Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ที่ทำงานผม อยากซื้อ หุ้น central ครับพี่ฉัตรครับ

เค้าเลย โทรไปสั่ง mar ซื้อ cen

ไม่ใช่ CPN หรือ CENTEL

กลับมา สักพัก
มาถามผมว่า cen นี่เป็นกองทุนของห้าง central ใช่ป่าว

อึ้งครับ

...อ้าว มากวนกระทู้น้องฮงเค้าซะแล้ว โทษทีนะครับ
กลับมาสู่สาระดีกว่าครับ  :oops:

Todo เขียน:ขอบคุณมากครับที่นำความรู้มาแบ่งปัน
คุณฮงนี่ น่าคบเนอะ เท่าที่อ่านจากบทความนี่ แนวเดียวกันเลย อิอิ ไม่ทราบว่าจบวิดวะมาป่าวครับ

ผมจบการตลาดครับ
เด็กวิดวะหัวดีกว่าผมเยอะนะ ผมรู้จักหลายคนที่เล่นหุ้นแล้วจบวิดทะคำนวนกำไรเก่งๆทั้งนั้นเลยอะ ผมก็อาศัยขอเกาะๆประมาณการเขาไปอะ

[quote="noooon010"]

...อ้าว มากวนกระทู้น้องฮงเค้าซะแล้ว โทษทีนะครับ
กลับมาสู่สาระดีกว่าครับ

FACE BOOK ก็เหมือนกันครับ

เป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ บางคนก็บ้ากับมันมากขนาด ไปขี้ ก็พิมพ์บอก
ใครอยากรู้ฟร่ะ ไปห้างก็พิมพ์บอก อยู่บนรถก็พิมพ์บอก

คนรู้จักของแฟนเขาเล่น พิมพไปอย่างงั้นไม่มีใครสนใจ แบบว่าตัวตนจริงๆก็มีเพื่อนน้อยมาก มีอยู่ครั้งนึงพิมพ์ว่า กำลังฟังเพลงอยู่ เพื่อนๆคิดว่าเพลงไหนดีแนะนำหน่อย

เพื่อนแก๊งเธอก็พิมพ์มาว่า   เขมรไล่ควาย  :lol:

[v] เขียน:FACE BOOK ก็เหมือนกันครับ

เป็นอะไรที่ไร้สาระมากๆ บางคนก็บ้ากับมันมากขนาด ไปขี้ ก็พิมพ์บอก
ใครอยากรู้ฟร่ะ ไปห้างก็พิมพ์บอก อยู่บนรถก็พิมพ์บอก

:

     ผมเคย follow ผู้หญิงคนนึง
ไม่มีไรทำก็พิมพ์ว่าปวดตด

ผมก็คิดในใจว่าแบบนี้เมิงจะขายออกเหรอว่ะ
:lol:

เข้ามาอ่านครับ
ขอบคุณ เซียนฮง พี่พอใจ กะหมอเอ็มครับ และท่านอื่นๆที่มาแชร์ครับ
ปล. ผมอ่านในหนังสือพิมพ์เรื่องวิกฤติกรีซ
เขียนซะยาวเป็นหน้า อ่านจบก็งงๆ สรุป ก็รู้แค่ว่า หนี้เยอะ แต่ไม่รู้สาเหตุ
หมอเอ็มอธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจง่ายได้เหมือนเดิมเลยครับ

hongvalue เขียน:

hongvalue เขียน:

yoyo เขียน:

yoyo เขียน: คนสวยทำอะไรไม่ผิดหรอก 555

ผมว่าจริงนะคนสวยทำอะไรก็ไม่ผิดสมมุติว่า
คนสวยบอกว่าไปขี้ก่อนนะ
เราก็บอกว่าคนสวยเปิดเผยจังเลยดูท่าจะเป็นคนตรง
แต่ถ้าคนไม่สวยมาพูดแบบนี้
เราก็บอกว่าไม่สวยแล้วยังซ๊กม๊กอีกเฮ้อเซ้ง อะไรแบบนี้

สมัยอยู่มหาลัยเพื่อนคนนึงผมสวยมากหุ่นนางแบบเลย
กินข้าวกันอยู่แล้วเรอออกมา ผมก็ยิ้มๆไม่พูดอะไรเขาก็บอกว่า
อย่ายิ้มแบบนั้นสิ

แต่เพื่อนอีกคนนึงไม่สวยเรอเหมือนกันผมด่าว่าวันหลังลุกไปเข้าห้อง
น้ำสิมาเรอใส่หน้า gu ทำไม ถ้า gu เรอใส่หน้าเมิงบ้างจะรู้สึกยังไง

555

สองมาตรฐานนิครับ

สวัสดีค่ะฮง  ฝนเองนะคะ  ครั้งนี้ฮงไม่มางานมีทติ้งภาคใต้หรอคะ  

ฝนเดาๆว่าพี่กุหลาบแกคงอยากจะเลี้ยงข้าวกับวุ้นเส้นพวกเรานะคะ   :lol:

ตั้งแต่ฮงเอาสมุดมาจดโน๊ตพี่โจครั้งแรก  หลังจากนั้นเป็นบรรทัดฐานทุกๆคนเอาสมุดมาจดกันใหญ่เลย  พี่โจแกพูดถึงหุ้นอะไร  ขึ้นกันทุกตัวค่ะ

ยังไงถ้ามีโอกาสได้เจอกันนะคะ ^^

hongvalue เขียน: ผมว่าจริงนะคนสวยทำอะไรก็ไม่ผิดสมมุติว่า
คนสวยบอกว่าไปขี้ก่อนนะ
เราก็บอกว่าคนสวยเปิดเผยจังเลยดูท่าจะเป็นคนตรง
แต่ถ้าคนไม่สวยมาพูดแบบนี้
เราก็บอกว่าไม่สวยแล้วยังซ๊กม๊กอีกเฮ้อเซ้ง อะไรแบบนี้

สมัยอยู่มหาลัยเพื่อนคนนึงผมสวยมากหุ่นนางแบบเลย
กินข้าวกันอยู่แล้วเรอออกมา ผมก็ยิ้มๆไม่พูดอะไรเขาก็บอกว่า
อย่ายิ้มแบบนั้นสิ

แต่เพื่อนอีกคนนึงไม่สวยเรอเหมือนกันผมด่าว่าวันหลังลุกไปเข้าห้อง
น้ำสิมาเรอใส่หน้า gu ทำไม ถ้า gu เรอใส่หน้าเมิงบ้างจะรู้สึกยังไง

555

สองมาตรฐาน ชัดเจน 5555+
ว่าแต่ น่าสงสารผู้หญิงคนที่ 2 เนอะ

คุณฮงยอดเยี่ยม คุณฮงมีอิทธิฤทธิ์แบบดันดดผู้ชิต  :8)

สาวสวยชอบร้องเพลงหัวใจกระดาษ  :lol:

ความสามารถทางการแข่งขัน ของบริษัทอาจจะไม่ใช่ประเด็นเดียวกับว่าบริษัทมี mos หรือไม่

อันนี้ใช่เลย ธุรกิจที่ดี ไม่ได้หมายถึงราคาที่ดี คนละอย่างกัน  :D

ผมชอบนะครับที่ว่า ต้องมองหาบันไดหนีไฟทุกครั้ง เพราะว่าคนเรามักจะมีความมั่นใจเกินไป เป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่งของจิตวิทยา จนลืมมองด้านลบของตัวมัน ทุก ๆครั้งที่ผมได้ยินว่าหุ้นตัวนั้นดีสุด ๆ ผมจะมองหาจุดอ่อนก่อนเป็นอันดับแรก ในมุมมองของคู่แข่งจะตอบโต้อย่างไรเป็นต้น

ถ้าจำไม่ผิดในดันโด เค้าก็พูดถึง exit strategy เหมือนกับการฝ่าพหุจักรออกมา อันนี้ชอบมาก บ้างครั้งเรามั่นใจมากซะจน ลุยไถไปเรื่อย ๆ จนบ้างครั้งหาทางออกไม่เจอ  กลยุทธ์การขายสำคัญกว่าการซื้อ (จำไม่ได้ว่าใครพูด)

ชอบนะครับกระทู้นี้  

[quote="ศิษย์เซียน007"]คุณฮงยอดเยี่ยม คุณฮงมีอิทธิฤทธิ์แบบดันโดผู้พิชิตครับ

โบราณว่า กำขี้ดีกว่ากำตด

แต่บ่นปวดตดดีกว่าบ่นปวดขี้ป่าวไม่รู้  

ตอนนี้ใช้วิชาอะไรกันครับ ระฆังทองคุ้มกายหรือแผ่นพันลี้

แรกๆ สนุกดีครับ ทำไมหลังๆมีแต่ขี้กับตด

:lol:  :lol:  ..

ตอนนี้ก็ short อ่ะครับ เอาตัวแย่ๆ

MO101 เขียน:ตอนนี้ใช้วิชาอะไรกันครับ ระฆังทองคุ้มกายหรือแผ่นพันลี้

ผมแอบฝึกวิชาโยกย้ายจักรวาลจากพี่ๆในเวปมา...
รอบนี้เลยลองวิชานี้อยู่ครับ
แต่ไม่รู้ธาตุไฟจะเข้าแทรกก่อนฝึกสำเร็จหรือเปล่าครับ...ฮ่า... :lol:  :lol:

noooon010 เขียน:^
^
มาช่วยตอบนะครับ น้องฮงคงไม่ว่ามั้ง

ผมว่า ถ้าเราไม่รู้จักใคร เราก็แค่เข้าไปคุยกับเค้าครับ
3 ปีก่อนผมก็ไม่รู้จักหุ้นเท่าไหร่เลย
เป็นตอนที่ ผมนึกว่า top คือ supermarket แห่งหนึ่ง
snc นี่ทำอะไรน่ะ เห็นคุณคนนู้นคนนี้พูดกันจัง

ผมว่า การเปิดใจที่จะพูดคุย ในที่สุดก็จะมีคนเปิดใจคุยกับเราเองครับ

ผมว่า มิตรภาพหาไม่ยาก ถ้าเรายินดีที่จะแบ่งสิ่งที่ สามารถแบ่งเท่าไหร่ก็ได้ อย่าง "มิตรภาพ" ให้กับผู้อื่นๆครับ

ส่วนถ้าไปคุยแล้ว เค้าไม่คุย

ก็แล้วแต่เค้านะครับ
มีนักลงทุนนิสัยน่ารักๆตั้งหลายคนในงานจิบเบียร์ครับ
(ได้ยินมา ผมไม่เคยไปนะครับ 555)

ขอบคุณครับ ผมจะได้เตรียมตัวถูกครับ

moonchild เขียน:สองมาตรฐานนิครับ

ผมพูดเล่นนะครับคนเราคุณค่าอยู่ที่จิตใจนะครับ
หน้าตาเป็นสิ่งอนิจจัง เป็นของไม่เที่ยงครับ

 เพียงแต่เขียนอะไรให้มันสุดโต่งไปงั้นเองครับ

[quote="Fon^^"]สวัสดีค่ะฮง

Anti-Aircraft เขียน:แรกๆ สนุกดีครับ ทำไมหลังๆมีแต่ขี้กับตด

โทษหมอนุ่นเลยครับชวนนอกเรื่อง
:lol:  พูดเล่นนะครับ

มา update ไรนิดหน่อยนะครับพอดีวันนี้ไปทานข้าวกับเพื่อนๆนักลงทุนมา
มีท่านนึงเป็นอดีตมาร์เก็ตติ้ง

ผมถามเขาว่าพี่ครับ คนเล่นหุ้นขาดทุน 90% จริงไหมครับ
เขาบอกว่าจริงลูกค้าของเขา 9 คนขาดทุนกำไรแค่คนเดียว
ปัจจุบันนี้พี่คนนี้ไม่ได้เป็นมาร์เก็ตติ้งแล้วครับเล่นหุ้นและบอกว่า
เขาคิดว่าแนวทาง vi เป็นแนวทางที่สามารถทำให้ตัวเขาไปอยู่ใน
1 ใน 10 คนได้ครับ

และวันนี้ได้เจอเพื่อนใหม่ๆที่สมาชิกใน tvi แนะนำให้รู้จักขอบคุณมากเลยครับ
(ขอไม่เอ่ยชื่อแล้วกันนะ) ได้พบว่ามีคนสนใจมาลงทุนเยอะมากครับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และสมาชิกท่านนึงได้ให้ผมช่วยพูดเรื่องการลงทุนผมก็พูดแนววีไอผสม trader และรู้สึกว่าเขาฟังดูแล้วมีทัศนคติที่ดี ส่วนนึงผมคิดว่าแนวทางวีไอเป็นแนวทางที่คนจะยอมรับได้ง่ายเนื่องจากว่า มันเป็น common sense ที่ตรงตัวที่สุดครับ ก็คือลงทุนในกิจการ และคนส่วนมากไม่ได้เป็น full time ทำให้แนวทางวีไอตอบโจทย์ให้หลายๆคนที่อยากเข้ามาลงทุนได้เยอะจริงๆครับ

[quote="hongvalue"][quote="Fon^^"]สวัสดีค่ะฮง

MO101 เขียน:ตอนนี้ใช้วิชาอะไรกันครับ ระฆังทองคุ้มกายหรือแผ่นพันลี้

ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าผมเริ่มเข้าใจภาพใหญ่และ point ที่สำคัญของ fundflow จริงๆว่าจริงๆแล้วสิ่งสำคัญมันมีไม่เยอะ มีตัวแปรไม่กี่อย่างหรอกครับที่เราต้องดูจริงๆ แต่ตอนนี้ผมได้ค้นพบว่า(ในความเห็นผม)จริงๆแล้ว fundflow มันเหมือนเป็น subset ของวิชาเทรดอีกทีนะครับ

ผมคิดว่ากล้าที่เราจะเข้าถึงอะไรเราต้องรู้ขีดจำกัดของมัน คนที่ผิดพลาดมักจะเป็นคนที่คิดว่า ศาสตร์นั้นๆทำอะไรได้มากกว่าที่มันสามารถทำได้ แต่เมื่อเราลองผิดลองถูกมากพอ และจะให้ความสำคัญกับแค่ไม่กี่อย่าง

ผมยกตัวอย่างแนวทางวีไอนี้ก็ได้ ผมมีแนวคิดเหมือนพี่ลูกอีสานนะครับ จำได้ว่าพี่โจเคยพูดในงานมีทติ้งปี 2007 ตอนมีคนถามว่าพี่โจได้ใช้ dcf ไหมพี่โจตอบว่าเคยดูแต่มันยากไป อะไรประมาณนี้แล้วก็บอกว่าใช้ pe
ถ้าใครเคยลองทำ dcf ไปจนถึงจุดนึงผมว่าจะเริ่มรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่เราใช้
assumtion มากเกินไป ง่ายๆเลยนะครับ beta มีผลต่อต้นทุนผู้ถือหุ้น พอสมควรเวลาเราเข้าสมการ และต้นทุนผู้ถือหุ้นก็มีผลต่อภาพรวมของ discount rate เยอะกว่าเจ้าหนี้พอสมควร สมมุติว่าคุณหยิบ beta 1 ปีมาใช้แล้วพอดีปีนี้หุ้นตัวนั้นมีขาใหญ่มาเล่นแล้วทำให้มันเหวี่ยงมากๆ โดยที่ภาพรวมใหญ่ๆของมันไม่ได้เหวี่ยงเหมือนปีนั้น แบบนี้ภาพทั้งหมดก็ดูเพี๊ยนๆปะครับ (ถ้าผมผิดก็ช่วยแก้ไขด้วยนะครับเรื่อง valuation ลึกๆไม่ได้แตะนานแล้วครับ) แล้ว growth rate เนี้ยใส่ต่างกัน % เดียวราคาหุ้นก็ห่างกันพอควรเลยนะครับ

ถ้าถามผมว่า dcf มีประโยชน์อะไรคงมีถ้าเราคิดว่ามันโตได้ 3% แต่เราใส่1% และเราใส่ discount rate สูงๆ เราคงได้ราคาที่ต่ำพอควร และพอดีตลาดเกิด panic ทำให้หุ้นเห็นราคานั้น ก็เหมือนเราซื้อได้ที่ safe zone ของ sensitivity analysis อะครับ


ถ้าให้ผมพูดว่า highlight ของฟันโฟคืออะไรหลังจากที่ผมศึกษามาหลายปีและใช้ผ่านตลาด crash และ boom มาแล้ว ผมสามารถสรุปประเด็นสำคัญออกมาได้ไม่เกิน 40 บรรทัดครับ
คงเหมือนว่าลองดูมาหมดทุก indicator จนรู้แล้วว่าตอนไหนดูอะไรให้น้ำหนักอันไหนเท่าไหร่


อะเดี่ยวตอบไม่ตรงคำถาม
แนวทางล่าสุดของผมตอนนี้คือ


หาหุ้นด้วยพื้นฐานและบริหารความเสี่ยงและจังหวะซื้อขายด้วยแนวคิด trader ครับ

[quote="กุหลาบงามหลังฝน"]

อย่าลืมสัญญานะครับ 20