Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

Jeng เขียน:
บริษัทร่วม 7 พันล้าน ซึ่งไม่ได้ consolidate งบเข้ามา

ถ้า 7 พันล้านนี้ กำไร สมมุติ 700 ล้าน หรือขาดทุน 700 ล้าน เราก็ไม่มีทางรู้ใช่หรือเป่าครับ

คือเราจะรับรู้ได้แต่เงินปันผลใช่หรือไม่ครับ

ระบบบัญชีปัจจุบัน บริษัทจะรับรู้กำไรจากบริษัทร่วม (ถือหุ้นมากกว่า 20% แต่ไม่เกิน 50%) โดยวิธีส่วนได้ส่วนเสียครับ ไม่ใช่รับรู้จากเงินปันผล

อ๋อเหรอครับ ขอบคุณมากเลย แสดงว่า 7000 ล้านนี่ยังอยู่ครบ อิอิ

fantasia เขียน: ระบบบัญชีปัจจุบัน บริษัทจะรับรู้กำไรจากบริษัทร่วม (ถือหุ้นมากกว่า 20% แต่ไม่เกิน 50%) โดยวิธีส่วนได้ส่วนเสียครับ ไม่ใช่รับรู้จากเงินปันผล

จริงของคุณ fantasia กำไรของบริษัทร่วม รับรู้ Equity method ซึ่งไม่ได้เม็ดเงินมาจริงๆ ต้องดูงบกระแสเงินสดประกอบกันด้วยครับ

ในเวปนี้มีผู้รู้แทบทุกด้านเลยจริง thank you
ถามในนี้เอาก็ได้ง่ายดี ดีกว่า ลงทุนไปซื้อหนังสือ consolidated statement ของธรรมนิติ มาอ่านเอง โอ้ย
กว่าจะเข้าใจ ตายพอดี  :oops:

คุณ fantasia ถามต่ออีกนิด

ไม่รู้ว่าถูกรึเปล่านะครับ

เท่าที่ดู
โรงไฟฟ้า เป็นบริษัทย่อย ของบริษัทร่วมอีกทีหนึ่ง

กำไรจากโรงไฟฟ้า ตอนนี้น่าจะรับรู้แค่ตัวเลข
ไตรมาศละ 100กว่าล้าน
เพราะบริษัทร่วมแห่งนั้น ยังต้องลงทุนเพิ่มอีก 2,400 ล้าน

ส่วน เงินปันผล ที่พิจารณาจากกระแสเงินสด
คงต้องรอกันไปก่อน

หนึ่งจุดสองห้า หนึ่งจุดสองห้า หนึ่งจุดสองห้า

พี่มองไปอีกแบบนะ เรืองโรงไฟฟ้านี่

เพราะถ้าเป็นบริษัทย่อย เค๊ารวมงบไปแล้ว ทำให้มีกำไร รวม โรงเรียน ที่รับรู้ไป

135 ล้าน

ตรงนี้พี่เดาว่า โรงเรียนยังขาดทุน กำไรโรงไฟฟ้ามีมากกว่า 135 ล้าน

อีกเรืองที่เดาคือ

บริษัทร่วมที่ไปถือ โรงไฟฟ้า ยังไม่ได้รับรู้รายได้แบบส่วนได้เสียครับ

ก็เลยประมาณการเล่นๆ ว่าโรงไฟฟ้า 10 โรง กำไร 200 ล้านต่อไตรมาส

ยังไม่ได้ลงดีเทลนะ

ว่ากำลังการผลิตเท่าไร ใช้ถ่านหินปีละ 8 แสนตัน มูลค่าเท่าไร

suc ถือหุ้น อยู่เท่าไร และกำไร น่าจะได้เท่าไรจริงๆ

แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถติดตามได้ ใน q ต่อๆไปครับ

[quote="Jeng"]

