อัตราการเติบโต
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 5
เดา + ดู Growth ในอดีตประกอบด้วยไม่ให้หลุดโลก
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 7
กะๆเอาครับ :lol:
เช่น 5% 8% 10% 12% สูงสุดก็15%
เอามาหารตัวPE
เช่น 5% 8% 10% 12% สูงสุดก็15%
เอามาหารตัวPE
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 9
บริษัท A ดำเนินธุรกิจ
โดยมีต้นทุน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) ที่ 50% ของราคาขาย
มีค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) ที่ 50 ล้านบาท โตขึ้นปีละ 5%
ค่าเสื่อมราคาปีละ 30 ล้านบาท
ภาษีที่ 25%
ถ้าบริษัทมียอดขาย 200 ล้านบาท
ต้นทุนก็จะเท่ากับ 100 ล้านบาท
กำไรก่อนภาษีจะเท่ากับ 20 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 15 ล้านบาท
กระแสเงินสดอิสระอย่างง่าย (กำไร + ค่าเสื่อมราคา) 45 ล้านบาท
ปีต่อมา บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 240 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20%)
ต้นทุนก็จะเป็น 120 ล้านบาท
กำไรก่อนภาษีจะเท่ากับ 40 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 30 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 100% )
กระแสเงินสดอิสระอย่างง่าย 60 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 33.33%)
เราควรใช้ ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือกระแสเงินสดอิสระ ในการคิดอัตราการเติบโตของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนจริงครับ
ทั้งสามค่ามีความแตกต่ากันมากทีเดียว ดังนั้นราคาหุ้นที่เราคำนวณก็จะได้แตกต่างกันมาก
โดยมีต้นทุน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) ที่ 50% ของราคาขาย
มีค่าใช้จ่าย (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา) ที่ 50 ล้านบาท โตขึ้นปีละ 5%
ค่าเสื่อมราคาปีละ 30 ล้านบาท
ภาษีที่ 25%
ถ้าบริษัทมียอดขาย 200 ล้านบาท
ต้นทุนก็จะเท่ากับ 100 ล้านบาท
กำไรก่อนภาษีจะเท่ากับ 20 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 15 ล้านบาท
กระแสเงินสดอิสระอย่างง่าย (กำไร + ค่าเสื่อมราคา) 45 ล้านบาท
ปีต่อมา บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 240 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20%)
ต้นทุนก็จะเป็น 120 ล้านบาท
กำไรก่อนภาษีจะเท่ากับ 40 ล้านบาท
กำไรสุทธิ 30 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 100% )
กระแสเงินสดอิสระอย่างง่าย 60 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 33.33%)
เราควรใช้ ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือกระแสเงินสดอิสระ ในการคิดอัตราการเติบโตของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนจริงครับ
ทั้งสามค่ามีความแตกต่ากันมากทีเดียว ดังนั้นราคาหุ้นที่เราคำนวณก็จะได้แตกต่างกันมาก
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับพี่ฉัตรชัย
มาเรียน จดจดจด..
มาเรียน จดจดจด..
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 12
เรียกจนติดมือ(พิมพ์)แล้วครับพี่ฉัตรชัยchatchai เขียน:คุณ ต.หยวนเปียว ผมอายุ 37 เองนะครับ
เปลี่ยนสรรพนามอีกทีขอเรียกครูได้ไหมครับ :lol:
- HI.ผมเอง
- Verified User
- โพสต์: 811
- ผู้ติดตาม: 0
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 15
คงต้องใช้อย่างระวังทั้ง3อย่างเราควรใช้ ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือกระแสเงินสดอิสระ ในการคิดอัตราการเติบโตของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนจริงครับ
ยอดขาย ให้ระวัง%ของ net profit margin ของยอดขาย
หากยอดขายเพิ่ม แต่% npm ลด
