หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 10:00 pm
โดย Eyore
ทำไมทั้ง SCC, TOC, NPC ยังคงขยายงานกันเต็มที่ และยังมีโครงการในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าอีกมากล่ะครับ
ผู้บริหารเค้าไม่รู้เหรอครับ
หรือเค้าคิดว่าธุรกิจจะขยายไปได้เรื่อยๆ
หรือว่าถึง peak แล้วเงินเหลือเยอะ เลยต้องเตรียมไว้รอรอบต่อไป ก่อนถึงช่วงขาลง เดี๋ยวเงินไม่พอ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 10:30 pm
โดย jaychou
ผู้บริหารเค้ารู้ดีว่า ช่วงใกล้ Peak ระดมทุนง่ายกว่าช่วงตกต่ำครับ
งบสวยๆ กู้แบงค์ก็ผ่านง่าย หุ้นกู้เรทติ้งสูงดอกต่ำ หุ้นเพิ่มทุนก็ขายออก
จ่ายโบนัสก็ได้เยอะ ๆ ค่าคงค่าคอมฯ เพียบ
พวกนี้ใครจะไปสนใจว่า cycle เป็นยังไง เค้ามองกันสั้นๆทั้งนั้น
น้ำขึ้นให้รีบตัก น้ำลดตอผุดครับ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 10:31 pm
โดย โป้ง
ถ้า peak แล้วยังไง กำไรจะลดหรือครับ
อยากให้พิจารณาเรื่อง ความสามารถในการแข่งขัน ผู้บริหาร การจัดการ
ดูอย่าง TR , TCB ซิครับ การบริหารการจัดการ เป็นต่อกว่าเรื่องไหนๆ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 22, 2005 11:21 pm
โดย rapp
คุณเจโชว คิดอย่างนั้นจริงๆหรือ ผมอ่านหนังสือรายงานประจำปี NPC ผู้บริหารเขาก็มีเหตุผลเขานะ และเตรียมตัวสำหรับขาลงแล้ว ผมยังคิดว่าผู้บริหาร NPC มีธรรมาภิบาลมากอยู่...
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 1:58 am
โดย jaychou
ผมอยู่ในธุรกิจที่มี cycle (ไม่ใช่ปิโตรเคมี) ยืนยันว่าช่วงpeak โรงงานมีการขยายตัวดีที่สุดครับ ส่วนช่วงขาลง โรงงานบางโรงงานล้มละลาย กำลังผลิตถดถอย
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 4:46 pm
โดย kot31
ผมมีเพื่อนใรนนธุรกิจนี้ครับ ยืนยันได้ว่าผู้บริหารทราบดีครับเรื่องที่ว่าธุรกิจนี้ใกล้ถึงจุด peak หรือเลยจุด peak ไปแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้บริหารยังมีการคุยกันว่าควรจะรอลงทุนหลังจากเศรษฐกิจเริ่มซบเซาดีหรือไม่ โดยเตรียมการลงทุนสร้างโรงงานใหม่ให้เสร็จทันช่วงก่อนถึงเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้งใน cycle หน้า
อย่าลืมว่าการลงทุนสร้างโรงงานใหม่ต้องใช้เวลานะครับ เริ่มศึกษากันตั้งแต่ตอนนี้กว่าจะได้เริ่ม project จริงอาจจะปีหน้าแถมกว่าจะเสร็จพร้อมผลิตอาจเลยไปอีก 2-3 ปีนู่น
นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยและการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจก็มีผลมากครับ ถ้าไปสร้างเอาช่วงเศรษฐกิจกำลังร้อนแรงเกินไป ตุ้นทุนอาจจะยิ่งสูงกว่านี้ (เช่นเมื่อดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น) ยกตัวอย่างเช่น ราคาก่อสร้าง plant TOC (plant แรก ก่อน debottleneck) มีราคาเกือบเท่าราคาก่อสร้างของ plant ROC ของเครือซิเมนต์ไทยทั้งที่มีกำลังการผลิตน้อยกว่าเกือบครึ่ง ก็มีสาเหตุมาจาก timing ของการลงทุนแหละครับ
ผมว่าปัจจัยในการตัดสินใจมันมีเยอะนะครับ จะไปบอกว่าผู้บริหารมองกันสั้นๆอาจจะไม่ถูกซักทีเดียว
Re: ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 5:05 pm
โดย ลูกอิสาน
..
Re: ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 5:05 pm
โดย ลูกอิสาน
Eyore เขียน:ทำไมทั้ง SCC, TOC, NPC ยังคงขยายงานกันเต็มที่ และยังมีโครงการในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าอีกมากล่ะครับ
ผู้บริหารเค้าไม่รู้เหรอครับ
หรือเค้าคิดว่าธุรกิจจะขยายไปได้เรื่อยๆ
หรือว่าถึง peak แล้วเงินเหลือเยอะ เลยต้องเตรียมไว้รอรอบต่อไป ก่อนถึงช่วงขาลง เดี๋ยวเงินไม่พอ
ก็คงเป็นเพราะผู้บริหารเค้าทราบดีไงครับ ว่าเป็นพีคแล้ว และจะเป็นขาลง
เค้าถึงทำการขยายกำลังการผลิต ขนานใหญ่ นอกเหนือจากกู้เงินช่วงนี้ง่ายแล้ว เหตุผลหลักๆ น่าจะเป็นว่า..
กำลังการผลิตมากเท่าไหร่ ต้นทุนต่อหน่วยยิ่งต่ำเท่านั้น
สำหรับปิโตรเคมี อุตสาหกรรมหนัก ที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ มี 3 ปัจจัยเท่านั้นที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันคือ
1 .กำลังการผลิต
2.ครบวงจร ต้นน้ำ-ปลายน้ำ
3.จัดหาวัตถุดิบราคาถูก
ประเด็นอื่นๆ น่าจะเป็นประเด็นรองครับ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 23, 2005 10:31 pm
โดย Eyore
เรื่องขยายกำลังการผลิตก็พอเข้าใจได้
แล้วเรื่องที่ซื้อหุ้น NPC เพิ่มล่ะครับ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
รอช่วงขาลงของวัฏจักรก่อนไม่ดีกว่าเหรอครับ
จะว่าหวังผลควบรวมกับ TOC ก็ดูจะมองสั้นไปหน่อย
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:19 am
โดย genie
เออ ขอขัดพี่ลูกอีสานนิดนึงนะครับ การที่กำลังการผลิตมากเท่าไหร่ ต้นทุนยิ่งมากเท่านั้น นั้นไม่เป็นความจริงนะครับ คำว่า Economic of Scale ไม่ได้อยู่ที่การเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตแต่เพียงอย่างเดียว แต่ Economic of Scale จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ การเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตนั้นๆจะต้องส่งผลให้ต้นทุนการผลิตหน่วยสุดท้ายลดลง หรือเจ้า Marginal Cost ต้องลดลงนั่นเอง ซึ่งการเพิ่มปริมาณการผลิตที่ไม่ได้ทำให้Marginal Costลดลง ไม่ใช่ Economic of Scale ซึ่งเราจะพบเห็นได้บ่อยครั้งว่าทำไมสินค้าหลายประเภทโรงงานขนาดใหญ่ไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีเท่าบริษัทขนาดเล็ก
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 11:08 am
โดย MisterK
Economic of scale ต้องขายได้ด้วยนะครับ ถ้าผลิตมากแต่ demand หด จะกลายเป็นต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มขึ้นมหาศาล
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 11:42 am
โดย chatchai
ขยายๆ ขยายให้กำลังการผลิตเยอะๆครับ ผมชอบ
เพราะราคาพลาสติกจะได้ถูกๆ บริษัทร่วมของผมจะได้มีต้นทุนในการผลิตต่ำๆ
ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตจะได้ถูกลง
สนับสนุนให้ขยายมากๆครับ ให้เกินความต้องการยิ่งดี
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 11:51 am
โดย CK
ผมไม่ชอบครับ ขยายกำลังผลิตเยอะๆ ไม่สนับสนุนให้ขยายครับ
แค่นี้ขยะเราก็ล้นแล้ว มลภาวะเพิ่มอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
รวยก็ดีครับ แต่อยากให้นึกถึงโลกและประเทศโดยรวมบ้าง ไม่ใช่มอง
ในด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว
พวกโรงงานปิโตรเคมีนี่สร้างมลภาวะเยอะมาก
ประเทศที่เจริญแล้วเลยไม่มีโรงงานพวกนี้เพิ่มไงครับ
ใช้วิธีสั่งซื้อเยอะๆ ให้พวกประเทศที่โลภๆ ผลิตเยอะๆ
ซื้อแพงช่วงแรกๆ ไม่เป็นไร เพราะจำนวน supply ที่
ผลิตได้ในแต่ละเดือน พวกผู้ซื้อรู้กันหมด แต่ demand นี่
แปรผันได้ (และเขาคุมได้ส่วนหนึ่ง)
เมื่อถึงเวลา off peak ราคาก็จะลดลงเอง
เขามองราคาเฉลี่ยเป็น 10 ปีครับ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 11:58 am
โดย Golden Stock
Peak หรือยัง ?
ผมว่าตอนนี้ PE ratio คงเป็นตัวสะท้อนให้เห็นแล้วล่ะครับ
เมื่อก่อน ตอนที่ PE สูงมาก สถานการณ์ตอนนั้น บริษัทมีอัตราการเติบโตของกำไรเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
ณ ปัจจุบัน PE ค่อนข้างต่ำ สถานการณ์ตอนนี้ บริษัทมีอัตราการเติบโตของกำไรเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง หรือบางบริษัทอัตราการเติบโตติดลบ
ส่วนเรื่อง Economies of scale เหตุที่ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงได้นั้น เกิดจากการเพิ่มการผลิตในระดับที่ไม่ทำให้ต้นทุนคงที่เพิ่มขึ้น นั้นก็หมายถึงว่าต้นทุนคงที่เฉลี่ยต่อหน่วยจะลดลง ซึ่งต้นทุนรวมต่อชิ้นก็จะลดลง
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:12 pm
โดย chatchai
CK เขียน:พวกโรงงานปิโตรเคมีนี่สร้างมลภาวะเยอะมาก
ประเทศที่เจริญแล้วเลยไม่มีโรงงานพวกนี้เพิ่มไงครับ
คงต้องไปถามผู้บริหารของ SCC กับ PTT ครับว่าเป็นอย่างไร
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:42 pm
โดย Eak71
[quote]
Peak หรือยัง ?
ผมว่าตอนนี้ PE ratio คงเป็นตัวสะท้อนให้เห็นแล้วล่ะครับ
เมื่อก่อน ตอนที่ PE สูงมาก สถานการณ์ตอนนั้น บริษัทมีอัตราการเติบโตของกำไรในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
ณ ปัจจุบัน PE ค่อนข้างต่ำ สถานการณ์ตอนนี้ บริษัทมีอัตราการเติบโตของกำไรในสัดส่วนที่ลดลง หรือบางบริษัทอัตราการเติบโตติดลบ
---------------------
ผมอยากทราบเหตุผลว่าทำไหมหุ้นธุรกิจที่มี Cycle เวลาใกล้ช่วง Peak หรือ Peak แล้ว จะต้องมี PE ต่ำ ทั้งๆที่ความสามารถในการกำไรลดลงแต่ราคาสูง
แล้วเวลาที่เป็นช่วงเริ่มต้นของ Cycle ทำไหมต้องมี PE สูง
ซึ้งตรงกันข้ามกับหุ้นอื่นๆ โดยทั่วไปส่วนใหญ่หุ้นที่มี PE ต่ำจะเป็นหุ้นที่มีราคาถูกไม่ใช่หรือครับ แต่น่าลงทุนหรือไม่คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อยากทราบเหตุผลครับ คือไม่รู้จริงๆ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:51 pm
โดย CK
ผมอยากทราบเหตุผลว่าทำไหมหุ้นธุรกิจที่มี Cycle เวลาใกล้ช่วง Peak หรือ Peak แล้ว จะต้องมี PE ต่ำ
เพราะ p/e คือความคาดหวังของนักลงทุนต่ออนาคตของหุ้นครับ
คนยอมซื้อหุ้นที่ p/e สูงๆ เพราะคาดว่าอนาคต e น่าจะสูงขึ้นไปอีก
คนไม่ยอมขายหุ้นที่ p/e ต่ำๆ เพราะคาดว่าอนาคต e จะต่ำลงไปอีก
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:53 pm
โดย Golden Stock
แบบที่คุณ CK อธิบายครับ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:55 pm
โดย โป้ง
ผมไม่เห็นด้วย ที่จะเอา p/e มาเป็นหลักในการวัด เพราะมันไม่ครอบคลุม มีปัจจัยอีกเยอะ (มี p/e มีปัจจัยอยู่ที่ราคาซื้อ ความมั่นใจของนักลงทุน ซึ่งบางครั้งมองผิดก็มี )
อย่างในเวลานี้ TOC - NPC จะทำการควบรวมกิจการ หมายถึงอะไร หมายถึง ภาวะก่อให้เกิดการผูกขาดในตลาด
P/e เป็น indicate ในแง่มุมหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่หลักวิชาการที่จะมาชี้ขาด cycle ได้ มีปัจจัยในมุมอื่นอีกเยอะที่ควรพิจารณา การผูกขาดของธุรกิจ ผู้บริหาร การจัดการ ภาวะเศษรฐกิจ , ราคา raw-material
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 12:57 pm
โดย jaychou
TOC ผลิตอะไร NPC ผลิตอะไรเหรอคับ ควบรวมแล้วถึงจะผูกขาดในตลาดได้ ช่วยอธิบายนิดนึงครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องปิโตร
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 1:17 pm
โดย Eak71
เพราะ p/e คือความคาดหวังของนักลงทุนต่ออนาคตของหุ้นครับ
คนยอมซื้อหุ้นที่ p/e สูงๆ เพราะคาดว่าอนาคต e น่าจะสูงขึ้นไปอีก
คนไม่ยอมขายหุ้นที่ p/e ต่ำๆ เพราะคาดว่าอนาคต e จะต่ำลงไปอีก
แต่ทำไม PE จึงต่ำ ทั้งๆที่กำไรนิดเดียวแต่ราคาแพงมาก ช่วยอธิบายอีกหน่อยนะครับ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 1:18 pm
โดย โป้ง
ทั้ง TOC NPC มี ปตท.-ปูนซีเมนต์ไทย ถือหุ้นใหญ่อยู่ครับ
Npc , Toc ผลิตโอเลฟินส์ เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีครับ โดยวัตถุดิบตั้งต้นพวกก๊าซ แอลพีจีได้จาก ปตท.
เมื่อผลิตโอเลฟินส์ได้ ก็นำไปสู่ขบวนการปิโตรเคมีอื่นๆ(เครือปูนใหญ่ที่ครอบครองธุรกิจส่วนนี้อยู่)
การเข้ามาควบรวมกิจการ ก็เป็นการผูกขาดธุรกิจต้นน้ำ และต้องยอมรับว่า แม้ยังไม่ได้ควบรวมกิจการกัน ทั้งสองบริษัทก็กิน market cap. เกือบครอบคลุมทั้งหมดแล้ว
กิจการที่รวมเป็นหนึ่ง และมีธุรกิจในเครือ ตลอดสายการผลิต ผูกขาดในตลาด นำไปสู่การจัดการด้วยต้นทุนที่น้อยลง เพิ่มกำลังการผลิต
(และผลพลอยที่ผมคิด เป็นการเชื่อมการร่วมมือกัน ของยักษ์ใหญ่ ptt-scc ในอนาคต)
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 1:36 pm
โดย Golden Stock
PE ไม่ใช่ตัววัด แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นความรู้สึกอะไรบ้างอย่าง
วงจรชีวิต ในแต่ล่ะช่วงจะมีการเติบโตที่แตกต่างกัน
ดังนั้นผมจึงจับ หรือคาดการณ์ หรือเดา หรือตีความ
จากอัตราการเติบโต ของหุ้นในกลุ่มเหล่านี้
ช่วงก่อนหน้านี้ เคยมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
ปัจจุบัน อัตราการเติบโตมีลักษณะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง
บางบริษัทไม่มีอัตราการเติบโต หรือติดลบ
ทั้งนี้ ใครจะมองอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ลวนแต่เป็นการคาดการณ์อนาคตทั้งนั้น
แต่การคาดการณ์ควรอยู่บนพื้นฐานของอดีตและปัจจุบันด้วยครับ
แล้วลองคิดเล่นๆ นะครับ ว่าราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มปิโตรฯ จะสูงกว่าจุดสูง
สุดที่เคยทำได้ไปได้อีกเท่าครับ
ก็ขอให้โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 1:53 pm
โดย CK
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 24, 2005 9:11 pm
โดย LOSO
ที่บอกว่า SCC ยังคงขยายงานอย่างเต็มที่ ...........
ผมว่าคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงนะครับ ...............
ล่าสุดผู้บริหารให้สัมภาษณ์แล้วนะครับ ว่าเบรกเพราะต้นทุนค่าก่อสร้างสูงมโหฬาร ....
เวลาปิโตรเริ่มลงหรือเป็นขาลงเต็มตัว ค่าก่อสร้างโรงงานที่เดินหน้าเซ็นสัญญาไป
แล้ว สร้างไปแล้ว ไม่ลดตามด้วยนะครับ .............
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 25, 2005 12:46 am
โดย โป้ง
คุณ LOSO มองขาลง ของกลุ่มปิโตร จากปัจจัยอะไรเป็นหลักครับ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 25, 2005 9:11 am
โดย HI.ผมเอง
ว่าจะไม่เขียนเรื่อง peakไม่peakแล้วนะเพราะเขียนบ๊อยๆบ่อย
แต่อดไม่ได้
ขอแจมนิดนึง
demand peak ก่อน
over supply ตามมา จากการขยายกำลังการผลิต
มีหลายคนสงสัยว่า ผู้บริหารเค้าไม่ทราบหรือว่า มันกำลังจะ peak ถึงได้ลงทุนเพิ่มการผลิตกันมากมาย
ผมว่าเหตุผลก็คือ
ผู้บริหาร มักจะมองไปข้างหน้า
แต่ผู้ถือหุ้นคือผู้เฝ้าระวัง
ผู้บริหารมีหน้าที่บริหารกิจการให้มีผลประกอบการเติบโตไปข้างหน้าครับ ไปข้างหน้าจริงๆ
ทั้งๆที่ทุกคนเชื่อว่าธุรกิจปิโตรเคมี มาถึง peak แล้ว ...
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 25, 2005 10:35 am
โดย โป้ง
demand peak ก่อน
over supply ตามมา จากการขยายกำลังการผลิต
demand ใกล้ถึง peak หรือยัง
เพราะ qty. order ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยังไม่ลดลงครับ (ตรงนี้ขอฟันธง)