20ปีครับคนคอน เขียน:WaayVI เขียน:ทำไม่รู้สึกว่า
มีเงิน (100 ล้าน) พูดอะไรก็ดูดีไปหมด
-แชร์ว่าเส้นทางชีวิตเป็นไงก็เท่
-ยิ่งประหยัดสมถะยิ่งเท่
-ยิ่งรังเกียจ ไม่เห็นว่า100ล้านมันสำคัญหรือมีค่าอะไร ยิ่งเท่
เท่ในความหมายที่ดีนะครับ อย่าเข้าใจผิด มันทำให้ยิ่งรู้สึกว่าแบบนี่แหละ เป้าหมาย มันเท่จริงๆ
มันเก่งจริงๆ ยิ่งถ้าอยู่ในตลาดมาพอควรยิ่งมองว่าพวกนี้เก่งจริงๆ ทั้งความรู้ จิตใจมันสุดยอด มันไอดอล เราอยากืำได้บ้าง
แต่ถ้าไม่มีเงิน (100 ล้าน) พูดอะไรก็
-โลภ
-ไม่พอเพียง
-เข้า(ตลาด)มาเมิ..ตายแน่
-ตอนนี้ตลาดอย่างงู้นอย่างงี้ เก็บเงินให้เน่าไปเถอะ แมงเม่า อย่าเลย
-โง่ เข้ามาต้องโง่แน่ๆ ดูงบไม่เป็นแน่ เล่นตามข่าวแน่ๆ บลาๆ
คือมันแตกต่างจริงๆ แบบถ้าเรายังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็เจ็บทุกครั้งที่มีคนโพส หรือพูดว่ามือใหม่เยอะจัง พวกไม่รู้เรื่อง ตลาดสูงแล้ว ขึ้นมากแล้ว ของถูกไม่มีแล้ว เดี๋ยวหมดรอบแล้วจะตายหมด คือคำพูดเหล่านี้มันกระตุ้นตัวเราเองทุกครั้งว่า ต้องทำให้ได้ ต้องสำเร็จให้ได้ แม้ต้องอ่านงบตาแหก หน้าด้านขอให้ผู้รู้ คนที่ประสบความสำเร็จช่วยสอนช่วยชี้แนะยังไงก็ยอม เราบอกตัวเองเสมอเราคือมือใหม่ ไม่ว่าจะกี่ปี
บอกไว้เลย ถ้าไม่ตั้งเป้า 100 ล้านเพื่อลบคำสบประมาท ก็ไม่รู้จะเปิดพอร์ตให้คนด่าเหมารวมว่ามือใหม่ห่วยๆไว้ทำไม โลภก็โลภ เราว่าเงินมันก็สำคัญใครบอก100ล้านไม่สำคัญ โอนเงินมาได้เลยครับ และที่ยิ่งสำคัญคืิอ อยากใส่ขาสั้นกินกาแฟข้างบ้านทั้งๆที่มีร้อยล้านอะครับ มันเท่ได้ใจจริงครับ
ว่าแต่คุณ waayvi ตั้งเป้า100ล้าน ไว้อีกกี่ปีเหรอครับ
100 ล้านบาทแรกในชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 234
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 91
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 94
นึกถึง George Soros ถ้ายังไม่มีเงิน ยังไม่รวย ตะโกนคอแทบแตกก็ไม่มีใครได้ยิน แต่พอรวยแค่เสียงหายใจยังได้ยินทั้งหมู่บ้านWaayVI เขียน:ทำไม่รู้สึกว่า
มีเงิน (100 ล้าน) พูดอะไรก็ดูดีไปหมด
-แชร์ว่าเส้นทางชีวิตเป็นไงก็เท่
-ยิ่งประหยัดสมถะยิ่งเท่
-ยิ่งรังเกียจ ไม่เห็นว่า100ล้านมันสำคัญหรือมีค่าอะไร ยิ่งเท่
เท่ในความหมายที่ดีนะครับ อย่าเข้าใจผิด มันทำให้ยิ่งรู้สึกว่าแบบนี่แหละ เป้าหมาย มันเท่จริงๆ
มันเก่งจริงๆ ยิ่งถ้าอยู่ในตลาดมาพอควรยิ่งมองว่าพวกนี้เก่งจริงๆ ทั้งความรู้ จิตใจมันสุดยอด มันไอดอล เราอยากืำได้บ้าง
แต่ถ้าไม่มีเงิน (100 ล้าน) พูดอะไรก็
-โลภ
-ไม่พอเพียง
-เข้า(ตลาด)มาเมิ..ตายแน่
-ตอนนี้ตลาดอย่างงู้นอย่างงี้ เก็บเงินให้เน่าไปเถอะ แมงเม่า อย่าเลย
-โง่ เข้ามาต้องโง่แน่ๆ ดูงบไม่เป็นแน่ เล่นตามข่าวแน่ๆ บลาๆ
คือมันแตกต่างจริงๆ แบบถ้าเรายังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็เจ็บทุกครั้งที่มีคนโพส หรือพูดว่ามือใหม่เยอะจัง พวกไม่รู้เรื่อง ตลาดสูงแล้ว ขึ้นมากแล้ว ของถูกไม่มีแล้ว เดี๋ยวหมดรอบแล้วจะตายหมด คือคำพูดเหล่านี้มันกระตุ้นตัวเราเองทุกครั้งว่า ต้องทำให้ได้ ต้องสำเร็จให้ได้ แม้ต้องอ่านงบตาแหก หน้าด้านขอให้ผู้รู้ คนที่ประสบความสำเร็จช่วยสอนช่วยชี้แนะยังไงก็ยอม เราบอกตัวเองเสมอเราคือมือใหม่ ไม่ว่าจะกี่ปี
บอกไว้เลย ถ้าไม่ตั้งเป้า 100 ล้านเพื่อลบคำสบประมาท ก็ไม่รู้จะเปิดพอร์ตให้คนด่าเหมารวมว่ามือใหม่ห่วยๆไว้ทำไม โลภก็โลภ เราว่าเงินมันก็สำคัญใครบอก100ล้านไม่สำคัญ โอนเงินมาได้เลยครับ และที่ยิ่งสำคัญคืิอ อยากใส่ขาสั้นกินกาแฟข้างบ้านทั้งๆที่มีร้อยล้านอะครับ มันเท่ได้ใจจริงครับ
คุณ WayyyVI พูดได้โดนใจมากเลยครับ
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 95
ตั้งเป้าหมายได้และเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าจะทำได้ (secret) แต่อย่าไปคิดว่ามีแล้วจะทำโน่นทำนี่ มันจะฟุ้งซ่านนะครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2273
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 96
ผมบอกได้เลยว่าถ้าคุณเข้าใจในสิ่งที่กำลังลงทุนWaayVI เขียน:ทำไม่รู้สึกว่า
มีเงิน (100 ล้าน) พูดอะไรก็ดูดีไปหมด
-แชร์ว่าเส้นทางชีวิตเป็นไงก็เท่
-ยิ่งประหยัดสมถะยิ่งเท่
-ยิ่งรังเกียจ ไม่เห็นว่า100ล้านมันสำคัญหรือมีค่าอะไร ยิ่งเท่
เท่ในความหมายที่ดีนะครับ อย่าเข้าใจผิด มันทำให้ยิ่งรู้สึกว่าแบบนี่แหละ เป้าหมาย มันเท่จริงๆ
มันเก่งจริงๆ ยิ่งถ้าอยู่ในตลาดมาพอควรยิ่งมองว่าพวกนี้เก่งจริงๆ ทั้งความรู้ จิตใจมันสุดยอด มันไอดอล เราอยากืำได้บ้าง
แต่ถ้าไม่มีเงิน (100 ล้าน) พูดอะไรก็
-โลภ
-ไม่พอเพียง
-เข้า(ตลาด)มาเมิ..ตายแน่
-ตอนนี้ตลาดอย่างงู้นอย่างงี้ เก็บเงินให้เน่าไปเถอะ แมงเม่า อย่าเลย
-โง่ เข้ามาต้องโง่แน่ๆ ดูงบไม่เป็นแน่ เล่นตามข่าวแน่ๆ บลาๆ
คือมันแตกต่างจริงๆ แบบถ้าเรายังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็เจ็บทุกครั้งที่มีคนโพส หรือพูดว่ามือใหม่เยอะจัง พวกไม่รู้เรื่อง ตลาดสูงแล้ว ขึ้นมากแล้ว ของถูกไม่มีแล้ว เดี๋ยวหมดรอบแล้วจะตายหมด คือคำพูดเหล่านี้มันกระตุ้นตัวเราเองทุกครั้งว่า ต้องทำให้ได้ ต้องสำเร็จให้ได้ แม้ต้องอ่านงบตาแหก หน้าด้านขอให้ผู้รู้ คนที่ประสบความสำเร็จช่วยสอนช่วยชี้แนะยังไงก็ยอม เราบอกตัวเองเสมอเราคือมือใหม่ ไม่ว่าจะกี่ปี
บอกไว้เลย ถ้าไม่ตั้งเป้า 100 ล้านเพื่อลบคำสบประมาท ก็ไม่รู้จะเปิดพอร์ตให้คนด่าเหมารวมว่ามือใหม่ห่วยๆไว้ทำไม โลภก็โลภ เราว่าเงินมันก็สำคัญใครบอก100ล้านไม่สำคัญ โอนเงินมาได้เลยครับ และที่ยิ่งสำคัญคืิอ อยากใส่ขาสั้นกินกาแฟข้างบ้านทั้งๆที่มีร้อยล้านอะครับ มันเท่ได้ใจจริงครับ
ให้Comment คมๆหรือผ่านความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลแล้ว
ไม่มีคนบอกว่าคุณเป็นเม่าแน่นอน
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 97
เมื่อย้อนกลับไปมองตัวเองตอนเข้าตลาดใหม่ๆ ขนาดพอร์ตที่เล็กมาก ปันผลที่น้อยนิด ทำให้เมื่อมองกลับมาวันนี้ผมมักจะมีความภูมิใจในตัวเองที่มีความสามารถทำให้ขนาดพอร์ตโตได้เท่าทุกวันนี้ ถึงแม้มันจะเล็กกว่าของใครอีกหลายคน แต่ผมก็ภูมิใจที่มันเกิดขึ้นมาได้จากตัวของผมเอง หรือใครอาจจะบอกว่าช่วงนี้ตลาดดี ใครซื้อตัวไหนก็ขึ้นหมด ผมเชื่อก็อย่างนั้นครับ แต่ตั้งแต่ลงทุนมา 5ปี ผมยังไม่เคยแพ้ตลาดเลยเหมือนกัน ไมล์บินตอนนี้ผมอาจจะน้อย เพราะผ่านวิกฤต ใหญ่มาแค่ครั้งเดียวแต่ผมก็ไม่เคยหยุดความฝันของผม ผมเชื่อว่าผมทำได้ และแน่นอน ความฝันของผมก็ไม่ใช่แค่100 หรือ1000 หรือ 10000 แน่นอนครับ
เ
ใครอยากจะหยุดตรงไหน ก็ตามสบายครับ จะชงจะเชื่อ ในหลักการอะไรก็แล้วแต่ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่สำหรับผม ผมเชื่อในตัวเอง ผมเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ผมจะไม่ยอมหยุด แค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะผมเชื่อว่า คนเราเกิดมาแค่ครั้งดียว ทำแล้วต้องทำให้สุดครับ
เ
ใครอยากจะหยุดตรงไหน ก็ตามสบายครับ จะชงจะเชื่อ ในหลักการอะไรก็แล้วแต่ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่สำหรับผม ผมเชื่อในตัวเอง ผมเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ผมจะไม่ยอมหยุด แค่วันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะผมเชื่อว่า คนเราเกิดมาแค่ครั้งดียว ทำแล้วต้องทำให้สุดครับ
- Financeseed
- Verified User
- โพสต์: 1304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 98
ขอบคุณ คนคอนครับ idea ดีครับผม
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 117
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 99
ในฐานะนักลงทุนมือใหม่ 100 ล้านในตลาดหุ้นยังอีกห่างไกล คงไม่มีอะไรชี้แนะ แต่ส่วนตัวก็ตั้งเป้าหมายไว้เหมือนกัน การมีเป้าหมายทำให้เรามีความพยายามและขยันมากขึ้น ทำได้ก็ดี ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรแค่ชีวิตมีความสุขก็พอ คำเตือนคำแนะนำต่างๆของนักลงทุนทั้งที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จล้วนมีประโยชน์ ทำให้ผมได้แง่คิดได้แนวการลงทุนที่คิดว่าถูกต้องสำหรับตัวเอง ไม่ประมาทในการลงทุน เพราะตลาดใช่ว่าจะดีเสมอไป
- SI Freedom
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 102
เห็นกระทู้แบบนี้แล้วก็นึกถึง ตัวเอง เมื่อตอนเข้าตลาดแรกๆ เมื่อ 7 ปีก่อนครับ
ตั้งเป้าไว้ 9 หลักเหมือนกัน พยายามทุกอย่าง เพื่อไปให้ถึงให้ได้ ให้เร็วที่สุด
โดยคิดว่าจะใช้เงินซื้อหาความสุขเต็มที่เลย รถสปอร์ต คอนโด ปาร์ตี้มันทุกคืน 555+
แต่พอมาปัจจุบัน ความคิดเปลี่ยนไปเยอะ .. ความสุขรอบตัวมันหาได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องมี 9 หลัก .. ไอ้สิ่งที่เคยคิดว่าอยากได้ อยากมี ตอนนี้กลายเป็นว่า มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เดือดร้อน
ปัจจุบันหันมาใช้เวลา ตามหาสิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิตแทน คือ เวลา
เพราะถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้ หรือปีหน้า จะตายเพราะโรคร้าย วันนี้มีเงินกี่หมื่นล้านก็ซื้อเวลา ให้เราไม่ได้ หรือ ถ้าเรารู้เวลาว่าจะอยู่ได้อีก 1 ปี .. เวลา 1 ปี จะเป็นเวลาที่มีคุณค่ากับเรามหาศาล อาจจะใช้ได้คุ้มค่ากว่าอยู่ไปแบบเลื่อนลอยอีก 10-20 ปีซะอีก
ลองมองเป้าหมายอื่นๆ ของชีวิต ที่ไม่ใช่ตัวเงินดูครับ อาจพบคำตอบที่เราไม่เคยตามหามาก่อน ส่วนเป้าหมาย 9 หลักควรมีไว้เพื่อให้ไปถึง ถ้าเรามีกรอบความคิดที่ดีพอ มีวิธีการที่ชัดเจน มันก็ไปถึงกันได้ทุกคนอยู่แล้ว
ตั้งเป้าไว้ 9 หลักเหมือนกัน พยายามทุกอย่าง เพื่อไปให้ถึงให้ได้ ให้เร็วที่สุด
โดยคิดว่าจะใช้เงินซื้อหาความสุขเต็มที่เลย รถสปอร์ต คอนโด ปาร์ตี้มันทุกคืน 555+
แต่พอมาปัจจุบัน ความคิดเปลี่ยนไปเยอะ .. ความสุขรอบตัวมันหาได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องมี 9 หลัก .. ไอ้สิ่งที่เคยคิดว่าอยากได้ อยากมี ตอนนี้กลายเป็นว่า มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เดือดร้อน
ปัจจุบันหันมาใช้เวลา ตามหาสิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิตแทน คือ เวลา
เพราะถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้ หรือปีหน้า จะตายเพราะโรคร้าย วันนี้มีเงินกี่หมื่นล้านก็ซื้อเวลา ให้เราไม่ได้ หรือ ถ้าเรารู้เวลาว่าจะอยู่ได้อีก 1 ปี .. เวลา 1 ปี จะเป็นเวลาที่มีคุณค่ากับเรามหาศาล อาจจะใช้ได้คุ้มค่ากว่าอยู่ไปแบบเลื่อนลอยอีก 10-20 ปีซะอีก
ลองมองเป้าหมายอื่นๆ ของชีวิต ที่ไม่ใช่ตัวเงินดูครับ อาจพบคำตอบที่เราไม่เคยตามหามาก่อน ส่วนเป้าหมาย 9 หลักควรมีไว้เพื่อให้ไปถึง ถ้าเรามีกรอบความคิดที่ดีพอ มีวิธีการที่ชัดเจน มันก็ไปถึงกันได้ทุกคนอยู่แล้ว
เพราะแสวงหา..มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ..มิใช่เพราะโอกาส
เพราะสามารถ..มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะตน
เพราะสามารถ..มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะตน
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 103
พึ่งอ่านบทความของ Buffett ที่ขอโทษต่อผู้ถือหุ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า
" ครั้งนี้เป็นครั้งที่เก้าใน48 ครั้งที่อัตราการเติบโตของ book value ของบริษัทเราเติบโตแพ้ ดรรชนี S&P มูลค่าหุ้นของเราเพิ่มขึ้นให้ผู้ถือหุ้นเพียง 24.1 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งยังดีไม่พอ"
อ่านเสร็จเลยหมดแรงที่จะเข้ามา post เลยครับ.... เป้า 100 ล้านบาท มันเหมือนเม็ดทรายบนชายหาดไปซะแล้ว
" ครั้งนี้เป็นครั้งที่เก้าใน48 ครั้งที่อัตราการเติบโตของ book value ของบริษัทเราเติบโตแพ้ ดรรชนี S&P มูลค่าหุ้นของเราเพิ่มขึ้นให้ผู้ถือหุ้นเพียง 24.1 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งยังดีไม่พอ"
อ่านเสร็จเลยหมดแรงที่จะเข้ามา post เลยครับ.... เป้า 100 ล้านบาท มันเหมือนเม็ดทรายบนชายหาดไปซะแล้ว
Disclaimer & Disclosure: The articles posted only represent my personal view. They are by no means a guarantee to the stock performance. Have no plan to change my position to the stock mentioned over the next 72 hrs.
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 104
SI Freedom เขียน:เห็นกระทู้แบบนี้แล้วก็นึกถึง ตัวเอง เมื่อตอนเข้าตลาดแรกๆ เมื่อ 7 ปีก่อนครับ
ตั้งเป้าไว้ 9 หลักเหมือนกัน พยายามทุกอย่าง เพื่อไปให้ถึงให้ได้ ให้เร็วที่สุด
โดยคิดว่าจะใช้เงินซื้อหาความสุขเต็มที่เลย รถสปอร์ต คอนโด ปาร์ตี้มันทุกคืน 555+
แต่พอมาปัจจุบัน ความคิดเปลี่ยนไปเยอะ .. ความสุขรอบตัวมันหาได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องมี 9 หลัก .. ไอ้สิ่งที่เคยคิดว่าอยากได้ อยากมี ตอนนี้กลายเป็นว่า มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เดือดร้อน
ปัจจุบันหันมาใช้เวลา ตามหาสิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิตแทน คือ เวลา
เพราะถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้ หรือปีหน้า จะตายเพราะโรคร้าย วันนี้มีเงินกี่หมื่นล้านก็ซื้อเวลา ให้เราไม่ได้ หรือ ถ้าเรารู้เวลาว่าจะอยู่ได้อีก 1 ปี .. เวลา 1 ปี จะเป็นเวลาที่มีคุณค่ากับเรามหาศาล อาจจะใช้ได้คุ้มค่ากว่าอยู่ไปแบบเลื่อนลอยอีก 10-20 ปีซะอีก
ลองมองเป้าหมายอื่นๆ ของชีวิต ที่ไม่ใช่ตัวเงินดูครับ อาจพบคำตอบที่เราไม่เคยตามหามาก่อน ส่วนเป้าหมาย 9 หลักควรมีไว้เพื่อให้ไปถึง ถ้าเรามีกรอบความคิดที่ดีพอ มีวิธีการที่ชัดเจน มันก็ไปถึงกันได้ทุกคนอยู่แล้ว
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นดีๆมากครับ เนื่องจากเวปบอร์ดแห่งนี้เกี่ยวกับการลงทุนการเงิน ตอนตั้งกระทู้ผมเลยไม่ได้ลงเป้าหมายอย่างอื่นนอกจากตัวเงิน
แต่จริงๆแล้วทุกวันนี้ผมหลังจากเรียนหนังสือ ผมก็จะมาออกกำลังกาย ฟิตเนส ฟิตกล้าม ประมาณ1-2ชั่วโมงกับเพื่อน ๆ โดยตอนนี้ผมมีเป้าหมายอยากได้หุ่นแบบครึ่งนึงของอาร์โนลสมัยหนุ่มๆ นอกจากนี้ผมยังมีเป้าหมายในการศึกษาต่อที่ประเทศจีนเพื่อที่อยากเรียนรู้ภาษาจีนมากขึ้นครับ เป้าหมายระยะสั้นมีแค่นี้ครับ ส่วนเป้าหมายการเงินของผมคืออย่างที่บอกครับ มี100ล. ภายใน อายุ28ปี โดยผมไม่อยากตั้งไว้ลอยๆ แบบไม่ถึงก็ได้ ถึงก็ได้ ผมชอบการที่เรามีเป้าหมายชัดเจน ไม่วอกแวก เมื่อตั้งแล้วต้องถึง ไม่ถึงไม่ได้ ผมชอบแนวนี้มากกว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 105
Paul Octopus เขียน:พึ่งอ่านบทความของ Buffett ที่ขอโทษต่อผู้ถือหุ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า
" ครั้งนี้เป็นครั้งที่เก้าใน48 ครั้งที่อัตราการเติบโตของ book value ของบริษัทเราเติบโตแพ้ ดรรชนี S&P มูลค่าหุ้นของเราเพิ่มขึ้นให้ผู้ถือหุ้นเพียง 24.1 พันล้านดอลล่าร์ ซึ่งยังดีไม่พอ"
อ่านเสร็จเลยหมดแรงที่จะเข้ามา post เลยครับ.... เป้า 100 ล้านบาท มันเหมือนเม็ดทรายบนชายหาดไปซะแล้ว
55+ ก็แน่สิครับพี่ จะไปเทียบได้ยังไง แต่พี่อย่าลืมนะว่า 24.1พันล้านดอล หน่ะ มันก็ต้องมากจาก100 ล นะ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4641
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 106
ตั้งเป้าหมายให้ไกล ดีกว่าให้กำลังใจแบบลอย ๆ ผมสนับสนุนแนวทางของน้องครับคนคอน เขียน:ผมไม่อยากตั้งไว้ลอยๆ แบบไม่ถึงก็ได้ ถึงก็ได้ ผมชอบการที่เรามีเป้าหมายชัดเจน ไม่วอกแวก เมื่อตั้งแล้วต้องถึง ไม่ถึงไม่ได้ ผมชอบแนวนี้มากกว่าครับ
บางครั้งใครจะว่าเราบ้า เราแปลก นั่นเพราะเราแตกต่าง แต่ผมเชื่อว่าเราก็คือเรา น้องก็คงมีเหตุผลของน้อง ถึงแม้สังคมเราจะมองอีกแบบ แต่ก็อย่าลืมว่า ดร.ซุนยัดเซ็น เคยไปหักนิ้วรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมมาแล้ว และทำการปฏิวัติจนสำเร็จ
เหตุผลและเป้าหมายนั่นเป็นจุดแรก สิ่งที่ตามมาคือกระบวนการที่ถูกต้องและหมั่นทบทวนถ้าเป็นที่พระอาจารย์สอนพี่ก็คือให้โยมหมั่น "พิจารณา" ซึ่งพี่ก็รับคำของพระอาจารย์มาทำอยู่เสมอ
ก่อนหน้านั้นมีคนเคยเตือนผมเพราะผมชอบบอกคนรุ่นใหม่ว่าทำไปเลย! แต่เค้าก็ติงว่า แล้วเกิดพวกเค้าอยากเป็นโจรล่ะ ผมยังจะบอกให้ทำไปเลย! หรือไม่?
ผมอยากบอกว่าทำไปเลยตั้งเป้าหมายให้สูง อย่าทำอะไรที่ขัดศีลธรรม ขัดกฎหมาย ทำไปเลย และหมั่นพิจารณา สิ่งถูกสิ่งผิด ย้ำนะทั้งสิ่งถูกและสิ่งผิด และก็ถ้าเป็นไปได้มาอัพไว้ในกระทู้นี้ของคุณ "คนคอน" และจะมีประโยชน์มากต่อ ๆ ไป
ก็ลงมือทำเลย อย่าลืม "พิจารณาด้วยนะครับ" มีอะไรก็มาเล่าให้ฟังก็ดีครับ แต่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3352
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 107
สัมมาสังกัปปะ จะเกิดขึ้นได้ ต้องมีสัมมาทิฎฐิเป็นฐานNevercry.boy เขียน:ตั้งเป้าหมายให้ไกล ดีกว่าให้กำลังใจแบบลอย ๆ ผมสนับสนุนแนวทางของน้องครับคนคอน เขียน:ผมไม่อยากตั้งไว้ลอยๆ แบบไม่ถึงก็ได้ ถึงก็ได้ ผมชอบการที่เรามีเป้าหมายชัดเจน ไม่วอกแวก เมื่อตั้งแล้วต้องถึง ไม่ถึงไม่ได้ ผมชอบแนวนี้มากกว่าครับ
บางครั้งใครจะว่าเราบ้า เราแปลก นั่นเพราะเราแตกต่าง แต่ผมเชื่อว่าเราก็คือเรา น้องก็คงมีเหตุผลของน้อง ถึงแม้สังคมเราจะมองอีกแบบ แต่ก็อย่าลืมว่า ดร.ซุนยัดเซ็น เคยไปหักนิ้วรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมมาแล้ว และทำการปฏิวัติจนสำเร็จ
เหตุผลและเป้าหมายนั่นเป็นจุดแรก สิ่งที่ตามมาคือกระบวนการที่ถูกต้องและหมั่นทบทวนถ้าเป็นที่พระอาจารย์สอนพี่ก็คือให้โยมหมั่น "พิจารณา" ซึ่งพี่ก็รับคำของพระอาจารย์มาทำอยู่เสมอ
ก่อนหน้านั้นมีคนเคยเตือนผมเพราะผมชอบบอกคนรุ่นใหม่ว่าทำไปเลย! แต่เค้าก็ติงว่า แล้วเกิดพวกเค้าอยากเป็นโจรล่ะ ผมยังจะบอกให้ทำไปเลย! หรือไม่?
ผมอยากบอกว่าทำไปเลยตั้งเป้าหมายให้สูง อย่าทำอะไรที่ขัดศีลธรรม ขัดกฎหมาย ทำไปเลย และหมั่นพิจารณา สิ่งถูกสิ่งผิด ย้ำนะทั้งสิ่งถูกและสิ่งผิด และก็ถ้าเป็นไปได้มาอัพไว้ในกระทู้นี้ของคุณ "คนคอน" และจะมีประโยชน์มากต่อ ๆ ไป
ก็ลงมือทำเลย อย่าลืม "พิจารณาด้วยนะครับ" มีอะไรก็มาเล่าให้ฟังก็ดีครับ แต่ไม่ว่างก็ไม่เป็นไร
โดยส่วนตัว... การตั้งเป้าเป็นตัวเลขเป็นอะไรที่นำมาซึ่งความทุกข์ต่อการลงทุน... ถ้าเป็นผมตั้งเป้า ผมจะตั้งเป้าประมาณว่า...
- ต้องอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและธุรกิจให้ได้เดือนละ x เล่ม
- ต้องอ่าน 56-1 ให้ได้เดือนละ x บริษัท
- ต้องหาโอกาสไปประชุมผู้ถือหุ้น ฟัง oppday ทำ company visit ให้ได้ ปีละ x บริษัท
- ต้องหาโอกาสไปร่วมงานสัมมนา ไปเจอนักลงทุนเก่งๆ ไป dinner talk ให้ได้เดือนละ x ครั้ง
- ต้องหาโอกาสไป scuttlebutt ให้ได้เดือนละ x ครั้ง
- หุ้นทุกตัวที่ตั้งใจจะลงทุนต้องทำการ test criteria บางอย่างของเรา และทำ presentation ให้เพื่อนนักลงทุนที่มีความสามารถดูและวิพากษ์วิจารณ์อย่างน้อย x ครั้ง
- ทุกวันจะต้องอ่านข่าวธุรกิจและการลงทุนอย่างน้อย x ช.ม.
ฯลฯ
ส่วนถ้าเป้าที่เป็นเป้าหมายทางตัวเลข ผมจะตั้งประมาณนี้ครับ
- กิจการที่ลงทุนจะต้องมี ROE มากกว่า x% เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย y ปี
- กิจการที่ลงทุนควรที่จะให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวที่คำนวณได้จาก dcf อย่างน้อย เงินเฟ้อ + x%
- เราจะไม่ลงทุนในกิจการนั้นๆ หาก MOS ของกิจการน้อยกว่า x% และ/หรือ upside ของกิจการต่ำกว่า y%
- เราจะวัดผลการดำเนินงานของการลงทุนโดยให้น้ำหนักจากความสามารถที่กิจการที่พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น มากกว่าราคาในตลาด โดยกิจการต้องมีพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างน้อย x% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
- ฯลฯ
ผมคิดว่านี่อาจจะพอเป็นไอเดียในการตั้งเป้าหมายการลงทุน สำหรับการที่จะพัฒนาไปเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่เก่งขึ้นทุกๆ วัน และสามารถอยู่รอดได้ในตลาดทุกสภาวะ ไม่ใช่แค่ในตลาดกระทิงแบบนี้
และที่สำคัญ... (ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะรู้และเชื่อหรือไม่) จริงๆ แล้วเงินที่เรามีในทางพุทธฯ เชื่อว่า เกิดจากทานบารมีที่เราสร้างและสั่งสมมา... ดังนั้นการตั้งจิตบริจาค ทำทาน ให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าเรา อาจจะเป็นส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น... และการรักษาศีล โดยเฉพาะข้อที่ไปเบียดเบียนทรัพย์สมบัติคนอื่น จะช่วยให้เราสามารถรักษาทรัพย์สมบัติที่เราหามาได้ ไม่ได้มีเหตุไม่คาดฝัน มลายหายไป
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 136
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 110
พี่ SI Freedom ตอบได้โดนใจมากๆเลยครับ ^_______^SI Freedom เขียน:เห็นกระทู้แบบนี้แล้วก็นึกถึง ตัวเอง เมื่อตอนเข้าตลาดแรกๆ เมื่อ 7 ปีก่อนครับ
ตั้งเป้าไว้ 9 หลักเหมือนกัน พยายามทุกอย่าง เพื่อไปให้ถึงให้ได้ ให้เร็วที่สุด
โดยคิดว่าจะใช้เงินซื้อหาความสุขเต็มที่เลย รถสปอร์ต คอนโด ปาร์ตี้มันทุกคืน 555+
แต่พอมาปัจจุบัน ความคิดเปลี่ยนไปเยอะ .. ความสุขรอบตัวมันหาได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องมี 9 หลัก .. ไอ้สิ่งที่เคยคิดว่าอยากได้ อยากมี ตอนนี้กลายเป็นว่า มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เดือดร้อน
ปัจจุบันหันมาใช้เวลา ตามหาสิ่งที่มีค่าที่สุดของชีวิตแทน คือ เวลา
เพราะถ้าเรารู้ว่าพรุ่งนี้ หรือปีหน้า จะตายเพราะโรคร้าย วันนี้มีเงินกี่หมื่นล้านก็ซื้อเวลา ให้เราไม่ได้ หรือ ถ้าเรารู้เวลาว่าจะอยู่ได้อีก 1 ปี .. เวลา 1 ปี จะเป็นเวลาที่มีคุณค่ากับเรามหาศาล อาจจะใช้ได้คุ้มค่ากว่าอยู่ไปแบบเลื่อนลอยอีก 10-20 ปีซะอีก
ลองมองเป้าหมายอื่นๆ ของชีวิต ที่ไม่ใช่ตัวเงินดูครับ อาจพบคำตอบที่เราไม่เคยตามหามาก่อน ส่วนเป้าหมาย 9 หลักควรมีไว้เพื่อให้ไปถึง ถ้าเรามีกรอบความคิดที่ดีพอ มีวิธีการที่ชัดเจน มันก็ไปถึงกันได้ทุกคนอยู่แล้ว
" Risk comes from not knowing what you’re doing " Warrent Buffett
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 411
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 112
ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก
ผมเคยอ่านในเวปกล้องเมืองนอกนานมาแล้ว
มีตากล้องมือใหม่เขียนถามตากล้องมืออาชีพในเวปบอร์ดว่า
ผมเป็นมือใหม่ต้องการเป็นตากล้องมืออาชีพ
ผมสนใจจะซื้อกล้องรุ่นxxราคาแสนกว่าบาท
มีฟังก์ชั่นมืออาชีพครบหมด ผมควรซื้อหรือไม่
ตากล้องมืออาชีพตอบว่า
กล้องเทวดาไม่ทําให้คุณเป็นมือโปร
ความรักในการถ่ายภาพพื้นฐานความรู้การถ่ายภาพ
เทคนิคระดับสูง ความทุ่มเทตื่นตี3ไปโลเกชั่น
เตรียมอุปกรณ์รอแสงแรกของพระอาทิตย์
การลุยหิมะตากฝนหลายชั่วโมงให้ได้ภาพที่ต้องการ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
ถ้าคุณคิดว่าอุปกรณ์ทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
แนะนําให้ซื้อปากกาหนึ่งด้ามและเป็นStephen King
เพราะปากกาถูกกว่ากล้อง
และไม่มีตากล้องคนไหนรวยเท่าStephen King
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านักลงทุนระดับเซียนทั้งหลาย
ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเป้าหมายเป็นตัวเงินมากมายเท่าไหร่
เพราะคนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณมีปัจจัยพื้นฐานที่ครบถ้วน
ความสําเร็จของตัวเงินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนเพียงแต่ช้าเร็ว
ถ้าคุณรักในการลงทุน มีพื้นฐานการวิเคราะห์หุ้นที่ถูกต้องแม่นยํา
เข้าใจในการวิเคราะห์ธุรกิจประเภทต่างๆ มีพื้นฐานทางบัญชีและการงิน
มีเงินทุน มีความสามรถรอคอยอดทนอดกลั้น
มีอารมณ์ที่สงบนิ่งไม่หวั่นไหวง่าย ฯลฯ
ถ้าคุณมีเหตุปัจจัยครบ ความสําเร็จตามเป้าหมายเป็นสิ่งที่คาดคะเนได้อยู่แล้ว
ประด็นคือคนจํานวนมากที่โพสท์ตามเวปบอร์ดว่าจะมีสิบล้านร้อยล้าน
แต่ไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานหรือความพยายามทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น
สําหรับคนเหล่านี้ตัวเลขอาจเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน
อีกอย่างการเพ่งมองแต่เป้าหมายอย่างเดียว
อาจทําให้พลาดบางอย่างในชีวิต
เหมือนคุณขับรถด้วยความเร็วๅ150
เพื่อจะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
แต่ระหว่างทางคุณอาจไม่ทันได้มองดอกไม้สวยงาม
ที่ออกดอกแค่ปีละไม่กี่วัน
มองไม่เห็นเด็กน้อยน่ารักที่โบกมือให้คุณ
รวมทั้งไม่รู้ตัวว่าคุณขับรถเร็ว
ทําให้นํ้าสาดโดนคนข้างทาง
ชีวิตที่ช้าลงบ้างอาจให้ความหมายบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึง
ผมเคยอ่านในเวปกล้องเมืองนอกนานมาแล้ว
มีตากล้องมือใหม่เขียนถามตากล้องมืออาชีพในเวปบอร์ดว่า
ผมเป็นมือใหม่ต้องการเป็นตากล้องมืออาชีพ
ผมสนใจจะซื้อกล้องรุ่นxxราคาแสนกว่าบาท
มีฟังก์ชั่นมืออาชีพครบหมด ผมควรซื้อหรือไม่
ตากล้องมืออาชีพตอบว่า
กล้องเทวดาไม่ทําให้คุณเป็นมือโปร
ความรักในการถ่ายภาพพื้นฐานความรู้การถ่ายภาพ
เทคนิคระดับสูง ความทุ่มเทตื่นตี3ไปโลเกชั่น
เตรียมอุปกรณ์รอแสงแรกของพระอาทิตย์
การลุยหิมะตากฝนหลายชั่วโมงให้ได้ภาพที่ต้องการ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
ถ้าคุณคิดว่าอุปกรณ์ทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
แนะนําให้ซื้อปากกาหนึ่งด้ามและเป็นStephen King
เพราะปากกาถูกกว่ากล้อง
และไม่มีตากล้องคนไหนรวยเท่าStephen King
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านักลงทุนระดับเซียนทั้งหลาย
ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเป้าหมายเป็นตัวเงินมากมายเท่าไหร่
เพราะคนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณมีปัจจัยพื้นฐานที่ครบถ้วน
ความสําเร็จของตัวเงินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนเพียงแต่ช้าเร็ว
ถ้าคุณรักในการลงทุน มีพื้นฐานการวิเคราะห์หุ้นที่ถูกต้องแม่นยํา
เข้าใจในการวิเคราะห์ธุรกิจประเภทต่างๆ มีพื้นฐานทางบัญชีและการงิน
มีเงินทุน มีความสามรถรอคอยอดทนอดกลั้น
มีอารมณ์ที่สงบนิ่งไม่หวั่นไหวง่าย ฯลฯ
ถ้าคุณมีเหตุปัจจัยครบ ความสําเร็จตามเป้าหมายเป็นสิ่งที่คาดคะเนได้อยู่แล้ว
ประด็นคือคนจํานวนมากที่โพสท์ตามเวปบอร์ดว่าจะมีสิบล้านร้อยล้าน
แต่ไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานหรือความพยายามทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น
สําหรับคนเหล่านี้ตัวเลขอาจเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน
อีกอย่างการเพ่งมองแต่เป้าหมายอย่างเดียว
อาจทําให้พลาดบางอย่างในชีวิต
เหมือนคุณขับรถด้วยความเร็วๅ150
เพื่อจะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
แต่ระหว่างทางคุณอาจไม่ทันได้มองดอกไม้สวยงาม
ที่ออกดอกแค่ปีละไม่กี่วัน
มองไม่เห็นเด็กน้อยน่ารักที่โบกมือให้คุณ
รวมทั้งไม่รู้ตัวว่าคุณขับรถเร็ว
ทําให้นํ้าสาดโดนคนข้างทาง
ชีวิตที่ช้าลงบ้างอาจให้ความหมายบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึง
- Paul Octopus
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 113
ชอบ Paragraph สุดท้ายมาก น่าจะเป็นคำตอบของกระทู้นี้แล้วครับ
Disclaimer & Disclosure: The articles posted only represent my personal view. They are by no means a guarantee to the stock performance. Have no plan to change my position to the stock mentioned over the next 72 hrs.
-
- Verified User
- โพสต์: 97
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 115
ขอนอกเรื่องนิดนึง กล้อง fullframe + เลนส์ L หรือ nanodrsp เขียน: ตากล้องมืออาชีพตอบว่า
กล้องเทวดาไม่ทําให้คุณเป็นมือโปร
ความรักในการถ่ายภาพพื้นฐานความรู้การถ่ายภาพ
เทคนิคระดับสูง ความทุ่มเทตื่นตี3ไปโลเกชั่น
เตรียมอุปกรณ์รอแสงแรกของพระอาทิตย์
การลุยหิมะตากฝนหลายชั่วโมงให้ได้ภาพที่ต้องการ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
ให้คนเบๆ ถ่าย มันก็ยังงามจริงๆ นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 458
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 117
เห็นด้วยครับ ฝีมือห่วยได้อุปกรณ์ช่วยหน่อยมัน ก็ยังดีกว่าฝีมือห่วยกล้องห่วย ดูไม่ได้หนักไปใหญ่อิๆAlpha1 เขียน:ขอนอกเรื่องนิดนึง กล้อง fullframe + เลนส์ L หรือ nanodrsp เขียน: ตากล้องมืออาชีพตอบว่า
กล้องเทวดาไม่ทําให้คุณเป็นมือโปร
ความรักในการถ่ายภาพพื้นฐานความรู้การถ่ายภาพ
เทคนิคระดับสูง ความทุ่มเทตื่นตี3ไปโลเกชั่น
เตรียมอุปกรณ์รอแสงแรกของพระอาทิตย์
การลุยหิมะตากฝนหลายชั่วโมงให้ได้ภาพที่ต้องการ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
ให้คนเบๆ ถ่าย มันก็ยังงามจริงๆ นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 883
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 118
drsp เขียน:ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก
ผมเคยอ่านในเวปกล้องเมืองนอกนานมาแล้ว
มีตากล้องมือใหม่เขียนถามตากล้องมืออาชีพในเวปบอร์ดว่า
ผมเป็นมือใหม่ต้องการเป็นตากล้องมืออาชีพ
ผมสนใจจะซื้อกล้องรุ่นxxราคาแสนกว่าบาท
มีฟังก์ชั่นมืออาชีพครบหมด ผมควรซื้อหรือไม่
ตากล้องมืออาชีพตอบว่า
กล้องเทวดาไม่ทําให้คุณเป็นมือโปร
ความรักในการถ่ายภาพพื้นฐานความรู้การถ่ายภาพ
เทคนิคระดับสูง ความทุ่มเทตื่นตี3ไปโลเกชั่น
เตรียมอุปกรณ์รอแสงแรกของพระอาทิตย์
การลุยหิมะตากฝนหลายชั่วโมงให้ได้ภาพที่ต้องการ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
ถ้าคุณคิดว่าอุปกรณ์ทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
แนะนําให้ซื้อปากกาหนึ่งด้ามและเป็นStephen King
เพราะปากกาถูกกว่ากล้อง
และไม่มีตากล้องคนไหนรวยเท่าStephen King
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านักลงทุนระดับเซียนทั้งหลาย
ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเป้าหมายเป็นตัวเงินมากมายเท่าไหร่
เพราะคนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณมีปัจจัยพื้นฐานที่ครบถ้วน
ความสําเร็จของตัวเงินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนเพียงแต่ช้าเร็ว
ถ้าคุณรักในการลงทุน มีพื้นฐานการวิเคราะห์หุ้นที่ถูกต้องแม่นยํา
เข้าใจในการวิเคราะห์ธุรกิจประเภทต่างๆ มีพื้นฐานทางบัญชีและการงิน
มีเงินทุน มีความสามรถรอคอยอดทนอดกลั้น
มีอารมณ์ที่สงบนิ่งไม่หวั่นไหวง่าย ฯลฯ
ถ้าคุณมีเหตุปัจจัยครบ ความสําเร็จตามเป้าหมายเป็นสิ่งที่คาดคะเนได้อยู่แล้ว
ประด็นคือคนจํานวนมากที่โพสท์ตามเวปบอร์ดว่าจะมีสิบล้านร้อยล้าน
แต่ไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานหรือความพยายามทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น
สําหรับคนเหล่านี้ตัวเลขอาจเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน
อีกอย่างการเพ่งมองแต่เป้าหมายอย่างเดียว
อาจทําให้พลาดบางอย่างในชีวิต
เหมือนคุณขับรถด้วยความเร็วๅ150
เพื่อจะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
แต่ระหว่างทางคุณอาจไม่ทันได้มองดอกไม้สวยงาม
ที่ออกดอกแค่ปีละไม่กี่วัน
มองไม่เห็นเด็กน้อยน่ารักที่โบกมือให้คุณ
รวมทั้งไม่รู้ตัวว่าคุณขับรถเร็ว
ทําให้นํ้าสาดโดนคนข้างทาง
ชีวิตที่ช้าลงบ้างอาจให้ความหมายบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึง
เห็นประโยคนี้แล้วทำให้นึกถึงตอนทำขายตรง พุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างเดียวไม่ต้องคิดเรื่องอื่นเลย จนเกือบลืมชมดอกไม้ข้างทาง แต่ณตอนนี้ค่อนข้างแตกต่างออกไปเพราะหลังจากที่ผมลงทุนในหุ้นแล้วนั้น ผมก็จะคอยติดตามข่าววันละไม่นานทำให้มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น อย่างเช่น ออกกำลังกาย เล่นเกมส์ สังสรรค์ เรียน ทำธุรกิจส่วนตัว etc. ไม่เหมือนตอนทำขายตรงที่วันๆคิดแต่จะเอาคนมาเข้าcenter ให้ได้ จนลืมมองถึงมิตรภาพไปเลย ดีที่ทำได้ไม่นานเพราะเรียนไม่ทัน
-
- Verified User
- โพสต์: 458
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 119
ผมเองกลับตรงกันข้าม เล่นแวะ ข้างทางตลอดเวลา ไม่ยอมตั้งเป้าหมาย เลย แวะ วนเวียน สนุกกับ ชีวิตไปเรื่อยๆ ก็เลยไม่ถึงเป้าหมายซักที เพราะว่า ไม่ได้ตั้งจริงจังคนคอน เขียน:drsp เขียน:ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก
ผมเคยอ่านในเวปกล้องเมืองนอกนานมาแล้ว
มีตากล้องมือใหม่เขียนถามตากล้องมืออาชีพในเวปบอร์ดว่า
ผมเป็นมือใหม่ต้องการเป็นตากล้องมืออาชีพ
ผมสนใจจะซื้อกล้องรุ่นxxราคาแสนกว่าบาท
มีฟังก์ชั่นมืออาชีพครบหมด ผมควรซื้อหรือไม่
ตากล้องมืออาชีพตอบว่า
กล้องเทวดาไม่ทําให้คุณเป็นมือโปร
ความรักในการถ่ายภาพพื้นฐานความรู้การถ่ายภาพ
เทคนิคระดับสูง ความทุ่มเทตื่นตี3ไปโลเกชั่น
เตรียมอุปกรณ์รอแสงแรกของพระอาทิตย์
การลุยหิมะตากฝนหลายชั่วโมงให้ได้ภาพที่ต้องการ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
ถ้าคุณคิดว่าอุปกรณ์ทําให้คุณเป็นมืออาชีพ
แนะนําให้ซื้อปากกาหนึ่งด้ามและเป็นStephen King
เพราะปากกาถูกกว่ากล้อง
และไม่มีตากล้องคนไหนรวยเท่าStephen King
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่านักลงทุนระดับเซียนทั้งหลาย
ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเป้าหมายเป็นตัวเงินมากมายเท่าไหร่
เพราะคนเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณมีปัจจัยพื้นฐานที่ครบถ้วน
ความสําเร็จของตัวเงินเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนเพียงแต่ช้าเร็ว
ถ้าคุณรักในการลงทุน มีพื้นฐานการวิเคราะห์หุ้นที่ถูกต้องแม่นยํา
เข้าใจในการวิเคราะห์ธุรกิจประเภทต่างๆ มีพื้นฐานทางบัญชีและการงิน
มีเงินทุน มีความสามรถรอคอยอดทนอดกลั้น
มีอารมณ์ที่สงบนิ่งไม่หวั่นไหวง่าย ฯลฯ
ถ้าคุณมีเหตุปัจจัยครบ ความสําเร็จตามเป้าหมายเป็นสิ่งที่คาดคะเนได้อยู่แล้ว
ประด็นคือคนจํานวนมากที่โพสท์ตามเวปบอร์ดว่าจะมีสิบล้านร้อยล้าน
แต่ไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานหรือความพยายามทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น
สําหรับคนเหล่านี้ตัวเลขอาจเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน
อีกอย่างการเพ่งมองแต่เป้าหมายอย่างเดียว
อาจทําให้พลาดบางอย่างในชีวิต
เหมือนคุณขับรถด้วยความเร็วๅ150
เพื่อจะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม
แต่ระหว่างทางคุณอาจไม่ทันได้มองดอกไม้สวยงาม
ที่ออกดอกแค่ปีละไม่กี่วัน
มองไม่เห็นเด็กน้อยน่ารักที่โบกมือให้คุณ
รวมทั้งไม่รู้ตัวว่าคุณขับรถเร็ว
ทําให้นํ้าสาดโดนคนข้างทาง
ชีวิตที่ช้าลงบ้างอาจให้ความหมายบางอย่างที่คุณนึกไม่ถึง
เห็นประโยคนี้แล้วทำให้นึกถึงตอนทำขายตรง พุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างเดียวไม่ต้องคิดเรื่องอื่นเลย จนเกือบลืมชมดอกไม้ข้างทาง แต่ณตอนนี้ค่อนข้างแตกต่างออกไปเพราะหลังจากที่ผมลงทุนในหุ้นแล้วนั้น ผมก็จะคอยติดตามข่าววันละไม่นานทำให้มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น อย่างเช่น ออกกำลังกาย เล่นเกมส์ สังสรรค์ เรียน ทำธุรกิจส่วนตัว etc. ไม่เหมือนตอนทำขายตรงที่วันๆคิดแต่จะเอาคนมาเข้าcenter ให้ได้ จนลืมมองถึงมิตรภาพไปเลย ดีที่ทำได้ไม่นานเพราะเรียนไม่ทัน
ตอนนี้เลย เริ่มตั้งเป้าหมาย แล้วกะเวลาไว้หลวมๆ ออกรถ ไปข้างหน้าแต่ยังคงแวะ เวียนมันทุกจุดพัก ระหว่างทาง และออกนอกทางเป็นบางครั้ง แต่ก็ยังคงมีเป้าหมายบ้างล่ะ อิๆ
- atsu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 1
Re: 100 ล้านบาทแรกในชีวิต
โพสต์ที่ 120
จากการตามอ่านบทความของ ดร.นิเวศน์ มาเกือบทุกอาทิตย์
ผมพบว่าหลายๆครั้งบทความของอาจารย์ก็ได้แรงบรรดาลใจจากกระทู้ฮอทๆในเวปเรานี่แหละ
ประมาณว่าอาจารย์แกจะแสดงความเห็นตอบกระทู้โดยผ่านทางบทความ
หลังจากอ่านบทความอาทิตย์นี้ทำให้ผมนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมาอ่ะครับ
ผมพบว่าหลายๆครั้งบทความของอาจารย์ก็ได้แรงบรรดาลใจจากกระทู้ฮอทๆในเวปเรานี่แหละ
ประมาณว่าอาจารย์แกจะแสดงความเห็นตอบกระทู้โดยผ่านทางบทความ
หลังจากอ่านบทความอาทิตย์นี้ทำให้ผมนึกถึงกระทู้นี้ขึ้นมาอ่ะครับ
ก้าวเล็กๆ ในตลาดหุ้น-ก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต
โดย : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในช่วงปี 2539-2540 ซึ่งเป็นปีวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในไทย ผมเป็นหนึ่งในผู้บริหารสถาบันการเงินที่ตกอยู่ในท่ามกลาง "มรสุม" ที่พัดกระหน่ำ
สถาบันการเงินและกิจการธุรกิจ เกือบจะทุกแห่งของประเทศไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่ใหญ่และแข็งแรงที่สุด แต่ละวันเราต้องหาทาง "เอาตัวรอด" นั่นคือ หาเงินจากทุกแหล่งที่ทำได้ เพื่อนำมาคืนผู้ฝากเงินที่กำลังขาดความมั่นใจ และทยอยถอนเงินออกเมื่อตั๋วเงินครบกำหนดอายุการฝาก ทุกวันพนักงานที่ดูแลการฝากเงินจะรายงานว่าวันนั้นมีคนมาถอนออก "สุทธิ" เป็นจำนวนเท่าไร ตัวเลขสามสี่ร้อยล้านบาท ดูเหมือนจะเป็นตัวเลข "ปกติ" เราเรียกว่า Bleeding หรือเลือดไหลไม่หยุด และในไม่ช้าเราอาจต้อง "ตาย" เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดมัน วิธีหนึ่งคือ การรวมกิจการสถาบันการเงินหลายๆ แห่งแล้วอาจหาทุนมาเพิ่ม แต่ในยามนั้น ไม่มีใครต้องการถือหุ้นบริษัทที่ทำธุรกิจ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน ดูเหมือนว่าธุรกิจกำลังล้มละลายทั้งประเทศ และแล้วเมื่อประกาศลอยค่าเงินบาทกลางปี 2540 บริษัทจำนวนมาก และเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงินเกือบทั้งหมดก็ "ล้ม" กันจริงๆ
ผมต้องถูกให้ออกจากงาน ด้วยวัย 44 ปี และวุฒิการศึกษาปริญญาเอกด้านการเงิน โอกาสจะหางานใหม่ในธุรกิจการเงินไม่มีเพราะสถาบันต่างๆ ถูกปิด หรือลดขนาดลง มีลูกเล็กที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนอินเตอร์ที่มีค่าเล่าเรียนแพงลิ่วปีละหลายแสนบาท และภรรยาทำงานพาร์ทไทม์ในฐานะครูเปียโนผมย่อมต้องกังวลว่าจะ "ทำอย่างไรกับชีวิต" หรือถ้าจะพูดกันให้ตรงที่สุดคือ จะจัดการเรื่องการเงินอย่างไร จึงจะอยู่รอดได้ในภาวะที่ธุรกิจต่างๆ กำลัง "ล่มสลาย" โชคยังดีที่ผมพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง ตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 10 ล้านบาทบวกลบ เงินจำนวนนี้ผมคิดดูแล้ว ไม่เพียงพอที่จะส่งลูกเรียนตลอดจนจบปริญญาตรีในสายอินเตอร์ได้ ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่างนอกจากการฝากเงินกินดอกเบี้ย
การบริหารการเงินส่วนบุคคล "มาตรฐาน" ที่บอกว่า ถ้าอายุมากและโอกาสทำงานหาเงินในอนาคตมีน้อยเราก็ไม่ควรลงทุนในอะไรที่ "เสี่ยง" เช่น หุ้น เพราะถ้าเรา "พลาด" เราจะไม่สามารถหาเงินมาใช้จ่ายได้อีก แต่ถ้าไม่ลงทุนในหุ้นเพราะ "เสี่ยงเกินไป" และการฝากเงินก็ไม่ใช่ทางออก การ "ทำธุรกิจ" ก็ยิ่งเสี่ยง โดยเฉพาะยามที่ความต้องการของประชาชนลดลงมากมาย แล้วผมจะต้องทำอย่างไรที่จะรักษามาตรฐานการดำรงชีวิตแบบเดิมได้?
ทางออกที่ผมค้นพบคือ Value Investment! ลงทุนในหุ้นเหมือนกับการทำธุรกิจ ว่าที่จริงจุดเริ่มต้นจริงๆ ควรจะเป็นว่าผม "ทำธุรกิจ" โดยการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์! ด้วยเงิน 10 ล้านบาท ผมสามารถเริ่มทำธุรกิจได้ ไม่ใช่ธุรกิจเดียว แต่หลายๆ ธุรกิจ ธุรกิจที่ผมเลือกต้อง "ปลอดภัย" ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างแรง เช่น อาหารราคาถูก หรือกิจการส่งออกที่ไทยกำลังได้เปรียบในเรื่องค่าเงินบาทที่ลดลงมาก ผมวิเคราะห์แล้วพบว่า มีบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีผลประกอบการที่ดี มีฐานะการเงินยอดเยี่ยมแทบจะ "ปลอดหนี้" และบริษัทนั้นปลอดภัยในแง่การดำเนินการ ที่สำคัญคือ ราคาหุ้นบริษัทเหล่านั้น "ถูกเหลือเชื่อ" ค่า PE มักไม่เกิน 10 เท่า หลายบริษัทเพียง 6-7 เท่า เฉพาะปันผลที่ผมจะได้ เมื่อเทียบกับราคาหุ้นประมาณปีละ 10% ซึ่งแปลว่า ด้วยเงิน 10 ล้านบาท ผมจะได้รับปันผลถึงปีละ 1 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่ผมจะใช้จ่ายได้โดยไม่กินเงินต้น อาจมีประเด็นว่า หุ้นเหล่านั้นแทบไม่มีสภาพคล่องซื้อขาย คือซื้อได้ แต่อย่าหวังจะขายได้ราคา ตลาดหุ้นโดยรวมก็มีการซื้อขายน้อยมาก วันละ 2-3 พันล้านบาท แต่ผมไม่แคร์เลย เพราะผมลงทุนโดยมีสมมุติฐานว่าผม "ทำธุรกิจ" ผมพร้อมที่จะถือไปตลอดชีวิต
ผมไม่ได้เพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นช่วงปี 2540 หลังวิกฤติเศรษฐกิจ ผม "เล่นหุ้น" มานานเป็นสิบปี การเล่นหุ้นของผม เป็นเรื่องของการ "เสี่ยงโชค" โดยอาศัยฝีมือวิเคราะห์ผลประกอบการระยะสั้นๆ ของกิจการกับภาวะตลาดหุ้น ผมเล่นหุ้นเพราะต้องการได้กำไรเร็วๆ เงินที่ได้กำไร ผมก็จะเก็บเข้ามาในบัญชีเงินฝากรวมเข้ากับเงินเดือนและรายได้อื่นๆ ที่ผมได้รับ สำหรับผม คล้ายๆ กับเงินโบนัสที่จะทำให้ผมมีเงินเก็บเพิ่มเร็วขึ้นและมากขึ้น แต่ไม่เคยเป็น "ชีวิต" ของผม ผมไม่ต้องการ "เสี่ยง" เงินจำนวนมากในตลาดหุ้น ผมไม่เคยคิดที่จะ "รวย" จากหุ้น หรือตลาดหุ้น ผมคิดว่าถ้าจะรวยก็ต้องมาจากการทำงาน ว่าที่จริงผมไม่เคยคิดที่จะรวยอย่างจริงๆ จังๆ ด้วยซ้ำ เพราะผมรู้สึกว่าเวลาการร่ำรวยของผมผ่านไปแล้ว หลังจากที่ผมไปเรียนปริญญาเอกที่อเมริกา จบปริญญาเอก ผมคิดว่า เป็นปัจจัยที่ลดโอกาสการเป็นคนรวยไปมาก เพราะข้อแรก เสียเวลากับการเรียนมาก และข้อสอง ทำให้เราไม่กล้าเสี่ยง
ผมเป็น Value Investor โดยความจำเป็น การเปลี่ยนแปลงจากคนเล่นหุ้นเป็น VI ในช่วงปี 2539-2540 นั้นเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้หวังรวยเร็วและก็ไม่คิดว่าจะรวย แม้ต่อมาเมื่อเริ่มเห็นผลว่า สามารถทำผลตอบแทนได้ดี โดยมีความเสี่ยงต่ำผมจะเริ่มตั้ง "ความฝัน" ว่าจะรวย แต่ทั้งหมดก็อิงอยู่กับผลตอบแทน 10% ต่อปี ความรวยที่ผมหวัง มาจากระยะเวลาของการลงทุนที่ยาวมาก คือผมคิดที่จะลงทุนไปจนตายที่ 80 ปี ซึ่งวิธีแบบนี้ ทุกคนรวยได้ถ้ามีความตั้งใจพอ และรักษาหลักการลงทุนแบบปลอดภัยสไตล์ VI อย่างมั่นคง
"ก้าวเล็กๆ" ที่ผมเริ่มเดินเข้าไปในตลาดหุ้นโดยเปลี่ยนวิธีการลงทุนเป็นแบบ VI ในปี 2540 นั้น ได้ส่งผลที่ยิ่งใหญ่กับชีวิตของผม ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนนั้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ผมคิดว่าโชคคงมีส่วนอยู่ไม่น้อย ผมบรรลุเป้าหมายความมั่งคั่งในชีวิตที่เคยตั้งไว้ก่อนเวลา 20 ปี ที่จริงมากกว่าที่ตั้งไว้หลายเท่า นอกจากเงินแล้ว แนวความคิดเรื่อง Value Investment ที่ผมเผยแพร่มาตลอดกว่า 15 ปีได้กลายเป็นแนวความคิดหลักอย่างหนึ่งในตลาดหุ้นไทย คนที่ใช้แนวทางนี้ในการลงทุนต่างก็ทำกำไรได้มากมาย หลายๆ คน รวยเป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุไม่ถึง 40 ปีจากการลงทุนแบบ VI และนั่นทำให้คนจำนวนมากต่างก็มุ่งหน้าสู่ตลาดหุ้น
ประเด็นก็คือ คนที่เพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ต่างก้าวเข้ามาด้วย "ก้าวที่ยิ่งใหญ่" เพียงไม่กี่เดือน หรืออาจเพียงปีหรือสองปี เขาก็คิดไปถึงวันที่ตนเองจะรวยเป็นเศรษฐีที่คนทำงาน หรือผู้ประกอบการอาจจะต้องใช้เวลาเป็นหลายสิบปี พวกเขาคงคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเร็วๆ นี้ และผลตอบแทนที่เขาทำได้ช่วงสั้นๆ ที่ผ่านมาจะดำเนินต่อไปอีกนานเท่านาน ซึ่งทำให้เขารวยได้ แม้จะเริ่มด้วยเงินลงทุนที่ไม่มาก แต่นี่จะเป็นจริงหรือ? ส่วนตัวผมเองคิดว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะซัก 10 ปีที่ผ่านมานี้เป็นช่วงเวลา "พิเศษ"
นักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็น VI ไทยที่สร้างผลตอบแทนในระดับที่นักลงทุนทั้งโลก "อิจฉา" แต่สิ่งนี้คงไม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ และต่อเนื่องยาวนาน ผมเชื่อว่าช่วงเวลาพิเศษนี้น่าจะใกล้จบลงและตลาดหุ้นไทยและ VI จะกลับมาสู่ภาวะปกติ ผมคิดว่าคนที่กำลังเข้ามาในตลาดหุ้นควรที่จะรักษา "ก้าว" ที่จะเข้ามาในตลาดให้เป็น "ก้าวเล็กๆ" คืออย่าหวังผลเลิศเกินไป และถ้าทำได้แบบนี้ จะกลายเป็น "ก้าวที่ยิ่งใหญ่" ในชีวิตในอนาคต