หน้า 4 จากทั้งหมด 7
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 09, 2010 9:48 pm
โดย chatchai
IWILLBEVI เขียน:ขอถามพี่chatchai เรื่องการหา cash cycle หน่อยครับว่าคำนวณอย่างไร และตัวเลข + หรือ - บอกอะไรเราบ้างครับ
Cash Cycle ประกอบด้วย
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 09, 2010 10:36 pm
โดย IWILLBEVI
ขอบคุณมากครับพี่ Chatchai อธิบายได้ละเอียดมากๆครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 09, 2010 10:36 pm
โดย chatchai
[quote="Fon^^"]ขอบคุณสำหรับความรู้มากมายนะคะ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 11:33 am
โดย หมีขาว
ขอบคุณพี่ฉัตรมากครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 11:52 am
โดย Fon^^
chatchai
แต่ก็มีจุดอ่อนครับ เพราะ Asset Equity ที่บันทึกในงบดุลนั้น ส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกับความจริง ทำให้ผลที่ได้อาจจะแตกต่างจากความเป็นจริง เช่น
บริษัทที่ก่อตั้งมานาน ซื้อที่ดินมาในอดีตหลายสิบปี บันทึกมูลค่าเท่าราคาซื้อ เวลาคำนวณโดยใช้ตัวเลขจากงบการเงิน ผลที่ได้ก็คงจะสูงกว่าความเป็นจริง สูงกว่าบริษัทที่เพิ่งก่อตั้ง ทั้งๆที่การบริหารอาจจะแย่กว่าก็ได้
ขอบคุณพี่ฉัตรชัยค่ะ
เรื่องการคิดผลตอบแทนจากการลงทุน ตามตำรา ROCE = EBIT/( Fixed assets+working capital) หรือ ROCE = EBIT/(Total Assets-Current Liability) ถ้าเราคิดตามตำรามันจะโดนผลของที่ดินหรือเงินสดตามที่พี่ฉัตรชัยสอนค่ะ
ฝนเลยคิดว่าถ้าเราคิดผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัท ROCE = EBIT/(Equity + Interest debt +WC) จะเหมาะสมรึเปล่าคะ
โดยลดผลของที่ดิน เงินสด แล้วก็แต่ละบริษัทก็จะเก่งด้าน leverage ต่างกันค่ะ จะทำให้เราเห็นผลตอบแทนที่แท้จริงจากความเก่งเรื่องการใช้เงินทุนบริษัทได้รึเปล่าคะ
อย่าง 2 รพ.ยักษ์ใหญ่ ROE ของรพ.แรกเฉลี่ย 35% รพ.2 10% ดูต่างกันมากมาย แต่พอคิด ROCE เฉลี่ยจะได้ 23% กับ 11%
รบกวนถามมุมมองพี่ฉัตรชัยนะคะ
ขอบคุณค่ะ ^^
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 12:04 pm
โดย chatchai
[quote="Fon^^"]chatchai
[quote]แต่ก็มีจุดอ่อนครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 12:45 pm
โดย Fon^^
Equity ที่เราเห็นตัวเลขในงบดุลก็น้อยกว่าความเป็นจริงเหมือนกันครับ
เพราะถ้ามีการปรับราคาที่ดินเพิ่ม เราก็ต้องปรับส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มเช่นกันครับ
ใช่ๆๆ ฝนตกม้าตายเลยค่ะ ลืมไปเลยสมการพื้นฐานงบดุล สูงสุดสู่สามัญ 555 :lol:
ถึงเราจะหลีกเลี่ยงผลของ non investment assets ก็โดนตรงส่วนทุนอยู่ดี ฝนลืมไปได้ยังไง ^^"
ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากเลยค่ะ เห็นทางสว่าง
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 6:18 pm
โดย doodeemak
ถ้าเปลี่ยนจาก Equity เป็น Market cap. จะได้รึเปล่าครับ
ไม่แน่ใจว่า Market cap จะสะท้อนส่วนที่เป็นเจ้าของได้รึเปล่า
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 7:43 pm
โดย Fon^^
doodeemak Posted:
ถ้าเปลี่ยนจาก Equity เป็น Market cap. จะได้รึเปล่าครับ
ไม่แน่ใจว่า Market cap จะสะท้อนส่วนที่เป็นเจ้าของได้รึเปล่า
ตอนแรกๆอ่านชื่อคุณ doodeemak ยังไม่คิดอะไร พออ่านเป็นไทยแล้วชอบชื่อพี่มากเลยนะคะ ^^
ฝนคิดเล่นๆ ถ้าเราเปลี่ยน Equity เป็น market capital แล้วตัด working capital ออกจากสมการ
จะได้เป็น EBIT/(market cap+Interest debt) = EBIT/EV ก็คือส่วนกลับของ enterpirse multiple คราวนี้ก็จะเป็นการคำนวณมูลค่าเชิงประมาณความถูกแพง คล้ายๆ earning power value ที่เป็นส่วนกลับของ PE ค่ะ
ฝนมั่วเสร็จละ รอพี่ฉัตรชัยมาตอบดีกว่าค่ะ :lol: :lol: :lol:
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 7:55 pm
โดย BABY TERMITE
Fon^^ เขียน:
ตอนแรกๆอ่านชื่อคุณ doodeemak ยังไม่คิดอะไร พออ่านเป็นไทยแล้วชอบชื่อพี่มากเลยนะคะ ^^
ฝนคิดเล่นๆ ถ้าเราเปลี่ยน Equity เป็น market capital แล้วตัด working capital ออกจากสมการ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 8:38 pm
โดย Nanotube
มือใหม่ครับ รบกวนถามพี่ฉัตรชัยครับว่า
ส่วนของกำไร(ขาดทุน)ที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย และ
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
หมายถึงอะไรครับ และมีความสำคัญอย่างไรในงบการเงินครับ
ขอบคุณครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 9:56 pm
โดย chatchai
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย มักจะปรากฏอยู่ในงบการเงินรวมครับ
เวลาที่บริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ มีการลงทุนในบริษัทอื่นๆเกิน 50% ขึ้นไป (ซึ่งผมจะเรียก บริษัทที่เราถือหุ้นว่า บริษัทใหญ่ และบริษัททีบริษัทใหญ่ลงทุนว่า บริษัทย่อย) จะต้องทำงบการเงินรวม คือ ต้องรวมงบการเงินของบริษัทใหญ่และบริษัทย่อยเข้ามาด้วยกัน
รวมเป็นรายการๆเลยครับ รวมทั้ง สินทรัพย์ หนี้สิน เช่น เงินสดก็รวมของทั้งบริษัทใหญ่ และบริษัทย่อย ยกเว้นรายการที่เกี่ยวข้องกัน
ที่นี่ ถ้าบริษัทใหญ่ถือหุ้นบริษัทย่อยแค่ 80% เมื่อรวมสินทรัพย์เรารวมทั้ง 100% ของบริษัทย่อย ทั้งๆที่เราเป็นเจ้าของแค่ 80% ดังนั้นส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยอีก 20% ที่บริษัทใหญ่ไม่ได้ถือหุ้นก็เลยต้องแยกออกมาอยู่ในรายการนี้ครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 10, 2010 10:22 pm
โดย Nanotube
[quote="chatchai"]ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 11, 2010 12:30 am
โดย TFFFT
ผู้ให้ที่แท้จริง :lol: :lol:
ขอคารวะเลยครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 4:00 pm
โดย m_mummie
ขอถามคะ รายได้รวมในงบของ ซีเอ็ด
ทำไมต้องรวมรายได้ดอกเบี้ยและปันผล กับ รายได้อื่น ด้วยคะ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 20, 2010 1:55 pm
โดย Fon^^
สวัสดีค่ะพี่ฉัตรชัย เข้ามารบกวนถามพี่ฉัตรชัยนะคะ
เท่าที่จับใจความได้ปกติเวลาพี่ฉัตรชัยดูมูลค่าบริษัท พี่ฉัตรชัยใช้ market cap/FCF แล้วดูแนวโน้มในอนาคตของบริษัท
แบบนี้หุ้นที่พี่ฉัตรชัยกรองได้เข้าใจว่าน่าจะเป็น กลุ่มซื้อมาขายไป กับ หุ้นโตเร็วที่อยู่ในช่วงที่การเติบโตลดลงของธุรกิจ เพราะลงทุนหนักๆเสร็จแล้วโดยไม่มีการลงทุนหนักๆอีก ทำให้ FCF ดีขึ้น หรือหุ้นแข็งแกร่งที่ FCF เป็นบวกเสมอรึเปล่าคะ
กลุ่ม modern trade ตัว FCF เป็นบวกมากเพราะว่า working capital ติดลบโดยไม่ได้เป็นเงินของเราจริงๆ แบบนี้พี่ฉัตรชัยคิดว่าควรลบหนี้การค้าออกก่อนหรือคิดรวมไปเลยคะ
พี่ฉัตรชัยลงทุนหุ้นกลุ่ม cyclical stock หรือ growth stock รึเปล่าคะ
หุ้นกลุ่ม cyclical stock พี่ฉัตรชัยมีมุมมองในงบการเงินของบริษัทว่าเป็นช่วงใหนของวัฏจักร ที่ทำให้เราสามารถคาดการณ์ได้เร็วกว่าการมองกำไรบ้างคะ
ขอบคุณค่ะ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 21, 2010 6:13 pm
โดย reiter
เรียนถามพี่ฉัตรครับ
เวลาพี่คิด FCF พี่ใช้ EBIT x ( 1 - T ) หรือพี่ใช้ Net profit คิดครับ
ผมมีความรู้สึกว่าเราควรจะใช้ Net profit เพราะดอกเบี้ย ยังไงมันก็คือค่าใช้จ่าย แต่ตามตำราทั่วไป เค้าจะให้ใช้ EBIT x ( 1 - T ) เพราะเค้าจะไม่ถือว่าดอกเบี้ยเป็นค่าใช้จ่าย แต่เป็นผลตอบแทนของเจ้าหนี้
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 12:57 pm
โดย picklife
ขอถามพี่ฉัตรเกี่ยวกับงบการเงินของ PLEหน่อยครับพี่
เห็นว่าไตรมาสนี้พลิกกลับมากำไร ซึ่งเท่าผมดูพบว่ามีบรรทัดหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ
หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ (โอนกลับ) ของไตรมานี้ติดลบทำให้บ.จึงมีกำไร
ซึ่งผมดูไตรมาสก่อนๆมันเป้น+หมด น่าจะมากจากอะไรครับ และพวกนี้แต่งตัวเลขได้ไหมครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 6:13 pm
โดย doodeemak
ขออนุญาตพี่ฉัตรตอบกระทู้กับน้อง PLE นะครับกับคำถามที่ว่า
"อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูงบการเงิน"
ผมคิดว่าในกรณีน้อง PLE คือ "รายงานของผู้ตรวจสอบบัญชี"
น่าจะเป็นสิ่งแรกที่นักลงทุนควรอ่านครับ
หลังจากอ่านดูรายงานผู้ตรวจสอบทั้ง 6 ข้อแบบผ่านๆของ PLE แล้ว
บอกได้คำเดียวว่า....สุดยอดดด
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 6:13 pm
โดย jverakul
เรียนถามพี่ฉัตรชัย
ถ้างบการเงินบริษัท A รายงานว่ามีกำไร ในQ1
แต่เมื่อไปดูในงบกระแสเงินสดแล้ว กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะติดลบ อันเนื่องมาจากการเิพิี่มขึ้นของลูกหนี้การค้า
พอมา Q2 บริษัทรายงานผลการดำเนินงานว่ามีกำไรลดลงจาก Q1 แต่เมื่อดูงบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแล้วพบว่าเป็นบวก
ส่วนQ3,Q4 อาจรายงานผลประกอบการ อย่าง Q1 หรือ Q2 ก็ได้ หรือบางทีรายงานการขาดทุน แต่กระแสเงินสดเป็นบวก
ส่วนของกระแสเงินสดจากการลงทุน ก็ไม่ค่อยซื้อเครื่องจักรเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเท่าไหร่
ซึ่งสุดท้ายแล้ว เงินสดปลายงวด บางไตรมาส อาจจะติดลบ หรือเป็นบวก ก็ได้
ธรรมาภิบาลก็อยู่ในระดับค่อนข้างดี แต่ผมคาดการณ์ไม่ได้ว่าบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อไปเพราะสับสนกับการเพิ่มขึ้นลดลงของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
อยากถามพี่ฉัตรชัยว่าในกรณีแบบนี้เรามีต้องดูอะไรเป็นพิเศษในงบการเงินไหมครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 9:18 pm
โดย chatchai
m_mummie เขียน:ขอถามคะ รายได้รวมในงบของ ซีเอ็ด
ทำไมต้องรวมรายได้ดอกเบี้ยและปันผล กับ รายได้อื่น ด้วยคะ
ผมไม่แน่ใจในคำถามนักนะครับ
เพราะผมดูงบการเงินแล้ว ทางบริษัทก็แยกรายได้จากการขาย และรายได้ค่าธรรมเนียมการศึกษาและบริการ แล้วหัก ต้นทุนขาย และ ต้นทุนบริการ ก่อน แล้วค่อยรวม รายได้ดอกเบี้ย กับ รายได้อื่น นะครับ
ซึ่งปกติแล้ว เมื่อได้กำไรขั้นต้นแล้ว ผมจะหักค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ค่าตอบแทนผู้บริหารและกรรมการ ออกก่อน เป็นกำไรจากการดำเนินงาน
จากนั้นค่อยมาบวกรายได้อื่นๆ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 9:33 pm
โดย chatchai
[quote="Fon^^"]สวัสดีค่ะพี่ฉัตรชัย
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 9:35 pm
โดย chatchai
reiter เขียน:เรียนถามพี่ฉัตรครับ
เวลาพี่คิด FCF พี่ใช้ EBIT x ( 1 - T ) หรือพี่ใช้ Net profit คิดครับ
ผมมีความรู้สึกว่าเราควรจะใช้ Net profit เพราะดอกเบี้ย ยังไงมันก็คือค่าใช้จ่าย แต่ตามตำราทั่วไป เค้าจะให้ใช้ EBIT x ( 1 - T ) เพราะเค้าจะไม่ถือว่าดอกเบี้ยเป็นค่าใช้จ่าย แต่เป็นผลตอบแทนของเจ้าหนี้
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ผมใช้ Net Profit ครับ เหตุผลก็เหมือนกันครับ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 27, 2010 9:41 pm
โดย chatchai
[quote="jverakul"]เรียนถามพี่ฉัตรชัย
ถ้างบการเงินบริษัท A รายงานว่ามีกำไร
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 01, 2010 8:21 pm
โดย Fon^^
ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากนะคะ
chatchai
นักลงทุนส่วนใหญ่ชื่นชอบแบบกำไรปีนี้เท่าตัว ปีหน้าไม่สน เพราะหวังว่าเมื่อกำไรโตเท่าตัว ราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปีเดียว จากนั้นก็ขาย แล้วหาหุ้นใหม่ เหมือนพวก ความสัมพันธ์ข้ามคืน ส่วนผมชอบแบบรักจริงหวังแต่งครับ
ตอนนี้ฝนฝึกถือหุ้นให้ใจนิ่งๆเหมือนกันค่ะ เวลาหุ้นขึ้นโดยไม่มีเราทำใจลำบากมากมาย แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ :( ถ้าเปรียบหุ้นแบบนิ่งๆคงคล้ายๆภรรยาที่แก่ง่าย ตายยากของสามีนะคะ ฮ่าๆ :lol: :lol: :lol:
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 01, 2010 8:57 pm
โดย Skyforever
[quote="chatchai"]
หุ้นกลุ่ม cyclical stock ที่ผลการดำเนินงานผันผวนมากๆ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 01, 2010 10:19 pm
โดย chatchai
[quote="Fon^^"]ตอนนี้ฝนฝึกถือหุ้นให้ใจนิ่งๆเหมือนกันค่ะ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 01, 2010 10:34 pm
โดย chatchai
Skyforever เขียน:ไม่รู้ว่าคนอื่นรุ้สึกเหมือนผมมั้ย ผมรู้สึกว่าในตลาดหุ้นนั้น คนที่รู้จักพอ ไม่โลภกลับได้กำไร ส่วนคนที่อยากได้มาก โลภ กลับขาดทุน สมัยก่อนผมก็เล่นเพราะโลภมาก อยากรวยเร็วๆ แต่ต้องหมดตัว พอมาคิดได้ กำไรไม่ต้องมาก แต่ขออย่าขาดทุน กลับทำให้มีกำไรมากมายเกินคาดเหลือเกิน
ผมคิดว่านั่นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกือบทุกคนขาดทุนจากตลาดหลักทรัพย์
เพราะแทบทุกคนที่เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ต้องการกำไรมากๆ และกำไรเร็วๆ ยิ่งต้องการกำไรเร็วๆเท่าไร ก็ยิ่งต้องเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น
บางบริษัทให้ผลตอบแทนในระยะยาวปีละ 15% ค่อนข้างแน่ แต่หลายคนหรือเกือบทุกคนไม่สนใจ เพราะคิดว่าผลตอบแทนแค่นี้ จะรวยได้อย่างไร จะมีอิสระทางการเงินได้อย่างไร
ยิ่งเมื่อได้รับรู้มาว่า เซียนๆทั้งหลายได้กำไรกันเป็นเท่าตัวสองเท่าตัวภายในหนึ่งปี ทำให้หลายคนพยายามทำให้ได้ขนาดนั้น เลือกลงทุนแต่บริษัทที่มีกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาสหน้า ในปีหน้า ลงทุนในบริษัทที่มีเรื่องราวน่าตื่นเต้น มีผู้บริหารรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าและพยายามให้ข่าวดีของบริษัท
จากประสบการณ์ของผมในอดีตที่เคยทำงานสินเชื่อธนาคารมาก่อนตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤตปี 40
ก่อนวิกฤต ลูกค้าที่มาขอสินเชื่อจะเป็นผู้บริหารร่นใหม่ไฟแรง บริหารงานเชิงรุก ขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ดูน่าเชื่อถือ มีเรื่องราวให้ตื่นเต้นได้ตลอดเวลา มีโครงการใหม่ๆมากมาย
พอเกิดวิกฤต บริษัทที่ผมต้องเข้าไปแก้ไขหนี้ก็คือบริษัทเหล่านั้น
แต่บริษัทไม่ประสบปัญหาเลย ก็คือ บริษัทที่บริหารโดยคนรุ่นเก่า บริหารงานอย่างอนุรักษ์นิยม พอเกิดวิกฤต บริษัทเหล่านี้มีเงินสดเหลือมากมาย สามารถเลือกที่จะซื้อที่ดินแปลงงามๆในราคาย่อมเยาว์ สามารถซื้อหุ้นกู้ที่ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่สูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อผมมองย้อนกลับไป ผมเลยเลือกที่จะลงทุนในบริษัทที่ดูเชยๆ บริหารงานอย่างอนุรักษ์นิยมดีกว่า แถมยังซื้อหุ้นได้ในราคาที่ถูกมากๆด้วย เพราะไม่เป็นที่สนใจ
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 02, 2010 12:24 am
โดย maiaowna
ขอบคุณครับพี่ฉัตรชัยที่มาให้ความรู้น้องๆ
ตามแอบตามผลงานพี่มานาน :lol:
ถามพี่ฉัตรชัยครับว่าอะไรสำคัญสุดในการดูงบการเงิน
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 07, 2010 5:32 am
โดย กุหลาบงามหลังฝน
รบกวนพี่ฉัตรหน่อยครับ
สมมุติว่า
หุ้น A มูลค่าตลาดประมาณ 4 พันล้าน กำไรประมาณ 460 ล้านบาท
pe ~ 8 ใช่ไหมครับ
บริษัทมีหนี้สินระยะยาว 2700 ล้าน มีหนี้สินรวม 3500 ล้าน
มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 950 ล้าน
กระแสเงินสดจาก(ใช้ไปใน)กิจกรรมลงทุน ไม่มี
ผมจะคิด pe ใหม่โดย เอามูลค่าตลาด + หนี้ระยะยาว หารด้วย กระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ไหมครับ
4000 + 2700 = 6700 /950 =7.05 อย่างนี้ได้ไหมครับ :D :D