หน้า 23 จากทั้งหมด 89

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 16, 2009 9:53 pm
โดย Hughes
เพิ่งดูกราฟราคาอะลูมีเนียม ย้อยไป 15 ปี ราคาตอนนี้ถูกที่สุดในรอบ 10-15 ปี

เป็นเพราะอย่างนี้หรือปล่าวครับที่ CSC และ Alucon กำไรมาก?

ถ้าราคาอะลูมีเนียมขึ้นจะขาดทุนไหม?ไม่ทราบพี่ลูกอิสานคิดยังไงกับความเสี่ยงตรงนี้ครับ?

Re: ขอถามผู้รู้นะครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 16, 2009 9:56 pm
โดย ลูกอิสาน
artitj9 เขียน:การคำนวณผลตอบแทนตามวิธีเทคนิคกรณีที่ไม่มีสัญญาณซื้อขายเขาจะสมมติให้ไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยง การตั้งข้อสมมติให้นำเงินไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยงได้มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไรครับ
ผมไม่ค่อยเข้าใจคำถาม แถมยังไม่เชี่ยวชาญเทคนิค
แต่อ่านจากคำถาม ลองตอบดู คุณ artitj9 คงหมายถึงกรณีที่สัญญานเทคนิคไม่แนะนำให้ซื้อหรือขาย ถ้าเราถือเงินสดไว้ก็เสียประโยชน์สู้นำไปลงทุนสินทรัพย์ที่ปราศจากความเสี่ยงหรือความเสี่ยงต่ำดีกว่า เช่น ถ้าหาหุ้นลงทุนไม่ได้เราก็เอาเงินไปฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยเล็กน้อยก็ยังดีกว่าถือเงินสดในมือ หรือถ้าเรามีความรู้หน่อยก็โยกไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นมาหน่อยก็ได้ครับ...

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 16, 2009 10:58 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="Tripple P"]รบกวนถามคุณลูกอีสานดังนี้ค่ะ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 17, 2009 8:21 am
โดย IWILLBEVI
ส่วนวิธีที่ผมใช้หามูลค่าที่เหมาะสม ผมมักจะดูอย่างนี้ครับ

1.หา pe ที่เหมาะสมของหุ้นแต่ละตัว(ซึ่งจะต่างกันไปตามคุณภาพ) แล้วมาหาประมาณการของกำไรต่อหุ้นในอนาคตอันใกล้ 1-2 ปี เมื่อได้ pe และ foreward eps เราก็หามูลค่าที่เหมาะสมได้แล้ว   หลังจากนั้นดูราคาหุ้นในตลาด ถ้าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเยอะๆ ก็น่าสนใจ
อยากทราบว่าคุณโจใช้วิธีไหนในการประเมิน PE ที่เหมาะสมของหุ้นแต่ละตัว การใช้ PE เฉลี่ยย้อนหลัง 5 หรือ 10 ปี มาเป็นแนวทางกว้างๆ พอจะใช้ได้ไหมครับ ผมคิดว่าการดู PEที่เหมาะสมเป็นเรื่องยากมาก และต้องมีประสบการณ์ในการติดตามหุ้นมาก่อนถึงจะมองออก ส่วนเรื่องประมาณการกำไรผมคิดว่ายังอยู่ในวิสัยที่พอทำได้ เพราะหุ้นบางตัวก็มีนักวิเคราะห์ช่วยดูในส่วนนี้ให้อยู่แล้ว เราแค่มาปรับตัวเลขและAssumption บางตัวก็พอ ขอบคุณที่เข้ามาให้ความรู้อยู่เรื่อยๆครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 17, 2009 9:42 pm
โดย Tripple P
คือผมพยายามมองกรอบใหญ่ที่ว่าผมลงทุนในหุ้นเพื่อให้ได้กำไร และผมก็มาเจอแนวทาง vi ที่บอกว่าให้ซื้อหุ้นหุ้นราคาถูก(กว่าที่ควรจะเป็น) แล้วไปขายตอนที่ราคาขึ้นไปถึงเป้าหมายราคาที่ควรจะเป็น ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นหลักการที่สมเหตุสมผลมาก  ดังนั้นในการลงทุนเราต้องมี 2 ราคา..

1.ราคาที่ควรจะเป็น
2.ราคาหุ้นปัจจุบัน(ราคาตลาด)

ราคาตลาดเปิดคอมดูก็รู้ แต่ราคาที่ควรจะเป็นมีหลายวิธี ถ้าตามตำรา มักหาจากวิธีอย่างนี้ครับ

1.คิดลดกระแสเงินสด หรือ DCF
2.เงินสดกำไรที่กิจการทำได้ หรือ earning power
3.ราคาการสร้างทดแทน หรือ replacement cost

ถ้าสนใจวิธีเหล่านี้ลองเปิดตำรา หรือกระทู้พี่วิบูลย์ หรือ search ในเวป tvi อ่านดูได้ครับ..

ส่วนวิธีที่ผมใช้หามูลค่าที่เหมาะสม ผมมักจะดูอย่างนี้ครับ

1.หา pe ที่เหมาะสมของหุ้นแต่ละตัว(ซึ่งจะต่างกันไปตามคุณภาพ) แล้วมาหาประมาณการของกำไรต่อหุ้นในอนาคตอันใกล้ 1-2 ปี เมื่อได้ pe และ foreward eps เราก็หามูลค่าที่เหมาะสมได้แล้ว   หลังจากนั้นดูราคาหุ้นในตลาด ถ้าต่ำกว่าที่ควรจะเป็นเยอะๆ ก็น่าสนใจ

2.การดูสินทรัพย์ เช่นบริษัทนึง มีเงินสด-หนี้สินทั้งหมดแล้วยังเหลือเงิน 500 ล้าน ถ้าทั้งบริษัทซื้อขายที่ราคา 150 ล้าน อย่างนี้ก็ชัดเจนว่าราคาหุ้นน่าจะต่ำกว่าที่ควรจะเป็น

3.ผลตอบแทนเงินปันผล ก็ใช้หาราคาที่เหมาะสมได้ เช่น หุ้นตัวนึงจ่ายปันผลเกิน 10 % และแนวโน้มการจ่ายปันผลในอนาคตก็ไม่น่าจะลดลง เปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารปัจจุบันที่ 1-2% หรือผลตอบแทนพันธบัตร 4-5% แสดงว่าหุ้นตัวนี้น่าจะซื้อขายที่ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นครับ...


ประเด็นการหามูลค่าที่ควรจะเป็นค่อนข้างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองในแง่มุมไหน แต่ละวิธีที่เราใช้ ขอให้เราเข้าใจที่ไปที่มาอย่างถ่องแท้ และที่สำคัญที่สุดเราต้องเข้าใจใน concept การลงทุนแบบ vi ก่อน สูตรแต่ละสูตร เป็นเพียงเครื่องมือของหลักการครับ  

จากคำถาม..

1.ลองใช้หลายๆวิธี เราน่าจะได้คำตอบครับว่าวิธีไหนที่เหมาะสม ส่วนผมก็ใช้วิธีที่บอกไปข้างต้นครับ

2.หลักการของ dcf คือการประมาณการกระแสเงินสดในช่วงที่คิดและปรับลดให้เป็นมูลค่าในปัจจุบันโดยใช้อัตราคิดลด ดังนั้นตัวแปร 2 ตัวคือ

1.รายได้ ซึ่งต้องอาศัยการประมาณที่เหมาะสม
2.อัตราคิดลด เราจะใช้ที่เท่าไหร่

เนื่องจากวิธีนี้จะประมาณการตัวแปรต่างๆหลายตัว และประมาณไปในอนาคตที่ค่อนข้างยาว ดังนั้นถ้าประมาณผิดไปตัวนึง ผลลัพธ์จะแตกต่างกันมาก ดังนั้นจะเห็นได้ว่าวิธีนี้จะเหมาะกับธุรกิจที่ผันผวนต่ำ  รายได้-กำไรสม่ำเสมอ ประมาณการณ์ได้ง่าย ถ้าถามผมคงเป็นพวกค้าปลีก โรงพยาบาลที่มีสถานประกอบการหลายแห่ง โรงงานที่ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภคครับ..
ขอบคุณคุณลูกอิสานมากนะคะ  สังเกตจากการตอบคำถาม  การให้คำแนะนำและความรู้ต่างๆที่คุณลูกอิสานได้ให้กับเพื่อนๆในเวปแล้วรู้สึกประทับใจมากค่ะ  ครั้งนี้ก็เช่นกันที่ได้รับคำแนะนำ & ความรู้ที่มีประโยชน์มากๆค่ะ  ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 18, 2009 10:56 am
โดย ลูกอิสาน
[quote="IWILLBEVI"][quote]ส่วนวิธีที่ผมใช้หามูลค่าที่เหมาะสม ผมมักจะดูอย่างนี้ครับ

1.หา pe ที่เหมาะสมของหุ้นแต่ละตัว(ซึ่งจะต่างกันไปตามคุณภาพ) แล้วมาหาประมาณการของกำไรต่อหุ้นในอนาคตอันใกล้ 1-2 ปี เมื่อได้ pe และ foreward eps เราก็หามูลค่าที่เหมาะสมได้แล้ว

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ เม.ย. 18, 2009 9:24 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="Calcio 8"]รบกวนถามพี่โจหน่อยครับว่า
1. SCNYL จะยังคงสามารถรักษา ROE ที่ 40% กว่าๆ ได้เรื่อยๆอีกมั๊ย
2. สถานการณ์ปัจจุบันการลงทุนใน SCNYL นี้ถือว่ามีความเสี่ยงสำคัญอย่างไรบ้าง
3. อยากให้พี่โจแนะนำว่าสำหรับคนที่ยังไม่มีหุ้นตัวนี้ ปัจจุบันยังถือเป็นหุ้นคุณค่า (growth stock)อยู่มั๊ยครับ

และผมลองคำนวณมูลค่าของหุ้นโดยใช้ ROE เป็นหลักครับ อยากรบกวนพี่โจช่วยชี้แนะด้วยว่าพอจะคำนวณแบบหยาบๆได้หรือป่าว หากไม่คำนึงถึงปัจจัยเชิงคุณภาพของหุ้นครับ เช่น SCNYL
- ปัจจุบัน Equity อยู่ที่ 3,131.77 ล้านบาท
- สมมติว่า ROE ซัก 45% (จากปีที่ผ่านๆมา) ต่อไปเรื่อยๆ 5 ปีข้างหน้า
- หักปันผลซัก 20% ต่อปี (จากที่เพิ่งจ่ายในปีก่อน)
- กำไรสุทธิต่อปีเท่ากับ (3,131.77 * 45% หักปันผล (100-20%) จะได้กำไรต่อปี เท่ากับ 1,127.44 ล้าน * 5 ปี จะได้กำไรรวม เท่ากับ 5,637.19 ล้านบาท
- Equity ปี 2556 คือ 3,131.77+5,637.19=8,768.96 ล้านยาท
- BV ปี 2556 ได้ 8,768.96 / 66.5 ล้านหุ้น = 131.86 บาท/หุ้น
- กำไร/หุ้น 131.86 * 45% = 59.34 บาท/หุ้น
- ให้ PE ซัก 9 เท่า จะได้ราคา ณ ปี 2556 ที่ 59.34*9 = 534.05 บาท

OOH

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 19, 2009 5:20 pm
โดย ลูกอิสาน
burengnong เขียน:อยากให้พี่โจลองวิเคราะห์ CSC หน่อยซิครับว่ามีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างครับ เพราะดูๆแล้วต้องอาศัยการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มพอสมควรโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ที่อ่านๆดูเหมือนว่าทาง CSC จะมีนโยบายลดต้นทุนให้มากที่สุด และพี่โจมีความเห็นยังไงบ้างครับกับอัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัท
จุดเด่นตามความเห็นของผมนะครับ..

1.รายได้จะค่อนข้างมั่นคง เพราะผลิตสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป และยังขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมเครื่องดืมซึ่งไม่ค่อยผันผวน นอกจากนั้นลูกค้ารายใหญ่ก็เป็นผู้ถือหุ้นด้วย(สิงห์ ไทยน้ำทิพย์ กรีนสปอต เสริมสุข) ดังนั้นยอดขายน่าจะมั่นคงพอสมควร

2.ผู้นำด้านต้นทุน เนื่องจากเป็นผู้ผลิตฝารายใหญ่ ต้นทุนเหล็ก-อลูมิเนียมก็สามารถซื้อร่วมกับบางกอกแคน
ผู้ผลิตกระป๋องรายใหญ่ของประเทศเพราะมีผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียวกัน ดังนั้น csc ควรจะมีต้นทุนการผลิตต่ำ

3.ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นญี่ปุ่นซึ่งมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีช่องทางในการขายต่างประเทศ และบางครั้งก็ช่วยเหลือทางด้านการเงิน ( 2 ปีที่แล้วหุ้นส่วนญี่ปุ่นซื้อหุ้นบุริมสิทธ์ที่ราคาแพงมากๆ :) )

4.ราคาหุ้นค่อนข้างถูก ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ PE ประมาณ 2.7 เท่านั้น กิจการมีกระแสเงินสด/มูลค่าหุ้น ที่สูงมาก น่าจะติด 1 ใน10 ของหุ้นในตลาด 500 ตัว ถ้าดูผลประกอบการย้อนหลัง ยอดขาย กำไรเพิ่มติดต่อกันหลายปี ในขณะที่ราคาหุ้นทำ new low สวนทาง :roll:

5.บริษัทมีสินทรัพย์ที่ดินรอการขายประมาณ 164 ไร่ที่จังหวัดปทุม มูลค่าทางบัญชีประมาณ 1/2 ของมูลค่า market cap. ไตรมาส 4 ปี 51 ที่ผ่านมาบริษัทบันทึกการด้อยค่าที่ดินแปลงนี้ 40 ล้าน ทำให้กำไรปี 51 ต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้บริษัทยังมีที่ดินอีก 30 ไร่ที่ให้บริษัทบางกอกแคนเช่าด้วย.. อ้อแล้วยังถือหุ้นตั้ง 2% ในบางกอกแคน ยอดขาย-กำไรบริษัทนี้น่าจะสูงมาก

ข้อด้อยบ้างครับ..

1.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ผลิต จากการใช้ฝาเหล็ก อลูมิเนียม กลายเป็นฝาพลาสติค ซึ่งราคาถูกกว่า ดื่มไม่หมดก็สามารถปิดฝาไว้ได้ ปัจจุบันน้ำอัดลมส่วนใหญ่ใช้ฝาพลาสติค ที่จริงบริษัทก็มีการผลิตฝาพลาสติค แต่ไม่แน่ใจว่ามียอดขายมากน้อยแค่ไหนครับ

2.ความโปร่งใส การที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นญี่ปุ่น บางครั้งก็มีคำถามเรื่องความโปร่งใส เพราะมักมีรายการที่เกี่ยวเนื่องบ่อยๆ เช่น ค่าเทคโนโลยีเป็นเปอร์เซนต์ตามยอดขาย หรือการจัดซื้อเครื่องจักรก็มักจะทำผ่านผู้ถือหุ้นใหญ่ นอกจากนั้นยังมีรายการที่เกี่ยวข้องกับบริษัทบางกอกแคนด้วย

ส่วนเรื่องนโยบายปันผลซึ่งกลับไปกลับมาถ้าจำไม่ผิด ที่จริงบริษัทเพิ่งมีกำไรสะสมเป็นบวก จ่ายปันผลได้ไม่นานมานี้ อัตราปันผลแค่ 20-25% ของกำไรเท่านั้น เหตุผลอาจเป็นเพราะบริษัทยังมีหนี้เงินกู้อีกพอสมควร และภาวะเศรษกิจก็ไม่น่าไว้วางใจ อาจเป็นเหตุผลประมาณนี้ครับ.. :D

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 19, 2009 5:26 pm
โดย ลูกอิสาน
Hughes เขียน:เพิ่งดูกราฟราคาอะลูมีเนียม ย้อยไป 15 ปี ราคาตอนนี้ถูกที่สุดในรอบ 10-15 ปี
เป็นเพราะอย่างนี้หรือปล่าวครับที่ CSC และ Alucon กำไรมาก?
ถ้าราคาอะลูมีเนียมขึ้นจะขาดทุนไหม?ไม่ทราบพี่ลูกอิสานคิดยังไงกับความเสี่ยงตรงนี้ครับ?
ปีที่แล้วทั้ง csc alucon ทำกำไรได้ค่อนข้างดี น่าจะเป็น new high ทั้งที่ราคาวัตถุดิบราคาสูงขึ้นมากในครึ่งปีแรก ขณะที่ครึ่งปีหลังราคาลดลง ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าที่กำไรดี เพราะมีสต็อควัตถุดิบราคาต่ำได้ครับ แต่จะสรุปว่ากำไรปีที่แล้วดีเพราะวัตถุดิบราคาต่ำไม่น่าจะถูก เพราะเพิ่งมาถูกปีนี้ ปีที่แล้วแพง  ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าวัตถุดิบราคาต่ำอย่างปัจจุบัน กำไรจะเป็นอย่างไร แต่ยอดขายน่าจะลดลง แม้จำนวนหน่วยขายจะเท่าเดิม ปีที่แล้ว csc มีอัตรากำไรสุทธิที่ใกล้เคียงปีก่อนหน้าและอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ส่วน alucon น่าสงสัยมากกว่า เพราะกำไรเพิ่งมากระโดดในปีที่แล้วนี่เอง ก่อนหน้านั้นคงที่ประมาณ 8-9% ก่อนกระโดดเป็น 13.7% :?

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 19, 2009 9:38 pm
โดย SunShine@Night
อยากทราบความคิดเห็นของพี่โจ เกี่ยวกับ HMPRO ครับ :)

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 20, 2009 6:14 pm
โดย คนคอน
ขอความเหนเกี่ยวกับ stanly หน่อยครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 20, 2009 9:03 pm
โดย Calcio 8
ขอถามพี่ลูกอีสานครับ
1. ทำไมราคา CSC ลงมาใกล้ราคาพาร์ขนาดนี้ที่ 11.2(Par 10บาท) มันมีปัญหาอะไรหรือป่าวครับทั้งๆที่ BV นั้นสูงลิบลิ่วเลยทีเดียว

2. ผมลองอ่านรายงานประจำปีตรงที่ว่า
ความเป็นไปได้ที่จะมีสินค้าทดแทน
ในปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นที่นิยมของตลาด ทำให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ฝาพลาสติกแทนการใช้ฝาโลหะ โดยมาแทนที่
ฝาอลูมิเนียมเกลียวในตลาดน้ำอัดลมเกือบทั้งหมด เนื่องจากมีราคาถูกและผลิตได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังมีบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่อง
กระดาษที่เข้ามาทดแทนบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้ว ซึ่งมีราคาถูกกว่าและลดปัญหาขาดแคลนขวดแก้วในตลาดได้ อย่างไรก็ตาม
บริษัทฯ ได้หาตลาดใหม่เพื่อรองรับกำลังการผลิตของฝาโลหะ โดยขยายการขายไปในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มบำรุงกำลัง สุรา และ
น้ำผลไม้บรรจุขวดแก้ว ตลอดจนการขยายตลาดส่งออกให้มากขึ้นด้วย

อย่างนี้แปลว่าบริษัทฯยอมรับว่าอนาคตคงขายได้ลดลงเยอะแน่ๆ และการขยายตลาดไปยังอุตสาหกรรมอื่นจะสามารถทดแทนได้ในระดับไหนครับ

3.อยากทราบว่าเบียร์ช้างเป็นลูกค้า CSC ด้วยหรือป่าวแล้วรายใหญ่สุดคือที่ไหนครับ

4. ดูจากผู้ถือหุ้นแล้ว CSC คงเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมนี้ และคู่แข่งรายใหญ่ๆคือใครครับ ถือว่า CSC ผูกขาดหรือป่าวครับ
ขอบคุณมากครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 20, 2009 11:18 pm
โดย ลูกอิสาน
Calcio 8 เขียน:ขอถามพี่ลูกอีสานครับ
1. ทำไมราคา CSC ลงมาใกล้ราคาพาร์ขนาดนี้ที่ 11.2(Par 10บาท) มันมีปัญหาอะไรหรือป่าวครับทั้งๆที่ BV นั้นสูงลิบลิ่วเลยทีเดียว

2. ผมลองอ่านรายงานประจำปีตรงที่ว่า
ความเป็นไปได้ที่จะมีสินค้าทดแทน
ในปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นที่นิยมของตลาด ทำให้ผู้ประกอบการเลือกใช้ฝาพลาสติกแทนการใช้ฝาโลหะ โดยมาแทนที่
ฝาอลูมิเนียมเกลียวในตลาดน้ำอัดลมเกือบทั้งหมด เนื่องจากมีราคาถูกและผลิตได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังมีบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่อง
กระดาษที่เข้ามาทดแทนบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้ว ซึ่งมีราคาถูกกว่าและลดปัญหาขาดแคลนขวดแก้วในตลาดได้ อย่างไรก็ตาม
บริษัทฯ ได้หาตลาดใหม่เพื่อรองรับกำลังการผลิตของฝาโลหะ โดยขยายการขายไปในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มบำรุงกำลัง สุรา และ
น้ำผลไม้บรรจุขวดแก้ว ตลอดจนการขยายตลาดส่งออกให้มากขึ้นด้วย

อย่างนี้แปลว่าบริษัทฯยอมรับว่าอนาคตคงขายได้ลดลงเยอะแน่ๆ และการขยายตลาดไปยังอุตสาหกรรมอื่นจะสามารถทดแทนได้ในระดับไหนครับ

3.อยากทราบว่าเบียร์ช้างเป็นลูกค้า CSC ด้วยหรือป่าวแล้วรายใหญ่สุดคือที่ไหนครับ

4. ดูจากผู้ถือหุ้นแล้ว CSC คงเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมนี้ และคู่แข่งรายใหญ่ๆคือใครครับ ถือว่า CSC ผูกขาดหรือป่าวครับ
ขอบคุณมากครับ
1.ไม่ทราบจริงๆครับ
2.เป็นความเสี่ยงมาหลายปี แต่บริษัทก็ยังเพิ่มยอดขายได้ทุกปีครับ เพราะสินค้าบางอย่างก็ต้องใช้ฝาจีป เช่นพวกเบียร์ เหล้าขาว คงไม่เหมาะที่จะใช้ฝาพลาสติค คือฝาแต่ละชนิดก็เหมาะสมกับบรรจุภัณฑ์คนและแบบ คงทดแทนกันไม่ได้ทั้งหมด และบริษัทก็มีผลิตฝาพลาสติคด้วยเช่นกัน

3-4.เบียร์ช้างน่าจะมีบริษัทผลิตฝาโดยเฉพาะเพื่อใช้ในเครือนะครับ ในแบบ 56-1 บอกว่ามีผู้ผลิตฝาหลายราย ไม่ได้ผูกขาดตลาดแน่นอน แต่ csc น่าจะเป็นรายใหญ่ ผมไม่มีข้อมูลส่วนแบ่งตลาด ลองไปประชุมและถามผู้บริหารได้ครับ.. :lol:

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 21, 2009 12:35 am
โดย Calcio 8
จุดเด่นตามความเห็นของผมนะครับ..

1.รายได้จะค่อนข้างมั่นคง เพราะผลิตสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป และยังขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมเครื่องดืมซึ่งไม่ค่อยผันผวน นอกจากนั้นลูกค้ารายใหญ่ก็เป็นผู้ถือหุ้นด้วย(สิงห์ ไทยน้ำทิพย์ กรีนสปอต เสริมสุข) ดังนั้นยอดขายน่าจะมั่นคงพอสมควร

2.ผู้นำด้านต้นทุน เนื่องจากเป็นผู้ผลิตฝารายใหญ่ ต้นทุนเหล็ก-อลูมิเนียมก็สามารถซื้อร่วมกับบางกอกแคน
ผู้ผลิตกระป๋องรายใหญ่ของประเทศเพราะมีผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียวกัน ดังนั้น csc ควรจะมีต้นทุนการผลิตต่ำ

3.ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นญี่ปุ่นซึ่งมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีช่องทางในการขายต่างประเทศ และบางครั้งก็ช่วยเหลือทางด้านการเงิน ( 2 ปีที่แล้วหุ้นส่วนญี่ปุ่นซื้อหุ้นบุริมสิทธ์ที่ราคาแพงมากๆ :) )

4.ราคาหุ้นค่อนข้างถูก ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ PE ประมาณ 2.7 เท่านั้น กิจการมีกระแสเงินสด/มูลค่าหุ้น ที่สูงมาก น่าจะติด 1 ใน10 ของหุ้นในตลาด 500 ตัว ถ้าดูผลประกอบการย้อนหลัง ยอดขาย กำไรเพิ่มติดต่อกันหลายปี ในขณะที่ราคาหุ้นทำ new low สวนทาง :roll:

5.บริษัทมีสินทรัพย์ที่ดินรอการขายประมาณ 164 ไร่ที่จังหวัดปทุม มูลค่าทางบัญชีประมาณ 1/2 ของมูลค่า market cap. ไตรมาส 4 ปี 51 ที่ผ่านมาบริษัทบันทึกการด้อยค่าที่ดินแปลงนี้ 40 ล้าน ทำให้กำไรปี 51 ต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้บริษัทยังมีที่ดินอีก 30 ไร่ที่ให้บริษัทบางกอกแคนเช่าด้วย.. อ้อแล้วยังถือหุ้นตั้ง 2% ในบางกอกแคน ยอดขาย-กำไรบริษัทนี้น่าจะสูงมาก

ลองดูกันนะครับ

บริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด

BANGKOK CAN MANUFACTURING CO.,LTD.

รายการ ปีงบการเงิน
31 ธันวาคม 2550
 31 ธันวาคม 2549
 31 ธันวาคม 2548
 31 ธันวาคม 2547
 31 ธันวาคม 2546
 
รายได้จากการขายและบริการ สุทธิ   3,356,848,311.00  3,081,849,079.00  2,649,830,994.00  2,316,528,183.00  1,983,447,790.29
รายได้รวม   3,736,096,134.00  3,481,669,317.00  2,927,103,683.00  2,495,491,984.00  2,144,145,642.21
ต้นทุนขาย และ/หรือบริการ   3,268,665,816.00  2,982,946,525.00  2,625,222,945.00  2,256,579,176.00  1,935,962,126.03
กำไร(ขาดทุน)ขั้นต้น   88,182,495.00  98,902,554.00  24,608,049.00  59,949,007.00  47,485,664.26
รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน   202,290,880.00  136,815,554.00  95,908,334.00  69,710,916.00  82,583,653.47
กำไร(ขาดทุน)จากการดำเนินงาน   -114,108,385.00  -37,913,000.00  -71,300,285.00  -9,761,909.00  -35,097,989.21
รวมรายได้อื่น   379,247,823.00  399,820,238.00  277,272,689.00  178,963,801.00  160,697,851.92
ค่าใช้จ่ายอื่น   N.A.  N.A.  38,742,639.00  57,275,629.00  95,185,641.12
กำไร (ขาดทุน) ก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย   265,139,438.00  361,907,238.00  167,229,765.00  111,926,263.00  30,414,221.59
กำไร (ขาดทุน) ก่อนดอกเบี้ยและภาษีเงินได้   265,139,438.00  361,907,238.00  167,229,765.00  111,926,263.00  30,414,221.59
ดอกเบี้ยจ่าย   16,959,484.00  24,276,358.00  11,270,963.00  11,883,235.00  23,175,718.96
ภาษีเงินได้   81,074,002.00  76,398,354.00  N.A.  N.A.  N.A.
กำไร(ขาดทุน) สุทธิ   167,105,952.00  261,232,526.00  155,958,802.00  100,043,028.00  7,238,502.63
กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้น   N.A.  N.A.  N.A.  N.A.  N.A.
จำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก   N.A.  N.A.  N.A.  N.A.  N.A

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 21, 2009 12:36 am
โดย miracle
คาวระพี่ลูกอีสานหนึ่งจอก
ในการวิเคราะห์ SCNYL
จากกระทู้ที่พี่บอก
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=14930

นั้นคือ พี่คำนวณจากเบี้ยเป็นหลัก
ซึ่งเป็นหลักการที่ดี แตกต่างกับของผมที่ผมมองทะลุจาก การตลาด
การขาย เข้าไปถึงตัวบริษัท หรือจากตัวบริษัทมองออกมาข้างนอก

ยกนิ้วหัวแม่โป้งสองข้างให้ (แถมหัวนิ้วโม้งแม่เท้าอีกสองข้าง)
ยอดเยี่ยมมากครับ

by the way
ผมถามคำเดียวว่า ทำไมพี่ลูกอีสานถึงขายเจ้า SCNYL
เอามันออกเพราะอะไร อยากรู้มากตอนนั้น พี่เห็นตัวไหนที่ดีกว่าตัวนี้
เห็นแล้วพี่ทำเช่นไร
:)

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 21, 2009 8:25 pm
โดย YONGYEE
พอดีเห็นว่าคุณลูกอีสานเชี่ยวชาญด้านการหากำไรจากการ take over (ดูจากคำแนะนำในหลายๆตัว) ก็เลยขอความเห็นในกรณีของ ACL หน่อยซิครับว่า BBL จะสามารถขายหุ้นให้กับธนาคารต่างชาติได้เหมือน BT หรือเปล่าครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 21, 2009 10:38 pm
โดย ลูกอิสาน
miracle เขียน:ผมถามคำเดียวว่า ทำไมพี่ลูกอีสานถึงขายเจ้า SCNYL เอามันออกเพราะอะไร อยากรู้มากตอนนั้น พี่เห็นตัวไหนที่ดีกว่าตัวนี้เห็นแล้วพี่ทำเช่นไร
:)
ตอนนั้นตัวอื่นลงเยอะ แต่ตัวนี้ไม่ค่อยลงครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 21, 2009 10:42 pm
โดย pk8
เห็นคุณลูกอิสานพูดถึง AKR ในเวปของเอกรัฐโซล่าร์

ประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่มอีกพอสมควรเลยครับ

น่าจะเป็นตัวชี้วัดอะไรบางอย่างก็ได้

http://www.ekarat-solar.com/job2.php

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 21, 2009 10:50 pm
โดย miracle
ลูกอิสาน เขียน: ตอนนั้นตัวอื่นลงเยอะ แต่ตัวนี้ไม่ค่อยลงครับ
ขอบคุณครับ
:)

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 21, 2009 10:57 pm
โดย ลูกอิสาน
SunShine@Night เขียน:อยากทราบความคิดเห็นของพี่โจ เกี่ยวกับ HMPRO ครับ :)
คำถามสั้นจังครับ


ก่อนหน้านี้ในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ ผมคิดว่า hmpro น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดรองจาก it จากภาวะเศรษกิจอย่างนี้ เพราะยอดขายบ้านใหม่ลดลง ดังนั้นยอดขายของ hmpro น่าจะลดลงด้วยเช่นกัน พอผลประกอบการออกมาก็ค่อนข้างแปลกใจที่ยังทำกำไรได้ดี และที่จริงก็ดีอย่างน่าประหลาดใจหลายไตรมาสติดต่อกัน ผมอาจจะมองข้ามอะไรไป ซึ่งลองคิดดูน่าจะเป็นอย่างนี้ครับ..

1.พฤษติกรรมการบริโภคหรือ lifestye ที่เปลี่ยนไป ผมลองตั้งคำถามหากมีลูกค้าใหม่เดินเข้า hmpro จำนวน 100 คนลูกค้าเหล่านี้จะกลับมาซ้ำหรือไม่ ผมคิดว่าน่าจะเกือบทั้งหมดจะกลับมา จำความรู้สึกครั้งแรกที่เดินเข้า hmpro สาขาแรกที่รังสิตประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว แอร์เย็น บริการดี สินค้าตื่นตาตื่นใจเยอะมากๆ ป้ายราคาชัดเจน ไม่มีพนักงานมาคอยเดินตาม  hmpro มีลูกค้ารายใหม่ๆทุกวัน และส่วนใหญ่จะกลับมา ยิ่งเวลาผ่านไปฐานลูกค้าเหล่านี้มีแต่เพิ่มและเพิ่ม

2.ฐานลูกค้าบ้านเก่า ในปีแรกๆลูกค้าส่วนใหญ่ของ hmpro เป็นลูกค้าที่เพิ่งสร้างบ้านใหม่ และซื้อของเพื่อไปตกแต่งบ้าน ดังนั้นในอดีตยอดขายของ hmpro จะสัมพันธ์กับตัวเลขการจดทะเบียนบ้านใหม่ อาจจะมี lag time เล็กน้อย และเนื่องจากบ้านใหม่เหล่านี้ก็กลายเป็นบ้านเก่าในปีต่อๆมาและเพิ่มขึ้นมากทุกๆปี ถึงแม้ว่าบ้านเก่าเหล่านี้จะไม่ได้ซื้อของตกแต่งมากมาย คือซื้อน้อยๆแต่ด้วยฐานบ้านเก่าที่มีจำนวนมาก นี่เองในที่สุดแล้วรายได้ส่วนใหญ่ของ hmpro อาจจะมาจากบ้านเก่าซึ่งแน่นอนว่ารายได้ส่วนนี้จะค่อนข้างยั่งยืน..

3.เป็นเบอร์1ในอุตสาหกรรมที่เติบโต ยอดขายทิ้งห่างเบอร์ 2 หลายเท่าตัว ไม่เหมือนค้าปลีกไฮเปอร์มาเก็ตที่ยอดขายไม่ห่างกันมาก การเป็นเบอร์ 1 หมายถึงการประหยัดจากขนาด อำนาจต่อรองต่างๆ ช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆเช่น ค่าเช่าพื้นที่ ส่วนลดการซื้อสินค้า การจัดงาน expo

4.การบริหารจัดการที่ดี กลยุทธ์การเพิ่มสินค้าที่เป็นแบรนด์ของ hmpro เอง การลด inventory day ลงอย่างมีนัยสำคัญ การสร้างพื้นที่ให้เช่าเองจากที่เป็นผู้เช่าหากมีที่ดินที่เหมาะสม(หัวหิน ฉลอง) ถ้าดูงบกำไรขาดทุนของ hmpro จะสวยมาก อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกๆปี

5.เงินทุนสนับสนุนการเติบโต หลังจากการเพิ่มทุนครั้งล่าสุด งบดุลของ hmpro ก็ดีขึ้นมาก และที่จริงอาจจะเป็นการเพิ่มทุนมากๆครั้งสุดท้ายของ hmpro ก็ได้ เหตุผลคือตอนนี้ hmpro ขยายเกือบเต็มพื้นที่ประเทศไทยแล้ว เหลือเพียงจังหวัดเล็กๆ นอกจากนั้นการเปลี่ยนนโยบายการเช่าที่ดิน แทนการซื้อทำให้ใช้เงินน้อยลงในการขยายสาขา นี่อาจเป็นเหตุผลที่ hmpro ประกาศปันผลถึง 70% ของกำไรสุทธิในปี 51 ครับ


จุดด้อยของ hmpro อาจจะมีในแง่การเติบโตจากสาขาใหม่ๆ อาจจะลดลงเพราะขยายไปเกือบครบทุกจังหวัดใหญ่ๆแล้ว ที่เหลืออาจจะเป็นสาขาในจังหวัดเล็กๆ หรือเป็นสาขาเล็กๆแทน ซึ่งอาจจะมีการกินแชร์กันเอง นอกจากนั้นประเด็นคู่แข่งแม้จะไล่ตามมาห่างๆแต่ก็เป็นแรงกดดันทั้ง โฮมเวิค โกลเบิลเฮ้าร์ หรือแม้แต่คู่แข่งจากต่างประเทศครับ..

ก่อนประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 และปันผล ราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 3.3 บ. เปิดตลาดที่ 3.66 และมีการไล่ราคาไปถึง 4.1 บ. แต่สุดท้ายมีแรงขายจำนวนมากหลายล้านหุ้นเทขายตลอดวัน มาปิดตลาดที่ 3.66 เท่ากับราคาเปิดเป๊ะ คนที่ไล่ซื้อต่างติดหุ้น :evil:   แต่ด้วยพื้นฐานที่ดีกำไรที่เกินคาด ปันผลสูงเกือบ 10% แถมเครดิตปันผลได้เยอะ ในที่สุดก็มีแรงซื้อเข้ามา ราคาค่อยๆขยับขึ้นมาค่อนข้างมาก นี่ก็เป็นบทเรียนอีกครั้งว่าถ้าเราเจอหุ้นที่ดี แต่มีแรงเทขายมากมาย สิ่งที่เราควรจะทำคือยืนหยัด..  :?

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 22, 2009 12:08 am
โดย Calcio 8
สำหรับผม Hmpro ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุด เพราะผมเคยซื้อแต่หุ้นเก็งกำไร เรียกว่าเล่นหุ้นแบบไม่มีแนวทาง ต่อมาพอคิดที่จะเริ่มศึกษาหุ้นแนว VI โดยหุ้นตัวแรกๆที่ผมซื้อมาก็คือ Hmpro (ประมาณ 2.8) เรียกว่าต่าสุดขีด แต่แล้วพอ broker ของผมโทรมาก่อนประกาศกำไรและปันผลได้ไม่นานว่าให้ขายก่อนดีมั๊ย (ประมาณ 3.2 ได้) ด้วยนิสัย (สันดาน) เก่า เลยขายทิ้งไปเพียงแค่คิดว่าเด๋วค่อยไปรับใหม่ตอน 3.0 บาทก็ได้ และแล้ว.........บทเรียนนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผมที่คืดอยากลงทุนในหุ้นที่มีกิจการที่ดีในระยะยาว (แต่ก็นั่งเสียดายทุกวันนี้สำหรับ Hmpro ว่าน่าจะศึกษาการลงทุนจาก Thaivi เร็วกว่านี้  :cry: ) และตอนนี้กำลังหาหุ้นในดวงใจให้ได้อยู่ ได้มา 1 ตัวแล้ว (ยังคงติดตาม Hmpro อยู่ห่างๆ)
ผมคิดว่าในปัจจุบันนี้หุ้นที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับ Hmpro ที่จะเติบโตในระยะยาวที่คิดออกมีแค่ CPALL แต่พี่ๆมีความเห็นถึงบริษัทอื่นๆบ้างมั๊ยครับ จะลองไปศึกษาต่อ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 23, 2009 8:32 am
โดย dome@perth
หลังจากไม่ได้เข้าเวปมาเกือบๆ 3 อาทิตย์
กระทู้คุณโจ มีอะไรให้อ่านเยอะครับ ดีดีทั้งนั้น
โดยเฉพาะ โฮมโปร :D  
ผมได้มีโอกาส ไปใช้บริการมา
ประทับใจมากครับ เห็นได้ชัดเจนจริงๆครับ
โดยเฉพาะเรื่องพนักงาน เมื่อเทียบกับ โกลบอล เฮาส์

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 27, 2009 8:55 pm
โดย Calcio 8
รบกวนถามพี่โจครับว่าที่พี่โจเคย post ในกระทู้ value investing ที่ว่าปีนี้บริษัทที๋กำไรโตขึ้นจากปี่ก่อนแน่ๆ มี AKR อยากทราบว่าอะไรทำให้มั่นใจได้ว่าต่อจากนี้กำไรจะมากขึ้นครับ และธุรกิจ solar นี้มันจะดีจริงหรือ เห็นผู้บริหารขยันให้ข๋าวจัง  :D

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 28, 2009 3:23 pm
โดย nam whan
ขอความเห็นเกี่ยวกับ CIG หน่อยค่ะ ติดตามมาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีหุ้น

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 28, 2009 9:31 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="Calcio 8"]สำหรับผม Hmpro ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุด เพราะผมเคยซื้อแต่หุ้นเก็งกำไร เรียกว่าเล่นหุ้นแบบไม่มีแนวทาง ต่อมาพอคิดที่จะเริ่มศึกษาหุ้นแนว VI โดยหุ้นตัวแรกๆที่ผมซื้อมาก็คือ Hmpro (ประมาณ 2.8) เรียกว่าต่าสุดขีด แต่แล้วพอ broker ของผมโทรมาก่อนประกาศกำไรและปันผลได้ไม่นานว่าให้ขายก่อนดีมั๊ย (ประมาณ 3.2 ได้) ด้วยนิสัย (สันดาน) เก่า เลยขายทิ้งไปเพียงแค่คิดว่าเด๋วค่อยไปรับใหม่ตอน 3.0 บาทก็ได้ และแล้ว.........บทเรียนนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของผมที่คืดอยากลงทุนในหุ้นที่มีกิจการที่ดีในระยะยาว (แต่ก็นั่งเสียดายทุกวันนี้สำหรับ Hmpro ว่าน่าจะศึกษาการลงทุนจาก Thaivi เร็วกว่านี้

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 28, 2009 9:39 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="Calcio 8"]รบกวนถามพี่โจครับว่าที่พี่โจเคย post ในกระทู้ value investing ที่ว่าปีนี้บริษัทที๋กำไรโตขึ้นจากปี่ก่อนแน่ๆ มี AKR อยากทราบว่าอะไรทำให้มั่นใจได้ว่าต่อจากนี้กำไรจะมากขึ้นครับ และธุรกิจ solar นี้มันจะดีจริงหรือ เห็นผู้บริหารขยันให้ข๋าวจัง

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 28, 2009 9:52 pm
โดย ลูกอิสาน
คนคอน เขียน:ขอความเหนเกี่ยวกับ stanly หน่อยครับ
ถ้าไกด์ผมหน่อยก็จะดีครับ ว่าอยากจะแลกเปลี่ยนความเห็นในแง่มุมไหน จะได้คุยกันถูกทางครับ :lol:

ถ้าความเห็นรวมๆ ผมว่ารอดูไตรมาสที่จะประกาศก่อนดีไหม ว่าได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง เพราะไตรมาสก่อนก็เริ่มออกอาการ ราคาที่เคยแข็งก็รูดลงแรง ไตรมาสนี้กระทบเต็มๆ รอดูตัวเลขน่าจะบอกอะไรได้ชัดเจนขึ้น

stanly เป็น oem ที่แปลกประหลาดตัวนึง เพราะในประเทศมีคู่แข่งแค่รายเดียว ทำให้มีอำนาจต่อรองค่อนข้างมาก ถ้าดูงบย้อนหลังจะเห็นว่ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นทุกปี ปีล่าสุดปาเข้าไป 15% อะไรจะสูงขนาดนั้น :shock:

เนื่องจากยอดขาย stanly ขึ้นอยู่กับยอดผลิตรถยนต์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกปี แม้ตลาดในประเทศเริ่มมียอดขายลดลง แต่ได้ยอดส่งออกมาช่วย ทำให้ยอดผลิตรวมยังเพิ่ม กำไรของ stanly เลยเพิ่มตาม แต่พอเจอวิกฤตครั้งนี้ยังเดาไม่ออกครับว่ายอดขายจะลดลงไปกี่มากน้อย และกำไรของบริษัทจะลดลงในอัตราเดียวหรือในอัตราที่มากกว่า ผมก็อยากรู้เหมือนกัน

จุดเด่นอย่างนึงของ stanly คืองบดุลที่แข็งแกร่งมีเงินสดมาก จากนโยบายปันผลที่อนุรักนิยม ดังนั้นก็ค่อนข้างแน่ว่าบริษัทไม่เจ็งแน่นอน แต่เราลงทุนคงไม่หวังแค่ให้กิจการไม่เจ็ง แต่อยากให้กิจารมีกำไรเพิ่มขึ้น เงินลงทุนของเราจะได้งอกเงยใช่ไหมครับ... :o

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 28, 2009 10:54 pm
โดย Calcio 8
[quote="ลูกอิสาน"][quote="Calcio 8"]รบกวนถามพี่โจครับว่าที่พี่โจเคย post ในกระทู้ value investing ที่ว่าปีนี้บริษัทที๋กำไรโตขึ้นจากปี่ก่อนแน่ๆ มี AKR อยากทราบว่าอะไรทำให้มั่นใจได้ว่าต่อจากนี้กำไรจะมากขึ้นครับ และธุรกิจ solar นี้มันจะดีจริงหรือ เห็นผู้บริหารขยันให้ข๋าวจัง

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 28, 2009 11:42 pm
โดย Calcio 8
ว่าแต่ว่า AKR จะดีจริงหรือป่าวเพราะว่าธุรกิจที่ดูคล้ายกันอย่าง SOLAR ที่ทำมาหลายปีแล้วก็ยังไม่เห็นมีไรดีเลยครับพี่โจ มันจาได้อย่างที่ผู้บริหาร AKR พูดมาตลอดจริงหรือป่าว แล้วในสภาวะที่น้ำมันถูก และเศรษฐกิจแย่อย่างนี้จะมีลูกค้ารายไหนมาลงทุนกับโซล่าเซลล์หรือป่าว  :?:

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 29, 2009 11:31 am
โดย ลูกอิสาน
[quote="Calcio 8"]ว่าแต่ว่า AKR จะดีจริงหรือป่าวเพราะว่าธุรกิจที่ดูคล้ายกันอย่าง SOLAR ที่ทำมาหลายปีแล้วก็ยังไม่เห็นมีไรดีเลยครับพี่โจ มันจาได้อย่างที่ผู้บริหาร AKR พูดมาตลอดจริงหรือป่าว แล้วในสภาวะที่น้ำมันถูก และเศรษฐกิจแย่อย่างนี้จะมีลูกค้ารายไหนมาลงทุนกับโซล่าเซลล์หรือป่าว