เกิดเหตุปฏิวัติ
-
- Verified User
- โพสต์: 18364
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกิดเหตุปฏิวัติ
โพสต์ที่ 61
ขอสังเกตครับ
อย่างแรก ก่อนหน้าที่เกิดเหตุการณ์ ปฏิวัติ มีปัญหาเรื่องเงินที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ไม่สามารถจัดหาได้ แต่ตอนนี้จัดหาได้แล้ว ด้วยการกู้เงินจำนวน 9หมื่นล้านบาท
อย่างที่สอง ต่อเนื่องจากโครงการจำนำข้าวคือ เงินไม่มา แถมมีการจัดการเลือกตั้งอีก มันเป็นการประกันเรื่องคะแนนเสียงหรือเปล่า
สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ
เมื่อจัดหนักจัดเต็ม เอาใจประชาชน ด้วยการอัดเม็ดเงินลงมาในระบบทันที แบบไม่รอดช้า เนื่องจากปลดล็อคสิ่งต่างๆที่ล็อคไว้หลายต่อหลายชั้นออกเสียก่อน มาดูกัน
นโยบายที่กู้มา 9 หมื่นล้านบาท มาใช้ในโครงการจำนำข้าวนั้นเป็นนโยบายการคลัง กู้มาใช้ก่อน ทำให้เงินเกิดการไหลเวียนในระบบมากขึ้น จากเดิมที่เงินไม่ไหลเวียนในระบบเหมือนน้ำที่ขังไว้จนเน่า แต่หากมีการไหลเวียนของน้ำเกิดขึ้น น้ำไม่มีการเน่าเกิดขึ้นได้ นอกจากคนไปปล่อยมลพิษลงแหล่งน้ำเท่านั้น
เมื่อเงินไหลเข้าระบบ มีสูตรคำนวณของทางเศรษฐศาสตร์คือ Multiplier (ตัวทวีคูณ) เมื่ออัดเงินเข้าระบบแล้ว เงินนั้นไหลเวียนในระบบได้กี่รอบ นั้นคือ เงินมันขยายตัวจากที่ใส่ไป 9 หมื่นล้านบาทเริ่มต้น ขยายให้เกิดการซื้อสินค้า บริการ และอื่นๆ ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้
อีกตัวที่มาพยุงคือ เงินจากภาษีสรรพาสามิต รถยนต์คันแรกอีก 6 พันล้านบาท อันนี้ กกต เพิ่งจะอนุมัติ จากมติคำขอของรัฐบาลรักษาก่อน ให้สามารถจ่ายโครงการนี้ได้ในเดือน มิย- กค 2557
ที่สังเกตเห็นอีกคือ
คำสั่งมาตอนละครมา แบบกลางๆเรื่องคือประมาณ 2100 น.
ส่วนตอนเย็น 1800 น. เป็นการแถลงการณ์
หวังว่า Mod ไม่หิ้วความเห็นนี้ละ
อย่างแรก ก่อนหน้าที่เกิดเหตุการณ์ ปฏิวัติ มีปัญหาเรื่องเงินที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าว ไม่สามารถจัดหาได้ แต่ตอนนี้จัดหาได้แล้ว ด้วยการกู้เงินจำนวน 9หมื่นล้านบาท
อย่างที่สอง ต่อเนื่องจากโครงการจำนำข้าวคือ เงินไม่มา แถมมีการจัดการเลือกตั้งอีก มันเป็นการประกันเรื่องคะแนนเสียงหรือเปล่า
สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ
เมื่อจัดหนักจัดเต็ม เอาใจประชาชน ด้วยการอัดเม็ดเงินลงมาในระบบทันที แบบไม่รอดช้า เนื่องจากปลดล็อคสิ่งต่างๆที่ล็อคไว้หลายต่อหลายชั้นออกเสียก่อน มาดูกัน
นโยบายที่กู้มา 9 หมื่นล้านบาท มาใช้ในโครงการจำนำข้าวนั้นเป็นนโยบายการคลัง กู้มาใช้ก่อน ทำให้เงินเกิดการไหลเวียนในระบบมากขึ้น จากเดิมที่เงินไม่ไหลเวียนในระบบเหมือนน้ำที่ขังไว้จนเน่า แต่หากมีการไหลเวียนของน้ำเกิดขึ้น น้ำไม่มีการเน่าเกิดขึ้นได้ นอกจากคนไปปล่อยมลพิษลงแหล่งน้ำเท่านั้น
