หน้า 3 จากทั้งหมด 5

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 12:35 pm
โดย siebelize
ขอบคุณพี่ Jeng กับพี่ Ii'8N มากนะครับ

เพราะว่าผมยังเข้าไม่ถึงเนื้อแท้ว่า
เมื่อไหร่ถึงจะถึงเวลาที่เราต้องยอมรับว่า เราดูมูลค่าของสินทรัพย์นี้ผิดไป

1 กิจการที่เราเคยคิดว่าดีตอนนี้ มันยังดีอยู่มั้ย แล้วมันดีจริงอย่างที่เราคิดมั้ย
2 กิจการที่เราร่วมซื้อเพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ยังจะสามารถทำกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 เราซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ แล้วมูลค่าที่แท้จริงของมันเปลี่ยนได้ง่ายขนาดไหน
4 ผู้บริหารมีเราคิดว่ามีคุณธรรมและความสามารถ ยังจะคงความมีคุณธรรมและความสามารถได้จนจบ แล้วเรารู้จักเขาดีแค่ไหน รู้จักผ่านข่าวผ่านสื่อ หรือว่ามีคอนเน็คชั่น
????????


คงจะยังต้องใช้เวลา ศึกษาไปอีกนานเลยล่ะครับ

หรือว่าสุดท้ายแล้ว นี่แค่ Framework นึงในการทำ Guesstimation โดยที่ต้องปรับจิตใจให้ไม่ไปเล่นในเกมส์เร็วๆที่คนอื่นเขาเล่นกัน

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 12:45 pm
โดย Jeng
1 กิจการที่เราเคยคิดว่าดีตอนนี้ มันยังดีอยู่มั้ย แล้วมันดีจริงอย่างที่เราคิดมั้ย
กิจการที่เราคิดว่าดี คือยอดขายโต กำไรโต มีความได้เปรียบในการแข่งขัน คู่แข่งน้อย โอกาสโตยังมี หรือมีอีกมาก หนี้น้อย และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กิจการดี ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะไม่ตก และราคาหุ้นตก ไม่ได้แปลว่า กิจการไม่ดี ถ้าตก 50 % แล้วกิจการยังดีอยู่ หรือดีมากกว่าเดิม ถ้ามีเงินก็หาเงินมาซื้อเพิ่ม เช่น หุ้น abc ราคา 6 บาท pe 8 หรือเทียบเท่าดอกเบี้ย 12.5 % อัตราการเติบโต 10% - 15 % อยู่ดีๆตลาดหุ้นไม่ดี หุ้นตก ลงไปเหลือ 3 บาท เราซื้อเพิ่มที่ 3 บาท จะซื้อเท่าเดิม หรือซื้อเท่าตัวก็แล้วแต่ พอผ่านไประยะหนึ่ง อาจจะ 1 ปี 2 ปี ตลาดกลับมาดี ราคาหุ้นไป 9 บาท ตัวเดิม กำไร 50 % ตัวล่างกำไร 200 %
ถ้าเล่นแนวสบาย ก็ถือไปตลอด จนกว่ากิจการจะไม่ดี ถ้าเล่นแนว อยากได้เยอะ ซึ่งมีความเสี่ยง เราก็ขายไปตอนตลาดดีๆ แล้วรอให้ตลาดกลับมาไม่ดี แล้วซื้อ ซึ่งวิธีนี้ อาจจะทำให้ขายหมูได้ เพราะตอนตลาดดี ก็ดีเกินจริง

2 กิจการที่เราร่วมซื้อเพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ยังจะสามารถทำกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
ก็คอยติดตามข่าวบ้าง พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนใน 2 สัปดาห์ หรือตอนหุ้นตก 200 จุด

3 เราซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ แล้วมูลค่าที่แท้จริงของมันเปลี่ยนได้ง่ายขนาดไหน
มูลค่าที่แท้จริงเป็นการเปรียบเทียบ เช่น ตลาดบูม pe ตลาด 15 กับตลาดแย่ๆ pe ตลาด 6
ต่อให้หุ้นเราดี ราคาก็ตก เพราะ เม็ดเงินก็มีทางเลือกมากมาย เช่น หุ้นเรา pe 8 น่าจะขึ้น แต่ตลาดแย่ หุ้นตัวอื่น pe 4 เป็นต้น ถ้าไม่อยู่ในตลาดหุ้น ก็คงไม่ตกตามๆกัน แล้วแต่กิจการไหนดี ไมดี ก็ว่ากันไป

