอช่วยแชร์ประสบการณ์ในอดีตให้เพื่อนสมาชิก
ได้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่า
ประโยคนี้
"หุ้นในกลุ่มนั้นตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายๆตัวกลับดีสวนกระแสด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง
และทำกำไรให้เรางามๆ"
พี่หมอเคยใช้ในการลงทุนหุ้นตัวไหนบ้างเหรอครับแล้วมันสามารถสวนกระแสอุตสาหกรรมได้
เพราะว่าเหตุผลอะไรเหรอครับ
เช่น 1.ผู้บริหารเก่งกว่าบริษัทอื่นอย่างเห็นได้ชัด
2.มีข้อได้เปรียบหรือ brand ที่แข็งแกร่งบางอย่าง
3.โครงสร้างทางการเงินดีกว่าอย่างชัดเจน
หรือ (อีกมากมาย)
ถ้าเป็นไปได้ขอชื่อหุ้นเลยก็ดีนะครับ
ผมว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากครับ
ผมเองก็อยากฟังมุมมองของคนที่มองหุ้นจากภาพเล็กบ้างน่ะครับ
ผมเชื่อว่าการได้คุยกับคนที่คิดเหมือนเราบ้าง คิดต่างจากเราบ้าง
จะช่วยให้เราเก่งขึ้นครับ
ขอบคุณครับ :lol:
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 70
ขอถามต่ออีกหน่อยเถอะนะครับพี่หมอ
นานๆทีจะมีโอกาศได้คุยกัน
ทั้งๆที่พี่หมอก็เป็นเซียนหุ้นคนนึงแต่ผมดันไม่ค่อยได้ถามพี่หมอเลย
จนมีสมาชิกท่านนึงในเว็บนี้
email บอกผมว่า
"พี่ว่าน้องฮงน่าจะถามพี่หมอนะแกเก่งจะตาย"
ซึ่งตรงกับใจผมพอดี
ไม่ถามเดียวเสียฉายา " ฮงถามแหลก"
ผมอยากทราบแนวทางการเล่นหุ้นของพี่หมอให้ชัดเจนขึ้นหน่อย
ผมสังเกตุว่าหุ้นบางตัวพี่หมอจะ bet หมดหน้าตัก
ซึ่งดูผ่านๆแล้ว เป็นหุ้นที่คนทั่วไป(รวมถึงผม) ไม่กล้า bet
หนักขนาดนั้นแน่นอน
อะไรที่พี่หมอคิดว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงบ้างครับ
กับการที่เล่นหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นแข็งแกร่งแต่ bet หมดหน้าตักไปเลย
เราแน่ใจได้อย่างไรว่า เราจะไม่พลาด แล้วหุ้นมันก็ลงมา
แล้วไม่กลัวบ้างเลยหรือ
เรานอนไม่หลับบ้างไหม
อยากถามเรื่องนี้อะครับ
นานๆทีจะมีโอกาศได้คุยกัน
ทั้งๆที่พี่หมอก็เป็นเซียนหุ้นคนนึงแต่ผมดันไม่ค่อยได้ถามพี่หมอเลย
จนมีสมาชิกท่านนึงในเว็บนี้
email บอกผมว่า
"พี่ว่าน้องฮงน่าจะถามพี่หมอนะแกเก่งจะตาย"
ซึ่งตรงกับใจผมพอดี
ไม่ถามเดียวเสียฉายา " ฮงถามแหลก"
ผมอยากทราบแนวทางการเล่นหุ้นของพี่หมอให้ชัดเจนขึ้นหน่อย
ผมสังเกตุว่าหุ้นบางตัวพี่หมอจะ bet หมดหน้าตัก
ซึ่งดูผ่านๆแล้ว เป็นหุ้นที่คนทั่วไป(รวมถึงผม) ไม่กล้า bet
หนักขนาดนั้นแน่นอน
อะไรที่พี่หมอคิดว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงบ้างครับ
กับการที่เล่นหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นแข็งแกร่งแต่ bet หมดหน้าตักไปเลย
เราแน่ใจได้อย่างไรว่า เราจะไม่พลาด แล้วหุ้นมันก็ลงมา
แล้วไม่กลัวบ้างเลยหรือ
เรานอนไม่หลับบ้างไหม
อยากถามเรื่องนี้อะครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 71
(พี่หมออย่างเพิ่งรำคาญผมนะครับสามัญชน เขียน: ส่วนเรื่อง fund flow
ผมไม่มีความรู้ครับ
เพราคิดว่าเป็นเรื่องยาก
เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงในการวินิจฉัยให้แม่นในระดับที่เราพอใจ
เพราะผมชอบถามแบบ
ยิงรัว
พี่หมอค่อยๆตอบก็ได้นะครับ
แต่ขอเด็ดๆเลยนะ
อิอิ)
พี่หมอช่วยขยายความประโยคนี้ให้หน่อยสิครับ
ว่าทำไมถึงมองว่า ความไม่แน่นอนสูง
ผมจะได้รับรู้ว่านักลงทุนแนวอื่นมีความคิดยังไงกับแนวทางนี้
บางทีมันอาจจะมีจุดอ่อนอะไรบางอย่างก็ได้
ถ้าผมรู้ผมจะได้ไปปรับปรุงแก้ไขแนวทางของผมให้ดีขึ้น
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 72
เรื่องนี้ผมว่าอยู่ที่มุมมองนิดหน่อยนะครับสามัญชน เขียน: และจริงๆแล้วกระทั่งสถาบันที่เก่งๆก็เดาถูกเดาผิดพอๆกัน
หายากที่จะเดาถูก 80% ขึ้นไป
คืองี้ครับ
อย่างผมอ่าน research ของโบรกเกอร์หรือฟัง
ผู้บริหารกองทุนพูดหรือให้สัมภาษ
ผมไม่เคยสนเลยนะครับว่าถูกผิดเท่าไหร่
ผมเน้นดูแค่ข้อมูลดิบ ผมสนแค่ว่าสิ่งที่เขา
brief ออกมานั้น มีข้อมูลลึกแค่ไหน
(ถ้าเป็นข้อมุลที่สรุปดีมากๆ หรือหายากมากๆ ผมจะชอบมาก
เพราะนั้นหมายความว่าผมได้เปรียบนักลงทุนรายย่อย
ทั่วไปแล้ว)
ผมไม่สนใจอยู่แล้วว่าเขาพูดผิดถูกเท่าไหร่
เพราะว่า ผมตัดสินใจซื้อขายเองอยู่แล้ว
คือผมเห็นเขาเป็นแค่ที่ดึงข้อมูลมาให้ผมใช้งาน
ไม่ใช่ที่ปรึกษาทางการลงทุน
และผมรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งมากๆ
ผมเลยคิดว่าเขาจะผิดซัก 80% ของช่างเขาเถอะ
ผมขอดึงข้อมูลเขามาใช้ก็พอแล้ว
ผมมองประเด็นนี้นะครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 73
vi ทำไมจะไม่ short ล่ะฮงhongvalue เขียน:ผมมีข้อสงสัยว่า
vi นั้นถ้า short หุ้นจะเรียกว่า vi หรือไม่
ถ้านิยามของ vi คือ ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่มันควรจะเป็น
แล้วถ้าผมนิยามขึ้นมาใหม่ว่า
นิยามของ vi รวมถึง ขายหุ้นที่มองว่าราคาแพงกว่าที่มันควรจะเป็นออกไปก่อนแล้วค่อยซื้อมันกลับในราคาที่เหมาะสมหรือมีส่วนลดจากราคาที่เหมาะสมล่ะ
มี vi ท่านไหน short หุ้นไหมครับ
แล้วการ short หุ้นถ้ามองที่กิจการ เราจะถือว่าผิดศีลของ
vi หรือไม่ครับ
ผมว่า vi ส่วนใหญ่ไม่ short เพราะว่ามีต้นทุนก็คือดอกเบี้ยในการกู้ยืมซึ่งไม่เหมือนซื้อหุ้นธรรมดาที่ไม่มีต้นทุนส่วนนี้
แพงเกินก็ขาย ถูกเกินก็ซื้อ... ในขณะเดียวกันมันไม่เกิดขึ้นที่มิติเดียว
เพราะการลงทุนในหุ้นมันไม่ได้มีหุ้นตัวเดียวให้เลือก
บางทีผมขายหุ้น... มีคนถามว่ามันไม่ดีแล้วหรือ...แพงไปแล้วหรือ..
ก็เปล่า มันยังถูกอยู่เลย แต่ไปเจอไอ้ตัวอื่นที่มันดีกว่าถูกกว่า
นั่งอ่านฮง post มาพักใหญ่ๆ.... ยอมรับว่าตามไม่ทันแฮะ.. แต่นับถือๆ ขยันดีจริงๆ... สงสัยพี่จะหมดไฟแล้วแฮะๆ หยุดอ่านแล้วหนังสือแนวคิดการลงทุนใหม่ๆ จอดอยู่ที่ vi เอาเวลาไปนั่งอ่านธุรกิจต่างๆขยาย Circle แทน
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 75
[quote]ประโยคนี้
"หุ้นในกลุ่มนั้นตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายๆตัวกลับดีสวนกระแสด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง
และทำกำไรให้เรางามๆ"
พี่หมอเคยใช้ในการลงทุนหุ้นตัวไหนบ้างเหรอครับแล้วมันสามารถสวนกระแสอุตสาหกรรมได้
เพราะว่าเหตุผลอะไรเหรอครับ
"หุ้นในกลุ่มนั้นตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายๆตัวกลับดีสวนกระแสด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง
และทำกำไรให้เรางามๆ"
พี่หมอเคยใช้ในการลงทุนหุ้นตัวไหนบ้างเหรอครับแล้วมันสามารถสวนกระแสอุตสาหกรรมได้
เพราะว่าเหตุผลอะไรเหรอครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 76
ขอบคุณพี่ yoyo มากครับที่มาร่วมแจมด้วยyoyo เขียน: vi ทำไมจะไม่ short ล่ะฮง
แพงเกินก็ขาย ถูกเกินก็ซื้อ... ในขณะเดียวกันมันไม่เกิดขึ้นที่มิติเดียว
เพราะการลงทุนในหุ้นมันไม่ได้มีหุ้นตัวเดียวให้เลือก
บางทีผมขายหุ้น... มีคนถามว่ามันไม่ดีแล้วหรือ...แพงไปแล้วหรือ..
ก็เปล่า มันยังถูกอยู่เลย แต่ไปเจอไอ้ตัวอื่นที่มันดีกว่าถูกกว่า
ถ้าความเห็นของผมจุดไหนไม่เข้าท่าก็ช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับ :D
ผมคิดว่า vi นั้นจะใช้ประโยชน์จากความไม่สมเหตุสมผลของ
ราคาหุ้นที่ควรจะเป็นกับราคาตลาด ฉะนั้นถ้าการ short ทำภายใต้
สมมุติฐานข้อนี้ ผมคิดว่ามันก็เป็นแนวคิดของ vi เหมือนกันครับ
แหม อย่างพี่โยเนี้ยนะครับ จะหมดไฟyoyo เขียน:นั่งอ่านฮง post มาพักใหญ่ๆ.... ยอมรับว่าตามไม่ทันแฮะ.. แต่นับถือๆ ขยันดีจริงๆ... สงสัยพี่จะหมดไฟแล้วแฮะๆ หยุดอ่านแล้วหนังสือแนวคิดการลงทุนใหม่ๆ จอดอยู่ที่ vi เอาเวลาไปนั่งอ่านธุรกิจต่างๆขยาย Circle แทน
ผมคิดว่าหลังๆผมเพิ่มความสามาถทางด้านจังหวะการลงทุนขึ้นมา
แต่ว่า ฝีมือการเลือกหุ้นของผมตกลงไปน่ะครับ
ว่าแต่พักนี้ไม่เห็นพี่ yoyo update blog เท่าไหร่เลยนะครับ
อยากอ่านแนวทาง yoyoway นะครับ
จริงๆแล้วตะก่อนที่ผมยังไม่มีแนวทางเป็นของตัวเอง
ผมไปอ่าน blog พี่โย
แล้วผมก็คิดในใจว่า "เท่จัง yoyoway" เอาคำว่า way
ต่อหลังชื่อของตัวเองด้วย
หลังๆผมก็เลยใช้คำว่า "hongvalueway"
สำหรับแนวทางของผม
หวังว่าจะไม่ไปฟ้องระเมิดลิขสิทธิ์ผมนะครับ
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 77
ตอนนั้นผมเก็บ ap ด้วยเหตุผลภาพใหญ่มาก่อนก็คือว่าyoyo เขียน:
จริงเข้าใจว่าฮงเองก็กำไรจากหุ้น ap เยอะเหมือนกันนี่... ลองแชร์มุมมองให้ฟังบ้างสิว่าทำไมถึงเป็นตัวนี้
ap นี่เป็น 1 ใน ตัวที่ผมดูอยู่เหมือนกัน แต่ว่ายังไม่ค่อยเข้าใจว่าแข็งแกร่งของ ap เท่าไหร่ (คู่นั้นเด่นในเรื่อง Cost Leader, ap นี่ผมไม่รู้แฮะ) และสภาพคล่องก็ยังสู้ไอ้ 2 ตัวนั้นไม่ได้ แต่กลายเป็นว่า ap นี่ดูเหมือนจะขึ้นแรงกว่าเพื่อนเลยแฮะ
ผมไปนั่งเก็บสถิติย้อนหลังมาว่า หุ้น property
จะ outperform ภายใต้ดอกเบี้ยขาลง
ผมเก็บย้อนหลังประมาณเกือบ 5 ปี
โดยช่วงดอกเบี้ยขาลง premium ของหุ้นกลุ่มนี้จะสูงขึ้น
และจริงๆถ้าเราดู model liquidation value
หรือมูลค่าเลิกกิจการที่คำนวณโดยเอา
current asset -total liability
ap ราคาที่ผมซื้อนั้น มูลค่าเลิกกิจการสูงกว่าราคาหุ้นซะอีก
ซึ่งจริงๆแล้วถ้าเราตามการดำเนินงานของ ap มาตลอด
ก็จะพบว่าเป็นบริษัทที่ทำยอดขายได้ค่อนข้างดี
คือโครงการที่เปิดส่วนใหญ่อยู่ในทำเลที่ดี
ไม่ค่อยมีเหลือขายไม่ออกเท่าไหร่
backlog ของ ap นั้นในส่วนคอนโดมีคุณภาพสูงมากเพราะว่า
เป็นคอนโดที่เปิดในช่วงปลายปี 2006-2007
เช่นทำเล สีลม สุขุมวิท
ซึ่งราคาตอนที่เปิดขายต่อตารางเมตรนั้น ถูกกว่าราคาณ.ปัจจับันเสียอีก
ดังนั้นผมจึงมองว่า backlog ของ ap มีคุณภาพสูงมาก
และในเรื่องหนี้สินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยนั้นส่วนใหญ่จะครบกำหนด
มากกว่า 50% ในอีก 2 ปีข้างหน้า
นั้นหมายความว่าเป็นบริษัทที่มี backlog คุณภาพดี และไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางหนี้สินด้วย
และคอนโดส่วนใหญ่ก็มี cash payment ในระดับสูง
ราคาตอนที่ผมซื้อ 2.04 มีปันผล .25 สูงถึง 12%
เรียกว่าผมแทบปิดประตูแพ้ได้เลย
จริงๆผมงงเล็กน้อยก็คือว่า
ผมเช็กย้อนหลังแล้ว ap มักจะมี pe ที่สูงกว่า ps
ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 78
ไหนๆพี่โยก็มาแล้ว
ขอถามกว้างๆหน่อยสิครับ
ว่าพี่มีความเห็นกับแนวการวิเคราห์หุ้นแบบ
top-down อย่างไรบ้างครับ
มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร
พี่คิดว่าถ้าเทียบกับแนวทาง bottom-up
แล้วแต่ละแนวทางสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้มากน้อยแค่ไหนครับ
ขอบคุณครับ
ขอถามกว้างๆหน่อยสิครับ
ว่าพี่มีความเห็นกับแนวการวิเคราห์หุ้นแบบ
top-down อย่างไรบ้างครับ
มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร
พี่คิดว่าถ้าเทียบกับแนวทาง bottom-up
แล้วแต่ละแนวทางสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้มากน้อยแค่ไหนครับ
ขอบคุณครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 79
รู้สึกว่า กระทู้น้องฮง จะเข้มข้นขึ้นทุกวันแล้วนะ
ยังตามอ่าน เอาความรู้อีกด้าน
มาประดับสมองอันทึบๆของผม
ยังตามอ่าน เอาความรู้อีกด้าน
มาประดับสมองอันทึบๆของผม
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 80
dome@perth เขียน:รู้สึกว่า กระทู้น้องฮง จะเข้มข้นขึ้นทุกวันแล้วนะ
ยังตามอ่าน เอาความรู้อีกด้าน
มาประดับสมองอันทึบๆของผม
ขอบคุณมากครับที่ติดตามอ่าน
ถ้ากระทู้ที่ผมโพสเป็นประโยชน์และมีเพื่อนๆพี่ชอบอ่าน
ผมก็จะโพสบ่อยๆครับ :lol:
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 82
ขอแสดงความคิดเ็ห็นนิดนึง ในฐานะที่เคยเรียนเศรษฐศาสตร์มา...
สมัยเรียน อาจารย์ผมบอกว่า นักเศรษฐศาสตร์เนี่ยเป็นอาชีพที่พูดอะไรก็ถูกไปหมดถ้าอธิบายสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไปแล้ว แต่ถ้าให้นักเศรษฐศาสตร์ทำนายอนาคตอย่างเดียว นักเศรษฐศาสตร์คงจะตกงานกันหมด เพราะโอกาสทำนายถูกมันแค่ 50/50 เท่านั้น
คนนึงพูดนู้น พูดนี่ ยกนู้นยกนี่มา support อ้าง paper นู้น paper นี่ ตบท้ายด้วย empirical study มาแล้วก็ได้ข้อสรุปที่ทำให้เราอ่านแล้วก็ โอ้โห... ดูท่าจะจริงแฮะ...
อีกคนนึง อาจจะพูดอีกอย่าง ยกตัวอย่างอีกอย่าง อ้าง paper อีกชุด และ empirical study อีกชุดนึง ทำให้เรางงๆ อีกเล็กน้อย เสียเวลาตามอ่าน paper อีกชุดนึง แล้วก็ได้ข้อสรุปที่ตรงกันข้ามกับคนแรก .... แต่มันก็ดูน่าเชื่อมากๆ เหมือนกัน...
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไหนถูกกันแน่ ก็ได้แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์...
แต่ที่แน่ๆ เศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่สามารถกล่อมให้คนเชื่อ พูดอะไรก็ดูเหมือนถูกไปหมด ด้วย assumption ที่ไม่เคยมีอยู่จริง และถ้าสิ่งที่ทำนายไม่เกิดขึ้น ก็จะอ้างว่ามันละเมิด assumption ข้อที่ x, y, z แล้วก็ยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ ได้แบบไม่มีใครว่าอะไร
สรุป สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ เศรษฐศาสตร์มีประโยชน์ต่อการลงทุน แต่ก็อย่าไปเชื่อนักเศรษฐศาสตร์มากนักเลย ประมาณนั้น
สมัยเรียน อาจารย์ผมบอกว่า นักเศรษฐศาสตร์เนี่ยเป็นอาชีพที่พูดอะไรก็ถูกไปหมดถ้าอธิบายสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไปแล้ว แต่ถ้าให้นักเศรษฐศาสตร์ทำนายอนาคตอย่างเดียว นักเศรษฐศาสตร์คงจะตกงานกันหมด เพราะโอกาสทำนายถูกมันแค่ 50/50 เท่านั้น
คนนึงพูดนู้น พูดนี่ ยกนู้นยกนี่มา support อ้าง paper นู้น paper นี่ ตบท้ายด้วย empirical study มาแล้วก็ได้ข้อสรุปที่ทำให้เราอ่านแล้วก็ โอ้โห... ดูท่าจะจริงแฮะ...
อีกคนนึง อาจจะพูดอีกอย่าง ยกตัวอย่างอีกอย่าง อ้าง paper อีกชุด และ empirical study อีกชุดนึง ทำให้เรางงๆ อีกเล็กน้อย เสียเวลาตามอ่าน paper อีกชุดนึง แล้วก็ได้ข้อสรุปที่ตรงกันข้ามกับคนแรก .... แต่มันก็ดูน่าเชื่อมากๆ เหมือนกัน...