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

jojosati

พี่มองไปอีกแบบนะ เรืองโรงไฟฟ้านี่

เพราะถ้าเป็นบริษัทย่อย เค๊ารวมงบไปแล้ว ทำให้มีกำไร รวม โรงเรียน ที่รับรู้ไป

135 ล้าน

ตรงนี้พี่เดาว่า โรงเรียนยังขาดทุน กำไรโรงไฟฟ้ามีมากกว่า 135 ล้าน

อีกเรืองที่เดาคือ

บริษัทร่วมที่ไปถือ โรงไฟฟ้า ยังไม่ได้รับรู้รายได้แบบส่วนได้เสียครับ

ก็เลยประมาณการเล่นๆ ว่าโรงไฟฟ้า 10 โรง กำไร 200 ล้านต่อไตรมาส

ยังไม่ได้ลงดีเทลนะ

ว่ากำลังการผลิตเท่าไร ใช้ถ่านหินปีละ 8 แสนตัน มูลค่าเท่าไร

suc ถือหุ้น อยู่เท่าไร และกำไร น่าจะได้เท่าไรจริงๆ

แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถติดตามได้ ใน q ต่อๆไปครับ

รู้สึกว่า โรงไฟฟ้า 10 โรง เป็นหลาน
ที่ถือหุ้นอ้อม ผ่านบริษัทลูก
ดังนั้น น่าจะรับรู้โดยผ่าน ส่วนได้ส่วนเสียของลูก
กำไรจากโรงไฟฟ้า ปันผลมา เข้าลูก
แต่ลูกยังไม่ปันผล ให้แม่

โอย เห็นตาราง บริษัทย่อย ก็ตาลายไปหมดแล้วครับ

คงต้องใช้หลิกคิดแบบที่ นักลงทุนระดับโลก ไปลงทุนต่างประเทศมั๊งครับ

ว่าเค๊า monitor อย่างไร

เรือง suc คิดออกแล้ว

ว่า ต้องคิดกลับกัน

คือคิดว่า บริษัทจีน มาเข้าตลาดหุ้นไทย

คือ suc มียอดขายจากบริษัทในจีน 50 % และ มียอดในไทย 50 %

อนาคตผมคิดว่า ยอดขายจากบริษัทในจีน จะมากกว่าในไทย

เพราะจีนมีความได้เปรียบในการแข่งขันมาก

เพราะฉะนั้น suc ก็จะโตไปพร้อมๆกับจีน

อิอิ

น่าติดตาม

ถือมาสามปีได้แค่ ปันผลมานิดหน่อย
แต่แค่สี่วันที่ผ่านมาให้กำไรมา 0.7M (คุ้มจริงๆกับการรอคอย)
ครั้งนี้ได้ทั้งตังค์และประสบการณ์ขอบคุณจริงๆ
:lol:  :lol:  :lol:  

จำได้หลายปีก่อนมีคนหนึ่งไปตั้งกระทู้
ว่าไปขอกู้แบงค์มา เพื่อให้ซื้อsuc  
แต่แบงค์เขาไม่ให้กู้  เลยบ่นใหญ่


ฮิ

ขอออกตัวก่อนนะครับ
เดี๋ยวนี้ผม ไม่อยากบอกว่าผมถือหุ้นอะไร
ไม่ใช่เพราะ หวงหรือว่าอะไร แต่กลัวทุกท่านเข้าใจผิด
ด้วยเหตุผลที่เคยผ่านมา เวลาสามปี ยังไม่ได้พิสูจน์ อะไรทั้งสิ้นกับวงการนี้...

อีกอย่างที่ ผมรู้สึกว่าบางทีพวกเราได้  overanalized
ทุกๆแง่ของหุ้น จนไม่ได้ใช้ instinct ในการเลือก เพราะ จะกลัวโน่นกลัวนี่ไปหมด ผมเองก็เป็น ไม่ใช่ไม่เป็น ไอ้อาการา overanalized เกิดแล้วในที่สุดก็จะเอาไปเปรียบเทียบกับหุ้นอีกตัวที่จะถูก overanalized เหมือนกัน
แล้วก็กลัวๆกล้าๆ ไม่ได้ซื้อเยอะ หรือ รอดูไปก่อน ให้อาการที่เราสงสัยมันฟ้องออกมาก่อนทาง บัญชี ให้ตัวเลข clear กว่านี้ก่อนเพื่อจะได้เป็นการตอบคำถามตัวเอง ว่าเราคิดถูกหรือไม่ ปริมาณที่ซื้อไปลองของอาจจะแค่ 2-3 หมื่น หรืออย่างมากก็แสนหุ้น ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิด financial freedom ได้

ผมเลยคิดว่าเดินสายกลาง น่าจะดีที่สุด ใช้ feeling เข้าช่วยมั่ง ใช้การ estimate มั่ง ให้ใกล้เคียงที่สุด

ผมอาจโชคดีก็ได้ที่มีโอกาสในการลงทุนที่ดี มีการงานประจำที่รักที่ได้ผลตอบแทนที่ดี ผมเลยเหมือนมีเวลา ที่จะรอได้ ดังนั้น ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน(ย้ำหลายที)

ขอให้สมาชิกทุกท่านโชคดี มีความสุขกับการลงทุนที่ท่านเลือกเอง แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการครับ  :D

ผมก็เคยได้ยินครับ
ตอนนั้นราคาอยู่แถว 16 บาทแล้ววิ่งไป 28 บาทเลย
ผมมีตั้งแต่ราคา 28 - 13.7บาท ถัวแล้วก็เกือบ 20 บาท
ยังถืออยู่เต็มจำนวน
มีเก็บเพิ่มหลังไปประชุมผู้ถือหุ้นอีก 3หมื่นแก่ๆ
รวมแล้วประมาณ 99% ของ port    

โห นี่มันตอนไหนนี่

แล้วกำไรได้มากเหมือนตอนนี้หรือไม่

เป็นเรื่องแปลกของตลาดหุ้นจริง


เวลาหุ้นขึ้น  ไปจุดสูงสุดที่ไม่มีมาก่อน
กำไรตอนนั้นไม่ไช่จะสวยมากนัก

แต่พอวันหนึ่ง  กำไรเริ่มสวย อนาคต เพิ่มเห็นชัด

ราคาหุ้น กลับช้าอย่างไงก็ไม่รู้

ยิ่งกดยิ่งแรงไม่ใช่เหรอคุณ ฮอท :lol:

ไม่ทราบว่า
ประธานผู้บริหารบริษัทนี้ตั้งแต่เริ่มต้อนถึงปัจจุบัน
มีใครเคยดำรงตำแหน่งนี้บ้างครับ

เคยคิดจะซื้อตอน 15 บาทเศษเศษ แต่ไม่ได้เข้าเพราะยังไม่รู้จักผู้บริหารดีพอ
ตอนนั้นจะเข้าเพราะผู้บริหารซื้อกันใหญ่เลยแถว 14 15 บาทเมื่อปีที่แล้ว กลัวเพราะปันผลแปลกแปลก ปันผลดูธุรกิจ หรือผู้ถือหุ้น????เลยรอดูท่าที
สงสัยตกขบวนครับ  ตกยังไงก็ยังไม่กล้าเข้าครับ  ยอมตกขบวนครับ เพราะตอนนี้พอร์ตโดยรวมก็ดีอยู่แล้วขึ้นมา 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ไม่รวมปันผล อยากสำรองเงินสดไว้ครับ ถ้าขายกิจการอื่นหมด เหลือโรงไฟฟ้าในจีนอย่างเดียว ปันผลแปลกแปลกผมก็ไม่กลัวครับ ผมซื้อหมดตูดแน่นอนครับถ้าราคาเหมาะสม
แต่ตอนนี้ไม่กล้าเข้าครับ ยอมตกขบวนครับ อิ อิ ปลอบใจตัวเองครับ
เป็นแค่ความคิดเห็นแลกเปลี่ยน ไม่เห็นด้วยก็ได้ครับ

คุณ FITCH คับ วันนี้น้องๆที่มาเรียน เค๊ามีเพื่อน เพือนเค๊าบอกว่า โรงไฟฟ้า ของ SUC ที่จีน ใหญ่ กว่า EGCOMP

โห

จริงหรือเป่าครับ ดูยังไง ดูกำลังการผลิตได้เป่า เมกกะวัตอะไรพวกนั้น

เห็นคุณ FITCH ถือสองตัว SUC EGCOMP คงพอจะรู้นะครับ

อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกว่าคนที่มีวิญญาณ VI จริงๆ คือ คุณ FITCH เพราะผมเคยได้อ่านการวิเคราะห์ SUC ในร้อยคนร้อยหุ้นของคุณ FITCH ตั้งหลายเดือนก่อนแล้ว บอกได้เลยว่ากำไรล่าสุดทีรายงานออกมาไม่ได้สร้างความแปลกใจเลยครับ เป็นไปตามที่เคยได้อ่านล้วนๆ (ยิ่งเมื่อนำไปพิจารณารวมกับรายงานงวดก่อนหน้าของผู้บริหาร เน้นเรื่องกำไรจากโรงไฟฟ้าที่จีน)

ที่เหลือส่วนใหญ่มาช่วยกันสร้างกระแสเมื่อราคาหุ้น (และปริมาณซื้อขาย) มากผิดปกติ  :evil: ซึ่งเกิดขึ้นในอดีตซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูแล้วคล้ายๆ กับพวกนักวิแคะยังไงชอบกล ไม่ค่อยเหมือน VI เลยแฮะ

ที่โพสต์นี่เพราะเป็นห่วงมือใหม่นะครับ อย่าเข้าใจผิดและอย่าเคืองผม

มุมมองนึงของหุ้นตัวนี้ที่น่าระวัง คือ จะเข้าข่ายหุ้น asset play ที่ผลประโยชน์ค้างอยู่แต่ในตัวบริษัทแต่ไม่ตกถึงมือผู้ถือหุ้นหรือไม่ เนื่องจากผู้บริหารแกจ่ายปันผล rate เดียวตลอดเลยไม่ว่ากำไรจะดีจะแย่

ลองคำนวณโดย DDM ง่ายๆ โดยเงินปันผลรับปีละ 1.25 บาท (ไม่คิดหัก ณ ที่จ่าย) อัตรารา discount rate ตอนนี้ เอาซัก 1.5 เท่าของดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารระยะไม่เกิน 1 ปีแล้วกัน (5%*1.5 = 7.5%)


จะได้มูลค่าหุ้นเท่ากับ 1.25/0.075 = 16.67 บาทต่อหุ้น

อันนี้คือกรณีที่ผลประโยชน์ค้างอยู่แต่ในตัวบริษัทแต่ไม่ตกถึงมือผู้ถือหุ้นนะครับ

โห ขนาดง่ายแล้วนะ FE ช่วยขยายความหน่อย ว่าคำนวณ อย่างไร

อ๋อรู้แล้ว เรียกซะโก้ เลย DDM

สรุปคือ FE บอกว่า การจะตีราคาหุ้น SUC ก็ให้คิดว่าควรได้ปันผล 7.5 %

เพราะฉะนั้นต้องซื้อ 16.67 เราได้ปันผล 1.25 ก็จะได้เท่ากับ 7.5 %

อืม

ปันผล 7.5 %

น่าคิดครับ

เอ๊ะ แต่ว่า มีหุ้นตัวไหนบ้างครับ ณ .เวลานี้ ที่ได้ปันผล 7.5 %

ปันผลนะคับ ไม่ใช่กำไร

พี่ว่าไม่มีเลยนะ

Jeng เขียน:อ๋อรู้แล้ว เรียกซะโก้ เลย DDM

สรุปคือ FE บอกว่า การจะตีราคาหุ้น SUC ก็ให้คิดว่าควรได้ปันผล 7.5 %

เพราะฉะนั้นต้องซื้อ 16.67 เราได้ปันผล 1.25 ก็จะได้เท่ากับ 7.5 %

อืม

ปันผล 7.5 %

น่าคิดครับ

เอ๊ะ แต่ว่า มีหุ้นตัวไหนบ้างครับ ณ .เวลานี้ ที่ได้ปันผล 7.5 %

ปันผลนะคับ ไม่ใช่กำไร

พี่ว่าไม่มีเลยนะ

DDM มาจาก Dividend Discount Model ครับ ผมไม่ได้ตั้งเองนะ อาจารย์ท่านสอนมายังงี้จริงๆ พี่

สูตรสำหรับกรณีของหุ้นกิจการที่คาดว่าจะจ่ายปันผลเท่าเดิมไปเรื่อยๆ คือ ราคาหุ้น (P) = เงินปันผลที่คาดว่าจะได้ (D) / อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ (r)

ทีนี้มันก็ต้องหาค่าของ  2 ตัว คือ D กับ r ว่าจะเอาเท่าไหร่ดี ถึงจะมาคำนวณมูลค่าหุ้นได้

เจ้า D นี่ สำหรับ SUC นั้นแสนจะง่าย เพราะจ่ายมา 1.25 บาทตลอดทุกปี (จริงๆ จะใช้ 1.25 เลย หรือจะใช้เงินปันผลหลังหัก ณ ที่จ่าย 0.9*1.25 = 1.125 หรือจะเอารวมเครดิตภาษีคืนก็สุดแล้วแต่)

ปัญหาคือเจ้า r นี่แหละ มันแล้วแต่ว่าเราจะใช้วิธีไหนมาคิด จะเอาแบบลึกล้ำหน่อยแบบ CAPM ก็ได้ หรือจะเอาง่ายหน่อยแบบเอา rate ของตราสารหนี้หรือเงินฝากแล้วใส่ตัวคูณเข้าหน่อย เนื่องจากหุ้นมีความเสี่ยงมากกว่า (แบบที่ผมใช้เป็นตัวอย่าง) หรือจะเอากำปั้นทุบดินเลย คือ ใช้ opportunity cost ของใครของมันเลยก็ได้

Jeng เขียน:เอ๊ะ แต่ว่า มีหุ้นตัวไหนบ้างครับ ณ .เวลานี้ ที่ได้ปันผล 7.5 %

ปันผลนะคับ ไม่ใช่กำไร

พี่ว่าไม่มีเลยนะ

ผมนึกออกตอนนี้เลยแค่ 3 ตัวเองครับ  8)

Financial Engineer เขียน: ปัญหาคือเจ้า r นี่แหละ มันแล้วแต่ว่าเราจะใช้วิธีไหนมาคิด จะเอาแบบลึกล้ำหน่อยแบบ CAPM ก็ได้ หรือจะเอาง่ายหน่อยแบบเอา rate ของตราสารหนี้หรือเงินฝากแล้วใส่ตัวคูณเข้าหน่อย เนื่องจากหุ้นมีความเสี่ยงมากกว่า (แบบที่ผมใช้เป็นตัวอย่าง) หรือจะเอากำปั้นทุบดินเลย คือ ใช้ opportunity cost ของใครของมันเลยก็ได้

หากจะคำนวณโดยใช้ r แบบเอา rate ของตราสารหนี้หรือเงินฝากแล้วใส่ตัวคูณ

ที่ต้องใส่ "ตัวคูณ" เพิ่มด้วย เพราะว่าถ้าต้องลงทุนในหุ้นซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าตราสารหนี้หรือเงินฝาก ผู้ลงทุนย่อมต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามไปด้วย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครเลือกซื้อทุนแทนตราสารหนี้หรือเงินฝากเป็นแน่

งั้นต้องดูว่า ปันผล ปีนี้ เค้าจะจ่ายเท่าไร  ถ้ากำไรเยอะขนาดนี้ ยังจ่าย 1.25 อยู่  ก็น่ะ
 :twisted:  :x

Jeng เขียน:
เอ๊ะ แต่ว่า มีหุ้นตัวไหนบ้างครับ ณ .เวลานี้ ที่ได้ปันผล 7.5 %

หลายตัวนะครับ ที่นึกออก ก็ตระกูล U คือ UEC, UMS หรือ แม้กระทั่ง TEAM, PRANDA...........................

ไม่อยากจะบอกเลยนะครับว่า วันอังคาร มี Area President ของ แปซิฟิค ที่บริษัทผมทำงานอยู่  ก็มาพูดถึง growth opportunity ในจีน ก็เลยนึกว่ามีบริษัทใน SET ไหนบ้างที่ลงทุนในจีน อย่างมีนัยสำคัญ ตอนนั้น นึกออกแค่ mint ครับ แต่มันไปแล้ว ราคาสูงด้วย.......................................

GDP growth 7-10 % อีกหลายปี.....................................ไม่อยากนึกครับ

มาเจอ SUC ณ ราคาและโอกาสที่จะเกิดขึ้นอย่างนี้ ...............ผมก็ขอเป็น SUC lover ด้วยครับ..................................................

นี่ไรกัน น้อง FE เค๊าอุตส่าห์เตือน ยังจะมา lover อีก

อืม