หน้า 4 จากทั้งหมด 12

news02/10/07

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 02, 2007 3:10 pm
โดย chartchai madman
บีโอไอเมินรง.เอทานอล

โพสต์ทูเดย์ บอร์ดบีโอไอ ตีกลับโครงการเอทานอล 1.79 หมื่นล้านบาท แผนไม่ชัดเจน สั่งเอกชนกลับไปทำมาเสนอใหม่


นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า โครงการขอรับการส่งเสริมผลิตเอทานอล 6 โครงการ มูลค่า 1.79 หมื่นล้านบาท ที่ประชุมมีมติให้กลับไปพิจารณาแผนการตลาดให้ชัดเจนก่อนนำมาเสนออีกครั้ง

โครงการผลิตเอทานอลที่เสนอมานั้น ยังไม่มีแผนการตลาดที่ชัดเจน ตั้งแต่การผลิตจนถึงการจำหน่าย หากผลิตออกมาแล้วไม่มีลูกค้าที่แน่นอนจะทำให้มีความเสี่ยงสูง อีกทั้งบริษัทที่บอร์ดได้อนุมัติส่งเสริมและเปิดกิจการไปแล้ว และทยอยเปิดมีปริมาณซัพพลายมาก นายโฆสิต กล่าว

นายโฆสิต กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติปรับลดสัดส่วนการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนลง เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ในประเทศลดลง ดังนั้น ทางบอร์ดจึงส่งกลับไปให้เจ้าหน้าที่ทำแผนการตลาดที่จะใช้รองรับปริมาณเอทานอลที่จะออกมาให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาเอทานอลล้นตลาดเหมือนที่ผ่านมา
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=194928

news02/10/07

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 02, 2007 3:54 pm
โดย chartchai madman
กาตาร์ 1 ใน 12 ชาติกลุ่มโอเปกชี้ ไม่เพิ่มการผลิต หลังราคายืนกว่า 80 เหรียญ
รัฐมนตรีน้ำมันประเทศการ์ตาร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 สมาชิกกลุ่มโอเปก ให้สัมภาษณ์ว่า ระดับราคาน้ำมันดิบกว่า 80 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน ไม่สามารถที่จะทำให้อ่อนตัวลง จากการเพิ่มกำลังการผลิตจากกลุ่มโอเปกแต่อย่างใด เนื่องจาก ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นมากจากเม็ดเงินที่เทมาจากกองทุนต่างๆ และขอยืนยันว่า ระดับราคาน้ำมันดิบในขณะนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปริมาณการผลิตแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังไม่มีสมาชิกในกลุ่มโอเปกชาติใดๆเลย ที่มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการในประเด็นนี้ ทั้งนี้ การประชุมของกลุ่มอาจมีขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news03/10/07

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 03, 2007 5:56 pm
โดย chartchai madman
รัฐลดเก็บเงินโซฮอล์20สต. กระตุ้นปั๊มขาย
สนพ.ลดเก็บเงินกองทุนแก๊สโซฮอล์อีก 20 สต./ลิตร ช่วยค่าการตลาดน้ำมัน ระบุราคาปลีกยังต่ำกว่าเบนซิน 3.50 บาท/ลิตร เท่าเดิม


นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การลดสัดส่วนเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจาก ผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ลงอีก 20 สต./ลิตร จะไม่ทำให้ส่วนต่างราคาขายปลีกของแก๊สโซฮอล์กับเบนซินเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ส่วนต่างราคาจะอยู่ที่ 3.50 บาท/ลิตรเท่าเดิม แต่จะทำให้ปั๊มน้ำมันในต่างจังหวัดได้ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ อย่างไรก็ตามเป้าหมายการใช้แก๊สโซฮอล์ปลายปีนี้คงไม่ถึง 8 ล้านลิตร/วัน แต่จะอยู่ระดับ 6 ล้านลิตร/วัน จากปัจจุบันมีการใช้เฉลี่ย 5.1 ล้านลิตร/วัน

ทาง สนพ.ทราบถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายการขายแก๊สโซฮอล์ในต่างจังหวัด เพราะต้องมีการล้างถังและเพิ่มหัวจ่าย จึงหาวิธีที่จะเพิ่มค่าการตลาดให้กับ ปั๊มน้ำมันบ้าง ซึ่งทางบริษัทน้ำมันจะเป็นผู้ไปกำหนดตัวเลขอีกครั้ง นายวีระพล กล่าว

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า การลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันส่วนของแก๊สโซฮอล์ จะช่วยให้เกิดการใช้เอทานอลที่นำมาผสมเบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์มากขึ้นจากที่ล้นตลาดขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายเอทานอลไตรมาส 4 ทางกระทรวงพลังงานได้ประกาศราคากลางซื้อขายเอทานอลแล้ว เหลือที่ระดับราคาเพียง 15.29 บาท/ลิตร จากเดิมที่ไตรมาส 3 ราคาจะอยู่ที่ระดับ 16.82 บาท/ลิตร ประกอบกับปริมาณเอทานอลในประเทศค่อนข้างล้นตลาดเกินความต้องการเกือบ 1 ล้านลิตร/วัน
http://www.msnth.com/msn/money2/content ... 939&ch=227

news03/10/07

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 03, 2007 8:18 pm
โดย chartchai madman
ลอยตัวก๊าซหุงต้มกลางเดือน ธ.ค. ข่าว 18.00 น.

Posted on Wednesday, October 03, 2007
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกถึงการลอยตัวก๊าซหุงต้ม (LPG) ว่า ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ประกาศไว้ คือ จะลอยตัวในปลายปีนี้ ที่จะเป็นช่วงที่หนี้สินสุทธิของกองทุนน้ำมันฯ เป็นศูนย์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป

รมว.พลังงานเชื่อมั่นว่า การลอยตัวครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ และรายจ่ายของประชาชนมากนัก เพราะรายจ่ายหลักที่เป็นต้นเหตุเงินเฟ้อจะมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่หลังจากใช้หนี้เงินกองทุนน้ำมันฯ หมดลงไป ก็จะมีการลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ ลงในอัตราลิตรละ 50 สตางค์ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายหลักของครัวเรือนลดลง

ด้านนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า กรณีที่จะมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ถือเป็นการพิจารณาโดยอิงกับ Demand & Supply เป็นหลัก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะนำข้อมูลตัวเลขไปหารือกับทางกรมการค้าภายในอีกครั้งว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจะมีผลกระทบต่อสินค้าประเภทใดบ้าง โดยเบื้องต้นต้องยอมรับว่า การปรับราคาก๊าซหุงต้มจะทำให้ต้นทุนครัวเรือน และต้นทุนในการประกอบอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้เป็นต้นทุนโดยตรงในธุรกิจอุตสาหกรรม

นายศิริพลบอกด้วยว่า ได้กำชับให้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด หากเกิดกรณีกักตุนสินค้าเกิดขึ้น กระทรวงก็มีอำนาจลงโทษตามกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายมาตรา 30 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท

ขณะที่นายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า การปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้มจะทำให้มีการปรับราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2 - 3 บาท ซึ่งจะกระทบต่อผู้ใช้ก๊าซครัวเรือนและรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซโดยทันที จึงได้สั่งให้กรมการค้าภายในไปคำนวณ หากราคาก๊าซหุงต้มปรับราคาขึ้นไปจริง จะกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคโดยรวมมากน้อยเพียงใด และให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในไปประชุมร่วมกับกระทรวงพลังงาน เพื่อชี้แจงข้อมูล หากจำเป็นต้องปรับราคาก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นจริง จะกระทบต่อต้นทุนผลิตสินค้าหรือไม่

ส่วนการกักตุนก๊าซหุงต้มเก็บไว้นั้น ไม่น่าจะมีเกิดขึ้น เพราะนอกจากจะเสียพื้นที่แล้ว ยังจะเกิดปัญหาอันตรายได้ หากเก็บไม่ถูกต้อง แต่ก็ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในสำรวจตรวจสอบพฤติกรรมผู้ค้าแล้ว หากกักตุนสินค้า ก็ถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย และเห็นว่าหากจำเป็นต้องปรับราคาก๊าซหุงต้มจริง ก็อยากจะให้เป็นการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อต้นทุนสินค้า และยังเชื่อว่าการปล่อยลอยตัวก๊าซหุงต้ม จะไม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 2.5%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news04/10/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 04, 2007 7:00 pm
โดย chartchai madman
ขุดเจอแหล่งน้ำมันดิบ พลังงานต่อยอดลงทุน [ ฉบับที่ 833 ประจำวันที่ 3-10-2007 ถึง 5-10-2007]  
ไทยพบแหล่งน้ำมันดิบแหล่งใหม่ในเพชรบูรณ์กว่า 1.5 พันบาร์เรลต่อวัน เสริมความมั่นคงด้านพลังงาน และสร้าง บรรยากาศที่ดีในการลงทุนธุรกิจสำรวจผลิตปิโตรเลียม

ดร. ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าได้ รับรายงานจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่ง ได้มีการสำรวจพบแหล่งน้ำมันดิบแหล่ง ใหม่ คือ แหล่งนาสนุ่น ในอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยผลจากการเจาะหลุมสำรวจ NSN 3D1 และหลุม L44 H ในแปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43 ของบริษัทแพน โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (รับสัมปทานเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2546) ได้ทำการศึกษาธรณีวิทยา และเจาะหลุมสำรวจ ซึ่งผลปรากฏว่า หลุม NSN 3D1 พบอัตราการไหลน้ำมันดิบโดยเฉลี่ย 400 บาร์เรลต่อวัน และหลุม L44 พบอัตราการไหลน้ำมันดิบ โดยเฉลี่ย 1,300-1,500 บาร์เรลต่อวัน โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างการทดสอบกำลังการผลิตเพื่อศึกษาหาปริมาณสำรอง และมีแผนจะเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มเติมอีกประมาณ 11 หลุม ซึ่งอยู่ระหว่างขอพื้นที่ต่อกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติต่อไป

ด้านนายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) กล่าวว่า การสำรวจ พบแหล่งน้ำมันดิบแหล่งใหม่ครั้งนี้ ที่จังหวัด เพชรบูรณ์ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อบรรยา กาศการลงทุนสำรวจหาแหล่งสำรองเชื้อเพลิงธรรมชาติ เพื่อความมั่นคงด้านพลังงาน ในประเทศ เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาด โลกขยับตัวสูงขึ้นมาก ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการสำรวจ และผลิตปิโตรเลียมต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ยื่นคำขอรับสิทธิสำรวจปิโตรเลียม ในรอบ 20 ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2550 โดยมีบริษัทยื่นคำขอรับสิทธิแล้วทั้งสิ้น 48 คำขอ ทั้งหมด 28 แปลง สำรวจเป็นแปลงสำรวจบนบก 20 แปลง และแปลงสำรวจในอ่าวไทย 8 แปลงสำรวจ

อนึ่ง บริษัท แพน โอเรียนท์ รีซอส เซส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่ม Pan Orient Energy Corporation แห่งประเทศแคนาดา เป็นผู้รับสัมปทาน ปิโตรเลียมในแปลง SW1 ซึ่งทำการผลิต น้ำมันดิบจากแหล่งวิเชียรบุรีและศรีเทพ มาตั้งแต่ปี 2538 ปัจจุบันมีอัตราการผลิตประมาณ 940 บาร์เรลต่อวัน และเพิ่งได้รับพื้นที่ผลิต คาดว่าอัตราการผลิต ของบริษัทในกลุ่มแพน โอเรียนท์ จะเพิ่ม ขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 2,000 บาร์เรลต่อวัน  
http://www.siamturakij.com/home/news/di ... ws_id=7185

news05/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 05, 2007 1:29 pm
โดย chartchai madman
ธกส.ปรับแผน เท1.2หมื่นล้านหนุนปลูกอ้อย

