หน้า 4 จากทั้งหมด 4
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 30, 2007 6:27 pm
โดย metro
เท่าที่อ่านจากที่คุณ Ninja Turtle ทำลิงค์ไว้ให้
ทางเลือกที่ดีกว่าที่ทำให้ผู้บริหารทุ่มเทกับบริษัทมากกว่าการออก ESOP น่าจะเป็นการให้โบนัสผู้บริหารในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการที่ดีขึ้นนะครับ การออก ESOP เป็นการทำลายมูลค่าหุ้นทางอ้อมครับ
ดูจาก งบการเงินแล้ว การให้โบนัสที่สุงขึ้นตามผลประกอบการน่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่าและหมาะกว่าอย่างมากๆครับ ถ้าบริษัทมีหนี้ที่ต้องชำระที่สูง การออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ก็น่าจะเป็นทางเลือกได้ แต่ WG หนี้ก็น้อย เพิ่มทุนมา ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปทำอะไรอีกนอกจากเอาไปฝากแบงค์
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 31, 2007 1:16 am
โดย chatchai
akekarat เขียน:2. เพิ่มทุนเต็ม Max ที่เหลืออีก 12.15 ล้านหุ้นไปเลย ESOP ออกมา 1.2 ล้านหุ้น แล้วอีก 10.95 ล้านหุ้นแบ่งให้ผู้ถือหุ้นทุกคนมีสิทธิซื้อด้วยในราคาพาร์
ข้อนี้ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างมากเลยครับ
เพราะไม่มีเงินเหลือไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้วครับ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 31, 2007 4:41 am
โดย gnomeller
สโมสรอื่นจ้องตาเป็นมันเพื่อจะนำตัวไปเล่นใน ดิวิชั่นหนึ่งของเสปน
บางทีต้นสังกัดเค้าก็ต้องทำสัญญาใจกันนิดนึงงงงงง
นักเตะจะได้ค้าแข้งกันนานๆ ดูอย่างเบคเฮมยังย้ายทีมเลยครับ
เมื่อถูกเสนอค่าตัวสูงลิบลิ่วจากรีลมาดริด
กีฬาฮาเอจริง
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 31, 2007 11:49 am
โดย lychee
Nokia Corporation มี Nokia Performance Share Plans โดยมี Criteria ว่าหากบริษัท สามารถ ทำยอดขายเพิ่มเฉลี่ยในสามปีจาก 2007-2009 ที่ 9.5% ถึง 20% และ EPS ระหว่าง 1.26 - 1.86 Euro บริษัทฯจะแจกหุ้นให้ (น่าจะผู้บริหารระดับสูง) จำนวนต่อปี max 12 mil shares ในกรณีทำผลงานได้ และ จำนวนหุ้นลดหลั่นลงมาผลดำเนินที่อาจจะเติบโตไม่ถึงจุดสูงสุด
เขาแจกสูงสุด 12 ล้านหุ้น (ราคาล่าสุดประมาณ 17 Euro กว่า ๆ) จากจำนวนหุ้นที่อยู่ในตลาด 3925,542,619 หุ้นครับ
www.nokia.com > Press
WG จะแจก 1.2 ล้านหุ้น จาก 18 ล้านกว่าหุ้น โดยไม่มี criteria อะไร
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 31, 2007 2:47 pm
โดย naris
ไปเที่ยวไม่ได้เข้าเวปหลายวัน มีกระทู้ร้อนๆรับสงกรานต์เลยนะครับ
ผมเห็นด้วยในการออกESOPและก็คิดเหมือนพี่ฉัตรชัยและเพื่อนๆในเรื่องการออกให้บุคคลแค่2ท่าน
แต่ผมก็มีข้อสังเกตุของการทำธุรกิจนะครับว่า วัฒนธรรมองค์กรที่อยู่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นสิบปี โดยค่อนข้างเห็นชัดว่าWGต้องการอยู่กันแบบเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ อยู่กันแบบมีเหตุและผล(ถ้าไม่อย่างนั้นคงนอกกรอบไปนานแล้ว)
