รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 61
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ลบ 66.45 จุดหลังเฟดไม่ใช้มาตรการกระตุ้นศก.
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 06:31:52 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดระบุว่า ภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกอาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 66.45 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 11,954.94 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.74 จุด หรือ 0.87% แตะที่ 1,225.73 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 32.99 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 2,579.27 จุด
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่าสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน
แต่หลังจากนั้นภาวะการซื้อขายก็เริ่มผันผวน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE รอบใหม่ในการประชุมครั้งล่าสุดตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้เฟดตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเปราะบาง อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตาม
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0-0.25% และย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2556 นอกจากนี้ เฟดระบุว่า ภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวยังนับว่าช้าที่สุดในรอบ 5 เดือน และยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.55 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากการที่ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นและปรับเพิ่มสต็อกสินค้า
หุ้นเบสท์ บาย ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องไฟฟ้าของสหรัฐ ดิ่งลง 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 หดตัวลง 29% หุ้นเออร์แบน เอาท์ฟิทเทอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ดีดตัวขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาด
หุ้นไฟเซอร อิงค์ ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ดีดตัวขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล คอร์ป ดีดขึ้น 1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 06:31:52 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่เฟดระบุว่า ภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกอาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 66.45 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 11,954.94 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.74 จุด หรือ 0.87% แตะที่ 1,225.73 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 32.99 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 2,579.27 จุด
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่าสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในวันนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน
แต่หลังจากนั้นภาวะการซื้อขายก็เริ่มผันผวน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการ QE รอบใหม่ในการประชุมครั้งล่าสุดตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้เฟดตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเปราะบาง อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตาม
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0-0.25% และย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2556 นอกจากนี้ เฟดระบุว่า ภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวยังนับว่าช้าที่สุดในรอบ 5 เดือน และยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.55 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะได้แรงหนุนจากการที่ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นและปรับเพิ่มสต็อกสินค้า
หุ้นเบสท์ บาย ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องไฟฟ้าของสหรัฐ ดิ่งลง 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 หดตัวลง 29% หุ้นเออร์แบน เอาท์ฟิทเทอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ดีดตัวขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ดีเกินคาด
หุ้นไฟเซอร อิงค์ ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ดีดตัวขึ้น 1.8% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หุ้นสปรินท์ เน็กซ์เทล คอร์ป ดีดขึ้น 1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 62
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่บวก 62.29 จุดขานรับผลประมูลพันธบัตรสเปน
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 07:29:51 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) ขานรับข่าวสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรเมื่อวานนี้ และดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนธ.ค.
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 62.29 จุด หรือ 1.2% แตะที่ 5,490.15 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ -53.8 จุดในเดือนธันวาคม จากระดับต่ำสุดในรอบสามปีที่ -55.2 ในเดือนพฤศจิกายน โดยสถาบัน ZEW ระบุว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ร่วงถึงจุดต่ำสุดและเริ่มดีดตัวขึ้นแล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากมีข่าวลือว่าอิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่และมีความสำคัญ โดยหุ้นบีพีพุ่งขึ้น 1.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นปิโตรแฟค ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าบ่อน้ำมัน พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ขณะที่หุ้นแมน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ของอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 3.2%
นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยอัตราว่างงานประจำเดือนพ.ย.ของอังกฤษในวันนี้เวลา 16.30 น.ตามเวลาไทย และสหภาพยุโรป (อียู) จะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทยเช่นกัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 07:29:51 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) ขานรับข่าวสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรเมื่อวานนี้ และดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนธ.ค.
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 62.29 จุด หรือ 1.2% แตะที่ 5,490.15 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ -53.8 จุดในเดือนธันวาคม จากระดับต่ำสุดในรอบสามปีที่ -55.2 ในเดือนพฤศจิกายน โดยสถาบัน ZEW ระบุว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ร่วงถึงจุดต่ำสุดและเริ่มดีดตัวขึ้นแล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากมีข่าวลือว่าอิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่และมีความสำคัญ โดยหุ้นบีพีพุ่งขึ้น 1.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นปิโตรแฟค ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าบ่อน้ำมัน พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ ขณะที่หุ้นแมน กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ของอังกฤษ ดีดตัวขึ้น 3.2%
นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยอัตราว่างงานประจำเดือนพ.ย.ของอังกฤษในวันนี้เวลา 16.30 น.ตามเวลาไทย และสหภาพยุโรป (อียู) จะเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทยเช่นกัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 63
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปบวกหลังดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีฟื้นตัว
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 07:48:12 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวรัฐบาลสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตร และเยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นตัวขึ้นในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ปฏิเสธข้อเสนอการเพิ่มทุนทรัพย์ของกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ปิดที่ 237.30 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก 62.29 จุด หรือ 1.15% แตะที่ 5,490.15 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,413.70 - 5,525.96 จุด
แต่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดลบ 11.17 จุด หรือ 0.19% แตะที่ 5,774.26 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,734.12 - 5,852.43 จุด และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดลบ 10.87 จุด หรือ 0.35% แตะที่ 3,078.72 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,059.46 - 3,111.10 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ -53.8 จุดในเดือนธันวาคม จากระดับต่ำสุดในรอบสามปีที่ -55.2 ในเดือนพฤศจิกายน โดยสถาบัน ZEW ระบุว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ร่วงถึงจุดต่ำสุดและเริ่มดีดตัวขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีและฝรั่งเศสปิดในแดนลบ หลังจากมีรายงานว่า นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ปฏิเสธข้อเสนอให้มีการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับ ESM ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ศักยภาพในการปล่อยเงินกู้ของ ESM ในปัจจุบันที่ 5 แสนล้านยูโรนั้น อาจจะไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือสเปนและอิตาลี หากทั้งสองประเทศเผชิญกับวิกฤตการเงิน
ESM เป็นกองทุนให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซน โดยที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีมติให้ใช้ ESM ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี โดยกำหนดว่าจะเปิดใช้ ESM ในเดือนก.ค. 2555 และจะทำหน้าที่แทนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)
หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นบีพีพุ่งขึ้น 1.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.1%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันร่วงลงจากข่าวเยอรมนีปฏิเสธการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับ ESM โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ร่วงลง 1.5% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ดิ่งลง 2.5% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ร่วงลง 4.6%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 07:48:12 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข่าวรัฐบาลสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลพันธบัตร และเยอรมนีเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นตัวขึ้นในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ปฏิเสธข้อเสนอการเพิ่มทุนทรัพย์ของกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.5% ปิดที่ 237.30 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก 62.29 จุด หรือ 1.15% แตะที่ 5,490.15 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,413.70 - 5,525.96 จุด
แต่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดลบ 11.17 จุด หรือ 0.19% แตะที่ 5,774.26 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,734.12 - 5,852.43 จุด และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดลบ 10.87 จุด หรือ 0.35% แตะที่ 3,078.72 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,059.46 - 3,111.10 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสถาบัน ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีปรับตัวขึ้น 1.4 จุด สู่ระดับ -53.8 จุดในเดือนธันวาคม จากระดับต่ำสุดในรอบสามปีที่ -55.2 ในเดือนพฤศจิกายน โดยสถาบัน ZEW ระบุว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ร่วงถึงจุดต่ำสุดและเริ่มดีดตัวขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนีและฝรั่งเศสปิดในแดนลบ หลังจากมีรายงานว่า นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ปฏิเสธข้อเสนอให้มีการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับ ESM ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ศักยภาพในการปล่อยเงินกู้ของ ESM ในปัจจุบันที่ 5 แสนล้านยูโรนั้น อาจจะไม่เพียงพอต่อการช่วยเหลือสเปนและอิตาลี หากทั้งสองประเทศเผชิญกับวิกฤตการเงิน
ESM เป็นกองทุนให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซน โดยที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) มีมติให้ใช้ ESM ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี โดยกำหนดว่าจะเปิดใช้ ESM ในเดือนก.ค. 2555 และจะทำหน้าที่แทนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF)
หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นบีพีพุ่งขึ้น 1.7% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 2.1%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันร่วงลงจากข่าวเยอรมนีปฏิเสธการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับ ESM โดยหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ร่วงลง 1.5% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ดิ่งลง 2.5% หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ร่วงลง 4.6%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 64
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: เยนแข็ง,ผิดหวังประชุมเฟด ฉุดนิกเกอิเปิดลบ 39.04 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 07:53:51 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 39.04 จุด แตะที่ 8,513.77 จุดในวันนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออก หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นโตเกียวยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ แม้วิกฤตหนี้ยุโรปทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลงก็ตาม สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 07:53:51 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 39.04 จุด แตะที่ 8,513.77 จุดในวันนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออก หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นโตเกียวยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เนื่องจากเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ แม้วิกฤตหนี้ยุโรปทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลงก็ตาม สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 65
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งเปิดตลาดร่วง 146.12 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 08:39:49 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 146.12 จุด หรือ 0.79% แตะที่ 18,301.05 จุดในวันนี้ (14 ธ.ค.) โดยตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียที่อ่อนแรงลงในช่วงเช้านี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ในการประชุมเมื่อวานนี้
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 14 ธันวาคม 2554 08:39:49 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 146.12 จุด หรือ 0.79% แตะที่ 18,301.05 จุดในวันนี้ (14 ธ.ค.) โดยตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียที่อ่อนแรงลงในช่วงเช้านี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบใหม่ในการประชุมเมื่อวานนี้
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 66
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ร่วง 131.46 จุดหลังบอนด์ยีลด์อิตาลีพุ่ง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 06:30:52 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจากรายงานที่ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนี ยังคงเดินหน้าคัดค้านข้อเสนอการปรับเพิ่มเพดานการปล่อยเงินกู้ของกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 131.46 จุด หรือ 1.10% ปิดที่ 11,823.48 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.91 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 1,211.82 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 39.96 จุด หรือ 1.55% ปิดที่ 2,539.31 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากความผิดหวังต่อผลการประชุมล่าสุดของผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) แล้ว นักลงทุนยังวิตกกังวลว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามไปไกลกว่าที่คิด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.47% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2540 หรือในรอบ 14 ปี หรือก่อนที่จะเริ่มมีการใช้เงินยูโรในปี 2542 ในการประชุมพันธบัตรครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้
ต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สินจำนวนมหาศาลของรัฐบาลอิตาลี ที่ราว 1.9 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 120% ของจีดีพี ซึ่งทำให้อิตาลีถูกมองว่ามีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ประเทศสมาชิกในยูโรโซนจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ด้วยกองทุนกู้วิกฤต
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีแมร์เคลของเยอรมนียังคงเดินหน้าคัดค้านการปรับเพิ่มเพดานการปล่อยเงินกู้ของกองทุน ESM และนายเจนส์ ไวด์แมน ประธานธนาคารกลางเยอรมนียังได้ออกมาคัดค้านแผนการเพิ่มทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แม้ที่ประชุมอียูเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีมติให้อัดฉีดเงิน 2 แสนล้านยูโรให้กับไอเอ็มเอฟก็ตาม
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นไปอย่างซบเซา เมื่อสถาบัน Ifo คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวเพียง 0.4% ในปี 2555 อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.9%
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างและเหมืองแร่ ดิ่งลง 4.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ NYMEX หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศกำหนดเพดานการผลิตไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน โดยหุ้นอาปาเช ดิ่งลง 5% และหุ้นเชฟรอน คอร์ป ร่วงลง 2.9%
หุ้นเอวอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางค์ ร่วงลง 5% หลังจากมีข่าวว่านายอังเดร จุง ซีอีโอของเอวอนจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง
หุ้นเฟิร์สท์ โซลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ดิ่งลง 21% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และรัฐบาลสหรัฐลดงบประมาณสนับสนุนโครงการพลังงานทดแทน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 06:30:52 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และจากรายงานที่ว่านายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคลของเยอรมนี ยังคงเดินหน้าคัดค้านข้อเสนอการปรับเพิ่มเพดานการปล่อยเงินกู้ของกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 131.46 จุด หรือ 1.10% ปิดที่ 11,823.48 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.91 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 1,211.82 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 39.96 จุด หรือ 1.55% ปิดที่ 2,539.31 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกเหนือจากความผิดหวังต่อผลการประชุมล่าสุดของผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) แล้ว นักลงทุนยังวิตกกังวลว่า วิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามไปไกลกว่าที่คิด หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.47% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2540 หรือในรอบ 14 ปี หรือก่อนที่จะเริ่มมีการใช้เงินยูโรในปี 2542 ในการประชุมพันธบัตรครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้
ต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับหนี้สินจำนวนมหาศาลของรัฐบาลอิตาลี ที่ราว 1.9 ล้านล้านยูโร หรือประมาณ 120% ของจีดีพี ซึ่งทำให้อิตาลีถูกมองว่ามีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ประเทศสมาชิกในยูโรโซนจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ด้วยกองทุนกู้วิกฤต
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีแมร์เคลของเยอรมนียังคงเดินหน้าคัดค้านการปรับเพิ่มเพดานการปล่อยเงินกู้ของกองทุน ESM และนายเจนส์ ไวด์แมน ประธานธนาคารกลางเยอรมนียังได้ออกมาคัดค้านแผนการเพิ่มทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แม้ที่ประชุมอียูเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีมติให้อัดฉีดเงิน 2 แสนล้านยูโรให้กับไอเอ็มเอฟก็ตาม
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นไปอย่างซบเซา เมื่อสถาบัน Ifo คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวเพียง 0.4% ในปี 2555 อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.9%
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปได้ฉุดหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างและเหมืองแร่ ดิ่งลง 4.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ NYMEX หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ประกาศกำหนดเพดานการผลิตไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรล/วัน โดยหุ้นอาปาเช ดิ่งลง 5% และหุ้นเชฟรอน คอร์ป ร่วงลง 2.9%
หุ้นเอวอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางค์ ร่วงลง 5% หลังจากมีข่าวว่านายอังเดร จุง ซีอีโอของเอวอนจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง
หุ้นเฟิร์สท์ โซลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ดิ่งลง 21% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก และรัฐบาลสหรัฐลดงบประมาณสนับสนุนโครงการพลังงานทดแทน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 67
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 123.35 จุดหลังเฟดเมินใช้ QE3
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 07:38:18 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 123.35 จุด หรือ 2.3% ปิดที่ 5,366.8 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ในการประชุมครั้งล่าสุดตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้เฟดตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเปราะบาง อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นายสเปนเซอร์ เดล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ เตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจจะหดตัวลงอย่างน้อย 0.25% ก่อนที่จะ "ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย" ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาโลหะในตลาดลอนดอนร่วงลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 3.5% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 4.7% หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 4.9%
ส่วนหุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะเงินรายใหญ่ของโลก ดิ่งลง 9.7% ส่วนหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองทองคำ ร่วงลง 6.1% หลังจากราคาทองคำ COMEX ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่าฝรั่งเศสอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 4.7% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 4.4% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ร่วงลง 2.5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 07:38:18 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 123.35 จุด หรือ 2.3% ปิดที่ 5,366.8 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ไม่ได้ส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ในการประชุมครั้งล่าสุดตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้เฟดตระหนักว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเปราะบาง อันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นายสเปนเซอร์ เดล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางอังกฤษ เตือนว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจจะหดตัวลงอย่างน้อย 0.25% ก่อนที่จะ "ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย" ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาโลหะในตลาดลอนดอนร่วงลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 3.5% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 4.7% หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 4.9%
ส่วนหุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะเงินรายใหญ่ของโลก ดิ่งลง 9.7% ส่วนหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองทองคำ ร่วงลง 6.1% หลังจากราคาทองคำ COMEX ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่าฝรั่งเศสอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 4.7% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 4.4% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ร่วงลง 2.5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 68