4 ผู้บริหารมีเราคิดว่ามีคุณธรรมและความสามารถ ยังจะคงความมีคุณธรรมและความสามารถได้จนจบ แล้วเรารู้จักเขาดีแค่ไหน รู้จักผ่านข่าวผ่านสื่อ หรือว่ามีคอนเน็คชั่น
????????

ก็ลองลงทุนกับหุ้นในดวงใจสัก 3-5 ตัว แล้วติดตามไปเรื่อยๆ หลายปี ก็จะรู้เองว่า มีคุณธรรมระดับไหน

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 1:42 pm
โดย ^^
อัตตาได้ถูกทำลายไปบ้างแล้ว ยินดีด้วยครับ คุณZiannoom

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 2:11 pm
โดย lengmanutd
เป็นกำลังใจให้ครับ ตอนนี้ต้องบอกว่าวิกฤตเริ่มเห็นลางๆ แล้ว แต่มันถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนเป็นโอกาสหรือยังแค่นั้นเอง

ส่วนตัวก็รอเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อยู่เช่นกัน :)

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 4:38 pm
โดย บูรพาไม่แพ้
^^ เขียน:อัตตาได้ถูกทำลายไปบ้างแล้ว ยินดีด้วยครับ คุณZiannoom
มันหมายถึงอะไรครับ อัตตา รบกวนช่วยชี้แนะหน่อยครับ :D

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 4:53 pm
โดย ziannoom
chom13 เขียน:
^^ เขียน:อัตตาได้ถูกทำลายไปบ้างแล้ว ยินดีด้วยครับ คุณZiannoom
มันหมายถึงอะไรครับ อัตตา รบกวนช่วยชี้แนะหน่อยครับ :D
ใช่ครับแปลว่าอะไรเหรอครับ.

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 5:34 pm
โดย beaeaebe
ziannoom เขียน:
chom13 เขียน:
^^ เขียน:อัตตาได้ถูกทำลายไปบ้างแล้ว ยินดีด้วยครับ คุณZiannoom
มันหมายถึงอะไรครับ อัตตา รบกวนช่วยชี้แนะหน่อยครับ :D
ใช่ครับแปลว่าอะไรเหรอครับ.
อัตตาคือ รูป ตัวตน น่าจะประมาณการยึดติด ตัวกู ของกู

ผมว่าน่าจะสื่อถึง ประมาณทนไม่ไหว เหนื่อยไม่มีความสุข ก้อถอยก่อน ทำตามความคิดตน
ไม่ต้องไปยึดติดว่า vi ต้องอดทน ขาดทุนๆก็ถือ โดยไม่ดูสภาพแวดล้อม หรือถือไปอึดอัดไปใจก็ไม่เป็นสุข
แล้วแต่คนครับ ถ้าคนที่ถือแล้วสบายใจ หุ้นตกก็สบายใจ อันนั้นอีกอย่าง แต่เท่าที่อ่านคุณเซียนหนุ่มก็ดูไม่แฮปปี้นักในการถือในตลาดแบบนี้ ด้วยเหตุหลายประการที่ท่านกล่าว ถ้ามองไปข้างหน้าก็มีแต่ขวากหนาม ก็ดีแล้วครับที่ปล่อยวาง ทนถืออยุ่ไปทำไมเพื่อแค่ให้สมกับเป็น vi

ผมว่าที่เขาปล่อย ไม่ใช่เรื่องมองว่าจะไปช้อนถูกเท่านั้นเท่านี้หรอกครับ ผมว่าถ้าไม่มีความสุขที่จะถือ ก็อย่าไปยึดติด หลอกตัวเองว่าต้องถืออะไรมากมาย สุขภาพจิต สุขภาพกายสำคัญกว่าครับ

