ผมเข้ามาอธิบาย เกี่ยวกับคำพระนะครับ อย่าเข้าใจผิด
คำว่า ปาราชิก
นั้นเกิดจากการกระทำของพระ ที่เสพเมถุน อยู่สองต่อสองในที่ลับตากับเพศหญิง เป็นการไม่สมควร หากมีฆราวาสมาเห็นจึงเกิดปรราชิกครับ
เรื่องที่ว่าพระบวชแล้ว ลักทรัพย์ ยักยอกเงิน
ที่จริงในบัญญัติ หากพระสงฆ์รูปหนึ่งรูปใด
หยิบฉวย ข้าวของ เงิน-ทอง จากผู้อื่นโดยมิได้บอกกล่าว
เพียง5มาสก(สมัยก่อนเรียกเงินว่ามาสก)พระสงฆ์นั้นก็ถึงกับการขาดจากพระ
มาตอนผมบวชก็ถามพระผู้สอนว่า 5 มาสก เทียบกับสมัยนี้เป็นเงินเท่าใด
พระผู้สอนก็อธิบายว่า 5 มาสก เปรียบได้กับ 5 สตางค์
(ผิดถูกโทษพระผู้สอน เพราะผมเกิดทีหลังพุทธกาล เรียนไม่ถึง)
ผมเคยถามพระว่า อย่างนี้บุหรีที่วางไว้โดยญาติโยม เห็นเวลามีงานบุญ
จัดไว้ถวาย หากยังไม่มีคนส่งให้แล้วไปหยิบมาสูบจะเป็นไรหรือไม่
พระผู้สอนบอกว่า หากหยิบจับเอามา ก็ขาดจากการเป็นพระ
โปรดสังเกตุว่า เวลาพระจะฉันท์ข้าว ฉันท์น้ำ
(พดง่ายๆภาษาชาวบ้าน ฉันท์คือกิน)
ต้องมีคนถวาย แต่เรียกกันว่าเอาของประเคนพระ
เมื่อไม่มีญาติโยมมาวัด ก็ต้องให้เณรส่งให้เป็นการถวายแทนญาติโยม
พระห้ามกักตุนอาหารเกิน 1 เพลา คือหนึ่งวัน
(เพื่อเป็นการ ไม่ให้เกิดการโลภ เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว)
พระห้ามยุ่งเรื่องของฆราวาสและการเมือง
เหมือนสามีภรรยาทะเลาะกัน พระก็ได้แต่
ขอบิณฑบาตรเถอะโยมอย่าทะเลาะกันเลย
ส่วนสามีภรรยาจะถวายเรื่องนี้ หรือทะเลาะกันต่อหน้าพระ
พระทำอย่างดี ก็แค่แสดงธรรม หรือเทศนาแบบพระพยอม
แต่ไม่สามารถชักจูงชักนำทำการเกินคำว่า สำรวม