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไหนถูกกันแน่ ก็ได้แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์...
แต่ที่แน่ๆ เศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่สามารถกล่อมให้คนเชื่อ พูดอะไรก็ดูเหมือนถูกไปหมด ด้วย assumption ที่ไม่เคยมีอยู่จริง และถ้าสิ่งที่ทำนายไม่เกิดขึ้น ก็จะอ้างว่ามันละเมิด assumption ข้อที่ x, y, z แล้วก็ยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ ได้แบบไม่มีใครว่าอะไร
สรุป สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ เศรษฐศาสตร์มีประโยชน์ต่อการลงทุน แต่ก็อย่าไปเชื่อนักเศรษฐศาสตร์มากนักเลย ประมาณนั้น
- newbie_12
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2912
- ผู้ติดตาม: 1
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 84
อันนี้โดนใจมากครับ ผมไม่เคยให้เครดิตใดๆ ต่อพวก DR. ทั้งหลายที่ออกมาพ่นข้อมูลทางหน้าจอทีวี โดยเฉพาะของเมืองไทยpicatos เขียน:ขอแสดงความคิดเ็ห็นนิดนึง ในฐานะที่เคยเรียนเศรษฐศาสตร์มา...
สมัยเรียน อาจารย์ผมบอกว่า นักเศรษฐศาสตร์เนี่ยเป็นอาชีพที่พูดอะไรก็ถูกไปหมดถ้าอธิบายสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตไปแล้ว แต่ถ้าให้นักเศรษฐศาสตร์ทำนายอนาคตอย่างเดียว นักเศรษฐศาสตร์คงจะตกงานกันหมด เพราะโอกาสทำนายถูกมันแค่ 50/50 เท่านั้น
คนนึงพูดนู้น พูดนี่ ยกนู้นยกนี่มา support อ้าง paper นู้น paper นี่ ตบท้ายด้วย empirical study มาแล้วก็ได้ข้อสรุปที่ทำให้เราอ่านแล้วก็ โอ้โห... ดูท่าจะจริงแฮะ...
อีกคนนึง อาจจะพูดอีกอย่าง ยกตัวอย่างอีกอย่าง อ้าง paper อีกชุด และ empirical study อีกชุดนึง ทำให้เรางงๆ อีกเล็กน้อย เสียเวลาตามอ่าน paper อีกชุดนึง แล้วก็ได้ข้อสรุปที่ตรงกันข้ามกับคนแรก .... แต่มันก็ดูน่าเชื่อมากๆ เหมือนกัน...
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนไหนถูกกันแน่ ก็ได้แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์...
แต่ที่แน่ๆ เศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่สามารถกล่อมให้คนเชื่อ พูดอะไรก็ดูเหมือนถูกไปหมด ด้วย assumption ที่ไม่เคยมีอยู่จริง และถ้าสิ่งที่ทำนายไม่เกิดขึ้น ก็จะอ้างว่ามันละเมิด assumption ข้อที่ x, y, z แล้วก็ยังคงทำงานต่อไปเรื่อยๆ ได้แบบไม่มีใครว่าอะไร
สรุป สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ เศรษฐศาสตร์มีประโยชน์ต่อการลงทุน แต่ก็อย่าไปเชื่อนักเศรษฐศาสตร์มากนักเลย ประมาณนั้น
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง
----------------------------
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 85
ช่วยขยายความหน่อยครับpicatos เขียน:แต่ที่แน่ๆ เศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่สามารถกล่อมให้คนเชื่อ พูดอะไรก็ดูเหมือนถูกไปหมด ด้วย assumption ที่ไม่เคยมีอยู่จริง