กำไรสุทธิ ให้ระวังเรื่องคุณภาพของกำไร ที่อาจกลายเป็นแค่ลูกหนี้ทางการค้าที่ตามเก็บได้ยากหรือหนี้สูญ
กระแสเงินสด ให้ระวัง วิธีคิดค่าเสื่อม
อะไรที่ก้าวกระโดด เวลาตกมักเจ็บตัวหนัก
ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยน่าสนใจกว่า
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 1
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 21
ถามผู้บริหาร + เดาครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 22
๊FCF คือ Utimate return ของผู้ถือหุ้นครับ ดังนั้น g คือต้องเป็นของ FCF
แต่ในทางปฏิบัติ FCF มักจะขึ้นลงไม่แน่นอนในแต่ละปีทำให้ทำนายยากมาก การประมาณ FCF จาก accrual-based parameters จะมีคุณภาพมากกว่า
แต่ก็มีปัญหาอีก เพราะ net profit ของหลายๆ บริษัทก็ผันผวนมาก เพราะ operating leverage, financial leverage อีกทั้งมีปัจจัุยหลายตัวมากส่งผลต่อ net profit อย่างรุนแรง เช่น non-recuring expenses ต่างๆ อาจทำให้ กำไรสุทธิเปลี่ยน 50% หรือ 100% qoq ได้สบายๆ
ดังนั้นส่วนตัวผมจะมอง revenue growth มากกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยที่สุด และตกแต่งได้ยาก และยังทำให้เรา conservative อีกต่างหาก เพราะ g ของ FCF มักจะสูงกว่า g ของ revenue เพราะบริษัทส่วนใหญ่มี fixed cost
แต่ในทางปฏิบัติ FCF มักจะขึ้นลงไม่แน่นอนในแต่ละปีทำให้ทำนายยากมาก การประมาณ FCF จาก accrual-based parameters จะมีคุณภาพมากกว่า
แต่ก็มีปัญหาอีก เพราะ net profit ของหลายๆ บริษัทก็ผันผวนมาก เพราะ operating leverage, financial leverage อีกทั้งมีปัจจัุยหลายตัวมากส่งผลต่อ net profit อย่างรุนแรง เช่น non-recuring expenses ต่างๆ อาจทำให้ กำไรสุทธิเปลี่ยน 50% หรือ 100% qoq ได้สบายๆ
ดังนั้นส่วนตัวผมจะมอง revenue growth มากกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยที่สุด และตกแต่งได้ยาก และยังทำให้เรา conservative อีกต่างหาก เพราะ g ของ FCF มักจะสูงกว่า g ของ revenue เพราะบริษัทส่วนใหญ่มี fixed cost
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
อัตราการเติบโต
โพสต์ที่ 24
โดยการศึกษาโครงการในอนาคตของบริษัทว่าเขาเอา retained earnings ไปทำอะไร ตรงนี้เป็นศิลปะเหมือนกัน เพราะเป็นการทำนายอนาคต ยิ่งเข้าใจธุรกิจของเขาดีเท่าไรก็จะยิ่งทำนายได้แม่นยำมากเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น BH ผมรู้ว่าเขากำลังสร้างตึก 22 ชั้นอยู่ เสร็จปีหน้า ผมก็ไปดูว่ามีกี่เตียง แล้วตึกเก่ามีกี่เตียง ลองเทียบบัญญัติไตรยางค์ดูก็จะรู้พอประมาณได้ว่ารายได้เขาน่าเพิ่มขึ้นจากการมีตึกใหม่สัก 60 เปอร์เซนต์ ดังนั้นปีหน้าอาจเพิ่มสัก 30% ปีต่อไปอีก 30% หลังจากนั้นก็เพิ่มปีละนิดหน่อยสัก 15% อะไรแบบนี้
แต่ถ้าเราไม่มีข้อมูลเลย (หุ้นไม่มี story) จะประเมิน g ได้ยากมาก หรือธุรกิจบางอย่างมีรายได้ไ่ม่แน่นอน ก็จะยิ่งประ้เมินยาก (เช่น รับเหมาก่อสร้าง) อย่างนี้ผมจะหันไปพึ่งอดีต คือดูว่าอดีตโตได้ประมาณเท่าไร ก็ไม่ควรจะให้หนีจากอดีตมากนัก
ตัวอย่างเช่น BH ผมรู้ว่าเขากำลังสร้างตึก 22 ชั้นอยู่ เสร็จปีหน้า ผมก็ไปดูว่ามีกี่เตียง แล้วตึกเก่ามีกี่เตียง ลองเทียบบัญญัติไตรยางค์ดูก็จะรู้พอประมาณได้ว่ารายได้เขาน่าเพิ่มขึ้นจากการมีตึกใหม่สัก 60 เปอร์เซนต์ ดังนั้นปีหน้าอาจเพิ่มสัก 30% ปีต่อไปอีก 30% หลังจากนั้นก็เพิ่มปีละนิดหน่อยสัก 15% อะไรแบบนี้
แต่ถ้าเราไม่มีข้อมูลเลย (หุ้นไม่มี story) จะประเมิน g ได้ยากมาก หรือธุรกิจบางอย่างมีรายได้ไ่ม่แน่นอน ก็จะยิ่งประ้เมินยาก (เช่น รับเหมาก่อสร้าง) อย่างนี้ผมจะหันไปพึ่งอดีต คือดูว่าอดีตโตได้ประมาณเท่าไร ก็ไม่ควรจะให้หนีจากอดีตมากนัก
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