เมื่อเงินไหลเข้าระบบ มีสูตรคำนวณของทางเศรษฐศาสตร์คือ Multiplier (ตัวทวีคูณ) เมื่ออัดเงินเข้าระบบแล้ว เงินนั้นไหลเวียนในระบบได้กี่รอบ นั้นคือ เงินมันขยายตัวจากที่ใส่ไป 9 หมื่นล้านบาทเริ่มต้น ขยายให้เกิดการซื้อสินค้า บริการ และอื่นๆ ทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้
อีกตัวที่มาพยุงคือ เงินจากภาษีสรรพาสามิต รถยนต์คันแรกอีก 6 พันล้านบาท อันนี้ กกต เพิ่งจะอนุมัติ จากมติคำขอของรัฐบาลรักษาก่อน ให้สามารถจ่ายโครงการนี้ได้ในเดือน มิย- กค 2557
ที่สังเกตเห็นอีกคือ
คำสั่งมาตอนละครมา แบบกลางๆเรื่องคือประมาณ 2100 น.
ส่วนตอนเย็น 1800 น. เป็นการแถลงการณ์
หวังว่า Mod ไม่หิ้วความเห็นนี้ละ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกิดเหตุปฏิวัติ
โพสต์ที่ 63
รบกวนพี่picatos แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการdcfได้ไหมครับpicatos เขียน:สำหรับผม การลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ถ้าไม่ติดเรื่องกฎเกณฑ์ในการนำเงินเข้าออก และเรื่องภาษี ผมมองการลงทุนในกิจการต่างประเทศ เหมือนกับการลงทุนกิจการในไทยเลยครับSawScofield เขียน:...
เห็นพี่ picatos พูดถึงการลงทุนในต่างประเทศ ไม่ทราบว่ามีข้อแนะนำหรือข้อควรระวังกับการออกนอกพื้นที่ที่เราคุ้นเคยอย่างไรบ้างครับ รวมถึง structural change ที่พี่ได้พบมา พอจะมีกรณีตัวอย่างให้น้องๆศึกษาต่ออย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณล่วงหน้านะครับพี่ ^/\^
ทั้งนี้ทั้งนั้นช่วงหลังๆ ผมจะลงทุนในกิจการที่ผมเข้าใจ เป็นกิจการที่ทำสินค้าและบริการที่ผมใช้บริการอยู่แล้ว ถ้าเป็นกิจการที่ผมเข้าไม่ถึง ไม่ได้ใช้บริการ จำเป็นต้องศึกษาในเชิงลึก ต้องคุยกับผู้บริหาร Sensitive กับ กฎหมายหรือลูกค้ามากๆ นี่ผมจะผ่านเลยครับ เนื่องจากในช่วงหลังๆ Life Style ของผมจำเป็นต้องออกจากตลาดไปทีนึง 2-3 เดือน ดังนั้นจึงสามารถลงทุนได้แต่กิจการที่ภาพใหญ่แข็งแรงจริงๆ ถ้ากิจการที่ยังไม่แข็งแรง Sensitive กับข้อมูลในเชิงลึกมากๆ นี่หากทิ้งตลาดไป เกิดอะไรสักอย่างที่ผิดความคาดหมายขึ้นมา หายนะมาเยือนแน่นอน และผลของการลงทุนที่ภาพใหญ่จริงๆ เลยทำให้การเลือกกิจการลงทุนในไทยหรือต่างประเทศไม่ได้ต่างกันมากนัก
แต่ถ้าหาก Style การลงทุนของเราเป็นพวกเจาะลึก ต้องคุยกับผู้บริหารถึงโครงการใหม่ๆ Sensitive กับความสำเร็จล้มเหลวของโครงการมากๆ ขอบเขตการเข้าถึงข้อมูลในการลงทุนต่างประเทศคงจะทำได้ไม่ถึงกับระดับที่เราทำได้ในไทย
ดังนั้นสำหรับผม ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมออกจากพื้นที่ๆ ผมคุ้นเคย แต่กลับรู้สึกว่าได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ๆ ผมเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งนี้เพราะโดยพื้นฐานการศึกษาของผมแล้ว ผมรัก หลงใหล และศึกษาคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ ป.2 เรียนจบทางด้านวิศวฯ คอมฯ ดังนั้นการบริโภคข่าวสารข้อมูลทางด้านเทคโนโลยี หรือความเข้าใจในทางเทคโนโลยนีนี่น่าจะอยู่ในสายเลือดระดับหนึ่ง การได้ไปลงทุนในต่างประเทศที่มีบริษัททางด้านเทคโนโลยีทำให้เราได้ใช้องค์ความรู้ที่เรามีอยู่จริงๆ ในขณะที่เราไม่สามารถหากิจการแบบนี้ได้ในไทยเลย
การติดตามการลงทุน ผมก็ติดตามภาพใหญ่ ติดตามปัจจัยเชิงคุณภาพ และผลการดำเนินงานที่ออกมาสะท้อนปัจจัยเชิงคุณภาพที่เปลี่ยนแปลงไป แถมกิจการที่ผมลงทุนเป็นกิจการที่ผมใช้บริการอยู่ทุกวัน หรือเป็นระยะๆ (กิจการพวก Software ที่รายได้หลักมาจากโฆษณาและการท่องเที่ยว) ข่าวพัฒนาการทางด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของกิจการที่เราลงทุนก็มีมาให้อ่านวันหนึ่งมากมาย เรียกว่าข่าวที่มีให้อ่านมีมากกว่ากิจการในไทยเสียอีก ก็เลยทำให้ติดตามได้ไม่ยาก เวลาประกาศงบเค้าก็จะมี Conference Call ประชุมประจำปีก็มี WebCast ให้ดู นักวิเคราะห์และคนที่ทำบทความให้อ่านก็มีมากมาย ติดตามได้ไม่ยากเลยครับ
สำคัญคือ กิจการต่างประเทศที่เราลงทุน เราต้องเป็นกิจการที่เราเข้าใจ ได้สัมผัส และใช้บริการมัน ถ้าจะให้ผมไปลงทุนกิจการที่ผมไม่เคยใช้บริการ ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปลงทุนอย่างไร เหมือนกับกิจการในไทยที่ทำโรงงานแปลกๆ ที่เราไม่รู้จักทั้งผลิตภัณฑ์ ลูกค้า กระบวนการผลิต ทำได้แค่เอาแผนที่ผู้บริหารมาขายฝันเรา มาทำ Financial Projection ได้แค่ 1-2 ปี แล้วเราก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร อันนี้ผมก็ขอผ่าน ซึ่งภาพของการลงทุนในต่างประเทศ หากเป็นกิจการที่เราไม่เคยใช้ ไม่ได้ใช้ ถึงใครจะบอกว่าดีขนาดไหน ก็จำเป็นต้องผ่านเหมือนกัน
ทีนี้ในส่วนของ Structural Change ตัวอย่างที่พอจะเห็นภาพ ก็อย่างเช่น
- Modern Trade ที่เข้ามาแทนที่ Traditional Trade
- การทำธุรกรรมทางออนไลน์ต่างๆ ที่เข้ามาแทนที่ Physical
- โฆษณาทาง Digital ที่เข้ามาแทนที่ Physical
- Technology, Robot, AI ที่เข้ามาแทนที่พนักงานที่ทำงานเป็น Routine ทำให้ตำแหน่งงานหลายๆ อย่างหายไป
- การศึกษา การเข้าถึงข้อมูล ทางออนไลน์ ที่เข้ามาแทนที่ห้องสมุดและโรงเรียน
โดยสรุปก็คือ กิจการที่มี Disruptive Innovation ทั้งหลาย รวมไปถึง Economy of Scale ที่ทำให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงกว่า Technology เก่า ผู้เล่นเดิม เลยทำให้เขมือบตลาดเดิมได้ เขี่ยผู้เล่นรายเดิมออกจากตลาด กิจการเหล่านี้จะมีอัตราการเติบโตเหนือธรรมดาได้จากการกินผู้เล่นรายเก่า ซึ่งหากเราเจอกิจการที่กำลังเขมือบผู้เล่นรายเก่าด้วยอะไรบางอย่างที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด กิจการเหล่านี้ซื้อที่ราคาที่ดูเหมือนแพงแล้วก็ยังให้อัตราผลตอบแทนที่ดีได้
ในขณะที่การเติบโตจากการขยายกำลังการผลิต การได้ลูกค้าใหม่ การได้โปรเจ็คใหม่ หรือการได้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดภาษี เหล่านี้จะเป็นแค่ One-Time Gain ซึ่งผลประกอบการอาจจะ Jump แค่ครั้งเดียว และก็ทรงๆ ไปเรื่อยๆ หรือดีไม่ดี อาจจะเป็นแค่กำไรพิเศษที่โผล่มางวด 2 งวด ซึ่งคุณค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดกับกิจการระยะยาวมีไม่มาก แต่กิจการแบบนี้เก็งกำไรสนุกกว่ากันมาก เพราะ กำไรโต 100% คงจะฟังดูน่าตื่นเต้นกว่ากำไรโต 20%
พอดีพี่ sorawitch พูดถึง reference ของตัวเลขอ้างอิงที่ผมใช้... จริงๆ ผมก็นั่งเทียนเอาจากโมเดลที่ผมใช้ Valuation นั่นแหละครับ 555...
เอาจริงๆ นะครับพี่ sorawitch การทำ Valuation มันก็คือการนั่งเทียนส่วนหนึ่ง เพราะ มันเป็นอนาคตที่ยังมาไม่ถึง โอเค เราอาจจะพอเดาอนาคต 1-2 ปีได้ แต่ไกลกว่านั้นออกไปนี่นั่งเทียนอย่างเดียว ซึ่งโมเดลที่ผมใช้นี่จะเป็น DCF Model ที่จำเป็นต้องเดาอนาคตออกไป 10 ปี
อย่างไรก็ตาม DCF นี่ผมว่ามันยากไปหน่อย ผมเลยเอา DCF มา Adjust ปรับให้เป็นแบบของผมเอง กลับเข้าไปสู่ Earnings Model เพื่อเอาไปใช้คำนวณหา P/E จากอัตราผลตอบแทนคาดหวังที่เราต้องการ โดยสามารถใส่ Assumption ของ Growth ออกไปได้ 10 ปี แล้วที่ Terminal Value ก็ให้เป็น Perpetual Cashflow ที่ Terminal Growth ที่ค่าเฉลี่ยของ GDP ระยะยาวสักประมาณ 3%
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยนี่ใช้เป็นค่าเฉลี่ยเลขคณิตถ่วงน้ำหนัก จาก Implied Expected Return โดยใช้ราคาปัจจุบันของหุ้นแต่ละตัวใส่เข้าไปในโมเดลของแต่ละกิจการ แล้วถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าหุ้นที่ถือ โดยแบ่งส่วนของไทย กับ เทศ
แต่เนื่องจากว่าโมเดลเหล่านี้เป็นเรื่องที่นั่งเทียนเยอะอยู่มาก แม้ว่าจะพยายามนั่งเทียนด้วยความอนุรักษ์นิยมแล้วก็ตาม ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่อีกเยอะจากอคติของเราเอง จึงต้องดูปัจจัยเชิงคุณภาพ และทิศทางรวมไปถึงพัฒนาการของปัจจัยเชิงคุณภาพประกอบด้วย จึงทำให้เวลาผมบอกว่า อัตราผลตอบแทนเท่านี้เท่านั้น ประกอบกับ ภาพของคุณภาพกิจการที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงคุณภาพของการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา
คร่าวๆ ที่มาที่ไปก็ประมาณนี้... จะว่านั่งเทียน แต่งตัวเลขก็ไม่ผิดอะไรครับ... ผมรู้ว่าผมนั่งเทียนเอา และก็พร้อมที่จะรับกรรมจากการคำนวณของตัวเองครับ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: เกิดเหตุปฏิวัติ
โพสต์ที่ 64
ไม่รู้จะแนะนำหนังสือเล่มไหน เพราะ ผมก็ไม่ได้อ่านเป็นเล่มเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกัน อาศัยศึกษาหาอ่านเอาในอินเตอร์เน็ต... ลองอ่าน "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของพี่โจ๊ก สุมาอี้ ดูไหมครับ เป็นการปูพื้น... แล้วก็ลอง Search อ่านเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ลองเอา Case Study ที่มีในเน็ตมากมายมหาศาล มาลองศึกษาต่อดูก็น่าจะได้ครับcobain_vi เขียน:...
