หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:15 am
โดย SmileGraycop
ถ้าช้างเข้าตลาด ดัชนีรวมจะสูงขึ้น แต่สิ่งที่ได้มาคือการระดมทุนมหาศาลผลคือสุราและเบียร์จะราคาถูกลง จะเกิดแรงบีบผ่านช่องทางจัดจำหน่ายให้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์วางขายหยิบได้ง่ายเหมือนน้ำผลไม้ ผลิตภัณท์ใหม่ๆเกี่ยวกับแอลกอฮอล์จะถูกผลิตออกมาเจาะกลุ่มลูกค้าอายุน้อยลงคือวัยรุ่น ต้นทุนสังคมจะเพิ่มขึ้นมหาศาล และเป็นโอกาสให้ธุรกิจผิดศีลธรรมอย่างอื่นตามเข้ามา ในทรรศนะของกฎแห่งกรรมแล้วผู้ซื้อหุ้นมีส่วนร่วมในการประกอบอกุศลกรรมด้วย แต่ใครจะไปสนใจในเมื่อยุคนี้คนส่วนใหญ่เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ผมก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:19 am
โดย harry
สิ่งที่ได้มาคือการระดมทุนมหาศาลผลคือสุราและเบียร์จะราคาถูกลง
ทำไมทุกคนถึงคิดว่าถูกลงกันหมดเลยนะ แล้วมัยไฟฟ้าเข้าตลาดจะขึ้นราคาค่าไฟอ่ะ

ถ้าต้องการให้กำไรดีขึ้น ก็ทำอย่างใดอย่างหนึ่งคือ ขึ้นราคา กับขายให้ได้มากขึ้น หรือทำทั้งสองอย่าง

แล้วมัยกลายเป็นสุรา เบียร์ ราคาถูกลงล่ะครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:39 am
โดย CK
ทำไมทุกคนถึงคิดว่าถูกลงกันหมดเลยนะ แล้วมัยไฟฟ้าเข้าตลาดจะขึ้นราคาค่าไฟอ่ะ
เป็นคำถามที่ดี น่าคิด

คงเพราะช้างมีคู่แข่ง ในขณะที่กฟผ.ผูกขาดมังครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:45 am
โดย โป้ง
ทำไมทุกคนถึงคิดว่าถูกลงกันหมดเลยนะ แล้วมัยไฟฟ้าเข้าตลาดจะขึ้นราคาค่าไฟอ่ะ

ถ้าต้องการให้กำไรดีขึ้น ก็ทำอย่างใดอย่างหนึ่งคือ ขึ้นราคา กับขายให้ได้มากขึ้น หรือทำทั้งสองอย่าง

แล้วมัยกลายเป็นสุรา เบียร์ ราคาถูกลงล่ะครับ
เงินทุนไปพัฒนา ระบบการผลิต เครื่องจักร ทำให้ cost ต่ำลง product สู่ตลาดมากขึ้น


ส่วนไฟฟ้า เข้าตลาดนำเงินไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ การผลิตกระแสไฟฟ้า cost ส่วนใหญ่อยู่ที่ต้นทุนเชื้อเพลิง

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 1:33 pm
โดย คัดท้าย
OISHI เข้าตลาด ถูกลงหรือเปล่าครับ
S&P ลดราคาหรือเปล่าหลังเข้าตลาด
การบินไทย ลดราคาตั๋วมั้ยครับ หลังเข้าตลาด
SSC ลดราคาเป๊บซี่หรือเปล่า
TF ลดราคามาม่าหลังเข้าตลาดหรือเปล่าครับ
PB ลดราคาฟาร์มเฮ้า หลังเข้าตลาดหรือเปล่า
POMPUI ....
TIPCO ...
MALEE ...

ใครได้เช็คราคาหุ้นดังกล่าวตอนก่อนเข้าและหลังเข้าตลาดมั่งครับ

ผมจำได้ตัวเดียว โออิชิ เนี่ยขึ้นราคาบุฟเฟ่หลังเข้าตลาดแบบจรวดเลย ผมเลยเลิกกินเลยครับ :evil:

ปล. ไม่ได้ว่าเข้าข้างช้างนะ แค่จะบอกว่า การตลาด มันมีหลายแบบ เรื่องลดราคาไม่ใช่คำตอบครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 1:38 pm
โดย Mon money
อ้าว...ถ้าเอาเข้าตลาดแล้วต้องมาคอยลดราคา ก็จะมีใครซื้อหุ้นเล่า

เงินเฟ้อขึ้นทุกปี ลดราคาก็เท่ากับลดสองเด้งเลยนะ

ต้นทุนเพิ่ม บริษัทก็ต้องเพิ่มราคาขายได้ หรือลดต้นทุนได้ เพิ่มยอดขายได้ พากันลดหมดก็พังซิ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 1:42 pm
โดย harry
นั่นสิ เห็นประท้วงจัง ว่าเบียร์จะถูกลง ทำให้มอมเมากันหนักกว่าเดิม

โออิชิ บุฟเฟ่ต์ ไม่เคยกินเลยอ่ะ แพงจัง

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 1:50 pm
โดย ปรัชญา
เรื่องราคาถูกคงไม่ใช่หลักการไปสู่ความสำเร็จแผนการตลาด


เท่ากับได้ลดภาษี ที่น่าจะยังใช้ได้ผล ก็เล่นเรือ พ่วง :drink:

