CK เขียน:
สวัสดีครับเถ้าแก่มน อาจารย์วิบูลย์ และผู้เชี่ยวชาญ Ayethebing
ผมก็เลยมาคิดว่า การที่เราใช้ EVA เพื่อศึกษามูลค่าของบริษัทสอง
ถึงสามบริษัท (ต่อให้อยู่ในธุรกิจเดียวกันก็เถอะ) ผลที่ได้ออกมา
เปรียบเทียบกัน บริษัทที่ให้ Return สูงสุดอาจจะเป็นบริษัทที่น่า
ลงทุนในระยะยาวน้อยที่สุดก็เป็นได้ครับ เหมือนกับเทคนิคการ
ยืมเงินในอนาคตมาใช้ ซึ่งถ้าการขยายตัวของธุรกิจไม่สอดคล้อง
กับการดำเนินงานเอง (ขยายเร็วไปหรือช้าไป) จะทำให้ประสบ
ปัญหาในระยะยาวแทน ต้องมานั่งทำการบ้านใหม่ทุกปีเพื่อดูว่า
ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
สวัสดีครับคุณพี่CK
ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่นะครับช่วงนี้
ต้องขอบคุณพี่มากๆเลยครับ
ที่ตอบคำถามน้องๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
บางคำถามพี่ตอบแทน ผมก็ไม่ต้องทำงาน สบายไปเลย
ขอบคุณมากจริงๆครับ
เรื่อง EVA บอกตรงๆว่า ผมไม่ถนัด
และเคยทำแบบฝึกหัดของบริษัทที่ทำงานอยู่
โดยการเอา EVA มาประยุกต์ใช้ในการคัดเลือก Business Unit ที่ต้องการกำจัดทิ้ง
เรียกว่า อันไหนไม่ทำกำไรก็ขายทิ้งไปเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่น อะไรทำนองนั้นนะครับ
ใช้ไปใช้มา สุดท้ายก็มาลงที่ Cash Position มากกว่า
ก็คือว่า ถ้าอย่างน้อยมันสร้างกระแสเงินสดอยู่ก็ทำต่อไป
เพราะบางทีการที่เราคิดว่าจะนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนอย่างอื่น
อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนอย่างที่เราคาดหวังไว้ก็ได้
เรียกว่า สุดท้าย Cash is King ครับ
CK เขียน:
ตอนนี้ผมลองลงทุนโดยดูจากผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่สุดอย่าง
เดียวครับ โดย criteria คือ
1. ไม่เคยซื้อหรือขายหุ้นที่ถือในนามตัวเองออกมาเลยแม้แต่หุ้น
เดียว (ซื้อขายผ่านเพื่อนฝูงช่วยไม่ได้ครับ เพราะหาข้อมูลไม่ได้)
และต้องถือหุ้นในบริษัทตัวเองเกิน 50%
2. ไม่เพิ่มทุนพร่ำเพรื่อ ไม่ว่าจะโดยการออกวอร์แรนท์ Public
Offering หรือ Private Placement และไม่กู้เงินพร่ำเพรื่อด้วย
3. มีความสามารถที่จะทำให้บริษัทกำไรได้เป็น สิบปีติดต่อกัน
โดยทั้งสิบปีจะต้องผ่านทั้ง cycle เศรษฐกิจตกต่ำ และยุคขุดทอง
ส่วนว่าจะซื้อมากหรือซื้อน้อย ค่อยดูจากผลประกอบการอีกที คือ
ถ้าราคาแพงกว่าผลประกอบการมากก็ซื้อน้อยหน่อย ถ้าราคาถูกกว่า
ผลประกอบการมากก็ซื้อเยอะหน่อย
ผมยังไม่ได้ลงทุนแบบนี้มากนักครับ เพราะไม่แน่ใจว่าจะ work
หรือเปล่า แต่ถ้าคิดว่าในอนาคตผมอยากจะเที่ยวรอบโลกและทำ
งานสังคมสงเคราะห์โดยไม่เทรดอีกแล้ว แต่อยากได้เช็คปันผล
ทุกปี และฐานพอร์ตใหญ่ขึ้นทุกปี วิธีนี้ก็ดูน่าสนใจทีเดียวครับ
ก่อนที่ผมจะถลำตัวไปมากกว่านี้ ไม่ทราบว่าผู้รู้ทุกท่านมีความเห็น
เชิงขัดแย้งประการใดครับ ช่วยกันถล่มให้ยับไปเลย จะได้ปรับแนว
ทางถูก
รู้สึกผมจะมีหุ้นแบบนี้ในพอร์ตด้วยครับหนึ่งตัว
เป็นห่านทองคำของแท้
ชาตินี้ไม่มีวันตาย ไข่ไม่มีวันหมด
ไม่สนใจว่าเศรษฐกิจจะดีไม่ดี ทำกำไรตลอด
เจ้าของไม่เคยขายหุ้น ซื้อเพิ่มอย่างเดียว ถือเกินครึ่ง
ไม่มีหนี้ เคยอ่านบทสัมภาษณ์ ผุ้บริหารบอกว่ากลัวมีหนี้ที่สุดในชีวิต
ก็เลยมีแต่เงินสด และลงทุนด้วยเงินสดล้วนๆ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
หุ้นชาวบ้านราคาเขาไปถึงดาวอังคารกันแล้ว
แต่หุ้นเจ้านี้ยังไม่ได้ไปถึงไหน
ผ่านไปเกือบสองปี
ราคาก็อยู่ที่เดิม
ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีนะครับ
ผมก็เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นจนครบโควต้าลงทุน
มันก็ไม่ไปไหน
คิดแต่จะออกไข่อย่างเดียว ไม่เคยคิดโตเลยหรือไงเนี่ย
ตอนนี้เลยต้องมานั่งพิจารณาดูว่า ที่เราคิดนี่ถูกหรือผิด(ว่ะ)
ยังไม่มีข้อสรุปครับ คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินครับ
CK เขียน:
บอกตรงๆว่านั่งดูราคา อ่านผลประกอบการและเลือกหุ้นทุกวันแล้ว
มันเหนื่อยครับ ยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกว่าความรู้ความสามารถถดถอยไปทุกที
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะถึงวัยทองหรือเพราะโลกมันหมุนเร็วขึ้นกันแน่
อีกวิธีที่กำลังคิดดังๆคือ สนับสนุนให้อาจารย์วิบูลย์ตั้งกองทุน VIB007
(Value Investment Basket 7) ให้ผมขายหุ้นหมดแล้วไปซื้อ ผ่าน
ไปสิบปี VIB007 อาจจะได้เข้าเทรดในตลาด กลายเป็นหุ้นราคาแพงที่
สุดในตลาดก็ได้ ฮ่าๆ
(แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Berkshire Hathaway of Thailand)
ต้องขอบคุณคุณพี่CK ครับที่ให้เกียรติผมขาดนี้
ตอนนี้ยังไม่กล้ารับเงินใครมาทดลองเล่นครับ
กลัวเจ๊งแล้วจะโดน ...... จุด จุด จุด
แล้วก็ไม่กล้าเทียบตัวเองกับอาจาย์Buffet ด้วยครับ คนละชั้นกันครับ
ตอนนี้็ใช้พอร์ตของภรรยาเป็นหนูทดลอง
ผมก็ทำตัวเป็นลูกจ้างประจำพอร์ต
เป้าหมายของผมก็คือ ค้นหาหลักการและวิธีการลงทุนที่สามารถทำเงินได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
โดยไม่ต้องไปเทรดเข้าเทรดออก วิ่งเข้าวิ่งออกตลาดหุ้นให้เมื่อยตุ้ม
ปีที่ผ่านมา พอร์ตสู้ SET ไม่ได้ครับ
แต่ไม่เคยท้อ ก็มุ่งหาการลงทุนที่เหมาะกับเราต่อไป
ผมซื้อหุ้นมาแล้วไม่ค่อยขาย
ผลตอบแทนปีที่ผ่านมาเลยสู้แบบวิ่งเข้าออกตลาดไม่ได้
ต้องบอกว่า ผมลงทุนค่อนข้างConservativeมาก
(ภรรยาผมบอก Conservative มากเกินไปเลยพลาดโอกาสในการลงทุนไปเยอะ)
ต้องยอมรับว่า พลาดโอกาสไปหลายครั้ง เพราะความอนุรักษ์นิยม
แต่ก็ต้องบอกว่า เสียดายดีกว่าเสียใจครับ
เพราะผมถือหลักสองข้อ
หนึ่ง อย่าขาดทุน
สอง อย่าลืมกฎข้อที่หนึ่ง
ดังนั้น เราได้ผลตอบแทนน้อยหน่อย แต่ปลอดภัยจะดีกว่า
หลังๆก็มีเก็บก้นบุหรี่ข้างถนนมาบ้าง
แต่นิสัยเดิมยังมีคือ เก็บมาแล้วไม่ยอมสูบ ฮ่า ฮ่า
ส่วนการตั้งกองทุน
คราวที่แล้วที่ไปมีตติ้งบ้านคุณมนก็คุยกันถึงเรื่องนี้กับพี่ไก่ธันวา คุณมน พี่เจ๋ง
เพราะก็มีพี่ๆบางท่านอยากให้ทำเป็นกองทุนแล้วจะได้บริหารต่อไปถึงรุ่นลูกหลานเหลนกันเลย
เงินจะได้งอกเงยขึ้นแล้วให้ผู้จัดการกองทุนที่ไว้ใจได้บริหารแทน
พบว่า มีปัญหาทางด้านกฎระเบียบมากมายยุบยับ
ไม่ว่าจะเป็นกองทุนแบบปิดหรือแบบเปิด
ข้อจำกัดเยอะมาก
ถ้าเปิดเป็นบริษัทก็มีเรื่องของภาษีอีก
ก็เลยสรุปว่าในระยะสั้น คงต้องบริหารพอร์ตใครพอร์ตมันไปก่อน
จนกว่าจะหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้ต่อไป
ว่าแต่ว่า พี่CK เบื่อการทดลองส่วนตัวแล้วหรือครับ
อย่าเพิ่งเบื่อเลยครับ ในตลาดยังมีอะไรๆสนุกๆให้ทำอีกเยอะครับ
หลังๆนี้ ผมไม่เปรียบเทียบผลตอบแทนกับ SET แล้ว
เพราะผมมองว่า SET ถูก Manipulate ได้ด้วยหุ้นไม่กี่ตัว
ดังนั้นผมจะตั้งเป้าการลงทุนของผมเอง เช่น 20% ต่อปี ถ้าได้มากกว่าก็ถือว่ากำไรและโชคครับ
คิดได้ดังนี้ ชีวิตเลยไม่เครียดอีกเลยตั้งแต่นั้นมา
ใครจะว่ายังไงก็ช่าง เงินผมไม่ลดมีแต่เพิ่มไปเรื่อยๆ ผมก็พอใจแล้ว
สักวันก็รวยเอง
ผมบอกตัวเองว่า เราไม่ได้เล่นการพนันครับ ดังนั้นโอกาสเสียเราจะน้อยมากถ้าใจเย็นๆ
ปีนี้ผมก็มีการทดลองของผมแนวใหม่ให้ลองอยู่นะครับ ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย
คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
_ลูกอีสาน เขียน:
ฟังดูแล้วก็แปลกๆ ดีครับ ตัว MVA เหมือนกับจะบอกว่า นักลงทุน ควรซื้อหุ้นที่มี BV หรือมูลค่าหุ้นต่อบัญชีสูงๆ มากกว่าหุ้นที่มี ฺBV ต่ำๆ
ทั้ง EVA &MVA ไม่เคยนำมาใช้ในการลงทุนเลยครับ เพราะยังไม่เข้าใจพอ และดูยุ่งยาก ซับซ้อน คิดว่าวอร์เรน ก็คงไม่ใช้ค่าทั้งสองตัวนี้เหมือน แต่อาจจะมีแนวคิดเรื่องการสร้าง-ลด ความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้น ที่คล้ายๆ กันครับ
ตอยแรกเหมือนๆคุณลูกอีสานยังพูดไม่จบ สายหลุดเสียก่อนนะครับ ฮ่า ฮ่า
คืออยากรู้ต่อว่า Market Value Added นี่หน้าตาเป็นอย่างไรนะครับ
แต่ตอนนี้รู้แล้วครับ ซึ้งจริงๆ
คือผมมันรู้จักแต่การหามูลค่ากิจการ แล้วเอามูลค่าไปเทียบกับราคาบนกระดานแค่นั้นจริงๆ
วิธีการอย่างอื่นบอกตามตรงว่า ใบ้กินเหมือนกัน
ไม่เคยใช้เลยครับ EVA MVA เลยไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
ต้องขอบคุณคุณลูกอีสานมากครับ
สำหรับความรู้ใหม่ๆในการลงทุน
แวะเวียนมาบ่อยๆนะครับ
ต้องบอกว่าพี่ๆแถวนี้ใจดีกันจริงๆ ไม่หวงวิชาเลย เยี่ยมจริงๆ
Ayethebing เขียน:
หา ยกผมเป็นอาจารย์เลยเหรอ คงได้แค่เป็นอาจารย์ใบ้หวยกระมังครับ อิอิ ผมขอยกให้พระอาจารย์ Mon Money เป็นอาจารย์แต่เพียงผู้เดียว ครับ ผมขอเป็นศิษย์พรรคกระยาจกติดตามขอเศษตังอยู่ห่างๆ ดีก่า ฮา
แหมสงสัยปล่อย chicken ไปเยอะ ผมขอทำตามพี่ CK ดีก่า กลับไปเรียนอนุบาล เอ้ย เตรียมอนุบาล ฟังเยอะๆ พูดน้อยๆ อิอิ
ให้ความรู้น้องๆขนาดนี้ต้องเรียกอาจารย์แล้วละครับ
อย่ากลัวปล่อยไก่เลยครับ
ผมก็ปล่อยไปหลายเล้าแล้ว
ของอย่างนี้ต้องช่วยกันปล่อยไก่ทำบุญครับ
ว่ากันตามตรงอยากให้พูดกันเยอะๆ ความรู้จะได้ต่อยอดกันได้ครับ
ถ้ากลับเข้าอนุบาลกันหมด แล้วใครจะตอบคำถามน้องๆละครับ
ระดับอย่างรุ่นพี่ๆนี่ น้องๆเขาเรียก"อาจารย์"ได้เต็มปากครับ
ไม่ต้องเขินครับ อาจารย์Aye อิ อิ