ส่วนเรื่องจับจังหวะตลาดอะไรนั่น บางที ลองเรียนรู้บ้างที่จะแสวงหาเครื่องมือในการดูลู่ทางบ้างก็ดีครับ
อย่าปิดหูปิดตา ท่องคำว่าจับจังหวะไม่ได้จนไม่ดูฟ้าดูฝน ปล่อยเรือล่องกลางทะเล ทั้งๆที่พายฝนตั้งเค้า คนเรารักษาตัวรอดเป็นยอดดีครับ ถ้าสิ่งใดยึดติดแล้วเหมือนต้องทำร้ายตัวเอง ก็อย่าไปซีเรียสกับมัน สุขใจก็มำ แล้วอย่าเสียดาย ทำใจร่มๆ

ใครจะบอกเดี๋ยวก็เด้ง ไทยไม่เกี่ยว เราลงเวอร์เกิน ก็ฟังให้เหมือนกับเวลาฟังคนที่บอกจะไป 600 300-400 นั่นแหละ คือไม่มีใครรุ้จริง ฟังหูไว้หู

ขายไปแล้วเราเริ่มใหม่ได้ ยังไงก็มีทุน ไม่ต้องไปยึดติด นักลงทุนด้วยกัน ใครจะทำอะไรกับพอร์ตตัวเองย่อมทำได้ เริ่มใหม่ดีๆ เรียนรุ้จากความผิดพลาด อย่ายอมแพ้ ใช้สติ วิจารณญาณ โอกาสมีเสมออย่าไปยึดติด สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให่ครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 7:03 pm
โดย ziannoom
บวกหนึ่งครับคุณ beaeaebe ชื่อนี้อ่านว่าไงแปลว่าไงครับ แนวความคิดเหมือนคนเจนโลกเลย แต่ให้ผมทาย คุณน่าจะอายุ 20กลางๆถึงปลาย ไม่ก็ไม่เกินสามสิบต้นๆแบบผม แต่คำพูดคำจา นับถือครับ :bow: :bow:

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 7:13 pm
โดย SamuelYeD
beaeaebe เขียน:ส่วนเรื่องจับจังหวะตลาดอะไรนั่น บางที ลองเรียนรู้บ้างที่จะแสวงหาเครื่องมือในการดูลู่ทางบ้างก็ดีครับ
อย่าปิดหูปิดตา ท่องคำว่าจับจังหวะไม่ได้จนไม่ดูฟ้าดูฝน ปล่อยเรือล่องกลางทะเล ทั้งๆที่พายฝนตั้งเค้า คนเรารักษาตัวรอดเป็นยอดดีครับ ถ้าสิ่งใดยึดติดแล้วเหมือนต้องทำร้ายตัวเอง ก็อย่าไปซีเรียสกับมัน สุขใจก็มำ แล้วอย่าเสียดาย ทำใจร่มๆ
ถูกใจมากๆเลย ประโยคนี้ วลีเด็ดของ VI คือ "ไม่สนใจตลาด (Market Sentiment) สนใจแต่ธุรกิจที่ลงทุน"

การที่ไม่สนใจ เป็นการปิดกั้นความรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด สำหรับนักลงทุน

อีกวลีเด็ด "ซื้อด้วยเหตุผลใด ก็ขายด้วยเหตุผลนั้น" ลองมาเทียบกับ "Set ลงด้วยเหตุผลใด ก็ขึ้นด้วยเหตุผลนั้น"

และเหตุผล ก็คงจะทราบๆกัน ก็ติดตามกันต่อไป๊...

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 7:20 pm
โดย waririn
เป็นกำลังใจนะคะ คุณเซียนหนุ่ม
กระทู้นี้นอกจากได้เข้ามาอ่านเรียกสติแล้ว ยังได้แง่คิดดีๆอีกด้วย

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 7:54 pm
โดย ^^
beaeaebeได้อธิบายแล้วครับ^^

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 7:56 pm
โดย chootana
ขึ้นต่อก็ขาดทุน (กำไร) น้อยลง หุ้นลงก็เตรียมกำเงินไว้ซื้อ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 8:11 pm
โดย supersmile
คุณโชคดีแล้วครับที่ถอนตัวไปตอนนี้
ข่าวร้ายตัวจริงโผล่แล้วครับ
น้ำท่วมโรงงานอยุธยาเสียหายนับแสนล้าน

http://www.matichon.co.th/mtc-flv-windo ... &subcatid=

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 05, 2011 8:46 pm
โดย thaloengsak
ใจเย็นๆก่อนโพสท์สิ :)

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 8:54 am
โดย siebelize
นี่แหละครับ บททดสอบ
555555

สุดท้าย มาวัดกันว่า ใครประสาทแข็งกว่ากัน 5555555

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 8:59 am
โดย siebelize
ขอเสียมารยาท ขโมย Thread หน่อยนะครับ


ผมเริ่มรู้สึกว่า หุ้นสิบเด้ง มันมาหาเราตลอดเวลา
แต่....เราจะมีปัญญาถือมันจนมันขึ้นถึงสิบเด้งรึเปล่า :oops:

ระหว่างทางเราจะโดนทดสอบด้วย
ความโลภ ขึ้นสองช่องก็ขายแล้ว
ความกลัว เห็นออฟเยอะๆ ก็ขายแล้ว
ความโลภ โพสต์ข่าวดีกันทุกวัน
ความกลัว ผู้บริหารขายอีกแล้ว

55555555

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 10:54 am
โดย gorillaz
beaeaebe เขียน: ผมว่าน่าจะสื่อถึง ประมาณทนไม่ไหว เหนื่อยไม่มีความสุข ก้อถอยก่อน ทำตามความคิดตน
ไม่ต้องไปยึดติดว่า vi ต้องอดทน ขาดทุนๆก็ถือ โดยไม่ดูสภาพแวดล้อม หรือถือไปอึดอัดไปใจก็ไม่เป็นสุข
แล้วแต่คนครับ ถ้าคนที่ถือแล้วสบายใจ หุ้นตกก็สบายใจ อันนั้นอีกอย่าง แต่เท่าที่อ่านคุณเซียนหนุ่มก็ดูไม่แฮปปี้นักในการถือในตลาดแบบนี้ ด้วยเหตุหลายประการที่ท่านกล่าว ถ้ามองไปข้างหน้าก็มีแต่ขวากหนาม ก็ดีแล้วครับที่ปล่อยวาง ทนถืออยุ่ไปทำไมเพื่อแค่ให้สมกับเป็น vi
ชอบมากครับ ผมว่าการที่เราฝืนทำในสิ่งที่เราไม่เข้าใจมันจริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีก็เถอะ
ผมว่าอย่างนี้ขาดสติครับ

แต่คนที่ไม่เดือดร้อนอะไรยามหุ้นตก หรือ เข้าใจแนวทางนี้จริงๆ ก็มีเยอะแยะครับ
พี่ dino นี่ผมเห็นพี่เค้าที่ห้อง spali ดูเค้าไม่ค่อยเดือดร้อนเวลาหุ้นขึ้นหุ้นลงดีนะ ^^
ผมไม่รู้จักพี่เค้านะ แฮ่ :D

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 11:24 am
โดย pornchal
ผมซื้อหุ้น แล้วราคาหุ้นมันตกลงไป 10-20% ถามว่าต้องขายมั้ยครับ เอา div/ราคาทุน ได้ return 5-7% credit tax 30% ได้ div 7-10% แล้วจะต้องล้างพอร์ท ไปฝาก bank ทำไม
กิจการก้อไม่เจ๊ง ปันผล ไม่น่าจะลดลง.. ถือต่อไป ไม่ต้องดู port ให้ซ้ำใจ หนีไปเที่ยวรอปันผล เอาปันผลไปใช้จนกว่า จะได้กำไรค่อยขายก้อได้...ชิว ๆ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 11:52 am
โดย chatchai
ถือหุ้นแล้วหุ้นตกไม่สบายใจ จึงขาย

ผมคิดว่า ถ้าเป็นแนวทางอื่นก็อาจจะใช่

แต่แนวทางการลงทุน VI เราไม่เน้นเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก อยู่เหนือ ปัจจัยพื้นฐาน