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 2:06 pm
โดย อองตวน
ผู้บริหารบริษัทที่จดทะเบียนมีความหน้าที่เพิ่มความมั่งคั่งแก่ผู้ถือหุ้น
ต้องหาทางเพิ่มกำไรทุกปีทุกปี ให้กิจการไงครับ ถ้าบริหารต้นทุนการผลิต
ต่อหน่วยได้ต่ำลงถือเป็นกำไรให้กิจการ ไม่ลดราคาขายถ้าไม่เกิดสงคราม
ตัดราคา แต่ถ้าลดแล้วสามารถเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นกว่า ก็โอเค
คนไม่ดื่มเหล้าเบียร์ ถูกลงยังไงเขาก็คงไม่ซื้อดื่ม
จึงต้องไปสำรวจลูกค้าเดิมว่าราคาถูกลงจะบริโภคเพิ่มหรือไม่
ตัวผมคิดว่า ยอดขาย เหล้า/บุหรี่ มีความเกี่ยวพันน้อยกับ ระดับราคา

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 2:10 pm
โดย tom
เหล้าเบียร์ ไม่น่าจะถูกลงนะครับ มีแต่จะแพงขึ้น
การเข้าตลาดหุ้นน่าจะเอามาระดมทุนเพื่อให้การแข่งขันกับต่างชาติได้มากกว่านะครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 2:34 pm
โดย โป้ง
ก็เห็นบอกจะไปแข่งขันกับเบียร์ต่างชาติ ถ้าไม่ลดราคาแล้ว จะไปแข่งอะไรกับเขา ถามหน่อยเหอะ (รสชาติแย่ เห็นคนชอบดีกรีแรงและราคาถูก) พวกรากหญ้าคนชั้นระดับล่างเขากินกันระดับบนเขาไม่มากินหรอกครับ

เบียร์ช้างเป็นเบียร์ระดับล่าง ถ้าจะแข่งขันต้องเรื่องราคา only การผลิต มีเพียงพอแล้วครับในบ้านเรา

........................................................................................

ถ้าไม่ไปลดต้นทุนการผลิต แล้วจะเพิ่มทุน 200,000 ล้าน(มากกว่า PTT ที่เป็นสายเลือดหลัก เสียอีก) ไปเพื่ออะไร เงินเอาไปทำอะไร

อย่าหนีความจริงดีกว่า เบียร์ช้าง ตลาดใหญ่สุดก็บ้านเรานี่แหละ ไม่ใช่เมืองนอก (พูดดักทางกันไว้เลย)
........................................................................................

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 7:06 pm
โดย harry
ถ้าตัดหัวข้อศีลธรรมไปเลย จะซื้อหุ้นเบียร์ช้างมั้ย

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 8:05 pm
โดย Supra
:roll: :wink:

มาแน่ชัวร์เลยใช่ไหมครับ รอเรื่องเงียบๆค่อยเข้ามา สมฉายา
จอมยุทธไร้เงาจิงๆๆ วิชาพ่วงของท่านเล่นเจ้าสำนักเดิมกะอักไปเลยย แต่ผมสงสัยจังว่าภาษีสรรพสามิตสุรา เหล้า เบียร์ ที่ท่านนายกว่าจะขึ้นๆๆ แต่ทำไมๆๆ เบียร์ก้อยังขายได้ดีเหมือนเดิม แถมอาจยังจะเพิ่มขึ้น ไหนว่าจะรณรงค์ลดการดื่ม เมาไม่ขับ ไม่รณรงค์ ห้ามขาย ไม่เมา ไม่ตาย น่ะ 8)

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 9:01 pm
โดย tok
ศึกเบียร์พลิก"สิงห์"จี้"ช้าง" ขายพ่วงเสื่อม"สันติ"ลั่นทวงแชมป์

วงการตะลึง ! ตัวเลขค่ายเบียร์ "ช้าง" สะดุด กรมสรรพสามิตเผย 3 เดือนแรก ยอดผลิตร่วง มาร์เก็ตแชร์ลดวูบเหลือแค่ 54% จากต้นปี 47 มีมากกว่า 70% ขณะที่ค่ายสิงห์สุดแฮปปี้ สิงห์-ลีโอสวนกระแสยอดพุ่ง ขยับส่วนแบ่งตลาด 40% คนในวงการชี้ปมเจ้าตลาดออกอาการแผ่ว แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น-ขายพ่วงสิ้นมนต์ขลังทำยอดแป้ก "สันติ ภิรมย์ภักดี" ลั่นอีก 12 เดือน ยึดบัลลังก์คืนแน่

รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิต เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสัดส่วนปริมาณการผลิตเบียร์ของผู้ประกอบการค่ายต่างๆ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2548 (มกราคม-มีนาคม) ว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าโดยภาพรวมของบริษัทไทยเบฟเวอร์เรจส์ จำกัด (มหาชน) ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง และเบียร์อาชา มีสัดส่วนตัวเลขการผลิตน้ำเบียร์เพื่อเสียภาษีสรรพสามิตในปริมาณที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยการผลิตในเดือนมกราคมคิดเป็น 59% ของการผลิตเบียร์ทั้งหมดในตลาด ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ตัวเลขลดลงมาอยู่ในระดับ 57% และเดือนมีนาคมตัวเลขอยู่ที่ 54%

ค่ายสิงห์หายใจรดต้นคอ

ขณะที่ปริมาณการผลิตเบียร์ของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ และเบียร์ไท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 33% ในเดือนมกราคมเป็น 36% ในเดือนกุมภาพันธ์ และเพิ่มขึ้นเป็น 39% ในเดือนมีนาคม และอาจจะกล่าวได้ว่าบุญรอดฯเป็นเพียงค่ายเดียวที่มีตัวเลขการผลิตรวมที่เติบโตเพิ่มขึ้น

ส่วนบริษัท ไทย เอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้นและไทเกอร์ ก็มีปริมาณการผลิตโดยรวมที่ลดลง จากเดือนมกราคมที่มีตัวเลขการผลิตรวมคิดเป็นสัดส่วน 6.7% ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์ตัวเลขการผลิตลดลงเหลือ 5.6% และเดือนมีนาคมตัวเลขลดลงมาอยู่ในระดับ 5.3%

พร้อมกันนี้รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิตยังระบุถึงสัดส่วนการผลิตเบียร์ของบริษัท ซานมิเกล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์บลูไอซ์และเรดฮอสส์ด้วยว่า ยังมีปริมาณการผลิตเบียร์ที่คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ไม่มากนัก โดยเดือนมกราคมมีสัดส่วนการผลิตเพียง 0.08% และเพิ่มเป็น 0.55% ในเดือนกุมภาพันธ์ และเพิ่มเป็น 0.65% เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังผู้บริหารบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเบียร์ช้าง เบียร์อาชา ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า ตัวเลขที่ลดลงดังกล่าวถือเป็นปกติตามสภาพตลาด เนื่องจากเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตัวเลขการผลิตเบียร์ก็จะสูง เมื่อผ่านพ้นช่วงดังกล่าวมาแล้ว ตัวเลขการผลิตก็จะลดลง ซึ่งบริษัทก็ไม่ได้เป็นห่วงหรือกังวลกับตัวเลขดังกล่าว

ผู้บริหารไทยเบฟเวอร์เรจส์ฯยังกล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับว่าปัจจัยในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ผู้บริโภคลดการบริโภคเบียร์ลงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้โดยภาพรวมของตลาดเบียร์ก็ยังได้รับผลกระทบจากหลายๆ ปัจจัยด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการห้ามโฆษณา การจำกัดเวลาการขายปลีก ฯลฯ

"จะว่าไปแล้วการที่ตัวเลขของเราลดลงนั้น มีผลมาจากหลายๆ ปัจจัยรวมกัน แต่ก็คงจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะอยู่ในช่วงของการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ"

"เข้าตลาด-ขายพ่วงไม่ขลัง" ปมใหญ่

ด้านแหล่งข่าวจากวงการเบียร์แสดงความเห็นกับ "ประชาชาติธุรกิจ" โดยอ้างข้อมูลจากกรมสรรพสามิต โดยระบุว่า หากย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปี 2547 จะเห็นว่าสัดส่วนปริมาณการผลิตเบียร์ของกลุ่มเบียร์ช้างนั้นมีมากกว่า 70% ของตลาดรวม ขณะที่กลุ่มเบียร์สิงห์นั้นมีอยู่เพียง 22-23%

จากนั้นเป็นต้นมาตัวเลขการผลิตของค่าย เบียร์ช้างก็ลดลงมาเรื่อยๆ ขณะที่ตัวเลขของค่ายสิงห์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จนเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2547 ตัวเลขการผลิตเบียร์ของทั้ง 2 ค่าย ทิ้งห่างกันเพียง 10-11% เท่านั้น คือค่ายเบียร์ช้างมีสัดส่วนการผลิตอยู่ที่ 51% ของตลาดรวม ขณะที่ค่ายสิงห์มีสัดส่วนประมาณ 40%

"จะว่าไปแล้ว ช้างนั้นมีกิจกรรมทางการตลาดน้อยมาก และปีที่ผ่านมาช้างมีกิจกรรมใหญ่เพียงครั้งเดียว โดยในช่วงก่อนเข้าหน้าขายปลายปี ช้างได้จัดรายการชิงโชค โดยมีรางวัลใหญ่เป็นรถเบนซ์ แต่ก็กระตุ้นยอดได้ไม่มากนัก" แหล่งข่าวย้ำว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับค่ายเบียร์ช้าง นอกจากเรื่องของการตีกรอบการโฆษณาของทางการซึ่งผู้ประกอบการทุกๆ ค่ายต่างก็เจอปัญหานี้เหมือนๆ กันแล้ว การเตรียมตัวเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แนวทางการทำตลาดของค่ายนี้ต้องมีการปรับตัวค่อนข้างมาก และที่สำคัญคือการขายพ่วงที่เคยใช้อย่างได้ผลก็ไม่สามารถที่จะใช้ได้มากนัก

ประกอบกับสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่บรรดายี่ปั๊ว ซาปั๊ว รวมถึงร้านค้าปลีกรายย่อยทั่วๆ ไปที่ไม่สต๊อกสินค้าไว้เป็นมากๆ เหมือนในอดีต และจะเลือกขายสินค้าเฉพาะตัวที่เดินเร็วๆ เนื่องจากไม่ต้องการจะให้เงินหมุนเวียนไปจมอยู่กับสินค้าตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป

"ตอนนี้นอกจากเรื่องการเข้าตลาดหุ้นที่ทำให้เบียร์ช้างต้องชะงักลงไปแล้ว กระแสการปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มตามแนวความคิดของนายกฯ ที่ต้องการจะจัดเก็บตามปริมาณแอลกอฮอล์ หรือดีกรีของเหล้าเบียร์ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริหารเบียร์ช้างมีความกังวล เพราะหากมีการปรับระบบการจัดเก็บภาษีใหม่ดังกล่าว อาจทำให้เบียร์ช้างต้องเสียภาษีมากขึ้นและไม่สามารถจะตั้งราคาเหมือนในปัจจุบันได้อีก"

"สันติ" ลั่นยึดแชมป์คืน

เมื่อเร็วๆ นี้ นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ปัจจุบันตลาดโดยรวมของบุญรอดฯนั้นมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่อยากพูดมาก และบอกได้เพียงว่า ตอนนี้ตัวเลขห่างจากคู่แข่งไม่เท่าไหร่แล้ว มั่นใจว่าจากนี้ไปอีก 12 เดือนข้างหน้า บริษัทจะสามารถทวงคืนบัลลังก์เจ้าตลาดเบียร์ได้ และจากนี้ไปคงไม่โตมากมายอะไร อย่างที่ทราบๆ ว่าภาครัฐรณรงค์ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตในลักษณะที่ทรงๆ ตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ภาครัฐเข้มงวดเรื่องการโฆษณาและจำกัดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และปัจจัยดังกล่าวถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้มีกลุ่มผู้ดื่มใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเบียร์น้อยมาก และการที่ตลาดเติบโตที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มผู้ดื่มกลุ่มเดิม

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้ทั้งสิงห์และลีโอมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการเน้นการสร้างแบรนด์และมีกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ขณะที่คู่แข่งนั้นไม่ค่อยมีกิจกรรมทางการตลาดนักในช่วงปีที่ผ่านมา

"การเติบโตของสิงห์และลีโอเป็นผลมาจากการที่กลุ่มผู้ดื่มกลับมาหาสิงห์และลีโอเพิ่มขึ้น เป็นการสวิตช์จากแบรนด์อื่นๆ กลับมาหาสิงห์และลีโอ และทำให้สิงห์และลีโอมีมาร์เก็ตแชร์ที่เพิ่มขึ้น" แหล่งข่าวจากบุญรอดฯย้ำในตอนท้าย

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 9:50 pm
โดย SmileGraycop
เรื่องราคาถูกลงเป็นเรื่องแน่นอนครับ จากหลักทางการตลาดในส่วนของpriceเป็นส่วนประกอบหลักหนึ่งในสี่ เพราะฉะนั้น อย่าบอกครับ ว่าราคาจะไม่ถูกลง คืออาจจะไม่เชิงทีเดียวแต่จะมีสินค้าหลากหลายกลุ่มมากขึ้น บางตัวถูกสำหรับคนรากหญ้า บางตัวแพงหน่อยสำหรับคนที่มีกำลัง แต่ที่แน่ๆคือ จะต้องเกิดการกระตุ้นการบริโภคมหาศาล การลดราคาไม่ใช่คำตอบของทั้งหมดครับ แต่มันคือส่วนหนึ่งของอาวุธทางการตลาดที่จะถูกนำมาใช้ พวกเราหลายคนในที่นี้ผมมั่นใจว่ากว่า95%จบมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ห่างไกลจากสังคมรากหญ้าแต่เคยเจอเคสนี้ไหมครับ
1. พ่อข่มขืนลูกเพราะเมาสุรา
2. คนเรียนหนังสือมีอนาคตไกลตายเพราะไอ้ขี้เมาสักคนขับรถมาชน
3. หลายคนดื่มสุราแล้วไปเที่ยวขาดสติทะเลาะวิวาทบาดเจ็บหรือตาย
ผมถามอีกสักข้อนอกเรื่องว่าทำไมเด็กปัจจุบันถึงติดเกม นั่นเพราะกว่าบริษัทเกมแต่ละบริษัทจะออกเกมออกมาต้องใช้นักจิตวิทยาเด็ก ระดมสมองออกแบบเกมให้ถูกใจตั้งแต่รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เครื่องดื่มแอลกอฮฉอล์ก็เช่นกันครับ จะต้องระดมใช้นักการตลาดมือพระกาฬกระตุ้นการบริโภคให้ถึงขีดสุด ประชากรกลุ่มทำงานดื่มไม่พอ ต้องเจาะกลุ่มผู้หญิง ยอดขายไม่พอต้องเจาะกลุ่มวัยรุ่น และจะไปถึงระดับเด็กนักเรียนในที่สุด ผมมีข้ออยากเสนอต่อพวกเราทุกคนว่า หากสถานะทางสังคมของทุกคนในเว็บนี้โดยเฉลี่ยแล้วถือว่าสูงกว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศทั้งทางการเงินและการศึกษา แต่สิ่งที่ท่านมอบให้ประเทศชาติและสังคมนี้คือการสนับสนุนและกอบโกยประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์โดยละเลยประเด็นด้านคุณธรรม ความดีงาม หรือนี่คือสิ่งที่พวกเราเป็นกัน ต้องการเพียงให้หุ้นขึ้น ก็ปลอบใจกันว่ามันคงไม่กระทบสักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่ของสังคมเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เขา อยากกินก็กินกัน โตๆกันแล้วบังคับกันได้ไง คิดอย่างนี้แล้วก็เทรดกันต่อ นี่คือสิ่งที่เรามอบให้กับประเทศชาติและสังคมของเราหรือครับ อย่างไรก็ดีผมไม่ต้องการขัดแย้งทางความคิดกับใคร เพียงแต่แสดงความเห็นและเคารพในความคิดของพวกเราทุกคนครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 9:56 pm
โดย SmileGraycop
ขอเพิ่มเติมอีกสักนิดนะครับ ความรู้ของพวกท่านหลายๆคนในการวิเคราะห์ต้นทุนกำไร การหาค่าพีอี การอ่านFianancial statement อยู่ในระดับมืออาชีพ ถ้าท่านจะมองว่านี่คือความได้เปรียบต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศโดยละเลยประเด็นด้านคุณธรรม เราก็จะไม่ต่างจากนักธุรกิจที่ปราศจากคุณธรรมเลยครับ ผมมั่นใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ครูบาอาจารย์และสถาบันที่ฝึกฝนเรามาต้องการ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 10:09 pm
โดย woody
ธุรกิจ กับ คุณธรรม.................บางทีมันก็เป็นทางขนาน ทั้งสองสิ่งมันมาจากจุดเริ่มต้นกันคนละด้านอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าบางครั้งมันอาจจะมาใกล้กันมาก แต่บางครั้งมันก็ไม่มีวันที่จะสัมผัสกันได้.....อีกอย่าง ทุกสิ่งในโลกมันย่อมมีข้อดีข้อเสีย แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 10:16 pm
โดย harry
ผมว่าคุณนินจา ฮาโตริ มองในสิ่งที่ผมก็มองเห็น แต่ดูจะไม่มองแง่ดีเลย

ลองคิดดูว่า ถ้าปิดบริษัทเบียร์ไป คนงานตกงานกันกี่หมื่นคน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่น ที่ถ้าปิดตัวไป คนตกงานมากเท่าไหร่

ในข้อเสีย ก็มีข้อดีบ้าง

เพียงแต่เราไม่มองคนอื่นดีเลย มองแต่ข้อเสีย แล้วคิดว่าตัวเองถูกเสมอ

และคนจะดีจะเลว ก็ไม่ได้มาจากปัจจัยเดียวคือเมา มันมีหลายอย่าง แต่ว่าเรื่องนี้มันชัดเจน เราแก้ที่ปลายเหตุ มากกว่าต้นเหตุ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 10:37 pm
โดย CK
เห็นด้วยกับคุณฮาโตริหลายประเด็นครับ

ผมคิดว่าในประเด็นนี้รัฐบาลกำลังแสดงความเป็น double standard
อย่างชัดเจน

ในด้านหนึ่ง ก็ต้องการแสดงตนเป็นรัฐบาลที่ดี ต้องการลดปริมาณ
การบริโภคสุราของมึนเมา เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

อีกด้านหนึ่ง ก็ต้องการเพิ่ม market cap เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
ให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เพิ่มเม็ดเงินเข้าประเทศ
กระตุ้นเศรษฐกิจและรายรับทั้งกระเป๋าตัวเองและคนอื่นๆ (ที่มือยาวๆ)

เมื่อชั่งดูแล้ว ผมคิดว่า รัฐบาลกำลังส่งสัญญาณว่า เงินสำคัญกว่า
อนาคตของชาติ


กลับมาตอบคำถามคุณแฮรี่ ถ้าตัดประเด็นเรื่องศีลธรรมออกไป จะซื้อ
หุ้นเบียร์ช้างหรือไม่

คำตอบของผมคือ ตัดคำว่าศีลธรรมออกไม่ได้ครับ
ถึงหุ้นเบียร์ช้าง IPO ที่ p/e 3 เท่า ปันผล 20%
ต่อปี growth 10% ต่อปี ก็จะไม่ซื้อแม้แต่หุ้นเดียว

อาจจะพลาดโอกาสที่จะเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน แต่ผมยอมครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 10:48 pm
โดย visanuu
ผมขอมองในเรื่องธุรกิจเป็นหลักนะ
ถ้ามันจะเข้าตลาดแล้วคุณไปกีดกันไม่ให้เข้า นี่หรือประเทศเสรี ประชาธิปไตย ผมว่าหุ้นในตลาดหลายตัวตอนนี้ มันห่วยแตก จริงๆ หลอกลวงเงินรายย่อย ตบแต่งบัญชี คนบางคนยังซื้อเลย นักลงทุนในตลาด ผมถามหน่อย ว่าถ้าคุณเห็นแก่ประเทศไทยจริงๆ ก็เลิกเก็งกำไรสิ ทำตัวเป็นนักลงทุนหน่อย ตลาดบ้านเรามันถึงจะน่าลงทุนในสายตาของต่างชาติ ผมว่าต่างชาติก็มองว่าเมืองไทยนี่แหละ ปั่นหุ้นสนุก ปากก็บอกว่าคนไทย รักชาติ แต่ไหงได้กำไรจากการปันหุ้นนี่คุณเอาเงินไปทำบุญเพื่อชาติบ้างไหม การที่คุณจะซื้อหรือไม่ซื้อมันเงินของคุณ และผมเชื่อว่าคนสมัยนี่มีการศึกษาสูงกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้ามันจะแย่เพราะเหล้า ป่านนี้คนสก๊อตแลนด์ไม่ล่มจมไปแล้วเหรอ
เรื่องนี้มันมองกันคนละมุมนะ :B

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 10:51 pm
โดย payonp
ลึกๆ ผมอยากได้รัฐบาลที่กล้าหาญเหมือนประเทศภูฏาน ที่กล้าประกาศว่า เราก็สามารถดำรงเศรษฐกิจให้เติบโตได้ด้วยสมอง กับ 2 มือโดยไม่ต้องพึงเหล้า บุหรี่ หรือคาสิโน กระทั่งหวยบนดิน

แล้วลองคิดดูนะครับหากปราศจากอบายมุขเหล่านี้ มันสมองของชาติจะ efficient เพิ่มขึ้นอีกหลายกิโลขีด :D

ผมว่าธุรกิจเหล่านี้เมื่อเข้าตลาดคงจะช่วยลด cost of capital ให้กับบริษัท แต่ในทางกลับกันจะเป็นการเพิ่มต้นทุนทางสังคมให้กับประเทศหรือเปล่า หากเราต้องสู้กับระดับโลกจริง จะให้บริษัทเหล้าเบียร์ ที่มีต้นทุนต่ำไปสู้ หรือให้บริษัทประเทศไทยที่มีพนักงานที่มีคุณภาพไปสู้กับชาวโลกดีครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:10 pm
โดย โป้ง
คำตอบของผมคือ ตัดคำว่าศีลธรรมออกไม่ได้ครับ
ถึงหุ้นเบียร์ช้าง IPO ที่ p/e 3 เท่า ปันผล 20%
ต่อปี growth 10% ต่อปี ก็จะไม่ซื้อแม้แต่หุ้นเดียว

อาจจะพลาดโอกาสที่จะเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน แต่ผมยอมครับ
เยี่ยมครับ ขอตบมือให้ท่านพี่ CK :D

ลึกๆ ผมอยากได้รัฐบาลที่กล้าหาญเหมือนประเทศภูฏาน ที่กล้าประกาศว่า เราก็สามารถดำรงเศรษฐกิจให้เติบโตได้ด้วยสมอง กับ 2 มือโดยไม่ต้องพึงเหล้า บุหรี่ หรือคาสิโน กระทั่งหวยบนดิน
อยากให้เป็นเช่นนั้นมากเลยครับ
แต่สิ่งที่ท่านมอบให้ประเทศชาติและสังคมนี้คือการสนับสนุนและกอบโกยประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์โดยละเลยประเด็นด้านคุณธรรม ความดีงาม หรือนี่คือสิ่งที่พวกเราเป็นกัน ต้องการเพียงให้หุ้นขึ้น ก็ปลอบใจกันว่ามันคงไม่กระทบสักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่ของสังคมเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เขา อยากกินก็กินกัน โตๆกันแล้วบังคับกันได้ไง คิดอย่างนี้แล้วก็เทรดกันต่อ นี่คือสิ่งที่เรามอบให้กับประเทศชาติและสังคมของเราหรือครับ อย่างไรก็ดีผมไม่ต้องการขัดแย้งทางความคิดกับใคร เพียงแต่แสดงความเห็นและเคารพในความคิดของพวกเราทุกคนครับ
หวังไว้ลึกๆครับ ว่า จิตสำนึกคนส่วนใหญ่ยังไม่หายไป

(ปัญหาอย่างหนึ่งซึ่งแก้ไม่ตกในการพูดคุยเรื่องเหล้าเบียร์ คือต่างคนก็มีแนวคิดของแต่ล่ะคน ถ้าสรุปสิ่งใดควร-ไม่ควร ด้านหนึ่งมองแต่เศษรฐกิจ อีกด้านหนึ่งมองว่าปัญหาที่จะตามมามีมากบอกอีกฝ่ายยังมองไม่ครอบคลุม คงเถียงกันอีกนาน)

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 8:09 am
โดย mustang
ผมว่าธุรกิจกับศีลธรรมไปด้วยกันได้นะครับ ถ้าเอาคำว่าโลภออกไปนะครับ
ผมว่าตลาดคงไม่ได้มีหุ้นตัวนี้ตัวเดียวให้เล่นหรอกครับ
สรุปว่าผมก็ไม่ซื้อครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 8:17 am
โดย Viewtiful Investor
คำตอบของผมคือ ตัดคำว่าศีลธรรมออกไม่ได้ครับ
ถึงหุ้นเบียร์ช้าง IPO ที่ p/e 3 เท่า ปันผล 20%
ต่อปี growth 10% ต่อปี ก็จะไม่ซื้อแม้แต่หุ้นเดียว
ปรบมือด้วยคน :cool: เพราะผมคงซื้อ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 9:43 am
โดย MisterK
tok เขียน:ศึกเบียร์พลิก"สิงห์"จี้"ช้าง" ขายพ่วงเสื่อม"สันติ"ลั่นทวงแชมป์

วงการตะลึง ! ตัวเลขค่ายเบียร์ "ช้าง" สะดุด กรมสรรพสามิตเผย 3 เดือนแรก ยอดผลิตร่วง มาร์เก็ตแชร์ลดวูบเหลือแค่ 54% จากต้นปี 47 มีมากกว่า 70% ขณะที่ค่ายสิงห์สุดแฮปปี้ สิงห์-ลีโอสวนกระแสยอดพุ่ง ขยับส่วนแบ่งตลาด 40% คนในวงการชี้ปมเจ้าตลาดออกอาการแผ่ว แต่งตัวเข้าตลาดหุ้น-ขายพ่วงสิ้นมนต์ขลังทำยอดแป้ก "สันติ ภิรมย์ภักดี" ลั่นอีก 12 เดือน ยึดบัลลังก์คืนแน่
ตามความคาดหมายอยู่แล้วครับ ของดีมีหรือท่าน ๆ ทั้งหลายจะเอาเข้าตลาด ยอมเอาเข้าเมื่อไหร่แสดงว่ามี something wrong

ตลาดกับตลกมีหน้าที่แค่ช่วยปล่อยของให้รายย่อย :twisted:

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 10:43 am
โดย คัดท้าย
โดยส่วนตัว ผมชอบวิธีนี้ที่สุดครับ ... ผมไม่ชอบการปิดกั้นช้างเข้าตลาด

แต่ผมเห็นว่า ถ้าต้องการให้คนจน กินเหล้าแพงขึ้นจะได้ไม่กินเยอะ ภาษี น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ เก็บมันสุดๆไปเลย

http://www.bangkokbiznews.com/2005/06/1 ... s_id=15099

'สิงห์' กระทุ้งรัฐ รีดภาษี ตามดีกรีแอลกอฮอล์

สันติ ภิรมย์ภักดี บิ๊กบอส ค่ายเบียร์สิงห์ โยนหินถามทาง ชงสูตรภาษีเบียร์ใหม่ กระทุ้งรัฐเก็บภาษี ตามปริมาณแอลกอฮอล์ระลอกสอง เพื่อหาแนวร่วม


ขณะที่กลุ่ม "เจริญ สิริวัฒนภักดี" โต้สิงห์คู่กัดร่วมมือต่างชาติ หวังโค่นบัลลังก์เบียร์ช้าง ด้านผู้ประกอบการรายย่อยรอลุ้นโครงสร้างภาษีใหม่ ระบุ ไม่ว่าปรับสูตรไหนรายเล็กรายกลางเดี้ยงถ้วนหน้า

นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ สิงห์ ลีโอ และไทเบียร์ เปิดเผยว่า บริษัทเห็นด้วยกับแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในเครื่องดื่มตามมาตรฐานจากต่างประเทศ

และเพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อแนวทางดังกล่าว บริษัทได้นำเสนอสูตรการจัดเก็บภาษีเบียร์ออกมาเป็นแนวทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาคำตอบให้กับสังคม ดังต่อไปนี้คือ หากภาษีตามปริมาณดีกรี 550 บาท (เป็นตัวเลขสมมติของสิงห์)/ แห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ภาษี 1 ลิตร 100 ดีกรี เท่ากับ 550 บาท ดังนั้น 1 ลิตร 6 ดีกรี 550 คูณ 6 หาร 100 เท่ากับ 33 บาท 0.630 ลิตร 6 ดีกรี เท่ากับ 33 คูณ 0.630 เท่ากับ 20.79 บาท เท่ากับว่ารัฐบาลได้รับภาษีเพิ่มเป็นขวดละ 20.79 บาท ซึ่งเทียบกับแบบเดิมภาษีเก็บตามมูลค่า (ร้อยละ) 55 เมื่ออัตราภาษีร้อยละ 55 ของราคาขายดังนั้นภาษีเบียร์ขวดละ 36.95 คูณ 0.55 เท่ากับ 20.3225 บาท รัฐได้ภาษีขวดละ 20.3225 บาท

ชี้ภาษีใหม่สร้างมาตรฐานเดียว

"เรานำเสนอสูตรการคำนวณภาษีเบียร์เช่นนี้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม เบียร์ สุราในประเทศให้มีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจมีความเคลื่อนไหวยื่นเงื่อนไขให้กับรัฐบาล แต่ตอนนี้ยังไม่มีการจับมือกันอย่างเป็นทางการ"

นายสันติ กล่าวและว่า ตัวเลขที่สมมติขึ้นนั้น คำนวณโดยอิงจากรายได้ที่รัฐจะได้รับ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเพื่อแสดงให้เห็นว่า การจัดเก็บภาษีแบบใหม่จะทำให้รัฐได้รับประโยชน์ ทั้งแง่ภาษีเพิ่มขึ้นทำให้ประชาชนดื่มแอลกอฮอล์ต่ำลง ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพและสามารถลดปัญหาสังคมได้ตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการคุมปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทยและลดปัญหาอุบัติเหตุ

ส่วนกรณีที่กังวลว่า ระบบภาษีแบบใหม่จะทำให้ราคาเครื่องดื่มนำเข้าจากต่างประเทศถูกลง และกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศนั้น ที่จริงแล้ว ยังมีภาษีศุลกากรมาเป็นตัวช่วยในการปกป้องผู้ผลิตในประเทศ แต่ยอมรับว่า การจัดเก็บระบบภาษีแบบใหม่อาจจะทำให้รายได้หายไป 5-10% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแนวทางการทำตลาดของแต่ละยี่ห้อ ที่สำคัญคือ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงโครงธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้ให้มีมาตรฐานเทียบเท่าต่างประเทศ

เบียร์ช้างโต้สิงห์สมคบต่างชาติ

แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง กล่าวว่า การที่เบียร์สิงห์สนับสนุนโครงสร้างภาษีใหม่ร่วมกับกลุ่มทุนต่างชาติ เพราะได้ผลประโยชน์ร่วมกัน เนื่องจากกลุ่มเบียร์สิงห์มีสินค้าที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเบียร์ต่ำกว่าเบียร์ช้าง จึงพยายามออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว

ส่วนทางบริษัทจะต้องรอดูผลการตัดสินใจของรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จะปรับโครงภาษีอย่างไร ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐคำนึงถึงผลที่เกิดตามมา ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และคนไทยมากน้อยเพียงไร ประชาชนจะสามารถลดการบริโภคสุราได้จริงตามที่กล่าวอ้างกันหรือไม่

" หากเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ เหล้าราคาแพงที่มีราคา 900-1,000 บาทต่อขวดจะเสียภาษีแค่ 200 บาท ลดลงจากที่เคยต้องเสียภาษีขวดละ 500 บาท ประมาณ 40% ของอัตราภาษีเดิม ในขณะที่ราคาขายยังคงเท่าเดิม"

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า การปรับโครงสร้างภาษีไม่ได้หมายความว่าทำให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศ เพราะปัจจุบันกลุ่มบริษัทข้ามชาติใช้วิธีการนำเข้าเหล้าจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำตลาดในประเทศ โดยได้รับสิทธิพิเศษภาษีจากอาฟตาอยู่แล้ว ดังนั้น ยิ่งต้นทุนสุราต่างประเทศต่ำลง จะส่งผลให้มีเหล้าจากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศมากขึ้น ฉะนั้น การปรับโครงสร้างภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ จึงไม่ทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นแต่อย่างใด

เผยรายกลาง-เล็กปรับตัวโฟกัสตลาดเฉพาะกลุ่ม

ด้านนายสุรชัย จรรยาอดิศัย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อินดิเพนเดนท์ ไวน์ แอนด์ สปริต (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ไม่ว่าผลจากการปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้จะใช้สูตรเก่า หรือใหม่ส่งผลให้ต้นทุนการทำตลาดสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็ก กลางที่นำเข้าวิสกี้ จากต่างประเทศมาทำตลาดสู้กับคู่แข่งรายใหญ่ที่มีสายป่านยาวลำบากขึ้น และมีความเป็นไปได้บางรายอาจต้องเลิกนำเข้า เพราะไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ ดังนั้นทุกคนต้องปรับตัวด้วยการโฟกัสไปที่สินค้าที่สามารถแข่งขันได้ โดยอาจหันไปนำเข้าไวน์ จิน วอดก้า ซึ่งยังเป็นตลาดเล็กที่มีลูกค้าเฉพาะ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 11:37 am
โดย harry
นั่นสิ แล้วมัย สกอตแลนด์ กับ เยอรมัน และก็ฮอลแลนด์

มีเบียร์ เหล้า ดังระดับโลก แต่ประเทศเค้าก็พัฒนาได้ดีทั้งนั้น

และเท่าที่รู้มา ที่เยอรมัน กินเบียร์กันยังกับน้ำเปล่า

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 11:47 am
โดย SmileGraycop
คุณharryครับ คนเมาเนี่ยไม่ได้เลวนะครับ แต่มันเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมและการผิดศีลธรรมอีกหลายอย่าง ผมถามคุณกลับนะครับว่า ถ้าตัดประเด็นด้านผลประโยชน์ออก คุณจะสนับสนุนการนำบริษัทจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าตลาดไหม ในเมื่อคุณรู้อยู่แก่ใจว่าการกระตุ้นการบริโภคจะเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ผมขอถามอีกเป็นข้อๆนะครับ
1. คุณคิดว่าคุณพึงพอใจกับเศษผ้าห่มเขียวๆที่เขาแจกโดยแลกมาด้วยปัญหาสังคมอย่างอุบัติเหตุ คนที่คุณรักอาจเสียชีวิตเพราะขี้เมาสักคนขับรถมาชน ถ้าจะดีใจว่าได้เศษผ้าห่มมาใช้ตอนหน้าหนาว เก็บเอาเงินที่ซื้อเบียร์มาซื้อผ้าห่มที่ดีกว่านั้นสักผืนดีกว่าครับ
2. การที่คนที่มีความรู้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในเว็บนี้เพิกเฉย ละเลย ต่อการกระทำที่ไม่ถูกต้อง นั่นหมายถึงอะไร เรากำลังปล่อยให้เกิดการกระตุ้นการบริโภคสุราอย่างมหาศาลเกิดขึ้นโดยหวังแค่เศษเงินจากคนขายเหล้าเราก็แลกด้วยจิตสำนึกความดีงามที่มีอยู่ โดยบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ธุรกิจก็คือธุรกิจ หวังแค่เงินปันผลและการเก็งกำไรจากธุรกิจที่ทำลายสังคมและประเทศชาติของเรา ยังงั้นหรือเปล่าครับ
ถ้าอย่างนั้นวิชาความรู้ที่พวกเราถูกประสิทธิ์ประสาทมา รวมถึงความเพียรพยายามที่ฝึกฝนตัวเองมาตลอดก็มีค่าแค่อาวุธที่ใช้กอบโกย เอาเปรียบคนส่วนใหญ่ที่เป็นระดับล่างของสังคม โดยลืมเรื่องการผดุงความยุติธรรม ความถูกต้องความดีงามในสังคมไปซะ ขายกันให้หมดแม้กระทั่งจิตสำนึกโดยและกับเศษเงินที่คนขายเหล้าโยนล่อใจมา
ส่วนคุณvissanuu ผมขอตอบว่าเรื่องการศึกษาของคนนั่นเป็นเรื่องที่คุณเข้าใจอนุมานเอาเองเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกผิดในการที่จะเทรดหุ้นช้าง วัฒนธรรมการดื่มของคนไทยไม่เหมือนกับฝรั่งครับ คุณเห็น คุณรู้ การเก็งกำไรเป็นเรื่องของธุรกิจที่ทุกคนหวังผล แต่ไม่ใช่กับการเพิ่มภาระให้สังคมครับ ถ้าเหล้าเข้าได้ต่อไปอาบอบนวดก็ขอเข้าตามมา บ่อนจะเหลือไว้ทำไม เข้าไปด้วยเลยจะได้เพิ่มโวลุ่มให้สุดๆ
เคารพความเห็นทุกท่านครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 11:54 am
โดย SmileGraycop
อย่างไรก็ดีอยากให้ทุกท่านเข้าใจว่าเหล้า โสเภณี บ่อนเป็นของคู่ประวัติศาสตร์ครับ มนุษย์ทุกยุคมีสิ่งเหล่านี้ประดับสังคมตลอด ผมไม่ใช่คนอุดมคติที่ไม่เคยเกลือกกลั้วสิ่งเหล่านี้ อย่าได้คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะหายไปจากสังคมเลยครับ แต่หน้าที่ของเราทุกคนคือการไม่ให้มันเลยเถิดจนเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาในสังคมขนาดได้การยอมรับจากตลาดหลักทรัพย์ครับ

ช้างมาแน่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 16, 2005 12:40 pm
โดย โป้ง
คนที่เขาอยากให้เข้าตลาด ประเด็นมันก็อยู่ที่เรื่องของผลประโยชน์ ถ้าดีขึ้นมาหน่อยก็มองเรื่องเศษรฐกิจแต่มองยังไม่ครอบคลุมในอีกหลายๆด้าน

คงต้องบนบาน ให้เคราะห์ร้าย เรื่องเหล้า เบียร์ มาเจอเข้ากับคนที่เขารัก หรือตัวเขาเอง ถึงตอนนั้นก็คงจะได้คิด ได้รู้ซึ้งล่ะครับ
(ไม่ได้แช่งนะครับ แต่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ถึงจะเข้าใจ ถึงจะพูดคุยเข้าใจกันได้)