หน้า 4 จากทั้งหมด 9

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 5:36 pm
โดย crazyrisk
[quote="hongvalue"]แปลกนะ วันนี้ hangseng ลง

แต่ set +

แต่ราคาน้ำมันเริ่มลงแล้ว

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 7:27 pm
โดย hongvalue
[quote="crazyrisk"]


เคยได้ยิน คนในสินธร มีชื่อว่า เผ่นพันลี้ ด้วย

ไม่รู้ว่า เผ่นก่อนหุ้นร่วงไปพันลี้

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 7:31 pm
โดย hongvalue
จุดประสงค์ของกระทู้นี้ในตอนแรกคือพูดเรื่อง

fundflow  แต่ตอนนี้มีเพิ่มแล้วคือการ

discuss กันถึงจุดเด่น และ ข้อจำกัดของ

การใช้การวิเคราห์เชิงมหภาคมาประยุกต์กับการลงทุน

และ จุดเด่นของการวิเคราห์ที่เน้นแต่ตัวบริษัทโดยไม่เน้นภาพรวม

ว่าแต่ละแนวทางสามารถประยุกต์และต่อยอดได้อย่างไรบ้าง

ยังไงก็จะรอคำตอบของพี่สามัญฃน กับ พี่ yoyo

ครับ

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 8:00 pm
โดย สามัญชน
[quote="hongvalue"] พี่หมอเคยใช้ในการลงทุนหุ้นตัวไหนบ้างเหรอครับแล้วมันสามารถสวนกระแสอุตสาหกรรมได้

เพราะว่าเหตุผลอะไรเหรอครับ

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 8:28 pm
โดย yoyo
[quote="densin"]

PS งบออกพรุ่งนี้, LPN วันพฤหัส

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 8:34 pm
โดย yoyo
hongvalue เขียน:ไหนๆพี่โยก็มาแล้ว
ขอถามกว้างๆหน่อยสิครับ
ว่าพี่มีความเห็นกับแนวการวิเคราห์หุ้นแบบ
top-down อย่างไรบ้างครับ
มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร
พี่คิดว่าถ้าเทียบกับแนวทาง bottom-up
แล้วแต่ละแนวทางสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้มากน้อยแค่ไหนครับ
ขอบคุณครับ
พี่ว่าข้อจำกัดใหญ่ของ Top-down เลยก็คือ... มันยากเกินไปครับ
ข้อมูลมันมีอยู่ไม่จำกัด แล้วแต่จะหยิบยกตัวไหนมาพูด...
เห็นด้วยกับพี่ picatos บอกนะว่า การวิเคราะห์สิ่งที่ผ่านมาแล้วนั้นง่าย เพราะข้อมูลมีเต็มไปหมด.. ถ้าหุ้นลงก็หาข้อมูลแย่ๆมาใส่ หุ้นขึ้นก็หาข้อมูลดีๆมาใส่

แต่การวิเคราะห์อนาคตนี่แบบ Top-down นี่แหละที่ยาก

แต่ถามว่าไม่มีประโยชน์รึเปล่า.. ก็เปล่าครับ.. มีประโยชน์แน่ๆสำหรับคนที่หยิบมาใช้ได้เป็น ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ที่ผมใช้อยู่นั้นมัน เป็นแนวไหนกันแน่ เคยคิดว่าตัวเองใช้ bottom up แต่หลายๆครั้งเราก็ยกเอา Top-down มาใช้ .. เพียงแต่การใช้ Top-down ของผมนี่เอามาวิเคราะห์พื้นฐานธุรกิจมากกว่าที่จะเอามาวิเคราะห์ Fund Flow

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 9:16 pm
โดย Flashy
- -
เดกเสดสาด เข้ามานั่งอ่าน...อึ้งเลย


