หน้า 1 จากทั้งหมด 1

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2005 11:46 pm
โดย visanuu
เอามาจากหนังสือของคุณWEBครับ PHATRA เป็นอีกรายที่กลับบ้านเก่าไปแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ต้องทำอะไรจริงๆกับกฎเกณฑ์ การนำหุ้นเข้าตลาดแล้วครับ KIM-ENGนี่ก็แสบจริงๆ ตั้งราคาแบบนี้ แล้วอ้างตลาดตามเคย ว่ามันไม่ดี ถึงจะมีGreen shoe สักที่เท่า มันก็ช่วยไม่ได้หรอก ผมว่าถ้าตลาดพูดได้ คงด่าเละไปแล้ว อ้างสิ่งที่ไม่มีชีวิตอยู่ได้ แล้วไอ้คนที่มันตั้งราคา ตั้งแต่แรก มันทำถูกแล้วเหรอ ผมว่านักลงทุนในwebbaordนี้ ยังเก่งกว่าunderwriterพวกนั้นหลายเท่า
ผมไม่ได้เล่นหรอกครับ เลิกแล้วกับIPO แต่ผมเห็นว่ายังมีนักลงทุนใหม่ๆบางคน ไม่ทราบ หลงเชื่อก็เสร็จมาร์ฯทุกที ผมว่าตลาดไท,ตลาดสี่มุนเมือง ยังดีกว่าอีกเลย มาตราฐานของบ้านเรามันอยู่ตรงไหน จรรยาบรรณ กับธรรมาภิบาล อยู่ที่ไหน

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:05 am
โดย Dr.T
เฮ่อๆๆ ผมซึ่งมานานแล้วครับ เลิกยุ่งกับไอ้ป๋อนี่เด็ดขาดไม่ว่ามันจะมาแบบไหน

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:38 am
โดย sopita
บทเรียนของการตั้งราคาสูง จริงอยู่ที่ Phatra ได้ deal ใหญ่ เช่น EGAT อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาการซื้อขายต่าง ๆ ยังไม่มีความแน่นอน การให้ premium กับส่วนนี้มากเกินไป ทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยง อีกอย่างนะ ไม่อยากว่าหรอก ว่ากรรมเดี๋ยวนี้น่ะ มันติดจรวด Phatra จะได้รู้ซึ้งถึงน้ำตาของรายย่อย ที่กระอักเลือกมาจากการซื้อหุ้น IPO "GLOW" บ้าง
ก็ตัวเองทำ underwrite แถมมี greenshoe ขึ้นเครื่องหมาย stabilize หุ้น แต่ไม่ protect รายย่อยเลยแม้แต่น้อย greenshoe ที่เขาทำกัน ไม่ใช่เพราะต้องการ protect ราคาหุ้น IPO หรอกหรือ แต่ Phatra เอง กลับไม่ทำ และใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎกลต. ที่ให้ซื้อหุ้น greenshoe คืนได้ในราคาต่ำกว่า IPO (กลต.ให้ซื้อหุ้นคืนได้ตั้งแต่ราคาเท่ากับ IPO และต่ำกว่า ซึ่งจริง ๆ คือ ควรมีจรรยาบรรณ และยันหุ้นไว้ที่ IPO จนกว่าจะหมดจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนได้ โดยไม่หวังการทำกำไรจาก greenshoe เนื่องจากได้ค่า underwriter fee แล้ว แต่ Phatra เองไม่ทำแม้แต่น้อย กำไรจาก greenshoe GLOW ได้มาเน็ต ๆ 176.8 ล้านหุ้น ก็คือ ที่เฉลี่ย 21.38 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคา IPO ที่ 24 บาท มาก ๆ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยโดนตำหนิในเรื่องมารยาทและจรรยาบรรณที่ควรจะเป็นแม้แต่น้อย) ดังนั้น หากครั้งนี้ กิมเอ็งจะไม่ใช้ greenshoe ในการรักษาราคาหุ้น เหมือน Phatra ทำ มันก็ไม่ผิดหรอก และ Phatra ก็ไม่มีสิทธิตำหนิกิมเอ็งด้วย
ทีวูทีอิท
แต่แย่ที่รายย่อย ซึ่งต้องขายหุ้นต่ำจอง ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของหุ้นที่จะจองซื้อ รวมทั้งจรรยาบรรณของ underwrite ให้มาก ๆ ด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง :twisted:

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 7:27 am
โดย Jeng
แฟร์ครับเรื่อง IPO อืม เอ จริงๆแล้วตั้งแต่ผมเล่นมา 3 ปีให้หลังนี้ ไม่เคยซื้อเลยแฮะ

นักลงทุนเอง ก็ควรศึกษาและได้รับบทเรียนไป ว่าของซื้อของขาย มีได้มีเสีย

หรือไม่ก่อนลงทุน ก็ควรหัดเล่นไพ่ไปก่อน ที่สำคัญเวลาเล่นเสีย อย่าโทษคนอื่น

เรื่องนี้เป็นเรื่องของกติกา หุ้นแต่ละตัวที่ IPO เขาใช้ภาษาแปลกๆ ทำให้นักลงทุน ที่มีเงินแต่อ่านไม่ค่อยเข้าใจ เช่น

PAP
เราประเมิณราคาเหมาะสมของ PAP เท่ากับ 52 บาทต่อหุ้น ภายใต้วิธีส่วนลดกระแสเงินสดที่อัตราส่วนลด ( WACC ) 13 % ในช่วงระยะเวลา 2547 - 2533 ที่ราคาเหมาะสมจะซื้อขายที่ P/E ปี 47 เท่ากับ 11 เท่า EV/EVITDA 6.9 เท่า P/BV 2.6 เท่า นอกจากนี้ฐานะการเงินแข็งแกร่ง คือ มีฐานะเงินสดสุทธิหลัง IPO

WACC คืออะไร
EV/EVITDA คืออะไร
ฐานะเงินสดสุทธิ คืออะไร

ทำไมต้อง PE 11 ? หรือว่ายอดขายเหล็กจะดีไปอีก 11 ปี แล้วหวังว่า 11 ปีคืนทุน แล้วที่เหลือไปลุ้นต่อ

ผมคิดว่ากิจการที่เป็น cycle มีขึ้นมีลง เราน่าจะซื้อตอนที่ยอดขายกำลังขึ้น ในขณะที่ราคาถูกปั่นลง

เห็นได้อย่างชัดเจน ว่าถ้าโบรกเกอร์ทำราคา IPO ให้สูงไม่ได้ เจ้าของก็หาโบรกเกอร์ใหม่

conflict of interest ชัดๆ

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:58 am
โดย jaychou
แต่ถ้าไม่มี IPO เลย ก็จะไม่มีตลาดหุ้นนะครับ
ถ้าช่องทางนี้ระดมทุนไม่ได้ถูกกว่ากู้แบงค์ หรือตั๋วเงิน
บริษัทไหนเค้าจะมาขายหุ้นให้วุ่นวาย

ตลาดอารมณ์ดี เป็นโอกาสของเจ้าของกิจการจะระดมทุนครับ

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 10:11 am
โดย nana
Investment bank (IB) มีบทบาทสำคัญในระบบธุรกิจ
IB ช่วยบริษัทหาทุนในการขยายธุรกิจ การขยายธุรกิจทำให้
เศรษฐกิจขยายตัว เกิดความมั่งคั่ง เกิดการสร้างงาน

ทุนเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด บทบาทของ IB ที่ควรจะเป็น คือเป็นผู้คัดสรรว่า
บริษัทสมควรได้รับทุนไปประกอบธุรกิจหรือไม่

โดยที่ IB มีความเสี่ยงในการรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์
(firm commitment) เพราะอาจต้องรับซื้อหลักทรัพย์ไว้เองหากขายไม่หมด
ดังนั้น IB จึงต้องทำความเข้าใจธุรกิจของบริษัทที่ตนจะรับประกัน และโดยหลัก
ต้องคัดสรรบริษัททีดี(ผู้บริหารดี แผนธุรกิจดี โมเดลธุรกิจเยี่ยม) มาเท่านั้น

แต่ในโลกของความเป็นจริง แม้แต่ในอเมริกาเอง IB
ก็สนใจเฉพาะค่า fee จากการ underwrite มากกว่าสิ่งอื่นใด
โดยเฉพาะในช่วงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับความสนใจ
จากนักลงทุนจำนวนมาก IB จึงไม่กลัวความเสี่ยงที่จะขายหุ้นไม่หมด

ตัวอย่างที่โหดร้ายคือ กรณี pets.com ในปี 1999
บริษัทมียอดขาย 5.8 ล้านเหรียญ
มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 61.8 ล้านเหรียญ
แต่ทว่า Merrill Lynch(ซี้ PHATRA) ทำหน้าที่จัดจำหน่ายหุ้น IPO
ให้ในเดือน กพ. 2000 บริษัทได้เงิน 66 ล้านเหรียญ
Merrill Lynch ได้ค่า fee มากกว่า 4 ล้านเหรียญ
10 เดือนให้หลัง pets.com ยื่นคำร้องขอล้มละลายและเลิกบริษัทไป

หลายคนโทษนักลงทุนที่ไม่ยอมศึกษาข้อมูล
แล้ว วันนี้ IB ทำหน้าที่ของตัวเองแล้วหรือยังล่ะ

ASP (สุดยอดวาณิชธนากรของเมืองไทยอยู่ที่นี่) กับหุ้น DE
TISCO (บริษัทที่ได้ชื่อว่าบทวิเคราะห์ดีที่สุด) กับ TNX PAP
ZMICO กับ GRAND BOL
KIMENG กับ DCON
บล.ธนชาติ (มี CEO ที่อายุน้อยที่สุด เขียนหนังสือ/บทความด้วย) กับ PONG

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 10:53 am
โดย สุมาอี้
ปตท. ตอน IPO ก็ต่ำจองนะ อย่าลืม

เห็นคุณสุนันท์ เขียนลงใน Thaicooืืn ว่ากฏเกณฑ์ของ greenshoe ตอนนี้หละหลวมมาก คือถ้าหุ้นต่ำจองแล้ว กลต.ไม่ได้บังคับให้เข้าไปซื้อคืนทันที IB ก็เลยรอให้หลุดจองลึกๆ แล้วค่อยซื้อเพราะจะได้กำไรส่วนต่างเพิ่มขึ้นอีก

สงสารรายย่อยจริงๆ เป็นเป้าให้เขายิงอย่างเดียวเลย

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 12:29 pm
โดย MisterK
ต้องมีกฏรับประกันคุณภาพ 90 วันครับ ถ้าไม่พอใจคืนหุ้นให้บริษัทจัดจำหน่ายได้ในทุกกรณี ทองแท้หรือทองเทียมรู้ได้แน่นอน ไม่มีใครกล้าตั้งราคา over price แน่

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 12:35 pm
โดย stronger
ตั้งสูงเกิน ก็โดนคดีได้เหมือนกัน

แบบ zmico เพิ่มทุนในอดีต ตั้ง IPO สูงเกิน เลยถูกดำเนินคดี

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:08 pm
โดย Jeng
เล่นตามกติกาครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

หลายคนโทษนักลงทุนที่ไม่ยอมศึกษาข้อมูล 
แล้ว วันนี้ IB ทำหน้าที่ของตัวเองแล้วหรือยังล่ะ 
และอย่าไปโทษ IB เลย

ถ้าจะให้ดีต้องเปลี่ยนกติกาเป็น

IB มีรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากกำไร จากการขายหุ้น ของคนจองซื้อ

สมมุติว่า ตกลงกับบริษัท ก. ไว้ 10 ล้าน แต่ยังไม่ได้นะครับ แล้วก็ไปทำ IPO เมื่อมีคนจองซื้อ แล้วขายได้กำไร ถ้าน้อยกว่า 10 ล้าน IB ก็รับไปแค่นั้น ถ้ามากกว่า 10 ล้าน IB ก็รับ 10 ล้าน ส่วนเกินเอาไปคืนบริษัท ก

กติกาใหม่แบบนี้ จะทำให้นักลงทุน แห่กันจองอย่างเดียว เพราะ IB จะต้องกดราคาบริษัทที่จะเข้ามาครับ

อันนี้แนะนำเล่นๆ ไม่น่าเป็นไปได้ ยกเว้นผมเป็นกลต.

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 1:20 pm
โดย jaychou
สงสัย..... ท่านๆที่จองหุ้น IPO ได้ศึกษาหนังสือชี้ชวนโดยละเอียดก่อนหรือเปล่า
อย่าง TNX หากได้อ่านหนังสือชี้ชวน...เห็นแต่หุ้นเก่าของเจ้าของขนมาขายทั้งนั้น
ผมว่าไม่น่าเข้าไปซื้อเลย ลงทุนไปกิจการก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ซื้อไปเป็นกำไรเจ้าของเก่าแท้ๆ

แต่ก็แปลกที่หุ้นขายหมด

แล้วจะโทษใครครับ :lovl:

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 2:38 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

แล้วจะโทษใครครับ 
โทษซิ โทษที่ไม่ได้เข้ามาสัมนาทีเด็ดรวยหุ้นหมื่นล้าน อิอิ แซวเล่น

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 2:43 pm
โดย สุมาอี้
ปกติ IB ก็ต้องรับของไว้เองอยู่แล้วนะครับ IB ส่วนมากจะเป็น Underwriter ด้วย คือ ถ้าหุ้นจองขายไม่หมด ๊ืUnderwriter จะต้องรับซื้อไว้เอง แลกกับการได้รับค่าตอบแทน 3% ของหุ้นจองที่ขายได้

ปัญหาจึงน่าจะอยู่ที่ Investors มากกว่าที่ชอบจองหุ้นโดยไม่สนใจ Valuation ไม่ว่าเขาตั้งราคาสูงขนาดไหนก็ไปแย่งซื้อกันจนหมด เพราะคิดว่าจะออกได้ทันคนอื่น

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 3:03 pm
โดย fantasia
อาจจะฟังดูไม่ดีนัก
แต่เรื่องจริงก็คือไม่มีใครเค้าบังคับให้ซื้อ IPO นี่ครับ
ในเมื่อตั้งราคานี้แล้วขายหมดเค้าก็ย่อมต้องการตั้งแพง ๆ เป็นธรรมดา

IPO มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นในตลาดแต่เฉลี่ยรวมแล้วมักให้ผลตอบแทน
ที่ต่ำกว่าหุ้นที่อยู่ในตลาดแล้ว
แต่ถ้าคุณจะหาหุ้นที่สามารถขึ้นมากกว่า 100% ในเวลาไม่นาน
คุณก็ต้องหาจากหุ้น IPO นี่แหละครับ

ถ้าผมมีเงินแค่ 80 บาท แต่ต้องการเงิน 4,000,000
ผมก็คงต้องซื้อล็อตเตอรี่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการซื้อล็อตเตอรี่
ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยน้อยกว่า 0%

ผมขอสรุปว่านักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ เป็น risk lover
ผิดกับสมมุติฐานที่ตำราการลงทุนว่าไว้โดยสิ้นเชิง

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 3:19 pm
โดย CK
อาจจะฟังดูไม่ดีนัก
แต่เรื่องจริงก็คือไม่มีใครเค้าบังคับให้ซื้อ IPO นี่ครับ
ที่ไม่อยากแจมกระทู้นี้ตอนต้น เพราะไม่อยากพูดแบบนี้ครับ

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 3:21 pm
โดย MisterK
ผมคิดว่าจะโทษนักลงทุนรายย่อยอย่างเดียวก็คงไม่ถูก เพราะจะมีซักกี่คนที่รู้เท่าทันหนังสือชี้ชวน บางครั้งประเด็นมันมีอยู่ไม่กี่บรรทัด (เซียนยังถูกหลอกได้) ต้องเป็นระดับปรมาจารย์ของห้องนี้ถึงแกะได้ก็มี เพราะพวกที่ทำนี่เป็นอาชีพอยู่แล้ว ในขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คงไม่มีใครจบบัญชี หรือ MBA มา

มันเป็นข้อที่ต้อง Debate กันอย่างมากเลยว่า ไม่มีใครบังคับให้ซื้อ หรือควรจะมีกฏกติกาป้องกันการนำสินค้าด้อยคุณภาพมาย้อมแมวขาย

IPO มันแปลว่า it's probably overprice จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 01, 2005 5:36 pm
โดย MO101
ควรดูราคา และคุณภาพ IPO เป็นหลักครับ
ส่วนใหญ่ มักจะดูว่าใครเอาเข้าตลาด แล้วก็คิดว่า IPO กำไรค่อนข้างแน่
ลองเอาสถิติ จับดูก็จะรู้ว่า IPO ไม่เคยขายถูก

- IB มีเปอร์เซ็นจากการขาย ถ้าขายแพงได้เงินมาก
- เจ้าของมีส่วนได้เสีย ถ้าขายแพงได้เงินมาก
- โบรก มีเปอร์เซ็นจากการซื้อขาย
- คนซื้อ มี ................ หาไม่เจอแฮะ :lol:

สิ่งที่กลัวคือ ขายไม่หมด
- IB จะต้องรับซื้อ
- เจ้าของจะไม่ได้เงิน
- โบรก ได้ค่าคอมน้อย
- คนซื้อ ........ หาไม่เจอแฮะ :lol:

จากสมเกินข้างต้นทำให้
เกิดแรงจูงใจในการลงโฆษณาเพื่อให้ขายหมด
มากว่าลดราคาเพื่อให้ขายหมด
- นสพ ได้ลงข่าว
- โบรก ได้ออกบทวิเคราะห์
- คนซื้อ จะได้มีเรื่องคุยกัน