รบกวนพี่picatos แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการdcfได้ไหมครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 972
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกิดเหตุปฏิวัติ
โพสต์ที่ 65
เว็บของคุณ Reiter ก็เขียนดีนะครับpicatos เขียน:ไม่รู้จะแนะนำหนังสือเล่มไหน เพราะ ผมก็ไม่ได้อ่านเป็นเล่มเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกัน อาศัยศึกษาหาอ่านเอาในอินเตอร์เน็ต... ลองอ่าน "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของพี่โจ๊ก สุมาอี้ ดูไหมครับ เป็นการปูพื้น... แล้วก็ลอง Search อ่านเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ลองเอา Case Study ที่มีในเน็ตมากมายมหาศาล มาลองศึกษาต่อดูก็น่าจะได้ครับcobain_vi เขียน:...
รบกวนพี่picatos แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการdcfได้ไหมครับ
DCF made easy ( 1 )
DCF made easy ( 2 )
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกิดเหตุปฏิวัติ
โพสต์ที่ 66
ขอบคุณครับ. แล้วมีแนะนำเวปอื่นอีกไหมครับotakung เขียน:เว็บของคุณ Reiter ก็เขียนดีนะครับpicatos เขียน:ไม่รู้จะแนะนำหนังสือเล่มไหน เพราะ ผมก็ไม่ได้อ่านเป็นเล่มเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกัน อาศัยศึกษาหาอ่านเอาในอินเตอร์เน็ต... ลองอ่าน "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของพี่โจ๊ก สุมาอี้ ดูไหมครับ เป็นการปูพื้น... แล้วก็ลอง Search อ่านเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ลองเอา Case Study ที่มีในเน็ตมากมายมหาศาล มาลองศึกษาต่อดูก็น่าจะได้ครับcobain_vi เขียน:...
รบกวนพี่picatos แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการdcfได้ไหมครับ
DCF made easy ( 1 )
DCF made easy ( 2 )
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2770
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เกิดเหตุปฏิวัติ
โพสต์ที่ 67
เว็บนี้ครบเครื่องครับcobain_vi เขียน:ขอบคุณครับ. แล้วมีแนะนำเวปอื่นอีกไหมครับotakung เขียน:เว็บของคุณ Reiter ก็เขียนดีนะครับpicatos เขียน:ไม่รู้จะแนะนำหนังสือเล่มไหน เพราะ ผมก็ไม่ได้อ่านเป็นเล่มเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกัน อาศัยศึกษาหาอ่านเอาในอินเตอร์เน็ต... ลองอ่าน "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของพี่โจ๊ก สุมาอี้ ดูไหมครับ เป็นการปูพื้น... แล้วก็ลอง Search อ่านเพิ่มเติมในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ลองเอา Case Study ที่มีในเน็ตมากมายมหาศาล มาลองศึกษาต่อดูก็น่าจะได้ครับcobain_vi เขียน:...
รบกวนพี่picatos แนะนำหนังสือเกี่ยวกับการdcfได้ไหมครับ
DCF made easy ( 1 )
DCF made easy ( 2 )
http://www.investopedia.com/university/dcf/
Vi IMrovised