หุ้นตก ไม่สบายใจ จึงขาย

แล้วถ้าหุ้นขึ้น บรรยากาศดี ซื้อแล้วสบายใจจัง


ถ้าเพื่อนๆใครก็ตามที่ถือหุ้นอยู่ ราคาตกในตอนนี้ แล้วไม่สบายใจ

ควรทำอย่างไร ผมก็ตอบว่าทำเหมือนเดิม เหมือนไม่มีวิกฤต เหมือนตอนที่จะซื้อขายหุ้นทุกครั้ง


นั่นก็คือ กลับไปวิเคราะห์บริษัท วิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจ

ถ้ากระทบต่อบริษัทมากน้อยแค่ไหน ถ้ามากจนราคาปัจจุบันสูงเกิน ก็ขาย

ถ้ากระทบน้อย ราคาตลาดในปัจจุบันไม่แพง ก็ถือหรือซื้อเพิ่ม

นักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จทาง VI ไม่ควรที่จะใช้อารมณ์อยู่เหนือการตัดสินใจนะครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกคน

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 12:16 pm
โดย chatchai
วิกฤตปี 40 ผมขายหุ้นล้างพอร์ตไปก่อนหน้านานเป็นปี

แล้วกลับมาซื้อตอนดัชนีแถวๆ 200 จุดเศษๆ ท่ามกลางความซึมเซาและไม่มีความหวังที่จะฟื้นตัวในระยะเวลาใกล้ๆ

วิกฤตหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ผมก็ไม่ได้ขายหุ้นอีกเลย ถือลงทุน 100% มาตลอด อย่างสบายใจ



ปัจจัยที่ทำให้ผมตัดสินใจ ล้างพอร์ตปี 40 ซื้อหุ้นคืนตอนดัชนีต่ำๆ ถือหุ้นผ่านวิกฤตโดยไม่ขายหุ้นเลย

คือ ความเข้าใจพื้นฐานของบริษัท ความเข้าใจในปัญหาวิกฤตแต่ละครั้ง การวิเคราะห์ผลกระทบของปัญหา แนวทางการแก้ปัญหา



ถ้าใครยังไม่มั่นใจ อ่านให้เยอะๆ เรียนให้มากๆ

แต่ถ้าใครไม่ได้คิดว่าจะลงทุนโดยใช้แนว VI ก็โอเคครับ ผมก็แนะนำอะไรไม่ได้

แนวทาง VI ก็เป็นเพียงแนวทางการลงทุนหนึ่งในหลายๆแนวครับ ซึ่งอาจจะเหมาะกับบางคน และไม่เหมาะกับบางคน

เราจะรู้ตัวเองดีว่าเราเหมาะกับแนวไหน ใช้แนวไหนแล้วมีผลตอบแทนที่ดี ลงทุนแล้วสุขใจตลอดเวลา แต่ไม่ว่าแนวไหนก็คงไม่มีอะไรง่ายครับ ต้องศึกษามากๆ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 12:21 pm
โดย ziannoom
chatchai เขียน:ถือหุ้นแล้วหุ้นตกไม่สบายใจ จึงขาย

ผมคิดว่า ถ้าเป็นแนวทางอื่นก็อาจจะใช่

แต่แนวทางการลงทุน VI เราไม่เน้นเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก อยู่เหนือ ปัจจัยพื้นฐาน

หุ้นตก ไม่สบายใจ จึงขาย

แล้วถ้าหุ้นขึ้น บรรยากาศดี ซื้อแล้วสบายใจจัง


ถ้าเพื่อนๆใครก็ตามที่ถือหุ้นอยู่ ราคาตกในตอนนี้ แล้วไม่สบายใจ

ควรทำอย่างไร ผมก็ตอบว่าทำเหมือนเดิม เหมือนไม่มีวิกฤต เหมือนตอนที่จะซื้อขายหุ้นทุกครั้ง


นั่นก็คือ กลับไปวิเคราะห์บริษัท วิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจ

ถ้ากระทบต่อบริษัทมากน้อยแค่ไหน ถ้ามากจนราคาปัจจุบันสูงเกิน ก็ขาย

ถ้ากระทบน้อย ราคาตลาดในปัจจุบันไม่แพง ก็ถือหรือซื้อเพิ่ม

นักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จทาง VI ไม่ควรที่จะใช้อารมณ์อยู่เหนือการตัดสินใจนะครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกคน
ขอบคุณครับพี่เรื่องจิตใจนี่สำคัญจริงๆ ผมคงต้องฝึกอีกเยอะเลย
ยังไงก็ขอให้ประสบการณ์อันแย่ๆของผม ส่งผลดีต่อทุกคนด้วยแล้วกันครับ
โชคดีในการลงทุนครับทุกท่าน

