aec
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 61
อาหารไทยปอดกระเส่าเออีซี!กว่าครึ่งรับหน้าชื่นไม่พร้อมแข่ง [ ไทยรัฐ, 27 มิ.ย. 55 ]
นางอรวรรณ แก้วประกายแสงกูล รองผู้อำนวยการสถาบันอาหารเปิดเผยในการสัมมนาเรื่องความ
พร้อมของอุตสาหกรรมอาหารไทยไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ว่า สถาบันอาหาร
ได้ทำการสำรวจความพร้อมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร ในการเข้าสู่เออีซี ผ่านกลุ่มตัวอย่างประกอบ
ด้วยผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม อาหารจำนวน 78 ราย ทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลางและ
ขนาดเล็ก เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการ 55.2% ยังไม่พร้อมรับมือเออีซี ส่วนผู้ประกอบ
การที่พร้อมรับมือมีเพียง 44.8%
นางอรวรรณ แก้วประกายแสงกูล รองผู้อำนวยการสถาบันอาหารเปิดเผยในการสัมมนาเรื่องความ
พร้อมของอุตสาหกรรมอาหารไทยไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ว่า สถาบันอาหาร
ได้ทำการสำรวจความพร้อมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร ในการเข้าสู่เออีซี ผ่านกลุ่มตัวอย่างประกอบ
ด้วยผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม อาหารจำนวน 78 ราย ทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลางและ
ขนาดเล็ก เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการ 55.2% ยังไม่พร้อมรับมือเออีซี ส่วนผู้ประกอบ
การที่พร้อมรับมือมีเพียง 44.8%
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 62
'ส.ขอนแก่น' ทุ่มงบ 100 ล้าน ตั้งรง.สแน็กฮาลาลรับเออีซี [ กรุงเทพธุรกิจ, 27 มิ.ย. 55 ]
ส.ขอนแก่น ลงทุน 100 ล้าน ตั้งโรงงานสเน็กฮาลาลรับเสรีการค้า เปิดตัวแบรนด์ใหม่ "มูชิ"
แต่งตั้งเพนส์มาร์เก็ตติ้งากระจายสินค้าทั่วประเทศ
ส.ขอนแก่น ลงทุน 100 ล้าน ตั้งโรงงานสเน็กฮาลาลรับเสรีการค้า เปิดตัวแบรนด์ใหม่ "มูชิ"
แต่งตั้งเพนส์มาร์เก็ตติ้งากระจายสินค้าทั่วประเทศ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 63
"ปู"ห่วงสารพัดสั่งประชุมรับยูโร-เออีซี [ ไทยรัฐ, 27 มิ.ย. 55 ]
น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายก
รัฐมนตรี ได้กล่าวใน ครม.โดยให้จับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปอย่างใกล้ชิด พร้อมมอบหมายให้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เรียกประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจทั้ง 9 กระทรวง
ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ติดตามสถานการณ์ต่อไป นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังได้แจ้งที่ประชุมคณะ
รัฐมนตรี (ครม.) ว่า จะกำหนดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) ทุกกระทรวงเพื่อเตรียมการ
ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยขอให้ทุกหน่วยงานไปเตรียมการเสนอแผน
พร้อมหารือภาคเอกชนเพื่อหามาตรการรองรับในกรณีที่ภาคเอกชนได้รับผลกระทบและมีความจำเป็นต้อง
ได้รับความช่วยเหลือ
น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายก
รัฐมนตรี ได้กล่าวใน ครม.โดยให้จับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปอย่างใกล้ชิด พร้อมมอบหมายให้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เรียกประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจทั้ง 9 กระทรวง
ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ติดตามสถานการณ์ต่อไป นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังได้แจ้งที่ประชุมคณะ
รัฐมนตรี (ครม.) ว่า จะกำหนดให้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กช็อป) ทุกกระทรวงเพื่อเตรียมการ
ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) โดยขอให้ทุกหน่วยงานไปเตรียมการเสนอแผน
พร้อมหารือภาคเอกชนเพื่อหามาตรการรองรับในกรณีที่ภาคเอกชนได้รับผลกระทบและมีความจำเป็นต้อง
ได้รับความช่วยเหลือ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- Multi_Plus
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 64
เรื่อง ACE นี่ ผมสงสัยอยู่ 2 อย่าง
1. จะมีผลกระทบกับหรือมีการเปลี่ยแปลง ในทางด้าน IT หรือโทรคมของไทยในแง่ไหนบ้าง
เช่นจะมีกลุ่มทุน ตปท. เข้ามาทำธุรกิจแข่งขัน หรือถือหุ้นกับรายเดิมๆ ที่มีอยู่รึเปล่า
2. กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่คงไม่น่ามีปัญหาในการตั้งรับ และรุกออกไปยังต่างประเทศ
แต่ SME หรือธุรกิจเกษตรต้นน้ำ เช่นชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ที่เพาะปลูกโดยพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก
ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีมากมายในการเพาะปลูก ลำพังผลผลิตที่ออกมามักมีปัญหาในเรื่องราคาตกต่ำ หรือ
ล้นตลาด เพราะขาดการดูแลหรือส่งเสริมที่เป็นระบบ หากเจอผลผลิตจากประเทศอื่นที่มีราคาถูกกว่า
ทะลักเข้ามาในตลาด แล้วจะอยู่อย่างไร
1. จะมีผลกระทบกับหรือมีการเปลี่ยแปลง ในทางด้าน IT หรือโทรคมของไทยในแง่ไหนบ้าง
เช่นจะมีกลุ่มทุน ตปท. เข้ามาทำธุรกิจแข่งขัน หรือถือหุ้นกับรายเดิมๆ ที่มีอยู่รึเปล่า
2. กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่คงไม่น่ามีปัญหาในการตั้งรับ และรุกออกไปยังต่างประเทศ
แต่ SME หรือธุรกิจเกษตรต้นน้ำ เช่นชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ที่เพาะปลูกโดยพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก
ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีมากมายในการเพาะปลูก ลำพังผลผลิตที่ออกมามักมีปัญหาในเรื่องราคาตกต่ำ หรือ
ล้นตลาด เพราะขาดการดูแลหรือส่งเสริมที่เป็นระบบ หากเจอผลผลิตจากประเทศอื่นที่มีราคาถูกกว่า
ทะลักเข้ามาในตลาด แล้วจะอยู่อย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 65
‘ปตท.-เชลล์-เอสโซ่’ชิงแชมป์AEC
Source -สยามธุรกิจ (Th), Saturday, July 07, 2012
ข้อดีของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็คือ เราจะมีตลาดที่ใหญ่ขึ้น
จากเดิมเคยผลิตสินค้าขายให้คน 60 ล้าน คนก็เพิ่มเป็น 600 ล้านคน
ในอนาคตผู้ประกอบการจึงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ผลิตสินค้าขายให้คนอาเซียน ไม่ ใช่ขายแค่เฉพาะคนไทย
หันซ้าย แลขวา สินค้าไทยที่น่าจะโชว์บทบาทได้ดีบนเวทีนี้ หนึ่งในนั้นเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากค่ายน้ำมันยักษ์ใหญ่พันธุ์ไทยแท้..ปตท.
ซึ่งปัจจุบันก็ปูพรมเข้าไปเปิดสาขาแล้วหลายประเทศ คือกัมพูชา 6 แห่ง ลาว 30 แห่ง ส่วนฟิลิปปินส์มีอยู่ถึง 47 แห่ง
แน่นอนว่า ปตท.มีแผนขยายลงทุนเพิ่ม โดยใช้จุดแข็งจากประสบการณ์เตรียมเพิ่มสาขาอีกเพียบ
อีกไม่นานจะได้เห็นสถานีบริการน้ำมันของ ปตท.กระจายอยู่ในถนนสายหลักในประเทศเพื่อนบ้าน ประหนึ่งบรรยากาศในเมืองไทย
โดยเฉพาะเส้นทางจากกัมพูชาไปยังเวียด-นาม ซึ่งปตท.ถือว่าเป็นทำเลดีที่สุดเส้นหนึ่ง เนื่อง จากจะมีการตัดถนนอีกหลายสาย
อีกประเทศหนึ่งคือพม่า
ปตท.ยอมรับว่า กำลังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าไปเปิดปั๊มในพม่าเช่นกัน
เมื่อพม่าเปิดประเทศ มีประชาธิปไตย ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ซึ่งการลงทุนสร้างปั๊มน้ำมันในกลุ่มประเทศอาเซียนนับวันจะง่ายขึ้น เนื่องจากไม่มีกำแพงภาษีขวางกั้น ราคาขายระหว่างปั๊ม ปตท. กับปั๊มเจ้าถิ่น จึงสู้กันได้แบบเสรี
และในฐานะที่ปตท.เป็นปั๊มจากเมืองไทย ย่อมได้เปรียบปั๊มอินเตอร์แบรนด์จากฝั่งตะวันตก
เหตุจากความใกล้ชิดระหว่างเชื้อชาติ รสนิยม วัฒนธรรม ที่คล้ายคลึงกัน การทำตลาด จึงง่ายกว่า
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็น ผู้ริเริ่มให้เกิดการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐ-กิจอาเซียนธุรกิจไทยจึงต้องกล้าสู้บนเวทีนี้
“ทุกฝ่ายต้องปรับตัว” ซีอีโอ ปตท. ย้ำ
เขาวางวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าปี 2020 ปตท. ต้องเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน หรือเป็น “Re gional Top Brand”
แต่ภายในระยะสั้น อีก 2 ปีข้างหน้า หรือ ปี 2557 จะต้องมีปั๊มในอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% ด้วยงบประมาณลงทุนมากกว่าพันล้านบาท
ทั้งการลงทุนเอง และร่วมทุนกับนักธุรกิจ ในประเทศนั้นๆ
นอกจากการลงทุนในธุรกิจน้ำมันแล้ว ยัง มีการลงทุนในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานตามความเหมาะสม
ดังตัวอย่างที่ได้ดำเนินการไปแล้วคือ การ เข้าไปทำธุรกิจถ่านหินและปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศอินโดนีเซีย
การขับเคลื่อนของ ปตท.ครั้งนี้ จะบอกว่าเป็นศึกแห่งสิงห์ตะวันออก-เสือตะวันตก ก็น่าจะได้
ที่ผ่านมา เห็นแต่ปั๊มฝั่งตะวันตก เชลล์ เอสโซ คาลเท็กซ์ เข้ามาเปิดตลาดอาเซียนเป็นทิวแถว เมื่อ ปตท.ประกาศเป็นผู้นำตลาดอาเซียนในปี 2020
ต้องบอกว่าศึกนี้...มีเดิมพัน!!