แต่ทำไม่ถึงมีการแจกESOPแบบสุดโต่ง
หรือมีปัจจัยอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับสองท่านนี้ เช่น
-ท่านเป็นผู้พลิกวิกฤตในช่วง40และเป็นหัวขบวนทำงานถวายหัวจนผู้บริหารอื่นๆอยากตอบแทน หรือ
-ไม่ทราบว่าที่ดินที่ซื้อจากแอมคอร์ถูกไปหรือเปล่า ใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในแอมคอร์ มีการแลกเปลี่ยนบางอย่างเพื่อเสียภาษีน้อยลงหรือม่
นั่นคือข้อสังเกตุเท่านั้นครับ เพราะตอนนี้เรากำลังตัดสินใจบางอย่างโดยที่ยังไม่ฟังเสียงของทางจำเลย ในวันจันทร์ผมว่าน่าจะมีใครซักคนเป็นตัวแทนเราโทรเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริง แล้วค่อยตัดสินใจครับ
ความเห็นผมเราควรแสดงพลังให้รู้ว่าเราไม่เห็นด้วยโดยการงดออกเสียงมากกว่าลงคะแนนไม่เห็นด้วยครับ เพราะถ้าเราชนะในการออกเสียง แต่เราก็จะแพ้ในการเป็นส่วนร่วมธุรกิจครับ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 31, 2007 3:09 pm
โดย akekarat
naris เขียน:
เพราะตอนนี้เรากำลังตัดสินใจบางอย่างโดยที่ยังไม่ฟังเสียงของทางจำเลย ในวันจันทร์ผมว่าน่าจะมีใครซักคนเป็นตัวแทนเราโทรเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริง แล้วค่อยตัดสินใจครับ
ความเห็นผมเราควรแสดงพลังให้รู้ว่าเราไม่เห็นด้วยโดยการงดออกเสียงมากกว่าลงคะแนนไม่เห็นด้วยครับ เพราะถ้าเราชนะในการออกเสียง แต่เราก็จะแพ้ในการเป็นส่วนร่วมธุรกิจครับ
ข้อความแรกเห็นด้วยครับ ถ้ามีการอธิบายด้วยเหตุผลที่ดีพอสำหรับการออก ESOP ครั้งนี้ได้ ผมคิดว่าทุก ๆ คนก็ยินดีที่จะยกมือเห็นด้วย
อันหลังนี่ไม่เห็นด้วยครับ เพราะการที่เราทำให้ฝ่ายบริหารเห็นว่า การที่เรางดออกเสียงคือการที่เราไม่เห็นด้วย ฝ่ายนั้นก็อาจได้ใจ และจากที่ไม่เห็นความสำคัญของเราแล้ว ยิ่งกลายเป็นสำคัญตัวผิดคิดว่าตัวเองสำคัญมากไปอีก การที่เราต้องตามใจฝ่ายบริหาร เพียงเพื่อเหตุผลว่าไม่ต้องการแพ้ในการเป็นส่วนร่วมของธุรกิจ "ผมมองไม่ต่างอะไรกับการที่เราเดินไปหาผู้บริหารแล้วบอกว่า บริษัทของผมขาดคุณไม่ได้จริง ๆ ไม่งั้นตายแน่ ๆ คุณอยากทำอะไรก็เชิญ หรือจะให้ผมแบ่งบริษัทให้คุณเป็นเจ้าของมากกว่าก็ได้นะ ขอแค่อย่าหนีเราไป"
ทุกฝ่ายต่างต้องเคารพ และให้ความสำคัญซึ่งกันและกันครับ องค์กรถึงจะไปได้ด้วยดี ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องยอมทำตาปริบ ๆ ดูอีกฝ่ายทำอะไรตามใจ อยู่ฝ่ายเดียว
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 31, 2007 3:13 pm
โดย akekarat
chatchai เขียน:
ข้อนี้ส่วนตัวไม่เห็นด้วยอย่างมากเลยครับ
เพราะไม่มีเงินเหลือไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้วครับ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 12:37 pm
โดย tanate
เที่ยงครึ่ง -3 บาแล้ว เหลือ 42 บาท
เกิดอะไรขึ้นครับ
wg big sell หรือเปล่า
เสียดายไม่มีเงินซื้อ กะว่าจะรอปันผลแล้วนำมาซื้อ
อย่าเพิ่งขึ้นละ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 12:40 pm
โดย atsu
tanate เขียน:เที่ยงครึ่ง -3 บาแล้ว เหลือ 42 บาท
เกิดอะไรขึ้นครับ
เกิดการ xd ขึ้นครับ อย่าคิดมาก :D
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 1:41 pm
โดย tt
ผมกลับมานั่งดูใหม่ ถ้าเราตีว่า ESOP ปีละ 240,000 หุ้น เป็นเวลา 5 ปี
ถ้าคิดเป็นปีๆไปมันก็ dilute นิดเดียวเอง ถ้าผลประกอบการโตได้ปีละ 15 %
ผมว่าก็ OK นะ ถ้าเราไม่มองว่าจำนวนหุ้น ล้านหุ้น เทียบกับราคาปัจจุบัน
เราตกใจกันเกินเหตุหรือปล่าว ส่งสัยปีนี้ต้องไปประชุมผู้ถือหุ้น
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 1:51 pm
โดย cwiboon
tt เขียน:ผมกลับมานั่งดูใหม่ ถ้าเราตีว่า ESOP ปีละ 240,000 หุ้น เป็นเวลา 5 ปี
ถ้าคิดเป็นปีๆไปมันก็ dilute นิดเดียวเอง ถ้าผลประกอบการโตได้ปีละ 15 %
ผมว่าก็ OK นะ ถ้าเราไม่มองว่าจำนวนหุ้น ล้านหุ้น เทียบกับราคาปัจจุบัน
เราตกใจกันเกินเหตุหรือปล่าว ส่งสัยปีนี้ต้องไปประชุมผู้ถือหุ้น
แต่ส่วนต่างของราคาหุ้นต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ ประมาณปีละ 8 ล้านกว่าบาท และอีกประเด็นนึงที่พูดถึงกันมาก คือการให้แค่ผู้บริหาร 2 ท่านน่ะครับ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 6:45 pm
โดย chatchai
cwiboon เขียน:แต่ส่วนต่างของราคาหุ้นต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ ประมาณปีละ 8 ล้านกว่าบาท
ตามหลักการบัญชีที่ใช้อยู่ในประเทศไทยขณะนี้ กำหนดให้เป็นค่าใช้จ่ายแล้วหรือครับ
ผมไม่แน่ใจ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 6:56 pm
โดย Viewtiful Investor
แต่ส่วนต่างของราคาหุ้นต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ ประมาณปีละ 8 ล้านกว่าบาท
ไม่เคยได้ยินครับ นี่ของ USA หรือเปล่าครับ เดี๋ยวของ check กะ CPA ก่อน
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 10:32 pm
โดย Kao
cwiboon เขียน:แต่ส่วนต่างของราคาหุ้นต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ ประมาณปีละ 8 ล้านกว่าบาท และอีกประเด็นนึงที่พูดถึงกันมาก คือการให้แค่ผู้บริหาร 2 ท่านน่ะครับ
ไม่น่าจะต้องคิดเป็นค่าใช้จ่ายนะครับ เนื่องจากเกี่ยวกับทุนจดทะเบียน
ถ้าราคาใช้สิทธิต่ำกว่าราคาพาร์ => ส่วนต่ำกว่าทุน (ไม่รู้ใช้คำนี้หรือเปล่า
)
ถ้าราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาพาร์ => ส่วนเกินทุน
ถ้าราคาใช้สิทธิเท่ากับราคาพาร์ => ไม่เกิดส่วนขาด/ส่วนเกินทุน
แต่ที่แน่ๆส่วนต่างราคาตลาดกับราคาพาร์ ผู้ใช้สิทธิแปลงESOPต้องนำไปคำนวณภาษีครับ :lol:
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 8:19 am
โดย cwiboon
น่าจะคิดนะครับ เหมือนผมเคยอ่านเจอในหนังสือน่ะครับ แต่เดี๋ยวขอกลับไปเช็คอีกรอบก่อน แล้วถ้าไม่คิด ส่วนต่างราคาใช้สิทธิ กับราคาพาร์ ให้ไปปรับที่ส่วนผูถือหุ้นหรือครับ ตามที่คุณ Kao บอก
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 8:30 am
โดย cwiboon
เท่าที่เคยอ่านเจอ ตามที่คุณ Kao บอก ว่านำไปปรับ ส่วนเกินทุน จำได้ว่าเป็นการเสนอขายหุ้นครั้งแรก แต่ถ้าการแจก ESOP นั้นน่าจะจัดเป็นค่าใช้จ่ายนะครับ ไม่น่าจะเอาไปเพิ่มหรือลดตรงนั้นน่ะครับ แต่เท่าที่รู้ คือ ตอนที่นำไปคิดเป็นค่าใช้จ่ายนั้น ประเทศไทยไม่ได้กำหนดว่าให้เอาไปคิดตอนที่ใช้สิทธิหรือคิดเฉลี่ยตามระยะเวลาที่สามารถแปลงสภาพได้
อืม แต่ผมก็ไม่มั่นใจ 100 % น่ะครับ ใครมีผู้รู้ช่วยสอบถามดูเป็นข้อมูลก็ดีครับ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 8:38 am
โดย cwiboon
งั้นขอถามอีกเรื่องนะครับ ถ้ากรณีที่เอาไปเพิ่มเป็นส่วนเกินทุน การ dilute ก็จะไม่ใช่เท่ากับเปอร์เซ็นต์จำนวนหุ้นที่ออกแล้วสิครับ เพราะจะมีการปรับส่วนเกินทุน ตรงนั้นเข้าไปในส่วนผู้ถือหุ้นด้วย
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 10:02 am
โดย chatchai
เวลาคิดกำไรต่อหุ้น เรานำกำไรสุทธิ มาหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดนะครับ คุณ cwiboon
แล้วส่วนเกินทุนจะมาเกี่ยวได้อย่างไร
แล้วการคิดค่าใช้จ่ายในการออก ESOP สำหรับประเทศไทย ปัจจุบัน ยังไม่มีนะครับ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 10:43 am
โดย cwiboon
[quote="chatchai"]เวลาคิดกำไรต่อหุ้น
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 10:47 am
โดย cwiboon
คือผมคิดเหมือนตอนที่เอาหุ้น ipo เข้ามาขายน่ะครับ สมมติว่า พาร์ 1 บาท ราคา ipo ที่ขาย เกินจากราคาจะจัดเป็นส่วนเกินทุน น่ะครับ
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 2:39 pm
โดย Glaxo
ผมว่าคงมีเหตุที่จะต้องแจก esop ละครับ อาจจะเป็นการขอลาออกก็ได้
ซึ่งถ้าพี่แกไปก็อาจเอาคนอื่นไปด้วย หรืออาจเป็นสาเหตุอื่นที่ถามในที่ประชุมไปก็คงไม่ได้คำตอบ
พูดถึงเรื่องvote ถึงเราชนะ แล้วเค้าลาออก เราก็ไม่แน่ใจในอนาคตอีก
เนื่องจากบริษัทเป็น trading สำหรับสินค้าส่วนใหญ่
เอาเป็นว่าถ้าไม่แน่ใจก็ขายครับ
ส่วนผมตอนนี้ก็รอเก็บอย่างเดียว
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 2:45 pm
โดย Monet
cwiboon เขียน:
4.ส่วนเกินทุนคือราคาตลาดที่สูงกว่าราคาพาร์
ตรงนี้คิดว่าผิดนะครับ
น่าจะใช้เฉพาะตอน IPO หรือ PO เท่านั้น
เดี๋ยวรอผู้รู้มาตอบดีกว่า
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 04, 2007 3:16 pm
โดย chatchai
จัดตั้งบริษัท A ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มูลค่าพาร์ที่ 1 บาท ก็จะมีหุ้นทั้งหมด 100 ล้านหุ้น
ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะเป็น
ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (จำนวนหุ้น 100 ล้านหุ้น)
ส่วนเกินทุน 0 ล้านบาท
กำไรสะสม 0 ล้านบาท
รวมส่วนผู้ถือหุ้น 100 ล้านบาท
-------------------------------------------------------------------------------
บริษัท A ดำเนินธุรกิจ 3 ปี มีกำไรสุทธิจำนวนปีละ 20 ล้านบาท ไม่เคยจ่ายเงินปันผล
ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะเป็น
ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (จำนวนหุ้น 100 ล้านหุ้น และ EPS 0.20 )
ส่วนเกินทุน 0 ล้านบาท
กำไรสะสม 60 ล้านบาท
รวมส่วนผู้ถือหุ้น 160 ล้านบาท
---------------------------------------------------------------------------------
ต่อมาบริษัท A มีการขายหุ้น IPO เพื่อนำบริษัทเข้าตลาด ขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนจำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2 บาท
ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะเป็น
ทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท (จำนวนหุ้น 150 ล้านหุ้น และ EPS 0.13 )
ส่วนเกินทุน 50 ล้านบาท
กำไรสะสม 60 ล้านบาท
รวมส่วนผู้ถือหุ้น 260 ล้านบาท
-----------------------------------------------------------------------------------
ปีต่อมา บริษัท A มีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท จ่ายเงินปันผล หุ้นละ 0.20 บาท
ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะเป็น
ทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท (จำนวนหุ้น 150 ล้านหุ้น และ EPS 0.27)
ส่วนเกินทุน 50 ล้านบาท
กำไรสะสม 70 ล้านบาท
รวมส่วนผู้ถือหุ้น 270 ล้านบาท
-------------------------------------------------------------------------------------
ราคาตลาดซื้อขายกันที่ 3 บาท บริษัท A ออก ESOP ให้กรรมการ 7.5 ล้านหุ้น ราคาใช้สิทธิที่ 1 บาท เมื่อกรรมการใช้สิทธิ
ส่วนผู้ถือหุ้นก็จะเป็น
ทุนจดทะเบียน 157.50 ล้านบาท (จำนวนหุ้น 157.50 ล้านหุ้น EPS 0.25)
ส่วนเกินทุน 50 ล้านบาท
กำไรสะสม 70 ล้านบาท
รวมส่วนผู้ถือหุ้น 277.50 ล้านบาท
----------------------------------------------------------------------------------
ในกรณี ออก ESOP ราคาตลาดซื้อขายกันที่ราคาเท่าไร ก็ไม่เกี่ยวกับงบการเงินและ EPS เลยครับ นอกจากจะมีการแก้ไขหลักเกณฑ์ในการบันทึกบัญชีใหม่
พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 06, 2007 7:24 am
โดย cwiboon
อ้างอิงจาก หนังสือชื่อ กลบัญชี ดร. ภาพร เอกอรรถพร หน้าที่ 69
APB 25 (Accounting Principles Board Opinio No25,"Accounting for Stock Issued to Employees") ที่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973(พ.ศ.2516) ข้อกำหนดในมาตรฐานการบัญชี)ฉบับนี้บังคับให้บริษัทต้องนำ Stock Options มาพิจารณาว่าการออก Stock Options ให้พนักงานนั้นถือเป็นการจ่าย โบนัสหรือไม่ ถ้าใช่ บริษัทต้องนำโบนัสนั้นมาบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องนำมาบันทึก
อ้างอิงจาก หนังสือชื่อ กลบัญชี ดร. ภาพร เอกอรรถพร หน้าที่ 75
หวังว่าสิ่งที่ถูกต้องคงเกิดกับประเทศไทย แม้ว่าขณะนี้เราจะยังไม่มีมาตรฐานบัญชีเกี่ยวกันเรื่อง Stock option
หน้าแตกเลยครับ :? ขอบคุณ คุณฉัตรชัยด้วยครับ ที่ช่วยอธิบาย รู้สึกว่าต่างประเทศเค้าจะใช้กันแต่ที่ไทยยังไม่มีกฏออกมาบังคับ ที่ต่างประเทศเค้าจะจัดว่า Stock Option เป็นโบนัสหรือไม่โดยดูว่ามีการกระจายอย่างเสมอภาคหรือเปล่า ถ้าเป็นกรณีให้ผู้บริหารแค่บาง คน จะต้องจัดเป็นโบนัสที่ให้พนักงานและบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุน