Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อนัตตา เขียน:เอาตัวอย่างลุุงคนนี้มาให้ดูกันครับ ผมว่าแกเท่ห์ดี

http://www.youtube.com/watch?v=exb21yBq ... ture=relat ed

 
 ผมชอบคำพูดของลุงแกมากเลยครับ  ไม่รอใครทั้งสิ้น  

   รายจ่ายในกรุงเทพ   3000 บาท อยู่ 10 วัน
              ต่างจังหวัด  11000 บาท อยู่ 20 วัน (โรงแรม 350 บาท ขอให้สะอาดและมีเน็ตฟรีพอครับ)
         รถ+น้ำมัน(13,000 /เดือน)ใช้ของบริษัท
         เที่ยวประจำปีของบริษัท
ส่วนเงินเดือน 12000 บาท
            แม่ + แฟน 7,000 บาท
           เหลือเข้า พอร์ต 5,000 สองเดือนโอน ครั้ง แล้วก็รอโบนัส
           คงอีกหลายปีครับ

อ่วมขึ้นค่าไฟอีก4สตางค์ กกพ.อ้างภาระล้างหนี้6พันล.
แหล่งข่าว : บ้านเมือง , วันที่ : 03/01/2013

ประเดิมปีใหม่ คนจนอ่วมอรทัย กกพ.เคาะขึ้นค่าไฟอีก 4 สตางค์ อ้างต้องเคลียร์หนี้คืน กฟผ. ให้หมดปีนี้ เริ่มมีผลใช้บิล ม.ค.-เม.ย. ขณะที่ค่าไฟบ้านจ่ายจริง 3.76 บาท/หน่วย พร้อมลั่นไม่ปรับขึ้นค่าเอฟทีถึงสิ้นปี

นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.มีมติเห็นชอบการประกาศค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ ประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2556 ขึ้นอีก 4.04 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับเอฟทีเดิมเอฟทีงวดนี้ จึงเท่ากับ 52.04 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของประชาชนเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานจะปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 3.72 บาทต่อหน่วย เป็นประมาณ 3.76 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ ทาง กกพ.ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาวะเศรษฐกิจ และไม่ต้องการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน จึงเห็นชอบให้มีการปรับขึ้นในอัตราดังกล่าว จากเดิมที่หน่วยงานผลิตไฟฟ้าเสนอปรับขึ้นมาในอัตราประมาณ 13.57 สตางค์ต่อหน่วย โดยต้นทุนที่มีภาระในส่วนนี้ ได้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมรับภาระแทนประชาชนเป็นการชั่วคราวไปก่อน วงเงิน ประมาณ 5,131 ล้านบาท

นายดิเรก กล่าวว่า สำหรับต้นทุนค่าไฟฟ้าเอฟทีที่ปรับขึ้นงวดนี้ ต้นทุนสำคัญเกิดจากต้นทุนค้างจ่ายของประชาชนที่ กฟผ.แบกรับภาระไปก่อนหน้านี้ ตั้งแต่การลดค่าไฟฟ้าช่วงน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ถึงต้นปี 2555 โดยช่วงนั้น กฟผ.แบกรับภาระกว่า 10,000 ล้านบาท และทาง กกพ.พิจารณาเกลี่ยต้นทุนภาระดังกล่าวคืนแก่ กฟผ. จนทำให้งวดนี้เหลือเพียงประมาณ 5,131 ล้านบาท และจะมีการเกลี่ยอย่างต่อเนื่อง โดยงวดหน้าเหลือบาท และจะมีการเกลี่ยอย่างต่อเนื่อง โดยงวดหน้าเหลืออีกประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท จะมีผลทำให้คาดว่าค่าไฟฟ้างวดต่อไปยังปรับเพิ่มขึ้น

"การปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดปัจจุบันจึงเป็นการปรับเพื่อใช้หนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ที่ช่วยตรึงค่าเอฟทีมาโดยตลอด ปัจจุบันเป็นหนี้ กฟผ.โดยรวมอยู่ที่กว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งความจริงต้องปรับขึ้นค่าเอฟทีอีก 13.57 สตางค์ต่อหน่วย หรือทำให้ค่าเอฟทีโดยรวมอยู่ที่ 61.57 สตางค์ต่อหน่วย จึงจะสามารถใช้หนี้ได้หมด แต่เรกูเลเตอร์ไม่ต้องการให้เป็นภาระของประชาชนมากเกินไป จึงพิจารณาให้ใช้วิธีทยอยคืนหนี้งวดละ 4 สตางค์ต่อหน่วยแทน โดยเริ่มตั้งแต่งวดแรกของปี 2556 นี้ และจะทำให้หนี้เริ่มลดลงจาก 6,000 ล้านบาท เหลือ 5,131 ล้านบาท ทั้งนี้ วิธีการดังกล่าวจะทำให้ใช้หนี้ กฟผ.ได้หมดภายในปี 2556 ขณะที่ค่าเอฟทีของประชาชนจะไม่ปรับขึ้นตลอดปี 2556 โดยคงไว้ที่ระดับ 52.04 สตางค์ต่อหน่วย แต่ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่ที่ปัจจัยด้านราคาก๊าซฯ และค่าเงินบาท ไม่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นไปจากปัจจุบันมากนักด้วย"

นอกจากนี้ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังเกิดจากประเทศพม่าจะหยุดจ่ายก๊าซชั่วคราวประมาณช่วงเดือน กุมภาพันธ์ และเดือนเมษายน2555 จึงทำให้ต้องมีการใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าทดแทนก๊าซธรรมชาติต้นทุน จึงขยับสูงขึ้น ท่ามกลางการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังเป็นผลมาจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ทรงตัวระดับสูง แต่ต้นทุนงวดนี้ต่ำกว่างวดที่แล้ว โดยต้นทุนก๊าซอยู่ที่ประมาณ 307-317 บาทต่อล้านบีทียู ลดลงจากงวดที่แล้วที่อยู่ประมาณ 308-324 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันย้อนหลังที่ปรับลดลง ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้คำนวณงวดนี้เท่ากับ 30.82 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าการใช้ไฟฟ้าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 4.1%

อย่างไรก็ตาม สำหรับมติดังกล่าว สำนักงาน กกพ.จะนำรายละเอียดทั้งหมดเผยแพร่ผ่าน www.erc.or.th เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวันที่ 2-8 มกราคมนี้ ก่อนนำผลการรับฟังความคิดเห็นมาพิจารณาและประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้าตั้งแต่ งวดนี้เป็นต้นไป

ผมว่าใช้ถ่านหินแทนก๊าซธรรมชาติค่าไฟน่าถูกลงกว่านี้ญี่ปุ่นเจริญกว่าเราเขายังใช้เลยไทยนี่มันจะเรียกยังไงดีอิอิโทษทีนะครับน่าจะเหมาะคือคำว่า(กระเเดะไปรึเปล่า)

ค่าใช้จ่ายประจำ ต่อเดือน
ค่าเทอมลูก 21000
ค่าใชจ่ายลูก 5000
ใช้จ่าย ตัวเอง+ภรรยา 30000
ประกันคน 3 คน 11000
ประกันรถ 2คัน 3500
ผ่อนรถ 11500
ค่าใช้จ่ายรถ ต่างๆ 10000
ค่าใช้จ่ายทางสังคม 10000
รวมค่าใช้จ่ายประจำ 102000

ยังไม่รวม เงินส่งให้ทางบ้าน เงินออมต่างๆ และค่าใช้จ่ายไม่ประจำต่างๆที่คาดไม่ถึง

และลูกคนที่ 2 ที่กำลังจะตามมา ^_^

เดือนละ แสนกว่าน่าจะพอ

สมัยเด็กๆคิดว่าทำงานได้ 50000 ก็ สบายไปทั้งชีวิตแล้ว แต่ ตอนนี้ ก็ตั้งใจทำมาหากินต่อไป

ตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่าครับ

ซื้อบ้านให้ลูกอยู่แทนคอนโด ผ่อน 30 ปี
อาหารทำเอง แพงมาก ค่าใช้จ่ายลูกเพียบ
บ้านก็ต้องจ้างคนมาทำความสะอาด ตัดสวนต่างหาก
แฟนก็ออกมาดูลูก

ผมว่าแต่งงานยังไม่หนัก มีลูกนี่ของจริง

ใช่ครับ มีลูกจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์มากด้วย สู้ต่อไป

ดีที่ผมยังไม่แต่งงาน ยังไม่มีลูก แต่ก็แก่ตัวไปเยอะครับ

sunrise เขียน:ตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่าครับ

ซื้อบ้านให้ลูกอยู่แทนคอนโด ผ่อน 30 ปี
อาหารทำเอง แพงมาก ค่าใช้จ่ายลูกเพียบ
บ้านก็ต้องจ้างคนมาทำความสะอาด ตัดสวนต่างหาก
แฟนก็ออกมาดูลูก
ผมว่าแต่งงานยังไม่หนัก มีลูกนี่ของจริง

ถ้าเลือกได้ ผ่อนรถดีกว่าผ่อนบ้านนะครับ -*-

รถยังไงก้ดอกคงที่ แต่บ้านถ้า30ปี ยังไม่รู้จะเจอดอก สองหลักเหมือนปี38-39ไหม

สำหรับลูกผมให้น้ำหนักกลางๆ ผมเรียนจบมาจาก รร วัดสมัยก่อนก้เรียนฟรี

รร ที่ลูกเรียนก้ไม่แพงมาก ใกล้ๆกับของพี่ สมัยก่อนถามผม อะไรคือสุดยอดในชีวิต

ผมคงตอบว่าการมีเงินเดือนเยอะๆ แต่ตอนนี้ ผมจะตอบว่า

สุดยอดในชีวิตคือ การมีอิสระภาพทางการเงิน ครับ

ดังนั้น เรียนในสาขาที่ชอบ ผมไม่ไปบังคับ แต่ รู้จักการออมและลงทุน ตั้งแต่เด็ก

อันนี้สิ หัวใจแห่งการดำรงชีวิตครับ

จบหมอ แล้วไง จบวิศวะแล้วไง เวลามาลงทุน ขั้นแรก ก้ โง่ก่อนแทบทุกคนครับกว่าจะฉลาดในการลงทุน

ผมรู้จักคนๆนึงที่มีเงินหลักสามร้อยล้าน แต่ไม่เคยใส่เสื้อผ้าหรูหรา ไม่เคยออกสื่อ

ไม่เคยใช้มารจิ้นท์ลงทุน ไม่เคยเพิ่มเงินจากรายได้อย่างอื่นยกเว้นปันผล ลงไปในพอรท์

ไม่เคยมีคนรู้จัก และไม่ได้เขียนหนังสือ(ขาย) จัดคอรส หรือ แม้แต่จะออกตัวว่าเทพ

คนๆนั้นชื่อ GS Mobile ผู้เป็นเหมือนพี่ชาย เพื่อนและ อาจารย์ในการลงทุน

kraikria เขียน:ใช่ครับ มีลูกจะมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ทำให้ครอบครัวสมบูรณ์มากด้วย สู้ต่อไป

ขอโทษครับกดบวกแต่ไปโดนลบ
และเข้าใจความรักของ พ่อแม่ ที่มีให้เรามากขึ้นด้วยครับ

sunrise เขียน:ตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่าครับ

ซื้อบ้านให้ลูกอยู่แทนคอนโด ผ่อน 30 ปี
อาหารทำเอง แพงมาก ค่าใช้จ่ายลูกเพียบ
บ้านก็ต้องจ้างคนมาทำความสะอาด ตัดสวนต่างหาก
แฟนก็ออกมาดูลูก

ผมว่าแต่งงานยังไม่หนัก มีลูกนี่ของจริง

เห็นด้วยครับพี่กบ .. projection อะไรผิดเพี้ยนหมด

ส่วนตัวผมกินข้าวมื้อละ 35 อยู่บ้านกินกับข้าวบ้านยิ่งถูก
แต่ลูกผมกินอะโวคาโดลูกละ 69 เป็นของว่างยามบ่าย ต้องใช้อุปกรณ์จากญี่ปุ่นแสนแพงเตรียมอาหารให้อีก

แปรงสีฟันผม 20 บาท ของลูก 200
ผมอาบน้ำล้างหน้าสบู่นกแก้ว ลูกผมอาบโฟมอะไรก็ไม่รู้ขวดละเป็นร้อย ๆ
ของเล่นเสริมพัฒนาการเพียบชิ้นนึงเป็นพัน หลายพัน ผมถ้าจะคลายเครียดก็เล่นเกมส์โหลดมาตอน sales บน ipad 0.99$

โรงเรียนสมัยก่อนผมเรียนไม่กี่พันเองเทอมนึง มหาลัยค่าเทอมปีละหมื่นกว่าบาท
ของลูกเท่าที่ดู ๆ มา แค่อนุบาลก็จะแสนอยู่แล้วปีนึง

แต่จ่ายแล้วมีความสุขครับ

และสุดท้ายผมว่าถ้าลูกผมโตขึ้นมาหน่อย ผมจะสอนให้เค้าอาบสบู่นกแก้วเหมือนผม

Linzhi เขียน:

sunrise เขียน:ตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่าครับ

ซื้อบ้านให้ลูกอยู่แทนคอนโด ผ่อน 30 ปี
อาหารทำเอง แพงมาก ค่าใช้จ่ายลูกเพียบ
บ้านก็ต้องจ้างคนมาทำความสะอาด ตัดสวนต่างหาก
แฟนก็ออกมาดูลูก

ผมว่าแต่งงานยังไม่หนัก มีลูกนี่ของจริง

เห็นด้วยครับพี่กบ .. projection อะไรผิดเพี้ยนหมด

ส่วนตัวผมกินข้าวมื้อละ 35 อยู่บ้านกินกับข้าวบ้านยิ่งถูก
แต่ลูกผมกินอะโวคาโดลูกละ 69 เป็นของว่างยามบ่าย ต้องใช้อุปกรณ์จากญี่ปุ่นแสนแพงเตรียมอาหารให้อีก

แปรงสีฟันผม 20 บาท ของลูก 200
ผมอาบน้ำล้างหน้าสบู่นกแก้ว ลูกผมอาบโฟมอะไรก็ไม่รู้ขวดละเป็นร้อย ๆ
ของเล่นเสริมพัฒนาการเพียบชิ้นนึงเป็นพัน หลายพัน ผมถ้าจะคลายเครียดก็เล่นเกมส์โหลดมาตอน sales บน ipad 0.99$

โรงเรียนสมัยก่อนผมเรียนไม่กี่พันเองเทอมนึง มหาลัยค่าเทอมปีละหมื่นกว่าบาท
ของลูกเท่าที่ดู ๆ มา แค่อนุบาลก็จะแสนอยู่แล้วปีนึง

แต่จ่ายแล้วมีความสุขครับ

และสุดท้ายผมว่าถ้าลูกผมโตขึ้นมาหน่อย ผมจะสอนให้เค้าอาบสบู่นกแก้วเหมือนผม

ยินดีกับลินและกบด้วยนะครับเรื่องลูก
เจอกันหนสุดท้ายกำลังจะแต่งงานทั้งคู่ เผลอแป๊บเดียวเข้ามาอยู่ชมรมคุณพ่อทั้งคู่ซะแล้ว

ยืนยันด้วยคนครับว่ามีลูกทำให้ค่าใช้จ่ายที่เคยประมาณไว้ของผมเพี้ยนไปเยอะเลย
เดี๋ยวนี้รายจ่ายแต่ละเดือนสูงจนน่าตกใจจริงๆ

ช่วงนี้พอลูกเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆใกล้จะเข้าวัยรุ่นชักเริ่มหลอน
นึกไปถึงตอนที่เค้าหันไปติดเพื่อนแทนเราก็ใจหายนะครับ

ของผมมี
ค่าหอพักอยู่แถวถนนจันทร์เดือนละ 6000 บาท/เดือน
ค่าประกันชีวิตพ่อ 585 บาท/เดือน
ให้ที่บ้าน 4000 บาท/เดือน
ค่าอาหารหมา 500 บาท/เดือน
ค่าอาหาร+พาแฟนไปกินข้าวที่ห้าง+ค่าโทรศัพท์+ค่ารถโดยสาร 8000 บาท/เดือน
เงินเก็บ 5000 บาท/เดือน

อยู่บ้านนอกแบบผมสบายหน่อย
เงินเดือน 25000 บาท
มีเหลือครับ ใช้จริงเดือนหนึ่งไม่ถึงหมื่นห้า
ลูกเรียนฟรี
มาทำงานอาหารฟรี

ใช้ 7.5 แสน - 1 ล้านบาท ต่อเดือน / ใช้ยังไงอะใช้ไม่เป็น

atsu เขียน:

Linzhi เขียน:

sunrise เขียน:ตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่าครับ

ซื้อบ้านให้ลูกอยู่แทนคอนโด ผ่อน 30 ปี
อาหารทำเอง แพงมาก ค่าใช้จ่ายลูกเพียบ
บ้านก็ต้องจ้างคนมาทำความสะอาด ตัดสวนต่างหาก
แฟนก็ออกมาดูลูก

ผมว่าแต่งงานยังไม่หนัก มีลูกนี่ของจริง

เห็นด้วยครับพี่กบ .. projection อะไรผิดเพี้ยนหมด

ส่วนตัวผมกินข้าวมื้อละ 35 อยู่บ้านกินกับข้าวบ้านยิ่งถูก
แต่ลูกผมกินอะโวคาโดลูกละ 69 เป็นของว่างยามบ่าย ต้องใช้อุปกรณ์จากญี่ปุ่นแสนแพงเตรียมอาหารให้อีก

แปรงสีฟันผม 20 บาท ของลูก 200
ผมอาบน้ำล้างหน้าสบู่นกแก้ว ลูกผมอาบโฟมอะไรก็ไม่รู้ขวดละเป็นร้อย ๆ
ของเล่นเสริมพัฒนาการเพียบชิ้นนึงเป็นพัน หลายพัน ผมถ้าจะคลายเครียดก็เล่นเกมส์โหลดมาตอน sales บน ipad 0.99$

โรงเรียนสมัยก่อนผมเรียนไม่กี่พันเองเทอมนึง มหาลัยค่าเทอมปีละหมื่นกว่าบาท
ของลูกเท่าที่ดู ๆ มา แค่อนุบาลก็จะแสนอยู่แล้วปีนึง

แต่จ่ายแล้วมีความสุขครับ

และสุดท้ายผมว่าถ้าลูกผมโตขึ้นมาหน่อย ผมจะสอนให้เค้าอาบสบู่นกแก้วเหมือนผม

ยินดีกับลินและกบด้วยนะครับเรื่องลูก
เจอกันหนสุดท้ายกำลังจะแต่งงานทั้งคู่ เผลอแป๊บเดียวเข้ามาอยู่ชมรมคุณพ่อทั้งคู่ซะแล้ว

ยืนยันด้วยคนครับว่ามีลูกทำให้ค่าใช้จ่ายที่เคยประมาณไว้ของผมเพี้ยนไปเยอะเลย
เดี๋ยวนี้รายจ่ายแต่ละเดือนสูงจนน่าตกใจจริงๆ

ช่วงนี้พอลูกเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆใกล้จะเข้าวัยรุ่นชักเริ่มหลอน
นึกไปถึงตอนที่เค้าหันไปติดเพื่อนแทนเราก็ใจหายนะครับ

สวัสดีทั้งคู่เลยครับทั้งพี่และน้อง

ผมว่าการมีลูกทำให้รายจ่ายเปลี่ยนไปเยอะเลยครับ
ไม่เคยเชื่อเลยว่ามีลูกแล้วพื้นฐานเปลี่ยนจริงๆ

ของผม
ให้แม่ พ่อ พี่สาวอย่างต่ำเดือนละ 15000
ผ่อนบ้านประมาณเดือนละ 15000
ค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์ 2000
ค่าใช้จ่ายส่วนตัว+เดินทาง 8000
ค่าใช้จ่ายอืนๆภายในบ้าน 6000

Linzhi เขียน:

sunrise เขียน:ตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5 เท่าครับ

ซื้อบ้านให้ลูกอยู่แทนคอนโด ผ่อน 30 ปี
อาหารทำเอง แพงมาก ค่าใช้จ่ายลูกเพียบ
บ้านก็ต้องจ้างคนมาทำความสะอาด ตัดสวนต่างหาก
แฟนก็ออกมาดูลูก

ผมว่าแต่งงานยังไม่หนัก มีลูกนี่ของจริง

เห็นด้วยครับพี่กบ .. projection อะไรผิดเพี้ยนหมด

ส่วนตัวผมกินข้าวมื้อละ 35 อยู่บ้านกินกับข้าวบ้านยิ่งถูก
แต่ลูกผมกินอะโวคาโดลูกละ 69 เป็นของว่างยามบ่าย ต้องใช้อุปกรณ์จากญี่ปุ่นแสนแพงเตรียมอาหารให้อีก

แปรงสีฟันผม 20 บาท ของลูก 200
ผมอาบน้ำล้างหน้าสบู่นกแก้ว ลูกผมอาบโฟมอะไรก็ไม่รู้ขวดละเป็นร้อย ๆ
ของเล่นเสริมพัฒนาการเพียบชิ้นนึงเป็นพัน หลายพัน ผมถ้าจะคลายเครียดก็เล่นเกมส์โหลดมาตอน sales บน ipad 0.99$

โรงเรียนสมัยก่อนผมเรียนไม่กี่พันเองเทอมนึง มหาลัยค่าเทอมปีละหมื่นกว่าบาท
ของลูกเท่าที่ดู ๆ มา แค่อนุบาลก็จะแสนอยู่แล้วปีนึง

แต่จ่ายแล้วมีความสุขครับ

และสุดท้ายผมว่าถ้าลูกผมโตขึ้นมาหน่อย ผมจะสอนให้เค้าอาบสบู่นกแก้วเหมือนผม

เวลาเรารักใครสักคนมากๆ เรามักจะรู้สึกว่า ทำให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ...

ถ้าเป็นแฟน เป็นคู่ชีวิต ... เราเจอเค้าตอนเค้าโตแล้ว มีประสบการณ์ชีวิตผ่านมาระดับหนึ่งแล้ว เค้ารู้จักโลก รู้จักว่าการใช้จ่ายเป็นอย่างไร เราเลือกเค้า เพราะ นิสัยที่ไปกับเราได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายอาจจะไม่ได้เพิ่มมากนัก ดีไม่ดีค่าใช้จ่ายลดลงด้วยซ้ำ เพราะ ได้คู่ของเรา อบรม สั่งสอน สร้างระเบียบวินัยหลายๆ อย่างในชีวิตให้เราพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น

แต่พอมาเป็นลูก... พอร์ตที่เคยคิดว่าพอ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในอนาคตจะพอสำหรับลูกรึเปล่า เลยต้องพยายามอย่างถึงที่สุดในการเตรียมอนาคต แผ้วทางเตรียมเอาไว้เพื่อเค้า... แต่อนิจจา... ไอ้สิ่งที่เราทุ่มเททำให้ เตรียมไว้ให้ ในบางครั้งคนที่ทำให้เรามีความสุขที่สุดคนนี้ กลับทำให้เรารู้สึกว่าเค้าไม่เห็นค่าเรา สิ่งที่เราทำไม่มีความหมาย ซ้ำร้ายบางครั้งยังพูดจาทำร้ายจิตใจเราเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ความ หรือด้วยเจตนาก็ตาม... ทุกครั้งที่เราเจ็บปวด ต้องนอนร้องไห้กับคู่ชีวิตของเราแล้ว แต่เมื่อเจอหน้าเค้า ได้เห็นรอยยิ้มของเค้า หรือเห็นความทุกข์ของเค้า ความรู้สึกเหล่านั้นกลับผลันหายวับไปกับตา เหลือแต่เพียงความรัก อยากให้เค้ามีความสุข อยากให้เค้าปราศจากความทุกข์ พร้อมที่จะมองโลกในแง่ดีว่าสิ่งที่เค้าทำ เค้าก็ทำไปด้วยความไม่รู้ความ อีกหน่อยเค้าคงจะดีขึ้น เราก็แค่รอเวลาให้ดอกไม้ให้เบ่งบาน ก็เท่านั้นเอง

ในบางครั้งเราก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ในการที่จะพูด ดุว่า สั่งสอน ทำให้เค้าต้องเจ็บปวด เพียงเพื่อประคับประคองให้เค้าเดินไปสู่ทางที่ถูก ไม่รู้ว่าลูกจะรู้รึเปล่า ว่าความเจ็บปวดที่เค้าได้รับ พ่อแม่นั้นเจ็บปวดมากกว่าเป็นสิบๆ เท่า แต่เราก็ยอมที่จะเจ็บกันในวันนี้ เพื่อที่เค้าจะได้ก้าวเดินอย่างเข้มแข็งในวันข้างหน้า


ผมแต่งงานมา 5 ปีแล้ว... คิด พิจารณายังไงก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะมีลูก ผมรู้สึกว่าการเป็นพ่อแม่เป็นหน้าที่ที่หนักหนาเกินไปสำหรับผม ผมเห็นแก่ตัวและยังไม่เข้มแข็งพอที่จะเสียสละสุขส่วนตัวให้กับลูก... แต่รู้สึกประทับใจกับพ่อแม่ทุกคนที่สามารถทำเพื่อลูกได้ขนาดนี้ จึงขอแสดงความนับถือให้กับพ่อแม่ทุกๆ คน ที่ยอมทุ่มเทชีวิต อดทนต่อสิ่งต่างๆ เพื่อความเจริญก้าวหน้าของลูกทุกคนครับ... ขอนับถือใน พรหมวิหาร 4 ของพ่อแม่ทุกคนครับ

พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่ sensitive น้อยไป หรือมองโลกของความจริงมากไป พี่ไม่พร้อมที่จะรักลูกมากเกินไปขนาดนั้น กลัวจะเป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่พร้อมที่จะให้ลูกสุขสบายเกินไป จึงให้ลูกต้องลำบากด้วยการฝึกกีฬาเพื่อฝึกวินัยและเผชิญความเหนื่อยยาก เมื่อลูกโตขึ้นมาลำบากและเหน็ดเหนื่อยจะได้ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเท่าไร หากเมื่อลูกโตขึ้นมาและสุขสบายจะได้รู้ว่าสบาย พี่ไม่ได้ใจดีกับลูกมากแต่พร้อมที่จะเข้าใจเค้าถ้าเค้ามีเหตุผล พี่ว่าพ่อแม่แต่ละท่านรักลูกทุกคน แต่อยากให้เลี้ยงลูกด้วยความรักที่พอเหมาะพอสม เลี้ยงให้เค้าแบบให้มีคนในสังคมรักเค้า ดีกว่าเลี้ยงให้เค้าแบบแค่มีคนในครอบครัวเท่านั้นที่รักเค้า จะดีกับลูกกับพ่อแม่และกับคนในสังคมค่ะ

kongkang เขียน:พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่ sensitive น้อยไป หรือมองโลกของความจริงมากไป พี่ไม่พร้อมที่จะรักลูกมากเกินไปขนาดนั้น กลัวจะเป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่พร้อมที่จะให้ลูกสุขสบายเกินไป จึงให้ลูกต้องลำบากด้วยการฝึกกีฬาเพื่อฝึกวินัยและเผชิญความเหนื่อยยาก เมื่อลูกโตขึ้นมาลำบากและเหน็ดเหนื่อยจะได้ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเท่าไร หากเมื่อลูกโตขึ้นมาและสุขสบายจะได้รู้ว่าสบาย พี่ไม่ได้ใจดีกับลูกมากแต่พร้อมที่จะเข้าใจเค้าถ้าเค้ามีเหตุผล พี่ว่าพ่อแม่แต่ละท่านรักลูกทุกคน แต่อยากให้เลี้ยงลูกด้วยความรักที่พอเหมาะพอสม เลี้ยงให้เค้าแบบให้มีคนในสังคมรักเค้า ดีกว่าเลี้ยงให้เค้าแบบแค่มีคนในครอบครัวเท่านั้นที่รักเค้า จะดีกับลูกกับพ่อแม่และกับคนในสังคมค่ะ

ชอบความคิดเห็นครับ คิดเหมือนกันเลยครับ

todto เขียน:

kongkang เขียน:พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่ sensitive น้อยไป หรือมองโลกของความจริงมากไป พี่ไม่พร้อมที่จะรักลูกมากเกินไปขนาดนั้น กลัวจะเป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่พร้อมที่จะให้ลูกสุขสบายเกินไป จึงให้ลูกต้องลำบากด้วยการฝึกกีฬาเพื่อฝึกวินัยและเผชิญความเหนื่อยยาก เมื่อลูกโตขึ้นมาลำบากและเหน็ดเหนื่อยจะได้ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยเท่าไร หากเมื่อลูกโตขึ้นมาและสุขสบายจะได้รู้ว่าสบาย พี่ไม่ได้ใจดีกับลูกมากแต่พร้อมที่จะเข้าใจเค้าถ้าเค้ามีเหตุผล พี่ว่าพ่อแม่แต่ละท่านรักลูกทุกคน แต่อยากให้เลี้ยงลูกด้วยความรักที่พอเหมาะพอสม เลี้ยงให้เค้าแบบให้มีคนในสังคมรักเค้า ดีกว่าเลี้ยงให้เค้าแบบแค่มีคนในครอบครัวเท่านั้นที่รักเค้า จะดีกับลูกกับพ่อแม่และกับคนในสังคมค่ะ

ชอบความคิดเห็นครับ คิดเหมือนกันเลยครับ

ชอบไอเดียนี้เหมือนกันครับ
ขอเอาไปประยุกต์ใช้กับเจ้าตัวเล็กของผม2ตัวซักหน่อยครับ

ยอมรับเหมือนกันว่าตั้งแต่มีลูกค่าใช้จ่ายเยอะขึ้นมากครับ
เมื่อก่อนอยู่2คนทำงานมีเงินเหลือเก็บมาลงทุนในหุ้น
ปัจจุบันต้องเอาปันผลจากหุ้นมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัวร่วมกับเงินเดือน
รวมค่าใช้จ่ายน่าจะประมาณ5-6หมื่น/เดือน(ไม่รวมค่าบ้าน รถและโทรศัพท์ที่ใช้ของฟรีของบริษัทฯ)

ผมว่าถ้าใครยังไม่มีครอบครัวหรือมีลูก มีช้าหน่อยก็ดีครับ ช่วงแรกสะสมเงินลงทุนไปก่อน
เพราะหากมีลูกเร็วโอกาสเก็บเงินลงทุนยากครับ (โดยเฉพาะคนเงินเดือนน้อยๆแบบครอบครัวผม )

ของผมผ่อนบ้าน 1หมื่นบาท อีก1-2ปี ค่าบ้านก็น่าจะหมดแล้ว ค่าประกันชีวิต เฉลี่ยต่อเดือนก็ 500 บาท ค่าเน็ตทรู รวมvat 633 บาท ค่าน้ำ 85 บาท ค่าไฟฟรี มา 5ปี แล้ว ให้พ่อแม่ เหลือก็ออมในการลงทุน สัก 5000 บาท ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานประจำแล้ว ช่วงเช้าอยู่บ้านทั้งวันเลย ซ้อมดนตรี กลางคืนก็ออกไปเล่นดนตรี ทำให้ มีเวลาในการศึกษาเรื่องการลงทุนมากขึ้น ออกกำลังกายมากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น ปลูกต้นไม้และปลูกผักมากขึ้น( ขอนอกเรื่องหน่อยครับ แต่กว่าจะอิสระก็ต้องวางแผนชีวิตก่อนครับ หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผมก็คือ พ่อรวยสอนลูก และที่มาสนใจลงทุนจริงๆจังก็ หนังสือ ตีแตก และ หนังสือรวยได้ด้วยหุ้น ของคุณฮง เล่มนี้ทำให้ผมเริ่มไปเปิดพอร์ตหุ้นเลย )

เห็นโพลแล้วรู้สึกว่าตัวเองออกจะฟุ่มเฟือยเกินไปหรือป่าวเนี้ย
แต่ถ้าคิดบวกทำให้ครอบครัวแฮปปี้ก็โอเค.
ตั้งแต่ส่งลูกเรียนอินเตอร์ค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเท่าตัวเลย ก้มหน้าหาเงินต่อไปเรา

2 หมื่นกว่าครับ ค่ากินเยอะมากครับ

มีลูก 2 คน(4 กับ 8 ขวบ) ค่าใช้จ่ายตอนนี้ไม่เกิน 10 % ของรายได้ ที่เหลือเก็บไว้ลงทุน สิ่งที่มีอยู่เพียงพอที่จะสร้างความสุข การดำเนินชีวิตด้วยปัญญารู้เท่าทัน สามารถสร้างความสุขที่แท้จริงได้ เงินแค่ช่วยให้การดำเนินชีวิตสะดวกสบาย เช่นเดียวกับสุขภาพไม่สามารถสร้างได้ด้วยเงิน เอาเงินมาวางไว้ 100-1000 ล้านแล้วบอกช่วยให้ฉันแข็งแรงไม่ได้ อยากแข็งแรงต้องออกกำลังกายเองต้องเหนื่อยเอง

ผมว่าถ้ามีลูกแล้วเรียนโรงเรียนเอกชนนะ ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถด้วยนะ ค่าใช้จ่ายเดือนนึงอย่างต่ำๆก็ใกล้ๆแสน

sai เขียน:-อยู่บ้านภรรยาครับ
-ข้าวก็กินของภรรยา  
-น้ำไฟภรรยาเป็นคนจ่าย
-ค่าเน็ตภรรยาออกให้
-น้ำมันรถภรรยาก็ออกให้
-ไปกินข้าวเพื่อเข้าสังคมหุ้นมาเบิกกับภรรยา
-อยากได้ไรภรรยาจัดให้ แถมให้เงินใช้วันละ 200 บาท (ถ้าปิดบัญชีสิ้นปีนี้ ผมทำผลตอบแทนได้ดี กะจะขอขึ้นค่าบริหาร อีก  50 % เป็น 300 บาทต่อวัน  )
ส่วนตัวผมใช้เดือนละประมาณ 4000 บาทครับ แต่ถ้ารวมของครอบครัวคงประมาณ 50000-70000 บาทครับ (ครึ่งนึงเป็นค่าใช้จ่ายของลูกครับ )

musicman เขียน:ของผมผ่อนบ้าน 1หมื่นบาท อีก1-2ปี ค่าบ้านก็น่าจะหมดแล้ว ค่าประกันชีวิต เฉลี่ยต่อเดือนก็ 500 บาท ค่าเน็ตทรู รวมvat 633 บาท ค่าน้ำ 85 บาท ค่าไฟฟรี มา 5ปี แล้ว ให้พ่อแม่ เหลือก็ออมในการลงทุน สัก 5000 บาท ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานประจำแล้ว ช่วงเช้าอยู่บ้านทั้งวันเลย ซ้อมดนตรี กลางคืนก็ออกไปเล่นดนตรี ทำให้ มีเวลาในการศึกษาเรื่องการลงทุนมากขึ้น ออกกำลังกายมากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น ปลูกต้นไม้และปลูกผักมากขึ้น( ขอนอกเรื่องหน่อยครับ แต่กว่าจะอิสระก็ต้องวางแผนชีวิตก่อนครับ หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผมก็คือ พ่อรวยสอนลูก และที่มาสนใจลงทุนจริงๆจังก็ หนังสือ ตีแตก และ หนังสือรวยได้ด้วยหุ้น ของคุณฮง เล่มนี้ทำให้ผมเริ่มไปเปิดพอร์ตหุ้นเลย )

ไฟฟรีนี่ใช้ไม่เกินกี่หน่วยครับ นับถือพี่ music man เงินที่เหลือให้พ่อแม่

ยังไงก้อให้ เดินถึงเป้าหมายที่วางไว้ครับ

ผมเองก้มองภาพใหญ่ ฝันไกล จะได้มีแรงฮึดเยอะๆ พี่ผมสอนไว้ มองให้มันใหญ่ๆเข้าไว้

แล้วเดินไปให้ถึง

ชาตินี้เกิดมาเป็นคนแล้ว อย่าให้อายหมามัน

ทำไมถึงอยากมีลูกกัน ครับ เล่าให้ฟังได้ไหม

ถามที่ไหน ก็ชอบอ้างกันว่า มีเพื่อเป็นหลักประกันยามแก่ชรา ซากว่าไม่ใช่เหตุผลหรอก แต่เป็นอย่างอื่นมากกว่า

เค้าคลอดออกมา เค้าก็มีจิตวิญญาณของเค้า เราเลี้ยงดูให้เติบโตได้ทั้งทางกาย และสติปัญญา เราบอกเค้าได้ว่า ทางไหนคือทางเสื่อม ทางไหนคือทางเจริญ

แต่ท้ายที่สุดเราต่างไม่รู้ว่า เค้าจะเลือกเดินบนเส้นทางไหน จนเมื่อเค้าได้เลือกแล้ว

และที่ดูเชื่อกันมาก คือ เมื่อเราให้การอบรมเลี้ยงดู ให้เค้ารู้จักทางเสื่อม ทางเจริญ ให้ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี สักวันนึง เค้าจะเป็นที่พึ่งของเรายามแก่ชรา

เค้าอาจเกิดมาแล้วได้เป็นอย่างที่เราหวัง
เค้าอาจเกิดมาแล้วตรงข้ามอย่างที่เราหวัง
เค้าอาจเกิดมา แต่ไม่ได้เป็นทั้ง 2 อย่าง

แล้วจริงๆ เรามีลูก กันด้วย ความหวัง หรือ มีได้ก็มีไป

คนอื่นยังไงไม่รู้นะ แต่คิดว่าการจะมีลูกด้วยเหตุผลว่าจะได้มีคนดูแลยามเราแก่ มันเห็นแก่ตัวมาก ชีวิตเค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อไปนั่งทำตามความต้องการของเรา คิดว่ามีลูกเราก็คงให้ความรู้ ความคิด พาไปหาพระกับพระธรรมให้ศึกษาแต่เราคงไม่สามารถไปบังคับเจ้ากี้เจ้าการให้ต้องมาดูแลเรา ทำตามที่เราต้องการ แถมเค้ามาเกิดในยุคนี้ในอนาคตยิ่งลำบากที่จะอยู่โดยมีพระรัตนตรัยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว มีแต่อะไรให้เขวได้ตลอด บอกตรงๆ ว่าสงสาร การไม่มีลูกก็ไม่มีบ่วง โอกาสทำจิตใจให้ตกต่ำมืดบอดมันก็จะน้อยลง

เดือนละหมื่นกว่าก็ใช้อยู่นะ แต่ก็งงๆนะ ครอบครัวสามีภรรยาตอนนี้มีพอร์ต 7 หลัก ทรัพย์สินรวม 8 หลัก แต่เวลาเดินผ่านเห็นคนอื่นกินร้านตามห้างจานละ 200-400 หรือพวกร้านกาแฟ ขนมแพงๆ แล้วก็งง คนพวกนี้ทำงานอะไรกัน มีพอร์ต8-10 หลักกันหมดเลยเหรอถึงกินของเกินราคาได้ขนาดนี้กัน

เห็นบางคนทำงานออฟฟิศไม่ได้ลงทุน ตำแหน่งธรรมดาๆ ใช้มือถือใหม่สุด macbook บ้าง กินของฮิพๆตามกระแสบ้าง เที่ยวนอกบินตลอด แล้วก็บ่นต้องผ่อนบ้าน เกลียดคนรวย ฉันพอเพียงคนดี เฮ้อชีวิตหนอ ทุกข์หนอ กิเลสมันทำให้ตามัวมืดกันไปเยอะจริงๆ

พอร์ต 100m เป้าหมายคือ ต้องการเคลียร์ให้อิสรภาพทางการเงิน ไม่ใช่แค่เรา แต่หมายถึงพ่อแม่ และคนอื่นๆที่เราจะช่วยในอนาคต

อยากรู้จังว่า6ท่านที่ใช้เดือนละ7แสนถึง1ล้านบาท
ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่าใช้จ่ายอย่างไร
ทําไมถึงได้มากมายมหาศาลขนาดนั้น
แล้วรายได้ต้องมากขนาดไหนถึงจะใช้จ่ายแบบนี้ได้
อ่านแล้วทึ่งมากจริงๆนะครับ
ครอบครัวผมเดือนละ7-8หมื่นยังรู้สึกฟุ่มเฟือยไปหน่อย
แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของลูก พ่อไม่กล้าไปตัด กลัวลูกไม่รัก