หน้า 4 จากทั้งหมด 5

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 8:10 am
โดย Alastor
อูย อยากฟังเรื่อง SMK จังเลยครับ ผมซื้อเพราะว่ารายได้ส่วนใหญ่มาจากประกันรถยนตร์ ซึ่งปีนี้ตลาดรถโตมากๆคนเล่นกันแต่กลุ่มยานยนตร์ไม่ยักกะสนหุ้นประกันรถเฮะ แบบนี้ก็สอยซะเลยซิ
อีกอย่างคือ เมื่อก่อนผมถือ BAFS แล้วกลัวว่าดอกเบี้ยจะขึ้น เลย hedge ด้วยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นเนื่องจากมีเงินลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ เยอะด้วย ทิ้ง BAFS ไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ออกจากตัวนี้อ่ะครับ
คุณ Warantact อาจจะไม่ชอบเพราะมี D/E สูง แต่ทั้งหมดเป็น Operational Liability กับ การบันทึกเบี้ยประกันเริ่มแรก ครับ
ข้อเสียคือหุ้นสภาพคล่องน้อยมาก แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมเฮะ เท่าที่เห็นมีกรรมการบริษัท 2 คนทำตัวเป็น Mkt Maker โยนกันไปโยนกันมาอยู่ได้ ดูมีอายุแล้ว ตอนประชุม ผถห ผมเลยไม่อยากจุดประเด็นเรื่องนี้
รอมาถกกันครับ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 8:56 am
โดย Warantact
ตัวนี้ก็ดูดี ถ้าจะเอากันจริงๆต้องขุดหน่อย เพราะราคาวิ่งมาจากในอดีตพอดู เมื่อก่อน สินทรัพย์รวม มากกว่าราคาอยู่ 6 เท่า 4900/800

ตอนนี้สินทรัพย์มากกว่าราคาอยู่สามเท่า 7800/2000

ต้องดูกัน

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 9:59 pm
โดย Warantact
ท่านที่กำลังทยอยเก็บกลุ่มประกัน ผมอยากให้ระวังตอบคำถามตรงนี้ครับ

1 ทำไมบริษัทตั้งสำรองไม่เท่ากัน ทั้งๆที่ก็รับเหมือนกัน

2 รู้ไหมว่ามันซุกระเบิดอะไรไว้

โดยเฉพาะSCNYL ระวังดีๆนะครับ ตอบข้อสองให้ได้ ถ้าท่านตอบได้ แล้วยังมั่นใจ ก็ขอให้โชคดี หึหึหึ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 10:19 pm
โดย Warantact
SMK สินมั่นคง

ตัวนี้ถ้าไม่ได้ดูดีๆจะเห็นว่าหนี้มาก อัตราส่วนหนี้ต่อทุนดูหวาดเสียวสุดๆ แต่หนี้กว่า4000 เป็นตั้งสำรอง บริษัทนี้ตั้งสำรองสูงมาก ท่านลองเอาเปรียบเทียบกับจรัญดู ว่าทำไมมันตั้งสำรองต่างกันขนาดนี้ ใครรู้มาตอบ อิอิอิ

eps ที่ค่อยๆโตมาตั้งแต่ปี 2000 ดูน่าประทับใจ แต่ตอนปี95กำไรมันกลับเยอะกว่านี้แฮะ เหมือนตัวศรีอยุธยา กรุงเทพ และอีกหลายๆตัว ที่ปี95กำไรพุ่งพรวด
(ผมเดาว่าถ้าคนไม่แห่กันซื้อตอนนั้นก็คงเป็นกำไรจากพอร์ทลงทุนหละ เพราะตอน95ดัชนีสูงปรี๊ด)

current ถ้าไม่นับตั้งสำรองก็ผ่านครับ ตั้งสำรองมากจริงๆ

pe pb ก็ผ่านหมด

สรุป ความแข็งแรงดี ผลตอบแทนใช้ได้ ที่ราคานี้ก็พอไหว
ให้ดูช่องทางการขายดีๆนะครับ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 10:26 pm
โดย Warantact
ที่เหลือไปดูในร้อยคนร้อยหุ้น ขี้เกียจแล้ว 5555
บอกแต่ตัวต้องระวังดีกว่า

BLA INSURE MTI NSI THRE TSI

ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะ

บอกให้ดูดีดีดีดีดีดี

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 10:38 pm
โดย Skyforever
Warantact เขียน:ท่านที่กำลังทยอยเก็บกลุ่มประกัน ผมอยากให้ระวังตอบคำถามตรงนี้ครับ

1 ทำไมบริษัทตั้งสำรองไม่เท่ากัน ทั้งๆที่ก็รับเหมือนกัน

2 รู้ไหมว่ามันซุกระเบิดอะไรไว้

โดยเฉพาะSCNYL ระวังดีๆนะครับ ตอบข้อสองให้ได้ ถ้าท่านตอบได้ แล้วยังมั่นใจ ก็ขอให้โชคดี หึหึหึ
ขอคำแนะนำหน่อยครับพี่ Warantact ช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยครับ อยากรู้ทั้งสองข้อเลย
ส่วนข้อ 1 น่ะ อยากถามเจาะจงว่าทำไมเงินสำรองของ SCNYL กับ BLA จึงต่างกันมากครับ
ขอบคุณครับ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 19, 2010 10:47 pm
โดย Warantact
ลองเดากันดูครับ ท่านอาจเห็นโอกาส ผมเห็นระเบิดลูกโต๊โต

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 1:13 pm
โดย Outliers
จากที่พี่อยู่ในธุรกิจประกันมานาน

อยากถามพี่เกี่ยวกับ CHARAN น่ะครับ ว่าคุณภาพของบริษัท และการจัดการเป็นอย่างไรบ้าง

คือผมมีหุ้นอยู่นิดหน่อย เพราะเป็น asset play และจ่ายปันผลพองาม
กับรู้สึกว่าจะเป็นบริษัทที่ conservative

แต่อยากรู้จากคนในวงการว่ามองตัวนี้ยังไงบ้าง
sale เก่งหรือเปล่า มีเรื่องอื่นๆที่ต้องระวังไหมครับ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 2:02 pm
โดย ส.สลึง
Warantact เขียน:ท่านที่กำลังทยอยเก็บกลุ่มประกัน ผมอยากให้ระวังตอบคำถามตรงนี้ครับ

1 ทำไมบริษัทตั้งสำรองไม่เท่ากัน ทั้งๆที่ก็รับเหมือนกัน

2 รู้ไหมว่ามันซุกระเบิดอะไรไว้

โดยเฉพาะSCNYL ระวังดีๆนะครับ ตอบข้อสองให้ได้ ถ้าท่านตอบได้ แล้วยังมั่นใจ ก็ขอให้โชคดี หึหึหึ
ตัวนี้ผมสนใจ แต่ไม่รู้จริงๆ ครับ
รบกวนพี่ Warantact ช่วยแถลงไข :) ?

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 6:02 pm
โดย Skyforever
ส.สลึง เขียน: ตัวนี้ผมสนใจ แต่ไม่รู้จริงๆ ครับ
รบกวนพี่ Warantact ช่วยแถลงไข :) ?
ไม่ทราบว่าพี่ Warantact จะหมายถึงเงินจ่ายตามกรมธรรม์ที่จะเพิ่มมากขึ้นในปีหลังๆรึเป่าครับ เนื่องจากตอนนี้อายุกรมธรรม์ของ SCNYL ส่วนใหญ่ๆยังน้อยๆอยู่ ดังนั้นในอนาคตข้างหน้าจะเห็นตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นมาก

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 6:13 pm
โดย Warantact
ไม่ใช่ครับ เงินจ่ายตามกรมธรรม์ไม่มีปัญหาเลย จ่ายได้อยู่แล้ว

ต่อให้ยอดพุ่งอีกร้อยเท่าก็จ่ายได้


ประกันชีวิตหรือประกันภัยนี่ ด้านเงินเข้า สบายๆอยู่แล้ว เพราะต้นทุนสินค้าก็แค่กระดาษใบเดียว ต้นทุนบริการต่างหากที่สูงกว่ามาก

ประกันก็คล้ายๆนักเลง คือ "อยากให้คุ้มครองใช่ไหม เอาค่าคุ้มครองมา จะจ่ายไม่จ่าย?" 5555

ระเบิดอันนี้มันเป็นระเบิดที่ไม่ระบุเวลาแน่นอนครับ ถ้าท่านว่าบริษัทกำไรจะวิ่ง มันอาจวิ่งต่อไปอีกหลายปีก็ได้

ให้ท่านลองมองว่า บริษัทนี้คล้ายๆแคลิฟอเนียวาวดูละกัน

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 6:20 pm
โดย Warantact
บริษัทประกันถ้าไม่โดนโกงยังไงก็ไม่เจ๊งนะครับ การโกงจะทำกันโดยรู้กันระหว่างอู่กับเซล

และผู้บริหารจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อันนี้เป็นการโกงขั้นแรก

การโกงขั้นต่อคือการโกงของระดับบริหาร อย่างที่เกิดกับAIG

ช่องทางหลักของการขายประกันภัยก็คือขายผ่านอู่


ท่านเปลี่ยนประกันรถกันปีละกี่ยี่ห้อหละ?หรือไม่เคยเปลี่ยนเลย?
ยอดขายบริษัทประกันภัยที่ประกันรถจะทรงๆ เพราะส่วนใหญ่คนก็จะต่ออายุเจ้าเดิม มันง่ายดี ไม่ต้องหวังโตพรวดพราด

การจะโตต้องอาศัยกำลังภายในที่เหนือชั้น แย่งส่วนแบ่งตลาดเอา

ประกันรถนั้น ในปีแรกที่รับประกัน บริษัทจะมีกำไรน้อยสุด เพราะต้องจ่ายคอมให้คนขายมาก แต่ปีต่ออายุปีต่อไป รายได้จะมากขึ้นเพราะคอมน้อยลง