อ่านไม่เข้าใจครับ
เช่น assumption อะไรบ้างที่ไม่เคยมีอยู่จริง
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 86
ปลายปีที่แล้วnewbie_12 เขียน: อันนี้โดนใจมากครับ ผมไม่เคยให้เครดิตใดๆ ต่อพวก DR. ทั้งหลายที่ออกมาพ่นข้อมูลทางหน้าจอทีวี โดยเฉพาะของเมืองไทย
ผมเคยไปนั่งฟังนักเศรษฐศาสตร์คนนึงที่ตลาดหลักทรัพย์
แต่ว่าเป็นคนของรัฐบาลในตอนนั้น
ท่านนั้นบอกว่า gdp ปีหน้า (ปีนี้)
จะบวกอย่างน้อย 2%
แต่พอเดือนผ่านไปอีก 2 เดือนก็ปรากฏว่าออกมาพูดใหม่ว่า
อาจจะติดลบ 1% ก็ได้
ดูเหมือนนักเศรษฐศาสตร์หลายคนไม่ว่าจะเป็นคนของภาครัฐบาล
หรือเอกชน ส่วนใหญ่จะชอบพูดให้มันดูดีมันกำลังใจ
และก็ค่อยๆปรับประมาณการให้สะท้อนกับความเป็นจริงมากขึ้น
ถ้าเป็นแนวนี้ผมว่าก็จริง ฟังไปก็ไม่ได้ประโยชน์
ดูเหมือนว่านักลงทุนต้องทำแค่วิเคราห์แนวโน้มของเศรษฐกิจ
โดยหาข้อมูลเองมากกว่าเชื่อนักเศรษฐศาสตร์ในรายการโทรทัศน์
- densin
- Verified User
- โพสต์: 1073
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 87
อสังหานี่ราคาต่ำเกินจริงทั้งนั้น
แต่ตอนฟัง AGMของ AP แล้วผู้บริหารบอกว่า ธุรกิจนี้ไม่กลัวต้นทุนสูง
แต่กลัวการแข่งขัน แถมพาดพิงบริษัททำคอนโดตลาดล่างในแง่ดี
ผมเลย เลือก PS,LPN ที่segmentคู่แข่งมีน้อย
ราคาหุ้นตอนนี้อาจจะไม่ได้บอกอะไรนัก เป็นเพราะfund flow อย่างเดียว
เดี๋ยวรอผลกระกอบการออกมาดีกว่านะ
PS งบออกพรุ่งนี้, LPN วันพฤหัส หมูหรือจ่าเดี๋ยวก็รู้
ปล. ลืมการบ้านพี่ไปแล้วปะ :D
แต่ตอนฟัง AGMของ AP แล้วผู้บริหารบอกว่า ธุรกิจนี้ไม่กลัวต้นทุนสูง
แต่กลัวการแข่งขัน แถมพาดพิงบริษัททำคอนโดตลาดล่างในแง่ดี
ผมเลย เลือก PS,LPN ที่segmentคู่แข่งมีน้อย
ราคาหุ้นตอนนี้อาจจะไม่ได้บอกอะไรนัก เป็นเพราะfund flow อย่างเดียว
เดี๋ยวรอผลกระกอบการออกมาดีกว่านะ
PS งบออกพรุ่งนี้, LPN วันพฤหัส หมูหรือจ่าเดี๋ยวก็รู้
ปล. ลืมการบ้านพี่ไปแล้วปะ :D
- hongvalue
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2703
- ผู้ติดตาม: 0
fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป
โพสต์ที่ 88
ขอบคุณที่เข้ามาแจมนะครับ ผมมีความเห็นดังนี้ครับpicatos เขียน: สรุป สิ่งที่ผมอยากจะสื่อก็คือ เศรษฐศาสตร์มีประโยชน์ต่อการลงทุน แต่ก็อย่าไปเชื่อนักเศรษฐศาสตร์มากนักเลย ประมาณนั้น
ผมว่ามันก็เหมือนกับเรื่อง
research นั้นแหละ
เราควรจะอ่าน research เพราะว่าเขามีข้อมูลบางอย่างที่ลึกกว่าเรา
แต่เราอย่าไปเชื่อนักวิเคราห์
ในที่นี้ research ก็คือ วิชาเศรษฐศาตร์
นักเศรษฐศาสตร์ ก็คือ นักวิเคราห์
ป.ล. ผมไม่เคยโพสนะว่าให้เชื่อนักเศรษฐศาสตร์
แต่ผมโพสว่าข้อมูลทางเศรษฐศาสตร์หลายอย่างเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้ในเรื่องของเม็ดเงินได้ และหุ้นหลายกลุ่มก็อิงกับเศรษฐกิจ