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ผิดหวังเฟดเมินคลอด QE3 ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงหนัก
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 07:56:01 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงเนื่องจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดิ่งลง 2.1% ปิดที่ 232.44 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 99.12 จุด หรือ 1.72% ปิดที่ 5,675.14 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,675.14 - 5,771.60 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 102.55 จุด หรือ 3.33% ปิดที่ 2,976.17 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 2,976.17-3,072.95 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 123.35 จุด หรือ 2.25% ปิดที่ 5,366.80 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,366.80 - 5,490.15 จุด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา และแสดงความกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปและภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
แม้ว่าเฟดได้แสดงความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะใช้มาตรการ QE3 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งความเคลื่อนไหวของเฟดได้สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงเนื่องจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า วิตกฤตหนี้ยุโรปจะฉุดรั้งเศรษฐกิจเยอรมนีให้ขยายตัวเพียง 0.4% ในปี 2555 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.9%
หุ้นลอจิกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์ ดิ่งลง 16% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ พร้อมทั้งประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กรซึ่งจะทำให้บริษัทต้องลดจำนวนพนักงานลง 1,300 ตำแหน่ง
หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ของยุโรปร่วงลง หลังจากรัฐบาลจีนประกาศว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ร่วงลง 5.1% หุ้นโฟล์สวาเกน ร่วงลง 4.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ซึ่งเป็นสองธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส ร่วงลง 7.4% และ 8% ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 07:56:01 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงเนื่องจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดิ่งลง 2.1% ปิดที่ 232.44 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 99.12 จุด หรือ 1.72% ปิดที่ 5,675.14 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,675.14 - 5,771.60 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 102.55 จุด หรือ 3.33% ปิดที่ 2,976.17 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 2,976.17-3,072.95 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 123.35 จุด หรือ 2.25% ปิดที่ 5,366.80 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,366.80 - 5,490.15 จุด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา และแสดงความกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปและภาวะตึงตัวในตลาดการเงินทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะขาลง
แม้ว่าเฟดได้แสดงความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆว่าจะใช้มาตรการ QE3 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งความเคลื่อนไหวของเฟดได้สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงเนื่องจากความกังวลเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า วิตกฤตหนี้ยุโรปจะฉุดรั้งเศรษฐกิจเยอรมนีให้ขยายตัวเพียง 0.4% ในปี 2555 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.9%
หุ้นลอจิกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์ ดิ่งลง 16% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ พร้อมทั้งประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กรซึ่งจะทำให้บริษัทต้องลดจำนวนพนักงานลง 1,300 ตำแหน่ง
หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ของยุโรปร่วงลง หลังจากรัฐบาลจีนประกาศว่าจะเดินหน้าใช้มาตรการควบคุมการขยายตัวของเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยหุ้นบีเอ็มดับเบิลยู ร่วงลง 5.1% หุ้นโฟล์สวาเกน ร่วงลง 4.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ซึ่งเป็นสองธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส ร่วงลง 7.4% และ 8% ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 69
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิร่วง 87.81 จุดหลังความเชื่อมั่นผู้ผลิตญี่ปุ่นหดตัว
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 08:23:42 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง 87.81 จุด หรือ 1.03% แตะที่ 8,431.32 จุด หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ญี่ปุ่น (ทังกัน) หดตัวลงเกินคาดในไตรมาส 4
บีโอเจเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ -4 จุด ในเดือนธ.ค. จากไตรมาส 3 ที่ระดับ +2 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาส เนื่องจากการแข็งค่าของเงินเยนได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมส่งออกของญี่ปุ่น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 08:23:42 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง 87.81 จุด หรือ 1.03% แตะที่ 8,431.32 จุด หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาทีในวันนี้ (15 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ญี่ปุ่น (ทังกัน) หดตัวลงเกินคาดในไตรมาส 4
บีโอเจเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ -4 จุด ในเดือนธ.ค. จากไตรมาส 3 ที่ระดับ +2 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาส เนื่องจากการแข็งค่าของเงินเยนได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมส่งออกของญี่ปุ่น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 70
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งเปิดตลาดร่วง 231.70 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 08:39:33 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 231.70 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 18,122.73 จุดในวันนี้ (15 ธ.ค.) โดยตลาดหุ้นฮ่องกงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ร่วงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 08:39:33 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 231.70 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 18,122.73 จุดในวันนี้ (15 ธ.ค.) โดยตลาดหุ้นฮ่องกงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ร่วงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปจะลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากต้นทุนการกู้ยืมของอิตาลีพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 71
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดลบ 0.57% สอดคล้องภูมิภาค
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 08:55:05 น.
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ยุโรป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตอ่อนตัว 0.57% เปิดที่ 2,215.79 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นลบ 0.57% เปิดที่ 9,041.06 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554 08:55:05 น.
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ยุโรป
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตอ่อนตัว 0.57% เปิดที่ 2,215.79 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นลบ 0.57% เปิดที่ 9,041.06 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 72
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์บวก 45.33 จุดหลังตัวเลขว่างงานสหรัฐร่วง[/color]
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 06:24:41 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท เฟดเอ็กซ์ และความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 45.33 จุด หรือ 0.38% แตะที่ 11,868.81 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.93 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 1,215.75 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.70 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 2,541.01 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจอยู่ที่ระดับ 390,000 ราย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้ 6.03 พันล้านยูโร หรือ 7.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 3.5 พันล้านยูโร ถึง 2 เท่า
หุ้นเฟดเอ็กซ์พุ่งขึ้น 8% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก หลังจากเฟดเอ็กซ์เปิดเผยว่า ผลกำไรรายไตรมาสพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า เนื่องจากยอดการใช้จ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้มีรายงานว่า เฟดเอ็กซ์ได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 767 จำนวน 27 ลำเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของฝูงบิน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นโบอิ้งดีดตัวขึ้น 1% ด้วย
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน และปิดตลาดเพิ่มขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. หดตัวลง 0.2% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่า ภาคการผลิตของสหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากที่นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นและไม่สามารถแก้ไขได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงลำพัง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นเฟิร์ส โซลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ของโลก ร่วงลง 6% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวนในดัชนี S&P 500 หลังจากนักวิเคราะห์ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้นเชฟรอน คอร์ป ปรับตัวลง 0.9% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงเมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตาดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.1% และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 06:24:41 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ดีขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท เฟดเอ็กซ์ และความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 45.33 จุด หรือ 0.38% แตะที่ 11,868.81 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 3.93 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 1,215.75 จุด ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.70 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 2,541.01 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจอยู่ที่ระดับ 390,000 ราย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้ 6.03 พันล้านยูโร หรือ 7.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 3.5 พันล้านยูโร ถึง 2 เท่า
หุ้นเฟดเอ็กซ์พุ่งขึ้น 8% ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก หลังจากเฟดเอ็กซ์เปิดเผยว่า ผลกำไรรายไตรมาสพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่า เนื่องจากยอดการใช้จ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้มีรายงานว่า เฟดเอ็กซ์ได้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 767 จำนวน 27 ลำเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของฝูงบิน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นโบอิ้งดีดตัวขึ้น 1% ด้วย
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน และปิดตลาดเพิ่มขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. หดตัวลง 0.2% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่า ภาคการผลิตของสหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากที่นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นและไม่สามารถแก้ไขได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงลำพัง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นเฟิร์ส โซลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ของโลก ร่วงลง 6% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวนในดัชนี S&P 500 หลังจากนักวิเคราะห์ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว ขณะที่หุ้นเชฟรอน คอร์ป ปรับตัวลง 0.9% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงเมื่อคืนนี้
นักลงทุนจับตาดูดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.1% และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 73
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 34.05 จุดหลังจำนวนคนว่างงาสหรัฐลดลง
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 07:17:14 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในระหว่างวัน เพราะตลาดได้แรงหนุนจากตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีของสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 34.05 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 5,400.85 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจอยู่ที่ระดับ 390,000 ราย
หุ้นกลุ่มประกันดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพรูเดนเชียล บริษัทประกันรายใหญ่สุดของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นโอลด์ มิวชวล บริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 11% หุ้นสแตนดาร์ด ไลฟ์ ดีดตัว 2.4% หุ้นแอดไมรัล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.7%
หุ้นกลุ่มบริษัทเหมืองแร่ทองแดงปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากราคาแร่ทองแดงทะยานขึ้นในตลาดลอนดอนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นเอ็กสตราต้าดีดตัวขึ้น 1% และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 07:17:14 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในระหว่างวัน เพราะตลาดได้แรงหนุนจากตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีของสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 34.05 จุด หรือ 0.6% แตะที่ 5,400.85 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจอยู่ที่ระดับ 390,000 ราย
หุ้นกลุ่มประกันดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพรูเดนเชียล บริษัทประกันรายใหญ่สุดของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นโอลด์ มิวชวล บริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 11% หุ้นสแตนดาร์ด ไลฟ์ ดีดตัว 2.4% หุ้นแอดไมรัล กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.7%
หุ้นกลุ่มบริษัทเหมืองแร่ทองแดงปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากราคาแร่ทองแดงทะยานขึ้นในตลาดลอนดอนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นเอ็กสตราต้าดีดตัวขึ้น 1% และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 74
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปบวกรับผลประมูลพันธบัตรสเปน,ข้อมูลเศรษฐกิจ
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 07:30:23 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตและภาคบริการที่ฟื้นตัวขึ้นของยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปน และตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1% ปิดที่ 234.73 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5730.62 จุด บวก 55.48 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2998.73 จุด บวก 22.56 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5400.85 จุด บวก 34.05 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของยูโรโซนและสหรัฐ โดยมาร์กิต อิโคโนมิกเปิดเผยในรายงานเบื้องต้นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 47.9 จุด เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ที่ระดับ 47.0 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 46.5 จุด
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้ 6.03 พันล้านยูโร หรือ 7.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 3.5 พันล้านยูโร ถึง 2 เท่า
หุ้น TUI AG ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 12% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีเอ็นพี พารีบาส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น TUI ขึ้นสู่ระดับ "outperform" จากระดับ "underperform"
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรของสเปน โดยหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ พุ่งขึ้น 6.7% และหุ้น Raiffeisen Bank International พุ่งขึ้น 5.3%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเทเลโฟนิกา ร่วงลง 1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ในปี 2555 ลง 14%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 07:30:23 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตและภาคบริการที่ฟื้นตัวขึ้นของยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปน และตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังอยู่ในระยะฟื้นตัว
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1% ปิดที่ 234.73 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5730.62 จุด บวก 55.48 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2998.73 จุด บวก 22.56 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5400.85 จุด บวก 34.05 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของยูโรโซนและสหรัฐ โดยมาร์กิต อิโคโนมิกเปิดเผยในรายงานเบื้องต้นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 47.9 จุด เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.ที่ระดับ 47.0 จุด และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 46.5 จุด
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนได้ 6.03 พันล้านยูโร หรือ 7.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการประมูลขายพันธบัตรเมื่อวานนี้ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 3.5 พันล้านยูโร ถึง 2 เท่า
หุ้น TUI AG ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่สุดของยุโรป พุ่งขึ้น 12% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีเอ็นพี พารีบาส์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น TUI ขึ้นสู่ระดับ "outperform" จากระดับ "underperform"
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้นขานรับความสำเร็จในการประมูลพันธบัตรของสเปน โดยหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ พุ่งขึ้น 6.7% และหุ้น Raiffeisen Bank International พุ่งขึ้น 5.3%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเทเลโฟนิกา ร่วงลง 1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ในปี 2555 ลง 14%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 75
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดบวก 38.84 จุดรับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 07:35:29 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 38.84 จุด แตะที่ 8,416.21 จุดในวันนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของโลก
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจอยู่ที่ระดับ 390,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.53 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 3 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2554 07:35:29 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 38.84 จุด แตะที่ 8,416.21 จุดในวันนี้ (16 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของโลก
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ธ.ค. ร่วงลง 19,000 ราย แตะระดับ 366,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจอยู่ที่ระดับ 390,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวรวดเร็วขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.53 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 3 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 76
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลัง S&P เตือนประเทศยุโรปอาจถดถอย
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 06:34:19 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ธ.ค.) หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เตือนว่า ประเทศต่างๆในกลุ่มยูโรโซนอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอยที่รุนแรงมากขึ้นในปี 2555 อันเนื่องมาจากผลกระทบของปัญหาหนี้สาธารณะ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
ดัชนี Stoxx Europe 600 Index ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 233.71 จุด
ดัชนี DAX หุ้นเยอรมันปิดที่ 5,701.78 จุด ลดลง 28.84 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2,972.30 จุด ลดลง 26.43 จุด และดัชนีฟุตซี่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,387.34 จุด ลดลง 13.51 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจยุโรป หลังจากเอสแอนด์พีออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี เบลเยียม ออสเตรีย และฟินแลนด์ อาจจะหดตัวลงในปีหน้า และยังกล่าวด้วยว่า มาตรการรัดเข็มขัดที่หลายประเทศประกาศใช้นั้น จะไม่ช่วยหนุนสถานะการคลังให้แข็งแกร่งขึ้นได้ เนื่องจากหลายประเทศมีหนี้สาธารณะที่สูงมาก
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจยุโรปได้บดบังปัจจัยลบจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ย.สหรัฐยังคงทรงตัวอยู่ที่ 0.1% หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่าภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้
หุ้นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แมนกรุ๊ป ร่วง 4.4% หลังจากที่ดอยช์ แบงก์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนจาก “ซื้อ" เป็น “ขาย"
ขณะที่หุ้นคาซักมิส บวก 3.2% อันโตฟากัสตาบวก 3.7% และเอ็กซตราตาเพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากที่ราคาทองแดงและโลหะพื้นฐานดีดตัวขึ้นจากที่ร่วงลงในหลายวันที่ผ่านมา ภายหลังจากที่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวดีขึ้น
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ร่วงลง โดยหุ้นพีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตรอง ดิ่งลง 1.7% หุ้นเฟียต เอสพีเอ ร่วงลง 2.6% ขณะที่หุ้นมิเชลิน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ดิ่งลง 2.6% และหุ้นฟาวเรเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแตกรถยนต์รายใหญ่สุดของยุโรป ร่วงลง 4.4%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 06:34:19 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ธ.ค.) หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) เตือนว่า ประเทศต่างๆในกลุ่มยูโรโซนอาจจะเผชิญกับภาวะถดถอยที่รุนแรงมากขึ้นในปี 2555 อันเนื่องมาจากผลกระทบของปัญหาหนี้สาธารณะ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
ดัชนี Stoxx Europe 600 Index ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 233.71 จุด
ดัชนี DAX หุ้นเยอรมันปิดที่ 5,701.78 จุด ลดลง 28.84 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 2,972.30 จุด ลดลง 26.43 จุด และดัชนีฟุตซี่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,387.34 จุด ลดลง 13.51 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจยุโรป หลังจากเอสแอนด์พีออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี เบลเยียม ออสเตรีย และฟินแลนด์ อาจจะหดตัวลงในปีหน้า และยังกล่าวด้วยว่า มาตรการรัดเข็มขัดที่หลายประเทศประกาศใช้นั้น จะไม่ช่วยหนุนสถานะการคลังให้แข็งแกร่งขึ้นได้ เนื่องจากหลายประเทศมีหนี้สาธารณะที่สูงมาก
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจยุโรปได้บดบังปัจจัยลบจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนพ.ย.สหรัฐยังคงทรงตัวอยู่ที่ 0.1% หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่าภาวะเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้
หุ้นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ แมนกรุ๊ป ร่วง 4.4% หลังจากที่ดอยช์ แบงก์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนจาก “ซื้อ" เป็น “ขาย"
ขณะที่หุ้นคาซักมิส บวก 3.2% อันโตฟากัสตาบวก 3.7% และเอ็กซตราตาเพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากที่ราคาทองแดงและโลหะพื้นฐานดีดตัวขึ้นจากที่ร่วงลงในหลายวันที่ผ่านมา ภายหลังจากที่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัวดีขึ้น
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ร่วงลง โดยหุ้นพีเอสเอ เปอร์โยต์ ซีตรอง ดิ่งลง 1.7% หุ้นเฟียต เอสพีเอ ร่วงลง 2.6% ขณะที่หุ้นมิเชลิน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ดิ่งลง 2.6% และหุ้นฟาวเรเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ตกแตกรถยนต์รายใหญ่สุดของยุโรป ร่วงลง 4.4%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 77
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดลบ 38.33 จุดหลังฟิทช์ขู่ลดเครดิตปท.ยูโรโซน
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 07:45:16 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 38.33 จุด แตะที่ 8,363.39 จุดในวันนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของยูโรโซน หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตของฝรั่งเศสลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
ฟิทช์ระบุว่า ผลการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่มีการใช้แนวทางการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะที่จริงจังและครอบคลุม มีแต่เพียงการบรรลุข้อตกลงทางการเมืองและทางเทคนิคเท่านั้น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 07:45:16 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดลบ 38.33 จุด แตะที่ 8,363.39 จุดในวันนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของยูโรโซน หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตของฝรั่งเศสลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
ฟิทช์ระบุว่า ผลการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่มีการใช้แนวทางการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะที่จริงจังและครอบคลุม มีแต่เพียงการบรรลุข้อตกลงทางการเมืองและทางเทคนิคเท่านั้น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 78
ภาวะตลาดหุ้นฮ่องกง: ฮั่งเส็งเปิดร่วง 231.75 จุด วิตกอสังหาฯจีนชะลอตัว
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 08:38:59 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 231.75 จุด หรือ 1.27% แตะที่ 18,053.64 จุดในวันนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 70 เมืองของจีนปรับตัวลดลงในเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 08:38:59 น.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 231.75 จุด หรือ 1.27% แตะที่ 18,053.64 จุดในวันนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ราคาบ้านใน 70 เมืองของจีนปรับตัวลดลงในเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 79
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: แรงขายหุ้นแบงก์ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 100.13 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 06:29:26 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ที่ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 5 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐสำรองเงินทุนมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 100.13 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 11,766.26 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 14.31 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 1,205.35 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 32.19 จุด หรือ 1.26% ปิดที่ 2,523.14 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักและเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เฟดอาจจะกดดันให้ธนาคารของสหรัฐสำรองเงินทุนมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป และจะสร้างความยากลำบากให้กับภาคธนาคารในปี 2555
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายดรากีได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า อีซีบีมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคาร และอีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมเพราะติดที่ข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ดับความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าอีซีบีจะขยายโครงการซื้อพันธบัตร
นอกจากนี้มีรายงานว่า คณะกรรมการบาเซิลว่าด้วยการกำกับดูแลการธนาคาร (BCBS) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ควรจะเปิดเผยข้อมูลทุนสำรองด้านการเงินให้มากขึ้น เพื่อที่ธนาคารจะไม่ตัดสินใจอย่างผิดพลาดในด้านการบริหารจัดการและจะไม่เผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นด้วย
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 4.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 5 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 3.7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 5.5% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 4.7%
หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 3.2% หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด (HP) ร่วงลง 2.8% และหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.8%
หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ อิงค์ ดิ่งลง 3.4% หลังจากราคาทองแดงในตลาดโลกร่วงลง ขณะที่หุ้นคอมเมอร์เชียล เมทัล ร่วงลง 1.4% หลังจากคณะกรรมการบริหารของบริษัทปฏิเสธข้อเสนอการเทคโอเวอร์จากนายคาร์ล ไอคาห์น มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. วันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.
ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3, กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 06:29:26 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ที่ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 5 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐสำรองเงินทุนมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 100.13 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 11,766.26 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 14.31 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 1,205.35 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 32.19 จุด หรือ 1.26% ปิดที่ 2,523.14 จุด
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักและเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เฟดอาจจะกดดันให้ธนาคารของสหรัฐสำรองเงินทุนมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เตือนว่า วิกฤตหนี้สาธารณะจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป และจะสร้างความยากลำบากให้กับภาคธนาคารในปี 2555
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายดรากีได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่า อีซีบีมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือภาคธนาคาร และอีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติมเพราะติดที่ข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ดับความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าอีซีบีจะขยายโครงการซื้อพันธบัตร
นอกจากนี้มีรายงานว่า คณะกรรมการบาเซิลว่าด้วยการกำกับดูแลการธนาคาร (BCBS) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ควรจะเปิดเผยข้อมูลทุนสำรองด้านการเงินให้มากขึ้น เพื่อที่ธนาคารจะไม่ตัดสินใจอย่างผิดพลาดในด้านการบริหารจัดการและจะไม่เผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นด้วย
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 4.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 5 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 3.7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 5.5% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 4.7%
หุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่อลูมินัมรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 3.2% หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด (HP) ร่วงลง 2.8% และหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.8%
หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ อิงค์ ดิ่งลง 3.4% หลังจากราคาทองแดงในตลาดโลกร่วงลง ขณะที่หุ้นคอมเมอร์เชียล เมทัล ร่วงลง 1.4% หลังจากคณะกรรมการบริหารของบริษัทปฏิเสธข้อเสนอการเทคโอเวอร์จากนายคาร์ล ไอคาห์น มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย. วันพุธ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.
ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3, กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 80
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: วิตกภาคธนาคารอังกฤษ ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 22.35 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 07:23:41 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาคธนาคารของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 22.35 จุด แตะที่ 5364.99 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลง หลังจากหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจจะลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังจากนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษยืนยันว่าจะผลักดันมาตรการปฏิรูปภาคธนาคารด้วยการบังคับให้ธนาคารจัดตั้งมาตรการคุ้มครองธุรกิจธนาคารสำหรับลูกค้ารายย่อยไม่ให้ได้รับความเสียหายจากแผนกวาณิชธนกิจที่มีความเสี่ยงสูง
ทั้งนี้ หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ร่วงลง 4.2% หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 3% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 3.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นอิมพีเรียล โทแบคโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่อันดับสองของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 07:23:41 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาคธนาคารของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 22.35 จุด แตะที่ 5364.99 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลง หลังจากหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจจะลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก หลังจากนายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษยืนยันว่าจะผลักดันมาตรการปฏิรูปภาคธนาคารด้วยการบังคับให้ธนาคารจัดตั้งมาตรการคุ้มครองธุรกิจธนาคารสำหรับลูกค้ารายย่อยไม่ให้ได้รับความเสียหายจากแผนกวาณิชธนกิจที่มีความเสี่ยงสูง
ทั้งนี้ หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ร่วงลง 4.2% หุ้นธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ร่วงลง 3% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 3.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นอิมพีเรียล โทแบคโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่อันดับสองของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 81
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปบวกเล็กน้อย ขณะตลาดยังกังวลปัญหาหนี้ยุโรป
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 07:41:12 น.
ตลาดหุ้นยุโรปขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมรมว.คลังยูโรโซนเพื่อหารือกันเกี่ยวกับการอัดฉีดเงินทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งผลการประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว
ดัชนี Stoxx 600 ปิดบวก 0.1% แตะที่ 233.75 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดลบ 31.07 จุด หรือ 0.54% แตะที่ 5,670.71 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 1.90 จุด หรือ 0.06 % แตะที่ 2,974.20 จุด และดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 22.35 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 5,364.99 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจจะลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
นักลงทุนจับตาดูการประชุมรมว.คลังยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการสนับสนุนเงินทุนเพิ่มเติมในการกู้วิกฤตหนี้สาธารณะ ผ่านทางการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตามมติที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู)
หุ้นบีพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ร่วงลง 1.8% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะทองแดงในตลาดโลก โดยหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ดิ่งลง 3.6% หุ้นอันโตฟากัสตาร่วงลง 1.9% และหุ้นเอ็กสตราต้าร่วงลง 1.4%
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอร์ เบอร์ลิน ซึ่งเป็นสายการบินของเยอรมนี พุ่งขึ้น 8.3% หลังจากมีรายงานว่าสายการบิน Etihad Airway ของอาบูดาบี จะเข้าซื้อหุ้นในแอร์ เบอร์ลินเพิ่มขึ้นเป็น 29.2%
ขณะที่หุ้นเนสเล่ย์พุ่งขึ้น 2% และหุ้นยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 2.2%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 07:41:12 น.
ตลาดหุ้นยุโรปขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (19 ธ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมรมว.คลังยูโรโซนเพื่อหารือกันเกี่ยวกับการอัดฉีดเงินทุนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งผลการประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว
ดัชนี Stoxx 600 ปิดบวก 0.1% แตะที่ 233.75 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดลบ 31.07 จุด หรือ 0.54% แตะที่ 5,670.71 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 1.90 จุด หรือ 0.06 % แตะที่ 2,974.20 จุด และดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 22.35 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 5,364.99 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" และเตือนว่าอาจจะลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส
นักลงทุนจับตาดูการประชุมรมว.คลังยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์ ซึ่งที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับการสนับสนุนเงินทุนเพิ่มเติมในการกู้วิกฤตหนี้สาธารณะ ผ่านทางการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตามมติที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู)
หุ้นบีพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ร่วงลง 1.8% ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงตามราคาโลหะทองแดงในตลาดโลก โดยหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ดิ่งลง 3.6% หุ้นอันโตฟากัสตาร่วงลง 1.9% และหุ้นเอ็กสตราต้าร่วงลง 1.4%
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอร์ เบอร์ลิน ซึ่งเป็นสายการบินของเยอรมนี พุ่งขึ้น 8.3% หลังจากมีรายงานว่าสายการบิน Etihad Airway ของอาบูดาบี จะเข้าซื้อหุ้นในแอร์ เบอร์ลินเพิ่มขึ้นเป็น 29.2%
ขณะที่หุ้นเนสเล่ย์พุ่งขึ้น 2% และหุ้นยูนิเครดิต พุ่งขึ้น 2.2%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 82
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: แรงซื้อเก็งกำไรหนุนนิกเกอิเปิดบวก 21.91 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 07:45:02 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 21.91 จุด แตะที่ 8,318.03 จุดในวันนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากนิกเกอิปิดที่ระดับต่ำกว่า 8,300 จุดเมื่อวานนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่ดัชนีนิกเกอิดิ่งลงไปต่ำกว่าระดับ 8,300 จุดเมื่อวานนี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้ออย่างคักคักในช่วงเช้าวันนี้ อย่าไรก็ตาม ดัชนีดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยืนยันว่า อีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ดับความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าอีซีบีจะขยายโครงการซื้อพันธบัตร
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 20 ธันวาคม 2554 07:45:02 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดบวก 21.91 จุด แตะที่ 8,318.03 จุดในวันนี้ (20 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากนิกเกอิปิดที่ระดับต่ำกว่า 8,300 จุดเมื่อวานนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่ดัชนีนิกเกอิดิ่งลงไปต่ำกว่าระดับ 8,300 จุดเมื่อวานนี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้ออย่างคักคักในช่วงเช้าวันนี้ อย่าไรก็ตาม ดัชนีดีดตัวขึ้นในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ยืนยันว่า อีซีบีจะไม่ซื้อพันธบัตรเพิ่มเติม ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ดับความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่าอีซีบีจะขยายโครงการซื้อพันธบัตร
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 83
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์พุ่ง 337.32 จุดรับข้อมูลศก.สหรัฐ,สเปน,เยอรมนี
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 06:26:56 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ขานรับข่าวรัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนด้วยการขายตั๋วเงินคลังได้สูงกว่าเป้า ด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวลดลงในการประมูลเมื่อวานนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนี และรายงานตัวเลขสร้างบ้านของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 337.32 จุด หรือ 2.87% ปิดที่ 12,103.58 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 35.95 จุด หรือ 2.98% ปิดที่ 1,241.30 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 80.59 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ 2,603.73 จุด
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข่าวรัฐบาลสเปนสามารถจำหน่ายตั๋วเงินคลังมูลค่า 5.64 พันล้านยูโร (ราว 7.36 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งมากกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดไว้ โดยให้อัตราผลตอบแทนสำหรับตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนที่ 1.735% ลดลงเมื่อเทียบกับการประมูลเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ 5.11% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปน ลดลงเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ 6.78% ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังพุ่งขึ้นขานรับรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และ GfK ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในระดับที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับในเดือนม.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนและผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเยอรมนี
นักวิเคราะห์จากเอสแอนด์พี แคปิตอลกล่าวว่า ความสำเร็จในการขายตั๋วเงินคลังของสเปนช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป เนื่องจากสเปนเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังประสบปัญหาหนี้ ซึ่งการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสะท้อนให้เห็นว่า ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสเปนปรับตัวลดลงด้วย
จากนั้นดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นอีกกว่า 1% เมื่อเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 635,000 ยูนิต
การปรับตัวลงของต้นทุนการกู้ยืมของสเปนช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐดีดตัวขึ้น หลังจากที่หุ้นดังกล่าวร่วงลงอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการเพิ่มสำรองเงินทุนในภาคธนาคาร โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 4.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.6%
ส่วนหุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 2.6%
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
ส่วนในคืนนี้เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 5.05 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.97 ล้านยูนิตของเดือนต.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 06:26:56 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ขานรับข่าวรัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนด้วยการขายตั๋วเงินคลังได้สูงกว่าเป้า ด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวลดลงในการประมูลเมื่อวานนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่แข็งแกร่งของเยอรมนี และรายงานตัวเลขสร้างบ้านของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 337.32 จุด หรือ 2.87% ปิดที่ 12,103.58 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 35.95 จุด หรือ 2.98% ปิดที่ 1,241.30 จุด ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 80.59 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ 2,603.73 จุด
ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับข่าวรัฐบาลสเปนสามารถจำหน่ายตั๋วเงินคลังมูลค่า 5.64 พันล้านยูโร (ราว 7.36 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งมากกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดไว้ โดยให้อัตราผลตอบแทนสำหรับตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนที่ 1.735% ลดลงเมื่อเทียบกับการประมูลเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ 5.11% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสเปน ลดลงเมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ 6.78% ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังพุ่งขึ้นขานรับรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และ GfK ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในระดับที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับในเดือนม.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนและผู้บริโภคยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเยอรมนี
นักวิเคราะห์จากเอสแอนด์พี แคปิตอลกล่าวว่า ความสำเร็จในการขายตั๋วเงินคลังของสเปนช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป เนื่องจากสเปนเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังประสบปัญหาหนี้ ซึ่งการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสะท้อนให้เห็นว่า ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสเปนปรับตัวลดลงด้วย
จากนั้นดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นอีกกว่า 1% เมื่อเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 635,000 ยูนิต
การปรับตัวลงของต้นทุนการกู้ยืมของสเปนช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐดีดตัวขึ้น หลังจากที่หุ้นดังกล่าวร่วงลงอันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการเพิ่มสำรองเงินทุนในภาคธนาคาร โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 4.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.6%
ส่วนหุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 2.6%
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
ส่วนในคืนนี้เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 5.05 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.97 ล้านยูนิตของเดือนต.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 84
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ข้อมูลศก.สหรัฐ,เยอรมนีหนุนฟุตซี่ปิดบวก 54.61 จุด
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 07:28:33 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เพราะได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและเยอรมนี รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นของเยอรมนี และตัวเลขการสร้างบ้านของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 54.61 จุด แตะที่ 5419.60 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 รวมทั้งรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 635,000 ยูนิต
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นหลังจากราคาทองคำและทองแดงในตลาดลอนดอนปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นริโอทินโต กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นคาซัคมิส ดีดขึ้น 4.2% และหุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 3.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่สุดของอังกฤษ ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ปรับตัวลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 07:28:33 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) เพราะได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและเยอรมนี รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นของเยอรมนี และตัวเลขการสร้างบ้านของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 54.61 จุด แตะที่ 5419.60 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 รวมทั้งรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 635,000 ยูนิต
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นหลังจากราคาทองคำและทองแดงในตลาดลอนดอนปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นริโอทินโต กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นคาซัคมิส ดีดขึ้น 4.2% และหุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 3.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่สุดของอังกฤษ ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ปรับตัวลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 85
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปพุ่งขานรับต้นทุนกู้ยืมสเปนลดลง,ข้อมูลศก.
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 07:44:25 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ขานรับความแข็งแกร่งของดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีและตัวเลขสร้างบ้านของสหรัฐ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากต้นทุนการกู้ยืมของสเปนที่ปรับตัวลดลงในการประมูลขายตั๋วเงินคลังเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2% ปิดที่ 238.51 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 176.32 จุด หรือ 3.11% ปิดที่ 5,847.03 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,637.53-5,847.71 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 81.19 จุด หรือ 2.73% ปิดที่ 3,055.39 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 2,957.20-3,055.39 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้น 54.61 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 5,419.60 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,328.67-5,426.28 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นขานรับข่าวรัฐบาลสเปนสามารถจำหน่ายตั๋วเงินคลังมูลค่า 5.64 พันล้านยูโร (ราว 7.36 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งมากกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดไว้ ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจากการประมูลครั้งก่อน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและการลุกลามของวิกฤตหนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพุ่งขึ้นขานรับรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 635,000 ยูนิต
การปรับตัวลงของต้นทุนการกู้ยืมของสเปนช่วยหนุนหุ้นธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้น โดยหุ้นธนาคารยูนิเครดิต หุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นธนาคารอินเทซา ซานเปาโล พุ่งขึ้นกว่า 6%
ส่วนหุ้นเบเยอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 5% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการรายปีอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 5 พันล้านยูโร ขณะที่หุ้นอาร์เคมา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ พุ่งขึ้น 9.1%
หุ้นเดมเลอร์ เอจี ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ทะยานขึ้น 5.9% หลังจากมีรายงานว่า เดมเลอร์กำลังเจรจากับบรรษัทเพื่อการลงทุนของจีนเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น 10% ของเดมเลอร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 07:44:25 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (20 ธ.ค.) ขานรับความแข็งแกร่งของดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีและตัวเลขสร้างบ้านของสหรัฐ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของปัญหาหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากต้นทุนการกู้ยืมของสเปนที่ปรับตัวลดลงในการประมูลขายตั๋วเงินคลังเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2% ปิดที่ 238.51 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 176.32 จุด หรือ 3.11% ปิดที่ 5,847.03 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,637.53-5,847.71 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 81.19 จุด หรือ 2.73% ปิดที่ 3,055.39 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 2,957.20-3,055.39 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้น 54.61 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 5,419.60 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,328.67-5,426.28 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นขานรับข่าวรัฐบาลสเปนสามารถจำหน่ายตั๋วเงินคลังมูลค่า 5.64 พันล้านยูโร (ราว 7.36 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งมากกว่าเป้าหมายสูงสุดที่กำหนดไว้ ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจากการประมูลครั้งก่อน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมของสเปนและการลุกลามของวิกฤตหนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพุ่งขึ้นขานรับรายงานของสถาบัน Ifo ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 635,000 ยูนิต
การปรับตัวลงของต้นทุนการกู้ยืมของสเปนช่วยหนุนหุ้นธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้น โดยหุ้นธนาคารยูนิเครดิต หุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ และหุ้นธนาคารอินเทซา ซานเปาโล พุ่งขึ้นกว่า 6%
ส่วนหุ้นเบเยอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 5% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการรายปีอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 5 พันล้านยูโร ขณะที่หุ้นอาร์เคมา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ พุ่งขึ้น 9.1%
หุ้นเดมเลอร์ เอจี ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ทะยานขึ้น 5.9% หลังจากมีรายงานว่า เดมเลอร์กำลังเจรจากับบรรษัทเพื่อการลงทุนของจีนเกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้น 10% ของเดมเลอร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 86
ภาวะตลาดหุ้นโตเกียว: นิกเกอิเปิดพุ่ง 106.26 จุดรับข้อมูลศก.สหรัฐ,เยอรมนี
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 07:50:18 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดพุ่งขึ้น 106.26 จุด แตะที่ 8,442.74 จุดในวันนี้ (21 ธ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับความสำเร็จในการประมูลขายตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของสเปน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและเยอรมนี
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสเปนสามารถประมูลขายตั๋วเงินคลังและพันธบัตรได้มากกว่าเป้าหมาย ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 07:50:18 น.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดพุ่งขึ้น 106.26 จุด แตะที่ 8,442.74 จุดในวันนี้ (21 ธ.ค.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก เนื่องจากนักลงทุนขานรับความสำเร็จในการประมูลขายตั๋วเงินคลังและพันธบัตรของสเปน รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและเยอรมนี
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลสเปนสามารถประมูลขายตั๋วเงินคลังและพันธบัตรได้มากกว่าเป้าหมาย ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 9.3% แตะระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และสถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.2 จุดในเดือนธ.ค. จากระดับ 106.6 จุดในเดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 87
ภาวะตลาดหุ้นจีน: เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดบวก 0.64% สอดคล้องภูมิภาค
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 08:51:03 น.
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 0.64% เปิดที่ 2,230.18 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นบวก 0.88% เปิดที่ 9,111.32 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 21 ธันวาคม 2554 08:51:03 น.
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตบวก 0.64% เปิดที่ 2,230.18 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นบวก 0.88% เปิดที่ 9,111.32 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 88
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: แรงซื้อหนุนดาวโจนส์บวก 4.16 จุด แต่ภาวะซื้อขายซบเซา
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554 06:36:01 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายของหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทออราเคิล คอร์ป ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัท
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 4.16 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 12,107.74 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 2.42 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 1,243.72 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 25.76 จุด หรือ 0.99% ปิดที่ 2,577.97 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน นับเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูงสุดเท่าที่อีซีบีอัดฉีดเข้าสู่ระบบธนาคารในประวัติศาสตร์ 13 ปีของยูโร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1%
แต่แรงบวกในตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากพอที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปได้ ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศเตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของอังกฤษ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังและแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ
นอกจากนี้ การที่บริษัทออราเคิลรายงานผลประกอบการที่น้อยเกินคาด และออกรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะลดงบประมาณการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา และยังฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบด้วย โดยหุ้นออราเคิลดิ่งลง 14% ขณะที่หุ้นไอบีเอ็ม คอร์ป ร่วงลง 3.1%
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวตัวขึ้นในช่วงท้าย เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค และกลุ่มพลังงานโดยหุ้นโคคา-โคลา พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นคราฟท์ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขาย ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้นกว่า 1.3% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงเกินคาดของสหรัฐ
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 4.0% แตะที่ 4.42 ล้านยูนิต แต่ทางสมาคมได้ปรับลดการประเมินยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ลงเหลือ 4.25 ล้านยูนิต จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 4.97 ล้านยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วย
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.ในคืนวันนี้เช่นกัน ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554 06:36:01 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายของหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทออราเคิล คอร์ป ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัท
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 4.16 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 12,107.74 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 2.42 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 1,243.72 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 25.76 จุด หรือ 0.99% ปิดที่ 2,577.97 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน นับเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูงสุดเท่าที่อีซีบีอัดฉีดเข้าสู่ระบบธนาคารในประวัติศาสตร์ 13 ปีของยูโร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1%
แต่แรงบวกในตลาดลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากพอที่จะแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปได้ ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศเตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของอังกฤษ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังและแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ
นอกจากนี้ การที่บริษัทออราเคิลรายงานผลประกอบการที่น้อยเกินคาด และออกรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะลดงบประมาณการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา และยังฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบด้วย โดยหุ้นออราเคิลดิ่งลง 14% ขณะที่หุ้นไอบีเอ็ม คอร์ป ร่วงลง 3.1%
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวตัวขึ้นในช่วงท้าย เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค และกลุ่มพลังงานโดยหุ้นโคคา-โคลา พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นคราฟท์ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นไนกี้พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขาย ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้นกว่า 1.3% หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ดีดตัวขึ้นขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงเกินคาดของสหรัฐ
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 4.0% แตะที่ 4.42 ล้านยูนิต แต่ทางสมาคมได้ปรับลดการประเมินยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ลงเหลือ 4.25 ล้านยูนิต จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 4.97 ล้านยูนิต ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วย
นักลงทุนจับตาดูการประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐในวันคืนนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีไตรมาส 3 จะขยายตัว 2.0% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.ในคืนวันนี้เช่นกัน ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 89
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 29.86 จุด แม้ ECB เปิดโครงการปล่อยกู้
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554 07:34:31 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) แม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถคลี่คลายวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนได้
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 29.86 จุด ปิดที่ 5,389.74 จุด
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน นับเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูงสุดเท่าที่อีซีบีอัดฉีดเข้าสู่ระบบธนาคาร แต่นักลงทุนกลับไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพมากพอในการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศเตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของอังกฤษ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังและแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจาก GfK NOP รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และโกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า ยอดขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของบริษัทค้าปลีกในอังกฤษอาจจะชะลอตัวลง โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ร่วงลง 2.2% หุ้นเจ แซนส์บิวรี ดิ่งลง 1.9% หุ้นเทสโก้ปรับตัวลง 1.3% หุ้นโฮม รีเมล ดิ่งลง 3.3% และหุ้นคิงฟิสเชอร์ ร่วงลง 2%
หุ้นเอสซาร์ เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า นายราวี รุยอา ประธานเอสซาร์ เอนเนอร์จี จะหยุดพักงานชั่วคราว หลังจากถูกตั้งข้อกล่าวหาโดยสำนักงานสอบสวนกลางของอินเดีย ขณะที่หุ้นเคร์น เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.8% และหุ้นบีพี ดิ่งลง 1%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554 07:34:31 น.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) แม้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามาตรการดังกล่าวยังไม่สามารถคลี่คลายวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนได้
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 29.86 จุด ปิดที่ 5,389.74 จุด
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน นับเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูงสุดเท่าที่อีซีบีอัดฉีดเข้าสู่ระบบธนาคาร แต่นักลงทุนกลับไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพมากพอในการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศเตือนว่าอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของอังกฤษ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังและแนวโน้มเศรษฐกิจของอังกฤษ
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจาก GfK NOP รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของอังกฤษร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และโกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า ยอดขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของบริษัทค้าปลีกในอังกฤษอาจจะชะลอตัวลง โดยหุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ร่วงลง 2.2% หุ้นเจ แซนส์บิวรี ดิ่งลง 1.9% หุ้นเทสโก้ปรับตัวลง 1.3% หุ้นโฮม รีเมล ดิ่งลง 3.3% และหุ้นคิงฟิสเชอร์ ร่วงลง 2%
หุ้นเอสซาร์ เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า นายราวี รุยอา ประธานเอสซาร์ เอนเนอร์จี จะหยุดพักงานชั่วคราว หลังจากถูกตั้งข้อกล่าวหาโดยสำนักงานสอบสวนกลางของอินเดีย ขณะที่หุ้นเคร์น เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.8% และหุ้นบีพี ดิ่งลง 1%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รายงานตลาดหุ้นเช้านี้
โพสต์ที่ 90
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปร่วงเหตุวิตกแบงก์ยุโรปแห่กู้เงิน ECBข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2554 08:07:35 น.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่ามีธนาคารรพาณิชย์ในยุโรจำนวนมากได้ยื่นขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าการระดมทุนเป็นจำนวนมากของธนาคารพาณิชย์อาจสะท้อนถึงภาวะตึงตัวในภาคธนาคารของยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.5% ปิดที่ 237.29 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 55.50 จุด หรือ 0.95% ปิดที่ 5,791.53 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,771.62-5,965.35 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง 24.92 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 3,030.47 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,019.72-3,121.39 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 29.86 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 5,389.74 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,371.65-5,479.19 จุด
ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนได้ยื่นขอกู้เงินจากอีซีบีในระดับที่สูงเกินคาด หลังจากอีซีบีประกาศปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน ด้วยอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ซึ่งความต้องการเงินกู้ที่สูงอย่างมากเช่นนี้กลับทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของธนาคารและภาวะตึงตัวในภาคธนาคารของยุโรป นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังได้บดบังความหวังที่ว่าธนาคารพาณิชย์จะใช้เงินดังกล่าวในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศยูโรโซนที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอ
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีมีแผนออกตราสารหนี้มูลค่า 2.5 แสนล้านยูโร (3.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2555 แต่ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากระดับ 2.75 แสนล้านยูโรของปี 2554
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี ร่วงลง 4.4% ขณะที่หุ้นธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ของฝรั่งเศสร่วงลง 3.4%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปร่วงลง หลังจากบริษัทออราเคิลของสหรัฐเปิดเผยยอดขายและผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด และยังออกรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะลดงบประมาณการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี โดยหุ้น SAP AG ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟแวร์สำหรับการจัดการธุรกิจ ดิ่งลง 6.1% หุ้นซอฟท์แวร์ เอจี รร่วงลง 4.9% และหุ้นแคป เจมินิ ดิ่งลง 4.9%
นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. 2555 โดยนายเฮอร์มาน แวน รอยปุย ประธานสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นเรื่องการจ้างงานเป็นวาระหลัก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่ามีธนาคารรพาณิชย์ในยุโรจำนวนมากได้ยื่นขอเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าการระดมทุนเป็นจำนวนมากของธนาคารพาณิชย์อาจสะท้อนถึงภาวะตึงตัวในภาคธนาคารของยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.5% ปิดที่ 237.29 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 55.50 จุด หรือ 0.95% ปิดที่ 5,791.53 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,771.62-5,965.35 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสลดลง 24.92 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 3,030.47 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,019.72-3,121.39 จุด
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 29.86 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 5,389.74 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,371.65-5,479.19 จุด
ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนได้ยื่นขอกู้เงินจากอีซีบีในระดับที่สูงเกินคาด หลังจากอีซีบีประกาศปล่อยสินเชื่อ 3 ปีมูลค่า 4.89 แสนล้านยูโร (6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซน ด้วยอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ซึ่งความต้องการเงินกู้ที่สูงอย่างมากเช่นนี้กลับทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของธนาคารและภาวะตึงตัวในภาคธนาคารของยุโรป นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังได้บดบังความหวังที่ว่าธนาคารพาณิชย์จะใช้เงินดังกล่าวในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศยูโรโซนที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอ
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีมีแผนออกตราสารหนี้มูลค่า 2.5 แสนล้านยูโร (3.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2555 แต่ตัวเลขดังกล่าวลดลงจากระดับ 2.75 แสนล้านยูโรของปี 2554
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นยูนิเครดิต ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของอิตาลี ร่วงลง 4.4% ขณะที่หุ้นธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ของฝรั่งเศสร่วงลง 3.4%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปร่วงลง หลังจากบริษัทออราเคิลของสหรัฐเปิดเผยยอดขายและผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด และยังออกรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐอาจจะลดงบประมาณการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี โดยหุ้น SAP AG ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟแวร์สำหรับการจัดการธุรกิจ ดิ่งลง 6.1% หุ้นซอฟท์แวร์ เอจี รร่วงลง 4.9% และหุ้นแคป เจมินิ ดิ่งลง 4.9%
นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. 2555 โดยนายเฮอร์มาน แวน รอยปุย ประธานสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นเรื่องการจ้างงานเป็นวาระหลัก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: [email protected]--