Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ในการขอกู้


คนมีเครติต 10 ล้าน
ฐานะปานกลาง ไม่มีเงินฝากประจำ ไม่มีบ้านของตัวเอง
เช่าเขาอยู่

กับคนมีเงินสด10 ล้าน

ฐานะรวย มีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน เป็นเจ้าของกิจการ
หลายบริษัท


แต่ไปขอกู้ แบงค์ 3 ล้านบาท
ทำไมแบงค์ถึง ให้กู้กับ คนมีเครดิตละคับ

เขาดูความสามารถในการจ่าย 1
ลักษณะกิจการที่ต้องการเงินกู้ 1
เครดิตที่เดินไปไว้ 1
พูดกันรู้เรื่องอีก 1

ผมว่างั้นนะ

เขาดูอย่างเดียวว่า มีที่ดิน หรือหลักทรัพย์ ที่มีมูลค่าเท่าไหร่ มาค้ำประกันครับ

ผมไม่มีอะไรไปค้ำเลย อยากกู้มาทำธุรกิจ ไม่เคยได้เลยครับ

อืมใช่เลย harry

คือหลังจาก 4 ข้อแรกผ่าน เขาจะดูต่อว่า มีหลักทรัพย์มาค้ำเท่าไร

ขอค้านครับ เขาดูว่ามีรายได้คงที่เท่าไหร่
ผมเคยจะกู้ซื้อคอนโดฯ 700,000 โดยมีที่ดิน 1,500,000 ค้ำประกันยังไม่ได้เลยครับ
เพราะไม่มีเงินเดือน
เงินสดในบัญชีไม่นับ ถ้ายอดเงินเข้าไม่สม่ำเสมอ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมให้กู้ไม่ได้ ... ก็ถ้าขายที่ดินนั้นไปก็ชำระหนี้ได้ เหลือด้วยซ้ำ
สุดท้ายผมเลยต้องให้แฟนเป็นคนกู้แทน

อันนี้อาจจะต่างตรงที่ไม่ได้กู้มาทำกิจการน่ะครับ

คงไม่ได้ค้านผมนะ

เพราะ เห็นบอกว่าเขาดูว่ามีรายได้คงที่เท่าไร

ก็คือ 1. เขาดูความสามารถในการจ่าย

hot เขียน:ในการขอกู้


คนมีเครติต 10 ล้าน
ฐานะปานกลาง ไม่มีเงินฝากประจำ ไม่มีบ้านของตัวเอง
เช่าเขาอยู่

กับคนมีเงินสด10 ล้าน

ฐานะรวย มีสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน เป็นเจ้าของกิจการ
หลายบริษัท


แต่ไปขอกู้ แบงค์ 3 ล้านบาท
ทำไมแบงค์ถึง ให้กู้กับ คนมีเครดิตละคับ

คนแรกที่บอกว่ามีเครดิต 10 ล้านบาท มีเครดิตมาจากอะไรครับ

การกู้ยืมเงินถ้าเป็นการกู้เพื่อการบริโภค เช่น กู้ซื้อบ้าน รถยนต์
ก็คงดูความสามารถชำระหนี้เป็นหลักครับ เงินเดือนประจำเป็นสิ่งที่สถาบันการเงินมั่นใจที่สุดครับ เพราะสภาวะตอนนี้คนออกจากงานก็คงไม่มาก

ถ้าเป็นการกู้ยืมไปทำธุรกิจ ก็คงดูความสามารถของผู้กู้ ความสามารถชำระหนี้จากตัวธูรกิจที่จะทำเป็นหลัก

และถึงแม้การกู้ยืมต้องมีหลักประกันในการกู้บ้าง แต่ถ้ามีแต่หลักประกัน ความสามารถในการผ่อนชำระน้อย สถาบันการเงินก็คงไม่ปล่อยกู้หรอกครับ เพราะว่าสถาบันการเงินไม่ใช่โรงรับจำนำ

เป็นคำถามที่ผมถามเพื่อน คนหนึ่งนะคับ


เขาว่าแบงค์ปัจจุบันไม่เหมือนในอดีต
การปล่อยกู้ เขาจะวัดจากเครดิตที่เคยมีมาหมายถึงบุคคลนั้นเคยกู้มาก่อน
และประวัติการชำระเงินที่ดีมาก จน เครดิตนี้สะสม มากเรื่อยเพิ่มเพิ่มขึ้น
เพระเขาชำระหนี้ตรงเวลา แต่ สิ่งหนึ่งที่เพื่อนผมบอกว่า
แบงค์ ส่วนใหญ่ที่ปล่อยกู้ ไม่ได้กำไรจากดอกเบี้ย แต่กำไรจากเงินค่าปรับ
ที่ล่าช้า หรือผิดนัดมากกว่า เพราะได้มากกว่าดอกเบี้ยเยอะมาก เหมือนกัน

แต่เจ้าของกิจการ มีเงินฝากประจำ กลับไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไร
ในการปล่อยกู้ แปลกดี เป็นมากในแบงค์ต่างชาติเสียส่วนใหญ่

เพราะ ในต่างประเทศจะนิยม เรื่องเครดิตของคนขอกู้มาก ซึ่งกำลัง
ระบาดมาไทยอย่างช่วยไม่ได้เพราะ แนวทางบริหารแบบนั้น เข้ามากับ
การเข้าถือหุ้น ในแบงค์ต่างต่าง


ผมว่าแปลกดี ที่อีกหน่อยคนที่จะทำอะไรต้องรักษาเครดิต
ให้ดี เพราะถ้าไม่ดี ถึงมีเงินสดมีสินทรัพย์ ก็อาจไม่มีประโยชน์ก็ได้นะคับ

กลับมาอีกทีตอนค่ำ ๆ
ผมไม่ได้ค้านพี่เจ๋งครับ ตอนผมพิมพ์ พี่ยังไม่ได้ตอบข้อนั้นน่ะครับ
แต่ที่ขัดข้องใจ คือไม่ใช่ผมไม่มีรายได้นะ แต่มันไม่คงที่ และไม่มาเป็นรายเดือนน่ะสิ
เลยทำให้ไม่ผ่านข้อ 1 ของเขา

บัตรเครดิตก็เหมือนกัน ขอไม่ได้

สรุปแล้ว เลยต้องใช้เงินสดไป แต่ผมว่าก็ดีนะ ใช้เงินสดมันได้ความรู้สึกเวลาต้อง
ดึงแบงค์ออกจากกระเป๋า หรือถอนเงินสดจากแบงค์ ทำให้เราไม่ค่อยอยากใช้เงินครับ

อยากมีหนี้ อยากมีเครดิต

แต่เค้าไม่ให้

ก็มองในแง่ดี ดีกว่าครับ

แต่บางที การได้หนี้มามันก็จำเป็นเหมือนกันนะ

เครดิตสำคัญครับ.....

ถึงแม้จะรวยแค่ไหนแต่เหนียวหนี้ หรือเครดิตดี(ไม่ปรากฎ) ยังไงก็ไม่ให้กู้ดีกว่า :lovl:

ปกติ ทางแบ๊งก์ใช้หลายอย่างประกอบในการให้สินเชื่อส่วนบุคคล

1.การเดินบัญชีย้อนหลัง6เดือน
2.การคุยกับฝ่ายสินเชื่อต้องเล่าให้เป็น
หรือเขียนเล่า การนำเงินไปสต๊อกสินค้า
ทำทุนหมุนเวียน ต้องการซื้อยานพาหนะในการขนส่งสินค้า
มีกลุ่มลูกค้าอยู่ที่ไหนบ้างระบบการค้าเครดิตหรือเงินสด
มีแหล่งอ้างอิง หรือเรียกเมกดาต้า

เรื่องบัตรเครดิต นี่แทบจะไล่แจกกันเลย

อย่าง ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ฯ
โทรมาเสนอให้เงินกู้ถึงบ้านเลย
ผมเคยรับโทรศัพท์ ว่าปกติได้วงเงินบัตรเครดิตเท่าไหร่
จะให้โอดี โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเลยมีบัญชีเช็คให้
(ก่อนที่เขาจะให้ ทางแบ๊งก์ตรวจสอบ รายชื่อแบล็กลิสกับทางแบ๊งก์ชาติเกี่ยวกับเครดิตแล้ว)
เสนอเท่าไหร่ก็ไม่กู้

มีเพื่อนคนหนึ่งใจอ่อน พนักงานสาวๆโทรมาอ้อน
หัวหน้าให้เป้ามายังทำไม่ได้เลย
เพื่อนเลยกู้แบบเสียไม่ได้ เอามาแค่3หมื่น
เซ็นต์สัญญาก็ไม่อ่าน พอภรรยารู้เรื่องเข้าเลยให้ไปจ่ายเสียดอกแค่เดือนเดียว
แต่ในสัญญากับมีระยะเวลา ตัดหนี้หมดก่อนถูกปรับตามกติกา

เรื่องกู้เงินไม่ยากเลย หากเปิดเป็นร้านค้าและมีทะเบียนการค้า

น่าจะต้องดูว่ากู้ไปทำไรก่อนน่ะครับ ถึงดูว่าเขาจะพิจารณาอะไรบ้าง อย่างกู้ไปทำธุรกิจหรือกู้ไปซื้อของนี่คงดูไม่เหมือนกันและดอกก็ไม่เหมือนกัน

อีกอย่างเข้าใจว่านโยบายของแบงค์น่าจะเปลี่ยนตามสถานการณ์และแต่ละแบงค์ก็ไม่เหมือนกัน กู้ที่นึงไม่ได้อาจได้อีกที่ หรือกู้วันนี้ไม่ได้อีกสามเดือนข้างหน้าอาจได้ ถ้าสิ่งที่จะกู้ไปใช้ไม่ขัดกับนโยบายและเครดิตที่เราสร้างไว้

หลังฟองสบู่แตก คำว่าเครดิตคือหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างเดียวครับ ที่เหลือขอดูเป็นพิธี

หลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นที่ดินเปล่าก็ไม่ได้ เพราะแบงก์เคยเจ็บปวดมาแล้วจากพวกนักเก็งกำไรที่ดินเปล่า

พูดแบบฟันธง

เขาวิเคราะห์ผู้ขอกู้ ว่ามีความสามารถชำระหนี้ได้แค่ไหน

โครงการมาขอกู้ มีความเป็นไปได้เพียงใด

อื่นๆ

ผมไม่เห็นโดนถามถึงความเป็นไปได้เลย

อย่างแรกถามก่อนเลยว่า มีอะไรมาค้ำประกันบ้าง พอบอกไม่มี ก็บอกหมดหวังแล้วล่ะน้อง

เอาหุ้นไปค้ำประกันได้ป่ะ?

ผมเคยเห็นในรถไฟฟ้า แบงค์ไหนไม่รู้ มีให้เอาหุ้นมาค้ำ

แต่ก็ไม่เห็นมานานแล้ว

SICCO ครับ บง.สินอุตสาหกรรม ใช้หุ้นค้ำเงินกู้ได้

ปรัชญา เขียน:พูดแบบฟันธง

เขาวิเคราะห์ผู้ขอกู้ ว่ามีความสามารถชำระหนี้ได้แค่ไหน

โครงการมาขอกู้ มีความเป็นไปได้เพียงใด

อื่นๆ

เห็นด้วยครับ