หน้า 26 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2004 7:20 pm
โดย stockms
เข้าตำราคนมีอยากให้ขึ้น คนรอซื้ออยากให้ลงรึเปล่าครับ ผมว่าถ้าถือจนเต็มพอร์ตไม่มีเงินสำรองแล้ว แต่อยากให้หุ้นลงก็คงแปลก แต่ถ้ามีเงินสดอยู่เต็มบัญชีก็ไม่แปลกหรอกครับที่อยากจะให้หุ้นลง อยากให้ลงไปถึง 300 เลยด้วยซ้ำ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2004 10:31 pm
โดย CK
ที่ผมอยากให้ SET ลบเยอะๆ เพื่อเวลามันขึ้นมันจะได้ขึ้นเยอะๆไง

เหตุผลทางจิตวิทยาครับ หุ้นบางตัวพอ SET ขึ้นก็ไม่ไปไหน พอ
SET ตกถล่มทลายก็ลงกับเขาด้วย เลยเป็นโอกาสในการปรับพอร์ต

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 16, 2004 11:13 am
โดย VIB007
และแล้ววันนี้กระทู้นี้ก็มีการอ่านผ่าน 30,000 ครั้ง

กระทู้นี้เริ่มโดยคุณธันวาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2546

ผ่าน 10,000 ครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2546
รวม 48 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 209 ครั้ง

ผ่าน 20,000 ครั้ง เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2546
รวม 63 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 159 ครั้ง

และผ่าน 30,000 ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2547
รวม 29 วัน อ่านเฉลี่ยวันละ 344 ครั้ง

ที่มีการอ่านกันมากขึ้น
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการขยับกระทู้นี้มาเป็น"เรื่องด่วน"
ให้ผู้สนใจได้เข้ามารับชมได้ทันที ไม่ต้องค้นหา

อีกส่วนหนึ่งก็คือ มีผู้ให้ความสนใจให้ความคิดเห็นและแง่มุมต่างๆหลากหลายขึ้น

ดังนั้น ผมจึงขอยกความดีความชอบทั้งหมด
ให้กับทุกท่านที่มีส่วนร่วมในกระทู้นี้ทั้งหมด
ทั้งผู้อ่าน, ผู้ตั้งกระทู้ และ ผู้ตอบกระทู้ทุกท่าน

ถ้ากระทู้นี้สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในการลงทุนของท่านให้ดีขึ้น
แม้เพียงสักเล็กน้อย
ผมก็ถือว่า ผมบรรลุวัตถุประสงค์ที่ผมได้ตั้งไว้แล้ว

ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนสนับสนุนกระทู้นี้มาโดยตลอด


ขอบคุณมากและสวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 16, 2004 12:52 pm
โดย harry
เย้ๆๆๆๆ เฮ!!! กระทู้ดีๆยังงี้ ไปถึง 5 หมื่นแน่นอนครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 16, 2004 7:12 pm
โดย ayethebing
แล้วเงินปันผลละคุณวิบูลย์ อ้าวไม่ใช้ใครเข้ากระทู้นี้ได้เงินปันผลเหรอ ว้า

อิอิ ล้อเล่นนะ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 16, 2004 11:40 pm
โดย Mon money
ร่วมแสดงความยินดีด้วยครับ Value Investment Made easy ฉบับ TVI ไทยๆเรานี่เอง เอ...มันMade easyจริงเปล่าครับเพื่อนๆ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 17, 2004 1:40 pm
โดย ลูกอิสาน
ร่วมแสดงความยินดีด้วยครับ Value Investment Made easy ฉบับ TVI ไทยๆเรานี่เอง เอ...มันMade easyจริงเปล่าครับเพื่อนๆ
อาจจะดีกว่าหนังสือซะอีกครับคุณ Mon
แต่อยู่ที่ว่าใครจะกอบโกยความรู้ไปได้เท่่าไหร่ครับ

ที่จริงกระทู้นี้น่าจะกำหนดเวลาจบนะครับ เช่นที่ 50,000 ครั้ง
เพราะนานไปจะจบไม่ลง และเนื้อหาอาจจะเข้มข้นน้อยลง

หลังจากจบแล้ว ก็ทำเป็นหนังสือตามไอเดียของคุณคลายเครียด
รายได้ก็บำรุงเวปไซท์ไปครับ
เรื่องการจัดพิมพ์ก็ปรึกษากับคุณ WEB หรือคุณ ฺิbuglife
ครั้งนี้มีเวลาเตรียมตัวนานหน่อย น่าจะประสบความสำเร็จนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 19, 2004 3:40 pm
โดย VIB007
ayethebing เขียน:แล้วเงินปันผลละคุณวิบูลย์ อ้าวไม่ใช้ใครเข้ากระทู้นี้ได้เงินปันผลเหรอ ว้า

อิอิ ล้อเล่นนะ
ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้

สวัสดีตรุษจีนครับ อย่าลืมแจกอังเปาให้ผมนะ

ขอบคุณคุณMon น้องharry คุณAyethebing และคุณลูกอีสานครับ

ผมว่าทุกท่านที่อ่านกระทู้นี้ได้"เงินปันผล"ทุกคนครับ
แต่ไม่ได้ปันผลเป็น"เงิน"เท่านั้นเอง
เพียงแต่ปันผลเป็น"ความรู้"แทน

เงินเอาไป เดี๋ยวเดียวก็หมด
ได้ความรู้ไป หากินได้ตลอดชีวิต
ดีกว่าได้เงินเยอะครับ

ต้องขอบคุณทุกท่านครับ
ที่ช่วยแบ่งปัน"ความรู้"กัน

ว่ากันตามจริง
ผมไม่มีเป้าหมายเรื่องจำนวนครั้งที่จะอ่านเลย
ก็ตอบคำถามกันไปเรื่อยๆ
มีคนถามก็ตอบ
ตอบไม่ได้ ก็ต้องอาศัยผู้รู้ท่านอื่นๆเป็นผู้อนุเคาระห์แทน
ต้องยอมรับว่า มุขของผมก็เริ่มงวดลงไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ ท่าทางจะหมดแล้ว
คงไม่ว่ากันนะครับ

แต่ก็จะพยายามตอบคำถามผู้สนใจในการลงทุนไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะไม่มีปัญญาตอบ

ส่วนเรื่องการนำเนื้อหาในกระทู้ไปทำหนังสือ
ผมไม่ถนัดเลยจริงๆ
ชอบเขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อยมากกว่า
แต่ถ้าทางเจ้าของเวปต้องการรวมเล่ม
เพื่อหารายได้บำรุงเวป
ผมก็สนับสนุนเต็มที่ครับ
ต้องขอบคุณเฮียคลายเครียดครับ
ที่ช่วยตั้งบอลให้เจ้าของเวปเตะเข้าประตู
(แต่ตอนนี้กำลังตั้งเพิ่งจับลูกได้ ยังไม่ได้ยิงครับ อิ อิ)

ตอนนี้สถานการณ์ตลาดยังไม่น่าวางใจ
ดังนั้น จะลงทุนซื้อขายหุ้นอะไรต้องใจเย็นๆครับ
วันก่อนมีเพื่อนมาบอกว่า
เสียเงินในหุ้นไปแล้วอาทิตย์ที่แล้วเป็นแสน
กลุ้มใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ติดดอยกันเป็นแถว
จะCutlossก็เสียดาย
จะถือไว้ก็กลัวราคาหล่นลงมาอีก

ก็เป็น"เรื่องธรรมดา"ของการเกร็งกำไรครับ
มีได้ก็ต้องมีเสีย
แต่ถ้ารู้จักการลงทุนก็ได้เสียเหมือนกันครับ
แต่โอกาสเสียน้อย โอกาสได้มาก

แล้ววันนี้ ท่านรู้จัก"การลงทุน"ที่แท้จริงหรือยังครับ

สวัสดีทุกท่านครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 20, 2004 6:29 pm
โดย +++ unlog
เรียนถาม ท่านวิบูลย์ ว่า
PTTEP เข้าเป้า กี่ point จาก ทั้งหมด 15 point
ง่ะ .... อิอิ

ช่วยกรุณาแจกแจงให้หน่อย จักเปนพระคุณ

อิอิ....

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 21, 2004 11:46 am
โดย ayethebing
VIB007 wrote:
ผมว่าทุกท่านที่อ่านกระทู้นี้ได้"เงินปันผล"ทุกคนครับ
แต่ไม่ได้ปันผลเป็น"เงิน"เท่านั้นเอง
เพียงแต่ปันผลเป็น"ความรู้"แทน

เงินเอาไป เดี๋ยวเดียวก็หมด
ได้ความรู้ไป หากินได้ตลอดชีวิต
ดีกว่าได้เงินเยอะครับ
"ม่ายอาวๆ ความรู้หนูไม่เอา หนูจะอาวเงิน"

แซวเล่นอีกแล้น ไม่มีความรู้เงินก้อไม่มีหรอกครับ อย่างงี้ใครเข้ากระทู้นี้ได้เป็น "ความรู้ปันผล" แทนสิเนี่ย อืม อยากให้เอาความรู้ปันผลมา reinvest ในกระทู้นี้แหละครับ ไม่ต้องไปลงทุนที่อื่น รับรองจะได้ capital gain ทางความรู้เพิ่มเติมแน่ๆ เลย

แหม อยากให้พี่วิบูลย์ (ริอ่านเรียกคุณวิบูลย์ว่าพี่ ทั้งๆที่วัยวุฒิผมก้อไม่น้อยแล้ว แต่คุณวุฒิยังด้อย อยากเร่งศึกษาครับ) ตอบคำถามคุณ ++unlog จัง เกี่ยวกับมุมมองในแนว Fisher กับ ปตท.สผ. นะครับ

ผมก้อรู้ว่ามันขัดกับหลักการของคุณวิบูลย์ แต่การยกตัวอย่างจากของจริงนี่แหละ ได้ประโยชน์และทำให้เข้าใจได้ดีที่สุดนะครับ

หรือจะไม่เอา ปตท.สผ. เอาหุ้นอื่นก้อไม่ว่ากันนะครับ

รบกวนถามพี่วิบูลย์ หรือ พี่ท่านอื่นๆ เรื่อง DR บางจาก

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 21, 2004 7:18 pm
โดย supachail
ผมอยากรบกวนสอบถามพี่วิบูลย์ หรือพี่ท่านอื่นๆ เกี่ยวกับ ดีอาร์หุ้นบางจาก โดย มีข้อมูลดังนี้
ทางบริษัท บางจาก ทำการเพิ่มทุน 3000 Million Baht และเสนอขายให้นักลงทุนในรูปของใบแสดงสิทธิ ซึ่งออกโดย บ.สยามดีอาร์ จำกัด โดยใบแสดงสิทธิ นี้ จะให้ผลประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในลักษณะเดียวกันกับการลงทุนในหุ้นของบริษัท โดยตรง และมีกระทรวงการคลัง รับประกันเงินต้นในราคา 13 baht / 1 DR ณ ปีที่ 10

สิทธิในการแลกเปลี่ยน

ผู้ถือหุ้นบริษัท ได้รับสิทธิในการแลกเปลี่ยนหุ้นสามัญเป็นใบ ดีอาร์ ในอัตรา 10 หุ้นต่อ 9 ดีอาร์
และ พิเศษ เฉพาะผู้ถือหุ้นที่นำหุ้นสามัญมาแลกเปลี่ยนเป็น ดีอาร์ จะได้รับสิทธิในการจัดสรร ในอัตรา 10 หุ้นสามัญ ต่อ 4 DR ในราคา 13 Baht /DR ( 20-22 มค )

สำหรับ กระทรวงการคลัง และ ปตท ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้รับสิทธิในการแลกเปลี่ยนหุ้นสามัญของบริษัท เป็น ดีอาร์ ในอัตรา 10 หุ้นสามัญ ต่อ 5 DR ซึ่งทั้งสองหน่วยงาน แสดงความจำนงในการแลกเปลี่ยนแล้ว แต่ทั้งสองหน่วยงาน จะไม่ได้รับสิทธิ ในการจัดสรร ดีอาร์เพิ่มเติม
ผู้ออกใบแสดงสิทธิ บ.สยามดีอาร์ จำกัด(ตั้งขึ้นเฉพาะกิจ โดย ตลท.)
อายุในแสดงสิทธิ สิบปี

ผมลองอ่าน ข้อมูลคร่าวๆ แต่ยังงงงง อยู่
อยากถามพี่ๆ ว่า
1. เหตุใด จึงต้องระดมทุนในรูปแบบของดีอาร์
ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์(ดูแลและเก็บรักษาหุ้นบางจาก)
/
บางจาก<------>บ.สยามดีอาร์ <------->ผู้ลงทุน

2. ดีอาร์ คล้ายๆกับ วอร์แรน หรือเปล่า เห็นข้อมูลแจ้งว่า สามารถใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ทุกๆ ไตรมาส แต่เมื่อแปลงแล้ว ไม่สามารถแปลงกลับมาเป็น ดีอาร์ได้อีก และ ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขการค้ำประกันเงินต้นของกระทรวงการคลัง และ คงจะมีค่าใช้จ่ายในการแปลง ด้วยใช่มั้ยครับ
แต่ที่โดดเด่น คงจะเป็นการค้ำประกันของกระทรวงการคลังในราคา สิบสามบาท ในสิ้นปีที่สิบ นับจากวันออกใบแสดงสิทธิ หรือ กรณีบางจากล้มละลาย หรือ เลิกบริษัท
3. สำหรับผู้ถือหุ้นเดิม ควรใช้สิทธิ หรือ ไม่ เพราะสัดส่วนแลกหุ้นเป็นดีอาร์ น้อยลง ยิ่งกระทรวงการคลัง ยิ่งได้สัดส่วน ดีอาร์น้อยลงไปอีก
มีเหตุผลอะไรหรือเปล่า
4. แสดงว่า อีกหน่อย ก็มีการเทรดหุ้น ทั้ง บางจาก และ ดีอาร์บางจาก ในตลาด ใช่มั้ยครับ หรือว่า หากคนแปลงสิทธิ เป็นดีอาร์กันมากๆ จะทำให้ หุ้นบางจาก มีสภาพคล่องต่ำ ในอนาคต
5. พี่ๆ ไปใช้สิทธิกันบ้าง หรือเปล่าครับ
รบกวนช่วยตอบด้วยครับ มีคนรู้จักสอบถามมาครับ พรุงนี้ วันสุดท้ายแล้วครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 22, 2004 4:29 am
โดย ไม่ได้เป็นสมาชิก
ขอเข้ามาสวัสดีพี่ๆ อาจารย์ทั้งหลายค่ะ อ่านจนครบทุกหน้าแล้วเลยมั่นใจว่าพี่ๆ ที่โพสต์ประจำนี่อาวุโสกว่าแน่นอน คิคิ

ไม่เคยเข้ามาในเวบนี้เลยค่ะ แต่เข้ามาแล้วเจอกระทู้นี้อยู่หน้าแรก แถมมีคนโพสต์กันเกือบสามสิบหน้าเลยต้องเ้ข้ามาอ่าน
ใช้เวลาอ่านเกือบสิบชม.ได้มั้งคะเนี่ย กับแค่ไม่ถึงสามสิบหน้า นับว่าเป็นการอ่านที่ช้าที่สุดเท่าที่เคยมาเลยทั้งที่อ่านหนังสือเร็วมาก
ได้ความรู้มากทีเดียว แล้วก็ได้ทบทวนหลายเรื่องที่เคยเรียน เคยรู้ แต่ไม่ได้เอามาใช้ เพราะไม่เกี่ยวกับงานที่ทำอยู่

เพิ่งจะเข้าตลาดเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเองค่ะ จะว่าโชคดีก็ได้ โชคร้ายก็ได้ เพราะตั้งแต่เ้ข้าตลาดมามันก็ขึ้นอย่างเดียว แถมหุ้นก็ขึ้นเอาๆ
ความตั้งใจแรกตอนเ้ข้าตลาดคือซื้อลงทุนจริงๆ แต่พอหุ้นมันขึ้นก็อดไม่ได้ที่จะขายไป แล้วก็ไปซื้อตัวอื่น ตอนนี้กลับไปดูหุ้นตัวแรกที่ซื้อ
อยากจะร้องไห้จริงๆ เพราะถ้ายังถืออยู่ถึงตอนนี้จะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 100% เลยทีเดียว

พอตั้งใจว่าจะกลับมาหาความตั้งใจเดิม ก็เจอกระทู้นี้เข้าพอดี ขอบคุณพวกพี่ๆ จริงๆ ค่ะ ขอให้พี่ๆ มุ่งมั่นกับการเป็น VI ต่อไปนะคะ

ปล. ขอน้อยใจหน่อยเถอะค่ะ ว่าไม่มี VI สาวๆ มาโพสต์ทู้นี้เลยนะคะ อ่านมายี่สิบเจ็ดหน้า เจออยู่แค่สองอันเอง :wink:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 22, 2004 12:27 pm
โดย VIB007
+++ unlog เขียน:เรียนถาม ท่านวิบูลย์ ว่า
PTTEP เข้าเป้า กี่ point จาก ทั้งหมด 15 point
ง่ะ .... อิอิ

ช่วยกรุณาแจกแจงให้หน่อย จักเปนพระคุณ

อิอิ....
ayethebing เขียน:แหม อยากให้พี่วิบูลย์ (ริอ่านเรียกคุณวิบูลย์ว่าพี่ ทั้งๆที่วัยวุฒิผมก้อไม่น้อยแล้ว แต่คุณวุฒิยังด้อย อยากเร่งศึกษาครับ) ตอบคำถามคุณ ++unlog จัง เกี่ยวกับมุมมองในแนว Fisher กับ ปตท.สผ. นะครับ

ผมก้อรู้ว่ามันขัดกับหลักการของคุณวิบูลย์ แต่การยกตัวอย่างจากของจริงนี่แหละ ได้ประโยชน์และทำให้เข้าใจได้ดีที่สุดนะครับ
ผมจำไม่ได้แล้วละครับว่า สิบห้าข้อของอาจารย์ฟิชเชอร์มีอะไรบ้าง
พอดีหนังสือไม่อยู่ในมือตอนนี้
แต่ถ้าพูดถึงธุรกิจของ ปตทสผ ผมอยากเอา พลังทั้งห้ามาใช้มากกว่า

หนึ่ง การแข่งขันในอุตสาหกรรม
การแข่งขันน้อยมาก มียูโนแคลเป็นพระรอง แต่ก็ไม่ได้แข่งกัน
แค่ต่างคนต่างทำ ก็ผลิตแกสให้ ปตท ไม่ทันอยู่แล้ว

สอง บริษัทหน้าใหม่
ส่วนใหญ่เป็นการขอสัมปทาน หน้าใหม่เข้าได้ยากอยู่แล้ว
ลงทุนทีมหาศาล อากู๋ไพบูลย์คงไม่มีปัญญาเปิดบริษัทแข่ง

สาม ซัพพลายเออร์
แทบไม่มีผล เพราะ สผ เป็นคนหาแกสเอง

สี่ ลูกค้า
ปตท รับซื้อหมด แถมสัญญาระยะยาวสามสิบปี
ถ้าปตท ไม่ซื้อจาก สผ แล้วจะไปซื้อจากใคร

ห้า สินค้าทดแทน
อะไรมาแทนแกสธรรมชาติได้
ผมว่าอนาคตมีแต่แกสธรรมชาติไปแทนชาวบ้านเขาน่ะ
ทั้งน้ำมัน ถ่านหิน

อย่าหาว่า ผมยังงั้นยังงี้เลย
ผมไม่ได้เชียร์หุ้นตัวเองนะ
แต่
ผมว่าจะหาบริษัทที่ไม่มีคู่แข่ง
แถมมาร์จิ้นขนาดเกือบสี่สิบเปอร์เซนต์
และผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นมากกว่าสามสิบเปอร์เซนต์
กำไรเติบโตทุกปี เป็นเวลาสิบๆปี
หนี้สินก็ไม่มาก ถ้าเทียบกับฐานะบริษัท
กระแสเงินสดดีมาก ซื้อไทยเชล์ด้วยเงินสดได้ก็แล้วกัน
หายากมากนะครับ

ถ้าใครซื้อมาแล้วก็กอดเอาไว้เลย
ยิ่งได้ราคาไม่แพงเหมือนผม
เอาสเต๊คมาแลกก็ไม่ยอม
ผมกะถือจนกว่าแก๊สจะหมดอ่าวไทยเลยละครับ

อีกสองสามปี ผมรับประกัน
หลังจากโครงการที่กำลังลงทุนไว้เสร็จ
เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่แล้วครับ

แต่ก่อนจะซื้อลงทุน ผมถามหนึ่งคำถาม
"ท่านเข้าใจในธุรกิจที่จะลงทุนแล้วหรือยัง"
อย่าเชื่อผมนะครับ ต้องศึกษาเอาเองครับ
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ นะครับ
แต่ขอบอกนึกนึงว่า
บริษัทนี้มี"ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ"อยู่เหมือนกัน
ใครรู้ช่วยบอกเพื่อนๆด้วยนะครับ
supachail เขียน:ผมอยากรบกวนสอบถามพี่วิบูลย์ หรือพี่ท่านอื่นๆ เกี่ยวกับ ดีอาร์หุ้นบางจาก โดย มีข้อมูลดังนี้
ทางบริษัท บางจาก ทำการเพิ่มทุน 3000 Million Baht และเสนอขายให้นักลงทุนในรูปของใบแสดงสิทธิ ซึ่งออกโดย บ.สยามดีอาร์ จำกัด โดยใบแสดงสิทธิ นี้ จะให้ผลประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในลักษณะเดียวกันกับการลงทุนในหุ้นของบริษัท โดยตรง และมีกระทรวงการคลัง รับประกันเงินต้นในราคา 13 baht / 1 DR ณ ปีที่ 10
อันนี้ไม่ทราบครับ คงต้องถามผู้รู้ท่านอื่น
ทางที่ดี โทรไปที่บริษัทบางจากเองเลย
ถ้าบริษัทบางจากยังตอบเราไม่ได้เรื่องของตัวเอง
ก็คงต้องพิจารณาเอาแล้วกันครับว่า
ยังอยากจะลงทุนในบางจากอีกหรือเปล่า
ไม่ได้เป็นสมาชิก เขียน:พอตั้งใจว่าจะกลับมาหาความตั้งใจเดิม ก็เจอกระทู้นี้เข้าพอดี ขอบคุณพวกพี่ๆ จริงๆ ค่ะ ขอให้พี่ๆ มุ่งมั่นกับการเป็น VI ต่อไปนะคะ

ปล. ขอน้อยใจหน่อยเถอะค่ะ ว่าไม่มี VI สาวๆ มาโพสต์ทู้นี้เลยนะคะ อ่านมายี่สิบเจ็ดหน้า เจออยู่แค่สองอันเอง
น่านนะซิครับ
ทำไมไม่มี VI สาวๆ มาโพสต์ทู้นี้เลย
ผมก็ยังแปลกใจ
หรือ VI สาวๆ ขี้อายก็ไม่รู้เนอะ
อิ อิ

ผมว่าถ้าคุณไม่ได้เป็นสมาชิก
ทนถือหุ้นเหมือนทนอ่านกระทู้นี้สิบชั่วโมงได้
ผมว่าอนาคต"รวย"แน่นอน

สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 22, 2004 9:03 pm
โดย thanwa
แหม คุณวิบูลย์ออกโรงแจง ปตท.สผ. เป็นข้อๆ อย่างนี้
แล้วราคาจะลงมาให้ผมซื้อเพิ่มหรือครับ
ตอนนี้ที่ซื้อครั้งสุดท้ายที่ 220 บาท ก็คิดว่าซื้อเร็วไป
ที่ไหนได้ ไม่กลับไปให้เห็นอีกเลย
ราคาตอนนี้ยังไม่กล้าซื้อเพิ่ม
ภาวนาให้มี panic หรือหุ้นปรับฐานหนักๆ สักที
ขอนอนกอดเงินสดไว้รอก่อนก็แล้วกันครับ

วันนี้นั่งอ่าน ลงทุนแบบ บัฟเฟต์ ฉบับแปล
แหมเพิ่มทราบเหมือนกันว่า บัฟเฟต์ก็ลงทุนในกิจการหลายหลากเช่นกัน
ตอนนี้ก็เลยต้องทำการบ้านเพิ่มเติดขึ้นอีกมาก เพราะหาหุ้นที่ดีๆ มีน้อยเต็มทนนะ ก็เลยแก้เคลียดด้วยตัวที่มี margin of safety เยอะสุดไปพลางๆ ก่อน

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 22, 2004 11:26 pm
โดย บุคคลทั่วไป
ขอบคุณ คุณวิบูลย์มากเลยครับสำหรับ Five Force ของ pttep ตรงกับที่ผมอยากได้เลย แต่อยากให้คุณวิบูลย์ช่วยทำเป็นตัวอย่าง แบบในหนังสือ The New Buffettology ฉบับแปล ในบทที่ 19 เอาให้ครบทั้ง 11 ข้อเลยน่ะครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ไม่มาก ก็น้อย น่ะครับ
ปล.หลังจากอ่านครบ 3 รอบ รู้สึกว่าชอบมากเลยครับ แต่ก็ไม่รู้จะไปปรึกษากับใคร ก็เห็นมีแต่ใน เวบนี้เเท่านั้นแหละครับที่พอจะปรึกษาได้ครับ. :lol:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 23, 2004 11:10 am
โดย VIB007
thanwa เขียน:แหม คุณวิบูลย์ออกโรงแจง ปตท.สผ. เป็นข้อๆ อย่างนี้
แล้วราคาจะลงมาให้ผมซื้อเพิ่มหรือครับ
ตอนนี้ที่ซื้อครั้งสุดท้ายที่ 220 บาท ก็คิดว่าซื้อเร็วไป
ที่ไหนได้ ไม่กลับไปให้เห็นอีกเลย
ราคาตอนนี้ยังไม่กล้าซื้อเพิ่ม
ภาวนาให้มี panic หรือหุ้นปรับฐานหนักๆ สักที
ขอนอนกอดเงินสดไว้รอก่อนก็แล้วกันครับ
สวัสดีครับ คุณธันวา
ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ครับ ขอให้รวยๆ
ผมว่าเรื่อง ปตท.สผ คงไม่ต้องกลัวราคาไม่ร่วงครับ
ไว้ตลาดถล่มทลายเมื่อไหร่
คงมีราคาถูกๆให้เห็น
ราคาลงไม่กลัว กลัวราคาไม่ลงครับ
ถือหุ้นแบบนี้ แล้วจะไม่ชอบให้ตลาดถล่มได้อย่างไร จริงมั๊ยครับ
เป็นอย่างนี้นี่เอง คนอื่นถึงหาว่าพวกเราบ้า
แต่บ้าก็บ้าว่ะ ฮ่า ฮ่า

พอดีไปอ่านเจอคุณน้า Peter Lynch บอกเอาไว้ว่า
"Everyone has the Brain Power to make money in stocks,
but not everyone has stomach"


คร่าวๆก็คือ
ทุกคนมีสมองที่จะทำเงินจากตลาดหุ้น
แต่ไม่ทุกคนที่"อึด"พอที่จะเห็นตลาดพังทลายโดยไม่รู้สึกอะไร

นั่นคือ
คนส่วนใหญ่พอเห็นตลาดถล่ม ก็พากันหนีกระเจิงกับชาวบ้านเขา
แทนที่จะมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะเก็บหุ้นชั้นเยี่ยมเข้าพอร์ต

ผมว่าคุณธันวา สบายอยู่แล้วเรื่องนี้ จริงมั๊ยครับ
Guest เขียน:ขอบคุณ คุณวิบูลย์มากเลยครับสำหรับ Five Force ของ pttep ตรงกับที่ผมอยากได้เลย แต่อยากให้คุณวิบูลย์ช่วยทำเป็นตัวอย่าง แบบในหนังสือ The New Buffettology ฉบับแปล ในบทที่ 19 เอาให้ครบทั้ง 11 ข้อเลยน่ะครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ไม่มาก ก็น้อย น่ะครับ
ปล.หลังจากอ่านครบ 3 รอบ รู้สึกว่าชอบมากเลยครับ แต่ก็ไม่รู้จะไปปรึกษากับใคร ก็เห็นมีแต่ใน เวบนี้เเท่านั้นแหละครับที่พอจะปรึกษาได้ครับ.
สวัสดีครับ คุณแขก(ไม่มีหนวดอีกแล้ว)
ยินดีให้คำปรึกษาครับ ถ้ายังพอมีปัญญาตอบได้นะครับ
ส่วนตัวอย่างตามหนังสือบทที่ 19 นั้น
ผมขออนุญาตขอตัวงานนี้
คงต้องให้ไปทำเป็น"การบ้าน"กันเองนะครับ
ต่างคนต่างทำ แล้วจะได้รู้ว่าเราถูกผิดตรงไหน
จะได้ฝึกทำกันด้วย

คงไม่ว่ากันนะครับ

สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 25, 2004 5:53 pm
โดย thanwa
คุณวิบูลย์ครับ
เรื่องความอดทนนะพอไหวครับ
บางครั้งอดเกินไป เลยได้แต่เสียดายครับ
คือว่าราคามันขึ้นไปมาก
แต่ด้วยความอึดก็ไม่ได้ขาย จนราคาลงมาอีกมากครับ
อย่าง TCB นี่นะ เนื่องจากรักมากขึ้นไปจนถึง 44 บาท
รู้ว่าจะต้องเสียดาย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร จนถึง 27 บาทนี่ละครับ
แหม... ขาดทุนกำไรไปบานเลยครับ
อีกอย่างต้นทุนต่ำ ขายไปก็คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรที่ต้นทุนต่ำๆ ได้อีก

ว่าแต่ว่า PTTEP นี่ก็เป็นตัวที่ชอบมากๆ อีกตัวหนึ่ง
คิดว่าตัวเองคง bias แน่ๆ
ไม่อยากให้เสียโอกาสอีกครับ
คุณวิบูลย์พอมีราคาในใจไหมครับ
ถืออย่างน้อยก็ช่วยสะกิดผมหน่อย
จะได้ไม่เสียดายทีหลังอีก :wink:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 25, 2004 7:35 pm
โดย VIB007
ฮ่า ฮ่า
สงสัยคุณธันวาต้องการให้ผมใบ้หวย
ปกติจะไม่ทำนะครับ เพราะเป็นการชี้นำ
เดี๋ยวคนจะหาว่าผมปั่นหุ้น
แต่เพื่อสนองตัณหา เอ๊ย! ปัญหาของมิตรรักแฟนเพลงชาวสะดือทะเล
ว่ากลัวจะฝันค้าง กลัวราคาหุ้นจะตกกลับไปให้หัวใจช้ำรักเล่น
ไม่ต้องกลัวครับ
ผมขอแนะนำอย่างนี้ครับ

ถ้าหุ้นขึ้นก็ไม่ต้องกลัว กอดเอาไว้
ในอนาคตมีแหล่งอาทิตย์เริ่มผลิตได้ในปี 2549
และแหล่งเจดีเอ เริ่มงานได้ราวๆอีกสองปีถัดไป
ในระยะสั้น ราคาขึ้นไปเกิน 345 บาทก็ยังถือได้สบายใจ
อีกสองสามปีข้างหน้า จะไปห้าร้อยก็ไม่น่าเกลียด (สำหรับผมนะครับ)
(เลียนแบบนายกที่บอกว่า ปตท จะไปสามร้อย
งั้นผมก็บอกเหมือนกันว่า สผ จะไปห้าร้อย ฮ่า ฮ่า)
แต่จะทนไหวกันหรือเปล่า
ตอนนี้ ราคาแค่ 280 ยังบ่นกันว่าแพง อิ อิ
บางท่านอาจจะคันมือคันเท้า
อยากใช้วิชา"คลายเครียดเรโช" อันลือลั่นของเฮียคลายเครียด
ผมขอบอกก่อนว่า สำหรับตัวนี้"อย่าดีกว่า"
ไม่งั้นจะเสียใจซื้อกลับไม่ได้ด้วยน่ะ จะบอกให้
มีเพื่อนคนนึงทำ"คลายเครียดเรโช"ไปที่ 180
กะว่าจะซื้อกลับในราคาต่ำลง
สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อเห็นที่ราคานั้นอีกเลย

ถ้าระยะสั้น หุ้นลงหนัก
ก็ไม่ต้องกลัวเหมือนกัน
ถ้าเห็นต่ำกว่า 200 บาท
ผมแนะนำให้ไปแคะกระปุกเอาเงินแต๊ะเอียมาซื้อได้
แต่ปัญหาคือ จะเห็นกันหรือเปล่าที่ราคานี้
ถ้าใครขาดทุนจะ Cutloss ก็ตามสบายนะครับ
แต่อาจารย์ผมเขาบอกไว้ว่า
ถ้ารักจะถือกันไปสักสิบยี่สิบปี ยิ่งหุ้นลงยิ่งเป็นโอกาสเก็บของดีราคาถูก

ดังนั้น ถือหุ้นตัวนี้สบายใจได้
นอนตาหลับทุกวัน
หุ้นลงก็สบายกาย
หุ้นขึ้นก็สบายใจ

หวังว่าคุณธันวาคงคลายกังวลกับสะดือทะเลตัวนี้นะครับ

เอาเวลาไปกังวลตัวอื่นดีกว่า

สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 27, 2004 11:55 am
โดย ayethebing
ตอนนี้กระทู้นี้เริ่มเงียบเหงา สงสัยคนจะไปสนใจเรื่องหุ้นลง ไม่บ่นก้อซื้อเพิ่มกระมังครับช่วงนี้ กระทู้นี้ก้อเลยเงียบเหงาไปนิดนึง

อ้อ ที่ผมทำ poll เรื่องหนังสือคุณวิบูลย์คงเห็นแล้ว เหมือนกับกระทู้นี้ครับ คนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ มีคนตอบแค่ 20 กว่าคนเท่านั้น อิอิ ถ้าทำหนังสือเกี่ยวกับกระทู้นี้ออกมาขายสงสัยผมเองต้องซื้อเหมาไปแจกตามสะพานลอยแหงๆ

ใจจริงก้อว่าจะมาขออนุญาติเจ้าของเรื่องคือพี่ธันวาและคุณวิบูลย์ก่อน และผมก้อทำหน้าที่แค่รวบรวม และแบ่งหมวดหมู่ เท่านั้น เนื้อหาก้อคงเอาจากในกระทู้และเวบนี้แหละ แต่ก้ออยากรู้ว่าถ้าทำหนังสือจริงๆ จะขายได้เหรอเปล่าครับ ผมว่าถ้าจะขายไม่ได้ละ ถ้าทำแล้วแนวโน้มตลาด (หนังสือนะไม่ใช่ตลาดหุ้น) ไม่ค่อยดีอย่างนี้ ก้อคงไม่ทำแล้วละครับ ทำไปก้อสงสัยขาดทุนแรงกายและเงินเปล่าๆ

ก้อมาบ่นเล่นๆ นะครับ อยากพัฒนาเวบให้ดี แต่ก้อไม่รู้จะช่วยยังไงได้บ้างนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 27, 2004 1:30 pm
โดย VIB007
ayethebing เขียน: ใจจริงก้อว่าจะมาขออนุญาติเจ้าของเรื่องคือพี่ธันวาและคุณวิบูลย์ก่อน และผมก้อทำหน้าที่แค่รวบรวม และแบ่งหมวดหมู่ เท่านั้น เนื้อหาก้อคงเอาจากในกระทู้และเวบนี้แหละ แต่ก้ออยากรู้ว่าถ้าทำหนังสือจริงๆ จะขายได้เหรอเปล่าครับ ผมว่าถ้าจะขายไม่ได้ละ ถ้าทำแล้วแนวโน้มตลาด (หนังสือนะไม่ใช่ตลาดหุ้น) ไม่ค่อยดีอย่างนี้ ก้อคงไม่ทำแล้วละครับ ทำไปก้อสงสัยขาดทุนแรงกายและเงินเปล่าๆ

ก้อมาบ่นเล่นๆ นะครับ อยากพัฒนาเวบให้ดี แต่ก้อไม่รู้จะช่วยยังไงได้บ้างนะครับ
ผมขอสนับสนุนการทำหนังสือเต็มที่ครับ

ต้องขอบคุณคุณayethebing มากๆที่อุตส่าห์ลงแรงรวบรวมเป็นเล่ม
ไม่ต้องกลัวขายไม่ได้หรอกครับ
ถ้าไม่มีสำนักพิมพ์รับพิมพ์
ผมจะลงขันพิมพ์กับเพื่อนๆแถวนี้ เก็บไว้แจกก็ได้
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ตาม
ผมว่าตลาดหุ้นก็ยังคงเหมือนเดิม
คือ เต็มไปด้วยความโลภและความกลัวอยู่เสมอ
ผ่านไปอีกสิบปีก็เหมือนเดิม

ดังนั้น ผมว่าหนังสือเล่มนี้แจก เอ๊ย ขายได้เป็นสิบปี
ไม่ต้องกลัวขายไม่ได้
เพราะเราไม่คิดจะรวยจากหนังสือเล่มนี้อยู่แล้ว

ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร
ผมยินดีช่วยเต็มที่ครับ
พอดี ผมเวลาน้อยเลยไม่ได้รวบรวมเองเหมือนที่เฮียคลายเครียดแนะนำไว้

อย่าท้อง่ายๆครับ รวบรวมเถอะครับแล้วผมจะช่วยตรวจปรูฟให้

ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ

อ้อ รู้สึกคุณ Mon Money ก็กำลังดูๆกระทู้นี้อยู่เหมือนกัน
ลองคุยๆกันดูนะครับ
ayethebing เขียน:ตอนนี้กระทู้นี้เริ่มเงียบเหงา สงสัยคนจะไปสนใจเรื่องหุ้นลง ไม่บ่นก้อซื้อเพิ่มกระมังครับช่วงนี้ กระทู้นี้ก้อเลยเงียบเหงาไปนิดนึง
มีเรื่องประหลาดอย่างนึงนะครับ
ผมเข้าไปใน Amazon.Com
ปีก่อนที่ตลาดหุ้นอเมริกาตกๆ
หนังสือขายดีจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Value Investing
จะมีหนังสือเกี่ยวกับ Buffet ขึ้นอันดับหนังสือขายดี

เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เข้าไปดูใหม่
ปรากฏว่า ตอนนี้ดาวโจน์ทะลุหมื่นจุดใหม่
หนังสือขายดีตอนนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Technical และ Trading เป็นส่วนมาก
ตลกดีนะครับ

เมื่อกี้เจอเพื่อนที่ผมเคยเล่าให้ฟัง
คนที่เป็นสาวกของ EMT จำได้มั๊ยครับ
ผมก็เล่าให้เขาฟังอีกรอบว่า ผมลงทุนอย่างไร
เขาก็บอกว่า ผมลงทุนได้ไม่กี่ปี
สู้เขาไม่ได้หรอก ลงทุนมาแล้วสิบสามปี
เขารู้หมดหละ วิธีของผมใช้ไม่ได้หรอก
ผมบอกว่า ผมถือสะดือทะเลจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ขาย กำไรไป 200% แล้ว
เขาถามว่า "เมื่อไหร่จะขาย"
ผมบอก "ถือไปเรื่อยๆ ธุรกิจยังดีก็ถืออยู่"
เขาก็บอกอีกว่า เชื่อเขาเถอะ วิธีนี้มันใช้ไม่ได้กับตลาดเมืองไทยหรอก
ผมก็ไม่ตอบอะไร

สงสัยผมคงต้องเลิกคุยกับชาวบ้านจริงๆจังๆแล้วแน่เลย
ไม่งั้นคนจะหาว่าผมบ้ามากกว่านี้
ดังนั้น จากประสบการณ์ ขอบอกว่า
Value Investor อย่าไปคุยกับคนอื่น ยกเว้น VI ด้วยกันเอง
ไม่งั้น ถ้าคุณไม่เข้มแข็งพอ อาจจะเป๋ได้

อ้อ จริงๆแล้วผมอยากจะตอบเพื่อนคนเก่งของผมว่า
ถ้าเอ็งเก่งจริง และวิธีของเอ็งแน่จริง
เอ็งคงร่ำรวยไปแล้วหละเพื่อน
จริงมั๊ย
อ้อ อีกอย่าง
ถ้าข้าทำตามที่เอ็งบอก ข้าก็คงมีสภาพไม่ต่างจากเอ็งตอนนี้เท่าไหร่ละว่ะ
เพื่อนผมก็ยังทำงานหาเงินงกๆอยู่เลยครับ
เล่นหุ้นก็ขาดทุนมาตลอด เพิ่งมาได้กำไรเมื่อปีที่แล้วนี่เอง
ปีที่ผมคิดว่าลิงมาเล่นหุ้นก็ยังได้กำไร

ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม
ผมก็ยังลงทุนตามแบบที่ผมถนัดละครับ
ผมคิดๆดูแล้ว Risk/Reward Ratio มันเยี่ยมซะจนบอกไม่ถูก

ถ้า Value Investing ใช้ไม่ได้จริง
ผมและอีกหลายๆท่านคงไม่มีวันนี้

ถ้าไม่ได้วิชา VI
ผมก็คงเหมือนแมงเม่าคนอื่นๆ
คงขายหุ้นดีๆออกไปเพียงเพราะได้กำไรเล็กน้อย
และเก็บหุ้นขาดทุนไว้รอราคา Rebound กลับมาชาติหน้าตอนบ่ายๆ

เอาล่ะครับ ขอบ่นเพียงเท่านี้
สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 27, 2004 3:56 pm
โดย VIB007
ผมขอลอกกาลามสูตรของคุณคัดท้ายที่โพสที่ตลาดหุ้นมาไว้ที่นี่ด้วยนะครับ
คราวที่แล้ว ผมโพสได้ไม่หมดเพราะจำไม่ได้

คัดท้าย เขียน: ขอทวน กาลามสูตร 10 ข้ออีกหนนะครับ

1. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา
2. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา(ประเพณี)
3. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง
4. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก(คัมภีร์,ตำรา)
5. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ
6. อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง
7. อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ
8. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน
9. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ
10. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา

ต่อเมื่อใดพิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้วจึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น เรียกว่า กาลามสูตร หรือ เกสปุตติยสูตร หรือ เกสปุตตสูตร
ดังนั้น ในการลงทุน เชื่อตัวท่านเองดีที่สุดครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 27, 2004 11:30 pm
โดย chatchai
น้อง VIB007 ก็บอกเพื่อนซิว่า ร้จักอย่คนเล่นห้นมาก็ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ลงทนแบบ VI ก็ได้ผลตอบแทนที่ดีได้

ทกวันนี้ไม่ต้องทำงานประจำ ไม่ต้องเฝ้ากระดาน กินอิ่มนอนหลับสบายทกคืน

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 28, 2004 2:56 am
โดย thanwa
ออกมาสนับสนุนคุณ ayethebing เรื่องหนังสืออีกทีครับ
ผมไม่มีความสามารถเรื่องเขียนๆ หรือเรียบเรียงนะ
ถ้าเรื่องแบกหามและก้อบอกมาได้เลยครับ
อ้อ.. อีกอย่าง เรื่องลงทุนพิมพ์อาจจะเป็นเรื่องรองครับ
เคยติดต่อสำนักพิมพ์ เราก็ติดเรื่องต้นฉบับครับ
หานักเขียนที่มีความสามารถมารวบรวมไม่ได้สักที
คุณ ayethebing มีความคิดว่าอย่างไรครับ :?:

อีกอย่างถ้ารวบรวมจริง น่าจะมีบางส่วนที่มีคุณ chatchai และคุณลูกอิสาน เขียนหน่อยนะจะดี ตัวอย่างที่ดีของ นักลงทุนอาชีพ หรือ อาชีพนักลงทุน นะ.

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 28, 2004 11:35 am
โดย VIB007
chatchai เขียน:น้อง VIB007 ก็บอกเพื่อนซิว่า ร้จักอย่คนเล่นห้นมาก็ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ลงทนแบบ VI ก็ได้ผลตอบแทนที่ดีได้

ทกวันนี้ไม่ต้องทำงานประจำ ไม่ต้องเฝ้ากระดาน กินอิ่มนอนหลับสบายทกคืน
ขอบคุณครับพี่Chatchai

พอดีเพื่อนผมคนนี้มันดื้อหัวรั้น
ลงทุนยังไงมันก็เป็นยังงั้น ไม่เคยเปลี่ยน
ผมคงปล่อยให้มันไปตามทางของมัน
คงไม่ยุ่งจะดีกว่า

สงสารแต่เพื่อนผมอีกคนที่ไปเป็นสาวกของ EMT อีกคน
อยู่ก้วนเดียวกันกับเพื่อนคนเดิม
เมื่อวานก็เจอ
ผมถามว่า พอร์ตพี่เป็นยังไงบ้าง
เขาตอบว่า ช่วงนี้แย่ ตัวแดงเยอะ น่ากลัวจริงๆ
ผมเลยบอกว่า ถ้าแบบพวกผมละก็ ตอนนี้ช่วงหาของซื้อเลยล่ะ
เขาก็งงๆ
แต่สุดท้าย เขาก็คงออกมาจากการเป็นสาวกของ EMT ไม่ได้
ทั้งๆที่เขาสนใจวิธีการลงทุนของผมเหมือนกัน
แต่เขาสนิทกับเพื่อนผมอีกคนมากกว่า
ด้วยความเกรงใจเพื่อน เลยต้องขาดทุนต่อไป

ไม่เป็นไรครับ
ทางใครทางมัน
ไม่ว่ากันอยู่แล้ว
ใครจะลงทุนแบบไหน ก็แล้วแต่ความพอใจ
เราคงเปลี่ยนแปลงใครไมได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเราเองได้
จริงมั๊ยครับ พี่Chatchai
thanwa เขียน:ออกมาสนับสนุนคุณ ayethebing เรื่องหนังสืออีกทีครับ

อ้อ.. อีกอย่าง เรื่องลงทุนพิมพ์อาจจะเป็นเรื่องรองครับ
ใช่ๆ เห็นด้วยครับ เห็นด้วย

หนังสือธรรมะก็พิมพ์แจกมาแล้ว
จะลงขันพิมพ์หนังสือลงทุนอีกเล่ม จะเป็นไรไปนิ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 29, 2004 1:03 am
โดย raruen
ในที่สุดก็อ่านกระทู้นี้จบอีกคนครับ
ใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนอ่านวันละหน้าสองหน้า บางวันก็ไม่ได้อ่าน
yoyo แนะนำมานานแล้วครับ แต่เพิ่งได้เริ่มดูช่วงปลายปีที่แล้ว

อยากถามเรื่อง DCF ว่ามันต้องมีสมมติฐานอะไรบ้างครับ
เห็นพวกคุณพี่ๆบอกว่าจะแสดงตัวอย่างกันให้ดูจะจะมานาน
ยังไงก็รอชมอยู่นะครับ

คือสงสัยว่า DCF ของ FCF มันจะกลายเป็นมูลค่าของหุ้นได้ยังไง
แล้วต้องประมาณการอนาคตสักกี่ปีถึงจะเหมาะครับ

ตามความเข้าใจของผมคือ FCF พอดิสเค้ากลับมาที่ปีปัจจุบันด้วย WACC ของเรา(นักลงทุน)เอง สมมติว่าได้ 100 บาทต่อหุ้น
แปลว่า นี่คือ intrinsic value of this stock เลยเหรอครับ
แล้วก็คูณ safety factor สัก 0.5 ได้ 50 บาทยังงี้ใช่ไหมครับ

ที่ทำยังงี้ได้ด้วยสมมติฐานที่ว่า FCF ที่บริษัทได้รับมาจะต้องก่อประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รึป่าวครับ

ฟังดูงงๆไหมครับ เพราะผมอ่านเองก็งงๆนิดๆ หะหะ

เห็นบอกหลายคนให้กลับไปอ่านหน้าแปดก่อน
แต่ผมอ่านแล้วยังงงอยู่ครับ
ขอคุณพี่วิบูลย์และคณะสงเคราะห์ด้วยครับ
ขอบพระคุณครับ.

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 29, 2004 10:30 am
โดย ayethebing
ขออนุญาติปล่อยไดโนเสาร์อธิบายคุณ rauren ครับ

ข้อแรก DCF ของ FCF เกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นอย่างไร

อันนี้ต้องอิงกับทฤษฎีว่ามูลค่าที่แท้จริงของบริษัท (หรือโครงการ) ใดๆ คือ กระแสเงินสดคงเหลือ (รายได้ หัก ค่าใช้จ่าย หัก การลงทุนเพิ่มในรูปของเงินสดเท่านั้น) ที่บริษัท (หรือโครงการ) นั้นจะสร้างตลอดอายุของมัน อันนี้เป็นหัวใจของ FCF method ครับ

โดยปกติเค้าก้อจะต้องมีการคาดการณ์อนาคตเป็นระยะเวลานึง จากนั้นก้อใช้สูตร terminal value ซึ่งก้อคือ DCF กระแสเงินสดคงเหลือเมื่อกิจการนั้นๆ จะคงอยู่ชั่วกาลปาวสาน (นิยายนิดหน่อย อิอิ) เช่น

บริษัท A
2004 2005 2006 2007 2008
FCF 100 120 130 140 150

DCF ของกระแสเงินสดเหลือ ก้อคือ 476.51 ถ้าใช้ WACC ที่ 10%

ทีนี้ก้อมาหา terminal value ว่าตั้งแต่ปี 2009 ไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย (นิยายอีกแล้น) มันมีมูลค่าของกระแสเงินสดที่ discount แล้ว อีกเท่าไหร่ สูตรเค้ามีอยู่แล้วนะครับ สมมติว่ากระแสเงินสดที่เราเดาว่าควรจะเป็นในปี 2009 เป็นต้นไปคือ 150 และจะเติบโตประมาณ 1 % ก้อจะได้ ค่าประมาณ 1666

ดังนั้นกิจการนี้จะสร้างกระแสเงินสดทั้งหมดเป็น 1666+476.51 = 2,143 บาทซึ่งก้อควรเป็นมูลค่าที่แท้จริงของกิจการนี้ด้วย ถ้าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงต่อหุ้นมากๆ ก้อเรียกว่ามี margin of safety ครับ

ข้อที่สอง DCF มีสมมติฐานอะไรบ้าง
เพียบเลยครับ เดาอนาคตผิด ก้อคำนวนผิด อ้อ WACC ไม่ใช่ของนักลงทุนนะครับ เป็น WACC ของกิจการต่างหาก WACC ของกิจการเองก้อมีสมมติฐานฝังอยู่เหมือนกัน ทีนี้การหา WACC ในแง่ของผมมันก้อคือ ความเสี่ยงหรือความผันผวนในการทำธุรกิจนั่นเอง ถ้าธุรกิจผันผวนสูง WACC ก้อน่าจะสูงตามไปด้วย การคำนวนหา WACC ของกิจการนึงๆ จึงเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร

การที่บริษัทมีหนี้มากๆ ไม่ได้ทำให้ WACC ต่ำลงถ้าบริษัทนั้นไม่ต้องเสียภาษี การลดภาษีจ่ายเป็นข้อดีอย่างเดียวของหนี้ในแง่ของโครงสร้างเงินทุนครับ การที่มีหนี้มากๆ อาจจะทำให้ ROE มันดูดีขึ้น แต่มันก้อทำให้ cost of equity สูงขึ้นด้วยนะอย่าลืม เพราะความผันผวนของกำไร จะทวีคูณเข้าไปใน ROE ดังนั้น ROE ก้อจะผันผวนมากๆ ตาม cost of equity ก้อเลยจะสูงตามได้ด้วย

ด้วยสมมติฐานอันมากมายแถมยังต้องเดาอนาคตด้วย ยังงี้มันจะใช้ได้เหรอเนี่ย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องรู้ในธุรกิจที่เราลงทุนไงครับ จะได้มีกึ๋นในการคาดเดาอนาคตอย่างมีหลักเกณฑ์ วอร์เรนไม่ลงทุนในกิจการที่เค้าไม่เข้าใจ เพราะเค้าหามูลค่าที่แท้จริงไม่ได้ การลงทุนระยะยาว ก้อเป็นการลดความเสี่ยงเพราะทำให้เราเข้าใจธุรกิจดียิ่งขึ้น ทำให้เราเข้าใจสิ่งที่มากระทบกับมูลค่าของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น

จริงๆ มันมีอีกวิธีคือ economic profit ซึ่งควรจะได้ผลลัพธ์เท่ากับ FCF ถ้ามันใช้สมมติฐานอันเดียวกัน

อิอิ ขอตอบแค่นี้แล้วกัน รอคุณ chatchai มาตอบดีก่า ตัวจริงเสียงจริง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 29, 2004 12:52 pm
โดย zippo
อ่านยังไม่จบทุกหน้าน่ะค่ะ แต่ก็เกือบแล้ว :wink: พอดีมีข้อสงสัยอยากขอความเห็นจากพี่ๆVI ว่า ถ้าหุ้นที่Divenden yield สูงๆ EPS เติบโตต่อเนื่อง มา อย่างน้อยห้าปี (หาข้อมูลย้อนหลังสิบปีม่ายล่าย) PEG<1 PEไม่เกินสิบ หนี้สินมีไม่มาก กำไรแต่ละปีก็ดี ที่นี้พอมาดูสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นมันน้อยมาก ไม่ถึงแสนหุ้นต่อวันเนี่ย(บางวันไม่ถึงหมื่น :shock: ) ก็เลยอยากรู้ว่าหุ้นตัวนี้ยังน่าสนใจอยู่หรือไม่ ควรจะดูข้อมูลอะไรเพิ่มในการตัดสินใจอีกบ้างค่ะ ราคาตอนนี้ก็สูงอยู่เหมือนกันในแง่ของจำนวนเงิน นักลงทุนเบี้ยน้อยหอยน้อย :oops: อย่างน้อง ควรเอาไปลงทุนหุ้นตัวอื่นที่ราคามันถูกกว่านี้แบบ 2 ตัว 20 แต่dividen ไม่ดีเท่า EPS ไม่ดีเท่า Growthก็น้อยกว่า พูดง่ายๆคือมีดีกว่าก็แค่สภาพคล่องในตลาดหุ้น หรือว่าไงค่ะ อยากได้ความเห็นจากพี่ๆที่มีexperience อันโชกโชนนะค่ะ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 29, 2004 1:44 pm
โดย ayethebing
บอกหน่อยอิ หุ้นอะไรมันจะดีขนาดนั้น จะได้ไปซื้อบ้าง

จะเป็น VI ก้อต้องอดทนได้ครับ ทนที่จะรอซื้อ ทนที่จะเก็บเอาไว้นานๆ

สภาพคล่องน้อยไม่ใช่ประเด็นเลยครับ

อ้อ signature ผมเป็นกลอนปีใหม่อวยพรทุกท่าน และอยู่ในกระทู้นี้ด้วยแหละ พี่ CK

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 29, 2004 1:58 pm
โดย VIB007
raruen เขียน: คือสงสัยว่า DCF ของ FCF มันจะกลายเป็นมูลค่าของหุ้นได้ยังไง
แล้วต้องประมาณการอนาคตสักกี่ปีถึงจะเหมาะครับ

ตามความเข้าใจของผมคือ FCF พอดิสเค้ากลับมาที่ปีปัจจุบันด้วย WACC ของเรา(นักลงทุน)เอง สมมติว่าได้ 100 บาทต่อหุ้น
แปลว่า นี่คือ intrinsic value of this stock เลยเหรอครับ
แล้วก็คูณ safety factor สัก 0.5 ได้ 50 บาทยังงี้ใช่ไหมครับ

ที่ทำยังงี้ได้ด้วยสมมติฐานที่ว่า FCF ที่บริษัทได้รับมาจะต้องก่อประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รึป่าวครับ

ฟังดูงงๆไหมครับ เพราะผมอ่านเองก็งงๆนิดๆ หะหะ
ขอบคุณท่าน Ayethebing ครับสำหรับคำตอบ

สำหรับท่านที่ยังสงสัยใน DCF ก็หาหนังสือมาอ่านได้นะครับ
ชื่อ การปรับโครงสร้างทางการเงิน เล่ม2 ของ สนพ FPM Consultant

ส่วนการหา DCF นั้น ถ้าให้อุปมาให้เป็นตัวอย่าง
ก็เปรียบได้กับการหามูลค่าของมนุษย์เงินเดือนคนนึงนะครับ

สมมุติคนทำงานกินเงินเดือนหนึ่งคน อยากรู้ว่าตัวเองมีมูลค่าเท่าไหร่
ก็สามารถใช้ DCF หาได้ครับ ดังนี้

1) เขาคนนั้นมีรายได้แต่ละเดือนเท่าไหร่ (Income)
2) ในอนาคต เขาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไหร่ จนถึงเกษียณ (Future Estimation)
3) เขามีรายจ่ายแต่ละเดือนเท่าไหร่ (Expense)
4) เขามีเงินเหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วเท่าไหร่ (FCF)
5) เขาจะเงินที่เหลือในข้อ 4 ไปทำอะไร ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ (Discount Rate)
6) คำนวณเงินในข้อ 4 ด้วยอัตราผลตอบแทนตามข้อ 5 จนถึงเกษียณ (DCF)
7) มูลค่าที่ได้จากข้อ 6 คือมูลค่าของคนคนนั้น (Intrinsic Value)
โดยถ้าเขาทำงานจนเกษียณ และ มีรายได้เพิ่มขึ้นตามที่วางแผนไว้
Discount ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ต้องการ

ลองคำนวณหามูลค่าของตัวเองซิครับ ว่าท่านมี"มูลค่า"เท่าไหร่

ถามว่า"ความเสี่ยง"ที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า
1) รายได้ของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คาดหวังเอาไว้
2) เขาอาจจะตกงานก่อนเกษียณ
3) เขาอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ประมาณการ
4) อัตราผลตอบแทนที่ใช้อาจจะเปลี่ยนไป เช่น ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือลดลง

บอกได้เลยว่า การใช้ DCF หามูลค่าหุ้นจะผิดพลาดมากที่สุด
เพราะต้องประมาณการรายได้รายจ่ายไปในอนาคต
ดังนั้น อย่างที่ท่านAyethebing บอกไว้นั่นถูกแล้วครับ
ถ้าไม่เข้าใจธุรกิจ ก็หามูลค่าด้วย DCF ไม่ได้

ผมเคยเห็นบทวิเคาระห็ของโบรกนะครับ
เคยให้มูลค่าหุ้นด้วย DCF ณ ราคาหนึ่ง
พอราคาหุ้นขึ้นๆไม่หยุด
เพื่อนเล่นเปลี่ยน Discount Rate หน้าตาเฉย
เพื่อให้"ราคา"ที่ตัวเองคำนวณตาม"ราคาตลาด"ทัน
ทั้งๆที่ห่างกันไม่กี่สัปดาห์ อัตราดอกเบี้ยก็ไม่ขยับ
ผลประกอบการบริษัทก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
ก็ระวังบทวิเคาระห์ของโบรกไว้ด้วยนะครับ
อย่าเชื่อหมด อันตรายครับ
zippo เขียน:อ่านยังไม่จบทุกหน้าน่ะค่ะ แต่ก็เกือบแล้ว พอดีมีข้อสงสัยอยากขอความเห็นจากพี่ๆVI ว่า ถ้าหุ้นที่Divenden yield สูงๆ EPS เติบโตต่อเนื่อง มา อย่างน้อยห้าปี (หาข้อมูลย้อนหลังสิบปีม่ายล่าย) PEG<1 PEไม่เกินสิบ หนี้สินมีไม่มาก กำไรแต่ละปีก็ดี ที่นี้พอมาดูสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นมันน้อยมาก ไม่ถึงแสนหุ้นต่อวันเนี่ย(บางวันไม่ถึงหมื่น ) ก็เลยอยากรู้ว่าหุ้นตัวนี้ยังน่าสนใจอยู่หรือไม่ ควรจะดูข้อมูลอะไรเพิ่มในการตัดสินใจอีกบ้างค่ะ ราคาตอนนี้ก็สูงอยู่เหมือนกันในแง่ของจำนวนเงิน นักลงทุนเบี้ยน้อยหอยน้อย อย่างน้อง ควรเอาไปลงทุนหุ้นตัวอื่นที่ราคามันถูกกว่านี้แบบ 2 ตัว 20 แต่dividen ไม่ดีเท่า EPS ไม่ดีเท่า Growthก็น้อยกว่า พูดง่ายๆคือมีดีกว่าก็แค่สภาพคล่องในตลาดหุ้น หรือว่าไงค่ะ อยากได้ความเห็นจากพี่ๆที่มีexperience อันโชกโชนนะค่ะ
สงสัยน้อง zippo คงเป็น"ขาใหญ่" ซื้อขายวันนึงเป็นแสนหุ้น
เลยกลัวหุ้นสภาพคล่องน้อย กลัว"ออกของ"ไม่ทัน อิ อิ

ถ้ารักจะถือยาว ก็ไม่ต้องกลัวหุ้นสภาพคล่องน้อยครับ
ยิ่งเราลงทุนไม่มากถึงขนาดเป็นสิบล้านเป็นร้อยล้านก็ยิ่งไม่ต้องห่วง
แถมถ้าวิเคาระห็มาดี ก็ไม่ต้องกลัวออกของไม่ทัน
มีแต่จะซื้อเพิ่มละไม่ว่า

คำถามที่ว่า
ถ้าเลือกหุ้นดีราคาเป็นร้อย กับหุ้นห่วยราคาไม่กี่บาท
ถ้าเป็นผม ผมคงดูละครับว่า หุ้นทั้งสองแบบนั้น
อย่างไหน"แพง"กว่ากัน ในแง่มูลค่าหุ้น
หุ้นร้อยบาทแต่ P/E 4-5 จะถูกกว่าหุ้นสองบาท แต่ P/E เป็นร้อยเท่าครับ
ดังน้น อย่าโดนพาร์ของหุ้นหรอก
บางหุ้นพาร์ 10 เลยดูแพง ถ้าเทียบกับหุ้นพาร์ 1

ลองคำนวณมูลค่าหุ้นดูแล้วเทียบกับราคาบนกระดาน
ถ้าทุกอย่างเท่ากัน เลือกได้ก็เลือกหุ้นดีไว้ก่อนครับ
เวลาตลาดตกเหมือนตอนนี้ที่โดน"หวัดไก่"
ดัชนี 714 แล้วจากต้นปีที่จะทะลุ 800 อยู่แล้ว
ลดลงไป 86 จุด
ก็ยังนอนหลับสบาย
ไม่ผวาตื่นตอนกลางคืนเหมือนถือหุ้นร้อนนะครับ

คุณน้า Perter Lynch บอกเอาไว้ว่า
จะซื้อหุ้นราคาร้อยบาท หรือหุ้นราคาหนึ่งบาท
ถ้าบริษัทเจ๊ง ก็เหลือศูนย์เหมือนกัน
ดังนั้น ให้ดูที่มูลค่าครับ ไม่ใช่ราคา
อาจารย์ Graham บอกเอาไว้ว่า
"ราคาคือสิ่งที่เราจ่าย แต่มูลค่าคือสิ่งที่เราได้รับ"
ราคากับมูลค่าเป็นคนละเรื่องเดียวกันครับ

ว่าแต่ว่า พี่ๆท่านอื่นๆมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
นานๆจะมี VI สาวๆมาถามที่กระทู้นี้
ไม่ตอบให้ก็ใจดำเกินไปแล้ว จริงมั๊ยครับ


สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 29, 2004 2:55 pm
โดย ayethebing
อิอิ แน่นอน พี่วิบูลย์ (อันนี้เรียกพี่ได้แล้ว เพราะหลังจากไล่อ่านกระทู้นี้โดยละเอียดเพื่อเตรียมเรียบเรียงเป็นเล่ม รู้แล้วว่าพี่วิบูลย์รหัส 28 ผมรหัส 30 เรียกเพ่ได้แน่นอน ฮา) สาวๆ มาถามแถมเผื่อได้หุ้นดีๆ มาอีกอย่างงี้ต้องตอบแน่ๆ เลยครับ

ราคาหุ้นที่แพงที่สุดในตลาดตอนนี้คือ Good year ประมาณ 500 บาท (สมมติเป็นหุ้นที่คุณ zippo อยากซื้อ ก้อแล้วกัน จิงๆ ยังไม่รู้เลยว่าตัวไหน) ถ้าซื้อ 100 หุ้นใช้ 50,000 บาท ถ้าคุณไฟแช็ค (zippo) มีเงินแค่ 50,000 บาทก้อคงจะกลัวที่จะซื้อหุ้นแค่ตัวเดียวใช่มั้ยครับ ก้อเลยอยากจะซื้อหุ้นสองสามตัวที่ราคาต่ำกว่า เพื่อลดความเสี่ยงใช่มั้ยครับ

ทีนี้รู้ได้ไงว่าอีกสองตัวมันเสี่ยงน้อยกว่าซื้อกูดเยียร์ตัวเดียวครับ ถ้าเรามีหุ้น เอ เอาอะไรดีละ เอา กลุ่มเดียวกันละกัน เอา สวีดิช มอเตอร์ ราคา 5 บาท กับ ไทยรุ่งราคา 20 บาทละกัน (อันนี้มั่วนิ่มนะครับ ไม่ได้ใบ้หุ้นด้วยละ) สมมติว่าจะซื้อเท่าๆกัน ก้อจะได้ SMC 5000 หุ้น กับ TRU 1250 หุ้น

ยังไหนดีกว่ากันเหรอครับ คำตอบคือในระยะยาวอันไกลโพ้น อย่างหลังยุ่งกว่าครับ ต้องมานั่งตามว่าผลประกอบการเป็นยังไง มีอะไรมากระทบกับหุ้นสองตัวนี้มั้ย ธุรกิจรถนำเข้า กับ ธุรกิจประกอบรถ SUV เป็นยังไง ในขณะที่แบบแรก มันดูแค่บริษัทเดียว ธุรกิจยางประเภทเดียวเท่านั้น

อ้าวแล้ว ที่เค้าเคยสอนว่าอย่าเอาไข่มาใส่ตระกร้าเดียวละ มันเสี่ยง เพราะกลัวติดเชื้อหวัดนก

อิอิ ความเสี่ยงในการเล่นหุ้น ในความคิดของผมก้อคือ ความไม่รู้ในกิจการที่ลงทุน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะเกิดถ้าเราลงทุนเยอะเกินไป โดยเฉพาะหลายๆ ท่านที่เพิ่งเริ่มลงทุนก้อถือหุ้นเป็น สิบๆ ตัวแล้ว ยังงี้ตามไปดูไหวเหรอ พอเราไม่รู้กิจการ การคาดเดาก้อต้องพึ่งคนเดียวละครับ Mr. Market ไง เราก้อต้องดูราคาในตลาดมาบอกเราว่าหุ้นที่เราถือมันดีไม่ดี หุ้นลง เราผิดมั้ง หุ้นขึ้น เราถูกชัวร์ การขึ้นลงของราคาหุ้นในระยะสั้นมันเป็นแค่สัญญานรบกวนนะครับ ในระยะยาวราคาหุ้นต้องวิ่งไปที่มูลค่าที่แท้จริงของกิจการครับ ความรู้ในมูลค่าที่แท้จริงจึงสำคัญกว่าราคาหุ้นในตลาดครับ

ทีนี้เขียนไปเขียนมาเดี๋ยวจะงง เอาง่ายๆ ก้อแล้วกัน เรามีไข่อยู่สองใบ (เหมือนเป็นเงินทุน) จะไปเลือกตระกร้ามาใส่ (สมมติว่าเป็นหุ้น) มีตระกร้าให้เลือกอยู่ 3 ใบ เผอิญตระกร้านั้นเนี่ยเราไม่รู้ว่าจะอยู่ทนแค่ไหนเพราะทำจากกระดาษ และเราต้องใช้ตระกร้านี่ไปอีกนานมาก ถ้าตระกร้าเกิดรั่วหรือเสียหาย เราก้อจะเสียไข่อันนั้นไป

ถ้าเราจะทำการเลือกแบบเดาสุ่ม ผมก้อคงเลือกสองใบเหมือนกัน เพราะโอกาสในการได้ตระกร้าดีที่สุดมีมากกว่า แต่ถ้าเราไม่เดาสุ่มไปหาแหล่งข้อมูลเพิ่ม ลองจับๆ ลูบๆ คลำๆ ตระกร้าทั้งสามดู และ ไปถามคนทำตระกร้าให้เข้าอธิบายว่าหาวัตถุดิบมาจากไหน กระบวนการผลิตดีมั้ย จากนั้นเราก้อไปถามคนที่เคยใช้ตระกร้ายี่ห้อนี้มาแล้วว่าทนทานดีมั้ย ถ้าเค้าต้องซื้อตระกร้าเพิ่มเค้าจะใช้ตระกร้าอันนี้มั้ย ถ้าเราหาข้อมูลยังงี้ได้แล้วละก้อ เราจะเลือกตระกร้ากี่ใบครับ เป็นผมผมเลือกใบที่ดีที่สุดหละ แล้วใส่ไข่ทั้งสองใบลงตระกร้าเดียวไปเลย

อิอิ ทีนี้ถ้ามีไข่เพิ่ม เพื่อความมันส์ อยากหาตระกร้าลายสวยๆ มาเพิ่มก้อไม่ผิดกติการอะไรครับ แต่ถ้ามีไข่น้อย แค่สองใบ หาตระกร้าแบบทนมือทน จุดจุดจุด หน่อยดีกว่า

ไม่รู้ตอบคำถามได้ตรงใจคุณ zippo รึปล่าวนะ