Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หลังจากที่ขายหมู SPL ไปแล้ว ประกอบด้วยหุ้นได้ไต่ขึ้นอย่างเร็วช่วงต้นปี 2544 ผมก็ไม่ได้ซื้ออะไรไว้เลยพร้อมกับเบื่อมากที่ราคาหุ้นได้ขึ้นไปและไม่ได้มีหุ้นอยู่ ยกเว้นพวก SCC BBL LH ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2544 ได้แต่นั่งกลับไปดูว่าทำยังไงให้ไม่ต้องขายเร็วเกินไป หนึ่งในเหตุผลที่ลองหาได้คือ ใจไม่สู้ตอนหุ้นลงเพราะซื้อมากไป อันที่สองคือรู้ไม่จริงเลยทำให้ใจไม่สู้ตอนมันลง เลยลองมาแก้จุดนี้ดูการซื้อของผมจากนี้ไปก็เลยตั้งใจว่าจะซื้อตัวละไม่มากแล้วดูว่าเราจะทนไวป่าวถ้าราคามันแกว่งลง ผมเริ่มซื้อหุ้นประมาณกลางๆปี ซื้อหมดทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ ปั่น พื้นฐาน เรียกได้ว่าตัวไหนกำลังวิ่งขึ้นก็ซื้อ ตัวไหนวกกลับนิวโลก็ขายทิ้งไป ทำไปทำมาไม่นานมากก็มาเจอเหตุการณ์เครืองบินชนตึก World Trade นั่งดู CNBC อยู่ตอนโดนลำแรกผู้ประกาศข่าวยังนึกว่าเป็นอุบัติเหตุ พอโดนลำที่สองก็รู้ว่าต้องมีอะไรผิดปกติ พอรุ่งขึ้นหุ้นบ้านเราก็เละ 3 วันซ้อนกว่าจะตั้งลำได้ใหม่ก็อีก 3 เดือน หุ้นทุกตัวที่ผมซื้อตอนนั้นลงนิวโลหมดถ้าทำแบบเดิมก็ต้องขายแต่ตอนนั้นผมเดาว่าเนื่องจากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกระทันหันลองให้เวลาหุ้นดูหน่อยว่ามันจะออกมาทางใดถ้ามันนิ่งๆแล้วลงต่อก็คงต้องเผ่นช่วงนั้นก็มีการพูดกันว่าเศษฐกิจอเมริกาจะแย่ถ้าความมั่นใจของนักลงทุนหดหายไปจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมก็ทนรออยู่ 3 เดือนพอหุ้นเริ่มฟื้นปลายปีต่อปี 2545 ตัวไหนขึ้นมาผมก็ซื้อมัน ยิ่งซื้อยิ่งมากตัวแต่ผมกลับสบายใจไม่เครียดถึงแม้จะมีขายขาดทุนมากหลายตัวโดยเฉลี่ยจนถึงปัจจุบันจะมีขายขาดทุนอยู่ประมาณ 50%ของหุ้นที่ซื้อ อีก 30%กำไรไม่มาก แต่ 20% ที่เหลือที่ทำให้กำไรทั้งหมดเป็นที่น่าพอใจ สรุปได้ว่าเงินที่ได้จนทำให้พอรต์เป็นบวกมาจากหุ้นแค่ 20 % เพราะฉะนั้นทำไมไม่ซื้อหุ้นแต่เฉพาะหุ้น 20% ที่ได้  ตอบง่ายๆก็คือผมไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ตัวไหนมากจะรู้ก็เมื่อมันเกิดขึ้นผ่านไปแล้ว ผมซื้อขายแบบนี้มาเรื่ิอยจนปี 2546 ความสนใจของผมก็มาอยู่ที่กลุ่มน้ำมัน จากการอ่านบทความต่างๆผมได้เดาภาพลางๆได้ว่าถ้าเป็นอย่างที่บทความว่าไว้การขยายตัวของเศรษฐกิจเอเชียโดยเฉพาะจีนว่าจะทำให้มีการใช้ทรัพยากรอีกมากและมาสดุดเอาคำพูดของ CEO COKE ว่าเป้าหมายของเค้าต้องการให้คนจีนทุกคนดืม COKE วันละกระป๋องทุกวันผมเลยเดาว่าจีนคงเป็นตลาดที่มหาศาลถ้าคนจีนอยากกินอยู่เหมือนคนอเมริกา ตอนนั้นผมยังไม่สนใจเรื่องสินค้าเกษตรจนอีก 2 ปีต่อมา ช่วงนั้นนึกเพียงแต่ว่าราคาน้ำมันน่าจะค่อยๆสูงขึ้นจากความต้องการที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นที่คิดแบบนั้นเพราะผมไปอ่านเจอว่าในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมากำลังการผลิตน้ำมันได้เพิ่มขึ้นแต่ราคากลับทรงๆ อาจเป็นเพราะ Demand ต้องมากขึ้นและในที่สุดราคามันก็น่าค่อยๆขยับขึ้น ผมเลยมาซื้อ PTTEP และ PTT ช่วงกลางปี 2546 และก็ยังถืออยู่จนถึงปัจจุบันถึงแม้จะได้มามากแต่ก็ยังเสียดายว่าทำไมตอนนั้นไม่ซื้อให้มากกว่านี้ิอีก ช่วงที่ผมสนใจสินค้าเกษตรผมได้ Go Inter อีกหนหลังจากที่ล้มเหลวกับ Index futures