Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

มีหุ้นอยู่สัก 30 % เงินสด 60 % ที่เหลือเป็นทอง แต่ว่าพอร์ทไม่ได้ใหญ่โตอะไรนะครับ พอเลี้ยงชีวิตตัวเองกับภรรยา

ของผม 95 % ของพอร์ท ตอนนี้ไม่ต้องดูแล้วว่าจะซื้อตัวไหนดี เพราะเข้าไปหมดแล้ว

ผมคนนึงครับที่ยังครบ 100 % เพราะว่า
ผมเพิ่งลงทุนได้ 2 ปีเลยยังไม่เคยเจอสภาพตลาดแบบนี้ (ลงหนักติดๆกัน)
ตอนนี้ก้อติดลบ 20-40% (5 จาก 8 บริษัท) ผมก้อไม่รู้ว่าจะถึงจุดต่ำสุดเมื่อใด
ฉะนั้นผมจะเก็บเป็นประการณ์เพื่อเตือนสติตัวเองเสมอในการลงทุนว่า
"เวลาจะเป็นเพื่อนที่ดีของการลงทุน " เพราะว่าบริษัทที่ยังไม่ติดลบนั้นมีเวลาเป็นเพื่อน

ผมก็ 100% ตลอดเวลา เช่นกันครับ


ผมคิดอย่างนี้ ว่าถ้า หุ้นงวดนี้หล่นแรง มากๆๆๆ
แต่ผมเชื่อว่า มูลค่า พอร์ตของผม ก็ยัง มากกว่าเมื่อ ปี 2008 อยู่หลายเท่าตัว


แถม บริษัท ที่ ผมถือ ไม่ได้ รับผลกระทบ โดยตรง จาก วิกฤติ ในรอบนี้
Cash flows ยังคงสามารถ สร้างออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
เลยไม่มีเหตุจำเป็น ให้ ขายหุ้น เพื่อหวังว่า จะมี คน panic sell ขายที่ ราคา ถูกๆๆๆแบบไร้เหตุผล แล้วเราซื้อคืน


การเสี่ยง กับ ความหวัง ว่า จะมี คน irrational ขายหุ้นราคา ต่ำกว่าพื้นฐานมากๆๆๆ
ผมว่า มันเสี่ยง กว่า การ ถือลงทุน ตามพื้นฐาน

เงินเก็บไม่เหลือที่จะลงทุนในหุ้น ผมเลยใช้เวลา ๑๐๐% ลงทุนในการพัฒนางานประจำ ให้เงินเดือนเพิ่มครับ
ตลาดหุ้นผมไม่ติดตามเลย เงินในพอร์ต สองหมื่นกว่าบาท นอนหลับในนั้นอย่างสงบครับ

๑๐,๐๐๐ เก็บเรียนโทประจำ ๒๔ เดือน ธ.กสิกร
๔,๐๐๐ ช่วยแม่จ่ายค่าประกันที่โดนพนักงานขายประกันหลอก
๒,๐๐๐ ให้พ่อ
๔,๒๕๐ เหลือใช้เอง
๗๕๐ ประกันสังคม

ที่เหลือถือ hold ไว้ อาจจะเพราะว่าจำนวนเงินไม่มากด้วยครับ เลยถือเป็นตัวทดลองนโยบายการซื้อแล้วถือแบบสุดโต่งสไตล์ buffet ครับ ไว้มาเปิดดูพอร์ทหุ้นทีเดียว หลังจากที่อิ่มตัวกับการพัฒนางานประจำพอสมควร

100% ครับ
แบบไม่กระจายความเสี่ยง ถือแค่ 3 ตัว...ดูแลง่ายดี

ruggest_vi เขียน:100% ครับ
แบบไม่กระจายความเสี่ยง ถือแค่ 3 ตัว...ดูแลง่ายดี

ถือ 3ตัวเหมือนกันเลยครับ100เปอร์เซ็นเช่นกัน
แต่คงละบริษัท..แต่หัวใจเกินร้อย..ฮ่า

100% ตลอดครับ...แต่ยอมรับว่าใจหวิวเหมือนกัน กำไรหายไปบานนนนน...T_T

หุ้น 20 เปอเซ็นต์ กับเงินสด 80 เปอเซ็นต์

และเงินฝากประจำ +สลากออมสิน นิดหน่อยครับ

ตั้งเป้าว่า จะซื้อหุ้นให้เต็ม 100 ครับ

และจะลงทุนบนแผนการที่ได้เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ครับ

ในหุ้น50% เงินฉุกเฉิน50% ยังไม่ได้ขายหุ้นออกครับ หุ้นแดงลง4%

10% ของเงินลงทุนค่ะ
ที่เหลือก็รอท่าทีและสะสมความรู้อยู่ค่ะ ยังลังเลตัวที่จะเข้าอยู่ เพราะรู้สึกว่าฐานความรู้ยังไม่แน่นเท่าไหร่ ถ้ามั่นใจคงได้ควักกระเป๋าค่ะ

ไม่ครับเเต่สุดท้ายเเล้วสำหรับผมจะอยู่ที่หุ้น100%เเน่นอน

100% ครับ มั่นใจในหุ้น อยากขออนุมัติ ผบ.มาลงตัวที่เล็งไว้มาถึงราคาตามแผน
แต่เห็นลงกันทุกตลาด ใจเริ่มหวั่นไหวครับ จะบุก ตั้งมั่นในป้อม หรือหนีเอาตัวรอดก่อนรอตลบหลังดี

sarawut_p เขียน:เงินเก็บไม่เหลือที่จะลงทุนในหุ้น ผมเลยใช้เวลา ๑๐๐% ลงทุนในการพัฒนางานประจำ ให้เงินเดือนเพิ่มครับ
ตลาดหุ้นผมไม่ติดตามเลย เงินในพอร์ต สองหมื่นกว่าบาท นอนหลับในนั้นอย่างสงบครับ

๑๐,๐๐๐ เก็บเรียนโทประจำ ๒๔ เดือน ธ.กสิกร
๔,๐๐๐ ช่วยแม่จ่ายค่าประกันที่โดนพนักงานขายประกันหลอก
๒,๐๐๐ ให้พ่อ
๔,๒๕๐ เหลือใช้เอง
๗๕๐ ประกันสังคม

ที่เหลือถือ hold ไว้ อาจจะเพราะว่าจำนวนเงินไม่มากด้วยครับ เลยถือเป็นตัวทดลองนโยบายการซื้อแล้วถือแบบสุดโต่งสไตล์ buffet ครับ ไว้มาเปิดดูพอร์ทหุ้นทีเดียว หลังจากที่อิ่มตัวกับการพัฒนางานประจำพอสมควร

ผมชอบความคิดคุณครับ แต่สำหรับผม ส่วนมากใช้เวลากับการเพิ่มความรู้ในการลงทุน เรื่องงานไม่ใส่ใจ

แนะนำให้บริหารพอร์ต โดยการทยอยขายหุ้น 5-10 % ทุกครั้งที่หุ้นลง 5%
ถ้าลงอีกก็ขายอีก ถ้าลงไปเรื่อยๆก็ขายจนหมด แล้วรอว่ามันกลับตัวจากต่ำสุด 5% เมื่อไหร่ก็ซื้อคืนกลับทั้งหมดที่ขายไป
ถ้าขายไปแล้วมันขึ้น ก็ให้ซื้อกลับจำนวนที่เราขายไปทั้งหมดก่อนหน้านั้น เป็นการลดความเสี่ยงจากหุ้น 100%

มืออาชีพ เน้นบริหารพอร์ตครับ
มืออาชีพเน้นรอบใหญ่ 1-2 ปี ไม่ต้องซื้อขายทุกวัน ทุกเดือน

ของผม100%เหมือนเดิม แต่บริหารพอร์ทจาก4ตัว มาโฟกัสตัวเดียว ถ้าลงต่อก็หาเงินมาซื้อเพิ่ม

ถ้าทำให้รู้สึกได้ว่า เงินสดก็คือหุ้น หนึ่งตัว
ก็ไม่ต้องมานั่งแบ่งสัดส่วน หุ้นเท่าไหร่ เงินเท่าไหร่

เต็ม 100 เช่นกันครับ นึกแล้วก็เสียดาย จะขายก่อนหุ้นตกไม่กี่วัน แต่ถึงขายแล้วผมก็ไปซื้อตัวอื่นอยู่ดี สุดท้ายก็ลงเหมือนกัน ตัวที่ถืออยู่วันนี้ยังลงน้อยกว่าด้วยซ้ำ ขายไม่ทันละก็ปล่อยไป โอกาสใหม่ของคนมีเงินสดกำลังมา เลือกได้สบายๆ หุ้นถูกเริ่มเต็มตลาดละ แต่ต้องเลือกที่ถูกและดีด้วย

ผมถือหุ้น100% เพราะมั่นใจในพื้นฐาน รอให้ตลาดนิ่งๆไร้ volume กะว่าจะอัด margin สัก80%ครับ

ผมคาดว่าหุ้นจะลงยาวมาได้สัก 2-3 เดือนแล้วครับ ทะยอยขายไปจนเหลือไม่ถึง 10% ของ Port แล้ว
ที่เหลือเป็นทอง 5% และเงินสดครับ

ผมว่าช่วงนี้ต้องรอสักพักครับ ผมว่าต้นทุนรอบล่าสุดที่หลายๆคนเก็บไว้ยังต่ำกว่านี้
ยังปล่อยของออกมากันได้อีก ถ้าไม่คันไม้คันมือก็รอดีกว่าครับ

ถ้าไม่มีเงินเย็นผมคิดว่าต้องรอไปอีกหลายเดือนเลยครับ
เพราะท้ายสุดปัญหาในยุโรปน่าจะลามจนเป็นลูกโซ่
EU น่าจะแตกกันก็เพราะงานนี้ครับ

ziannoom เขียน:

sarawut_p เขียน:เงินเก็บไม่เหลือที่จะลงทุนในหุ้น ผมเลยใช้เวลา ๑๐๐% ลงทุนในการพัฒนางานประจำ ให้เงินเดือนเพิ่มครับ
ตลาดหุ้นผมไม่ติดตามเลย เงินในพอร์ต สองหมื่นกว่าบาท นอนหลับในนั้นอย่างสงบครับ

๑๐,๐๐๐ เก็บเรียนโทประจำ ๒๔ เดือน ธ.กสิกร
๔,๐๐๐ ช่วยแม่จ่ายค่าประกันที่โดนพนักงานขายประกันหลอก
๒,๐๐๐ ให้พ่อ
๔,๒๕๐ เหลือใช้เอง
๗๕๐ ประกันสังคม

ที่เหลือถือ hold ไว้ อาจจะเพราะว่าจำนวนเงินไม่มากด้วยครับ เลยถือเป็นตัวทดลองนโยบายการซื้อแล้วถือแบบสุดโต่งสไตล์ buffet ครับ ไว้มาเปิดดูพอร์ทหุ้นทีเดียว หลังจากที่อิ่มตัวกับการพัฒนางานประจำพอสมควร

ผมชอบความคิดคุณครับ แต่สำหรับผม ส่วนมากใช้เวลากับการเพิ่มความรู้ในการลงทุน เรื่องงานไม่ใส่ใจ

ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ ประเมินว่า ทางไหนจะเหมาะกับสถานการณ์ของตนเองมากกว่า ถ้าเรื่องงานไม่ใส่ใจ อาจจะแปลว่า งานเริ่มอิ่มตัว พัฒนามาเต็มศักยภาพแล้วก็ได้ครับ

shanghai เขียน:แนะนำให้บริหารพอร์ต โดยการทยอยขายหุ้น 5-10 % ทุกครั้งที่หุ้นลง 5%
ถ้าลงอีกก็ขายอีก ถ้าลงไปเรื่อยๆก็ขายจนหมด แล้วรอว่ามันกลับตัวจากต่ำสุด 5% เมื่อไหร่ก็ซื้อคืนกลับทั้งหมดที่ขายไป
ถ้าขายไปแล้วมันขึ้น ก็ให้ซื้อกลับจำนวนที่เราขายไปทั้งหมดก่อนหน้านั้น เป็นการลดความเสี่ยงจากหุ้น 100%

มืออาชีพ เน้นบริหารพอร์ตครับ
มืออาชีพเน้นรอบใหญ่ 1-2 ปี ไม่ต้องซื้อขายทุกวัน ทุกเดือน

method นี้คุ้นๆนะครับ

ผม 100% ครับ ยังไม่ขาดทุน กำไรหายไปบาน หาเงินเดือนซื้อเพิ่มทุกเดือนครับ

เต็มร้อยครับ

ของผมหุ้น 80 : สด 20 ครับ ค่อย ๆ ทยอยซื้อหุ้นกลับบ้าง แต่สัดส่วนก็ยังเป็น 80 : 20 อยู่เหมือนเดิม เพราะหุ้นมันลดมูลค่าลงทุ้กวันน่ะสิครับ

ผ่าน subprime มา ยังคิดว่ารอบนี้ยังแก้ปัญหาเดิมไม่ค่อยตก คือ ไม่ค่อยชอบขายหุ้น เวลาขายฝืนหัวใจอย่างยิ่ง แต่ก็ยังทำได้ดีกว่าเก่าหน่อย คราวที่แล้ว 100% ตลอด คราวนี้จะพยายามมือบอนน้อยลงครับ อยู่นิ่ง ๆ ไว้ ตลาดนิ่ง ๆ ก่อนค่อย ๆ ช้อน กำไรหด ดีกว่าน้ำตาตกครับ T T

หวังว่าปรับฐานรอบนี้คงไม่รุนแรงเหมือนกัน subprime นะครับ

100% ถ้ามั่นใจว่าราคาลง แต่กำไรของบริษัทไม่ลง ก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัว ... Back to Basic ว่าถ้าเราสนใจที่ผลกำไรของบริษัทเป็นหลัง ไม่ได้กะจะเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาเป็นรอบๆ ...

My House เขียน:

shanghai เขียน:แนะนำให้บริหารพอร์ต โดยการทยอยขายหุ้น 5-10 % ทุกครั้งที่หุ้นลง 5%
ถ้าลงอีกก็ขายอีก ถ้าลงไปเรื่อยๆก็ขายจนหมด แล้วรอว่ามันกลับตัวจากต่ำสุด 5% เมื่อไหร่ก็ซื้อคืนกลับทั้งหมดที่ขายไป
ถ้าขายไปแล้วมันขึ้น ก็ให้ซื้อกลับจำนวนที่เราขายไปทั้งหมดก่อนหน้านั้น เป็นการลดความเสี่ยงจากหุ้น 100%

มืออาชีพ เน้นบริหารพอร์ตครับ
มืออาชีพเน้นรอบใหญ่ 1-2 ปี ไม่ต้องซื้อขายทุกวัน ทุกเดือน

method นี้คุ้นๆนะครับ

ที่มีการเผยแพร่กันอย่างแพร่หลายในห้องสินธรใช่มั้ยครับ...สงสัยอยู่อย่างนึงครับ ว่าจุดตํ่าสุด มันอยู่ตรงไหนครับ

ตอนนี้ 60% ครับ ถือว่ากระจายความเสี่ยงและเตรียมความพร้อมไปในตัวครับ (มองว่า cash เป็นหุ้นตัวหนึ่งครับที่คงมูลค่าและสภาพคล่องสูง downside risk ต่ำ)

ลงทุน 100 % เช่นกัน แต่ลงแค่ 2 ตัว ถ้าคิดว่าพื้นฐานไม่เปลี่ยนก็คงต้องใช้วิธีปรับ port ช่วยละครับ

100% มั่ง ปรับพอร์ตนิดหน่อย ไม่เป็นสาระ