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 1:18 pm
โดย tt
ปัญหาจริงๆคือเราชอบคำณวน port เรามากกว่าทำให้เราไม่สบายใจ
ยกตัวอย่างเช่น ตอนต้นปีมูลค่า port 5 ล้าน ตอนดัชนีขึ้นไปสูงสุด port 5.5 ล้าน
ตอนนี้สมมุติ port 5 ล้านเท่าเดิม จริงๆ เรายังไม่ขาดทุนใช่มั๊ย แต่เชื่อมั๊ย
ส่วนใหญ่จะรู้สึกเจ็บปวดว่าโห ขาดทุนตั้ง 5 แสน รู้งี้ขายตอนนั้นก็ดี
ถ้าใจไม่นิ่งพอ การดูตลาดทุกวันมีแต่จะเจ็บปวด ทำให้กลยุทธ์การลงทุนผิดพลาดไปหมด
เวลาที่ควรซื้อกลับขาย เวลาที่ควรขายกลับซื้อ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 1:49 pm
โดย san
chatchai เขียน:วิกฤตปี 40 ผมขายหุ้นล้างพอร์ตไปก่อนหน้านานเป็นปี

แล้วกลับมาซื้อตอนดัชนีแถวๆ 200 จุดเศษๆ ท่ามกลางความซึมเซาและไม่มีความหวังที่จะฟื้นตัวในระยะเวลาใกล้ๆ

วิกฤตหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ผมก็ไม่ได้ขายหุ้นอีกเลย ถือลงทุน 100% มาตลอด อย่างสบายใจ



ปัจจัยที่ทำให้ผมตัดสินใจ ล้างพอร์ตปี 40 ซื้อหุ้นคืนตอนดัชนีต่ำๆ ถือหุ้นผ่านวิกฤตโดยไม่ขายหุ้นเลย

คือ ความเข้าใจพื้นฐานของบริษัท ความเข้าใจในปัญหาวิกฤตแต่ละครั้ง การวิเคราะห์ผลกระทบของปัญหา แนวทางการแก้ปัญหา



ถ้าใครยังไม่มั่นใจ อ่านให้เยอะๆ เรียนให้มากๆ

แต่ถ้าใครไม่ได้คิดว่าจะลงทุนโดยใช้แนว VI ก็โอเคครับ ผมก็แนะนำอะไรไม่ได้

แนวทาง VI ก็เป็นเพียงแนวทางการลงทุนหนึ่งในหลายๆแนวครับ ซึ่งอาจจะเหมาะกับบางคน และไม่เหมาะกับบางคน