ท่านลองดูในงบการเงิน คอมมิชชั่นต่อยอดขายก็จะพอเข้าใจ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 6:52 pm
โดย Skyforever
Warantact เขียน:บริษัทประกันถ้าไม่โดนโกงยังไงก็ไม่เจ๊งนะครับ การโกงจะทำกันโดยรู้กันระหว่างอู่กับเซล

และผู้บริหารจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อันนี้เป็นการโกงขั้นแรก

การโกงขั้นต่อคือการโกงของระดับบริหาร อย่างที่เกิดกับAIG

ช่องทางหลักของการขายประกันภัยก็คือขายผ่านอู่


ท่านเปลี่ยนประกันรถกันปีละกี่ยี่ห้อหละ?หรือไม่เคยเปลี่ยนเลย?
ยอดขายบริษัทประกันภัยที่ประกันรถจะทรงๆ เพราะส่วนใหญ่คนก็จะต่ออายุเจ้าเดิม มันง่ายดี ไม่ต้องหวังโตพรวดพราด

การจะโตต้องอาศัยกำลังภายในที่เหนือชั้น แย่งส่วนแบ่งตลาดเอา

ประกันรถนั้น ในปีแรกที่รับประกัน บริษัทจะมีกำไรน้อยสุด เพราะต้องจ่ายคอมให้คนขายมาก แต่ปีต่ออายุปีต่อไป รายได้จะมากขึ้นเพราะคอมน้อยลง

ท่านลองดูในงบการเงิน คอมมิชชั่นต่อยอดขายก็จะพอเข้าใจ
ดูเหมือนจะเป็นข้อมูลเชิงลึกในเรื่องธรรมาภิบาล  :shock:

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 9:33 pm
โดย ส.สลึง
Warantact เขียน:ไม่ใช่ครับ เงินจ่ายตามกรมธรรม์ไม่มีปัญหาเลย จ่ายได้อยู่แล้ว

ต่อให้ยอดพุ่งอีกร้อยเท่าก็จ่ายได้

ประกันชีวิตหรือประกันภัยนี่ ด้านเงินเข้า สบายๆอยู่แล้ว เพราะต้นทุนสินค้าก็แค่กระดาษใบเดียว ต้นทุนบริการต่างหากที่สูงกว่ามาก

ประกันก็คล้ายๆนักเลง คือ "อยากให้คุ้มครองใช่ไหม เอาค่าคุ้มครองมา จะจ่ายไม่จ่าย?" 5555

ระเบิดอันนี้มันเป็นระเบิดที่ไม่ระบุเวลาแน่นอนครับ ถ้าท่านว่าบริษัทกำไรจะวิ่ง มันอาจวิ่งต่อไปอีกหลายปีก็ได้

ให้ท่านลองมองว่า บริษัทนี้คล้ายๆแคลิฟอเนียวาวดูละกัน
ตุ้นทุนบริการ ของธุรกิจประกันชีวิต และประกันภัยคืออะไร..?
แล้วทำไมถึงเป็นระเบิดเวลาได้ล่ะครับ ?
และทำไมต้องเปรียบเทียบกับ CAWOW ด้วยครับ
เพราะธุรกิจต่างกัน :roll: มาก..?
และ CAWOW  ก็ไม่ใช่สถาบันการเงิน :? ....

ต้องขออนุญาตมองต่าง เพราะธุรกิจประกัน
ผมไม่เคยมองว่าคล้ายนักเลงที่เก็บค่าคุ้มครอง
แต่เป็นธุรกิจที่ขายเครื่องมือสำหรับบริหารความเสี่ยง :roll:

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 9:43 pm
โดย Warantact
แคลิตอนแรกๆทำไมงบมันสวยล่ะครับ กำไรพุ่งเอาพุ่งเอาจนขายให้เมเจอร์ได้ในราคาแพงระยับ?

อันนั้นติดเรื่องธรรมมาภิบาลด้วย

อันนี้ไม่น่าติด แต่แนวคิดคล้ายๆกัน

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 9:49 pm
โดย Warantact
ต้นทุนบริการหมายถึงแบบใช้ตัวแทนครับ

ถ้าขายผ่านแบงค์ต้นทุนตรงนี้จะลดลงมาก

ให้ลองทายเล่นๆนะครับ สมมติว่าผมมาจากเอไอเอละกัน ไปขายประกันให้ท่าน แบบจ่ายเบี้ยสักยี่สิบปี คุ้มครองตลอดชีวิต

ในปีแรกถามว่าบริษัทได้กำไรเท่าไร?

ทางถูกไหมเอ่ย?

ใบให้ว่าผมได้คอม40%ของเงินที่เก็บมางวดแรก หัวหน้าผมได้ 20 หัวหน้าใหญ่ได้อีก 10 ค่าเอกสาร ค่าดำเนิดงาน ค่าออกกรมธรรมอีกนิดหน่อย

เอาหละ บริษัทมีกำไรจริงๆ(กระแสเงินสด)เท่าไหร่เอ่ย?

ใครเดาถูก เฉลยละกันครับ

0

แถวๆนี้หละ บางทีขาดทุนด้วย ยิ่งถ้าเป็นแบบโฮลไลฟ์ จะขาดเงินสดมากที่สุด

ยิ่งไทยประกัน มันมีวิธีขายแบบบูสตรายได้ First year commission ให้อยู่ที่90%ได้ ท่านลองคิดดู ผมเก็บเงินท่านมาร้อย เข้ากระเป๋าไป90

อันนี้ระบบตัวแทนครับ

ระบบแบงค์ท่านลองเดาเอามันส์ๆ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 9:53 pm
โดย Warantact
ผมไม่ได้บอกว่าธุรกิจไม่ดี ธุรกิจดีครับ

ผมไม่ได้บอกว่าธรรมมาภิบาลไม่ไดี ดีครับ

ผมบอกแค่ว่า มันอาจมีลูกระเบิดที่ท่านมองไม่เห็นซ่อนอยู่ มันอาจซ่อนอยู่เฉยๆไม่ระเบิดก็ได้ครับ

ไงๆก็อย่าเชื่อผมมากหละ เดี๋ยวตกรถ

หากท่านอยากรู้ชัดๆก็ลองไปไทยพาณิชย์ เปิดบัญชีเงินเยอะๆ แล้วดูซิว่าเขาขายประกันแบบไหนให้ท่าน ให้คนที่ลองลองมาโพสบอกดูครับ ว่าเงื่อนไขเขาเป็นยังไง

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 10:07 pm
โดย ส.สลึง
Warantact เขียน:แคลิตอนแรกๆทำไมงบมันสวยล่ะครับ กำไรพุ่งเอาพุ่งเอาจนขายให้เมเจอร์ได้ในราคาแพงระยับ?

อันนั้นติดเรื่องธรรมมาภิบาลด้วย

อันนี้ไม่น่าติด แต่แนวคิดคล้ายๆกัน
ต้องขออภัยเพราะผมไม่เคยแกะงบ CAWOW ครับพี่ Warantact :oops:
เพราะธุรกิจไม่ผ่านเกณฑ์ตั้งแต่แรกก็เลยคิดว่าไม่น่าจะไปเสียเวลาดู

ส่วนตัวผมไม่ได้ติดตามเรื่องธรรมภิบาลเท่าไหร่นัก
แต่ตั้งข้อสังเกตว่า CAWOW ลงทุนเกินตัว
จากช่วงแรกๆ ที่ลงทุนในทำเลที่เหมาะสมทำให้งบออกมาดูดี
(ไม่รู้ว่าพี่ Warantact หมายถึงงบเมื่อปีไหน :roll: )

ซึ่งโดยตัวธุรกิจ CAWOW เป็นธุรกิจที่ต้นทุนสูง และคงที่
ในขณะที่มีการขยายสาขาใหม่ๆ ไปในทำเลที่ไม่เหมาะสม
พูดง่ายๆ ก็มีลูกค้าเกรด A น้อย ทำไปก็ไม่คุ้มครับ
และถ้าพยายามลดต้นทุนเมื่อไหร่ ก็นรกชัดๆ :twisted: ...
แต่.. อันนี้ผมใช้สามัญสำนึกเอาครับ :lol:

ผมคิดว่าคนไทยจะออกกำลังที่ไหนก็ออกได้
นอกจากนี้ก็ยังมีทางเลือกเยอะครับ และที่สำคัญ มีคู่แข่งที่ราคาถูกกว่า
และแย่งลูกค้าเกรด B ไปครับ (อันนี้สังเกตจากคนระแวกแถวบ้าน)

ส่วนจะถูกหรือผิด ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ :) ...

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 10:13 pm
โดย ส.สลึง
Warantact เขียน:ต้นทุนบริการหมายถึงแบบใช้ตัวแทนครับ

ถ้าขายผ่านแบงค์ต้นทุนตรงนี้จะลดลงมาก

ให้ลองทายเล่นๆนะครับ สมมติว่าผมมาจากเอไอเอละกัน ไปขายประกันให้ท่าน แบบจ่ายเบี้ยสักยี่สิบปี คุ้มครองตลอดชีวิต

ในปีแรกถามว่าบริษัทได้กำไรเท่าไร?

ทางถูกไหมเอ่ย?

ใบให้ว่าผมได้คอม40%ของเงินที่เก็บมางวดแรก หัวหน้าผมได้ 20 หัวหน้าใหญ่ได้อีก 10 ค่าเอกสาร ค่าดำเนิดงาน ค่าออกกรมธรรมอีกนิดหน่อย

เอาหละ บริษัทมีกำไรจริงๆ(กระแสเงินสด)เท่าไหร่เอ่ย?

ใครเดาถูก เฉลยละกันครับ

0

แถวๆนี้หละ บางทีขาดทุนด้วย ยิ่งถ้าเป็นแบบโฮลไลฟ์ จะขาดเงินสดมากที่สุด

ยิ่งไทยประกัน มันมีวิธีขายแบบบูสตรายได้ First year commission ให้อยู่ที่90%ได้ ท่านลองคิดดู ผมเก็บเงินท่านมาร้อย เข้ากระเป๋าไป90

อันนี้ระบบตัวแทนครับ

ระบบแบงค์ท่านลองเดาเอามันส์ๆ
ผมคิดว่าการขายประกันผ่านตัวแทน
ต้องอาศัย Connection ที่ดีกับลูกค้าครับ (เหมือนในหนังโฆษณา)
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ยากที่สุดในการขายประกันให้กับลูกค้าครั้งแรก
คือการสร้าง Connection นั่นเอง

ประเด็น คือ ตัวแทนอยู่ได้ บริษัทประกันก็อยู่ได้

คิดว่าอย่างนั้นนะครับ :) ...

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 10:16 pm
โดย ส.สลึง
Warantact เขียน:ต้นทุนบริการหมายถึงแบบใช้ตัวแทนครับ

ถ้าขายผ่านแบงค์ต้นทุนตรงนี้จะลดลงมาก

ให้ลองทายเล่นๆนะครับ สมมติว่าผมมาจากเอไอเอละกัน ไปขายประกันให้ท่าน แบบจ่ายเบี้ยสักยี่สิบปี คุ้มครองตลอดชีวิต

ในปีแรกถามว่าบริษัทได้กำไรเท่าไร?

ทางถูกไหมเอ่ย?

ใบให้ว่าผมได้คอม40%ของเงินที่เก็บมางวดแรก หัวหน้าผมได้ 20 หัวหน้าใหญ่ได้อีก 10 ค่าเอกสาร ค่าดำเนิดงาน ค่าออกกรมธรรมอีกนิดหน่อย

เอาหละ บริษัทมีกำไรจริงๆ(กระแสเงินสด)เท่าไหร่เอ่ย?

ใครเดาถูก เฉลยละกันครับ

0

แถวๆนี้หละ บางทีขาดทุนด้วย ยิ่งถ้าเป็นแบบโฮลไลฟ์ จะขาดเงินสดมากที่สุด

ยิ่งไทยประกัน มันมีวิธีขายแบบบูสตรายได้ First year commission ให้อยู่ที่90%ได้ ท่านลองคิดดู ผมเก็บเงินท่านมาร้อย เข้ากระเป๋าไป90

อันนี้ระบบตัวแทนครับ

ระบบแบงค์ท่านลองเดาเอามันส์ๆ
ส่วนอันนี้ผมไม่ขอเดาครับพี่ รอพี่มาเฉลยดีกว่า :)

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 1:14 am
โดย zeazon
สนุกดีครับกระทู้นี้ขอติดตามด้วยคน

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 9:09 pm
โดย Warantact
เล่าเรื่อง ความพินาศของแคลิฟอเนียวาว สเต็ปการหลอกดูดเงินเมเจอร์

จำเลยที่ 1 นายกล้ามโต

นายกล้ามโตเป็นยอดนักการตลาดและนักสร้างภาพ เข้ามาด้อมๆมองๆในเมืองไทย โอ้วววว้าวววว ประเทศหลังเขานี้ยังบ่อมีฟิตเนสเชนหรูๆสำหรับคนรวย เป็นโอกาสของเราอีกครั้งที่จะตบทรัพย์คนอื่น

นายกล้ามโตเริ่มเปิดฟิตเนส หน้าตาหรูดูดี ราคาแพง สนนราคาค่าแรกเข้าแบบสุดๆอยู่ที่แถวๆ80000 แล้วก็ต่ออายุปีละหลักพัน มีโครงการขยายสาขามากมาย โปรโมชั้นกระจาย จับลูกค้า

มันเน้นขาย ก้อนใหญ่แรกๆ ปีหลังๆเมนเทนน้อยๆ

นายกล้ามโตได้เงินมามากมาย โปรไฟล์สวย ไปขอกู้แบงค์ แบงค์ก็ให้กู้ เปิดสาขาใหม่ในย่านคนรวย สีลม มั่ง อื่นๆมั่ง นายกล้ามโตเริ่มขยายธุรกิจอย่างบ้าคลั่ง เงินหลั่งไหลเข้ามา

แล้วรายจ่ายก็เพิ่มขึ้น ลูกค้าจะยกเลิกก็ไม่ได้ สัญญาบอกไว้ จ่ายรายเดือนก็ต้องจ่ายให้ครบปีตัดบัตรเครดิต ทั้งๆที่ลูกค้าที่จ่ายรายเดือนแบบลองดูก่อน เพราะไม่ได้ต้องการจ่ายรายปี แต่ต้องติดกับนายกล้ามโต เริ่มเป็นเดือดเป็นร้อนฟ้องคุ้มครองผู้บริโภค

ก่อนเรื่องจะบานปลาย นายกล้ามโต เริ่มขายแผนธุรกิจอันสวยหรูให้เมเจอร์ เมเจอร์เห็นดีเห็นงาม คนมาเล่นกล้ามจะได้มาเดินเมเจอร์มาขึ้น ออกกำลังเสร็จเหนื่อยๆจะได้มานั่งดูหนัง มันเอาอะไรมาคิดวะ?
เอาใหม่ๆ ออกกำลังเสร็จจะได้มากินข้าวในนั้น (แล้วเมเจอร์จะได้อะไร นอกจากค่าเช่าเท่าหนวดแมวที่นายกล้ามโตจ่าย)
แล้วนายกล้ามโตก็ขายหุ้นเพิ่มทุนให้เมเจอร์มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สำเร็จ นายกล้ามโตทำการตลาดต่อเนื่อง ตัดราคาคู่แข่งทุกเจ้าด้วยเงื่อนไขอันเร้าใจ ปีแรกมากๆ ปีหลังสองพัน ระเบิดเวลาที่ถูกซุกไว้อย่างแนบเนียนไม่ได้สะกิดใจเมเจอร์เลยแม้แต่น้อย

นายกล้ามโตขยายสาขาต่ออย่างบ้าคลั่งพร้อมกับราคาที่ลดลง 80000 70000 60000 50000 40000 30000 20000

ตอนที่ผมเข้าไปราคามันก็ปีแรก 30000 ปีต่อไป 2000 ผมไปมันทุกวันคุ้มอยู่แล้ว ปีแรกวันละร้อย ปีต่อไปวันละ6บาท แจ่ม.....

เมื่อลดราคามากเข้า แต่ลูกค้าน้อยลง ข้อครหามากขึ้น งบกำไรขาดทุนเริ่มแสดงความอ่อนแอให้เห็น ตอนราคาหุ้นอยู่ในจุดสูง นายกล้ามโตก็ระบายลูกอมไส้ระเบิดออกมาให้เมเจอร์และแมงเม่าหรือนักลงทุนเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าใหม่ไม่ยอมเข้า ลูกค้าเก่าจ่ายนิดเดียว บางคนก็ออกไปไม่กลับมาอีก

และแล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็น จาก 9บาท(มั้ง) เหลือไม่ถึง40สตางค์ บานด้วยหนี้ นายกล้ามโตก็กินเงินเดือนไป ไม่เดือดร้อน แถมขายหุ้นไปแล้วด้วย อาาาา ท่านลองไปดูงบมันละกัน ว่าถ้าท่านเทคโอเวอมันที่ราคานี้ เอากำไรทั้งหมด(ถ้ามี)ไปจ่ายหนี้ เมื่อไรจะหมด ใครมีก้อขอให้โชคดี

เรื่องนี้จริงเท็จประการใด เดาเอง ผมก็พูดไปงั้นแหละ อาจไม่จริงก็ได้ นายกล้ามโตอาจเป็นคนดีที่ทำพลาด โปรดใช้วิจารณยานในการอ่าน หึหึหึ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 9:12 pm
โดย Warantact
ก่อนที่งบมันจะเน่าขนาดนี้ ค่าเข้าทั้งปีอยู่7000 ปีต่ออายุปีละร้อย

ท่านดูเอาเถิด ปีนึงท่านมาอาบน้ำเดือนละครั้ง มันก็เจ๊งแล้ว

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 9:17 pm
โดย pasaaris
ก็ปรกตินี่ครับเวลาขายประกันชีวิตได้ปุ๊ปก็ต้องขาดทุนก่อนกันทุกบริษัทอยู่แล้ว แต่เบี้ยปีต่อไปจะเริ่มกำไรแล้วครับ ทุกอย่างถูกคำนวนมาอย่างดีแล้ว ขายปุ๊ปขาดทุนปีแรกแน่นอน แต่จะเริ่มกำไรมากขึ้นในปีต่อๆไป นี่คือเหตุผลที่ทำไม พอเบี้ยปีแรกพุ่งมากๆเข้า จะทำให้ปีนั้นกำไรสุทธิของบริษัทประกันชีวิต ลดลงมาก

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 9:30 pm
โดย Warantact
อ่า โกธันยะรู้แล้ว

เริ่มมาถูกทางแล้ว

ท่านลองคิดกันเล่นๆดู ว่า ถ้าประกันชีวิต หรือที่แบงค์เรียกใหม่ว่า ฝากเงินฟิคระยะยาว แถวความคุ้มครอง ใช้การเก็บเบี้ยแบบ โครมเดียว

คือจ่ายครั้งเดียวเลยทั้งก้อน แล้วก็รอไปห้าปี แปดปีก็ว่าไป ถ้าใครคุ้มครองสิบปีเอาเบี้ยไปหักภาษีได้ด้วยนะ

ถ้าปีแรกๆ ขายแบบทยอยจ่าย เช่นจ่ายยี่สิบปี ปีต่อมาขายแบบจ่ายสิบห้าปี ปีต่อมาขายแบบจ่ายเบี้ยเจ็ดปี ขายแบบจ่ายเบี้ยห้าปี ต่อมาขายแบบจ่ายเบี้ยโครมเดียว

งบกำไรขาดทุนจะดูเป็นยังไง?

โตพรวดๆแบบไม่น่าเชื่อใช่ไหม!?

แล้วหลังจากนั้นหละ ท่านต้องไปเดาเองแล้ว ไปลองถามที่เคาเตอร์ดูว่าขายแบบไหน คุกับพนักงานดูว่าจำได้ไหม ปีที่แล้วขายแบบไหน เดือนที่แล้วขายแบบไหน บางเรื่องดูในงบการเงินก็ไม่รู้

แล้วถ้าลูกค้าอยากยกเลิกขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้น "บัญชีฝากประจำอั๊วทำไมยกเลิกไม่ได้วะ!ไหนบอกเงินฝากแถมความคุ้มครองไง" หรือ "อั๊วฝากไปเป็นล้าน ทำไมยกเลิกแล้วได้แปดแสนวะ!" เอาหละสิ ลูกค้าอาจไม่ได้อ่านในรายละเอียด ต้องถอนก่อนเวลาเพื่อเอามาใช้ทำอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่ได้เท่าที่ตัวเองใส่ไป ลูกค้าอาจฟ้อง เรื่องราวไปถึง คปภ ระเบิดอาจจะแตกออกมา ตูม

สมมติฐานผมอาจจะผิด บริษัทอาจมีกำไร ลูกค้าอาจไม่มีใครฟ้อง การขายกรรมธรรม์อาจไม่เป็นแบบโครมเดียว ราคาหุ้นอาจวิ่งไปหลายปี ใครเชื่อผมอาจตกรถ ก่อนจะซื้ออย่าดูแค่งบการเงิน ไปคุยกับธนาคารดู คำนินทาป้องกันท่านได้จากการเสียเงิน หรือเสียโอกาส

หมดแระ

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 9:40 pm
โดย pasaaris
น่าสนเหมือนกันเพราะ ไม่รู้ว่าที่ช่อง ทาง bancassurance ประสบความสำเร็จมากๆนี่เป็นเพราะอะไรกันแน่ เพราะความต้องการลูกค้าจริงๆ เพราะโดนขอร้องให้ซื้อแล้วเกรงใจสงสาร แล้วลูกค้ามีความรู้ว่าจริงๆ แล้ว product มันคือประกันชีวิตจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้เบี้ยโตเร็วมากๆ ไม่ทราบว่าส่วนใหญ่แล้วเหตุผลที่สามารถขายได้ดีขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 9:48 pm
โดย ส.สลึง
pasaaris เขียน:น่าสนเหมือนกันเพราะ ไม่รู้ว่าที่ช่อง ทาง bancassurance ประสบความสำเร็จมากๆนี่เป็นเพราะอะไรกันแน่ เพราะความต้องการลูกค้าจริงๆ เพราะโดนขอร้องให้ซื้อแล้วเกรงใจสงสาร แล้วลูกค้ามีความรู้ว่าจริงๆ แล้ว product มันคือประกันชีวิตจริงหรือไม่ เพราะตอนนี้เบี้ยโตเร็วมากๆ ไม่ทราบว่าส่วนใหญ่แล้วเหตุผลที่สามารถขายได้ดีขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกันแน่
ผมคิดว่า Bancassurance ปิด Deal ได้ง่ายกว่าระบบตัวแทน
เพราะ Bank ไม่จำเป็นต้องสร้าง Connection ให้กับลูกค้าใหม่
และลูกค้าส่วนใหญ่ ก็มี Connection กับ Bank นั้นๆ มาก่อนอยู่แล้ว :) ...

ส่วนเรื่องความต้องการของลูกค้า เกี่ยวกับความเข้าใจใน Product ประกันแบบต่างๆ นั้น
ผมคิดว่าคนไทยต้องใช้เวลาเรียนรู้ไปสักระยะครับ :)

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 11:32 pm
โดย ส.สลึง
Warantact เขียน:อ่า โกธันยะรู้แล้ว

เริ่มมาถูกทางแล้ว

ท่านลองคิดกันเล่นๆดู ว่า ถ้าประกันชีวิต หรือที่แบงค์เรียกใหม่ว่า ฝากเงินฟิคระยะยาว แถวความคุ้มครอง ใช้การเก็บเบี้ยแบบ โครมเดียว

คือจ่ายครั้งเดียวเลยทั้งก้อน แล้วก็รอไปห้าปี แปดปีก็ว่าไป ถ้าใครคุ้มครองสิบปีเอาเบี้ยไปหักภาษีได้ด้วยนะ

ถ้าปีแรกๆ ขายแบบทยอยจ่าย เช่นจ่ายยี่สิบปี ปีต่อมาขายแบบจ่ายสิบห้าปี ปีต่อมาขายแบบจ่ายเบี้ยเจ็ดปี ขายแบบจ่ายเบี้ยห้าปี ต่อมาขายแบบจ่ายเบี้ยโครมเดียว

งบกำไรขาดทุนจะดูเป็นยังไง?


โตพรวดๆแบบไม่น่าเชื่อใช่ไหม!?

แล้วหลังจากนั้นหละ ท่านต้องไปเดาเองแล้ว ไปลองถามที่เคาเตอร์ดูว่าขายแบบไหน คุกับพนักงานดูว่าจำได้ไหม ปีที่แล้วขายแบบไหน เดือนที่แล้วขายแบบไหน บางเรื่องดูในงบการเงินก็ไม่รู้

แล้วถ้าลูกค้าอยากยกเลิกขึ้นมาอะไรจะเกิดขึ้น "บัญชีฝากประจำอั๊วทำไมยกเลิกไม่ได้วะ!ไหนบอกเงินฝากแถมความคุ้มครองไง" หรือ "อั๊วฝากไปเป็นล้าน ทำไมยกเลิกแล้วได้แปดแสนวะ!" เอาหละสิ ลูกค้าอาจไม่ได้อ่านในรายละเอียด ต้องถอนก่อนเวลาเพื่อเอามาใช้ทำอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่ได้เท่าที่ตัวเองใส่ไป ลูกค้าอาจฟ้อง เรื่องราวไปถึง คปภ ระเบิดอาจจะแตกออกมา ตูม

สมมติฐานผมอาจจะผิด บริษัทอาจมีกำไร ลูกค้าอาจไม่มีใครฟ้อง การขายกรรมธรรม์อาจไม่เป็นแบบโครมเดียว ราคาหุ้นอาจวิ่งไปหลายปี ใครเชื่อผมอาจตกรถ ก่อนจะซื้ออย่าดูแค่งบการเงิน ไปคุยกับธนาคารดู คำนินทาป้องกันท่านได้จากการเสียเงิน หรือเสียโอกาส

หมดแระ
ประเด็นที่ผมมองคือ ประกันคงไม่สามารถขายประกันได้ตามอำเภอใจ
เพราะต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย

ในส่วนของงบกำไรขาดทุน หากจะรับเบี้ยทยอยจ่ายหรือจ่ายครั้งเดียว
ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติ เพราะยังไงบริษัทประกัน
ก็ต้องกันเงินส่วนนึงไว้เป็นเงินสำรองสำหรับการเคลมประกัน
ไม่น้อยกว่าที่ทาง คปภ. กำหนด

ตามที่ผมเข้าใจคือถ้าเบี้ยรับมาก ก็ต้องกันสำรองมาก
แต่...

เงินที่กันสำรองไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะต้องจ่ายออกไปจริงๆ
(ดูที่งบประแสเงินสด)

โดยธรรมชาติธุรกิจประกัน ลูกค้าจะเคลมประกันไม่พร้อมกัน
การที่บริษัทประกันจะนำสินค้าที่กระตุ้นให้เงินทางฝั่งลูกค้า
ไปอยู่ฝั่งผู้ขายได้เร็ว (โดยเฉพาะประกันประเภทออมทรัพย์)
เท่ากับว่าเงินของลูกค้าอยู่ฝั่งผู้ขายได้นาน
นี่แหละครับ การทำกำไรที่แท้จริงของธุรกิจประกัน

ปล.
แลกเปลี่ยนกันนะครับ และผมอาจจะเข้าใจผิดอะไรผิดก็ได้
โปรดชี้แนะด้วยครับ :roll: ...

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 22, 2010 12:35 pm
โดย Warantact
ที่ท่านเข้าใจก็ถูก แบงค์ก็ขายได้ง่ายกว่าตัวแทนมาก และเงินตั้งสำรองก็ไม่ได้แปลว่าต้องจ่าย

ผมถึงบอกว่ามันเป็นระเบิดซุกไงครับ

ตัวนี้เห็นชัดๆว่ามันเข้าข่ายหุ้นโตเร็ว พอดีหุ้นโตเร็วไม่ใช่สไตล์ผมครับ MOS น้อยเกินไปนิดนึงตัวนี้

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 22, 2010 11:00 pm
โดย ส.สลึง
Warantact เขียน:ที่ท่านเข้าใจก็ถูก แบงค์ก็ขายได้ง่ายกว่าตัวแทนมาก และเงินตั้งสำรองก็ไม่ได้แปลว่าต้องจ่าย

ผมถึงบอกว่ามันเป็นระเบิดซุกไงครับ

ตัวนี้เห็นชัดๆว่ามันเข้าข่ายหุ้นโตเร็ว พอดีหุ้นโตเร็วไม่ใช่สไตล์ผมครับ MOS น้อยเกินไปนิดนึงตัวนี้
ถ้าเป็นประกันชีวิต ยังไงก็ต้องจ่าย
เพียงแต่จ่ายเมื่อไหร่ :roll: เท่านั้น ?

ปล.
แต่ผมว่า ระเบิดซุก กับ ระเบิดเวลา หน้าตาไม่เหมือนกันนะครับพี่ :? ...