คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 871
ความเป็นไปได้ที่กรุงไทยจะรวมกับกสิกร
ก็ใกล้เคียงกับความเป็นไปได้ที่รถขนเงินแบงค์ชนเรือดำน้ำหละครับ
ดังนั้น ก็ไม่ต้องไปคิดต่อให้ปวดหัวเล่น
แบงค์ที่น่าจะรวมกับกรุงไทยน่าจะเป็นไทยธนาคารมากกว่า
เพราะเหลือหัวเดียวกระเทียมลีบ
พอดีเวลาน้อย
ต้องออกไปข้างนอก
แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ
ก็ใกล้เคียงกับความเป็นไปได้ที่รถขนเงินแบงค์ชนเรือดำน้ำหละครับ
ดังนั้น ก็ไม่ต้องไปคิดต่อให้ปวดหัวเล่น
แบงค์ที่น่าจะรวมกับกรุงไทยน่าจะเป็นไทยธนาคารมากกว่า
เพราะเหลือหัวเดียวกระเทียมลีบ
พอดีเวลาน้อย
ต้องออกไปข้างนอก
แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ
- harry
- Verified User
- โพสต์: 4200
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 872
ผมก็ว่ายากนะที่กรุงไทยกับกสิกรจะมารวมกัน เพราะต่างคนต่างใหญ่ และก็อันนึงของรัฐ อันนึงเอกชน คงยาก แต่ถ้ากรุงไทยเอาแบงค์รัฐด้วยกันมารวมน่าจะดีกว่า ผมคิดว่า KTB KBANK BBL SCB BAY น่าจะอยู่ครบ แต่จะดึงใครมารวมด้วยนั่นก็ต้องตามดูกันไป
Expecto Patronum!!!!!!
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 873
คุณมน ผมไปซื้อมาอ่านแล้วล่ะMon money เขียน:หากสนใจสงสัยว่าทั้งDOW และ DAQจะเดี้ยงแล้วมีผลกับSETก็อ่านหนังสือ เรื่อง US Finance เศรษฐกิจแบบกาสิโน ของอ.สมภพ มานะรังสรรค์ดูครับ หาได้ที่ SE-ED และ B2S ครับ น่าอ่านมากคุณวิบูลย์อย่าลืมไปหาอ่านซะนะ
ก็ได้ความรู้พอสมควร
เห็นคุณมนอ่าน John Neff จบแล้ว
เอาเนื้อหาของ John Neff มาใส่ไว้ในกระทู้นี้บ้างดีมั๊ยครับ
จะได้ไม่หายไปกับกาลเวลา
ผมยังไม่ได้อ่าน เพิ่งได้มาจาก Amazon
ตอนนี้กำลังอ่าน Value Investing with the Master อยู่
เป็นการรวบรวมบทสัมภาษณ์ของผู้จัดการกองทุน
ที่ใช้หลักการ Value Investing 20 คน
ดีมากครับ สั่งมาพร้อมกับ John Neff ครับ
แต่อ่านเล่มนี้ก่อนเพราะอ่านง่ายกว่ามาก
มีทั้ง Tweety Brown, Bill Miller, Marty Witman,
และคนอื่นๆอีกหลายคนเลยครับ
แต่พอดีผมนิสัยไม่ดี
ชอบให้คนเสียเงินซื้อหนังสือมาอ่าน
ใครสนใจสั่งซื้อได้ที่ Amazon.com ครับ เล่มละประมาณ 25 เหรียญ
ไม่รวมค่าส่ง เทคนิคคือสั่งสักสองสามเล่มพร้อมๆกัน
จะเฉลี่ยค่าส่งลงไปได้ครับ
ผมคิดว่าหนังสือเล่มนึงไม่กี่พันบาท
แต่สามารถทำให้ท่านมีความรู้
และทำกำไรจากตลาดหุ้นได้หลายแสนหลายล้านบาท
หรืออย่างน้อยก็ทำให้ท่านไม่ขาดทุนจากการลงทุนได้
คุ้มยิ่งกว่าคุ้มอีกครับ
ซื้อเถอะครับ อย่าCopyเลย ยกเว้นหนังสือหายาก Out of Print ก็อีกเรื่อง
ว่าแต่ว่า ใครมีหนังสือ Super Stock ของ Kennet L. Fisher
ลูกชายของอาจารย์ Philip Fisher ช่วยบอกด้วยนะครับ
ผมกำลังหาอยู่ เป็นหนังสือ Out of Print หาซื้อไม่ได้แล้วครับ
อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
สวัสดีครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 874
ความจริงแล้วก็ไม่อยากให้Copyหรอกครับ(เรื่อง J. Neff) ก็คุณวิบูลย์บอกผมเองว่ากำลังจะout of printแล้วนี่นา
เนื้อหาผมสรุปแล้วครับ แต่มันยังเป็นภาษาฝรั่งอยู่เลย คือว่าสรุปเป็นภาษาไทยมันนานกว่าเลยเอาเป็นฝรั่งไปก่อนครับ จะค่อยๆแปลอีทีแล้วจะลงให้ครับ
มีหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่out of printแล้วแน่นอนเลย ผมเชื่อว่าผมมีคนเดียวในประเทศไทยเล่มนั้นคือ Beyond the ZULU Principle ของJim Slater อันนี้อ่านจบนานแล้ว คนนี้มันมากครับ ครบเครื่องจริงๆ สนใจบ่.........
เนื้อหาผมสรุปแล้วครับ แต่มันยังเป็นภาษาฝรั่งอยู่เลย คือว่าสรุปเป็นภาษาไทยมันนานกว่าเลยเอาเป็นฝรั่งไปก่อนครับ จะค่อยๆแปลอีทีแล้วจะลงให้ครับ
มีหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่out of printแล้วแน่นอนเลย ผมเชื่อว่าผมมีคนเดียวในประเทศไทยเล่มนั้นคือ Beyond the ZULU Principle ของJim Slater อันนี้อ่านจบนานแล้ว คนนี้มันมากครับ ครบเครื่องจริงๆ สนใจบ่.........
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1011
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 875
สวัสดีครับคุณวิบูลย์ คุณมนและเพื่อนๆ
ติดตามอ่านและขอความรู้จากที่นี่อยู่ครับ
ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเลย (เป็นข้ออ้างครับ)
จริงๆ แล้วไม่ค่อยชอบอ่านมากกว่า
หนังสือซื้อใหม่อยู่ที่บ้างอีกเป็นตั้งๆ เลย
ตอนนี้ net ที่บ้านเสียเลยไม่ได้เข้ากะกลางคืน
น่าจะให้ได้แล้วตอนนี้ คงต้องทยอยอ่านครับ
อีกอย่างใกล้ปิดสิ้นเดือนอีกแล้ว
นับวัน นับวัน ชีวิตยิ่งน่าสนใจ
ปิดไตรมาสนี่เหมือนปิดสิ้นปีเข้าไปทุกที
นอกจากนี้ปิดสิ้นเดือนเหมือนปิดสิ้นไตรมาส
ทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของกิจการร่วม
น่าจะเป็นทางออกที่ดีนะครับ
คอยสอบถามผู้บริหารวันประชุมผู้ถือหุ้นแทน
เอ...ว่าแต่ว่า น้อง zippo หายไปไหนน้า..
ผมชอบสไตล์การเขียนของเธอนะ
อ่านแล้ว หายเคลียดดีครับ
ติดตามอ่านและขอความรู้จากที่นี่อยู่ครับ
ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเลย (เป็นข้ออ้างครับ)
จริงๆ แล้วไม่ค่อยชอบอ่านมากกว่า
หนังสือซื้อใหม่อยู่ที่บ้างอีกเป็นตั้งๆ เลย
ตอนนี้ net ที่บ้านเสียเลยไม่ได้เข้ากะกลางคืน
น่าจะให้ได้แล้วตอนนี้ คงต้องทยอยอ่านครับ
อีกอย่างใกล้ปิดสิ้นเดือนอีกแล้ว
นับวัน นับวัน ชีวิตยิ่งน่าสนใจ
ปิดไตรมาสนี่เหมือนปิดสิ้นปีเข้าไปทุกที
นอกจากนี้ปิดสิ้นเดือนเหมือนปิดสิ้นไตรมาส
ทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นหรือเจ้าของกิจการร่วม
น่าจะเป็นทางออกที่ดีนะครับ
คอยสอบถามผู้บริหารวันประชุมผู้ถือหุ้นแทน
เอ...ว่าแต่ว่า น้อง zippo หายไปไหนน้า..
ผมชอบสไตล์การเขียนของเธอนะ
อ่านแล้ว หายเคลียดดีครับ
- zippo
- Verified User
- โพสต์: 81
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 876
ว๊าย เขินthanwa เขียน: เอ...ว่าแต่ว่า น้อง zippo หายไปไหนน้า..
ผมชอบสไตล์การเขียนของเธอนะ
อ่านแล้ว หายเคลียดดีครับ
เล่นชมกันซึ่งๆหน้าอย่างนี้ นู๋เขินแย่เลยยยยย
(พลั่ก .... เสียงโดนเบิร์ดกะโหลก)
อูยยย เจ็บ
ก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ
เข้ามาทุกวันแหละ
เข้ากระทู้โน้น ออกกระทู้นี้
ไม่อยากจะบอกว่า
จริงๆแล้วสิงสถิตย์เป็นผีเฝ้าศาลอยู่ที่นี่ทั้งวันแหละค่ะ
ขอบคุณที่คิดถึงค่ะ
ไว้หามุขใหม่ๆได้ จะมาเปิดการแสดงรอบใหม่
ช่วงนี้เครียด เครียดค่ะ นึกมุขไม่ออก
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 877
เห็นคุยกันเรื่องหนังสือทีไร ผมอดไม่ได้ต้องขอแจมด้วย คุณ MON ผมมีทั้ง THE ZULU PRINCIPLE และBEYOND THE ZULU PRINCIPLE ครับ สองเล่มนี้มีเนื้อหาคล้ายกันบางส่วน แต่ก็จัดว่าดีครับ ของ JIM SLATER ผมไม่ได้ซื้อ YOU CAN BE A MILLIONAIRE เพราะเห็นว่า เนื้อหาอ่อนไปหน่อย อีกเล่มของเขาที่ผมมีก็คือ RETURN TO GO เล่มนี้เขาจะเล่าถึง 7 ปีที่เขารุ่งเรือง ตามด้วย 3 ปีแห่งความลัมเหลว ตอนนั้น ฐานะการเงินของเขาถึงกับติดลบเลยครับ หนังสือเล่มนี้เขียนในปี 1977 ซึ่ง OUT OF PRINT ไปแล้วครับ ส่วน SUPER STOCKS ของ KEN FISHER ผมซื้อมาเมื่อ 7 ปีก่อน แต่ยังไม่ได้อ่านเลยครับ หนังสือจะพูด
ถึง PRICE SALES RATIO, PRICE RESEARCH RATIO และ MARGIN ANALYSIS ครับ
ถึง PRICE SALES RATIO, PRICE RESEARCH RATIO และ MARGIN ANALYSIS ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 878
อยากถามท่าน ayethebing ครับว่าayethebing เขียน: ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้โพสต์อะไรมาก เพราะงานยุ่งมากๆ เลย เรื่องหนังสือ เฮ้อ ต้องขออภัยซือแป๋วิบูลย์ล่วงหน้า เพราะยังไม่ไปถึงไหนเลยครับ
เจอกันตอนไปเยี่ยมบริษัท TR ครับ
ปั่นหนังสือไปถึงไหนแล้วครับ
คุณ Buglife กำลังตามต้นฉบับอยู่
เห็นบอกว่าไปคุยกับเจ้านายแล้วด้วย
ยังไงอย่าให้เสียชื่อนะครับ อิ อิ
ไม่ได้ทวงนะ แค่ถามเฉยๆ ฮ่า ฮ่า
อ้อ ผมไม่ได้ไปเยี่ยม TR ครับ
พอดีไม่ว่าง แล้วก็ไม่ชอบลงทุนบริษัทแขกเป็นการส่วนตัวครับ
เป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบ
พอดีตอนผมสั่งเหลือแค่สองเล่มเองMon Money เขียน:ความจริงแล้วก็ไม่อยากให้Copyหรอกครับ(เรื่อง J. Neff) ก็คุณวิบูลย์บอกผมเองว่ากำลังจะout of printแล้วนี่นา
แต่พอเช็คล่าสุดเมื่อวานนี้ใน Amazon.com
ปรากฏว่า มีเข้ามาใหม่แล้ว เป็นปกอ่อน ราคา 10 เหรียญ
ถูกกว่าปกแข็งที่ผมสั่งมา ครึ่งต่อครึ่ง
ใครสนใจสั่งซื้อได้ครับ
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
ผมถามคุณมนซะเลยว่า
คุณมนชอบกลยุทธการลงทุนของ John Neff ตรงไหนบ้างครับ
เว้ามาได้เลย รอฟังอยู่
thanwa เขียน:เอ...ว่าแต่ว่า น้อง zippo หายไปไหนน้า..