เราจะรู้ตัวเองดีว่าเราเหมาะกับแนวไหน ใช้แนวไหนแล้วมีผลตอบแทนที่ดี ลงทุนแล้วสุขใจตลอดเวลา แต่ไม่ว่าแนวไหนก็คงไม่มีอะไรง่ายครับ ต้องศึกษามากๆ
พี่ท่านสอนได้ดีครับ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 1:59 pm
โดย san
ziannoom เขียน:
Arpieaw เขียน:ผมก็ชักมึนๆและ
ไหนพี่สอนผมว่า ซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าสูงกว่าราคา
กลายเป็นว่า ซื้อเมื่อราคาสูงกว่ามูลค่า ขายเมื่อมูลค่าต่ำกว่าราคา
มิบังอาจสอนครับ สาเหตุง่ายๆ น่าจะตอบคำถามได้เลย คือ ผมเป็นแมงเม่าครับ :vm: :vm: :vm:
ผมเริ่มอ่านหนังสือการลงทุนเล่มแรกเลยคือ new buffet แล้วก็การลงทุนแบบเน้นคุณค่าหน้าปกสีขาวๆ ประมาณปี 2003 แล้วก็มั่นใจในตัวเองประมาณว่ากรูจะรวยแล้ว หันมาเอาดีทางด้านเล่นหุ้น เริ่มตอนปี 2004 เพียงอาทิตย์แรก ทำเงินได้10% แล้วก็ไปโม้กับเพื่อนว่ากูนี่ละเซียนหนุ่ม เห็นไม๊อาทิตย์เดียวกูได้สิบเปอร์เซ็นต์ แล้วก็ไประดมเงินกับเพื่อนๆมา แต่มีเพื่อนสนใจแค่คนเดียว ผลปรากฏว่าผ่านไปเก้าเดือนเงินหายวับหมดไปทุกบาทเพราะเล่นเดย์เทรด คัทลอสแล้วคัทอีก เล่นจนเงินส่วนตัวเองหมด เหลือส่วนของเพื่อน 50% เลยบอกเพื่อนว่ากูยกเงินที่เหลือให้เมิงหมดเลยแล้วกันในฐานะกูทำหุ้นส่วนกรูพัง แล้วก็หยุดไปทำใจช่วงปี2005-2007 แต่ก็ยังดูหุ้น แต่อนิจจังดูแต่หุ้นตัวเดิมๆ BECL, CEI, SAFEม S&P ประมาณว่าความรู้ในหุ้นมีไม่กี่ตัว ดันทะลึ่งเรียกตัวเองว่าเซียน(username ziannoom เป็นการพึงระลึกว่าก่อนหน้านี้เคยคิดว่าตัวเองเป็นเซียน) กลับมารอบสองไปคนหนังสือเจอเลยอ่านอีกรอบ(หนังสือเล่มเดิม) เลยลองคนในgoogle ดู ก็เลยเห็นเว็บนี้ นั่นจึงทำให้หูตาสว่างได้ความรู้เพิ่มอีกเพียบ ผลจากความรู้ที่เพื่อนๆในนี้ให้มาทำให้มีผลตอบแทนแบบน้ำจิ้มมาได้จนปัจจุบัน แต่สุดท้ายลายเดิมก็ยังคงอยู่ คือแมงเม่าครับ
สงสัยต้องกลับไปอ่านหนังสืออีกสักรอบก่อนเข้ามาใหม่เร็วๆนี้ครับ
เห็นเจ้าตัวเล็กของท่านเซียน น่ารักดี

เค้าคงเคย วิ่งแล้วล้มครั้งแรก
555 เจ็บ

ครั้งต่อมา ล้มอีก
555 ล้มได้ไงหว่า

ครั้งต่อมา ไม่แล้ว
555 ไม่มีทาง

ผมว่าเราเรียนรู้และปรับตัวกันนะครับ

ในตลาดเราเรียนรู้ หุ้น คน ตัวเอง
เค้าเองคงสงสัย

ตอนนี้หลายๆคน เล็งๆกันอยู่แล้วครับ
แล้วแต่ว่าใครมีการบริหารความเสี่ยงยังไง

หลายๆบริษัท ก็น่าสนใจนา......
บริษัท ไม่มีทางล้ม
PE ต่ำ
mos สูง คงทนต่อการที่กำไรอาจจะลดลงจากการดำเนินการในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีที่อาจจะมาถึงในอนาคต

ตลาดหุ้น เค้าหากินกับอาการ over react ทั้งขาขึ้นและขาลง

ขาขึ้นก็สร้างดอย สร้างฝัน
ขาลงก็ทุบจนอ๊วก
เกิดจากคนทั้งนั้นนะครับ

แต่ถ้าใครรู้ตัวทันจาก trend ที่เปลี่ยนในช่วงแรกจะดีไป
ใครรู้ตัวช้า แล้วมาออกทีหลัง มันก็เรียกว่า อ๊วกได้เหมือนกัน

แต่ผมว่าท่านเซียนผ่านมานานแล้ว ท่าทางไม่ย่อยนา...555

มีมาตั้งกระทู้ เพื่อให้คนออกมาช่วยกันออกความเห็นเพื่อเก็บเกี่ยว ขนาดนี้ ไม่ย่อยครับ
555

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 2:08 pm
โดย thckhma
ถอยหนึ่งก้าว เพื่อที่จะกระโดดสิบก้าว นะหนุ่ม...
ช่วงนี้ปัจจัยไม่เอื้อหนุนจริงๆ

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 2:47 pm
โดย vi_tal signs
ถ้าไม่ล้มเลิก สักวันก็จะแข็งแกร่งครับพี่หนุ่ม

พ่อผมมักบอกว่า เวลาเราเจอปัญหาอะไร ขอให้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสิ่งนั้นให้ได้

อย่าเพียงแค่เสียใจและมองผ่านมันไป :D

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 3:26 pm
โดย arica
สู้ต่อครับ ตลาดทุนยังเปิดทุกวันทำการ
ของผมต้องไปหาหนังสือ ของJohn Neff มาปัดฝุ่นอ่านอีกรอบครับ หลังจากช่วยจรรโลงจิตใจช่วง 2008 มาแล้ว

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 5:15 pm
โดย ดำ
ผมนับถือความมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนในแนวคิดการลงทุนของเฮียฉัตรจริงๆ :bow:

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 6:02 pm
โดย wj
ถ้ายังต้องการที่จะลงทุนต่อ ต้องเขาใจเรื่องมูลค่าธุรกิจระยะยาวให้ได้
ไม่งั้นคุณก็จะไม่สบายใจทุกครั้งที่หุ้นลงแรงๆ แรกๆก็อาจจะคิดว่าลงมาซิจะซื้อให้หมดเงินเลย
พอคนหมดเงิน หุ้นลงต่อมากๆ ชักไม่มั่นใจกลัวเรื่องร้ายๆ ทนไม่ได้ก็cut loss แล้วหุ้นมันก็ขึ้นแกล้งคุณให้เจ็บใจเล่นๆ ขึ้นมากเท่าไหร่ก็เจ็บใจเท่านั้น
เรื่องแบบนี้มือใหม่เป็นกันทุกคนครับ แต่ถ้าอยู่ในตลาดนานกว่า 3 ปีแล้วยังมีอาการเท่าเดิมสูญเสียเท่าเดิม แสดงว่าไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดตัวเองครับ

บางทีไม่สำคัญนะครับว่าจะรู้เกี่ยวกับบริษัทแบบใสๆเข้าใจไปหมด
หาหลักที่คุณเองลงทุนแล้วสบายใจ ก็เอาตรงนั้นยึดถือเป็นแนวทาง ใช้เงินแต่น้อยลงทุนผิดพลาดมาก็ไม่เสียหายมาก มั่นใจแล้วค่อยใส่เงินลงไป คำว่ามั่นใจถ้าวัดด้วยการขึ้นลงของหุ้นก็ต้องไปทางเทคนิค(คนที่รวยด้วยเทคนิคก็เยอะไปแต่ต้องมีความรู้มหภาคประกอบหาความรู้ด้านกว้าง) ถ้าวัดด้วยผลประกอบการ&ความแข็งแกร่งของบริษัทก็มาทางVI(หุ้นขึ้นผลประกอบการอาจจะไปคนละทาง หรือ หุ้นลงกำไรที่แท้จริงอาจจะดีก็ได้)

เห็นหลักการ the magic formula หรือเปล่า หรือ การซื้อแบบใช้ P/BV&P/E ที่มีคนเคยศึกษามา นั้นก็เป็นแนวทางง่ายๆ ที่เราก็ไม่จำเป็นต้องรู้อะไรไปหมดทุกอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรซักอย่าง

ลงทุนต้องมีความสุข และมีเป้าหมายในชีวิต อย่าให้ความโลภนำการลงทุน

Re: มาสารภาพครับ ว่ายกธงยอมแพ้ตลาดหุ้นแล้ว

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 06, 2011 8:19 pm
โดย thanadee
คนเราแพ้ได้ ล้มได้ พักได้(เตรียมตัวใหม่ศึกษาข้อผิดพลาด) เริ่มต้นใหม่ได้ พยายามต่อเนื่อง ที่สำคัญอดทนรอความสำเร็จได้ เหมือนกับงานอื่นๆที่ต้องรอคอยผลสำเร็จ ช้าบ้าง เร็วบ้าง เป็นธรรมดา ถือคติผิดเป็นครูครับ (แต่บางทีเราก็เห็นครูเต็มตลาดเหมือนกัน :D :) :shock: