Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

นพพร เขียน:เอ่อ เด้งลงนี่นับมั้ยครับ

:lol: ปีที่แล้วเคยเด้งลงมา1.2เด้ง  :vm:

เกือบได้เด้งแล้ว
ดันขายหมูไปซะก่อน

chowbe76 เขียน:เกือบได้เด้งแล้ว
ดันขายหมูไปซะก่อน

ขายหมูรับดอยปล่อยเหว

picklife เขียน: ขายหมูรับดอยปล่อยเหว

คำนิยามของผมเลยนะนั่นน่ะ

รู้สึกว่าการลงทุนในหุ้นคุณค่าได้ทำให้ทฤษฎีดอกเบี้ยทบต้น(<!--[if !vml]--><!--[endif]-->  )ของไอสไตน์กลายเป็นจริงครับ  :8)

อย่าไปยึดติดกับผลตอบแทนมากนะครับ หุ้นขึ้นไม่ใช่ว่าเราถูก หุ้นลงไม่ใช่ว่าเราผิด มันอยู่ที่วิธีการคิดมากกว่าครับที่สำคัญ กำไรบนเหตุผลที่ผิด ขาดทุนบนเหตุผลที่ถูก ผมว่าอย่างหลังดีกว่าในระยะยาวนะครับ

chowbe76 เขียน: คำนิยามของผมเลยนะนั่นน่ะ

555+ สำหรับผมไม่ใช่แค่คำนิยาม แต่มันอยู่ในสายเลือดครับ 555+

Blueblood เขียน:อย่าไปยึดติดกับผลตอบแทนมากนะครับ หุ้นขึ้นไม่ใช่ว่าเราถูก หุ้นลงไม่ใช่ว่าเราผิด มันอยู่ที่วิธีการคิดมากกว่าครับที่สำคัญ กำไรบนเหตุผลที่ผิด ขาดทุนบนเหตุผลที่ถูก ผมว่าอย่างหลังดีกว่าในระยะยาวนะครับ

+ 1 เห็นด้วยกับพี่Blueblood ครับ

ตอนได้เด้งแรกในชีวิตนี่จำไม่ค่อยได้แล้วว่ายังไง...

แต่ตอนกำไรมากๆ ในช่วงนี้...

รู้สึกได้ถึง "กิเลส" และ "ความโลภ" ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น...

ยิ่งมี ก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งได้แล้ว ก็ยิ่งอยากได้มากขึ้นไปอีก

และคิดว่าถ้าสิ่งที่อยากมี อยากได้ ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นทุกข์อีก...

รู้สึกได้ว่า สติ ค่อยๆ หลุดออกไปเรื่อยๆ... ขาดสติมากขึ้นเรื่อยๆ...

เฮ้อ... การเป็นคนมีสตินี่ยากจังเลยเนอะ...

picatos เขียน:ตอนได้เด้งแรกในชีวิตนี่จำไม่ค่อยได้แล้วว่ายังไง...

แต่ตอนกำไรมากๆ ในช่วงนี้...

รู้สึกได้ถึง "กิเลส" และ "ความโลภ" ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น...

ยิ่งมี ก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งได้แล้ว ก็ยิ่งอยากได้มากขึ้นไปอีก

และคิดว่าถ้าสิ่งที่อยากมี อยากได้ ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นทุกข์อีก...

รู้สึกได้ว่า สติ ค่อยๆ หลุดออกไปเรื่อยๆ... ขาดสติมากขึ้นเรื่อยๆ...

เฮ้อ... การเป็นคนมีสตินี่ยากจังเลยเนอะ...

โหผมว่าคิดได้แบบนี้ก็มีสติมากแล้วครับ

VI Wannabe เขียน: โหผมว่าคิดได้แบบนี้ก็มีสติมากแล้วครับ

จริงด้วยครับพี่
พระอาจารย์ผมแกไม่เคยสอนว่าห้ามเราโลภครับ
แต่ถ้าเราโลภเมื่อไหร่ให้รู้เท่าทันมัน เมื่อนั้นสติก็จะยังอยู่กับเราครับ
ความรู้สึกอยากได้มากขึ้นเรื่อยๆนี่ ผมว่าเกิดขึ้นกับทุกคนแหละครับ
ความรู้สึกนี้จะหมดไปได้ ก็ต่อเมื่อคนคนนั้นรู้จักคำว่า พอ ครับ

ส่วนคำถามของ จขกท.
สำหรับผมได้เด้งแรกจาก AOT เพราะลอกการบ้านเซียนครับ
เลยยังไม่ภูมิใจเท่าที่ควร เมื่อไหร่วิเคราะห์ได้ด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ
คิดว่าน่าจะภูมิใจมากกว่านี้ครับ

ผมมองว่าได้หุ้นเด้ง ไม่สำคัญเท่า พอร์ทเด้ง นะครับ

ผมว่า..ผมคงไม่ได้หรอกครับแค่ขึ้นมาแค่15-20%ผมก็ขายออกไปแล้วครับ ใจไม่กล้าพอครับ

ผมอ่านหลายๆ ทั่นแล้วนึกถึงหนังสือเล่มแรกของอ.ดร.นิเวศน์เรื่องตีแตกครับ ท่านอาจารย์ก็ได้เด้งเหมือนกันต่างจากพวกเราๆ ท่านๆ ชาว VI เม่า (ดีกว่าแมงเม่าจึ๋งนึง) คือท่านได้เด้ง + ขนาดของเงินที่ลงเพราะท่านวิเคราะห์ทำการบ้านแล้ว "ตีแตก" กับหุ้นครับ

ลองไปอ่านดูสิครับ แต่อย่าลอกหุ้นในหนังสือนะ ดูวิธีคิดมากกว่า หุ้นส่วนใหญ่ในหนังสือเดี้ยงแล้ว ไม่เด้ง  :lol:

รู้สึกว่า ต้องคิดว่าทำยังไงให้ได้เด้งต่อไปครับ

จะขายไปดูตัวที่ยังมี MOS เยอะไม๊ หรือว่าจะถือตัวนั้นต่อไป อะไรประมาณนี้ครับ

ขอทีเดียว 10 เด้งเลยได้ป่าว

ผมเฉยๆกับเด้งแรกครับ เพราะมีน้อย ส่วนได้จากเด้งนั้น มันไปเจ๊ากับอีกตัวที่ลงน้อยแต่มีเยอะ สรุปแล้วเลยไม่ได้ไม่เสีย เฉยๆไปเลย แบบแอบเซ็งๆด้วยครับ ว่าทำไมไอ้ที่เด้งๆนี่ดันซื้อไม่เยอะ แอบคิดในใจนะครับ

^^ เขียน:ขอทีเดียว 10 เด้งเลยได้ป่าว

ไม่ได้หรอกครับ หุ้น 10 บาท ก่อนจะไป 100 บาท ได้ก็ต้องผ่านราคา 20 บาท ก่อนครับ ยกเว้นว่าเป็นหุ้น .01 แล้วเปิดโดดไป .10 เลย

ถ้าถือตอน 1 เด้งแล้วไปขาย ชาตินี้ยังไงก็ไม่ได้ 10 เด้งครับ

10 เด้งไม่ได้ งั้น 9 เด้งก็ได้

มันทำให้รู้สึกมั่นใจ กับการลงทุนแนว vi อย่างมาก
แล้วก็ฝันเพ้อเจ้อไปเรื่อยเลย
มีสามตัวที่ได้เด้ง ตั้งแต่ลงทุนมา
AIT 2.5 เด้ง ตอนนี้ยังอยู่ดี
TR 1.5 เด้ง ตอนนี้ก็ยังอยู่
KIAT ขายไปตอน 2.5 เด้ง

ส่วนตอนนี้รอดู IHL ว่าจะป้อกเด้งกับเขาได้หรือเปล่า

เด้งแรกกับ SIS เมือ่ปีก่อน ถามความรู้สึกก็ยังเฉยๆครับ คิดว่าหนทางอีกยาวไกล

เอาไว้ 10 ปีผ่านไปได้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจแบบนั้นน่าจะดีใจได้กว่าเด้งแรกที่ได้มา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะฟลุ๊ครึเปล่า  :oops:

[quote="GeneraX"]เด้งแรกกับ SIS เมือ่ปีก่อน ถามความรู้สึกก็ยังเฉยๆครับ คิดว่าหนทางอีกยาวไกล

เอาไว้ 10 ปีผ่านไปได้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจแบบนั้นน่าจะดีใจได้กว่าเด้งแรกที่ได้มา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะฟลุ๊ครึเปล่า

[quote="GeneraX"]เด้งแรกกับ SIS เมือ่ปีก่อน ถามความรู้สึกก็ยังเฉยๆครับ คิดว่าหนทางอีกยาวไกล

เอาไว้ 10 ปีผ่านไปได้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจแบบนั้นน่าจะดีใจได้กว่าเด้งแรกที่ได้มา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะฟลุ๊ครึเปล่า

ได้ หนึ่งเด้งมาสามตัว
ตัวแรก ewc ซื้อตอน 4 บาทแล้วได้ 1 เด้งในอาทิตย์เดียว ก็ขายออก
ดีใจมาก เพราะซื้อไปเป็นสัดส่วนที่เยอะมากของพอร์ต
แล้วใช้เวลาน้อยมากๆ ในการได้เด้งแรก (ดวงดี)
ตัวที่สอง snc ซื้อตอน 7 บาท แล้วมันก็ขึ้นไปเด้งกว่า แต่ก็ไม่ขาย
มันประกาศเพิ่มทุน แล้วมันก็กลับมาที่เดิม ขายไปตอน 10 บาท
ตัวที่สาม spali เพิ่งลดสัดส่วนไป ไปรับตัวที่คิดว่าอัพไซด์เยอะกว่า

หวังว่า จะมีตัวที่สี่ ที่ห้าและตัวต่อๆไป เรื่อยๆ

จาก ปสก.อันน้อยนิด ผมเคยได้1เด้ง 2 เด้ง 3 เด้ง จาก4 ตัว
ช่วงแรกๆ เปิด port ทีไรก็ยิ้ม port ส๊วยสวย

แต่ ผมไม่กล้าซื้อไม้2-3 เพราะกลัวว่าจะทำให้ port ลดความงามลง
พยายามไปหาตัวใหม่แทน กลับพบว่า หุ้นที่เด้งไปชุดแรกก็เพิ่มขึ้นเด้งไปอีก
ตัวใหม่ยังสู้ไม่ได้

เมื่อไม่นานมานี้ เลยกลับไปใช้วิธีเดิม ตอนที่เลือกหุ้นชุดแรก ว่า คิดว่าจาก จุดปัจจุบัน
เหลือ upside อีกเท่าไหร่ จากที่ตั้งไว้

ถ้าตัวไหนเหลือมากกว่าก็ซื้อตัวนั้น แม้ว่าจะทำให้ความงามหรือเด้งลดลง ก็ยอม
แต่เพื่อเป้าหมายที่ต้องการจริงๆ น่าจะเป็นผลตอบแทนของผลรวมทั้งพอร์ตมากกว่า

ผมได้หลายเด้งครับ เด้งเข้า เด้งออก(ขายหมู) เด้งเข้า(ซื้อควาย) เด้งอย่างนี้ไม่นับเนอะครับ
จริงๆแล้วตอนได้เด้งแรกรู้สึกเสียดายที่ซื้อน้อยไปครับ หุหุ

อยากได้เป็น case study ครับ
ซื้อหุ้นอะไร ตอนที่ซื้อ วิเคราะห์อะไรบ้าง มีเหตุผลและปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ตัดสินใจเลือกที่จะซื้อครับ
จะโพสตอบหรือ message ก็ยินดีทั้งนั้นครับ

ปัจจุบันผมขายหมู ซื้อควายตามตำราท่านว่าไว้เป๊ะเลยครับ

ความรู้สึกแรก คือ ถ้าไม่ทนแกว่งในตอนนั้น คงไม่ได้ถึงขนาดนี้
จึงทำให้คิดว่า การดูราคาขึ้น-ลงทุกวันนั้น ไม่สมควรอย่างยิ่งทำให้ใจเราไขว้เขวได้

ความรู้สึกต่อมาคือ ทำใมซื้อมาน้อยจัง

picatos เขียน:ตอนได้เด้งแรกในชีวิตนี่จำไม่ค่อยได้แล้วว่ายังไง...

แต่ตอนกำไรมากๆ ในช่วงนี้...

รู้สึกได้ถึง "กิเลส" และ "ความโลภ" ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น...

ยิ่งมี ก็ยิ่งอยากได้ ยิ่งได้แล้ว ก็ยิ่งอยากได้มากขึ้นไปอีก

และคิดว่าถ้าสิ่งที่อยากมี อยากได้ ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นทุกข์อีก...

รู้สึกได้ว่า สติ ค่อยๆ หลุดออกไปเรื่อยๆ... ขาดสติมากขึ้นเรื่อยๆ...

เฮ้อ... การเป็นคนมีสตินี่ยากจังเลยเนอะ...

เห็นด้วย 100% เลยครับ