ผมชอบสไตล์การเขียนของเธอนะ
อ่านแล้ว หายเคลียดดีครับ
ดูๆเหมือนคุณธันวาเรียก"แม่หมอ"ออกจากสำนักยังไงก็ไม่รู้น่ะ อิ อิzippo เขียน:ก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกค่ะ
เข้ามาทุกวันแหละ
เข้ากระทู้โน้น ออกกระทู้นี้
ไม่อยากจะบอกว่า
จริงๆแล้วสิงสถิตย์เป็นผีเฝ้าศาลอยู่ที่นี่ทั้งวันแหละค่ะ
ขอบคุณที่คิดถึงค่ะ
ไว้หามุขใหม่ๆได้ จะมาเปิดการแสดงรอบใหม่
ช่วงนี้เครียด เครียดค่ะ นึกมุขไม่ออก
สงสัยช่วงนี้ หุ้นตก แม่หมอเลยเครียด
ขอบอกแม่หมอหน่อยแล้วกันครับว่า
อย่าเครียดเลย
ยิ่งหุ้นตกยิ่งเป็นโอกาสได้เป็นเจ้าของบริษัทในราคาที่ถูกลง จริงม่ะ
ถ้าเรามั่นใจในอนาคตของบริษัทของเราก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ผมว่าคนเรานี่ก็แปลกนะ
ถ้าไปซื้อของสักอย่าง ราคาไม่กี่ตังค์
ศึกษาแล้ว ศึกษาอีก รุ่นไหนดีกว่ารุ่นไหน
ราคาของแต่ละร้านเท่าไหร่ ไปสืบมาหมด
แถมกว่าจะควักตังค์ที ก็ต่อแล้วต่ออีก
ยิ่งราคาลงเท่าไหร่ ยิ่งดีใจใช่มั๊ยครับ
เหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ ซื้อของได้ถูกกว่าชาวบ้าน
แต่กับการซื้อหุ้น
เรากลับทำตรงกันข้าม
ใครบอกว่า หุ้นตัวไหนดี ก็ตามไปซื้อเลย
ทั้งๆที่จ่ายเงินมากกว่าซื้อของอย่างอื่นอีกเยอะ
บางคนจ่ายเป็นแสนเป็นล้าน
กลับใช้เวลาศึกษาหุ้นตัวนั้นน้อยกว่าซื้อของใช้ในบ้านซะอีก
ยิ่งเป็นหุ้นกระซิบ มีข่าววงใน ยิ่งชอบ
ยิ่งแพง ยิ่งราคาขึ้นๆ ยิ่งบอกว่าดี เออ
พอราคาร่วงลงมา กลับกลุ้มใจ
ผมละไม่เข้าใจจริงๆ
ผมขอยกคำพูดของอาจารย์เกรแฮมของผมมาบอกแล้วกันครับ
อาจารย์บอกว่า "เวลาลงทุนในตลาดหุ้นให้ทำเหมือนซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกต"
เวลาเราซื้อของใช้ ยิ่งประกาศลดราคายิ่งดี จริงมั๊ย
ใครอยากจะซื้อกระดาษทิชชูราคาแพงๆล่ะ
ร้อยทั้งร้อย เลือกคุณภาพดีราคาถูกไว้ก่อน
ดังนั้น ตลาดช่วงนี้ ผมว่ากำลังเป็น Midnight Sale ครับ
เห็นร่วงทุกวัน
ก็ค่อยๆเลือกกันไปนะครับ ตาดีได้ตาร้ายเสียครับ
ยิ่งอุตสาหกรรมที่คนกำลังมองในแง่ร้าย
ควบรวมเป็นว่าเล่น กำลังอีรุงตุงนัง นักลงทุน(ระยะสั้น)เบือนหน้าหนี
ยิ่งดีสำหรับท่านครับ ขอบอก
ตายละหว่า......WEB เขียน:เห็นคุยกันเรื่องหนังสือทีไร ผมอดไม่ได้ต้องขอแจมด้วย คุณ MON ผมมีทั้ง THE ZULU PRINCIPLE และBEYOND THE ZULU PRINCIPLE ครับ สองเล่มนี้มีเนื้อหาคล้ายกันบางส่วน แต่ก็จัดว่าดีครับ ของ JIM SLATER ผมไม่ได้ซื้อ YOU CAN BE A MILLIONAIRE เพราะเห็นว่า เนื้อหาอ่อนไปหน่อย อีกเล่มของเขาที่ผมมีก็คือ RETURN TO GO เล่มนี้เขาจะเล่าถึง 7 ปีที่เขารุ่งเรือง ตามด้วย 3 ปีแห่งความลัมเหลว ตอนนั้น ฐานะการเงินของเขาถึงกับติดลบเลยครับ หนังสือเล่มนี้เขียนในปี 1977 ซึ่ง OUT OF PRINT ไปแล้วครับ ส่วน SUPER STOCKS ของ KEN FISHER ผมซื้อมาเมื่อ 7 ปีก่อน แต่ยังไม่ได้อ่านเลยครับ หนังสือจะพูด
ถึง PRICE SALES RATIO, PRICE RESEARCH RATIO และ MARGIN ANALYSIS ครับ
ผมไม่มีสักเล่มที่บอกมาเลยครับ แถม Out of Print หมดจะหาได้ที่ไหนเนี่ย
เอางี้แล้วกันครับ
ผมขอเชิญคุณ WEB จัดรายการ "แนะนำหนังสือการลงทุน" ในกระทู้นี้ได้มั๊ยครับ
โดยแนะนำหนังสือทีละเล่ม
เล่าให้ฟังอย่างย่อๆว่า เล่มนี้เป็นอย่างไร มีอะไรดี น่าสนใจแค่ไหน
เหมือนคอลัมน์วิจารณ์หนังอะไรทำนองนั้นหละครับ
เอาเล่มนึงมากๆหน่อยก็ดี
เหมือนย่อความมาให้อ่านอะไรทำนองนั้น
สักวันละเล่ม หรือ อาทิตย์ละเล่มสองเล่มก็ยังดีครับ
ถ้าไม่รบกวน ผมขอ Request เลยนะครับ
เอาวิจารณ์หนังสือ THE ZULU PRINCIPLE ประเดิมก่อนเลย
ส่วน Super Stock ถ้ายังไม่ได้อ่าน
ตอนนี้ Out of Print แล้วคงหาซื้อไม่ได้
ถ้าไม่รบกวน ผมขอนำมา Copy ได้มั๊ยครับ หรือขอซื้อต่อก็ได้ครับ
ราคาเท่าไหร่ บอกมาได้เลยครับ
สวัสดีครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 879
สงสัยคุณ วิบูลย์อาจจะต้องรอนานนนนน เลยละครับ เพราะงานประจำจะรัดตัวมากเลยตอนนี้ แค่บทที่หนึ่งก็แค่กำลังจะเสร็จเองครับ
รู้สึกผิดครับ ถ้ามีใครอยากรับช่วงหรือช่วยก็ยินดีนะครับ เพราะถ้า speed เป็นยังงี้ ปีนี้ก็ไม่เสร็จครับ
ต้องขออภัยคุณวิบูลย์ที่ฝากความหวังเอาไว้ครับ ยังไงถ้ายังไม่มีใครทำต่อ ผมก็จะทำของผมไปเรื่อยๆ จะทะยอยส่งให้ดูทีละบทเพื่อขอความเห็นถ้าเป็นไปได้ครับ
รู้สึกผิดครับ ถ้ามีใครอยากรับช่วงหรือช่วยก็ยินดีนะครับ เพราะถ้า speed เป็นยังงี้ ปีนี้ก็ไม่เสร็จครับ
ต้องขออภัยคุณวิบูลย์ที่ฝากความหวังเอาไว้ครับ ยังไงถ้ายังไม่มีใครทำต่อ ผมก็จะทำของผมไปเรื่อยๆ จะทะยอยส่งให้ดูทีละบทเพื่อขอความเห็นถ้าเป็นไปได้ครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ROE in Buffettology
โพสต์ที่ 881
หวัดดีครับ กำลังอ่าน Buffettology ไม่ใช่ New Buffettology นะครับ ผมอ่านที่พูด ๆ กันบอกว่าหนังสือของ Mary Buffet มีข้อผิดพลาด อันแรกที่หนังสือบอกว่าให้ใช้ Earning ในการหาราคา ซึ่งจริงๆน่าจะใช้ FCF มากกว่า เห็นคุณ VIB007? บอกว่าเพราะ Mary ต้องการไม่ให้คนอ่าน (ส่วนมากมือใหม่)สับสน และ ให้ดูง่าย อีกอย่างผมคิดว่า อาจเป็นเพราะสำหรับบริษัทที่ผ่านข้อมีหนี้น้อย และ conservatively financed และ การบริหาร (การเงิน)ดี ถ้ามองในระยะยาว 5-10 ปี Earning น่าจะไม่ต่างจาก FCF มาก ก็เลยแนะนำให้ใช้ได้ เข้าใจเอาเองนะครับ ช่วยแนะนำด้วย
อีกอย่างผมสงสัยเรื่อง ROE ซึ่งบอกความสามารถทำเงิน ตามปรกติควรใช้ Equity(BV) ของต้นปี หรือปลายปีก่อนหน้านั้น และ Return(Earning) ของปลายปีเพื่อหา ROE ของปีนั้นหรือเปล่าครับ
แต่บางครั้ง หนังสือของ Mary Buffet ก็ใช้ตัวเลขของปีเดียวกันเลย บางจุดคำนวนตามเลยไม่ตรง แนะนำหน่อยนะครับ
อีกอย่างผมสงสัยเรื่อง ROE ซึ่งบอกความสามารถทำเงิน ตามปรกติควรใช้ Equity(BV) ของต้นปี หรือปลายปีก่อนหน้านั้น และ Return(Earning) ของปลายปีเพื่อหา ROE ของปีนั้นหรือเปล่าครับ
แต่บางครั้ง หนังสือของ Mary Buffet ก็ใช้ตัวเลขของปีเดียวกันเลย บางจุดคำนวนตามเลยไม่ตรง แนะนำหน่อยนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 882
ในกรณีที่ Depreciation ใกล้เคียงกับ Capital Expenditure
NIAT จะใกล้เคียงกับ Owner Earning
ดังนั้น ในหนังสือของแมรี่ The New Buffetology ซึ่งจงใจแต่งสำหรับมือใหม่
ก็เลยให้หาบริษัทที่ใช้เงินลงทุนไม่เยอะเป็นข้อแรกๆ
เพื่อ Screen บริษัทที่มี Capital Expenditure มากกว่า Depreciation
แล้วให้ใช้ NIAT แทน Owner Earning
ก็พอใช้ได้ครับ ไม่เสียหาย
ส่วนเรื่อง Equity นั้น ถ้าให้ดีก็ใช้ค่าเฉลี่ยต้นปีกับปลายปีจะดีที่สุด
แต่ถ้าหาค่า ROE ย้อนหลังหลายๆปี
ก็อนุโลมให้ใช้ค่าปลายปีได้
เพราะการหาย้อนหลังหลายๆปี
ช่วยขจัดเรื่องความเบี่ยงเบนของข้อมูลไปได้ครับ
เอาง่ายๆ บัฟเฟตเคยบอกเอาไว้ว่า
"I prefer to get roughly right rather than precisely wrong"
ก็คือ ข้อมูลที่ได้มานั้น ถูกคร่าวๆดีกว่าผิดอย่างละเอียด
การหามูลค่าที่แท้จริงนั้น ไม่ต้องละเอียดถึงทศนิยมสามตำแหน่งหรอกครับ
แล้วก็ไม่ได้มีค่าเดียวด้วย
ถ้าใครคำนวณมูลค่าออกมาได้ค่าเดียว ผมบอกได้เลยว่า ผิดครับ
เพราะสถานการณ์ในอนาคตของบริษัทอาจเปลี่ยนไปได้เสมอ
ดังนั้น มูลค่าที่ดีควรจะมีค่าเป็น Range ครับ
ผมบอกนิดนึงแล้วกัน
ใน Buffetology ไม่ได้พูดถึงการหา Intrinsic Value นะครับ
เขาบอกแค่ว่า
ถ้าซื้อหุ้นตัวนี้ที่ราคานี้แล้วถือไว้สิบปีจะมีผลตอบแทนเท่าไหร่
จากประสบการณ์ของผมเองพบว่า
ความรู้แค่นี้ไม่พอครับ
ส่วนตัวผมคิดว่า จะหาความรู้ทั้งหมดจากหนังสือเล่มเดียวคงทำไม่ได้
และอย่าเชื่อหนังสือซะหมด
บางครั้ง บริษัทที่ท่านคิดว่าดี ซื้อมาตาม Buffetology ทุกอย่าง
เวลาผ่านไป อาจจะไม่ดีอย่างที่คิดก็ได้
เพราะเราอาจจะคิดผิด หรือ บริษัททำไม่ได้อย่างที่เราคาดไว้
อย่าลืมว่า บัฟเฟตใช้เวลาห้าสิบปีในตลาด กว่าจะมาถึงวันนี้
ดังนั้น เวลาเขาทำอะไรจะดูง่ายไปหมด
แต่มีใครรู้มั๊ยครับว่าเขาต้องลองผิดลองถูกอยู่นานแค่ไหน
เขามีความรู้ ประสบการณ์แค่ไหน
ผมไม่ได้บอกว่าเราเป็นเหมือนบัฟเฟตไมได้
แต่เราต้องเรียนรู้ครับด้วยตัวเราเอง
หนังสือบอกเราไม่หมดหรอกครับ
และวิธีของแมรี่ก็ไม่ได้ผิด
เพียงแต่ผมอยากบอกว่า "ความคิด"สำคัญกว่า"วิธีการ"ครับ
อย่ายึดติดกับวิธีการ
ขอแค่ให้หลักคิดเราถูกต้อง ก็ช่วยให้เราลงทุนประสบความสำเร็จได้
ผมอยากยกตัวอย่างครับว่า
คนที่ใช้วิธีของแมรี่ตาม Buffetology ในการเลือกหุ้นทุกอย่างแล้ว
พอซื้อหุ้นมาจริงๆแล้วหุ้นตก แล้วก็ยังกลัว กังวล
แสดงว่า ยังไม่เข้าใจหลักการลงทุนแนว Value Invesitng ดีพอ
ต้องศึกษาเพิ่มเติมครับ
ผมชอบคำพูดคลาสสิกครับที่ว่า
"เงินไม่ได้ทำให้เกิดความคิด ความคิดต่างหากทำให้เกิดเงิน"
แค่มี"ความคิด"ที่ถูกต้อง คุณก็ทำเงินได้แล้วในตลาดหุ้น
แต่ถ้าคุณมี"วิธีการ"ที่ถูกต้อง คุณอาจจะทำเงินหรือเสียเงินก็ได้
อันนี้บอกจากความจริงที่ประสบมากับตัวเองเลยละครับ
แล้วท่านละครับ วันนี้ท่านมี"ความคิดในการลงทุน"ที่ถูกต้องแล้วหรือยัง
NIAT จะใกล้เคียงกับ Owner Earning
ดังนั้น ในหนังสือของแมรี่ The New Buffetology ซึ่งจงใจแต่งสำหรับมือใหม่
ก็เลยให้หาบริษัทที่ใช้เงินลงทุนไม่เยอะเป็นข้อแรกๆ
เพื่อ Screen บริษัทที่มี Capital Expenditure มากกว่า Depreciation
แล้วให้ใช้ NIAT แทน Owner Earning
ก็พอใช้ได้ครับ ไม่เสียหาย
ส่วนเรื่อง Equity นั้น ถ้าให้ดีก็ใช้ค่าเฉลี่ยต้นปีกับปลายปีจะดีที่สุด
แต่ถ้าหาค่า ROE ย้อนหลังหลายๆปี
ก็อนุโลมให้ใช้ค่าปลายปีได้
เพราะการหาย้อนหลังหลายๆปี
ช่วยขจัดเรื่องความเบี่ยงเบนของข้อมูลไปได้ครับ
เอาง่ายๆ บัฟเฟตเคยบอกเอาไว้ว่า
"I prefer to get roughly right rather than precisely wrong"
ก็คือ ข้อมูลที่ได้มานั้น ถูกคร่าวๆดีกว่าผิดอย่างละเอียด
การหามูลค่าที่แท้จริงนั้น ไม่ต้องละเอียดถึงทศนิยมสามตำแหน่งหรอกครับ
แล้วก็ไม่ได้มีค่าเดียวด้วย
ถ้าใครคำนวณมูลค่าออกมาได้ค่าเดียว ผมบอกได้เลยว่า ผิดครับ
เพราะสถานการณ์ในอนาคตของบริษัทอาจเปลี่ยนไปได้เสมอ
ดังนั้น มูลค่าที่ดีควรจะมีค่าเป็น Range ครับ
ผมบอกนิดนึงแล้วกัน
ใน Buffetology ไม่ได้พูดถึงการหา Intrinsic Value นะครับ
เขาบอกแค่ว่า
ถ้าซื้อหุ้นตัวนี้ที่ราคานี้แล้วถือไว้สิบปีจะมีผลตอบแทนเท่าไหร่
จากประสบการณ์ของผมเองพบว่า
ความรู้แค่นี้ไม่พอครับ
ส่วนตัวผมคิดว่า จะหาความรู้ทั้งหมดจากหนังสือเล่มเดียวคงทำไม่ได้
และอย่าเชื่อหนังสือซะหมด
บางครั้ง บริษัทที่ท่านคิดว่าดี ซื้อมาตาม Buffetology ทุกอย่าง
เวลาผ่านไป อาจจะไม่ดีอย่างที่คิดก็ได้
เพราะเราอาจจะคิดผิด หรือ บริษัททำไม่ได้อย่างที่เราคาดไว้
อย่าลืมว่า บัฟเฟตใช้เวลาห้าสิบปีในตลาด กว่าจะมาถึงวันนี้
ดังนั้น เวลาเขาทำอะไรจะดูง่ายไปหมด
แต่มีใครรู้มั๊ยครับว่าเขาต้องลองผิดลองถูกอยู่นานแค่ไหน
เขามีความรู้ ประสบการณ์แค่ไหน
ผมไม่ได้บอกว่าเราเป็นเหมือนบัฟเฟตไมได้
แต่เราต้องเรียนรู้ครับด้วยตัวเราเอง
หนังสือบอกเราไม่หมดหรอกครับ
และวิธีของแมรี่ก็ไม่ได้ผิด
เพียงแต่ผมอยากบอกว่า "ความคิด"สำคัญกว่า"วิธีการ"ครับ
อย่ายึดติดกับวิธีการ
ขอแค่ให้หลักคิดเราถูกต้อง ก็ช่วยให้เราลงทุนประสบความสำเร็จได้
ผมอยากยกตัวอย่างครับว่า
คนที่ใช้วิธีของแมรี่ตาม Buffetology ในการเลือกหุ้นทุกอย่างแล้ว
พอซื้อหุ้นมาจริงๆแล้วหุ้นตก แล้วก็ยังกลัว กังวล
แสดงว่า ยังไม่เข้าใจหลักการลงทุนแนว Value Invesitng ดีพอ
ต้องศึกษาเพิ่มเติมครับ
ผมชอบคำพูดคลาสสิกครับที่ว่า
"เงินไม่ได้ทำให้เกิดความคิด ความคิดต่างหากทำให้เกิดเงิน"
แค่มี"ความคิด"ที่ถูกต้อง คุณก็ทำเงินได้แล้วในตลาดหุ้น
แต่ถ้าคุณมี"วิธีการ"ที่ถูกต้อง คุณอาจจะทำเงินหรือเสียเงินก็ได้
อันนี้บอกจากความจริงที่ประสบมากับตัวเองเลยละครับ
แล้วท่านละครับ วันนี้ท่านมี"ความคิดในการลงทุน"ที่ถูกต้องแล้วหรือยัง
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 883
ขอบคุณมากครับ จริงๆยังไม่คิดว่าตัวเองเข้าใจสำหรับคำถาม แต่รู้สึกเข้าใจหนทางที่ชี้โดยคำตอบ ตั้งใจอยู่แล้วครับว่าต้องอ่านมากๆ ศึกษามากๆ แล้วคง 'พลันคิดได้' .... หวังว่าคงมีสัมมนาอีกนะครับ เจอเวบนี้ช้าไป แต่จะอ่านเยอะไว้รอครับ ขอบคุณอีกครั้ง
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 884
ยิ่งนานวัน ความคิดคุณวิบูลย์ ก็ยิ่งตกผลึกครับ
น่าดีใจแทนชาว TVI ที่มีสมาชิกคอยสละเวลามาให้ความรู้เสมอๆ
ทั้งคุณ aye พี่เจ๋ง พี่ CK และสมาชิกทุกคน ที่ำทำให้เป็นสังคมแห่งนี้
แม้ยังจะไม่เป็นเวปในฝัน แต่ก็น่าจะดีที่สุดแห่งหนึ่ง อย่างที่พี่เจ๋งเคยพูด..
น่าดีใจแทนชาว TVI ที่มีสมาชิกคอยสละเวลามาให้ความรู้เสมอๆ
ทั้งคุณ aye พี่เจ๋ง พี่ CK และสมาชิกทุกคน ที่ำทำให้เป็นสังคมแห่งนี้
แม้ยังจะไม่เป็นเวปในฝัน แต่ก็น่าจะดีที่สุดแห่งหนึ่ง อย่างที่พี่เจ๋งเคยพูด..
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 885
เห็นคุณ VIB007 บอกว่าหนังสือที่แสดงการหาค่า Intrinsic Value (ด้วย DCF)คือ Value Investing From Graham to Buffet and beyond ของ Bruce Greenwald, ไม่ทราบว่าอ่านยากมากไหมครับ เพราะเข้าไปอ่านความเห็นใน Amazon.com มีคนบอกว่าต้องเตรียมหา dict สำหรับ Financial term ไว้ ดูจาก Contents แล้วน่าสนใจ ลองอ่านการหาค่าหุ้นจากหนังสือ การหามูลค่าหุ้นและการปรับโครงสร้างฯ แล้วแต่ยังไม่ค่อยอินเท่าไร อยากหาอ่านเพิ่ม ถ้ามีเล่มแนะนำบอกด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 887
ขอบคุณครับพี่ปรัชญาปรัชญา เขียน: ยังเข้ามาอ่าน
และติดตามอยู่นะครับ
เป็นกำลังใจให้คุณวิบูลย์ครับ
ที่ขอนแก่น อากาศหายหนาวหรือยังครับ
เขาบอกว่า หน้าร้อนปีนี้จะร้อนจัด
ยังไงรักษาสุขภาพด้วยนะครับ
ผมว่าพี่น่าจะทานให้มากขึ้นนะครับจะได้ไม่ผอมเกินไป
(จะได้อ้วนเป็นเพื่อนผม คุณมนบอกผมอ้วนกว่าเดิมมาก
สงสัยจะจริง เพราะตั้งแต่ปีใหม่มา น้ำหนักขึ้นหลายกิโล)
ถ้าเข้ามากรุงเทพอีกเมื่อไหร่ บอกด้วยนะครับ
จะพาไปเลี้ยงอาหารจีนแถวสามย่านครับ อร่อยมาก
เพื่อนผมไปทานทุกอาทิตย์เป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน
เขาเลยพาผมไป อาหารอร่อย ราคากันเอง
ไม่ถูกมากและก็ไม่แพงมาก อยู่หลังตลาดสามย่าน
แต่ยังไม่บอกชื่อร้านหรอก เดี๋ยวพี่จะแอบไปทานเอง ฮ่า ฮ่า
อ้อ ฝากสวัสดีอาซ้อด้วยนะครับ คิดถึงครับ
เจอช้าดีกว่าไม่เจอนะครับกำลังจะเป็น VI เขียน:ขอบคุณมากครับ จริงๆยังไม่คิดว่าตัวเองเข้าใจสำหรับคำถาม แต่รู้สึกเข้าใจหนทางที่ชี้โดยคำตอบ ตั้งใจอยู่แล้วครับว่าต้องอ่านมากๆ ศึกษามากๆ แล้วคง 'พลันคิดได้' .... หวังว่าคงมีสัมมนาอีกนะครับ เจอเวบนี้ช้าไป แต่จะอ่านเยอะไว้รอครับ ขอบคุณอีกครั้ง
ลงทุนแบบ VI ใจร้อนแล้วมักจะพลาดบ่อยๆ
ดังนั้น ลงทุนแบบใจเย็นๆจะเยี่ยมที่สุด
เป็น VI ไม่ต้องกลัวตกรถ เพราะมีรถให้เราขึ้นอยู่เสมอ
แต่น่าจะกลัวขึ้นรถผิดคันมากกว่า
อย่างจะไปหาพระอินทร์ แต่รถที่ขึ้นพาไปหายมบาลอะไรทำนองนั้น
อย่างนี้พอรู้ต้องรีบกระโดดลงทันทีนะครับ ไม่ต้องรอจอด
ยังไงก็ขอให้ประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ
ใช่แล้วครับเห็นคุณ VIB007 บอกว่าหนังสือที่แสดงการหาค่า Intrinsic Value (ด้วย DCF)คือ Value Investing From Graham to Buffet and beyond ของ Bruce Greenwald, ไม่ทราบว่าอ่านยากมากไหมครับ เพราะเข้าไปอ่านความเห็นใน Amazon.com มีคนบอกว่าต้องเตรียมหา dict สำหรับ Financial term ไว้ ดูจาก Contents แล้วน่าสนใจ ลองอ่านการหาค่าหุ้นจากหนังสือ การหามูลค่าหุ้นและการปรับโครงสร้างฯ แล้วแต่ยังไม่ค่อยอินเท่าไร อยากหาอ่านเพิ่ม ถ้ามีเล่มแนะนำบอกด้วยนะครับ
หนังสือ Value Investing From Graham to Buffet and beyond ของ Bruce Greenwald,
ผมเห็นที่ Asiabook สาขา Emporiumอยู่หลายเล่ม
สงสัยเพิ่งสั่งเข้ามา หน้าปกเป็นแบบใหม่ แต่ข้างในเหมือนเดิม
จริงๆแล้วหนังสือเล่มนี้อ่านไม่ยาก
แต่ตัวอย่างการคำนวณไม่ละเอียดพอ
ใช้อ่านเป็นความรู้ดีมากครับ
ผมว่า หนังสือการหามูลค่าหุ้นของ Fpm ยังแสดงการคำนวณละเอียดกว่า
แต่ของ Fpm ไม่ค่อยมีที่มาที่ไป เน้นคำนวณอย่างเดียว
อ่านแล้วอาจจะไม่เข้าใจ
ส่วนข้อดีของ Value Investing From Graham to Buffet and beyond
คือ มีหลักการลงทุนของนักลงทุนรุ่นเก๋าอยู่หลายคน
เช่น Michael Price, Warren Buffet, etc
จะได้รู้ว่าคนอื่นๆมีวิธีลงทุนอย่างไรบ้าง
ถ้าหนังสือเกี่ยวกับการหามูลค่าหุ้นมีหลายเล่มครับ
ผมพอแนะนำได้คร่าวๆ ลองหาตามรายชื่อข้างล่างมาอ่านดูก็ได้ครับ
1) Warren Buffet Way-Robert G. Hagstrom
2) Valuing Stock-จำคนแต่งไม่ได้
3) Analysing Company and Valuing Share-Gallahan นะถ้าจำไม่ผิด พอดีหนังสืออยู่ที่บ้าน
สำหรับท่านที่เข้ามาใหม่
ผมเคยมีกระทู้แนะนำหนังสือไว้นานมาแล้ว ประมาณเดือนกันยา 2546
อาจจะเสียเวลากลับไปค้น
ผมเลยเอามาแปะไว้ที่นี่อีกทีแล้วกันนะครับ
จะได้ไม่ต้องไปค้นกระทู้เก่าๆดู
Recommended Books for Value Investors
Beginning
*1 Mary Buffet, The new Buffetology
2 Mary Buffet, Buffetology
3 Peter Lynch, One up on Wall Street
4 Peter Lynch, Learn to Earn
5 Thomus J Stanlay, The millionaire Next Door
6 Janet Lowe, Warren Buffet Speak
7 Janet Lowe, Value Investing Made Easy
8 Robert Kiyosaki, Retire Young Retire Rich
9 Robert Kiyosaki, Rich Dad Poor Dad
10 John R. Burley, Money Secrets of the Rich
Intermediate
10 Bruce N Greenwald, Value Investing: From Graham to Buffet and Beyond
*11 Philip A. Fisher, Common Stock and Uncommon Profit
12 Philip A. Fisher, Conservative Investors Sleep well
13 Lawrence A. Cunningham, The Essays of Warren Buffet
14 Timothy Wick, How to pick stock like Warren Buffet
*15 Robert G. Hagstrom, Warren Buffet Way
16 Robert G. Hagstrom, Warren Buffet Portfolio
17 Robert G. Hagstrom, The Essential Buffet
18 Peter J. Sander, Value Investing for Dummies
Advance
19 Benjamin Graham, The inteligent Investor
20 Benjamin Graham, Security Analysis
Misc.
21 Chairman's letter to Berkshire Hathaway Shareholder 1977-2002
*22 พุทธาสภิกขุ, แก่นพุทธศาสน์
*23 ดร.นิเวศน์ เหมวชิราการ, ตีแตก
24 เทพ กาญจนาพิทักษ์, หุ้นห่านทองคำ
* =หนังสือแนะนำให้อ่านเป็นอย่างมาก
Item 1-20 :ส่ังซื้อได้ที่ Amazon.Com
Item 21 : http://www.Berkshirehathaway.Com
Item 22-24: หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป
ก็ลองหาๆมาอ่านดูกันนะครับ
โดยเฉพาะเรื่อง"แก่นพุทธศาสน์"ของท่านพุทธทาสภิกขุ
เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่เรามักจะไม่สนใจ
ผมว่าความรู้ทางตะวันออกนี่ลึกซึ้งมากนะครับ
เราสนใจแต่ความรู้ตะวันตกกัน
จนละเลยสิ่งดีๆที่เรามีอยู่ไปอย่างน่าเสียดาย
ผมถามนิดนึงแล้วกันครับว่า
เราสนใจในคำพูดของบัฟเฟตมากกว่าคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า
เราสนใจว่าเราตั้งเป้าจะทำเงินได้เท่าไหร่ มากกว่าเราตั้งเป้าจะมีความสงบในจิตใจหรือเปล่า
ผมว่าถ้าท่านเข้าใจหลักธรรมะในชีวิตประจำวันได้ละก็
ตลาดหุ้นทำอะไรท่านไม่ได้แน่นอน
เพราะท่านจะเข้าใจในธรรมชาติของจิตใจของมนุษย์
ที่เต็มไปด้วยความโลภ โกรธ เกลียด อิจฉาริษยา
และจะทำอย่างไรให้ท่านไม่ได้ถูกเร่งเร้าด้วยสิ่งเหล่านี้
ท่านจะเข้าใจว่าทุกสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติของมันเอง
ทุกอย่างเป็นเช่นนั้นเอง
หุ้นขึ้นก็"เช่นนั้นเอง"
หุ้นลงก็ "เช่นนั้นเอง"
มันเป็นเรื่องปกติ
แต่"จิตใจ"ของเราเองต่างหากที่ไปคิดว่ามัน"ไม่เป็นเช่นนั้นเอง"
ทำให้เราวิตก กังวล เป็นทุกข์กับการลงทุน
เอาล่ะ เดี๋ยวจะหาว่า ผมมาเทศนาสั่งสอน
ลองไปหาอ่านดูแล้วนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนแล้วกันครับ
ผมว่า Work มากๆ เรื่อง "ธรรมะกับการลงทุน"
สวัสดีครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 888
อยากจะมาคุยกันเรื่อง ความซื่อสัตย์ของผู้บริหารหน่อยนึงนะครับ
ตอนนี้มันเริ่มมีหลายกระแสที่กำลังพูดกันว่า ผู้บริหารของบริษัทชั้นนำในตลาดมีความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นและไม่เอาเปรียบผู้ถือหุ้นส่วนน้อยหรือไม่
ทีนี้ก็เลยมานั่งคิดว่า ที่ฟิลลิป ฟิชเชอร์ให้ความสำคัญกับผู้บริหารที่ซื่อสัตย์นะมันจำเป็นขนาดไหน อาจารย์ฟิชเชอร์ใช้คำว่า Unquesionable Integrity แปลได้ประมาณว่าความซื่อสัตย์แบบไม่มีจุดด่างพร้อย ครับ
มันไม่ต้องมีใบเสร็จ ไม่ต้องฟ้องศาล ไม่ต้องปลดออกจากตำแหน่งหรอกครับ แต่ดูสิว่า หุ้นที่ทุกคนถือๆ อยู่มีผู้บริหารอย่างนี้หรือไม่
- ผู้บริหารที่ซื้อขายหุ้นด้วยข้อมูลภายในก่อนที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือสาธารณะชนทราบ
- ผู้บริหารผ่องถ่ายทรัพย์สินไปบริษัทย่อยและตรวจสอบทรัพย์สินหรืองบการดำเนินงานของบริษัทย่อยไม่ได้
- ผู้บริหารได้ให้หุ้นกับตัวเองในรูปของ ESOP โดยไม่สนใจ performance ของกิจการ
- ผู้บริหารผ่องถ่ายทรัพย์สินไปยังบริษัทย่อย ที่ถือโดยผู้บริหารเอง
- ผู้บริหาร "มืออาชีพ" ที่ได้รับใบสั่งจากกลุ่มผลประโยชน์หรือกลุ่มการเมือง
ลองดูครับ ว่าเรามีหุ้นในบริษัทที่มีผู้บริหารอย่างนี้หรือเปล่า
ตอนนี้มันเริ่มมีหลายกระแสที่กำลังพูดกันว่า ผู้บริหารของบริษัทชั้นนำในตลาดมีความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นและไม่เอาเปรียบผู้ถือหุ้นส่วนน้อยหรือไม่
ทีนี้ก็เลยมานั่งคิดว่า ที่ฟิลลิป ฟิชเชอร์ให้ความสำคัญกับผู้บริหารที่ซื่อสัตย์นะมันจำเป็นขนาดไหน อาจารย์ฟิชเชอร์ใช้คำว่า Unquesionable Integrity แปลได้ประมาณว่าความซื่อสัตย์แบบไม่มีจุดด่างพร้อย ครับ
มันไม่ต้องมีใบเสร็จ ไม่ต้องฟ้องศาล ไม่ต้องปลดออกจากตำแหน่งหรอกครับ แต่ดูสิว่า หุ้นที่ทุกคนถือๆ อยู่มีผู้บริหารอย่างนี้หรือไม่
- ผู้บริหารที่ซื้อขายหุ้นด้วยข้อมูลภายในก่อนที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือสาธารณะชนทราบ
- ผู้บริหารผ่องถ่ายทรัพย์สินไปบริษัทย่อยและตรวจสอบทรัพย์สินหรืองบการดำเนินงานของบริษัทย่อยไม่ได้
- ผู้บริหารได้ให้หุ้นกับตัวเองในรูปของ ESOP โดยไม่สนใจ performance ของกิจการ
- ผู้บริหารผ่องถ่ายทรัพย์สินไปยังบริษัทย่อย ที่ถือโดยผู้บริหารเอง
- ผู้บริหาร "มืออาชีพ" ที่ได้รับใบสั่งจากกลุ่มผลประโยชน์หรือกลุ่มการเมือง
ลองดูครับ ว่าเรามีหุ้นในบริษัทที่มีผู้บริหารอย่างนี้หรือเปล่า
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 889
คุณ VIB007 ขอบคุณครับ ผมไม่ชอบจำสูตรอย่างเดียว แบบไม่ค่อยมีที่มาที่ไป อยากเข้าใจที่มาที่ไปด้วยนะครับ จะได้ใช้อย่างถูกต้องและพลิกแพลงได้ ในโลกแห่งความจริงไม่มีตัวเลขหรือข้อมูลมาลอยให้เราเห็นเป้งๆ ถ้าไม่เข้าใจแล้วใส่สูตรอย่างเดียว อาจไปคนละทิศ (ที่ว่า precisely wrong นะครับ) ขาดทุนยับ ขอบคุณสำหรับหนังสือที่แนะนำครับ ถ้าสงสัยจะกลับมาถามใหม่
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 890
WEBนี่เป็นทั้งนักอ่านและนักแปลจริงๆเลย ข้าน้อยขอคารวะครับ ผมยังมีหนังสืออีกมากครับที่ยังไม่ได้อ่าน แต่สนใจThe ZULU Principleมากเลยไม่รู้ว่าเนื้อหาคล้ายกับ Beyond หรือเปล่าครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณayeส่งมาได้เลยผมรับช่วงต่อเองครับ [email protected] ถ้าไม่ไหว อ.วิบูลย์แกอยู่ใกล้บ้านผม ผมสามารถเอาไปวางไว้ที่หัวกะไดบ้านแล้วแอบหนีออกมาได้แน่นอน วางใจได้ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
หนังสือ Value investing ที่คุณวิบูลย์แนะนำดีมากครับ ผมมีข้อสงสัยว่าจะe-mailไปถามผู้แต่งนะ ยังไม่ได้ทำเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------
มือใหม่ค่อยเป็นค่อยไปครับ น้าวิบูลย์แกยังกระดิ๊บๆอย่างมีความสูขเลย returnปาเข้าไปเท่าไรแล้วหนอ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณayeส่งมาได้เลยผมรับช่วงต่อเองครับ [email protected] ถ้าไม่ไหว อ.วิบูลย์แกอยู่ใกล้บ้านผม ผมสามารถเอาไปวางไว้ที่หัวกะไดบ้านแล้วแอบหนีออกมาได้แน่นอน วางใจได้ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------
หนังสือ Value investing ที่คุณวิบูลย์แนะนำดีมากครับ ผมมีข้อสงสัยว่าจะe-mailไปถามผู้แต่งนะ ยังไม่ได้ทำเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------
มือใหม่ค่อยเป็นค่อยไปครับ น้าวิบูลย์แกยังกระดิ๊บๆอย่างมีความสูขเลย returnปาเข้าไปเท่าไรแล้วหนอ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 891
คุณวิบูลย์ครับ ผมมีข้อจำกัดบางอย่างครับ ที่สำคัญก็คือ ผมพิมพ์ดีดไม่เป็นครับ ให้ผมพิมพ์ยาวๆ ผมต้องแย่แน่ๆเลย อีกข้อหนึ่งก็คือ หาก REVIEW หนังสือโดยนำใจความหลักๆมาเล่า ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นสิ่งที่เรารู้ๆอยู่แล้ว สำหรับผมแล้ว ความน่าสนใจของหนังสือจะอยู่ที่รายละเอียดมากกว่าครับ สำหรับ SUPER STOCKS หากคุณวิบูลย์ต้องการจะอ่าน ช่วยบอกที่อยู่ให้ด้วยครับ ผมจะ MAIL ไปให้ ของผมเป็น PAPERBACK EDITION ครับ ผมไม่แน่ใจว่า COPY แล้วหนังสือจะแบะหรือเปล่า แต่หากคุณวิบูลย์อยากได้หนังสือมือสอง ผมแนะนำ WWW. ABE.COM ครับ ผมซื้อมาหลายปีไม่เคยมีปัญหาครับ ค่าส่งแบบนานหน่อยจะอยู่ที่ $9 ต่อเล่มครับ ( ไม่มี PER ORDER CHARGE ครับ) ผมเพิ่งเข้าไปดูเมื่อสักครู่ เล่มถูกสุดของ SUPER STOCKS ราคาแค่ $ 1 ครับ อย่างไรก็ตาม การซื้อหนังสือมือสองต้องดูสภาพหนังสือด้วยครับ สภาพจะมีตั้งแต่ ACCEPTABLE, FAIR, GOOD , VERY GOOD, FINE, MINT เหมือนซื้อหุ้นครับ PRICE IS WHAT YOU PAY, VALUE IS WHAT YOU GET คุณ MON ครับ THE ZULU PRINCIPLE กับ BEYOND THE ZULU คล้ายกันเยอะครับ ผมว่าอ่านเล่มเดียวก็พอครับ หนังสือที่ผมยังไม่ได้อ่านมีอีกเยอะเลยครับ เมื่อวาน AMAZON ก็เพิ่งส่งมาอีก 4 เล่ม เวลาที่ใช้ในการแปลหนังสือ 1 เล่มเอาไปอ่านหนังสือได้ถึง 5 เล่มเลยครับ เจ้านายผมและผู้อ่านหลายท่านแนะนำหนังสือที่อยากให้แปลเข้ามาเยอะมากครับ ผมอาจจะไม่ได้อ่านหนังสืออีกนานเลยครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 892
ขอบคุณครับคุณ WEB สำหรับความมีน้ำใจ
ผมจะลองสั่งหนังสือมือสองดูก่อน
ถ้าไม่เวิร์คจะรบกวนอีกทีครับ
เคยสั่งทางอเมซอน ปรากฏว่า หนังสือมือสองไม่ส่งนอกอเมริกา เลยอด
แต่ได้เวปมือสองคราวนี้มาจะลองดูสักหน่อย
ผมเคยลองแปลหนังสือเหมือนกัน
แต่ทำได้ประมาณสามหน้าก็หมดความพยายาม
เพราะเสียเวลามาก แถมแปลไม่เป็นสับปะรดอีกต่างหาก
ตั้งแต่นั้นมาก็อ่านเอาดีกว่า
ขนาดอ่านอย่างเดียว บางเล่มยังล่อไปเป็นเดือน
บางเล่มก็ยังอ่านไม่จบเลย
เข้าใจคุณ WEB เลยละครับ
ส่วนเรื่องแนะนำหนังสือในกระทู้นี้
ผมก็ยังอยากให้คุณ WEB ทำอยู่ดี
เอาคร่าวๆก็ได้ครับ ไม่ต้องมาก
แค่แนะนำว่า หนังสืออะไรดี มีอะไรน่าสนใจ
จะได้ไม่ต้องพิมพ์เยอะ
สักอาทิตย์ละเล่มสองเล่มก็ได้ครับ
แรกๆผมก็พิมพ์ภาษาไทยไม่เป็น
ตั้งแต่ตอบกระทู้นี้มา "จิ้มดีด"เร็วขึ้นเยอะครับ
เพราะฉะนั้น ของอย่างนี้ต้องหัดทำบ่อยๆครับ แล้วจะชิน
คงไม่รบกวนเกินไปนะครับ
ศึกษาเยอะๆแล้วมาคุยกันครับ
ผมมีสมุนอยู่หลายตัวหน้าบ้าน
สั่งไว้ทุกวันว่า ใครขับ D-max เอางานมาวางหน้าบ้าน
ให้จัดการได้เลย ฮ่า ฮ่า
ก็ได้ความรู้หลายครับจากหนังสือเล่มนี้
น่าอ่านครับ อ่านไม่ยาก
แต่ Return ทางประสบการณ์หาค่าไม่ได้
ผมตั้งเป้าการลงทุนไว้ไม่มากหรอกครับ
ทำได้ปีละ 15-20% ก็พอใจแล้ว
ผมตั้ง"ทฤษฏีการลงทุน"ของผมเอง
เรียกว่า "ทฤษฎีการลงทุนอย่างมีความสุข"
หุ้นขึ้นก็มีความสุข
หุ้นลงก็ความสุข
ถ้าหุ้นยังขึ้นหรือลงอยู่ ผมก็ยังคงมีความสุขทั้งขึ้นทั้งล่อง
วันก่อนไปเจอคุณหมอเพื่อนผมกับภรรยาซึ่ง"เล่น"หุ้นด้วยกันทั้งคู่
วันนั้นหุ้นตกลงไป 20 จุด ตลาดหุ้นตกใจสุดขีด
เขาแปลกใจมากที่เห็นผม"อารมณ์ดี"เป็นพิเศษ
เลยถามว่า ทำไมวันนี้อารมณ์ดี
ผมตอบว่า "เพราะวันนี้หุ้นตกหนัก"
เขายิ่งแปลกใจใหญ่
เพราะเวลาหุ้นตก คนส่วนใหญ่จะเศร้าหมอง อารมณ์ไม่ดี
ผมเลยเล่า "ทฤษฎีการลงทุนอย่างมีความสุข"ให้เขาฟัง
เขาก็เลยถึงบางอ้อ แล้วบอกว่า มีอย่างนี้ในโลกตลาดหุ้นด้วยเหรอเนี่ย
ผมก็เลยบอกว่า ลองใช้ดูซิ แล้วจะไร้กังวลตลอดวัน
วันนี้หุ้นตกหนักหลุด 700 จุดไปแล้ว
"แมงเม่า"หนีตายกันจ้าละหวั่น
"คนติดหุ้น"อย่างผม พอร์ตแดงเถือกเหมือนอีกหลายท่าน
บางท่านทนไม่ไหว คัตลอสไปขาดทุนหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านบาท
จริงๆผมอยากจะคัตลอสเหมือนกัน
เพราะไม่อยากเห็น"ตัวแดง"ในปอด
แต่คิดไปคิดมา
ดูแล้วอนาคตของบริษัทที่ผมถืออยู่ก็ยังดีเหมือนเดิม
ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องทิ้งของดีนี่ครับ
มีแต่จะซื้อของดีในราคาถูกลง
คุณ Ayethebing ไม่ต้องน้อยใจนะครับ
พรุ่งนี้จะมาคุยเรื่อง ผู้บริหารครับ
วันนี้หมดเวลา ให้คุณธันวาแสดงความเห็นไปก่อนแล้วกันครับ
สวัสดีครับ
ผมจะลองสั่งหนังสือมือสองดูก่อน
ถ้าไม่เวิร์คจะรบกวนอีกทีครับ
เคยสั่งทางอเมซอน ปรากฏว่า หนังสือมือสองไม่ส่งนอกอเมริกา เลยอด
แต่ได้เวปมือสองคราวนี้มาจะลองดูสักหน่อย
ผมเคยลองแปลหนังสือเหมือนกัน
แต่ทำได้ประมาณสามหน้าก็หมดความพยายาม
เพราะเสียเวลามาก แถมแปลไม่เป็นสับปะรดอีกต่างหาก
ตั้งแต่นั้นมาก็อ่านเอาดีกว่า
ขนาดอ่านอย่างเดียว บางเล่มยังล่อไปเป็นเดือน
บางเล่มก็ยังอ่านไม่จบเลย
เข้าใจคุณ WEB เลยละครับ
ส่วนเรื่องแนะนำหนังสือในกระทู้นี้
ผมก็ยังอยากให้คุณ WEB ทำอยู่ดี
เอาคร่าวๆก็ได้ครับ ไม่ต้องมาก
แค่แนะนำว่า หนังสืออะไรดี มีอะไรน่าสนใจ
จะได้ไม่ต้องพิมพ์เยอะ
สักอาทิตย์ละเล่มสองเล่มก็ได้ครับ
แรกๆผมก็พิมพ์ภาษาไทยไม่เป็น
ตั้งแต่ตอบกระทู้นี้มา "จิ้มดีด"เร็วขึ้นเยอะครับ
เพราะฉะนั้น ของอย่างนี้ต้องหัดทำบ่อยๆครับ แล้วจะชิน
คงไม่รบกวนเกินไปนะครับ
ด้วยความยินดีครับกำลังจะเป็น VI เขียน:คุณ VIB007 ขอบคุณครับ ผมไม่ชอบจำสูตรอย่างเดียว แบบไม่ค่อยมีที่มาที่ไป อยากเข้าใจที่มาที่ไปด้วยนะครับ จะได้ใช้อย่างถูกต้องและพลิกแพลงได้ ในโลกแห่งความจริงไม่มีตัวเลขหรือข้อมูลมาลอยให้เราเห็นเป้งๆ ถ้าไม่เข้าใจแล้วใส่สูตรอย่างเดียว อาจไปคนละทิศ (ที่ว่า precisely wrong นะครับ) ขาดทุนยับ ขอบคุณสำหรับหนังสือที่แนะนำครับ ถ้าสงสัยจะกลับมาถามใหม่
ศึกษาเยอะๆแล้วมาคุยกันครับ
ระวังหมากัดนะครับ คุณมนMon Money เขียน:คุณayeส่งมาได้เลยผมรับช่วงต่อเองครับ ถ้าไม่ไหว อ.วิบูลย์แกอยู่ใกล้บ้านผม ผมสามารถเอาไปวางไว้ที่หัวกะไดบ้านแล้วแอบหนีออกมาได้แน่นอน วางใจได้ครับ
ผมมีสมุนอยู่หลายตัวหน้าบ้าน
สั่งไว้ทุกวันว่า ใครขับ D-max เอางานมาวางหน้าบ้าน
ให้จัดการได้เลย ฮ่า ฮ่า
Mon Money เขียน:หนังสือ Value investing ที่คุณวิบูลย์แนะนำดีมากครับ ผมมีข้อสงสัยว่าจะe-mailไปถามผู้แต่งนะ ยังไม่ได้ทำเลย
ก็ได้ความรู้หลายครับจากหนังสือเล่มนี้
น่าอ่านครับ อ่านไม่ยาก
Return ทางตัวเลขไม่มากครับMon Money เขียน:มือใหม่ค่อยเป็นค่อยไปครับ น้าวิบูลย์แกยังกระดิ๊บๆอย่างมีความสูขเลย returnปาเข้าไปเท่าไรแล้วหนอ
แต่ Return ทางประสบการณ์หาค่าไม่ได้
ผมตั้งเป้าการลงทุนไว้ไม่มากหรอกครับ
ทำได้ปีละ 15-20% ก็พอใจแล้ว
ผมตั้ง"ทฤษฏีการลงทุน"ของผมเอง
เรียกว่า "ทฤษฎีการลงทุนอย่างมีความสุข"
หุ้นขึ้นก็มีความสุข
หุ้นลงก็ความสุข
ถ้าหุ้นยังขึ้นหรือลงอยู่ ผมก็ยังคงมีความสุขทั้งขึ้นทั้งล่อง
วันก่อนไปเจอคุณหมอเพื่อนผมกับภรรยาซึ่ง"เล่น"หุ้นด้วยกันทั้งคู่
วันนั้นหุ้นตกลงไป 20 จุด ตลาดหุ้นตกใจสุดขีด
เขาแปลกใจมากที่เห็นผม"อารมณ์ดี"เป็นพิเศษ
เลยถามว่า ทำไมวันนี้อารมณ์ดี
ผมตอบว่า "เพราะวันนี้หุ้นตกหนัก"
เขายิ่งแปลกใจใหญ่
เพราะเวลาหุ้นตก คนส่วนใหญ่จะเศร้าหมอง อารมณ์ไม่ดี
ผมเลยเล่า "ทฤษฎีการลงทุนอย่างมีความสุข"ให้เขาฟัง
เขาก็เลยถึงบางอ้อ แล้วบอกว่า มีอย่างนี้ในโลกตลาดหุ้นด้วยเหรอเนี่ย
ผมก็เลยบอกว่า ลองใช้ดูซิ แล้วจะไร้กังวลตลอดวัน
วันนี้หุ้นตกหนักหลุด 700 จุดไปแล้ว
"แมงเม่า"หนีตายกันจ้าละหวั่น
"คนติดหุ้น"อย่างผม พอร์ตแดงเถือกเหมือนอีกหลายท่าน
บางท่านทนไม่ไหว คัตลอสไปขาดทุนหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านบาท
จริงๆผมอยากจะคัตลอสเหมือนกัน
เพราะไม่อยากเห็น"ตัวแดง"ในปอด
แต่คิดไปคิดมา
ดูแล้วอนาคตของบริษัทที่ผมถืออยู่ก็ยังดีเหมือนเดิม
ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องทิ้งของดีนี่ครับ
มีแต่จะซื้อของดีในราคาถูกลง
คุณ Ayethebing ไม่ต้องน้อยใจนะครับ
พรุ่งนี้จะมาคุยเรื่อง ผู้บริหารครับ
วันนี้หมดเวลา ให้คุณธันวาแสดงความเห็นไปก่อนแล้วกันครับ
สวัสดีครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 893
ลงทุนแบบเน้นความสุขครับ อันนี้ของผมนะห้ามแย่งเป็นอันขาด
วันก่อนว่างจัดเลยไปนั่งคุยกับเพื่อนซี้ที่ห้องค้าแถวๆปิ่นเกล้า
นายนั่นกำลังนั่งมองกราฟอย่างจดจ่อ และมุ่งมั่น
ผมเดินเข้าไปในห้องนั้นยังไม่ทันได้ทักทายอะไร มันก็บ่นพึมพร่ำ
"มันจะเอาอย่างไงของมัน(วะ)"
ผมก็เลยพูดว่า "มันก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ" ว่าแล้วผมก็สั่งซื้อหุ้นบริษัทหนึ่งไป 20,000หุ้น แล้วนั่งหัวเราะมัน
"ทำไมมาซื้อตอนนี้วะ เขาขายกันทั้งนั้น" เขาถาม
"ไม่ซื้อตอนนี้ ให้ไปซื้อตอนมันขึ้นสูงๆหรือไงวะ" ผมตอบและยิ้ม
"เดี๋ยวก็เจ๊งหรอก" เขาว่า
"กูชอบ....กูชอบสวน.... สัญญาณดีไหมวะ....แนวรับหรือแนวหลุดวะ...ดูให้หน่อยเดะ" ผมพูดและหัวเราะ
"ดูไม่ได้แล้ว....มันเล่นเทกระจาดกันแบบนี้ดูไม่ได้" มันว่า
"แล้วมึงไปกลุ้มกับมันทำไม....นี่ซื้อตามกูนี่"
เพื่อนผมมันไม่ซื้อครับ เพราะไม่อยากมีหุ้นตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีที่มีหุ้นตอนนี้
ลงทุนนี้มีได้ทั้งสูขและทุกข์ แล้วแต่คนครับ
วันก่อนว่างจัดเลยไปนั่งคุยกับเพื่อนซี้ที่ห้องค้าแถวๆปิ่นเกล้า
นายนั่นกำลังนั่งมองกราฟอย่างจดจ่อ และมุ่งมั่น
ผมเดินเข้าไปในห้องนั้นยังไม่ทันได้ทักทายอะไร มันก็บ่นพึมพร่ำ
"มันจะเอาอย่างไงของมัน(วะ)"
ผมก็เลยพูดว่า "มันก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ" ว่าแล้วผมก็สั่งซื้อหุ้นบริษัทหนึ่งไป 20,000หุ้น แล้วนั่งหัวเราะมัน
"ทำไมมาซื้อตอนนี้วะ เขาขายกันทั้งนั้น" เขาถาม
"ไม่ซื้อตอนนี้ ให้ไปซื้อตอนมันขึ้นสูงๆหรือไงวะ" ผมตอบและยิ้ม
"เดี๋ยวก็เจ๊งหรอก" เขาว่า
"กูชอบ....กูชอบสวน.... สัญญาณดีไหมวะ....แนวรับหรือแนวหลุดวะ...ดูให้หน่อยเดะ" ผมพูดและหัวเราะ
"ดูไม่ได้แล้ว....มันเล่นเทกระจาดกันแบบนี้ดูไม่ได้" มันว่า
"แล้วมึงไปกลุ้มกับมันทำไม....นี่ซื้อตามกูนี่"
เพื่อนผมมันไม่ซื้อครับ เพราะไม่อยากมีหุ้นตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีที่มีหุ้นตอนนี้
ลงทุนนี้มีได้ทั้งสูขและทุกข์ แล้วแต่คนครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 895
ไม่แย่งครับ ไม่แย่งMon money เขียน:ลงทุนแบบเน้นความสุขครับ อันนี้ของผมนะห้ามแย่งเป็นอันขาด
เพื่อนผมมันไม่ซื้อครับ เพราะไม่อยากมีหุ้นตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีที่มีหุ้นตอนนี้
ลงทุนนี้มีได้ทั้งสูขและทุกข์ แล้วแต่คนครับ
ของอย่างนี้ต้องแบ่งๆกัน
จะได้ Happy กันถ้วนหน้า
วันก่อนเจอเพื่อนคนนึงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
กางหน้าตารางหุ้น ท่าทางเคร่งเครียด
ไม่พูดไม่จา
ผมเลยเดินเข้าไปทัก
แล้วชวยคุยเรื่องอื่นแทน
ผมพอนึกภาพของเขาออกครับ
เพราะเขาเป็นเจ้าของทฤษฎี"กำไรขายออก ขาดทุนเก็บไว้"อันลือลั่นนั่นหละครับ
สงสัยตอนนี้ คงเก็บหุ้น"ขาดทุน"ไว้บานเบอะ
กลายร่างจาก"นักเก็งกำไร"ไปเป็น"นักลงทุนระยะยาวจำเป็น"
เลยต้องเครียดเป็นธรรมดา
ว่าแล้วชาว VI ก็อย่าเอาเยี่ยงอย่างทฤษฎีของเพื่อนผมคนนี้นะครับ
ไม่งั้น"ขาดทุน"หลายเด้อ
ผมเคยเห็นคนใช้ทฤษฎีนี้แล้วขาดทุนไปหลายสิบล้านครับ
โดนเฉพาะช่วงที่หุ้นรูดจาก 1000 กว่าจุดมาเหลือ 300 จุด
ไม่ยอมขายออก เก็บหุ้นเน่าๆไว้ ขายแต่หุ้นดีๆ (ได้กำไรนิดหน่อยก็เอา)
สุดท้ายเหลือแค่กระดาษใบเดียว
เพราะบริษัทถูกทางการสั่งปิด
น่าสงสารมากครับ ขาดทุนหมดเนื้อหมดตัว
แต่ตอนนี้เริ่มมีตังค์กลับเข้ามาใหม่ในตลาดอีกแล้ว
อย่างนี้ละครับ เขาถึงบอกว่า"นักเก็งกำไรและนักพนัน ไม่หมดตัวไม่เลิก"
จริงไม่จริง ผมไม่ทราบครับ
ขอให้โชคดีครับอยากทำให้ได้อย่างที่พี่ ๆ เป็นบ้างครับ เพิ่งเริ่มไม่นาน ก็แอบสิง แอบอ่านมาสักระยะแล้ว สักวันจะลงทุนอย่างมีความสุข แบบที่ไม่ต้องนั่งเฝ้าเส้นบ้าบอทั้งหลาย จะพยายามต่อไปครับ
"ความพยายาม"อยู่ที่ไหน "ความพยายาม"อยู่ที่นั่นครับ อิ อิ
มาตามคำเรียกร้องครับคุณ AyethebingAyethebing เขียน:อยากจะมาคุยกันเรื่อง ความซื่อสัตย์ของผู้บริหารหน่อยนึงนะครับ
มีผู้รู้บอกเอาไว้ว่า
การ Assess Quantiative Result หรือประเมินผลประกอบการนั้นไม่ยาก
เราแค่เอางบการเงินของบริษัทนั้นมาแกะๆก็ดูออกแล้ว
ว่าบริษัทนั้นมีความสามารถในการทำกำไรมากน้อยแค่ไหน
ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตของยอดขาย มาร์จิน
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น กระแสเงินสด ฯลฯ
เราทำได้ง่ายเหมือยพลิกฝ่ามือ
เพราะข้อมูลมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว
จะเอาย้อนหลังไปกี่ปี ก็ไปเอางบมาดูได้
โดยเฉพาะหลังจากมีเน็ต
ข้อมูลต่างๆก็หาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากๆ
ส่วนการประเมินคุณภาพของบริษัทในแง่ของ Qulalitative นั้น
ก็ไม่ยากเกินความสามารถ
เพราะมีข้อมูลทางด้านการตลาดให้เราเข้าถึงอยู่แล้ว
เช่น Market Share, Brand Reconition, etc
มีหนังสือและตำราเขียนเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพบริษัทมากมาย
แต่ท่านผู้รู้ท่านนั้น (รู้สึกจะเป็นบัฟเฟตนะครับ) ก็บอกเอาไว้ว่า
การประเมินผู้บริหารนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด
เพราะนอกจากจะไม่มีตำราเขียนเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว
ข้อมูลต่างๆในสื่อที่เราหาได้นั้นก็หาความน่าเชื่อถือได้ไม่มาก
รวมทั้งการไปเข้าพบผู้บริหารสำหรับนักลงทุนรายย่อยก็เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ง่ายนัก
แล้วเราจะประเมินผู้บริหารได้อย่างไร
อาจารย์บัฟเฟตบอกเอาไว้ครับว่า
มีทางเดียวที่ง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับนักลงทุนรายย่อยก็คือ
อ่าน.....อ่าน.......อ่าน.......และอ่าน
อ่านบทสัมภาษณ์ผุ้บริหารใน นสพ นิตยสารต่างๆ
ศึกษา Attitute และมุมมองของผู้บริหาร
สังเกตว่าผู้บริหารนั้น ทำได้อย่างที่พูดหรือไม่
ฝรั่งเรียกว่า "Walk the Talk"
พี่ไทยเรียก "ทำอย่างที่พูด"
อีสานเรียก "เฮ็ดอย่างที่เว้า" อิ อิ
หรือดีแต่พูดอย่างเดียว ฝรั่งเรียก "Talk Only, no action"
อันนี้ก็ต้องศึกษาและลองทำเองไปเรื่อยๆครับ
เพราะการประเมินผู้บริหารนี่นับว่าหินพอสมควร
สำหรับตัวอย่างบริษัทที่ผู้บริหารไว้ใจไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น
ก็มีตัวอย่างเยอะแยะครับ
Enron Worldcom หรือ ไทยๆก็ Roynet ไงครับ ยังจำกันได้หรือเปล่า
หวังว่าคงยังไม่ลืมกันนะครับ
ผู้บริหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ
1) นำเงินบริษัทไปใช้อุ้มธุรกิจส่วนตัว
2) แต่งบัญชี
3) ไม่คิดถึงผู้ถือหุ้นรายย่อย
4) ไม่มีความสามารถ
5) ดำเนินธุรกิจในทิศทางที่แย่ลง
6) ดีแต่พูด
7) สร้างวิมานในอากาศ
8) ออกแต่ข่าวเพื่อปั่นหุ้น
9) ซื้อขายหุ้นตัวเองเพือทำกำไรเข้ากระเป๋า
10) ใช้ข้อมูลภายในทิ้งหุ้น
11) และอื่นๆ
แต่ เอ.....เท่าที่ List ดูเนี่ย
ยังงี้ผมจะมีโอกาสซื้อหุ้นในบริษัทในเมืองไทยสักบริษัทบ้างมั๊ยนะ
หรือต้อง"หลีกเลี่ยง"ทั้งตลาดเลยแบบ CALPER
ใครรู้ช่วยบอกที ฮ่า ฮ่า
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 896
ผู้บริหารนี่ไม่ยากอย่างที่คิด ผมเคยแกะงบของบริษัทหนึ่ง
โห...พี่แกไปให้บริษัทลูกกู้แบบไม่มีหลักประกัน...ไม่มีดอกเบี้ย
ในท้ายที่สุด....write-off หนี้ส่วนนั้นทั้งจำนวน.....
ในกรณี ROYNET บันทึกรายได้เร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น...อย่างเห็นได้ชัด
กำไรโตเป็นหลายเท่าตัวภายในระยะเวลาไม่ถึงปี......พอไปดูงบกระแสเงินสดเลย.....อ๋อ...บันทึกรายได้โดยยังมิได้เก็บเงินเลยทั้งจำนวน...อย่างนี้บัญชีช่วยด้ายยยยยย
วันนี้ฟังว่ามีบริษัทหนึ่งกำไรโตหลายเท่าตัว ไม่รู้ว่าลงท้ายแบบเดียวกันหรือเปล่า
---------------------------------------------------------------------------------------------
กลยุทธ์ กำไรขาย ขาดทุนเก็บ นี่คุ้นๆแหะ
วันนี้เจอพี่เขย ตอนหุ้นขึ้นบอกว่ารวยเละ วันนี้เจอกันหน้าแห้งๆ ถามว่า
"เป็นไงพี่วันนี้รวยไหม...." เพราะแกมักจะรวยตอนหุ้นขึ้น สองสามช่องก็ไปแล้ว
"รวยว่ะ...แต่รวยหุ้นนะ....มีตั้ง9ตัว....เดินยั่วเยี้ยตอนกินข้าว เข้าห้องน้ำและเข้านอน"
"เอ้าทำไมไม่ขายล่ะ...กำไรสองสามช่องยังขายเลยนี่" ผมถาม
"ทำใจไม่ได้...มันหลายตังส์"
ผมก็ได้แต่ยิ้มและบอกว่า เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาให้ขาย...รอหน่อยละกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การลงทุนแบบเน้นความสุขไม่ยากอย่างที่คิดครับ
1) ใช้เวลาก่อนนอน อ่านหนังสือหาความรู้ในเรื่องต่างๆที่จำเป็นต่อการลงทุนในกิจการนั้นๆ
2) นอนให้เต็มคราบไปเลย
3) เอาข้อมูลทั้งหมดที่หาได้มาวิเคราะห์ เจาะลึก...อาจใช้เวลาและความพยายามมากเป็นพิเศษแต่ทำบ่อยๆจะมีความสุขและสงบมาก
4) เพื่อให้แน่ใจ POSTข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วให้เพื่อนๆดูและวิจารณ์ อันนี้เราจะได้อีกหลายมุมมอง
5) ประมวลข้อมูลเหล่านั้นให้ได้ข้อสรุป ข้อดี ข้อด้อย ผลตอบแทนความเสี่ยง(Margin of safety) เช่นโอกาสได้รับผลตอบแทน 100% แต่โอกาสผลาด 30%
6)ขั้นตอนนี้สำคัญมากครับ......สั่งซื้อนั่นเอง...ดูดีแล้วซื้อเลย....อย่าไปสนใจMarketingจะว่าอย่างไง เช่นมันจะดีหรือ...ไม่มีใครเขาเล่นกันเลย เขาไม่ปั่นหุ้นอย่างนี้กันหรอก ผมเคยตอบMarketingคนงามของผมว่า"ไม่เป็นไร...เดี๋ยวผมปั่นเองก็ได้5555"
7) ขั้นตอนสุดท้ายคือ......ใช้ชีวิตที่เหลือให้เป็นปกติสุขครับ ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า "มันเป็นเช่นนั้นเอง"
ลงทุนแบบเน้นความสุข สนุกแบบไม่ต้องลุ้น
=========แล้วเจอกันเมื่อมัน Overvalue ครับ=========
โห...พี่แกไปให้บริษัทลูกกู้แบบไม่มีหลักประกัน...ไม่มีดอกเบี้ย
ในท้ายที่สุด....write-off หนี้ส่วนนั้นทั้งจำนวน.....
ในกรณี ROYNET บันทึกรายได้เร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น...อย่างเห็นได้ชัด
กำไรโตเป็นหลายเท่าตัวภายในระยะเวลาไม่ถึงปี......พอไปดูงบกระแสเงินสดเลย.....อ๋อ...บันทึกรายได้โดยยังมิได้เก็บเงินเลยทั้งจำนวน...อย่างนี้บัญชีช่วยด้ายยยยยย
วันนี้ฟังว่ามีบริษัทหนึ่งกำไรโตหลายเท่าตัว ไม่รู้ว่าลงท้ายแบบเดียวกันหรือเปล่า
---------------------------------------------------------------------------------------------
กลยุทธ์ กำไรขาย ขาดทุนเก็บ นี่คุ้นๆแหะ
วันนี้เจอพี่เขย ตอนหุ้นขึ้นบอกว่ารวยเละ วันนี้เจอกันหน้าแห้งๆ ถามว่า
"เป็นไงพี่วันนี้รวยไหม...." เพราะแกมักจะรวยตอนหุ้นขึ้น สองสามช่องก็ไปแล้ว
"รวยว่ะ...แต่รวยหุ้นนะ....มีตั้ง9ตัว....เดินยั่วเยี้ยตอนกินข้าว เข้าห้องน้ำและเข้านอน"
"เอ้าทำไมไม่ขายล่ะ...กำไรสองสามช่องยังขายเลยนี่" ผมถาม
"ทำใจไม่ได้...มันหลายตังส์"
ผมก็ได้แต่ยิ้มและบอกว่า เดี๋ยวมันก็ขึ้นมาให้ขาย...รอหน่อยละกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การลงทุนแบบเน้นความสุขไม่ยากอย่างที่คิดครับ
1) ใช้เวลาก่อนนอน อ่านหนังสือหาความรู้ในเรื่องต่างๆที่จำเป็นต่อการลงทุนในกิจการนั้นๆ
2) นอนให้เต็มคราบไปเลย
3) เอาข้อมูลทั้งหมดที่หาได้มาวิเคราะห์ เจาะลึก...อาจใช้เวลาและความพยายามมากเป็นพิเศษแต่ทำบ่อยๆจะมีความสุขและสงบมาก
4) เพื่อให้แน่ใจ POSTข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วให้เพื่อนๆดูและวิจารณ์ อันนี้เราจะได้อีกหลายมุมมอง
5) ประมวลข้อมูลเหล่านั้นให้ได้ข้อสรุป ข้อดี ข้อด้อย ผลตอบแทนความเสี่ยง(Margin of safety) เช่นโอกาสได้รับผลตอบแทน 100% แต่โอกาสผลาด 30%
6)ขั้นตอนนี้สำคัญมากครับ......สั่งซื้อนั่นเอง...ดูดีแล้วซื้อเลย....อย่าไปสนใจMarketingจะว่าอย่างไง เช่นมันจะดีหรือ...ไม่มีใครเขาเล่นกันเลย เขาไม่ปั่นหุ้นอย่างนี้กันหรอก ผมเคยตอบMarketingคนงามของผมว่า"ไม่เป็นไร...เดี๋ยวผมปั่นเองก็ได้5555"
7) ขั้นตอนสุดท้ายคือ......ใช้ชีวิตที่เหลือให้เป็นปกติสุขครับ ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ว่า "มันเป็นเช่นนั้นเอง"
ลงทุนแบบเน้นความสุข สนุกแบบไม่ต้องลุ้น
=========แล้วเจอกันเมื่อมัน Overvalue ครับ=========
- raruen
- Verified User
- โพสต์: 161
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 897
สวัสดีครับVIB007 เขียน: ถ้าเข้ามากรุงเทพอีกเมื่อไหร่ บอกด้วยนะครับ
จะพาไปเลี้ยงอาหารจีนแถวสามย่านครับ อร่อยมาก
เพื่อนผมไปทานทุกอาทิตย์เป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน
เขาเลยพาผมไป อาหารอร่อย ราคากันเอง
ไม่ถูกมากและก็ไม่แพงมาก อยู่หลังตลาดสามย่าน
แต่ยังไม่บอกชื่อร้านหรอก เดี๋ยวพี่จะแอบไปทานเอง ฮ่า ฮ่า
เรื่องร้านอาหารจีนและเจ๊คนนั้น
ผมเดาเล่นๆว่าเป็น "อี่โภชนา" ใช่รึป่าวครับ
เพราะแม่ผมก็ชอบ ฮ่าๆ
ถ้าทายถูก ขอให้นายตลาดฉุนเฉียวหอบ สผ ของพี่วิบูลย์ มาขายผมถูกๆสัก 170 ละกันนะครับ ฮิๆ
ผมหายไปนานทีเดียวครับพี่ๆ
และยังไม่ได้ทำการบ้านเลย
งานเยอะจริงๆช่วงนี้
มีคนโตบางคนอยากให้ผมสร้างโรงหนังให้เสร็จทันแฮรี่พ๊อตเต้อ ภาคใหม่
แต่คิดว่าคงยาก ฮ่าๆ
งานเลยเร่งมาก
ขอเคลียร์งานประจำก่อนครับ
จะได้กลับมาทำแบบฝึกหัดต่อ
ขอยินดีกับทุกท่านที่มีสมาชิกใหม่มาเรื่อยๆครับ
ผมก็จะพยายามฉลาดให้ไวไว
จะได้มาแบ่งความเห็นได้บ้าง
หลังจากที่มาอ่านโกยเอาไปอย่างเดียว
สวัสดี 29 กุมภา อธิกสุรทินครับ.
เผ่งอังๆ
-
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 898
อยากดูงบได้ทะลุปรุโปร่งแบบพี่บ้างอ่ะ พื้นฐานดูออกได้ แต่มองไม่ลึกขนาดนั้นเลยอ่ะ ทำงัยบ้างครับMon money เขียน:ผู้บริหารนี่ไม่ยากอย่างที่คิด ผมเคยแกะงบของบริษัทหนึ่ง
โห...พี่แกไปให้บริษัทลูกกู้แบบไม่มีหลักประกัน...ไม่มีดอกเบี้ย
ในท้ายที่สุด....write-off หนี้ส่วนนั้นทั้งจำนวน.....
ในกรณี ROYNET บันทึกรายได้เร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น...อย่างเห็นได้ชัด
กำไรโตเป็นหลายเท่าตัวภายในระยะเวลาไม่ถึงปี......พอไปดูงบกระแสเงินสดเลย.....อ๋อ...บันทึกรายได้โดยยังมิได้เก็บเงินเลยทั้งจำนวน...อย่างนี้บัญชีช่วยด้ายยยยยย