โพสต์ทูเดย์ ธ.ก.ส. ตั้งโต๊ะปล่อยกู้ 1.2 หมื่นล้าน หนุนเกษตรกรปลูกอ้อยเป็นพลังงานทดแทน


นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารกำลังเร่งสนับสนุนสินเชื่อเพื่อผลผลิตอ้อย โดยเฉพาะการส่งเสริมการ ปลูกเพื่อใช้พลังงานทดแทน เช่น เอทานอล, ไบโอดีเซล เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่สนับสนุนการปลูกอ้อยเพื่อผลิตเป็นน้ำตาลเพียงอย่างเดียว

มาตรการนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตตกต่ำได้ หลังจากที่คาดว่าราคาอ้อยในตลาดโลกอาจมีแนวโน้มทรงตัวหรืออ่อนลงไต่ระดับไม่ถึง 10-13 เซนต์/ ปอนด์ จากเดิมที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ที่ระดับ 17-18 เซนต์/ปอนด์

ทั้งนี้ ในปีบัญชี 2550 ธ.ก.ส. ตั้งเป้าหมายในการขยายสินเชื่อพลังงานทดแทน 2.45 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อผลผลิตอ้อย 1.2 หมื่นล้านบาท แยกเป็นสินเชื่อเพื่อสนับสนุนอ้อยให้เป็นพลังงานทดแทนประมาณ 6 พันล้านบาท ที่เหลืออีก 6 พันล้านบาท เป็นสินเชื่อเช็กเกี๊ยวอ้อย

นายธีรพงษ์ กล่าวว่า ตามแผนระยะ 5 ปี ธนาคารได้วางเป้าหมายขยายสินเชื่อเพื่อผลผลิตอ้อยไว้ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับพืชพลังงานทดแทน

ทริส ได้กำหนดเป้าหมายเรื่องการประเมิน โดยให้ธนาคารให้ความสำคัญที่เรื่องการปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการปลูกพืชพลังงานทดแทนด้วย ซึ่งเดิมทีธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยกู้ทั้งหมดเพียง 2 หมื่นล้านบาทในปีบัญชีนี้ แต่ทางทริสขอให้เพิ่มเป็น 2.45 หมื่นล้านบาท เพราะในอนาคตเกรงว่าน้ำตาลจะล้นตลาด ผู้บริโภคลดการกินน้ำตาลลงเพื่อรักษาสุขภาพ นายธีรพงษ์ กล่าว
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=195503

news05/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 05, 2007 2:53 pm
โดย chartchai madman
รื้อแผนแก๊สโซฮอล์ ดันยอด8ล.ลิตร/วัน  

โดย ข่าวสด
วัน ศุกร์ ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550 09:17 น.

นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซลเริ่มปรับลดลงต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากที่รัฐบาลเร่งส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้พลังงานทดแทน ช่วงนี้ปริมาณการขายแก๊สโซฮอล์จึงปรับสูงขึ้นจนทำให้การขายแก๊สโซฮอล์ไต่ขึ้นมาอยู่ที่ 5 ล้านลิตร/วัน แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ 8 ล้านลิตร/วัน ดังนั้นกรมจึงอยู่ระหว่างประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประมวลการประชาสัมพันธ์แก๊สโซฮอล์ว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน และเข้าไปปรับแผนประชาสัม พันธ์ใหม่ ที่ผ่านมายอมรับว่าการประชาสัมพันธ์ยังมีจุดอ่อนหลายจุด
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ว่า วันที่ 5 ต.ค. มีโอกาสที่ผู้ค้าน้ำมันประกาศปรับลดราคาเบนซินลง 40 ส.ต./ลิตร มีผลวันที่ 6 ต.ค. ขณะนี้ค่าการตลาดเบนซินอยู่ที่ 1.94 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่ 1.50 บาท/ลิตร
http://news.sanook.com/economic/economic_190437.php

news05/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 05, 2007 3:02 pm
โดย chartchai madman
สถานการณ์ราคาน้ำมัน
5 ตุลาคม พ.ศ. 2550 05:00:00

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ปัจจัยที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

   น้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวลดลง 0.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ของสหรัฐอเมริกาปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 321.8 ล้านบาร์เรล สิ้นสุด ณ วันที่ 28 ก.ย. สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะปรับลดลง 0.8 ล้านบาร์เรล ประกอบกับตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของอุปทานน้ำมันดิบลง เมื่อศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ ประกาศว่า ความกดอากาศต่ำในอ่าวเม็กซิโกขณะนี้ยังกระจายตัวอยู่  แต่ก็สามารถที่จะก่อตัวเป็นพายุดีเปรสชั่นได้

   นอกจากนั้น การผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกยังคงดำเนินงานตามปกติ ถึงแม้ว่าจะมีพายุฝนฟ้าคะนองบริเวณแหล่งขุดเจาะนอกชายฝั่งก็ตาม เป็นปัจจัยลบกดดันราคา อย่างไรก็ตาม ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯลงบ้าง หลังจากมีรายงานจากภาคการบริการบ่งชี้ให้เห็นว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ขยายตัวขึ้นเล็กน้อย อีกทั้ง ปริมาณน้ำมัน Middle Distillate คงคลังประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 135.9 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับลดลง 0.1 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 191.3 ล้านบาร์เรล

   นอกจากนั้น ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ พยากรณ์ว่า พายุ 2 ลูกที่ก่อตัวขึ้นในแถบตะวันออกของชายฝั่งบาฮามาสอาจทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุเฮอริเคน ขณะพัดเข้าใกล้อ่าวเม็กซิโกในอีก 2-3 วันข้างหน้า เป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาไม่ให้ปรับลดลงมากนัก

    น้ำมันเบนซิน ราคาปรับตัวลดลง 0.59 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่อ่อนค่าลง ประกอบกับผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ยังคงเทขายน้ำมันเบนซินอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขายน้ำมันเบนซินออกเทน 92 จำนวน 50,000 บาร์เรลสำหรับการส่งมอบกลางเดือน ต.ค. คิดเป็นปริมาณที่ขายแล้วทั้งสิ้น 700,000 บาร์เรลตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีปริมาณการซื้อขายในตลาดจรค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักค้าน้ำมันยังคงรอดูท่าทีของจีนว่า จะมีปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินสำหรับการส่งมอบเดือน ต.ค. ในปริมาณเท่าใด หลังจากสิ้นสุดช่วงวันหยุดประจำชาติในสัปดาห์นี้ รวมทั้ง ตลาดน้ำมันเบนซินในภูมิภาคมีแนวโน้มว่าจะไม่คึกคักนัก เพราะกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ซึ่งการบริโภคน้ำมันชะลอตัวลง เป็นปัจจัยลบกดดันราคา

   อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าน้ำมันของเวียดนามกำลังมองหาน้ำมันเบนซินออกเทน 92 จำนวน 20,000 ตัน ขณะที่ผู้ค้าอีกรายหนึ่งของเวียดนามมีแผนจะนำเข้าน้ำมันเบนซินออกเทน 92 จำนวน 20,000 ตันสำหรับการส่งมอบเดือน พ.ย. ต.ค. มีส่วนช่วยให้อุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับลดลง เป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาไม่ให้ปรับลดลงมากนัก

    น้ำมันก๊าดและอากาศยาน ราคาทรงตัว เนื่องจากปริมาณน้ำมันก๊าดคงคลังประจำสัปดาห์ของญี่ปุ่นปรับลดลง 0.5 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 26.13 ล้านบาร์เรล สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ก.ย. ซึ่งเป็นปริมาณเฉลี่ยที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี เป็นสัญญาณว่า ญี่ปุ่นจะนำเข้าน้ำมันดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับอุปสงค์ที่อาจปรับเพิ่มขึ้นในฤดูหนาว หลังจากที่ชะลอการนำเข้าจากการพยากรณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า ฤดูหนาวปีนี้จะไม่หนาวนัก เป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคา

   อย่างไรก็ตาม มีการขายน้ำมันอากาศยานจำนวน 100,000 บาร์เรลสำหรับการส่งมอบปลายเดือน ต.ค. มีส่วนทำให้อุปทานน้ำมันอากาศยานในภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยลบกดดันราคาให้ทรงตัว

    น้ำมันดีเซล ราคาปรับตัวลดลง 0.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่อ่อนค่าลง ประกอบกับมีนักค้าน้ำมันระหว่างภูมิภาคเข้ามาเล่นราคาในตลาด เพื่อกดดันให้ราคาน้ำมันดีเซลในภูมิภาคปรับลดลง ซึ่งจะช่วยให้มีการขยายโอกาสในการขนย้ายน้ำมันดีเซลจากภูมิภาคไปขายยังแถบยุโรป เป็นปัจจัยลบกดดันราคา

   อย่างไรก็ตาม มีการซื้อน้ำมันดีเซลกำมะถัน 0.5% และ 0.25% ประเภทละ 150,000 บาร์เรลสำหรับการส่งมอบปลายเดือน ต.ค. และผู้ค้าน้ำมันของเวียดนามซื้อน้ำมันดีเซลกำมะถัน 0.25% จำนวน 52,000 ตันสำหรับการส่งมอบต้นเดือน พ.ย. ถึงกลางเดือน ม.ค. ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดีเซลในภูมิภาคปรับลดลง เป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคาไม่ให้ปรับลดลงมากนัก

    น้ำมันเตา ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่อ่อนค่าลง เนื่องจากอุปทานน้ำมันเตาในตะวันออกกลางยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ส่งผลให้ราคาน้ำมันเตาในเอเชียปรับสูงขึ้น โดยมีการตกลงซื้อขายน้ำมันเตาเข้ามาในตลาดถึง 2 รายการ และมีการขายน้ำมันเตาความหนืดสูงจำนวน 80,000-90,000 ตัน ไปยังตะวันออกกลาง

   สำหรับการส่งมอบปลายเดือน ต.ค. ส่งผลให้อุปทานน้ำมันเตาในภูมิภาคปรับลดลง เป็นปัจจัยบวกสนับสนุนราคา อย่างไรก็ตาม มีการขนย้ายน้ำมันเตาจากแคริเบียนเข้ามาขายในภูมิภาคเพิ่มขึ้นเป็น 1.4-1.5 ล้านตัน มีส่วนทำให้อุปทานน้ำมันเตาในภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยลบกดดันราคาไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)
http://www.bangkokbiznews.com/2007/10/0 ... sid=188938

news06/10/07

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 06, 2007 12:25 pm
โดย chartchai madman
ปิยสวัสดิ์เบรกโขกราคาเอ็นจีวี-ตรึงถึงปี51  

โดย ข่าวสด
วัน เสาร์ ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2550 09:49 น.

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงยังไม่มีนโยบายที่จะให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มราคาขายก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ในช่วงสิ้นปีนี้ และเห็นว่าไม่ควรปรับขึ้นราคาไปจนถึงปี51 เพราะถือเป็นช่วงของการส่งเสริมให้รถยนต์หันมาใช้เอ็นจีวีแทนน้ำมัน หากจะปรับขึ้นตอนนี้คงไม่เหมาะ โดยคงต้องให้ปตท.แบกรับภาระขาดทุนไประยะหนึ่งก่อนเพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาติดตั้งเอ็นจีวีที่เป็นนโยบายของรัฐให้มากขึ้น

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด กล่าวว่า เข้าใจว่าที่ปตท.ไม่สามารถปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีได้เนื่องจากรัฐกำลังลอยตัวก๊าซหุงต้ม ที่ผ่านมาปตท.จะแบกรับราคาเอ็นจีวีถึงปีละ 800 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 1,800 ล้านบาทก็ตาม แต่เมื่อกระทรวงไม่ให้ขึ้นกระทรวงปตท. จะคงราคาขาย 8.50 บาท/ก.ก.ไปก่อน หากเปรียบเทียบต้นทุนแล้วราคาเอ็นจีวีคงต้องปรับเพิ่มขึ้นอีก 3-4 บาท/ก.ก. ปัจจุบันปั๊มมีเอ็นจีวีที่เปิดไปแล้ว 153 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 20 แห่ง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเปิดครบ 200 แห่ง การเปิดปั๊มที่ล่าช้ากว่าแผนเพราะมีปัญหารถขนส่งก๊าซฯ ไม่เพียงพอ

สำหรับราคาน้ำมันขายปลีกสัปดาห์นี้คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยปตท.จะขอพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 8 ต.ค. และแม้ว่าค่าการตลาดน้ำมันจะยังอยู่ในระดับสูงช่วงนี้ แต่ที่ผ่านมาปตท.ขาดทุนค่าการตลาดน้ำมันมาตลอด หากสัปดาห์หน้าราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่เพิ่มสูงขึ้นก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับลดลง แต่ถ้าราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศก็คงจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปตท. ยื่นหนังสือขอปรับราคาเอ็นจีวีที่จาก 8.50 บาท/ก.ก.เป็น 10 บาท/ก.ก.ก่อน หลังจากนั้นจะปรับอีกเป็น 12 บาท/ก.ก. เนื่องจากปตท.ชี้แจงว่าราคา 12 บาท/ก.ก.จะเป็นจุดที่คุ้มทุนเพื่อนำไปขยายสถานีที่ใช้เงินค่อนข้างสูง
http://news.sanook.com/economic/economic_190816.php

news08/10/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 08, 2007 4:00 pm
โดย chartchai madman
น้ำมันอาจขึ้นระดับ$100ปีหน้า ปัจจัยดันราคายังไม่อ่อนตัวลง

โดย ผู้จัดการออนไลน์
8 ตุลาคม 2550 10:05 น.
 
      เอเอฟพี - ราคาน้ำมันโลกทะยานขึ้นกว่าสองเท่าตัวแล้วจากที่เคยอยู่แถวๆ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2003 และบรรดานักวิเคราะห์บอกกันด้วยว่า พลังต่างๆ ซึ่งคอยดันให้มันขึ้นสูงนั้นยังไม่มีทีท่าจะอ่อนตัวลงเลย โดยมีความเป็นไปได้ที่น้ำมันจะเข้าสู่ระดับ 100 ดอลลาร์ในปีหน้า
     
       ราคาน้ำมันโลกยังคงเคลื่อนไหวอยู่แถบๆ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากไต่ขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้งในนครนิวยอร์กและกรุงลอนดอน ภาวะซัปพลายตึงตัว, ความวิตกด้านภูมิรัฐศาสตร์, ความกังวลเรื่องพายุเคลื่อนเข้าสู่เขตผลิตน้ำมัน, ตลอดจนอัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ยังแข็งแรง เหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้ราคา "ทองคำสีดำ" ลอยละลิ่วค้างฟ้า
     
       เจฟฟรี รูบิน นักเศรษฐศาสตร์แห่ง ซีไอบีซี เวิลด์ มาร์เกตส์ ถึงขั้นบอกว่า ปัจจัยเรื่องความสามารถทางเทคโนโลยีจะทำให้มีซัปพลายใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มสูงขึ้นอยู่เรื่อยๆ และเรื่องที่ว่าเมื่อราคาแพงขึ้นก็ย่อมกลายเป็นตัวจำกัดดีมานด์ความต้องการใช้น้ำมัน เหล่านี้เคยเป็นเหตุผลข้อโต้แย้งสำคัญ ทำให้ไม่คาดกันว่าน้ำมันจะขึ้นสู่ระดับ 100 ดอลลาร์ได้ ทว่าเวลานี้ ข้อโต้แย้งทั้ง 2 ประการนี้กำลังถูกมองเมินไปอย่างรวดเร็ว
     
       "ผ่านไปแล้วเรื่องที่พวกยักษ์ใหญ่น้ำมันออกมาแสดงความมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่า ความยอดเยี่ยมทางเทคนิคของพวกเขาจะสามารถนำเอาแหล่งน้ำมันดิบสำรองมหึมาที่ยังไม่ถูกค้นพบเลยให้ออกมาใช้กันได้ ตรงกันข้ามสิ่งที่พวกเราได้ยินกันจากสภาน้ำมันปิโตรเลียมแห่งชาติสหรัฐฯก็คือ คำเตือนที่ว่าน้ำมันกำลังจะหมดสิ้น และราคาจะต้องไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ"
     
       มีนักวิเคราะห์บางคนแสดงความเซอร์ไพรซ์ ที่ราคายังทะยานเอาๆ ทั้งที่ตามภูมิปัญญาซึ่งเชื่อถือกันมานั้น เมื่อราคาแพง ดีมานด์ความต้องการใช้ก็ควรจะลดต่ำลง และกลับไปส่งผลให้ราคาขยับต่อไปไม่ไหว
     
       แต่รูบินอธิบายว่า การที่จีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ยังคงมีอัตราเติบโตอันแข็งแรงนั่นแหละ กลายเป็นตัวชดเชย ทำให้ดีมานด์ที่อาจชะลอลงไปของพวกชาติอุตสาหกรรมไม่ค่อยมีความหมาย
     
       เขาแจกแจงว่า อันที่จริงราคาซึ่งแพงขึ้น ทำให้พวกยุโรปตะวันตกที่เห็นพิษภัยของการปล่อยก๊าซคาร์บอนจะทำให้โลกร้อนอยู่แล้ว มีการลดการใช้น้ำมันลงมา ทว่าการลดลงดังกล่าวเป็นส่วนนิดเดียวในดีมานด์ของทั่วโลก โดยที่การใช้น้ำมันของโลกในปัจจุบัน ไม่ได้ถูกบงการจากพวกผู้บริโภคในบรรดาชาติอุตสาหกรรมอีกแล้ว หากแต่เป็นผู้บริโภคในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งต่างกำลังแปรเปลี่ยนสู่ระบบอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วยิ่ง
     
       ตามรายงานของซีไอบีซี จีนใช้น้ำมันเป็นกว่า 2 เท่าตัวของที่ตนเองผลิตได้อันอยู่ในระดับ 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ชาติกำลังพัฒนาโตเร็วอื่นๆ ในเอเชีย อย่างเช่น อินเดีย, มาเลเซีย, และไทย ก็กำลังใช้น้ำมันพุ่งขึ้นมากเช่นกัน
     
       ทางด้าน เบน ทะโซคาโนส นักวิเคราะห์แห่งสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส ชี้เพิ่มเติมว่า เวลานี้ตลาดยังคงกังวลว่าจะเกิดวิกฤตทางการเมืองในชาติผู้ผลิตน้ำมันรายหลักๆ อย่างเช่น อิหร่าน
     
       "ถ้าเกิดมีวิกฤตทางการเมืองขึ้นมาจริงๆ อย่างเช่นในอิหร่าน หรือซัปพลายน้ำมันเกิดสะดุดติดขัด ตลาดน้ำมันก็ย่อมอ่อนเปราะต่อการติดขัดนั้นหรือความกลัวว่าจะเกิดการติดขัดขึ้นมา" เขาบอก "ดังนั้น มันจึงเป็นไปได้ที่จะทะลุหลัก 100 ดอลลาร์ในปีหน้า"
     
       บาร์ต เมเลค แห่ง บีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เกตส์ ก็เห็นว่า แรงกดดันเรื่องราคายังไม่ได้ลดถอยลงเลย และตลาดจะยิ่งตึงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
     
       "แน่นอนเลยว่าเราสามารถขึ้นไปมากกว่า 90 ดอลลาร์ได้ในปีหน้า ตัวอย่างเช่น ถ้าหากเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างขึ้นในตะวันออกกลาง"
http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000118828

news10/10/07

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 10, 2007 11:07 pm
โดย chartchai madman
น้ำมันดิบย้อนพุ่งปิดเหนือกว่า 80 เหรียญครั้งใหม่
ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ กลับทะยานพุ่งขึ้นครั้งใหม่เมื่อคืนที่ผ่านมา มีราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันที่บาร์เรลละ 81.10 เหรียญ ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาปิดยืนเหนือบาร์เรลละ 80 เหรียญ พุ่งขึ้นเกือบ 2 เหรียญสหรัฐ ด้านนักลงทุนในตลาดน้ำมันดิบ คาดว่า ระดับราคาดังกล่าวอาจจะถีบตัวสูงขึ้นต่อเนื่องครั้งใหม่ จากสาเหตุปริมาณการเก็บสำรองน้ำมันทั้งในฝั่งสหรัฐ และยุโรป ล่าสุด ความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้น หลังนายกรัฐมนตรีตุรกี สั่งใช้กำลังทหารเข้าไปในบริเวณตอนเหนือของประเทศอิรัก เพื่อจัดการกลุ่มกบฎชาวเคิร์ด ซึ่งจะกระทบต่อการผลิตอิรัก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news11/10/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 9:10 pm
โดย chartchai madman
น้ำมันดิบปิดเหนือกว่า 81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลหรือพุ่งกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ใน 2 วัน

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ทะยานพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ปิดยืนเหนือกว่าบาร์เรลละ 81 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ราคาพุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ ด้านราคาน้ำมันดิบตลาด Brent ปรับเพิ่มสูงขึ้น เข้าใกล้บาร์เรลละ 79 ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับปัจจัยที่หนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นต่อเนื่องนั้น เกิดจากเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นในเครือบริษัทรอยัลดัชท์เชลล์ รัฐอลาสก้า ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงไปวันละ 3 หมื่นบาร์เรลในอีก 2 สัปดาห์หน้า เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง การใช้กำลังทหารในอิรัก และการประท้วงหยุดงานไนจีเรีย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news12/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 9:27 pm
โดย chartchai madman
เชลล์ปรับทิศหวนลุยธุรกิจค้าปลีก

โพสต์ทูเดย์ เชลล์ประกาศลงทุนกลุ่มธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยอีกครั้ง หลังเงียบหายไป 2 ปี


นายโจเซฟ วอล์ทัล รองประธานบริหารธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน กลุ่มบริษัท รอยัล ดัทช์ เชลล์ กล่าวว่า ประเทศไทยยังเป็นยุทธศาสตร์หลักในการเติบโตในภูมิภาคเอเชียของเชลล์เหมือนเดิม และจากนี้ เชลล์พร้อมที่จะกลับมาลงทุนในธุรกิจค้าปลีกอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอการลงทุนไปกว่า 2 ปี ตามภาวะเศรษฐกิจและการเมือง อย่างไรก็ตาม เชลล์มองธุรกิจในระยะยาว และยัง เชื่อมั่นศักยภาพของตลาดในประเทศไทยอยู่

ดังนั้น หากการแข่งขันในประเทศไทยโปร่งใสและเป็นธรรม บริษัทก็พร้อมที่จะเดินหน้าขยายการลงทุนต่อไป ทั้งนี้
ภาพรวมของการลงทุนจะเน้นไปที่โครงการหลัก 3 อย่าง ประกอบด้วย
1.การหาสินค้าใหม่ๆ มาจำหน่ายเพิ่มในสถานีบริการ ซึ่งล่าสุดได้ทำการเปิดตัวเชลล์ วี-พาวเวอร์ ดีเซล ที่ทำยอดจำหน่ายมากกว่าเพียวร่าถึง 80% และเชลล์มีแผนที่จะเปิดตัวน้ำมันไบโอดีเซลรุ่นใหม่ในปีหน้า
2.การพัฒนารูปแบบและการให้บริการในสถานี ซึ่งได้เริ่มทดลองไปแล้ว 3 แห่ง และได้รับการตอบรับที่ดี ด้วยยอดจำหน่ายที่สูงขึ้นกว่า 20% ทำให้คาดว่าจะเริ่มปรับอย่างจริงจังให้ได้ 50 สาขาในปีนี้ และมีแผนที่จะขยายให้ครบทุกแห่งในอนาคตต่อไป และ
3.การขยายสถานีบริการใหม่ๆ ซึ่งเชลล์หยุดขยายไปหลังจากการเปิดตัวปั๊มไฮเวย์ในอดีต ซึ่งรูปแบบการขยายจะมีทั้งการเปิดสถานีบริการของเชลล์เอง แล้วให้เอกชนมาบริหาร หรือการขยายในส่วนของดีลเลอร์

ปัจจุบันเชลล์มีสถานีบริการน้ำมันอยู่ 550 แห่ง เป็นของเชลล์ 350 แห่ง ซึ่งจะทยอยหาดีลเลอร์มาบริหารทุกแห่งภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่อีก 200 แห่งบริหารงานโดยดีลเลอร์อยู่แล้ว ซึ่งการขยายสาขายังรวมถึงการขยายด้วยการซื้อกิจการ หากมีความน่าสนใจที่เพียงพอ อย่างเช่น กรณีของสถานีบริการเจ็ท ที่เชลล์เคยเสนอราคาเพื่อขอซื้อเช่นเดียวกัน

การกลับมาลงทุนในประเทศไทย จะเป็นการยืนยันให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ในการสร้างการเติบโต ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งในตลาดใหม่ อย่างอินโดนีเซีย อินเดีย และจีน นายวอล์ทัล กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจสถานีบริการในประเทศไทย โดยส่วนตัวยังพึงพอใจกับมาตรฐานการให้บริการของสถานีอยู่ และจากการทำวิจัยก็พบว่า ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดย ดูได้จากจำนวนลูกค้าและอัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายทุกปี

ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันใสเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% จากส่วนแบ่งที่ทำได้ 15.6% ในปีที่ผ่านมา
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=196999

news12/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 9:29 pm
โดย chartchai madman
บอร์ดกบง.ถกขึ้นราคาก๊าซหุงต้มวันนี้

โพสต์ทูเดย์ ประชุมบอร์ด กบง. วันนี้ ถกขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม 1-2 บาทต่อ กก.


แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ บริหารพลังงาน (กบง.) ในวันที่ 12 ต.ค. นี้ ที่ประชุมจะหารือถึงแนวทางการปรับสูตรภาพรวมราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ เพื่อปรับราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เบื้องต้นคณะกรรมการที่ดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม 1 หรือ 2 บาท/กก. ซึ่งอาจทำไปพร้อมๆ กับการลดเรียกเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมัน เชื้อเพลิง 50 สตางค์ต่อลิตร

การปรับราคาทั้ง 2 ส่วนนั้น ไม่มีผลต่อตัวฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะภายในสิ้นปีนี้ก็จะสามารถชำระหนี้ได้หมดตามเป้าหมายที่วางไว้

ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ได้ชดเชยราคาก๊าซหุงต้มประมาณ 90 สตางค์/กก. ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการขอปรับขึ้นราคาสินค้า จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มเพียง 1 บาทต่อกิโลกรัมก่อน ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม

ในส่วนของหนี้ชดเชยราคาก๊าซ หุงต้ม (แอลพีจี) ที่ค้างชำระอยู่ที่ 8,066 ล้านบาทนั้น คาดว่ากลางเดือน ธ.ค. จะสามารถใช้หนี้ได้ทั้งหมด และหากยิ่งประกาศลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มเร็วขึ้น ก็จะทำให้หนี้ค่าก๊าซหุงต้มหมดเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ประสานงานกับ ปตท.แล้ว ในการปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่ที่ใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงให้เปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีแทน ซึ่ง ปตท.ยินดีให้ความร่วมมือ

ด้านนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะรองประธาน อนุกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษและกำหนดการพัฒนาในพื้นที่ จ.ระยอง กล่าวว่า ผลประชุม ร่วมกันของคณะอนุกรรมการฯ ได้สรุปสาระสำคัญของแนวทางการแก้ปัญหามลพิษ และฟื้นฟูคุณภาพชีวิต ในพื้นที่มาบตาพุด 4 แนวทาง

แนวทางแรก จัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษ ภาครัฐร่วมลงทุนกับเอกชน เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่มาบตาพุดประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2550-2554 ซึ่ง 90% จะนำไปแก้ปัญหามลพิษ ที่เหลือจะมุ่งพัฒนาระบบสาธารณสุข

แนวทางที่ 2 ดำเนินการปรับลดมลพิษให้แล้วเสร็จในเดือน มี.ค. 2551 ตลอดจนลดการระบายน้ำทิ้ง จากเดิมกำหนดไว้เพียง 7 แสนลูกบาศก์เมตรในปี 2550 ขณะนี้ลดได้แล้วถึง 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว

แนวทางที่ 3 ออกมาตรการเพื่อให้ผู้ประกอบการปรับลดมลพิษ ได้แก่ มาตรการด้านภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และมาตรการจัดเก็บค่าการปล่อยมลพิษของกรมโรงงานอุตสาหกรรม คาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้ภายในสิ้นปีนี้

แนวทางสุดท้าย กนอ. และผู้ประกอบการจะลงทุนอีก 310 ล้านบาท สร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลและพัฒนาระบบเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่การนิคมฯ
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=196993

news12/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 9:39 pm
โดย chartchai madman
ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กพุ่งทะลุ 83.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา ทะยานพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยปิดยืนเหนือกว่าบาร์เรลละ 83 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ราคาพุ่งขึ้นกว่า 4 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม การซื้อขายน้ำมันดิบดังกล่าวในเอเชียล่าสุด พุ่งขึ้นทะลุ 83.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ใกล้เคียงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่บาร์เรลละ 83.90 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ปรับเพิ่มสูงขึ้น เข้าใกล้บาร์เรลละ 80 ดอลลาร์สหรัฐ เหตุมาจากปริมาณสำรองน้ำมันในสหรัฐฯลดลงเหนือคาดหมาย

IEA ชี้ ทั่วโลกอาจใช้น้ำมันดิบในช่วง 3 เดือนสุดท้ายลดลงเล็กน้อย

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ(IEA) คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในไตรมาส 4/50 จะเพิ่มขึ้นเพียงอีกวันละ 2.03 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงต่ำกว่าการคาดหมายเดิมถึง 3.2 แสนบาร์เรล ทั้งนี้ นาย ลอว์เรนซ์ อีเกิล หัวหน้าฝ่ายการตลาด และอุตสาหกรรมน้ำมัน IEA กล่าวว่า อาจเกิดจากประเทศขนาดใหญ่เริ่มใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น ในขณะเดียวกัน IEA ปรับลดความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกใน 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ลงเล็กน้อย เหลือเพียงวันละ 8.764 สิบล้านบาร์เรล
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news15/10/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 15, 2007 7:29 pm
โดย chartchai madman
ผู้ค้าเล็งขยับขึ้นราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ หลังราคาตลาดโลกปรับขึ้นไม่หยุด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 ตุลาคม 2550 12:58 น.

      เชลล์สุดอั้น เตรียมประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล ภายในสัปดาห์นี้ หลังราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาน้ำมันเตานิวไฮ ส่งผลโรงงานมีต้นทุนเพิ่มมากขึ้น ด้านผู้ประกอบการแจงแม้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเอฟทีจะลดลง แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบพลาสติกที่ปรับขึ้นสูงตามราคาน้ำมัน จึงจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าต่างๆ
     
      นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายราคา-การตลาดขายปลีก บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกใน 2 สัปดห์ที่ผ่านมา ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส สหรัฐฯ ปรับขึ้น 2.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 83.40 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้น โดยเบนซินปรับขึ้น 2.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 87.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ดีเซลขยับขึ้นอีก 1.15 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 93.03 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าการตลาดเบนซิน-ดีเซล อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทำใหผู้ค้าประสบภาวะขาดทุน โดยหากราคาน้ำมันสำเร็จรูปยังคงสูงอยู่ในระดับนี้ บริษัทอาจต้องพิจารณาปรับราคาขยายปลีกในประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก
     
      ด้าน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับขึ้นมาในวันศุกร์ เกิดจากข่าวกลุ่มกบฏผู้ก่อการร้าย Kirdistan Wokers Party (PKK) ของประเทศตุรกี ประกาศจะเคลื่อนกำลังจากทางตอนเหนือของอิรัก กลับเข้าสู่ตุรกี โดยมีเป้าหมายการจู่โจมอยู่ที่กลุ่มการเมือง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่รัฐบาลตุรกีกำลังพิจารณาการใช้กำลังเข้าทำลายกลุ่มกบฏดังกล่าว และตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันที่อาจจะตึงตัวในช่วงฤดูหนาว โดยปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ ยังคงลดลงต่อเนื่อง และอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 และนักวิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณสำรองทางการค้าของกลุ่มประเทศ OECD ในไตรมาส 3 ปรับตัวลดลง 410,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าปีก่อนประมาณ ร้อยละ 6
     
      นอกจากนี้ ราคาน้ำมันเตายังปรับราคาขึ้นทำราคาสูงสุด (นิวไฮ) ที่ 440 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน นายเจน นำชัยศิริ กรรมการสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะน้ำมันเตาเป็นต้นทุนหลักของโรงงานขนาดกลางและย่อมที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง สำหรับหม้อต้ม หรือบอยด์เลอร์ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นไปด้วย อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันได้ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ โดยหากอยู่ใกล้ท่อก๊าซธรรมชาติก็ขอให้เปลี่ยนเชื้อเพลิงเป็นก๊าซ แต่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ก๊าซได้ ก็ขอแนะนำให้เปลี่ยนเป็นถ่านหินสะอาดนำเข้า ซึ่งเดิมนั้นพบว่าจะคุ้มทุนในระยะเวลา 5 ปี แต่หากราคาน้ำมันเตาเพิ่มสูงขึ้นอย่างนี้ ก็จะทำให้คุ้มทุนเร็วขึ้น
     
      นายเจน กล่าวว่า แม้ว่าล่าสุด ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือเอฟที จะปรับลดลง 2.31 สตางค์/หน่วย แต่นับเป็นต้นทุนที่ลดลงประมาณร้อยละ 0.1 เท่านั้น ทั้งนี้ ในภาคการผลิตต้นทุนเชื้อเพลิงจะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ต้นทุนหลักจะมาจากวัตถุดิบต่างๆ ที่มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 และปรากฏว่า วัตถุดิบเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากโรงงานปิโตรเคมี ซึ่งราคาได้ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งล่าสุด ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ราคาวัตถุดิบเหล่านี้ปรับขึ้นอีกร้อยละ 5-6 จึงเป็นเหตุผลให้ผู้ประกอบการโรงงานต่างๆ ต้องขอปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงนี้
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000121992

news15/10/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 15, 2007 8:21 pm
โดย chartchai madman
Special Report: ตรวจสอบความพร้อมหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ก่อนยื่นซองประมูล IPP

Posted on Monday, October 15, 2007
หลังจากที่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบให้เปิดประมูลโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว โดยจะออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าช่วงแรกช่วงปี 2555 - 2557 จำนวน 3,200 เมกะวัตต์ โดยวิธีประมูลแข่งขัน และมีการเปิดขายซองประมูล เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา  ราคาหุ้นของบริษัทที่มีรายชื่อเข้าร่วมซื้อซองประมูลก็เริ่มขยับปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนไปแตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีโอกาสชนะการประมูล เพราะมีหลายรายที่เตรียมพื้นที่และได้รับความเห็นชอบเรื่องการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แล้ว โดย บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ราคาแตะที่ระดับ 52 บาท, บมจ. ไทยออยล์ (TOP) ราคาพุ่งขึ้นไปแตะที่หุ้นละ 95.50 บาท, บมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO)  ราคาขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนไปแตะที่ระดับ 127 บาทต่อหุ้น และ บมจ. โกลว์ พลังงาน (GLOW) ราคาแตะที่ระดับ 39.25 บาท

การยื่นซองประมูลโครงการ IPP  รอบแรกในวันที่ 19 ต.ค. 50 นี้ จะเป็นการพิจารณาเกี่ยวกับความพร้อมของสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งเงินทุน รวมทั้งผลการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม RATCH จะเข้าร่วมประมูลใน 3 พื้นที่ ซึ่งทั้ง 3 แห่งล้วนแล้วแต่มีความพร้อมทั้งทางด้าน Infrastructure และระบบสายส่ง

ขณะที่ EGCO ก็เป็นเต็งหนึ่งที่มีโอกาสชนะการประมูลในรอบนี้หลังจากที่เตรียมงานหนักมากกว่า 2 ปี  โดยซื้อซองในจำนวน 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เดิมของโรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่ปลวกแดงจังหวัดระยองและพื้นที่จอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยได้ทำการจัดซื้อที่ดินและทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่นำมาปรับปรุงเพิ่มเติมใหม่

นายวิศิษฏ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO) ค่อนข้างมั่นใจว่าจะชนะการประมูล ผมคิดว่า EGCO น่าจะสามารถชนะการประมูล IPP ในรอบนี้ได้ซัก 30 %  ที่มั่นใจก็เพราะว่าเราเตรียมการมานานกว่า 2 ปี เรามี Site ที่ดี เรามีบุคลากรที่มีความพร้อม และเราทำงานหนัก มาช่วงก่อนการประมูล 2 ปี ทำให้เรามีความมั่นใจ โดย EGCO จะยื่นซองประมูลใน 3 พื้นที่ ที่ภาคตะวันออกอยู่ที่จ.ระยอง ภาคตะวันตกอยู่ที่ จ.ราชบุรี ส่วนภาคใต้อยู่ที่ขนอม ทั้งหมด 3 โรง ซึ่งเราเสนอก๊าซธรรมชาติทั้งหมด

แม้จะไม่ใช่บริษัทผลิตโรงไฟฟ้าโดยตรง แต่ TOP ก็เตรียมยื่นซองประมูล IPP ด้วยเช่นกัน โดยเป็นการยื่นผ่าน บริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) (IPT) ซึ่ง TOP ถือหุ้นโดยตรงและโดยอ้อมอยู่ประมาณ 58% และมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถคว้างาน IPP ได้อย่างน้อย 1 โรง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านสายส่งไฟฟ้าเพิ่ม เพราะเป็นส่วนขยายของพื้นที่เดิม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ทำให้มีความพร้อมด้านสาธารณูปโภค รวมทั้งบริษัทได้ผ่านการตรวจมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะยื่นเพิ่มอีก 1 โรงหรือไม่

ที่แน่ ๆ ก็คือยื่นซองเดียว ส่วนที่จะยื่นอีกซองหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการศึกษาของเราว่า ถ้าหากว่าเราจะยื่น 2 ซองแล้วจะได้เปรียบหรือเปล่า ณ วันนี้ยังมั่นใจว่าน่าจะได้อย่างน้อย 1 โรง คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 350-500 ล้านเหรียญสหรัฐ  นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บมจ. ไทยออยล์ (TOP) กล่าว

นอกจากตัวเต็งอย่าง RATCH, EGCO และ TOP แล้ว GLOW ก็มีโอกาสเป็นโรงไฟฟ้ารายที่ 4 ที่จะชนะการประมูล IPP เนื่องจาก GLOW มีจุดแข็งที่โรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีท่าเรือน้ำลึกอยู่แล้ว และหากร่วมทุนกับ บมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) ก็จะทำให้มีความพร้อมด้านเงินทุน และประสบการณ์การบริหารจัดการโรงไฟฟ้า

นายอนุพนธ์  ศรีอาจ  ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท คาดว่า GLOW จะร่วมมือกับ HEMRAJ ในการเข้าประมูลโรงไฟฟ้า 700-800 เมกะวัตต์ กลุ่มนี้น่าจะอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งอยู่ในส่วนของ HEMRAJ ที่ทำอยู่ ก็เหมือนกับส่วนที่ประมูลที่ระยอง แต่อาจจะติดเรื่องของสภาพแวดล้อมอยู่บ้าง แต่ถ้ากลุ่ม GLOW สามารถยื่นได้ในราคาที่ถูก และในเชิงเทคนิค กลุ่มนี้น่าจะผ่าน เพราะมีประสบการณ์อยู่บ้าง แต่ว่าพอไปแข่งขันกันเรื่องของราคาที่เสนอเข้าไป ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะไปวัดกันว่าใครจะชนะหรือไม่ชนะ
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Tra ... fault.aspx

news15/10/07

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 15, 2007 8:23 pm
โดย chartchai madman
ราคาน้ำมันดิบระหว่างวันทำนิวไฮที่ 84.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กสหรัฐฯ ทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในระหว่างวัน ถึง 2 ประเภทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันทะลุบาร์เรลละ 84.05 ดอลลาร์สหรัฐ และมีราคาปิดทะลุ 83.69 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เกือบทำลายสถิติเดิมวันที่ 20 ก.ย. ที่บาร์เรลละ 83.90 ดอลลาร์สหรัฐ ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ ปิดตลาดทะลุบาร์เรลละ 80.55 ดอลลาร์สหรัฐ

เอกวาดอร์หวนคืนเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปกเดือนพฤศจิกายนนี้

นายราฟาเอล คอร์เรีย ประธานาธิบดีประเทศเอกวาดอร์ เปิดเผยว่า เอกวาดอร์ เตรียมกลับคืนสู่การเป็นสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออกหรือกลุ่มโอเปกในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาความพยายามของเอกวาดอร์ที่ต้องการกลับเข้าไปเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปกอีกครั้ง ได้รับการสนับสนุนโดยผู้นำสูงสุดเวเนซูเอล่า ซึ่งเป็นสมาชิกในปัจจุบัน ทั้งนี้ เอกวาดอร์ มีกำลังผลิตน้ำมันดิบวันละ 5.3 หมื่นบาร์เรล ซึ่งจัดเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของเอกวาดอร์ และเป็นผู้ผลิตใหญ่อันดับ 5 จากทวีปอเมริกาใต้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news16/10/07

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 16, 2007 4:48 pm
โดย chartchai madman
น้ำมันดิบนิวยอร์กในเอเชีย พุ่งเฉียด 87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล - ข่าว 15.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Tuesday, October 16, 2007
ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก และน้ำมันดิบเบรนท์ ทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในตลาดเอเชีย ซึ่งนับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาทะลุบาร์เรลละ 86.79 ดอลลาร์สหรัฐสูงกว่าราคาปิดเมื่อคืนนี้อีกบาร์เรลละ 0.66 ดอลลาร์สหรัฐ สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันนี้ ทะลุบาร์เรลละ 83.09 ดอลลาร์สหรัฐสูงกว่าราคาปิดเมื่อวานนี้อีกบาร์เรลละ 0.34 ดอลลาร์สหรัฐ

ผลจากราคาซื้อขายสูงสุดในเอเชียขณะนี้ ทำให้กลายเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายส่งมอบล่วงหน้าในปี 1983 หรือเมื่อปี 2526 หรือในรอบ 24 ปี และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นถึง 6 ครั้ง ด้านราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันของน้ำมันดิบเบรนท์ อังกฤษทะเลเหนือในเอเชียที่บาร์เรลละ 83.9 ดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายส่งมอบล่วงหน้าในปี 1988 หรือเมื่อปี 2531 หรือในรอบ 19 ปี และยังเป็นครั้งแรกที่เคลื่อนไหวเหนือบาร์เรลละ 83 ดอลลาร์สหรัฐ

สาเหตุสำคัญที่กดดันราคาพุ่งขึ้นเข้าใกล้ 87 ดอลลาร์สหรัฐ มาจากสถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างการใช้กำลังทหารของตุรกี เข้าจัดการกับกลุ่มกบฎชาวเคิร์ดทางตอนเหนือของประเทศอิรัก บริเวณดังกล่าวใกล้เคียงกับคลังสำรองน้ำมันดิบอิรัก ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดสำคัญทั้ง 2 แห่ง เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 8 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news16/10/07

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 16, 2007 4:51 pm
โดย chartchai madman
โอเปกชี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกดดันราคาน้ำมัน เตรียมเรียกประชุม 5 ธ.ค.นี้

นายชาคิป เคฮิล รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันอัลจีเรีย ตัวแทนกลุ่มโอเปก เปิดเผยว่า ค่าดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงมาก และต่อเนื่องนั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบถีบตัวสูงขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด เนื่องจากกลุ่มโอเปกขายน้ำมันด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่จะสั่งซื้อสินค่านำเข้าโดยใช้ค่าเงินยูโรแทน และปัจจัยดังกล่าว กลายเป็นวาระสำคัญในการประชุมของกลุ่มโอเปกประจำปีครั้งสุดท้ายของปีนี้ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 ธ.ค. ทั้งนี้ กลุ่มโอเปก ยอมรับว่า การขายน้ำมันด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ขาดทุนมาตลอด

โอเปก ปรับขึ้นตัวเลขใช้น้ำมันไตรมาส 4/50 อีกวันละ 1 แสนบาร์เรล

ขณะเดียวกัน กลุ่มโอเปก ได้ปรับขึ้นตัวเลขความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาถึงใหม่ โดยมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นถึงวันละ 31.4 ล้านบาร์เรลในไตรมาส 4/50 โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นถึง 1 แสนบาร์เรลต่อวันจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ กลุ่มโอเปกให้เหตุผลว่า ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เกิดจากวิกฤตสินเชื่อบ้านด้อยคุณภาพ แต่การจ้างงานยังอยู่มนระดับที่แข็งแกร่ง สะท้อนภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯยังไม่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนอย่างที่คาดไว้

เมอร์ลิน ลินช์ ชี้มีปัจจัยเสี่ยงหนุนราคาน้ำมันทะลุ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลได้

นายฟรานซิสโก้ แบรนช์ หัวหน้านักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ เมอร์ลิน ลินช์ กล่าวว่า ฤดูหนาวที่กำลังมาถึงเร็วกว่าปกติในปีนี้ รวมถึงปัจจัยความตึงเครียดระหว่างกลุ่มกบฎชาวเคิร์ด และกองกำลังทหารตุรกีในประเทศอิรัก จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาน้ำมันดิบทะลุบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐได้ โดยสอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์จากธนาคารซิตี้แบ็งค์ นิวยอร์ก ที่มองว่า ราคาน้ำมันในระดับบาร์เรลละ 90 ดอลลาร์สหรัฐ เหมาะสมกับปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดขณะนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news17/10/07

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 17, 2007 12:25 pm
โดย chartchai madman
สถานการณ์ในอิรักตึงเครียดหนักหนุนน้ำมันดิบเดินหน้าทำนิวไฮเป็นวันที่ 2
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Wednesday, October 17, 2007
ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กเดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2

ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก และน้ำมันดิบเบรนท์ ทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ถึง 2 ประเภท และเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในสัปดาห์นี้ โดยราคาซื้อขายตลาดนิวยอร์กระหว่างวันทะลุบาร์เรลละ 88.20 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายส่งมอบล่วงหน้าในปี 2526 หรือในรอบ 24 ปี ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กทะยานขึ้น 43% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และมีราคาปิดทะลุ 87.61 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายส่งมอบล่วงหน้าในปี 1988 หรือในรอบ 19 ปี โดยทะลุบาร์เรลละ 84.26 ดอลลาร์สหรัฐ

เหตุการณ์ในอิรัก-กำลังการผลิตน้ำมันลดลง-พายุเฮอร์ริเคนลูกใหม่ หนุนราคาน้ำมันพุ่ง

สาเหตุสำคัญที่กดดันราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ยังคงเป็นสาเหตุเดิม แต่เข้มข้นมากขึ้น ได้แก่ สถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างการใช้กำลังทหารของตุรกี เข้าจัดการกับกลุ่มกบฎชาวเคิร์ดทางตอนเหนือของประเทศอิรัก และการที่กลุ่มโอเปกรายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มโอเปก มีแนวโน้มลดลงมากกว่าที่ประเมินไว้ในครั้งแรก ตามด้วยปัจจัยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก เช่น ยูโร และพายุเฮอร์ริเคนที่ก่อตัวขึ้น อาจกระทบการผลิตในเม็กซิโก

ทำเนียบขาว ชี้ ราคาน้ำมันแพงเกินไปสำหรับสหรัฐฯ

คณะรัฐบาลของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ แถลงโดยเลขาธิการทำเนียบขาว กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน มีราคาแพงเกินไปสำหรับประเทศที่ต้องใช้น้ำมันมากที่สุดของโลกอย่างสหรัฐฯ ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ประสบกับปัญหาการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุของวิกฤตสินเชื่อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัยด้อยคุณภาพ และภาวะสินเชื่อตึงตัวจากสภาพคล่องที่หดหาย และราคาน้ำมันขณะนี้สูงมาก ส่งผลให้ชาวอเมริกันที่มีรายได้ต่ำ ต้องยากลำบากมากขึ้นกับการใช้จ่ายราคาพลังงานแพงเกินจริง
EIA ร้องขอกลุ่มโอเปก เพิ่มกำลังการผลิตก่อนฤดูหนาว

สำนักงานบริหารข้อมูลพลังงานแห่งสหรัฐ กล่าวว่า ตลาดน้ำมันดิบได้ต้องการปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นจากกลุ่มโอเปก ในขณะที่เลขาธิการกลุ่มโอเปกจากอินโดนีเซีย นายเอล บาดรี ย้ำว่า ปัจจัยพื้นฐานของตลาดน้ำมันดิบ ซึ่งหมายถึงกำลังการผลิต และความต้องการบริโภคอยู่ในภาวะที่สมดุลแล้ว ส่วนราคาที่พุ่งสูงขึ้นมากมาจากเม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไร ซึ่งกลุ่มโอเปกไม่ได้รู้สึกดีแต่อย่างใด ด้านเจ้าหน้าที่กลุ่มโอเปก กล่าวว่า ผู้บริหารกลุ่มโอเปกเริ่มเดินทางกลับมาหลังสิ้นสุดช่วงถือศีลอด อาจมีการหารือขึ้นได้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news17/10/07

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 17, 2007 6:16 pm
โดย chartchai madman
ราคาน้ำมันโลกทำสถิติใหม่ เชลล์ ของดเก็บเงินกองทุน โดย

ราคาน้ำมันตลาดโลกทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ 86.13 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะความตึงเครียดในตะวันออกกลาง เพิ่มความวิตกเรื่องปริมาณน้ำมันในช่วงย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ขณะที่เชลล์เสนอกระทรวงพลังงานควรลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดผลกระทบประชาชนชั่วคราว พร้อมคาดราคาในประเทศน่าจะปรับขึ้นใน 1-2 วันนี้

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กเมื่อ15 ต.ค ปิดที่บาร์เรลละ 86.13 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.44 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดที่ 86.22 ดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ส่วนราคาน้ำมันเบรนท์ที่ตลาดลอนดอนปิดที่ 82.79 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.24 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ของกลุ่มซิตี้กรุ๊ปชี้ว่า มีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะวิ่งไปถึงระดับบาร์เรลละ 90 ดอลลาร์สหรัฐ บรรดานักค้าระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องคือ สถานการณ์ในตุรกีมีความตึงเครียดยิ่งขึ้นหลังจากรัฐบาลขอให้รัฐสภาอนุมัติปฏิบัติการโจมตีกลุ่มแยกดินแดนชาวเคิร์ดที่อยู่ทางตอนเหนือของอิรัก ทำให้เกิดความวิตกว่าจะกระทบการส่งออกน้ำมันของอิรักวันละ 1 ล้านบาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยืนเหนือระดับบาร์เรลละ 80 ดอลลาร์สหรัฐมาตั้งแต่เดือนที่แล้ว เพราะความต้องการของโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ประกอบกับนักค้าเก็งกำไรราคาน้ำมันในช่วงที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า อย่างไรก็ดี นายโรดริโก ราโต กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟเห็นว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขณะนี้สูงกว่าค่าที่แท้จริง จึงมีโอกาสจะอ่อนค่าลงอีก

นายธีระพจน์ วัชราภัย ประธานบริษัทเชลล์ในประเทศไทย กล่าวว่าปัจจัยที่ปรับขึ้นเป็นการทำตลาดของนักเก็งกำไร หลังเกิดสถานการณ์ในตุรกีมีความตึงเครียดหลังรัฐบาลขอให้รัฐสภาอนุมัติปฏิบัติการโจมตีกลุ่มแยกดินแดนชาวเคิร์ดที่อยู่ทางตอนเหนือของอิรัก และข่าวสำรองน้ำมันสหรัฐฯที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หากดูปริมาณกำลังผลิตและความต้องการของตลาดโลกแล้ว ไม่ได้เป็นปัจจัยที่ราคาต้องปรับขึ้นแต่อย่างใด ผู้เชี่ยวชาญมีทั้งคาดว่าราคาน้ำมันจะลดลงมาถึง 60 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่บางค่ายคาดว่าจะขึ้นไปถึง 90-100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

นอกจากนี้ นายธีระพจน์ ระบุว่า ราคาน้ำมันในประเทศควรปรับขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ใน 1-2 วันนี้ เพราะค่าการตลาดต่ำมากจนขาดทุน แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ค้ารายใหญ่ คือ ปตท.จะตัดสินใจปรับขึ้นหรือไม่ ซึ่งเห็นว่าแนวทางที่จะชะลอความเดือดร้อนของประชาชนคือ กระทรวงพลังงานควรจะปรับลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชั่วคราวเพราะจัดเก็บในอัตราสูงมาก โดยเบนซิน 95 เก็บในระดับ 4 บาทต่อลิตร และประชาชนควรหันมาใช้แก๊สโซฮอล์ เพราะต้นทุนถูกกว่า

ขณะเดียวกัน นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันระบุว่า ในขณะที่เฮดจ์ฟันด์ ได้เข้ามาซื้อน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 12 ล้านบาร์เรล จากที่เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เฮดจ์ฟันด์ มีน้ำมันที่ซื้อไว้ 56 ล้านบาร์เรล เพราะกองทุนฯ เหล่านี้คาดว่าราคาน้ำมันจะขยับสูงขึ้นไปอีก ที่เกิดจากความต้องการสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาค่อนข้างดี โดยขณะนี้ ตลาดกำลังจับตามองว่า การประชุมกลุ่มโอเปกในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการประกาศเพิ่มกำลังผลิตหรือไม่ หากเพิ่มกำลังผลิตอีก ราคาน้ำมันจะลดลง แต่หากไม่เพิ่มกำลังผลิตราคาน้ำมันอาจจะขยับไปถึง 90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
http://www.settrade.com/S17_ContentDisp ... okerId=IPO

news18/10/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2007 11:00 am
โดย chartchai madman
รับมือราคาพุ่ง100ดอลล์ต่อบาร์เรล หลังน้ำมันโลกทุบสถิติสูงสุดใน24ปี

18 ตุลาคม พ.ศ. 2550 00:01:00

ในเวลานี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเกิดภาวะตึงตัวแบบสุดๆ เมื่อพุ่งทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 24 ปี แตะ 88.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันในประเทศต้องปรับสูงขึ้นตามกัน

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : คาดว่า หากยังไม่มีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงแล้ว ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อาจต้องมีการปรับราคาในไทยสูงขึ้นอีก 40 สตางค์ โดยราคาน้ำมันเบนซินจะขยับเข้าใกล้ 31 บาทต่อลิตร ขณะที่ดีเซลจะอยู่ในระดับลิตรละ 29 บาท ซึ่งเป็นระดับที่เคยทำสถิติสูงสุดมาแล้วเมื่อปี 2543 ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ยังคงวิตกว่า ความตึงเครียดรอบใหม่ในตะวันออกกลาง อาจทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งต่อไปอีก เพราะยังมีปัจจัยหนุนราคาในเรื่องความวิตกเกี่ยวกับอุปทาน ถึงแม้ว่าสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐปรับตัวลงเล็กน้อยในเช้าวันพุธที่ 17 ต.ค.ก็ตาม

โดยราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว จากที่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญบางประการ ทั้งภาวะตึงตัวในการกลั่นน้ำมัน ที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามฤดูกาล รวมทั้งปัญหาตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลาง และการแกว่งตัวของค่าดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการซื้อขายน้ำมัน ทำให้ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบกำลังทะยานเข้าใกล้ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และอาจจะกระโดดไปถึงระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามการคาดการณ์ของบริษัทหลักทรัพย์โกลด์แมน ซาคส์ ในช่วงก่อนหน้านี้ว่า จะได้เห็นราคาน้ำมันดิบของโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งในสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐ (EIA) กล่าวว่า ตลาดน้ำมันโลกจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันโอเปคในการปรับเพิ่มปริมาณการผลิต เพื่อกดดันราคาน้ำมันให้ร่วงลง

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญน้ำมันของไทยเชื่อว่า ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปรับสูงขึ้นทำสถิติใหม่ แต่บริษัท ปตท.จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ก่อน เพราะเกรงผลกระทบรุนแรง แม้จะมีปัญหาขาดทุนค่าการตลาดก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ของสหรัฐ ทำสถิติพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างการซื้อขายวันที่ 16 ต.ค.ที่ระดับ 88.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนขยับลงมาปิดที่ 87.61 ดอลลาร์ สำหรับราคาน้ำมันตลาดเบรนต์ของอังกฤษได้ปรับขึ้นทำสถิติเช่นกันที่ 84.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบดูไบที่ราคา 78.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซิน 91.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดีเซลขยับขึ้นไปที่ 96.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุมีโอกาสที่จะเห็นราคา 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเร็วๆ นี้ ทำให้ประเทศผู้ใช้น้ำมันมากพากันคาดหวังกันว่า การประชุมกลุ่มโอเปคในเดือนพ.ย.นี้จะส่งสัญญาณเพิ่มกำลังการผลิตอีกเพื่อทำให้ราคาน้ำมันลดลง

ดังนั้น ภาวะราคาน้ำมันขณะนี้ถือว่าอยู่ในช่วงผันผวนอย่างหนัก ทั้งสามารถปรับขึ้นและปรับลงได้ ปัจจัยหลักมาจากการเก็งกำไรของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ และปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง หากคลี่คลายก็คาดว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับลดลง แต่ยอมรับว่าค่าการตลาดน้ำมันตั้งแต่ต้นปีมาถึงขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่ดีนัก โดยอยู่ในเกณฑ์ 1 บาทต่อลิตร แต่ยังถือว่าเป็นค่าเฉลี่ยดีกว่าปีที่แล้วบ้างเล็กน้อย แต่การค้าน้ำมันตลาดค้าปลีกทั้งปีน่าจะอยู่ในภาวะขาดทุนเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานได้สั่งการให้ ปตท.เลื่อนโครงการขยายการส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวี ทั้งขยายสถานีบริการและปริมาณรถยนต์ที่เติมเอ็นจีวี โดยเฉพาะการส่งเสริมให้แท็กซี่ 50,000 คัน เปลี่ยนจากใช้ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) มาใช้เอ็นจีวีแทนภายในปี 2552 ซึ่งเร่งจากแผนเดิมที่ ปตท.กำหนดไว้ว่าในปี 2554 จะมีรถเอ็นจีวีรวม 250,000 คัน และมีสถานีบริการเอ็นจีวี 535 แห่ง ด้วยวงเงินลงทุน 4 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ในเอเชียมองว่า ค่าเงินที่แข็งค่าและผลกำไรบริษัทที่พุ่งสูงอาจจะช่วยให้เอเชียยังไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากราคาน้ำมัน แต่หากปัจจัยดังกล่าวเปลี่ยนไป ชาติเอเชียก็จะประสบปัญหาตามรอยภูมิภาคอื่น โดยนายเกลนน์ แมคไกวร์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชีย-แปซิฟิก ของโซซิเอเต เจเนอราล ระบุว่า หากเศรษฐกิจเอเชียและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดส่งออกของเอเชียประสบปัญหา หรือหากค่าเงินเอเชียอ่อนลง ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงก็จะส่งผลกระทบกับการบริโภคในภูมิภาค และก่อให้เกิดความท้าทายด้านเงินเฟ้อ เช่นที่จีนกำลังเผชิญกับปัญหาราคาอาหารสูงขึ้น และหากการบริโภคของผู้บริโภคสหรัฐเติบโตลดลง พร้อมกับเงินเอเชียชะงักการแข็งค่า และราคาน้ำมันพุ่งถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อนั้นภูมิภาคจะเผชิญปัญหารุนแรงในที่สุด
http://www.bangkokbiznews.com/2007/10/1 ... sid=193233

news18/10/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2007 1:24 pm
โดย chartchai madman
น้ำมันดิบผันผวนทะลุ 89 เหรียญ สูงสุดในรอบ 24 ปี

Posted on Thursday, October 18, 2007
น้ำมันดิบนิวยอร์กซื้อขายทะลุ 89 เหรียญสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐฯ สุดผันผวนเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจาก ยังทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในสัปดาห์นี้ โดยราคาซื้อขายตลาดนิวยอร์ก สูงสุดระหว่างวันทะลุบาร์เรลละ 89 เหรียญสหรัฐ นับเป็นการปรับขึ้นทั้งหมด 7 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาปิดที่ระดับกว่าบาร์เรลละ 87 เหรียญสหรัฐ ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ ลดลงเหลือเพียงกว่าบาร์เรลละ 83 เหรียญสหรัฐ หยุดสถิติราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทั้ง 2 ตลาด ท่ามกล่างปัจจัยเสี่ยงที่ยังมีมากมาย

กลุ่มโอเปกเตรียมประชุม 17 พฤศจิกายนนี้ บอกปัดหารือเพิ่มการผลิต

รัฐมนตรีน้ำมันประเทศไนจีเรีย เปิดเผยว่า กลุ่มโอเปก จะจัดให้มีการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ที่ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเร็วขึ้นจากกำหนดเดิมถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งอาจมีการหารือกันถึงความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่ยังไม่ชัดเจนสำหรับประเด็นที่กลุ่มโอเปก จะตัดสินใจอย่างไรกับกำลังการผลิตของกลุ่ม ในขณะที่รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐ นาย แซม บ๊อดแมน กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่แพงเกินไปในขณะนี้ เป็นข้อกังวลของคณะรัฐบาลประธานาธิบดีบุช เนื่องจาก เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง

ซีอีโอ บีพี ชี้ ราคาน้ำมันดิบแตะ 100 เหรียญปีนี้

นายบูน พิคเค้นส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีพี และเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากวางการตลาดน้ำมันดิบคนหนึ่ง กล่าวว่า ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดในการทะยานเพิ่มขึ้น ของราคาน้ำมันดิบในตลาดสำคัญทั่วโลก และสถิติที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์รายวัน ไม่ได้หยุดความต้องการใช้น้ำมันดิบลงแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่า ภายในปีนี้ ตลาดน้ำมันดิบจะได้เห็นราคาที่บาร์เรลละ 100 เหรียญสหรัฐ ซีอีโอบริษัท บีพี ชี้เหตุหลสำคัญมาจาก ค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลง และความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เข้มข้นมากขึ้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx

news18/10/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2007 6:48 pm
โดย chartchai madman
ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์คซื้อขายในเอเชียพุ่งเฉียด 88 US/บาร์เรล - ข่าว 18.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Thursday, October 18, 2007
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในย่านเอเชียกลับมามีความผันผวนอีกครั้ง โดยราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐฯ ซื้อขายในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ย่านเอเชีย ล่าสุด มีราคาย้อนพุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวัน ทะลุบาร์เรลละ 87.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นบาร์เรลละ 43 เซ็นต์ สอดรับกับราคาน้ำมันดิบ Brent อังกฤษ ที่กลับเพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด เคลื่อนไหวที่บาร์เรลละ 83.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 36 เซ็นต์ต่อบาร์เรล โดยจำนวนรายการซื้อขายน้ำมันดิบอ้างอิงทั้ง 2 ตลาดในวันนี้ มีปริมาณมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียย้อนกลับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 2 ของกลุ่มโอเปก ได้ออกมาปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับโอกาสที่กลุ่มโอเปกจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อทำให้ราคาน้ำมันที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้อ่อนตัวลง โดยให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า กลุ่มโอเปกมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการดังกล่าว

นอกจากนี้ อิหร่านยืนยันว่า ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นในทุกวันนี้ เป็นผลพวงจากความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งในตลาดเอเชีย ซึ่งซื้อขายในช่วงเช้าที่ผ่านมาเริ่มอ่อนตัวลง จากการส่งสัญญาณของรัฐมนตรีน้ำมันไนจีเรีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ระบุว่า กลุ่มโอเปกอาจตัดสินใจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news18/10/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2007 6:50 pm
โดย chartchai madman
สรุปขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม กก.ละ 1.29 บาท สิ้นปีนี้ - ข่าว 18.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Thursday, October 18, 2007
นายเกริกไกร จิระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติอนุมัติปรับราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้มอีกกิโลกรัมละ 1.29 บาท จากปัจจุบันกิโลกรัมละ 16.81 บาท ส่งให้ราคาจำหน่ายถังขนาด 15 กิโลกรัม ปรับขึ้นถังละ 19 บาท จากราคาถังละ 252 บาท เป็นราคาถังละ 271 บาท โดยจะมีผลประมาณสิ้นปี หลังจากภาระหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหมดลง

รมว.พาณิชย์เชื่อว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้ จะไม่มีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ เพราะทำให้ต้นทุนข้าวแกงเพิ่มขึ้นจานละ 5 สตางค์ และต้นทุนรถแท๊กซี่เพิ่มขึ้น 50 บาทต่อวัน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news18/10/07

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2007 9:30 pm
โดย chartchai madman
ไม่ทิ้งแผนควบโรงกลั่น ประเสริฐจับรวมหมด

ประเสริฐ ยอมรับมีแผนจับกลุ่มโรงกลั่นทั้งหมดมาควบกัน เริ่มมองแนวทาง TOP จับคู่ IRPC ขณะนี้ยังศึกษาหาแนวทางเป็นไปได้ แย้มอนาคตเห็นภาพชัดเจน ส่วนหุ้นไออาร์พีซีที่หมดไซเรนธันวาคมนี้ พร้อมรับซื้อจากพันธมิตรถ้ามีรายใดเสนอขาย ยินดีเหมาหมดถ้าตกลงราคาได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครเสนอขาย ด้าน ปิติ ใจกว้างชี้แผนควบกับไทยออยล์ มีดีมากกว่าเสีย

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ยอมรับว่าบริษัทได้มีการศึกษาแผนการควบรวมบริษัทในกลุ่มโรงกลั่น เบื้องต้นอาจจะพิจารณาควบรวมระหว่างบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC แต่ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า กำลังศึกษาอยู่และมองว่าเป็นแผนงานในอนาคต

ปัจจุบันกลุ่มโรงกลั่นในเครือ PTT มี 4 บริษัท คือ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) BCP บริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) RRC บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC

ตอนนี้เรายังเป็นเพียงการศึกษาแผนไปก่อน ยังไม่มีความชัดเจนอะไร นายประเสริฐ กล่าว

สำหรับหุ้น IRPC ที่จะถึงกำหนดหมดระยะเวลาห้ามซื้อขาย (ไซเรน พีเรียด) ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ หากพันธมิตรรายใดสนใจที่จะขายหุ้น IRPC บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ยินดีรับซื้อหุ้นคืน แต่ทั้งนี้อาจต้องมีการตกลงในรายละเอียด ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตร และไม่ได้ประเมินรายละเอียด เช่น ราคาซื้อขายแต่อย่างใด

ตอนนี้ยังไม่มีพันธมิตรรายใดแจ้งว่าจะขายหุ้น IRPC ออกมา แต่ถ้ามีใครแจ้งว่าจะขายเราก็ต้องมาคุยและตกลงกันว่าจะขายกันอย่างไร ซึ่งเรายินดีรับซื้อคืนทั้งหมด นายประเสริฐ กล่าว

แหล่งข่าวจากโรงกลั่นน้ำมันระยองหรือ RRC ยอมรับว่าเรื่องการควบรวมเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยเฉพาะหากต้องมีการควบรวมกลุ่มโรงกลั่น ถือเป็นแผนในอนาคตมากกว่าคงไม่ใช่แผนที่จะสามารถดำเนินการได้ในช่วงสั้น และอาจต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดถึงนโยบายและวัตถุประสงค์ของการควบรวม ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่าการควบรวมไม่ใช่เรื่องที่ง่ายหรือยากจนเกินไป แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาว่าหากดำเนินการควบรวมแล้ว บริษัทจะได้รับประโยชน์ด้านใดบ้าง

นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กล่าวว่า หาก PTT สนใจแผนการควบรวมกิจการภายในกลุ่มโรงกลั่นนั้น ส่วนตัวถือเป็นเรื่องที่ดี ส่งผลให้บริษัทที่เกิดจากการควบรวมมีขนาดใหญ่ การบริหารจัดการ และการตัดสินใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่งผลให้การดำเนินงานดีขึ้น แต่เนื่องจากสถานที่ตั้งของแต่ละโรงกลั่นค่อนข้างห่างไกล ดังนั้นอาจจะทำให้แผนการควบรวมติดขัดบ้าง

สำหรับแผนการควบรวมกิจการกับ TOP นั้น เบื้องต้นบริษัทอาจต้องสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงินและธุรกิจก่อน จากนั้นอาจจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้หากบริษัทสามารถควบรวมกับ TOP ได้จริงจะทำให้มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวม (มาร์เก็ตแคป)รวมกันเพิ่มขึ้นราว 2.9-3.1 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามแผนฟื้นฟูกิจการ ฉบับแก้ไขมีกลุ่มผู้ร่วมลงทุนหลักที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของ IRPC ดังนี้คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จำนวน 6,142,500,000 หุ้น คิดเป็น 31.50% , ธนาคารออมสิน จำนวน 1,950 ล้านหุ้น คิดเป็น 10%, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จำนวน 1,676,696,970 หุ้น คิดเป็น 10%, กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง 10%

ทั้งนี้ทาง กบข.ได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนของตนเองให้กับกองทุนเปิดไทยทวีทุน จำนวน 243 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.25%, บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 18,181,818 หุ้น คิดเป็น 0.09% และธนาคารอิสลาม จำนวน 12,121,212 หุ้น คิดเป็น 0.06%

สำหรับกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง ได้จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในสัดส่วนของตนเองให้แก่กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง โดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำนวน 975 ล้านหุ้น คิดเป็น 5% และกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำนวน 975 ล้านหุ้น คิดเป็น 5% อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นดังกล่าวข้างต้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขห้ามขายเป็นระยะเวลา 24 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2548 เป็นต้นไป ยกเว้นการโอนของกลุ่มผู้ร่วมลงทุนหลักตามสัญญาระหว่างกลุ่มผู้ร่วมลงทุนหลัก

ด้านนางสาวภัทรวัลลิ์ หวังมิ่งมาศ นักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีปรับลดลงวานนี้ เกิดจากปัจจัยภายนอกกรณีความกังวลว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อินเดียจะออกมาตรการจำกัดการเก็งกำไรตราสารอนุพันธ์ดัชนีตลาดหุ้นอินเดียในต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นให้เม็ดเงินเก็งกำไรเข้าไปในตลาดหุ้นของประเทศ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นอินเดียลดลงกว่า 1,500 จุด และค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือน

ประกอบกับนักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่วนตัวมองเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อ โดยเฉพาะหากราคาหุ้น PTT ปรับลดลงมาที่ระดับ 374-380 บาท ถือเป็นจังหวะช้อนซื้อที่ดี แต่มีความเสี่ยงตรงที่สัญญาณเทคนิครอบนี้อาจจะเห็นดัชนีแกว่งตัวขึ้นได้แค่ปลายเดือนต.ค. จากนั้นอาจต้องรอดูดัชนีหุ้นว่าจะพักฐานหรือไม่ อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคงแนะนำทยอยสะสมเมื่ออ่อนตัว หรือถือลงทุน โดยให้แนวรับ 380-374 บาท ส่วนแนวต้าน 394-400 บาท
http://www.settrade.com/S17_ContentDisp ... egoryId=16

news19/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 6:30 pm
โดย chartchai madman
เอกชนแห่ยื่นประมูลไอพีพี 3,200 เมกะวัตต์กันคึกคัก  

โดย ผู้จัดการออนไลน์
19 ตุลาคม 2550 15:04 น.  

      การยื่นประมูลผู้สนใจผลิตไฟฟ้าไอพีพี 3,200 เมกะวัตต์เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีทั้งผู้ผลิตไฟฟ้าถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ คาดประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูลเดือนธันวาคมปีนี้ ขณะที่ สนพ.คาดมีเงินลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท
     
      วันนี้ (19 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันยื่นซองประมูลผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ปรากฏว่า ช่วงเช้าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ยื่นประมูล 9 ราย มีการใช้เชื้อเพลิงประเภทถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ โดยมีผู้ยื่นประมูล เช่น บมจ.ผลิตไฟฟ้า (เอ็กโก) ยื่นประมูล 3,200 เมกะวัตต์ เจเพาเวอร์ จากญี่ปุ่น 1,600 เมกะวัตต์ กลุ่มบริษัทร่วมทุนระหว่างโชบู เอสที เพาเวอร์ และโตโยต้า โทชู และกลุ่มระหว่างซูมิโตโม และอมตะ เพาเวอร์ กำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ โกลเพาเวอร์ 1,600 เมกะวัตต์ อิตัลไทย 800 เมกะวัตต์ เป็นต้น
     
      นายวีระพล จิระประดิษฐ์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า การเปิดประมูลครั้งนี้ 3,200 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีเงินลงทุนทั้งโรงไฟฟ้าและสายส่งนับแสนล้านบาท ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญจะเป็นการรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งมีผู้ซื้อซองประมูล 60 ซอง เชื่อมั่นว่าการปิดยื่นประมูลซองในช่วงเวลา 15.00 น.วันนี้ จะมีผู้ยื่นซองประมูลอย่างคึกคัก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าที่มาถึงประชาชน จะได้เกิดการแข่งขันในอัตราที่เป็นธรรม และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนผู้ที่จะชนะการประมูลและได้ก่อสร้างนั้น ทางกระทรวงพลังงานได้เน้นในเรื่องการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม และการยอมรับกับประชาชนในพื้นที่ โดยเจ้าของโครงการต้องยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ภายในวันที่ 19 พฤศจิกายน และอีไอเอ จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก สนพ. ในเดือนกันยายน 2551 ซึ่งอีไอเอ จะศึกษาถึงผลกระทบต่อชุมชน และได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ กรณีอีไอเอไม่ได้รับอนุมัติ แม้จะชนะประมูลเรื่องต้นทุนราคา ก็จะไม่ได้รับการคัดเลือกแต่อย่างใด
     
      ส่วนกรณีมีประชาชนคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในจังหวัดราชบุรี นั้น นายวีระพล กล่าวว่า การยอมรับของประชานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรงไฟฟ้าที่เข้าประมูลได้รับความเห็นชอบจากประชาชนในพื้นที่ จึงจะได้รับการคัดเลือก แต่ถ้าคัดค้านก็จะเป็นเรื่องยาก
     
      ทั้งนี้ การประมูลไอทีพี 3,200 เมกะวัตต์ ทางกระทรวงพลังงาน จะคัดเลือกและประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล ภายในเดือนธันวาคม 2550 โดยจะเป็นการสร้างโรงไฟฟ้ารองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าภายในปี 2554 -2556 และในอนาคต อาจเปิดประมูลรอบใหม่เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นในอนาคต
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000124275

news19/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 8:08 pm
โดย chartchai madman
ยอดใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่ม ข่าว 18.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, October 19, 2007
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน บอกว่า ยอดการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในเดือนกันยายนได้ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยวันละ 5.2 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์เฉลี่ยวันละ 3.1 ล้านลิตร โดยกระทรวงพลังงานมั่นใจว่า ในปีนี้จะสามารถผลักดันให้มียอดการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้วันละ 8 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 129% จากปีก่อน หลังจากได้ปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 จากที่จัดเก็บลิตรละ 90 สตางค์ เหลือลิตรละ 70 สตางค์ และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จากที่จัดเก็บลิตรละ 40 สตางค์ เหลือลิตรละ 20 สตางค์ เพื่อจูงใจด้านราคา และจะมีมาตรการส่งเสริมด้านการตลาด เพื่อจูงใจให้บริษัทคู่ค้าน้ำมันจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ลากขึ้น

สำหรับในส่วนปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินนั้น กระทรวงพลังงานคาดว่า จะลดลงต่อเนื่องตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และประชาชนจะหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx

news19/10/07

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 9:00 pm
โดย chartchai madman
น้ำมันดิบผันผวนซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทะลุ 90 เหรียญ/บาเรล

Posted on Friday, October 19, 2007
น้ำมันดิบนิวยอร์กซื้อขายสูงสุดทะลุ 89.47 เหรียญ คืนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐ ย้อนกลับทะยานขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ นับเป็นวันทำการที่ 4 ติดต่อกันในสัปดาห์นี้ แต่นับเป็นการปรับขึ้นปิดเหนือ 80 เหรียญสหรัฐ ทั้งหมด 7 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวัน และราคาปิดของทั้ง 2 ตลาดสำคัญ กลายเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่บาร์เรลละ 89.47 เหรียญ พุ่งขึ้นถึง 2.4% ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ ปิดทะลุบาร์เรลละ 84.60 เหรียญ ทะยานขึ้นถึง 1.8%

ราคาปิดและซื้อขายสูงสุดระหว่างวัน 2 ตลาดสำคัญ ทำสถิติเป็นประวัติการณ์
ขณะที่ราคาปิดตลาดนิวยอร์กเพิ่มขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ทั้งราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวัน และราคาปิดตลาดดังกล่าว ยังคงกลายเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายส่งมอบล่วงหน้าในปี 1983 หรือเมื่อปี 2526 หรือในรอบ 24 ปี ด้านราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวัน และราคาปิดที่เบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ ยังคงเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายส่งมอบล่วงหน้าในปี 1988 หรือในรอบ 19 ปี ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก มีราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 13% นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงเมื่อคืนนี้

ด่วน..ล่าสุด น้ำมันดิบนิวยอร์กในเอเชีย ทะลุ 90.02 เหรียญ
อย่างไรก็ตาม หลังตลาดน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งปิดทำการไปเพียงเล็กน้อย ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐ ซื้อขายในระบบอิเล็กทรอนิกส์ทะยานพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ที่สำคัญ ขึ้นไปสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เคลื่อนไหวที่บาร์เรลละ 89.78 เหรียญ สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ ซื้อขายในระบบเดียวกันเคลื่อนไหวที่ บาร์เรลละ 84.80 เหรียญ แม้ราคาซื้อขายในระบบดังกล่าวหลังปิดตลาดทั้ง 2 แห่ง จะสร้างสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ในรอบ 24 ปี ของตลาดนิวยอร์ก และในรอบ 18 ปีของตลาดเบร็นท์ แต่ล่าสุด พุ่งขึ้นทะลุ 90.02 เหรียญ เรียบร้อยแล้ว

เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าหนักกดดันราคาน้ำมันดิบทะลุ 90 เหรียญ
สาเหตุสำคัญที่ราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นอีกกว่า 2% มาจาก ยังคงเป็นสาเหตุเดิม ได้แก่ ปัจจัยค่าเงินเหรียญสหรัฐที่ยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก เช่น ยูโร สถานการณ์ที่ตึงเครียดระหว่างการใช้กำลังทหารของตุรกี เข้าจัดการกับกลุ่มกบฎชาวเคิร์ดทางตอนเหนือของประเทศอิรัก ความกังวลจากปริมาณสำรองน้ำมันในสหรัฐ แม้จะมีสัญญาณดีขึ้น แต่ไม่มากพอกับแนวโน้มการใช้ที่เพิ่มสูงมากขึ้นในฤดูหนาวที่กำลังเข้ามาใกล้ และพายุเฮอร์ริเคนที่ก่อตัวขึ้น อาจกระทบการผลิตในเม็กซิโก

น้ำมันดิบราคาถูก ในรูปค่าเงินทั่วไป ยกเว้นค่าเงินเหรียญสหรัฐ
หากพิจารณาค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องในขณะนี้ ทำให้ราคาน้ำมันดิบซื้อขายมีราคาถูกลงอย่างมาก เมื่อคิดในสกุลเงินสำคัญอื่นๆของโลกนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงราคาปิดเมื่อคืนนี้ เช่น ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นถึง 46% ในค่าเงินเหรียญสหรัฐ หากมองในค่าเงินเยนญี่ปุ่น ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเพียง 42% ค่าเงินสกุลปอนด์สเตอริง ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น 40% และในค่าเงินเหรียญยูโร ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียง 35% เท่านั้น ทั้งนี้ กำไรค่าการกลั่นน้ำมันดิบไปเป็นน้ำมันสำเร็จรูป ทรุดลงมากถึง 14% ต่ำสุดรอบ 13 เดือน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx