Re: เมื่อ นตท. เริ่ม คิดจะลงทุน และก่อนอายุ 30 จะมีเงิน1ล้าน
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 25, 2016 3:13 pm
ผ่านจากโพสครั้งแรก
ผ่านมาเกือบ 3 ปี แล้วที่ได้มาพบกลุ่ม thaivi
ได้ความรู้และหลักคิดมากมาย
ผมขอมาบรรยาต่อเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ระหว่างเดินทาง 3 ปีที่ผ่านมา
หลักจากผมได้กู้เงินมาลงทุนและนำเงินกู้ก้อนนั้น คือ แม่แล้วและได้มอบกำไรส่วนหนึ่งให้แม่ไปปรับปรุงบ้าน
ในปี 2556ผมก็ได้มาเงินก่อนนั้นมาเป็นสินสอดแต่งงานลงทุนสร้างครอบครัว^^< และคุณแม่ของภรรยามอบคืนให้มาลงทุนเช่นเดิม
หลักจากนั้นผมพยายามเร่งการเติบโตด้วยการพยายามอ่านหนังสือที่มีมากกมาย
โดยละเลยการเลือกผู้เขียน คือ ครูนั้นเอง
จากนั้นนำมาใช้กับการลงทุนเลยโดยไม่ได้ตั้งข้อสงสัยหรือทดลองก่อนจนเกิดความมั่นใจ
ทำให้ผมขาดทุนและสับสนกับการลงทุนมาก "ยิ่งขาดทุน ใจยิ่งหวั่น"
เป็นอย่างนี้นานพอสมควร กว่าจะรู้ตัวพอร์ตก็เสียหายไปพอสมควร
เมื่อรู้ตัวแล้วกลับมาทบทวนกับตนเอง
เพราะไม่รู้จะถามใคร คิดตลอดเวลา
มีครั้งหนึ่งระหว่างที่คิดว่า ทำไม?
ผมก็ได้มีโอกาสจอดรถยนต์ระหว่างเดินทาง ถวายน้ำดื่มและยารักษาโรคซึ่งผมเตรียมไว้ก่อนว่าถ้าเจอพระธุดงค์จะจอดถวาย และวันนั้นผมก็เจอท่านมารูปเดียวเดินค้ำไม้เท้ามา ผมก็ได้ถวาย
หลังจากขับรถยนต์ออกมาไม่นาน ผมก็สงสัยว่า ทำไมพระท่านถึงออกจากวัดมาธุดงค์....และผมก็คิดเองว่าท่านต้องการออกมาปฏิบัติหลังจากได้ร่ำเรียนวิชาด้วยการธุดงค์และไปหาครูบาอาจารย์ระหว่างทางด้วย
ผมก็รู้สึกว่า...ทำไมผมถึงไม่ออกปฏิบัติด้วยตนเองและออกไปหาครูอาจารย์ที่ดีด้วยตนเองมากกว่าการอ่านตำราหรือดูผ่าน youtube ไม่ใช่ตำราไม่ดี แต่เพราะตำราไม่สามารถอธิบายรายละเอียดที่ผมสงสัยได้
ผมเริ่มออกจากกรอบห้องเรียนสู้การเดินทางหาเพื่อนๆพี่นักลงทุน
ที่ผมรู้จักจากคนใกล้ตัวออกไปก่อน
ทำไม? ผมถึงให้ความสำคัญกับออกไปพบมากกว่าอ่าน
เพราะ ผมเตรียมความสงสัยที่ตำราตอบผมไม่ได้...นั่นเอง
ถึงตอนนี้ ผมเริ่มต้นกระบวนการจดบันทึกความสงสัยและบันทึกความรู้จากชีวิตจริงที่ผมได้สอบถามมา
ด้วยสมุดเล่มน้อยของผม
และเวลาผ่านมานานหลักจากผมตั้งโจทย์ว่า "ต้องไปหาครูด้วยตนเอง"
ก็มีโอกาสได้พบพี่ผู้ชายท่านหนึ่ง(ผมเรียกพี่ที่เคารพท่านนี้ว่า พี่หมอ")และพี่นุชthavi
ผ่านมาเกือบ 3 ปี แล้วที่ได้มาพบกลุ่ม thaivi
ได้ความรู้และหลักคิดมากมาย
ผมขอมาบรรยาต่อเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ระหว่างเดินทาง 3 ปีที่ผ่านมา
หลักจากผมได้กู้เงินมาลงทุนและนำเงินกู้ก้อนนั้น คือ แม่แล้วและได้มอบกำไรส่วนหนึ่งให้แม่ไปปรับปรุงบ้าน
ในปี 2556ผมก็ได้มาเงินก่อนนั้นมาเป็นสินสอดแต่งงานลงทุนสร้างครอบครัว^^< และคุณแม่ของภรรยามอบคืนให้มาลงทุนเช่นเดิม
หลักจากนั้นผมพยายามเร่งการเติบโตด้วยการพยายามอ่านหนังสือที่มีมากกมาย
โดยละเลยการเลือกผู้เขียน คือ ครูนั้นเอง
จากนั้นนำมาใช้กับการลงทุนเลยโดยไม่ได้ตั้งข้อสงสัยหรือทดลองก่อนจนเกิดความมั่นใจ
ทำให้ผมขาดทุนและสับสนกับการลงทุนมาก "ยิ่งขาดทุน ใจยิ่งหวั่น"
เป็นอย่างนี้นานพอสมควร กว่าจะรู้ตัวพอร์ตก็เสียหายไปพอสมควร
เมื่อรู้ตัวแล้วกลับมาทบทวนกับตนเอง
เพราะไม่รู้จะถามใคร คิดตลอดเวลา
มีครั้งหนึ่งระหว่างที่คิดว่า ทำไม?
ผมก็ได้มีโอกาสจอดรถยนต์ระหว่างเดินทาง ถวายน้ำดื่มและยารักษาโรคซึ่งผมเตรียมไว้ก่อนว่าถ้าเจอพระธุดงค์จะจอดถวาย และวันนั้นผมก็เจอท่านมารูปเดียวเดินค้ำไม้เท้ามา ผมก็ได้ถวาย
หลังจากขับรถยนต์ออกมาไม่นาน ผมก็สงสัยว่า ทำไมพระท่านถึงออกจากวัดมาธุดงค์....และผมก็คิดเองว่าท่านต้องการออกมาปฏิบัติหลังจากได้ร่ำเรียนวิชาด้วยการธุดงค์และไปหาครูบาอาจารย์ระหว่างทางด้วย
ผมก็รู้สึกว่า...ทำไมผมถึงไม่ออกปฏิบัติด้วยตนเองและออกไปหาครูอาจารย์ที่ดีด้วยตนเองมากกว่าการอ่านตำราหรือดูผ่าน youtube ไม่ใช่ตำราไม่ดี แต่เพราะตำราไม่สามารถอธิบายรายละเอียดที่ผมสงสัยได้
ผมเริ่มออกจากกรอบห้องเรียนสู้การเดินทางหาเพื่อนๆพี่นักลงทุน
ที่ผมรู้จักจากคนใกล้ตัวออกไปก่อน
ทำไม? ผมถึงให้ความสำคัญกับออกไปพบมากกว่าอ่าน
เพราะ ผมเตรียมความสงสัยที่ตำราตอบผมไม่ได้...นั่นเอง
ถึงตอนนี้ ผมเริ่มต้นกระบวนการจดบันทึกความสงสัยและบันทึกความรู้จากชีวิตจริงที่ผมได้สอบถามมา
ด้วยสมุดเล่มน้อยของผม
และเวลาผ่านมานานหลักจากผมตั้งโจทย์ว่า "ต้องไปหาครูด้วยตนเอง"
ก็มีโอกาสได้พบพี่ผู้ชายท่านหนึ่ง(ผมเรียกพี่ที่เคารพท่านนี้ว่า พี่หมอ")และพี่นุชthavi