--จบ--
Source -สยามธุรกิจ (Th), Saturday, July 07, 2012
ข้อดีของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็คือ เราจะมีตลาดที่ใหญ่ขึ้น
จากเดิมเคยผลิตสินค้าขายให้คน 60 ล้าน คนก็เพิ่มเป็น 600 ล้านคน
ในอนาคตผู้ประกอบการจึงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ผลิตสินค้าขายให้คนอาเซียน ไม่ ใช่ขายแค่เฉพาะคนไทย
หันซ้าย แลขวา สินค้าไทยที่น่าจะโชว์บทบาทได้ดีบนเวทีนี้ หนึ่งในนั้นเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากค่ายน้ำมันยักษ์ใหญ่พันธุ์ไทยแท้..ปตท.
ซึ่งปัจจุบันก็ปูพรมเข้าไปเปิดสาขาแล้วหลายประเทศ คือกัมพูชา 6 แห่ง ลาว 30 แห่ง ส่วนฟิลิปปินส์มีอยู่ถึง 47 แห่ง
แน่นอนว่า ปตท.มีแผนขยายลงทุนเพิ่ม โดยใช้จุดแข็งจากประสบการณ์เตรียมเพิ่มสาขาอีกเพียบ
อีกไม่นานจะได้เห็นสถานีบริการน้ำมันของ ปตท.กระจายอยู่ในถนนสายหลักในประเทศเพื่อนบ้าน ประหนึ่งบรรยากาศในเมืองไทย
โดยเฉพาะเส้นทางจากกัมพูชาไปยังเวียด-นาม ซึ่งปตท.ถือว่าเป็นทำเลดีที่สุดเส้นหนึ่ง เนื่อง จากจะมีการตัดถนนอีกหลายสาย
อีกประเทศหนึ่งคือพม่า
ปตท.ยอมรับว่า กำลังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าไปเปิดปั๊มในพม่าเช่นกัน
เมื่อพม่าเปิดประเทศ มีประชาธิปไตย ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ซึ่งการลงทุนสร้างปั๊มน้ำมันในกลุ่มประเทศอาเซียนนับวันจะง่ายขึ้น เนื่องจากไม่มีกำแพงภาษีขวางกั้น ราคาขายระหว่างปั๊ม ปตท. กับปั๊มเจ้าถิ่น จึงสู้กันได้แบบเสรี
และในฐานะที่ปตท.เป็นปั๊มจากเมืองไทย ย่อมได้เปรียบปั๊มอินเตอร์แบรนด์จากฝั่งตะวันตก
เหตุจากความใกล้ชิดระหว่างเชื้อชาติ รสนิยม วัฒนธรรม ที่คล้ายคลึงกัน การทำตลาด จึงง่ายกว่า
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็น ผู้ริเริ่มให้เกิดการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐ-กิจอาเซียนธุรกิจไทยจึงต้องกล้าสู้บนเวทีนี้
“ทุกฝ่ายต้องปรับตัว” ซีอีโอ ปตท. ย้ำ
เขาวางวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าปี 2020 ปตท. ต้องเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน หรือเป็น “Re gional Top Brand”
แต่ภายในระยะสั้น อีก 2 ปีข้างหน้า หรือ ปี 2557 จะต้องมีปั๊มในอาเซียนเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% ด้วยงบประมาณลงทุนมากกว่าพันล้านบาท
ทั้งการลงทุนเอง และร่วมทุนกับนักธุรกิจ ในประเทศนั้นๆ
นอกจากการลงทุนในธุรกิจน้ำมันแล้ว ยัง มีการลงทุนในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานตามความเหมาะสม
ดังตัวอย่างที่ได้ดำเนินการไปแล้วคือ การ เข้าไปทำธุรกิจถ่านหินและปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศอินโดนีเซีย
การขับเคลื่อนของ ปตท.ครั้งนี้ จะบอกว่าเป็นศึกแห่งสิงห์ตะวันออก-เสือตะวันตก ก็น่าจะได้
ที่ผ่านมา เห็นแต่ปั๊มฝั่งตะวันตก เชลล์ เอสโซ คาลเท็กซ์ เข้ามาเปิดตลาดอาเซียนเป็นทิวแถว เมื่อ ปตท.ประกาศเป็นผู้นำตลาดอาเซียนในปี 2020
ต้องบอกว่าศึกนี้...มีเดิมพัน!!
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 66
ทุนชิลีทุ่ม2พันล.ใช้ไทยฮับเอเชีย [ โพสต์ทูเดย์, 10 ก.ค. 55 ]
บิ๊กธุรกิจชิลีทุ่ม 2,000 ล้าน ตั้งโรงงานเฟสใหม่ที่สระบุรี หวังใช้เป็นฮับบุกอาเซียน
นายเบอนาร์ด โกเบลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมากอดโตหนึ่งในเครือธุรกิจของ
Sigdo Koppers Group จากสาธารณรัฐชิลี ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจลูกบดคุณภาพสูงสำหรับภาคอุตสาหกรรม
เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทได้เปิดโรงงานเฟสใหม่ในพื้นที่ จ.สระบุรี ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อ
ให้เป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยให้บริษัท มากอตโต เป็นศูนย์กลาง
การผลิตของเอเชีย โดยการลงทุนในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการลงทุนจากสาธารณรัฐชิลีที่มีมูลค่าสูงสุดในภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้--จบ--
บิ๊กธุรกิจชิลีทุ่ม 2,000 ล้าน ตั้งโรงงานเฟสใหม่ที่สระบุรี หวังใช้เป็นฮับบุกอาเซียน
นายเบอนาร์ด โกเบลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมากอดโตหนึ่งในเครือธุรกิจของ
Sigdo Koppers Group จากสาธารณรัฐชิลี ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจลูกบดคุณภาพสูงสำหรับภาคอุตสาหกรรม
เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทได้เปิดโรงงานเฟสใหม่ในพื้นที่ จ.สระบุรี ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อ
ให้เป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยให้บริษัท มากอตโต เป็นศูนย์กลาง
การผลิตของเอเชีย โดยการลงทุนในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการลงทุนจากสาธารณรัฐชิลีที่มีมูลค่าสูงสุดในภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 67
แก้กฎบจ.แข่งเออีซีเข้าตลาดง่าย-เพิกถอนไม่ยากตลท.เฮียริงชงเข้าบอร์ดส.ค.นี้ [ โพสต์ทูเดย์, 10 ก.ค. 55 ]
ตลาดหลักทรัพย์ปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ เพิกถอน แข่งขันได้ทัดเทียมเพื่อนบ้านรองรับการเปิดเสรี
เขตเศรษฐกิจอาเซียน
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกฎหมาย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการปรับปรุงเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เกณฑ์ของไทยได้มาตรฐานสากล สามารถปฏิบัติ
และแข่งขันได้ เพื่อรองรับการเปิดเขตการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
ตลาดหลักทรัพย์ปรับปรุงเกณฑ์รับหลักทรัพย์ เพิกถอน แข่งขันได้ทัดเทียมเพื่อนบ้านรองรับการเปิดเสรี
เขตเศรษฐกิจอาเซียน
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกฎหมาย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการปรับปรุงเกณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เกณฑ์ของไทยได้มาตรฐานสากล สามารถปฏิบัติ
และแข่งขันได้ เพื่อรองรับการเปิดเขตการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 68
มิตรผลสยายปีกลงทุน'อาเซียน' [ เดลินิวส์, 10 ก.ค. 55 ]
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล
เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายโครงการลงทุนใหม่ไปในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง รองรับการเปิด
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ด้วย ที่ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้นสามารถใช้ฐานผลิตร่วมกันได้ และมี
แรงงานเพิ่มขึ้น โดยสนใจขยายพื้นที่ปลูกอ้อยในประเทศกัมพูชามากขึ้น และในปัจจุบันอยู่ระหว่างขอสัมปทาน
จากรัฐบาลกัมพูชา เพื่อปลูกอ้อยแบบถาวร จากปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกพันธุ์อ้อยในเบื้องต้น 18,000 เฮกตาร์
เท่านั้น และในอนาคตหากขยายพื้นที่ปลูกอ้อยอย่างต่อเนื่อง ก็สนใจสร้างโรงงานอ้อยในกัมพูชา ขนาดใกล้
เคียงกับโรงงานในประเทศลาว คาดว่าจะลงทุนภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล
เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายโครงการลงทุนใหม่ไปในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง รองรับการเปิด
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ด้วย ที่ตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้นสามารถใช้ฐานผลิตร่วมกันได้ และมี
แรงงานเพิ่มขึ้น โดยสนใจขยายพื้นที่ปลูกอ้อยในประเทศกัมพูชามากขึ้น และในปัจจุบันอยู่ระหว่างขอสัมปทาน
จากรัฐบาลกัมพูชา เพื่อปลูกอ้อยแบบถาวร จากปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกพันธุ์อ้อยในเบื้องต้น 18,000 เฮกตาร์
เท่านั้น และในอนาคตหากขยายพื้นที่ปลูกอ้อยอย่างต่อเนื่อง ก็สนใจสร้างโรงงานอ้อยในกัมพูชา ขนาดใกล้
เคียงกับโรงงานในประเทศลาว คาดว่าจะลงทุนภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 69
กสิกรไทยผนึกแบงก์อิเหนารับเออีซี [ ไทยรัฐ, 10 ก.ค. 55 ]
นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคาร
ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับแบงก์เซ็นทรัล เอเชีย (Bank Central Asia หรือ BCA) ซึ่งเป็น
ธนาคารเอกชนอันดับหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย มีสาขาที่ครอบคลุมกว่า 900 สาขาทั่วประเทศ เพื่ออำนวย
ความสะดวกในการให้บริการด้านการเงินกับลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยที่ทำธุรกรรมระหว่างประเทศทั้ง
ด้านการค้าและการลงทุน และเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรรองรับการเปิดเสรีทางการค้าอาเซียน
(เออีซี) "ประเทศอินโดนีเซียมีความแข็งแกร่งในเชิงเศรษฐกิจและการลงทุน โดยกองทุนการเงินระหว่าง
ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียปี 56 โตขึ้น 6.1% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตในระดับ
ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน"
นายสมเกียรติ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคาร
ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับแบงก์เซ็นทรัล เอเชีย (Bank Central Asia หรือ BCA) ซึ่งเป็น
ธนาคารเอกชนอันดับหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย มีสาขาที่ครอบคลุมกว่า 900 สาขาทั่วประเทศ เพื่ออำนวย
ความสะดวกในการให้บริการด้านการเงินกับลูกค้าของธนาคารกสิกรไทยที่ทำธุรกรรมระหว่างประเทศทั้ง
ด้านการค้าและการลงทุน และเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรรองรับการเปิดเสรีทางการค้าอาเซียน
(เออีซี) "ประเทศอินโดนีเซียมีความแข็งแกร่งในเชิงเศรษฐกิจและการลงทุน โดยกองทุนการเงินระหว่าง
ประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียปี 56 โตขึ้น 6.1% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตในระดับ
ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน"
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 70
ห้างเซ็นทรัลกำ8พันล.ลงทุน5ปีเร่งผุดสาขาไทย-ต่างประเทศ10ปีขึ้นแท่นอันดับ1อาเซียน [ โพสต์ทูเดย์, 11 ก.ค. 55 ]
ห้างเซ็นทรัล กำงบลงทุน 5 ปีเฉียด 8,000 ล้านบาท ผุด 8 สาขาในไทย/อาเซียน หวัง 10 ปีขึ้น
ห้างอันดับ 1 รับเออีซี
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสรรพสินค้าเซ็นทรัล ผู้บริหารห้างสรรพสินค้า
เซ็นทรัล เปิดเผยว่า แผนลงทุนใน 5 ปีนับจากนี้ บริษัทเตรียมงบราว 7,800 ล้านบาท แบ่งเป็นขยาย
สาขาใหม่ห้างเซ็นทรัลในไทย 4-5 แห่ง ใช้งบลงทุน 1,200 ล้านบาทต่อสาขาและอีก 3 สาขาในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) คาดงบลงทุน 500-600 ล้านบาท/สาขา
ห้างเซ็นทรัล กำงบลงทุน 5 ปีเฉียด 8,000 ล้านบาท ผุด 8 สาขาในไทย/อาเซียน หวัง 10 ปีขึ้น
ห้างอันดับ 1 รับเออีซี
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสรรพสินค้าเซ็นทรัล ผู้บริหารห้างสรรพสินค้า
เซ็นทรัล เปิดเผยว่า แผนลงทุนใน 5 ปีนับจากนี้ บริษัทเตรียมงบราว 7,800 ล้านบาท แบ่งเป็นขยาย
สาขาใหม่ห้างเซ็นทรัลในไทย 4-5 แห่ง ใช้งบลงทุน 1,200 ล้านบาทต่อสาขาและอีก 3 สาขาในเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) คาดงบลงทุน 500-600 ล้านบาท/สาขา
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 71
ปตท.เร่งผุดปั๊มเติมเองหนีค่าแรงโหมเจาะตลาดเพื่อนบ้านรับเออีซี
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th), Wednesday, July 11, 2012
ปรับค่าแรง 300 บาทพ่นพิษ ปตท.ปัดฝุ่นโปรเจ็กต์ขยายปัมน้ำมันแบบเติมเองเพิ่มอีก หนีต้นทุนค่าแรงเด็กปัมที่เพิ่มขึ้น ประกาศบุกตลาดน้ำมันเพื่อนบ้านรับประชาคมอาเซียน ล่าสุดเปิดปัมแห่งแรกในเวียงจันทน์ คาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 106 เหรียญ/บาร์เรล
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงการเตรียมขยายสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ในรูปแบบเติมเอง (self service) ว่า หลังจากศึกษาแล้วพบว่าต้นทุนของสถานีบริการน้ำมันส่วนที่เป็นค่าจ้างพนักงานคิดเป็นต้นทุนต่อลิตรน้ำมันอยู่ที่ 40 สตางค์ ขณะที่ภาพรวมค่าการตลาดที่ผู้ค้าได้รับเพียง 70-80 สตางค์/ลิตรเท่านั้น รวมกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 300 บาท ทำให้ต้องตัดสินใจขยายปัมน้ำมันแบบเติมเองภายในปัมน้ำมัน ปตท.ที่เป็น life station ให้ได้ภายในปีนี้ 1-2 แห่ง การลงทุนจะใช้เงินไม่มาก เนื่องจากจะมีเพียงการเทคโนโลยีมาเชื่อมต่อกับระบบหัวจ่ายน้ำมันและระบบจ่ายเงินเท่านั้น
สำหรับการขยายปัมรูปแบบเติมเองจะนำร่องกับรถยนต์ในกลุ่มขนส่งที่มีการใช้น้ำมันค่อนข้างมากก่อน เมื่อได้รับการยอมรับแล้วจึงจะขยายไปยังสถานีบริการอื่น ๆ ของ ปตท.ที่มีอยู่กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างเจรจากับ สถาบันการเงินที่จะเข้าร่วม เพราะรูปแบบการชำระเงินจะใช้การ์ด และเจรจากับบริษัทที่ทำเทคโนโลยีหัวจ่ายแบบเติมน้ำมันเอง ซึ่งเชื่อว่าปัมแบบเติมเองนี้ จะเป็นเทรนด์ใหม่สำหรับคนไทยที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น และในช่วงนำร่องก็จะจูงใจด้วยการขายน้ำมันในราคาที่ถูกกว่าปกติด้วย
"ในหลาย ๆ ประเทศได้พัฒนาระบบนี้ไปมาก ในไทยแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นจะดูทิศทางแล้วค่อนข้างยากที่จะได้รับความนิยม แต่ ปตท.จะจูงใจด้วยราคาถูกกว่าเติมปกติประมาณ 30-40 สตางค์/ลิตร เชื่อว่าเทรนด์นี้จะไปได้ และที่สำคัญตัดปัญหาค่าจ้างแรงงานที่ค่อนข้างสูง เพราะภาพรวมของค่าการตลาดน้ำมันในประเทศวันนี้ไม่ได้สะท้อนต้นทุนจริง ผู้ค้าน้ำมันจึงต้องบริหารต้นทุนให้ดีขึ้นภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวน"
นายสรัญกล่าวถึงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านว่า ขณะนี้ได้เปิดตลาดค้าปลีกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือเออีซี โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เปิดปัมน้ำมันรูปแบบ life station ครบวงจรแห่งแรกที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว 1 แห่ง จากที่ก่อนหน้านี้มีปัมน้ำมันปกติอยู่ประมาณ 30 แห่ง และภายใน 5 ปีจะเพิ่มเป็น 60 แห่ง รวมถึงในกัมพูชาจากที่มีอยู่ 14 แห่ง จะเพิ่มเป็น 45 แห่ง ส่วนฟิลิปปินส์จากที่มีอยู่ 50 แห่ง จะเพิ่มเป็น 100 แห่ง
ส่วนในพม่าหากได้รับการอนุญาตจะขยายปัมน้ำมันประมาณ 60 แห่งได้ ภายใน 5 ปี รวมถึงปักธงทำการตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นนำร่องในประเทศเพื่อนบ้าน จีน และหลาย ๆ ประเทศในยุโรป ซึ่งตอนนี้ตลาดกำลังไปได้ดี
นอกจากนี้สถาบันวิจัยและพัฒนาของ ปตท.กำลังศึกษา "รถยนต์ไฟฟ้า" รวมทั้งอาจจะพัฒนาสถานีบริการเติมไฟฟ้าที่ใช้ระยะเวลาไม่มาก เพื่อตอบสนองตลาดรถยนต์ประเภทนี้ที่ในอนาคตจะเติบโตมากขึ้น
นายสรัญยังคาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้ว่า หลังจากที่ความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเริ่มลดลง และเชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่เชื่อว่าภาพรวมราคาน้ำมันปีนี้น่าจะอยู่ที่ 105-106 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาที่รับได้ หรือหากราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
"ราคาน้ำมันรีบาวนด์กลับมาปรับเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นแนวทางแล้วว่ายุโรปสามารถแก้ไขได้ ราคาน้ำมันตอนนี้ปัจจัยที่ทำให้ราคาขึ้น-ลงเร็วคือการรับรู้ข่าวสารของคนที่ไปเพิ่มความรู้สึกทั้งเชิงบวกและเชิงลบ แต่ถึงแม้ราคาโลกจะผันผวนเร็ว แต่ในบ้านเรามีกลไกที่จะรองรับแรงกระแทกเหล่านี้คือ กองทุน น้ำมันฯ ยืดหยุ่นปรับการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนตามความเหมาะสม และรัฐบาลที่กำหนดราคาพลังงานไว้บางชนิด เช่น ราคาน้ำมันดีเซลต้องไม่เกิน 30 บาท/ลิตร"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัท ปตท.มีปัมน้ำมันรูปแบบเติมเองแล้วประมาณ 4 แห่ง และจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าปกติ 30 สตางค์/ลิตร นอกจากนี้ยังมีผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ๆ เช่น บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่มีปัมแบบนี้ประมาณ 20 แห่ง อยู่ที่จังหวัดสงขลา 1 แห่ง กรุงเทพฯและปริมณฑล 19 แห่ง และยังไม่มีแผนขยายสถานีบริการเพิ่มเติมเหมือน ปตท.
--จบ--
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th), Wednesday, July 11, 2012
ปรับค่าแรง 300 บาทพ่นพิษ ปตท.ปัดฝุ่นโปรเจ็กต์ขยายปัมน้ำมันแบบเติมเองเพิ่มอีก หนีต้นทุนค่าแรงเด็กปัมที่เพิ่มขึ้น ประกาศบุกตลาดน้ำมันเพื่อนบ้านรับประชาคมอาเซียน ล่าสุดเปิดปัมแห่งแรกในเวียงจันทน์ คาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 106 เหรียญ/บาร์เรล
นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงการเตรียมขยายสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ในรูปแบบเติมเอง (self service) ว่า หลังจากศึกษาแล้วพบว่าต้นทุนของสถานีบริการน้ำมันส่วนที่เป็นค่าจ้างพนักงานคิดเป็นต้นทุนต่อลิตรน้ำมันอยู่ที่ 40 สตางค์ ขณะที่ภาพรวมค่าการตลาดที่ผู้ค้าได้รับเพียง 70-80 สตางค์/ลิตรเท่านั้น รวมกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 300 บาท ทำให้ต้องตัดสินใจขยายปัมน้ำมันแบบเติมเองภายในปัมน้ำมัน ปตท.ที่เป็น life station ให้ได้ภายในปีนี้ 1-2 แห่ง การลงทุนจะใช้เงินไม่มาก เนื่องจากจะมีเพียงการเทคโนโลยีมาเชื่อมต่อกับระบบหัวจ่ายน้ำมันและระบบจ่ายเงินเท่านั้น
สำหรับการขยายปัมรูปแบบเติมเองจะนำร่องกับรถยนต์ในกลุ่มขนส่งที่มีการใช้น้ำมันค่อนข้างมากก่อน เมื่อได้รับการยอมรับแล้วจึงจะขยายไปยังสถานีบริการอื่น ๆ ของ ปตท.ที่มีอยู่กว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างเจรจากับ สถาบันการเงินที่จะเข้าร่วม เพราะรูปแบบการชำระเงินจะใช้การ์ด และเจรจากับบริษัทที่ทำเทคโนโลยีหัวจ่ายแบบเติมน้ำมันเอง ซึ่งเชื่อว่าปัมแบบเติมเองนี้ จะเป็นเทรนด์ใหม่สำหรับคนไทยที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น และในช่วงนำร่องก็จะจูงใจด้วยการขายน้ำมันในราคาที่ถูกกว่าปกติด้วย
"ในหลาย ๆ ประเทศได้พัฒนาระบบนี้ไปมาก ในไทยแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นจะดูทิศทางแล้วค่อนข้างยากที่จะได้รับความนิยม แต่ ปตท.จะจูงใจด้วยราคาถูกกว่าเติมปกติประมาณ 30-40 สตางค์/ลิตร เชื่อว่าเทรนด์นี้จะไปได้ และที่สำคัญตัดปัญหาค่าจ้างแรงงานที่ค่อนข้างสูง เพราะภาพรวมของค่าการตลาดน้ำมันในประเทศวันนี้ไม่ได้สะท้อนต้นทุนจริง ผู้ค้าน้ำมันจึงต้องบริหารต้นทุนให้ดีขึ้นภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวน"
นายสรัญกล่าวถึงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านว่า ขณะนี้ได้เปิดตลาดค้าปลีกน้ำมันไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือเออีซี โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เปิดปัมน้ำมันรูปแบบ life station ครบวงจรแห่งแรกที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว 1 แห่ง จากที่ก่อนหน้านี้มีปัมน้ำมันปกติอยู่ประมาณ 30 แห่ง และภายใน 5 ปีจะเพิ่มเป็น 60 แห่ง รวมถึงในกัมพูชาจากที่มีอยู่ 14 แห่ง จะเพิ่มเป็น 45 แห่ง ส่วนฟิลิปปินส์จากที่มีอยู่ 50 แห่ง จะเพิ่มเป็น 100 แห่ง
ส่วนในพม่าหากได้รับการอนุญาตจะขยายปัมน้ำมันประมาณ 60 แห่งได้ ภายใน 5 ปี รวมถึงปักธงทำการตลาดผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นนำร่องในประเทศเพื่อนบ้าน จีน และหลาย ๆ ประเทศในยุโรป ซึ่งตอนนี้ตลาดกำลังไปได้ดี
นอกจากนี้สถาบันวิจัยและพัฒนาของ ปตท.กำลังศึกษา "รถยนต์ไฟฟ้า" รวมทั้งอาจจะพัฒนาสถานีบริการเติมไฟฟ้าที่ใช้ระยะเวลาไม่มาก เพื่อตอบสนองตลาดรถยนต์ประเภทนี้ที่ในอนาคตจะเติบโตมากขึ้น
นายสรัญยังคาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในขณะนี้ว่า หลังจากที่ความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเริ่มลดลง และเชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่เชื่อว่าภาพรวมราคาน้ำมันปีนี้น่าจะอยู่ที่ 105-106 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับราคาที่รับได้ หรือหากราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
"ราคาน้ำมันรีบาวนด์กลับมาปรับเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากเห็นแนวทางแล้วว่ายุโรปสามารถแก้ไขได้ ราคาน้ำมันตอนนี้ปัจจัยที่ทำให้ราคาขึ้น-ลงเร็วคือการรับรู้ข่าวสารของคนที่ไปเพิ่มความรู้สึกทั้งเชิงบวกและเชิงลบ แต่ถึงแม้ราคาโลกจะผันผวนเร็ว แต่ในบ้านเรามีกลไกที่จะรองรับแรงกระแทกเหล่านี้คือ กองทุน น้ำมันฯ ยืดหยุ่นปรับการเก็บเงินส่งเข้ากองทุนตามความเหมาะสม และรัฐบาลที่กำหนดราคาพลังงานไว้บางชนิด เช่น ราคาน้ำมันดีเซลต้องไม่เกิน 30 บาท/ลิตร"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัท ปตท.มีปัมน้ำมันรูปแบบเติมเองแล้วประมาณ 4 แห่ง และจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าปกติ 30 สตางค์/ลิตร นอกจากนี้ยังมีผู้ค้าน้ำมันรายอื่น ๆ เช่น บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ที่มีปัมแบบนี้ประมาณ 20 แห่ง อยู่ที่จังหวัดสงขลา 1 แห่ง กรุงเทพฯและปริมณฑล 19 แห่ง และยังไม่มีแผนขยายสถานีบริการเพิ่มเติมเหมือน ปตท.
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 72
โพสต์ทูเดย์, 16 ก.ค. 55
ทูน่ากระป๋องอ้อนรัฐช่วย ทั้งวัตถุดิบ-แรงงานขาดหนักหวังเออีซีหาแหล่งผลิตใหม่
ผู้ผลิตทูน่าโอดขาดแคลนวัตถุดิบ-แรงงานหนัก แต่ส่งออก 6 เดือนแรกยังรุ่ง ด้านธีร์โฮลดิ้ง ส่งซีเล็ค
ทูน่าบุกอาเซียน
นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ ประธานกลุ่มผู้ผลิตปลาทูน่าสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่าขณะนี้
ผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องกำลังเจอปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและแรงงานอย่างหนัก โดย 6 เดือนแรกของปีนี้
(ม.ค.-มิ.ย.2555) ปลาทูน่าที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปลาทูน่ากระป๋องลดลงถึง 25% เหลือใช้เดือนละ
5.5 หมื่นตัน จากปกติใช้ปลาทูน่าเดือนละ 7 หมื่นตัน
เออีซีไม่เอื้อธุรกิจน้ำตาลไทยกำแพงภาษียังสูงยากลด 0%น้ำตาลขอนแก่นเล็งเข้าพม่า
น้ำตาลขอนแก่นระบุ เปิดเออีซี ปี 2558 ธุรกิจน้ำตาลไม่หมู ยังเจอกำแพงภาษีหลายประเทศ
เร่งศึกษาพม่าหาพื้นที่ปลูกอ้อย-ตั้งโรงงาน
นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทน้ำตาลขอนแก่น
เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ไม่ได้เอื้อผลดีกับธุรกิจน้ำตาล
เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศในอาเซียนยังมีกำแพงภาษีอยู่เกือบ 100% ซึ่งเมื่อเปิดแล้ว ภาษีอาจจะลด
เหลือเพียง 50-60% เท่านั้น
ทูน่ากระป๋องอ้อนรัฐช่วย ทั้งวัตถุดิบ-แรงงานขาดหนักหวังเออีซีหาแหล่งผลิตใหม่
ผู้ผลิตทูน่าโอดขาดแคลนวัตถุดิบ-แรงงานหนัก แต่ส่งออก 6 เดือนแรกยังรุ่ง ด้านธีร์โฮลดิ้ง ส่งซีเล็ค
ทูน่าบุกอาเซียน
นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ ประธานกลุ่มผู้ผลิตปลาทูน่าสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่าขณะนี้
ผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องกำลังเจอปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบและแรงงานอย่างหนัก โดย 6 เดือนแรกของปีนี้
(ม.ค.-มิ.ย.2555) ปลาทูน่าที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปลาทูน่ากระป๋องลดลงถึง 25% เหลือใช้เดือนละ
5.5 หมื่นตัน จากปกติใช้ปลาทูน่าเดือนละ 7 หมื่นตัน
เออีซีไม่เอื้อธุรกิจน้ำตาลไทยกำแพงภาษียังสูงยากลด 0%น้ำตาลขอนแก่นเล็งเข้าพม่า
น้ำตาลขอนแก่นระบุ เปิดเออีซี ปี 2558 ธุรกิจน้ำตาลไม่หมู ยังเจอกำแพงภาษีหลายประเทศ
เร่งศึกษาพม่าหาพื้นที่ปลูกอ้อย-ตั้งโรงงาน
นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทน้ำตาลขอนแก่น
เปิดเผยว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ไม่ได้เอื้อผลดีกับธุรกิจน้ำตาล
เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศในอาเซียนยังมีกำแพงภาษีอยู่เกือบ 100% ซึ่งเมื่อเปิดแล้ว ภาษีอาจจะลด
เหลือเพียง 50-60% เท่านั้น
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 73
ดันโชห่วยยกระดับมินิมาร์ท สู้เฟรนไชส์ต่างประเทศ ชี้เปิดเออีซีทะลักมาไทย [ เดลินิวส์, 16 ก.ค. 55 ]
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.)เปิดเผยว่า ต้องการแนะนำให้ร้านโชห่วย
เร่งวางแผนในการรับมือกับการขยายกิจการร้านสะดวกซื้อของผู้ประกอบการรายใหญ่ในไทย รวมถึงร้าน
แฟรนส์ไชส์จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และสิงค์โปร ที่เข้ามาดำเนินกิจการหลังจากมีการเปิด
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ในปี58 เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีการวางระบบในการขยายกิจการที่มี
ประสิทธิภาพ อาจทำให้ธุรกิจโชห่วยไทยดำเนินธุรกิจได้ลำบากและเสี่ยงต่อการปิดกิจการได้ง่าย
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.)เปิดเผยว่า ต้องการแนะนำให้ร้านโชห่วย
เร่งวางแผนในการรับมือกับการขยายกิจการร้านสะดวกซื้อของผู้ประกอบการรายใหญ่ในไทย รวมถึงร้าน
แฟรนส์ไชส์จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และสิงค์โปร ที่เข้ามาดำเนินกิจการหลังจากมีการเปิด
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)ในปี58 เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีการวางระบบในการขยายกิจการที่มี
ประสิทธิภาพ อาจทำให้ธุรกิจโชห่วยไทยดำเนินธุรกิจได้ลำบากและเสี่ยงต่อการปิดกิจการได้ง่าย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 74
ไทยชิงลงทุนปท.เพื่อนบ้าน [ ข่าวสด, 16 ก.ค. 55 ]
น.ส.เสาวณี จันทะพงษ์ หัวหน้านักวิจัย ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า การเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 รวมถึงต้น
ทุนการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการเปิดเสรีทั้งการค้าและการลงทุน ประกอบ
กับต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น และอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานสูงในไทยต้องเผชิญกับปัญหา
ขาดแคลนแรงงาน ส่งผลต่อบริษัทไทยให้มีแนวโน้มออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดย
เฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม หรือ CLMV ทั้งนี้ เห็นได้จากการ
สอบถามบริษัทไทยที่ไปลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV จำนวน 400 ราย ทั้งบริษัทขนาดใหญ่
กลาง และเล็ก จากบริษัทที่ไปลงทุนในต่างประเทศทั้งหมด 800 ราย ตอบกลับ 94 ราย คิดเป็น
23.5% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทที่ลงทุนใน CLMV ในรูปแบบบริษัทในเครือพบว่า ผู้
ประกอบการมากกว่า 70% จะเพิ่มการลงทุนอย่างต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2555-2559)
และ 60% เป็นบริษัทที่ไปลงทุนในเวียดนาม
น.ส.เสาวณี จันทะพงษ์ หัวหน้านักวิจัย ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า การเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 รวมถึงต้น
ทุนการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการเปิดเสรีทั้งการค้าและการลงทุน ประกอบ
กับต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น และอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานสูงในไทยต้องเผชิญกับปัญหา
ขาดแคลนแรงงาน ส่งผลต่อบริษัทไทยให้มีแนวโน้มออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดย
เฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม หรือ CLMV ทั้งนี้ เห็นได้จากการ
สอบถามบริษัทไทยที่ไปลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV จำนวน 400 ราย ทั้งบริษัทขนาดใหญ่
กลาง และเล็ก จากบริษัทที่ไปลงทุนในต่างประเทศทั้งหมด 800 ราย ตอบกลับ 94 ราย คิดเป็น
23.5% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทที่ลงทุนใน CLMV ในรูปแบบบริษัทในเครือพบว่า ผู้
ประกอบการมากกว่า 70% จะเพิ่มการลงทุนอย่างต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2555-2559)
และ 60% เป็นบริษัทที่ไปลงทุนในเวียดนาม
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 82
แห่ซื้อคอนโดเป็นบ้านที่2รัฐบาลลงทุน/รับกระแสเออีซีดันอสังหาฯครึ่งปีหลังยังโตพุ่ง [ โพสต์ทูเดย์, 18 ก.ค. 55 ]
ฟันธงอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังโตพุ่ง จากเงินลงทุนภาครัฐ ดอกเบี้ยต่ำและการเปิดเออีซี แสนสิริ
เตรียมปูพรมอีก 14 โครงการ
รศ.มานพ พงศทัต ผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังจะเป็นตลาดขาขึ้น เนื่องจากรัฐบาลจะมีการ
ลงทุนมหาศาล
ฟันธงอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังโตพุ่ง จากเงินลงทุนภาครัฐ ดอกเบี้ยต่ำและการเปิดเออีซี แสนสิริ
เตรียมปูพรมอีก 14 โครงการ
รศ.มานพ พงศทัต ผู้ทรงคุณวุฒิ ประจำภาควิชาเคหะการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังจะเป็นตลาดขาขึ้น เนื่องจากรัฐบาลจะมีการ
ลงทุนมหาศาล
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 83
'ปู'สั่งระดมสมองรับเออีซี จี้รับมือศก.-สังคม-การเมือง [ เดลินิวส์, 18 ก.ค. 55 ]
น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรี
ได้แจ้งให้ ครม. รับทราบว่า ครม. จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเชิงปฏิบัติการหรือเวิร์กช็อป เพื่อเตรียม
ความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซี เป็นครั้งแรกในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา
09.00-16.00 น. โดยการประชุมจะเน้นสามเสาหลักที่เกี่ยวข้องกับประชาคมอาเซียน ได้แก่ ด้าน
เศรษฐกิจ, ด้านสังคมและวัฒนธรรม และสุดท้ายด้านความมั่นคงและการเมือง ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือเป็น
การประชุมในภาพรวม ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็น
เลขานุการ
น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรี
ได้แจ้งให้ ครม. รับทราบว่า ครม. จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเชิงปฏิบัติการหรือเวิร์กช็อป เพื่อเตรียม
ความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซี เป็นครั้งแรกในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา
09.00-16.00 น. โดยการประชุมจะเน้นสามเสาหลักที่เกี่ยวข้องกับประชาคมอาเซียน ได้แก่ ด้าน
เศรษฐกิจ, ด้านสังคมและวัฒนธรรม และสุดท้ายด้านความมั่นคงและการเมือง ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือเป็น
การประชุมในภาพรวม ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็น
เลขานุการ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 84
ปตท.เร่งศึกษาแผนลงทุนสยายปีกลุยเออีซี
Source - ไทยรัฐ (Th), Wednesday, July 18, 2012
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้เร่งศึกษาการลงทุนในอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ซึ่งจะเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคในเรื่องการลงทุน เพราะจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีช่องทางการขยายการลงทุนมากขึ้น โดย ปตท.ได้ศึกษาแผนลงทุนในทุกประเทศ ขณะนี้ เข้าไปลงทุนในฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เวียดนาม พม่า และอินโดนีเซีย เช่น ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ได้ตั้งเป้า มีปั๊มน้ำมันในอาเซียนยกเว้นไทยให้ได้ครบ 220 แห่งใน 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนด้านปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในเวียดนาม มาเลเซีย และพม่า ในขณะที่ อินโดนีเซีย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด จะเข้าไปช่วยปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมัน 2-3 แห่ง เพื่อให้โรงกลั่น ในอินโดนีเซียมีกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ปตท. จะเข้าไปดูเรื่องขยายการทำเหมืองถ่านหิน ในอินโดนีเซีย โดยตั้งเป้ากำลังผลิตเพิ่มจากปี 2555 ที่ 10 ล้านตัน เป็น 30 ล้านตันในปี 2563 รวมทั้ง ธุรกิจปาล์มน้ำมัน สำหรับพม่า ในปัจจุบัน ปตท.เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด เพราะเข้าไปลงทุนผลิต สำรวจปิโตรเลียม โดยบริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.
Source - ไทยรัฐ (Th), Wednesday, July 18, 2012
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้เร่งศึกษาการลงทุนในอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจ อาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ซึ่งจะเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคในเรื่องการลงทุน เพราะจะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีช่องทางการขยายการลงทุนมากขึ้น โดย ปตท.ได้ศึกษาแผนลงทุนในทุกประเทศ ขณะนี้ เข้าไปลงทุนในฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เวียดนาม พม่า และอินโดนีเซีย เช่น ธุรกิจปั๊มน้ำมัน ได้ตั้งเป้า มีปั๊มน้ำมันในอาเซียนยกเว้นไทยให้ได้ครบ 220 แห่งใน 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนด้านปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในเวียดนาม มาเลเซีย และพม่า ในขณะที่ อินโดนีเซีย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด จะเข้าไปช่วยปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมัน 2-3 แห่ง เพื่อให้โรงกลั่น ในอินโดนีเซียมีกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ปตท. จะเข้าไปดูเรื่องขยายการทำเหมืองถ่านหิน ในอินโดนีเซีย โดยตั้งเป้ากำลังผลิตเพิ่มจากปี 2555 ที่ 10 ล้านตัน เป็น 30 ล้านตันในปี 2563 รวมทั้ง ธุรกิจปาล์มน้ำมัน สำหรับพม่า ในปัจจุบัน ปตท.เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด เพราะเข้าไปลงทุนผลิต สำรวจปิโตรเลียม โดยบริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 85
ขย่มนอมินีต้อนรับเออีซี วางกรอบคุมต่างชาติก๊อบปี้ "ชิน-ดีแทค" [ ไทยรัฐ, 19 ก.ค. 55 ]
นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมเตรียมออกประกาศ
กำหนดแนวทางการตรวจสอบนอมินี (คนไทยกระทำการแทนคนต่างชาติ เช่น ถือหุ้นแทน สมรู้ร่วมคิดทำ
ธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต) เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 เนื่องจากเมื่อ
มีการเปิดเสรีแล้วจะเกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนจำนวนมาก และอาจมีชาวต่างชาติเข้ามาหาผลประโยชน์
ในไทยโดยไม่ขออนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจ ตาม พ.ร.บ.
การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มากกว่า 32,000 ราย และในจำนวนนี้มี 5,000 ราย
ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเกิน 50% แต่ได้ขออนุญาตการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 27,000
รายมีต่างด้าวถือหุ้นสัดส่วนไม่เกิน 49% ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจะตั้งคณะทำงาน
ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อร่วมกันสอบด้วย
นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมเตรียมออกประกาศ
กำหนดแนวทางการตรวจสอบนอมินี (คนไทยกระทำการแทนคนต่างชาติ เช่น ถือหุ้นแทน สมรู้ร่วมคิดทำ
ธุรกิจโดยไม่ขออนุญาต) เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 เนื่องจากเมื่อ
มีการเปิดเสรีแล้วจะเกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนจำนวนมาก และอาจมีชาวต่างชาติเข้ามาหาผลประโยชน์
ในไทยโดยไม่ขออนุญาตให้ถูกต้อง ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีชาวต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจ ตาม พ.ร.บ.
การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มากกว่า 32,000 ราย และในจำนวนนี้มี 5,000 ราย
ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเกิน 50% แต่ได้ขออนุญาตการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 27,000
รายมีต่างด้าวถือหุ้นสัดส่วนไม่เกิน 49% ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจะตั้งคณะทำงาน
ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อร่วมกันสอบด้วย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 239
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 86
การมีAECจะทำให้เกิดประโยชน์มากมายแก่สมาชิกในAECและยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจ จะทีการทำธรุกิจรวมกันมากขึ้นและง่ายขึ้นในกลุ่มAECและแข็งแรงขึ้น ซึ่งAECนี้แม้แต่พณาอินทรี์และพญามังกรยังต้องแลดูจนถึงขั้นอิจฉา
ราชาแห่งWALL STREET นั้นไม่ใส่เสื้อผ้า
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 87
4ชาติอาเซียนตื่นตัวรับเออีซียกใหญ่ส่งเสริมลงทุน-แก้กฎหมายให้สิทธิประโยชน์ภาษีจูงใจ [ โพสต์ทูเดย์, 20 ก.ค. 55 ]
ประเทศเพื่อนบ้านตื่นตัวรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเร่งปรับปรุงกฎหมายส่งเสริมการลงทุน
การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2025 ที่จะทำให้เกิดตลาดบริโภคที่มี
ประชากรมากถึง 560 ล้านคน ที่ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติมองหาฐานการผลิต เพื่อป้อนตลาดในภูมิภาคนี้
ทำให้ทุกประเทศปรับเปลี่ยนนโยบายส่งเสริมการลงทุนกฎหมาย และระบบภาษี เพื่อจูงใจดึงดูดทุนต่างชาติ
ให้เข้าไปลงทุน
ประเทศเพื่อนบ้านตื่นตัวรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเร่งปรับปรุงกฎหมายส่งเสริมการลงทุน
การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2025 ที่จะทำให้เกิดตลาดบริโภคที่มี
ประชากรมากถึง 560 ล้านคน ที่ดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติมองหาฐานการผลิต เพื่อป้อนตลาดในภูมิภาคนี้
ทำให้ทุกประเทศปรับเปลี่ยนนโยบายส่งเสริมการลงทุนกฎหมาย และระบบภาษี เพื่อจูงใจดึงดูดทุนต่างชาติ
ให้เข้าไปลงทุน
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 1
Re: aec
โพสต์ที่ 88
"ปั้น" จี้รัฐบาลเลิกแย่งอำนาจ เร่งทำงานเสริมเกราะธุรกิจรับเออีซีแข่งเดือด [ ไทยรัฐ, 20 ก.ค. 55 ]
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) กล่าวในงานสัมมนา "AEC Plus: You Business to the New Frontier" ว่า การเปิด
เสรีประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ส่งผลให้โลกมีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ทั้งรัฐบาลและ
ธุรกิจไทยจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะภาครัฐควรเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานให้
ผู้ประกอบการ 3 ด้าน ได้แก่ โครงสร้าง พื้นฐาน การศึกษา และกฎหมาย ให้เป็นรูปธรรมมากที่สุดเพื่อ
ให้ธุรกิจมีความพร้อมสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากธุรกิจบางแห่งก็มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร
กลับกันบางแห่งก็ไม่มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร กลับกันบางแห่งก็ไม่มีความพร้อมโดยเฉพาะ
ธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งมีความเป็นห่วงมากที่สุด เพราะหลังเปิดเออีซี การค้าขายจะเสรีทำให้มีคู่แข่งเป็น
จำนวนมาก หากไม่มีความพร้อมอาจไม่สามารถอยู่ในเวทีนี้ได้
--จบ--
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด
(มหาชน) กล่าวในงานสัมมนา "AEC Plus: You Business to the New Frontier" ว่า การเปิด
เสรีประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ส่งผลให้โลกมีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ทั้งรัฐบาลและ
ธุรกิจไทยจำเป็นต้องเรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะภาครัฐควรเร่งวางโครงสร้างพื้นฐานให้
ผู้ประกอบการ 3 ด้าน ได้แก่ โครงสร้าง พื้นฐาน การศึกษา และกฎหมาย ให้เป็นรูปธรรมมากที่สุดเพื่อ
ให้ธุรกิจมีความพร้อมสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากธุรกิจบางแห่งก็มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร
กลับกันบางแห่งก็ไม่มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร กลับกันบางแห่งก็ไม่มีความพร้อมโดยเฉพาะ
ธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งมีความเป็นห่วงมากที่สุด เพราะหลังเปิดเออีซี การค้าขายจะเสรีทำให้มีคู่แข่งเป็น
จำนวนมาก หากไม่มีความพร้อมอาจไม่สามารถอยู่ในเวทีนี้ได้
--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 89
เปิด "เออีซี" แบรนด์เล็กวูบ ค้าปลีกจ้องโขกเพิ่มค่าฟี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2555 15:22 น.
ทัพเครื่องดื่ม-อาหารโกลบอลแบรนด์จ่อบุกอาเซียน ขานรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระบุอีก 3 ปี แบรนด์เล็กอยู่ลำบากสูญหายจากตลาด รับพิษการแข่งขันเดือด ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปลุกไม่ขึ้นในอาเซียน ปรับทัศนคติการดื่มสุขภาพนำความอร่อยยาก “กลุ่มชา กาแฟ น้ำผลไม้” บูม
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด และผู้เชี่ยวชาญตลาดเครื่องดื่ม กล่าวถึงการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าว่า ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเครื่องดื่มแบรนด์เล็กจะค่อยๆ หายไปจากตลาด และจะเหลือเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่สามารถอยู่ในตลาดได้ เนื่องจากตลาดจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น สินค้าระดับโกลบอลแบรนด์ อเช่น โค้ก เป๊ปซี่ หรือกระทั่งเนสท์เล่ จะเข้ามาทำตลาดอาเซียนในเชิงรุกมากขึ้น ภายใต้การปรับกลยุทธ์การตลาด ใช้ National Brand เพียงแต่นำสินค้ามาพัฒนาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการกินของผู้บริโภคอาเซียน
“สาเหตุที่เครื่องดื่มแบรนด์เล็กๆ จะอยู่ในตลาดลำบาก ส่วนหนึ่งเพราะกลุ่มค้าปลีกโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ มีโอกาสที่จะปรับค่าธรรมเนียมแรกเข้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าจากอาเซียนของแต่ละค่ายต่างหลั่งไหลเข้ามาทำตลาด และต้องการวางสินค้าจำหน่ายบนชั้นวางกับผู้ประกอบการค้าปลีกซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด เป็นการเพิ่มอำนาจให้กลุ่มค้าปลีกมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลแม้ว่าในช่วงนี้จะมีเครื่องดื่มใหม่เปิดตัวลงสู่ตลาด อาทิ ไวตามิกซ์ ของเถ้าแก่น้อย หรือกระทั่งของทีซี ยูเนี่ยน เปิดตัวเครื่องดื่มวีและไวตาทูแซด ซึ่งเป็นเครื่องดื่มเรียลฟังก์ชันนัล หรือดื่มเป็นช็อต แต่มองว่าพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ของคนอาเซียนยังไม่ก้าวกระโดดไปมากกว่าเครื่องดื่มพื้นฐาน อย่างชา กาแฟ และน้ำผลไม้ นอกจากนี้ทัศนคติการดื่มเครื่องดื่มจะเป็นการดื่มเพื่อความอร่อยมากกว่าจะเป็นการดื่มเพื่อสุขภาพ แตกต่างจากพฤติกรรมของคนญี่ปุ่นอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์แม้ว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็ไม่ได้ทำให้ตลาดมีความหวือหวา หรือมูลค่าขยับเป็น 1 หมื่นล้านบาท
“ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในไทยคงไม่ได้เติบโตไปมากกว่านี้มากนัก เพราะจากพฤติกรรมการดื่มของคน รวมถึงความเชื่อเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับตลาดในยุโรป คือมีแคทิกอรีเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลไม่ถึง 5% และก็ไม่ได้เกิดหรือว่าหวือหวามากเท่ากับตลาดเครื่องดื่มในประเทศญี่ปุ่น และยิ่งเฉพาะในไทยแล้ว คนไทยติดรสชาติที่ต้องอร่อยนำสุขภาพ”
***ขนมขบเคี้ยวแบรนด์เล็กเดี้ยง
นายสมนึก เปล่งสุริยการ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ Jack 'n Jill เปิดเผยว่า การเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าจะทำให้ตลาดขนมขบเคี้ยว 2.2 หมื่นล้านบาทแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าจากต่างประเทศจะทุ่มงบการตลาดสูง ซึ่งคาดว่าในอนาคตขนมขบเคี้ยวท้องถิ่น หรือระดับล่างราคา 5 บาทต่อซองจะทยอยหายออกไปจากตลาด ซึ่งปัจจุบันขนมขบเคี้ยวระดับล่างมีสัดส่วน 20% และระดับกลาง ราคา 5-20 บาทขึ้นไป สัดส่วน 60-70% และระดับบน ราคา 40-50 บาทขึ้นไป สัดส่วน 10%
“สินค้าระดับล่าง หรือสินค้าที่ขายตามท้องถิ่นต่างๆ เน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพ และไม่มีมาตรฐานรองรับจากทาง อย.จะหายไปจากตลาด ขณะที่ขนมขบเคี้ยวระดับกลางจะกลายเป็นตลาดที่ขยายตัวและเติบโตแทนที่ตลาดระดับล่าง”
-จบ-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2555 15:22 น.
ทัพเครื่องดื่ม-อาหารโกลบอลแบรนด์จ่อบุกอาเซียน ขานรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระบุอีก 3 ปี แบรนด์เล็กอยู่ลำบากสูญหายจากตลาด รับพิษการแข่งขันเดือด ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ปลุกไม่ขึ้นในอาเซียน ปรับทัศนคติการดื่มสุขภาพนำความอร่อยยาก “กลุ่มชา กาแฟ น้ำผลไม้” บูม
นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด และผู้เชี่ยวชาญตลาดเครื่องดื่ม กล่าวถึงการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าว่า ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเครื่องดื่มแบรนด์เล็กจะค่อยๆ หายไปจากตลาด และจะเหลือเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่สามารถอยู่ในตลาดได้ เนื่องจากตลาดจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น สินค้าระดับโกลบอลแบรนด์ อเช่น โค้ก เป๊ปซี่ หรือกระทั่งเนสท์เล่ จะเข้ามาทำตลาดอาเซียนในเชิงรุกมากขึ้น ภายใต้การปรับกลยุทธ์การตลาด ใช้ National Brand เพียงแต่นำสินค้ามาพัฒนาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการกินของผู้บริโภคอาเซียน
“สาเหตุที่เครื่องดื่มแบรนด์เล็กๆ จะอยู่ในตลาดลำบาก ส่วนหนึ่งเพราะกลุ่มค้าปลีกโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ มีโอกาสที่จะปรับค่าธรรมเนียมแรกเข้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้าจากอาเซียนของแต่ละค่ายต่างหลั่งไหลเข้ามาทำตลาด และต้องการวางสินค้าจำหน่ายบนชั้นวางกับผู้ประกอบการค้าปลีกซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด เป็นการเพิ่มอำนาจให้กลุ่มค้าปลีกมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลแม้ว่าในช่วงนี้จะมีเครื่องดื่มใหม่เปิดตัวลงสู่ตลาด อาทิ ไวตามิกซ์ ของเถ้าแก่น้อย หรือกระทั่งของทีซี ยูเนี่ยน เปิดตัวเครื่องดื่มวีและไวตาทูแซด ซึ่งเป็นเครื่องดื่มเรียลฟังก์ชันนัล หรือดื่มเป็นช็อต แต่มองว่าพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ของคนอาเซียนยังไม่ก้าวกระโดดไปมากกว่าเครื่องดื่มพื้นฐาน อย่างชา กาแฟ และน้ำผลไม้ นอกจากนี้ทัศนคติการดื่มเครื่องดื่มจะเป็นการดื่มเพื่อความอร่อยมากกว่าจะเป็นการดื่มเพื่อสุขภาพ แตกต่างจากพฤติกรรมของคนญี่ปุ่นอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์แม้ว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็ไม่ได้ทำให้ตลาดมีความหวือหวา หรือมูลค่าขยับเป็น 1 หมื่นล้านบาท
“ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในไทยคงไม่ได้เติบโตไปมากกว่านี้มากนัก เพราะจากพฤติกรรมการดื่มของคน รวมถึงความเชื่อเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับตลาดในยุโรป คือมีแคทิกอรีเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลไม่ถึง 5% และก็ไม่ได้เกิดหรือว่าหวือหวามากเท่ากับตลาดเครื่องดื่มในประเทศญี่ปุ่น และยิ่งเฉพาะในไทยแล้ว คนไทยติดรสชาติที่ต้องอร่อยนำสุขภาพ”
***ขนมขบเคี้ยวแบรนด์เล็กเดี้ยง
นายสมนึก เปล่งสุริยการ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวภายใต้แบรนด์ Jack 'n Jill เปิดเผยว่า การเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าจะทำให้ตลาดขนมขบเคี้ยว 2.2 หมื่นล้านบาทแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าจากต่างประเทศจะทุ่มงบการตลาดสูง ซึ่งคาดว่าในอนาคตขนมขบเคี้ยวท้องถิ่น หรือระดับล่างราคา 5 บาทต่อซองจะทยอยหายออกไปจากตลาด ซึ่งปัจจุบันขนมขบเคี้ยวระดับล่างมีสัดส่วน 20% และระดับกลาง ราคา 5-20 บาทขึ้นไป สัดส่วน 60-70% และระดับบน ราคา 40-50 บาทขึ้นไป สัดส่วน 10%
“สินค้าระดับล่าง หรือสินค้าที่ขายตามท้องถิ่นต่างๆ เน้นปริมาณไม่เน้นคุณภาพ และไม่มีมาตรฐานรองรับจากทาง อย.จะหายไปจากตลาด ขณะที่ขนมขบเคี้ยวระดับกลางจะกลายเป็นตลาดที่ขยายตัวและเติบโตแทนที่ตลาดระดับล่าง”
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 0
Re: aec
โพสต์ที่ 90
ทุนไทยผนึกมาเลย์ ทุ่ม 3 พัน ล.ผุดศูนย์ดีซีกลางเมืองรับเออีซี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2555 16:34 น.
โชว์ ดีซี คอร์ปเปิดตัวโครงการ “SHOW DC” ศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจแห่งแรกในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย บนทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางกรุงเทพฯ รองรับเออีซี คาดเปิดบริการต้นปี 57
โชว์ ดีซี คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างนักลงทุนชาวไทยกับชาวมาเลเซีย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับภูมิภาค เปิดตัวโครงการ SHOW DC ซึ่งเป็นศูนย์การกระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์และความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่เวทีการแข่งขันและระบบเศรษฐกิจเสรีในปี 2558
นายทนงศักดิ์ หุตานุวัตร ประธานบริษัท เออีซี พร๊อตเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด เปิดเผยว่า “โชว์ ดีซี คอร์ป มีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในตลาดเกิดใหม่ในอาเซียน ที่เป็นโครงการสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรมและตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้
สำหรับโครงการแรกที่เริ่มในประเทศไทย คือโครงการ SHOW DC ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจ ประกอบด้วย ศูนย์ค้าปลีก ศูนย์ค้าส่ง ศูนย์บริการ ศูนย์โชว์รูม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ลอจิสติกส์ คลังจัดเก็บและจัดส่งสินค้า รองรับทุกระดับการค้าขายในกลุ่มธุรกิจ แฟชั่น สินค้าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ไอที เครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภค และครัวกลางสำหรับธุรกิจอาหารและภัตตาคาร ที่ใช้เงินลงทุนในการก่อสร้าง ประมาณ 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 29 ไร่ บนถนนจตุรทิศ ใกล้ทางด่วนพระราม 9 และ RCA ออกแบบโดย บริษัท คอนทัวร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในการออกแบบศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยมสูงมาก ทำให้โครงการ SHOW DC เป็นศูนย์กระจายสินค้าที่มีรูปลักษณ์อาคารที่สวยและทันสมัยที่สุดที่ปฏิวัติภาพลักษณ์ศูนย์กระจายสินค้าแบบเดิมๆ อย่างสิ้นเชิง”
นายสมคิด ตันทัดวาณิชย์กุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ธิงค์เวิร์ค จำกัด และกรรมการที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญด้านการค้าปลีก กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในประเทศไทยว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มีวิวัฒนาการมาจากอดีตที่เป็นยุคของศูนย์การค้า จนมาถึงปี 2554 เริ่มเป็นปีทองของโครงการคอมมูนิตีมอลล์ แต่แนวโน้มต่อจากนี้จนถึงเข้าสู่ช่วงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการธุรกิจจะต้องมีการบริหารจัดการการเคลื่อนย้ายสินค้า ข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากรการผลิตอื่นๆ รวมทั้งพลังงาน และคน ระหว่างจุดกำเนิดไปจนถึงจุดการบริโภค ตลอดทั้งกระบวนการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นจนจบให้มีต้นทุนทางธุรกิจต่อหน่วยต่ำสุดเพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้น โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ต้องการจะต้องตอบโจทย์พื้นที่ใช้สอยได้ครบวงจรห่วงโซ่อุปทาน”
“โครงการ “SHOW DC” เป็นศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่แห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ที่ตอบโจทย์ด้านพื้นที่ใช้สอยให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจได้อย่างครบถ้วน มีพื้นที่ร้านค้าตั้งแต่ 40-4,000 ตารางเมตรที่สามารถรองรับการประกอบกิจการครบวงจร เช่น ศูนย์กระจายสินค้า ค้าปลีก ค้าส่ง โชว์รูม บริการซ่อมบำรุง ครัวกลาง นิทรรศการแสดงสินค้า ลอจิสติกส์ ห้องเย็น ศูนย์วิจัยและพัฒนา ทั้งยังประกอบด้วยพื้นที่ศูนย์อาหาร ศูนย์ประชุม ศูนย์ธุรกิจ และห้องประชุมสัมมนา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้พื้นที่ตามจุดประสงค์การดำเนินงานที่แตกต่างเฉพาะตัวได้ ช่วยบริหารต้นทุนและ
สร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทาน (value chain) ตลอดจนเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยพร้อมรับการเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างมั่นใจ” นายสมคิดกล่าวเสริม
จุดเด่นของศูนย์กระจายสินค้า SHOW DC อยู่ที่ทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร การจราจรสะดวก โครงสร้างอาคารมีการวางระบบต้านทานแรงแผ่นดินไหว ซึ่งออกแบบโดย Dr. H.K. Miyamoto จากสหรัฐอเมริกา อาคารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการติดตั้ง Solar Farm รับพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันอัคคีภัย และความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ระบบการสื่อสารความเร็วสูงด้วยสายสัญญาณความเร็วสูงไฟเบอร์ออปติก (Fiber Optic) ทั้งแนวตั้งและแนวนอน สนับสนุนการทำตลาดดิจิตอลทุกรูปแบบ มีที่จอดรถจำนวน 1,200 คัน (บริเวณชั้นใต้ดิน และชั้น 1) รวมทั้งมีพื้นที่รองรับรถขนส่งสินค้าหลากหลายขนาด
นายสมคิดกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลจากการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ (Soft launch) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพบว่าศูนย์กระจายสินค้า SHOW DC ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่ง ผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจออนไลน์ ผู้ประกอบการที่ออกงานแสดงสินค้า และบริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่ง เนื่องจากสามารถรองรับการดำเนินงานของผู้เช่าใน 6 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ไอทีและการสื่อสาร สินค้าของตกแต่งบ้าน ธุรกิจทั่วไป ครัวกลาง (Central Kitchen) จึงมีความมั่นใจว่าจะมียอดขายเช่าพื้นที่ถึง 90% เพื่อเปิดโครงการต้นปี 2557”
ทั้งนี้ โครงการ SHOW DC ศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจที่พัฒนาโดยบริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จะเริ่มก่อสร้างในเดือนกันยายน ปี 2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ราคาเซ้งเริ่มต้นที่ 55,000-75,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับอายุสัญญา 28 ปี โดยมีค่าบริการรายเดือนเริ่มตั้งแต่ 500-100 บาทต่อตารางเมตร
-จบ-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2555 16:34 น.
โชว์ ดีซี คอร์ปเปิดตัวโครงการ “SHOW DC” ศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจแห่งแรกในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย บนทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางกรุงเทพฯ รองรับเออีซี คาดเปิดบริการต้นปี 57
โชว์ ดีซี คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างนักลงทุนชาวไทยกับชาวมาเลเซีย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับภูมิภาค เปิดตัวโครงการ SHOW DC ซึ่งเป็นศูนย์การกระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจใจกลางกรุงเทพมหานคร พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิดที่จะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์และความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่เวทีการแข่งขันและระบบเศรษฐกิจเสรีในปี 2558
นายทนงศักดิ์ หุตานุวัตร ประธานบริษัท เออีซี พร๊อตเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด เปิดเผยว่า “โชว์ ดีซี คอร์ป มีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในตลาดเกิดใหม่ในอาเซียน ที่เป็นโครงการสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรมและตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้
สำหรับโครงการแรกที่เริ่มในประเทศไทย คือโครงการ SHOW DC ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจ ประกอบด้วย ศูนย์ค้าปลีก ศูนย์ค้าส่ง ศูนย์บริการ ศูนย์โชว์รูม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ลอจิสติกส์ คลังจัดเก็บและจัดส่งสินค้า รองรับทุกระดับการค้าขายในกลุ่มธุรกิจ แฟชั่น สินค้าตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ ไอที เครื่องเสียง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภค และครัวกลางสำหรับธุรกิจอาหารและภัตตาคาร ที่ใช้เงินลงทุนในการก่อสร้าง ประมาณ 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 29 ไร่ บนถนนจตุรทิศ ใกล้ทางด่วนพระราม 9 และ RCA ออกแบบโดย บริษัท คอนทัวร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในการออกแบบศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยมสูงมาก ทำให้โครงการ SHOW DC เป็นศูนย์กระจายสินค้าที่มีรูปลักษณ์อาคารที่สวยและทันสมัยที่สุดที่ปฏิวัติภาพลักษณ์ศูนย์กระจายสินค้าแบบเดิมๆ อย่างสิ้นเชิง”
นายสมคิด ตันทัดวาณิชย์กุล ผู้ก่อตั้งบริษัท ธิงค์เวิร์ค จำกัด และกรรมการที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญด้านการค้าปลีก กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในประเทศไทยว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์มีวิวัฒนาการมาจากอดีตที่เป็นยุคของศูนย์การค้า จนมาถึงปี 2554 เริ่มเป็นปีทองของโครงการคอมมูนิตีมอลล์ แต่แนวโน้มต่อจากนี้จนถึงเข้าสู่ช่วงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการธุรกิจจะต้องมีการบริหารจัดการการเคลื่อนย้ายสินค้า ข้อมูลข่าวสาร และทรัพยากรการผลิตอื่นๆ รวมทั้งพลังงาน และคน ระหว่างจุดกำเนิดไปจนถึงจุดการบริโภค ตลอดทั้งกระบวนการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นจนจบให้มีต้นทุนทางธุรกิจต่อหน่วยต่ำสุดเพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน ดังนั้น โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ต้องการจะต้องตอบโจทย์พื้นที่ใช้สอยได้ครบวงจรห่วงโซ่อุปทาน”
“โครงการ “SHOW DC” เป็นศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่แห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ที่ตอบโจทย์ด้านพื้นที่ใช้สอยให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจได้อย่างครบถ้วน มีพื้นที่ร้านค้าตั้งแต่ 40-4,000 ตารางเมตรที่สามารถรองรับการประกอบกิจการครบวงจร เช่น ศูนย์กระจายสินค้า ค้าปลีก ค้าส่ง โชว์รูม บริการซ่อมบำรุง ครัวกลาง นิทรรศการแสดงสินค้า ลอจิสติกส์ ห้องเย็น ศูนย์วิจัยและพัฒนา ทั้งยังประกอบด้วยพื้นที่ศูนย์อาหาร ศูนย์ประชุม ศูนย์ธุรกิจ และห้องประชุมสัมมนา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้พื้นที่ตามจุดประสงค์การดำเนินงานที่แตกต่างเฉพาะตัวได้ ช่วยบริหารต้นทุนและ
สร้างมูลค่าเพิ่มตลอดห่วงโซ่อุปทาน (value chain) ตลอดจนเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยพร้อมรับการเปิดประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างมั่นใจ” นายสมคิดกล่าวเสริม
จุดเด่นของศูนย์กระจายสินค้า SHOW DC อยู่ที่ทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร การจราจรสะดวก โครงสร้างอาคารมีการวางระบบต้านทานแรงแผ่นดินไหว ซึ่งออกแบบโดย Dr. H.K. Miyamoto จากสหรัฐอเมริกา อาคารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการติดตั้ง Solar Farm รับพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันอัคคีภัย และความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ระบบการสื่อสารความเร็วสูงด้วยสายสัญญาณความเร็วสูงไฟเบอร์ออปติก (Fiber Optic) ทั้งแนวตั้งและแนวนอน สนับสนุนการทำตลาดดิจิตอลทุกรูปแบบ มีที่จอดรถจำนวน 1,200 คัน (บริเวณชั้นใต้ดิน และชั้น 1) รวมทั้งมีพื้นที่รองรับรถขนส่งสินค้าหลากหลายขนาด
นายสมคิดกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผลจากการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ (Soft launch) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพบว่าศูนย์กระจายสินค้า SHOW DC ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่ง ผู้ประกอบการร้านอาหาร ธุรกิจออนไลน์ ผู้ประกอบการที่ออกงานแสดงสินค้า และบริษัทที่ให้บริการด้านการขนส่ง เนื่องจากสามารถรองรับการดำเนินงานของผู้เช่าใน 6 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ไอทีและการสื่อสาร สินค้าของตกแต่งบ้าน ธุรกิจทั่วไป ครัวกลาง (Central Kitchen) จึงมีความมั่นใจว่าจะมียอดขายเช่าพื้นที่ถึง 90% เพื่อเปิดโครงการต้นปี 2557”
ทั้งนี้ โครงการ SHOW DC ศูนย์กระจายสินค้ารูปแบบใหม่ครบวงจรธุรกิจที่พัฒนาโดยบริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จะเริ่มก่อสร้างในเดือนกันยายน ปี 2555 คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2556 ราคาเซ้งเริ่มต้นที่ 55,000-75,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับอายุสัญญา 28 ปี โดยมีค่าบริการรายเดือนเริ่มตั้งแต่ 500-100 บาทต่อตารางเมตร
-จบ-
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530