ที่ผมเรียนเสดสาด เพราะอยากเอามาช่วยวิเคราะห์มหภาค เอื่อต่อการลงทุน

ส่วนจุลภาคหรือตัวกิจการ ใช้ value investment ดีกว่า

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 11, 2009 9:49 pm
โดย palm_s5
yoyo เขียน: พี่ว่าข้อจำกัดใหญ่ของ Top-down เลยก็คือ... มันยากเกินไปครับ
ข้อมูลมันมีอยู่ไม่จำกัด แล้วแต่จะหยิบยกตัวไหนมาพูด...
เห็นด้วยกับพี่ picatos บอกนะว่า การวิเคราะห์สิ่งที่ผ่านมาแล้วนั้นง่าย เพราะข้อมูลมีเต็มไปหมด.. ถ้าหุ้นลงก็หาข้อมูลแย่ๆมาใส่ หุ้นขึ้นก็หาข้อมูลดีๆมาใส่

แต่การวิเคราะห์อนาคตนี่แบบ Top-down นี่แหละที่ยาก

แต่ถามว่าไม่มีประโยชน์รึเปล่า.. ก็เปล่าครับ.. มีประโยชน์แน่ๆสำหรับคนที่หยิบมาใช้ได้เป็น ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ที่ผมใช้อยู่นั้นมัน เป็นแนวไหนกันแน่ เคยคิดว่าตัวเองใช้ bottom up แต่หลายๆครั้งเราก็ยกเอา Top-down มาใช้ .. เพียงแต่การใช้ Top-down ของผมนี่เอามาวิเคราะห์พื้นฐานธุรกิจมากกว่าที่จะเอามาวิเคราะห์ Fund Flow
นอกจากเรื่องข้อมูลที่มีอยู่ไม่จำกัดแล้ว  Reactionของตลาดต่อข้อมูลนั้นๆก็อาจจะไม่เกิดซ้ำแบบเดิมก็ได้นะครับ  ถึงแม้จะเป็นเหตการณ์ลักษณะเดียวกัน  การคาดเดาความคิดของmassที่มีต่อข้อมูลก็เป็นอีกประเด็นที่ค่อนข้างยากนะครับหากจะวิเคราะห์อนาคต :roll:

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:04 am
โดย Blueblood
ฮงนี่ร้ายจริงๆนะ นับถือๆ :bow:

ว่าแต่ ... ขายแล้วกระซิบบอกกันบ้างนะ  :P

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 9:51 am
โดย hongvalue
[quote="Blueblood"]ฮงนี่ร้ายจริงๆนะ นับถือๆ :bow:

ว่าแต่ ... ขายแล้วกระซิบบอกกันบ้างนะ

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 10:12 am
โดย hongvalue
ผมในฐานะผู้ดำเนินรายการ และเจ้าของกระทู้

ยังไงก็ขอจบการ present และการ discuss แนวทางเอาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ

ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมแชร์ความเห็นครับ

ผมชอบความเห็นที่มีเหตุผลรองรับมีตัวอย่างรองรับที่ดีพอ

ไม่ใช่การมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปอย่างเดียว

ซึ่งผมมองว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร กับตัวเขาและผู้อื่น

ผมคิดว่าทุกแนวทางล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นและข้อจำกัดของมัน

ไม่ว่าจะแนวทางไหนต่อให้เราไม่คิดจะเล่นเราก็สามารถเปิดใจ

ได้เพื่อให้รู้ว่าในตลาดก็มีกลุ่มคนที่มีวิธีการดูหุ้นแบบนั้นอยู่

ดังสุภาษิตโบราณ "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง"

ยังไงผมก็ขอหยุดโพสกระทู้นี้แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ

สวัสดี  :D

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:36 pm
โดย picatos
hongvalue เขียน:
ช่วยขยายความหน่อยครับ

อ่านไม่เข้าใจครับ

เช่น assumption อะไรบ้างที่ไม่เคยมีอยู่จริง
คือ เวลาเค้าคิดโมเดลทางเศรษฐศาตร์ มันต้อง simplify โลกแห่งความเป็นจริงที่ยุ่งยากและซับซ้อน ให้มันเหลือตัวแปรแค่ไม่กี่ตัวที่สามารถ observe ได้ และหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากตัวแปรน้อยๆ ตัว แล้วเขียนเป็นทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ต่างๆ

ขั้นตอนการ simplify มักจะมีการกำหนด assumption ขึ้นมาหลายๆ ข้อ เพื่อทำให้โลกแห่งความเป็นจริงสามารถ define ได้ออกมาเป็นสมการทางคณิตศาสตร์

ตัวอย่างละกัน สมมติว่าผมจะศึกษาเรื่องผลกระทบของการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของสหรัฐฯ กับ USD Index และการลงทุนทั่วโลกละกัน

สมมติว่าผมจะทำ model นี้ขึ้นมา

ผมก็อาจจะ Assume ขึ้นมาก่อนว่า 1) ให้ USA เป็นประเทศใหญ่ แล้วประเทศที่เหลือทั่วโลกถือว่าเป็นประเทศเล็ก 2) การเคลื่อนย้ายเงินทุนเป็นไปอย่างอิสระ 3) การลงทุนมีแต่การลงทุนในตลาดหุ้น 4) bla bla bla....

หลังจากนั้นผมก็อาจจะได้ข้อสรุปว่า ถ้าสหรัฐฯ ผ่อนคลายนโยบายทางการเงินแล้วจะทำให้หุ้นทั่วโลกขึ้น และทำให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง และหุ้นในประเทศต่างๆ ขึ้น แล้วก็จบ

ซึ่งฟังๆ ดูอาจจะดูสมเหตุสมผลไปหมด แต่ถ้าย้อนกลับมาดูจะเห็นว่าสมมติฐานแต่ละข้อมันไม่เป็นจริงทั้งนั้นเลย แต่ผมก็ต้องทำไม่อย่างงั้นก็ศึกษาผลกระทบไม่ได้

ประมาณนั้น...

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:41 pm
โดย picatos
[quote="hongvalue"]ยังไงผมก็ขอหยุดโพสกระทู้นี้แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ

สวัสดี

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 1:04 pm
โดย hongvalue
picatos เขียน:
ผมก็อาจจะ Assume ขึ้นมาก่อนว่า 1) ให้ USA เป็นประเทศใหญ่ แล้วประเทศที่เหลือทั่วโลกถือว่าเป็นประเทศเล็ก 2) การเคลื่อนย้ายเงินทุนเป็นไปอย่างอิสระ 3) การลงทุนมีแต่การลงทุนในตลาดหุ้น 4) bla bla bla....

หลังจากนั้นผมก็อาจจะได้ข้อสรุปว่า ถ้าสหรัฐฯ ผ่อนคลายนโยบายทางการเงินแล้วจะทำให้หุ้นทั่วโลกขึ้น และทำให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง และหุ้นในประเทศต่างๆ ขึ้น แล้วก็จบ

ซึ่งฟังๆ ดูอาจจะดูสมเหตุสมผลไปหมด แต่ถ้าย้อนกลับมาดูจะเห็นว่าสมมติฐานแต่ละข้อมันไม่เป็นจริงทั้งนั้นเลย แต่ผมก็ต้องทำไม่อย่างงั้นก็ศึกษาผลกระทบไม่ได้

ประมาณนั้น...
ผมงงว่า สมมุติฐานแต่ละข้อมันไม่เป็นจริงยังไง

ลองมาดูทีละข้อ

1) ให้ USA เป็นประเทศใหญ่ แล้วประเทศที่เหลือทั่วโลกถือว่าเป็นประเทศเล็ก

แล้วประเทศ usa มันไม่ใหญ่ยังไงล่ะครับ




2) การเคลื่อนย้ายเงินทุนเป็นไปอย่างอิสระ

แล้วทุกวันนี้เงินที่เข้ามาซื้อหุ้นไทย กับพันธบัตรไทย

มันติดขัดอะไรครับ สมมุติฐานนี้ถึงไม่เป็นจริง


3) การลงทุนมีแต่การลงทุนในตลาดหุ้น

ผมโพสไปว่าถ้าหุ้นแพงเงินในระบบก็อาจไปลงทุนอย่างอื่นก็ได้นะครับ  ไปดูหน้าแรกก็ได้ที่ผมตอบน้อง i_sarut




ผมไม่เห็นข้อมูลของคุณ picatos จะมีที่มาที่ไปตรงไหน

เห็นแต่บอกว่าอะไรก็ไม่เป็นจริงไปหมด

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 1:07 pm
โดย hongvalue
[quote="picatos"][quote="hongvalue"]ยังไงผมก็ขอหยุดโพสกระทู้นี้แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ

สวัสดี

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 2:46 pm
โดย hongvalue
โทษที ผมมานั้งคิดดูแล้วคนเรา

ก็ไม่มีคิดเหมือนกันหมดหรอก

สงสัยผม serious เกินไป

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 12, 2009 2:56 pm
โดย zesar
คุณฮง บรรลุขึ้นอีกหนึ่งระดับแล้ว  :D

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 12:42 am
โดย yoyo
hongvalue เขียน:
ผมงงว่า สมมุติฐานแต่ละข้อมันไม่เป็นจริงยังไง

ลองมาดูทีละข้อ

1) ให้ USA เป็นประเทศใหญ่ แล้วประเทศที่เหลือทั่วโลกถือว่าเป็นประเทศเล็ก

แล้วประเทศ usa มันไม่ใหญ่ยังไงล่ะครับ




2) การเคลื่อนย้ายเงินทุนเป็นไปอย่างอิสระ

แล้วทุกวันนี้เงินที่เข้ามาซื้อหุ้นไทย กับพันธบัตรไทย

มันติดขัดอะไรครับ สมมุติฐานนี้ถึงไม่เป็นจริง


3) การลงทุนมีแต่การลงทุนในตลาดหุ้น

ผมโพสไปว่าถ้าหุ้นแพงเงินในระบบก็อาจไปลงทุนอย่างอื่นก็ได้นะครับ

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 12:44 am
โดย yoyo
hongvalue เขียน:โทษที ผมมานั้งคิดดูแล้วคนเรา

ก็ไม่มีคิดเหมือนกันหมดหรอก

สงสัยผม serious เกินไป
ไม่รู้ขอโทษใครนะ... ถ้าขอโทษคุณ Picatos ก็ถือว่าดีครับ...
ผมก็โทษด้วยที่มา Post นอกเรื่องแบบนี้

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 2:49 am
โดย net17
สวัสดีครับ เห็นพูดเรื่อง THAI

เลยขอลองแสดงความคิดเห็นดูบ้าง พอดีเรียนมาทางการบินครับ

อย่างแรกเลย คิดว่าธุรกิจการบิน น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเรียกได้ว่าครั้งใหญ่เลยทีเดียว[แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไป] แต่ก่อนต้องใหญ่ไว้ก่อน ยิ่งใหญ่ยิ่งดี a380 เป็นตัวอย่าง แต่อนาคต คาดว่าน่าจะเปลี่ยนเป็น เล็กๆ ถี่ๆ ทั้งนี้เนื่องมาจาก ปัญหา ด้าน มลพิษ ต่างๆ หลักๆก็ จะมี ทางเสียง กับทางอากาศ ทั้งนี้โลกได้ตื่นตัวกับปัญหาเรื่อง global warming โดย จริงๆ แล้ว อากาศยาน เค้าเรียกไรว่า ผมเรียก aircraft emission มันจะปล่อยไปที่ชั้นบรรยากาศโดยตรง

เปน ที่รู้กันว่า เครื่อง อย่างเครื่อง 747 737 ที่การบินไทยใช้ เป็น passenger and cargo aircraft เฉพาะ cargo ได้ประมาณ 20ตัน ตัวเลขที่แน่นอนต้องดู รุ่นA/C ครับ คือ ถ้ามีแต่ ผู้โดยสารไม่มี cargo เรียกได้ว่าเหนื่อยครับ

ถาม ถ้าคุณจะไปไหนสักที่ มีกี่สายการบินให้คุณเลือก ? ลุงบัพ เคยพูดไว้ครับว่าขอบคุณการแข่งขันที่ทำให้เราจ่ายค่าตั๋วถูกลง

ที่ผมกลัวคือพวกสายการบิน low-cost ครับ ถ้าเค้าหันมาจริงจัง ด้าน cargo จะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าให้ผมคิด ที่แน่ๆ ค่าใช้จ่าย ที่ลดไม่ได้ แน่ๆ คือ ตัวเครื่องบิน แล้วจะไปลงกับใครได้ถ้างั้น ?

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 12:17 pm
โดย Linzhi
เห็นทิ้งท้ายไว้เรื่องวิธีหรือปรัชญาการลงทุน ผมว่าทางใครทางมัน ต่างคนต่างมีเหตุผล เอามาปรับใช้ดีกว่า

อ่านแล้วก็นึกถึงบทความนี้ขึ้นมาเลยครับ

ยุทธศาสตร์การลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ก่อนที่จะเริ่มลงทุนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว สิ่งหนึ่งที่เราควรจะกำหนดขึ้นเพื่อ
เป็นกรอบให้เราสามารถเดินไปได้อย่างถูกต้องก็คือ การกำหนดยุทธศาสตร์
ใหญ่ว่าเราจะทำอย่างไรถึงจะทำให้เราประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการได้

ยุทธศาสตร์หรือวิธีการลงทุนหลักใหญ่ ๆ ที่เราควรจะต้องเลือกมี 3 วิธีคือ
หนึ่ง สิ่งที่เรียกกันว่า การจัดสรรทรัพย์สินที่จะลงทุน หรือ Asset Allocation
สอง การเลือกจังหวะเวลาในการลงทุน หรือ Market Timing และ สาม การ
เลือกหุ้นหรือหลักทรัพย์ หรือ Stock Picking

คนที่เชื่อทฤษฎีทางการเงินที่ว่าตลาดหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพสูง เราไม่
สามารถที่จะเอาชนะตลาดได้ และผลตอบแทนที่ดีขึ้นนั้นจะได้มาก็ต้อง
ยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ที่เรียกกันว่า High Risk, High Return มักจะแนะนำ
ให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์ Asset Allocation นั่นก็คือ เขาเห็นว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะ
ลงทุนก็คือ เราควรจัดสรรเงินลงทุนกระจายไปในทรัพย์สินหลาย ๆ อย่างตาม
สัดส่วนที่เราต้องการ เช่น ถ้ามีเงิน 100 อาจจะจัดสรรลงทุนในหุ้น 20% ใน
พันธบัตร 30% ในอสังหาริมทรัพย์เช่นบ้าน 40% และอีก 10% เป็นเงินสด

ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้จากการลงทุนแบบ Asset Allocation นั้นจะขึ้นอยู่
กับว่าเราจัดสรรเงินลงทุนในทรัพย์สินไหนมากหรือน้อย ถ้าเราจัดสรรเงิน
ลงทุนในหุ้นมาก ในระยะยาวเราก็น่าจะได้ผลตอบแทนสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม
กลยุทธ์ลงทุนในหุ้นมากก็มีความเสี่ยงสูง นั่นก็คือ แทนที่จะได้ผลตอบแทน
มาก คุณอาจจะได้ผลตอบแทนแย่ลงก็เป็นไปได้ แม้ว่าในระยะยาวแล้วโอกาส
ที่จะได้ผลตอบแทนสูงจะมีมากกว่า อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ไม่เน้นในด้าน
ของฝีมือในการลงทุน นั่นหมายความว่า ถ้าพูดถึงการลงทุนในหุ้นก็
หมายความว่า คุณควรจะต้องถือหุ้นกระจายไปมากหลาย ๆ ตัว หรือถ้าจะให้ดี
ก็คือ ซื้อกองทุนรวมหุ้นโดยเฉพาะที่เป็นกองทุนหุ้นที่อิงดัชนี

การลงทุนแบบ Asset Allocation นี้ คนลงทุนอาจจะปรับแต่งเปอร์เซ็นต์การ
ถือครองทรัพย์สินแต่ละอย่างไปได้เรื่อย ๆ ซึ่งบางคนก็บอกว่าน่าจะขึ้นอยู่กับ
อายุของผู้ลงทุน ขึ้นอยู่กับสถานะของเม็ดเงินที่มี ขึ้นอยู่กับความสามารถใน
การรับความเสี่ยง แต่ในกรณีนี้จะไม่ใช่การขึ้นอยู่กับมุมมองว่าทรัพย์สิน
ประเภทไหนน่าจะกำลังดี หรือหลักทรัพย์กลุ่มไหนน่าจะกำลังแย่ เพราะนั่นจะ
เป็นเรื่องของกลยุทธ์อีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ กลยุทธ์ การเลือกจังหวะเวลา

Market Timing เป็นเรื่องที่นักลงทุนพยายามสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดี
โดยการคาดการณ์ว่า การลงทุนอะไรจะดี การลงทุนอะไรจะแย่ ถ้าเขาคิดว่า
หุ้นน่าจะดี หรือหุ้นที่กำลังบูมจะบูมต่อไป เขาก็จะเคลื่อนย้ายเงินเข้าไปลงทุน
ในตลาด แต่ถ้าคิดว่าดอกเบี้ยกำลังขึ้น หุ้นจะตก เขาอาจจะออกจากหุ้นแล้ว
เอาเงินมาฝากแบงค์หรือมาซื้อพันธบัตรกินดอกเบี้ยสูง ๆ

Market Timer หรือคนที่คาดการณ์ภาวะการลงทุนนั้น เวลาจะเข้าลงทุนใน
ตลาดหุ้น เขามักจะไม่สนใจว่าจะต้องเลือกหุ้นอย่างพิถีพิถันมากมาย ถ้าเขา
คิดว่าตลาดดี เขาก็อาจจะเลือกซื้อหุ้นที่หวือหวา ราคาขึ้นลงเร็ว มีสภาพ
คล่องในการซื้อขายสูง และมักจะเคลื่อนไหวไปกับดัชนีตลาดสูง ตัวอย่าง
เช่น หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์หรือหุ้นของธนาคาร บางคนที่มีความรู้เกี่ยวกับ
การเลือกหุ้นน้อยก็อาจจะซื้อหน่วยลงทุนที่เป็นกองทุนหุ้นแทนก็อาจจะให้ผล
ในทำนองเดียวกัน

กลยุทธ์สุดท้ายในการลงทุนก็คือ การลงทุนแบบเลือกหุ้นหรือเลือกทรัพย์สิน
ที่จะลงทุนเป็นรายตัวที่นักลงทุนคาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงที่สุดและมีความ
เสี่ยงต่ำที่สุด โดยที่เขาอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจกับภาวะตลาด หรือ
สัดส่วนในการลงทุนในทรัพย์สินแต่ละอย่างมากนัก นั่นก็คือ แม้ในภาวะเช่น
ตลาดหุ้นกำลังตกต่ำซบเซา เขาก็อาจจะลงทุนในหุ้นมากมาย เพราะเขาอาจ
จะเจอหุ้นที่ดีและมีราคาถูกมาก ว่าที่จริงเขาอาจจะคิดว่านั่นคือโอกาสในการ
ลงทุนในหุ้น เช่นเดียวกัน เขาอาจจะลงทุนเงินทั้งหมดในหุ้นแทนที่จะมีบ้าน
หรือที่ดินและมีพันธบัตรด้วยถ้าเขาคิดว่า เขามีหุ้นที่น่าจะให้ผลตอบแทนสูง
กว่าและมีความเสี่ยงต่ำกว่า

Stock Picker หรือคนที่ลงทุนโดยเน้นการเลือกหุ้นเป็นรายตัวโดยไม่สนใจใน
เรื่องของเวลาเข้า- ออกตลาด และไม่สนใจว่าจะต้องกระจายความเสี่ยงโดย
การถือทรัพย์สินหลาย ๆ แบบ หรือแม้แต่หลาย ๆ ตัว จะต้องเป็นคนที่มีความ
สามารถสูงในการวิเคราะห์ มีอารมณ์ที่มั่นคง และจะต้องมีความรู้ในเรื่องของ
การลงทุนเป็นอย่างดี เพราะถ้าทำได้ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง เขาอาจจะเกิดความ
เสียหายอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ถ้าเขามีความเชี่ยวชาญจริงในสิ่งที่ทำ
โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนสูงมากและความเสี่ยงต่ำก็เป็นไปได้ไม่น้อย นี่
ไม่ใช่เฉพาะในเรื่องของหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะหมายถึง
อสังหาริมทรัพย์หรือทรัพย์สินอย่างอื่นที่ทำให้นักเลือก รวยไปเลย

การลงทุนนั้น ถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ต้องกำหนดยุทธศาสตร์ แต่ก็เช่นเดียว
กับความรู้หรือหลักการอย่างอื่น ไม่มีใครสามารถบอกว่าตนเองยึดถือหลักการ
อันเดียวร้อยเปอร์เซ็นต์ เราต้องมีทุกหลักการในตัว เพียงแต่ว่าเราจะเน้นหนัก
ไปที่หลักการไหน ประเด็นที่สำคัญจริง ๆ ก็คือ เราต้องมีหลักการมิฉะนั้น การ
ลงทุนของเราก็จะไม่มีทิศทาง และถ้าเราไม่มีทิศทางโอกาสที่เราจะไปถึงเป้า
หมายก็แทบเป็นไปไม่ได้

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 1:50 pm
โดย ccc111
ต้องขอขอบคุณ hong จริงๆ ที่ช่วยแบ่งปันหลักการ hongvalueway ให้ทราบ
เพราะว่ากว่าจะรวบรวมความรู้แล้วทำการทดสอบหลักการพวกนี้
ต้องใช้ความพยามมากแค่ไหนคงเป็นที่ทราบได้

สู้ต่อไปทาเคชิ :D

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 3:44 pm
โดย PERFECT LUCKY
ขยัน + ฉลาด + ใจกว้าง + อายุน้อย (อายุการลงทุนเยอะ)  สมควรได้รับ ผลตอบแทน แบบเยี่ยมๆ

ขอชมจากใจ เยี่ยมจริงครับ

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 6:52 pm
โดย Oatarm
เป็นไปได้ไหมที่ Fund Flow ที่เข้ารอบนี้  เก็งกำไรในค่าเงินเป็นหลัก  

USD มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีก  หลังจากรีบาวด์ขึ้นมา  และตราบใดที่ สหรัฐ ยัง

ไม่สามารถแก้ปัญหาขาดดุลการค้าลงได้

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 8:53 pm
โดย hongvalue
ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณ

picatos ด้วยครับ

ไม่รู้ว่ายังอ่านกระทู้นี้อยู่ไหม

รู้สึกได้เลยครับว่าตอนผมตอบคุณ

picatos

ผมใช้อารมณ์

มีเพื่อนสมาชิกท่านนึง(คงเอ๋ยชื่อได้เพราะเป็นตัวอย่างที่ดี)

คือ คุณ chut

ได้ pm มาเตือนสติผมว่า

ในบางครั้งโพสแล้วใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมออกมา

จริงๆแล้วถ้าผมเข้าใจสัจธรรมว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดเห็นเหมือนกัน เพียงแต่ว่าแนวคิดต่างๆที่พูดออกมาควรมีเหตุผล
และที่มาที่ไปมาสนับสนุนเพียงพอ

รู้สึกอาย  :oops:  เพราะว่าผมเป็นคนเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมแชร์ความเห็นกัน

แต่ตัวเองกลับทำให้บางท่านที่มาแชร์คิดว่า

(รู้งี้กรูไม่มายุ่งกระทุ้ไอ้นี้ดีกว่า)




ผมคิดว่าผมได้บทเรียนหลายๆอย่างที่ผมไม่อยากให้คนอื่นมาเจอบทเรียนแบบผม

ผมเลยขอสรุปเอาไว้


1.ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน อย่าใช้อารมณ์ใส่กัน

2.บางครั้งยังดีที่มีคนรู้จักช่วยเตือนสติผม

ผมรู้สึกดีใจที่มีเพื่อนรอบข้างที่พูดกับผมตรงๆ

เขาอ่านเขาก็โทรมาบอกว่าทำไมไปโพสแบบนั้น

มันไม่ดีรู้ไหม เรียกได้ว่าผมได้เห็นว่าเพื่อนของผมนั้น

ปราถนาดีต่อผม ฉะนั้นบางครั้งคำพูดที่ฟังไม่เข้าหู

ก็ขอให้คิดถึงเจตนาของผู้พูดเป็นหลักดีกว่า



ต้องขอโทษผู้อ่านทุกคนด้วยครับ

ที่ทำให้เสียบรรยากาศ



ผมขอยกเลิกการแจ้งปิดกระทู้นี้ครับ

เดี่ยวขอไปลาพักร้อนซัก 2- วันแล้ว

กลับมาคุยกันต่อนะครับทุกท่าน

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 9:03 pm
โดย oatty
hongvalue เขียน:ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณ

picatos ด้วยครับ

ไม่รู้ว่ายังอ่านกระทู้นี้อยู่ไหม

รู้สึกได้เลยครับว่าตอนผมตอบคุณ

picatos

ผมใช้อารมณ์
ยังหนุ่มยังแน่นก็แบบนี้แหละครับ อารมณ์ร้อนได้บ่อย อีกหน่อยก็หาย..

hongvalue เขียน:
ผมขอยกเลิกการแจ้งปิดกระทู้นี้ครับ

เดี่ยวขอไปลาพักร้อนซัก 2- วันแล้ว

กลับมาคุยกันต่อนะครับทุกท่าน
ดีแล้วครับ เปิดต่อเถอะ แต่อย่าไปนานนะ กระทู้จะตกไปอยู่หน้าอื่น  :D

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 9:03 pm
โดย NTL
ต้องขอขอบคุณทุกท่านมากนะครับที่มาให้ความรู้
ความรู้ที่มีอยู่เป็นเพียงแค่อนุบาล 1 เท่านั้น :lol:


ส่วนเรื่องอื่นคงต้องบอกว่า
เพชรมีตั้งมากมาย...ทำไมเลยจะเลือกเก็บหินละครับ


ปล. อยากให้มีการรวบรวมกระทู้ดีดีในช่วงวิกฤตจังเลยครับ
จะได้เก็บไว้เป็นคลังความรู้สำหรับอนาคตครับ

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 9:12 pm
โดย Linzhi
hongvalue เขียน:
1.ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน อย่าใช้อารมณ์ใส่กัน

2.บางครั้งยังดีที่มีคนรู้จักช่วยเตือนสติผม

ผมรู้สึกดีใจที่มีเพื่อนรอบข้างที่พูดกับผมตรงๆ

เขาอ่านเขาก็โทรมาบอกว่าทำไมไปโพสแบบนั้น

มันไม่ดีรู้ไหม เรียกได้ว่าผมได้เห็นว่าเพื่อนของผมนั้น

ปราถนาดีต่อผม ฉะนั้นบางครั้งคำพูดที่ฟังไม่เข้าหู

ก็ขอให้คิดถึงเจตนาของผู้พูดเป็นหลักดีกว่า


ผมขอยกเลิกการแจ้งปิดกระทู้นี้ครับ

เดี่ยวขอไปลาพักร้อนซัก 2- วันแล้ว

กลับมาคุยกันต่อนะครับทุกท่าน
สังคมแบบนี้ผมชอบจัง แถมได้อ่านกระทู้ดี ๆ ต่ออีก

:cool:  :cool:  :cool:

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 9:45 pm
โดย leksmile
ผมเวลาเจอฮงจะชอบกัดจิกแซว แต่จริงๆแล้วผมล่ะมองว่าคนนี้อนาคตในวงการลงทุนน่าจับตาทีเดียว อายุก็ยังน้อยแม้หน้าตาอาจจะ...ไปบ้าง (จิกอีกแล้ว) นายแน่มาก :shock:

fundflow in q2 และ downside risk ในระยะถัดไป

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 13, 2009 11:44 pm
โดย eyebrow
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ   ขอเก็บเกี่ยวประสพการณ์เพื่อไปพัฒนาตนบ้างครับ :bow: