เป็นการดีครับ ที่รู้ตัวเองว่าเราอยากเป็นอะไรหรือประกอบวิชาชีพอะไรในอนาคต
การตั้งความหวังที่จะเป็นนักบินเป็นเรืองที่ดีครับ ขอเป็นกำลังช่วยครับคุณ KAEW MAKE.
ตัวผมเองก็เคยอยากเป็นนักบินครับ
นอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลเพิ่มเติมขณะเรียนอยู่มหาลัย
คือจะมีรุ่นพี่เกือบทุกรุ่นผ่านการคัดเลือกของการบินไทย
ตอนเรียนจบผมจึงได้รุ่นพี่ที่สอบได้แล้วมาช่วยติวให้
โดยเฉพาะในส่วนของการทดสอบความสามารถพิเศษ
นักบินการบินไทย ต้องการวุฒิปริญญาตรีเท่านั้นครับ
ถ้าทำไม่ผิดนะครับ เพราะเวลาล่วงเลยมาพอสมควร (บ่งบอกถึงความสูงอายุ)
รอบแรก เป็นการสอบข้อเขียน
รอบที่สอง เป็นการสอบภาษาอังกฤษ แนว TOEIC ไม่รู้สะกดถูกหรือเปล่า
รอบที่สาม เป็นการสอบสัมภาษณ์กับนักบินคนไทยครับ
รอบสุดท้าย เป็นสอบความสามารถพิเศษและจิตวิทยาโดยฝรั่งจาก SAS
สมัยที่ผมสอบนั้น มีคนสมัครกันเยอะครับ
ผมผ่านมาถึงรอบสุดท้ายพร้อมกับเพื่อนๆ อีก 44 คน
สุดท้ายมีคนผ่านจำนวน 9 คนครับ มีเพื่อนสนิทผมเป็น 2 ใน 9 คนครับในปีนั้น
ส่วนผมไม่ผ่านครับ
กฎของที่นี่คือ ถ้าใครไม่ผ่านรอบสุดท้ายนี่แล้ว ห้ามสมัครตลอดชิวิตครับ
ในการสอบความสามารถพิเศษรอบสุดท้ายนั้น มีการทดสอบหลายชุดมาก
ข้อสอบแต่ละชุดวัดความสามารถที่แตกต่างกันไป
ซึ่งจะวัดความสามารถด้านต่างๆ โดยเราไม่รู้ครับ เช่น
ข้อสอบชุดหนึ่งต้องการทดสอบความถูกต้อง ไม่ใช่ความเร็ว
ผมจำได้ว่าเพื่อนผมคนที่สอบได้ ทำได้แค่ครึ่งเดียวแต่เขาคิดว่าทำได้เกือบถูกหมด
ส่วนผมจำได้ว่าผมทำเสร็จแล้ว ยังมีเวลาเหลือ พอกลับมาทวนมีสิ่งที่มองข้ามพอสมควร เป็นวัตถุประสงค์ครับ
ข้อสอบอีกชุดหนึ่งเป็นสิ่งที่ทดสอบความสามารถในการจดจำคำสั่งหลายอย่าง
เราต้องทำให้ถูกต้องโดยที่ ไม่พลาดจากข้อกำหนดต่างๆ เลย
ตอนสอบสัมภาษณ์จิตวิทยาก็มีการสอบหลายอย่างรวมทั้งสอบการควบคุมการทำงาน
เช่น คนสัมภาษณ์ จะเคาะมือแล้วให้เราใช้มือซ้ายสลับกับมือขวาเดินตามทางที่กำหนดไปเรื่อยๆ
จังหวะในการเคาะก็มีเร็ว และช้า ขึ้นอยู่กับ ผู้ที่สัมภาษณ์จะกำหนด
หลังจากนั้นก็จะถามให้เราตอบที่ 17 x 18 ได้เท่าไหร่ 16 x 16 เป็นเท่าไหร เป็นภาษาอังกฤษ
คงต้องมีการเตรียมตัวพอสมควรครับ ผมเองทำข้อสอบส่วนนี้ได้ดี เนื่องจากรุ่นพี่ติวให้เยอะ
ยังไม่จบครับ หลังจากทำเสร็จแล้ว เขามีวิธีการประเมินผลที่น่าสนใจครับ
คือคนที่ได้คะแนนดีเกินไปหรือต่ำเกินไป จะไม่ผ่านครับคือถือว่า ไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ
จะรับเฉพาะคนที่อยู่ในเกณฑ์เท่านั้น
ตอนสอบไม่ได้ก็เสียใจมากครับ แต่หลังจากคุยกับรุ่นพี่แล้วก็สบายใจมากขึ้น
เนื่องจากว่า นักบินต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจริงๆ โดยเฉพาะนักบินพาณิชย์
เพราะนักบินต้องรับผิดชอบชีวิตผู้โดยสารหลายร้อยชีวิต ยังไม่รวมมูลค่าทรัพย์สิน และเครื่องบินอีก
เพราะฉนั้น ลองย้อนคิดกลับไปแล้ว ก็รู้สึกไม่เสียใจครับ
ตอนแรกที่อยากเป็นนักบินเพราะคิดว่าได้ผลตอบแทนเยอะ
ตอนนี้ ก็ค้นพบว่า มีหลายอาชีพที่สามารถให้ผลตอบแทนได้ใกล้เคียงเหมือนกัน
นอกจากนี้การเป็นนักบินนั้น อาจจะต้องเดินทางบ่อยมาก
ดังนั้นอาจจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่เป็นที่มากนัก รวมถึงเพือนๆ ก็เริ่มหายเนื่องจากเวลาหยุดไม่ตรงกับผู้อื่น
ถ้าเผื่อมีนักบินในที่นี้มาอ่าน จะเพิ่มเติมก็ยินดีครับ เพราะผมได้แค่ออกรายการ "เฉียด" มาครับ
โดยสรุปครับ อยากเป็นกำลังใจให้ ทำในสิ่งที่อยากจะทำครับ
พยายามทำให้ดีที่สุดครับ ถ้าพลาดก็ไม่ต้องเสียใจ ยังมีอาชีพอื่นสำหรับเราเช่นกันครับ
เช่นเป็นนักลงทุนแนว VI นี่ไงครับ พูดแล้วผมก็อิจฉาท่าน ดร.นิเวศน์ ขึ้นมา
ขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้ครับ นานๆ จะมาบ่นให้ฟังสักที