Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
PP
Verified User
โพสต์: 435
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Warren Buffett เขียน:"The most important quality for an investor is temperament, not intellect. You don't need tons of IQ in this business. You don't have to be able to play three-dimensional chess or duplicate bridge. You need a temperament that derives great pleasure neither from being with the crowd nor against the crowd. You know you're right, not because of the position of others but because your facts and your reasoning are right."

"I'm rational. Plenty of people have higher IQs and plenty of people work more hours, but I'm rational about things. You have to be able to control yourself; you can't let your emotions get in the way of your mind."
วันนี้ผมอ่านพบข้อเขียน"คุยกันฉันเพื่อน"กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันนี้(อาทิตย์ 26 มิย.48 หน้า7 )เรื่อง"กาลามสูตร"ซึ่งเป็นหลักการทางพุทธศาสนา อันเป็นวิถีปฏิบัติในเรื่องหลักความเชื่อหรือในเรื่องที่เราสงสัย พิจารณาดูแล้วหากนำมาเปรียบกับความคิดของ Warren Buffett กล่าวไว้เป็น 2 คำคมข้างต้นดูแล้วเข้ากันได้พอดิบพอดีเลยเลย โดยเฉพาะที่ขีดเส้นใต้ไว้นำมาแปล
. You know you're right, not because of the position of others but because your facts and your reasoning are right."
แปลความได้อย่างนี้: คุณรู้ว่าคุณถูกต้องหาใช่เพราะคนอื่นมีหุ้นตัวนั้นอยู่ แต่เป็นเพราะคุณมีข้อเท็จจริงและเหตุผลต่างๆนานาที่ถูกต้อง
"I'm rational................................................but I'm rational about things.
แปลความได้อย่างนี้: ผมมีเหตุผล....................................แต่ผมก็มีเหตุผลต่อสิ่งต่างๆนะ

ดูแล้วใช้ได้ดีกับการเลือกซื้อหุ้นไว้ลงทุนถือยาว เอะไม่ทราบ Warren Buffett ศึกษาพุทธศาสนาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ปรากฏหลักฐานแฮะ
กาลามสูตรที่ว่า มี 10 ข้อ ดังนี้ครับ
1. มา อนุสสเวน .....อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา
2. มา ปรมปราย .....อย่าปลงใจเชื่อด้วยการถือสืบๆกันมา
3. มา อิตอราย .....อย่าปลงใจเชื่อด้วยการเล่าลือ
4. มา ปิฏกสมปทาเนน .....อย่าปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5. มา ตกกเหตุ .....อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก
6. มา นยเหตุ ......อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน
7. มา อาการปริวิตกเกน ....อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8. มา ทิฏฐินิชฌานกขนติยา ......อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว
9. มา ภพพรูปตาย ....อย่าปลงใจเชื่อเพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
10. มา สมโณ โน ครูติ ....อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรม(หุ้น)เหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้น แล้วจึงควรละ(หลีกเว้นหุ้น) หรือ ถือปฏิบัติตามนั้น(ลงทุนซื้อหุ้นนั้น)

ดูแล้วเรามีหลักศาสนาที่ประยุกต์ใช้ได้เลยกับการคัดเลือก ค้นหา ขุดหาหุ้นที่เราต้องการลงทุน ถือไว้นานๆ (....ไม่ใช่ซื้อเก็งกำไรนะครับ... )

ไม่ทราบ Warren Buffett ไปแอบศึกษากาลามสูตรมาแต่เมื่อใด งง !
โปรดนำไปพิจารณา จนกว่าจะเห็นแจ้งนะครับ
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

:lol: :lol: :lol: :lol:

หลักกาลามสูตรนี้ เราควรจะเชื่อเลย หรือเราควรจะใช้วิธีของกาลามสูตร ตรวจสอบหลักกาลามสูตรดี

ส่วนตัวผมเชื่อเลยนะ จะผิดหลักกาลามสูตรไหมหนอ ????

:lol: :lol: :lol: :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณท่าน PP ครับ

อืม อ่านแล้วก็คงต้องปลง เพราะผมอีคิวซัง น้อยจริงๆ
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

Jeng เขียน:อืม อ่านแล้วก็คงต้องปลง เพราะผมอีคิวซัง น้อยจริงๆ
ใช่ ใช่ พี่เจ๋งอีคิวซังน้อยแน่นอน เพราะพี่น่ะต้องระดับ "เจ้าอาวาส" ถึงจะถูก :lovl:
PP
Verified User
โพสต์: 435
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สามัญชน เขียน::lol: :lol: :lol: :lol:

หลักกาลามสูตรนี้ เราควรจะเชื่อเลย หรือเราควรจะใช้วิธีของกาลามสูตร ตรวจสอบหลักกาลามสูตรดี

ส่วนตัวผมเชื่อเลยนะ จะผิดหลักกาลามสูตรไหมหนอ ????


:lol: :lol: :lol: :lol:
ตามความเห็นของผม หลักกาลามสูตร เป็นแนวทางไว้ใช้พินิจพิจารณาในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก่อนที่จะปักใจเชื่อว่าดี หรือ ถูก เป็นขั้นตอนตามลำดับ โดยผู้ที่จะเชื่อต้องลงมือปฏิบัติเอง ค้นคว้าเอง ขวนขวายเอง จนเห็นแจ้ง บรรลุธรรมด้วยตนเองเท่านั้น เช่นคนบอกว่า นั่งสมาธิฝึกกัมฐานแล้วดีทำให้ลดละความทุกข์ได้ หากเราเชื่อโดยคำบอกเล่าไม่ลงมือปฏิบัติก็คงเป็นแค่ความเชื่อ เป็นต้น น่าจะเป็นอย่างเดียวกับการศึกษาหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ก่อนจะลงทุน

เคยอ่านกระทู้ของหลายท่านในนี้ก่อนจะมายึดแนว VI พบว่าส่วนใหญ่จะหลงเข้ามาในตลาดหุ้นแล้วเล่นหุ้นโดยให้มาร์เก็ตติ่งในโบรกเกอร์ที่ตนเป็นสมาชิกคอยชี้แนะชี้นำให้หันซ้ายหันขวา นี่ก้อเข้าหลักกาลามสูตรข้อ 1 และ 3 ผลคือ ช่วยอุดหนุนให้โบรกเกอร์รวยแต่ฝ่ายเดียว ฮาๆๆ

ส่วนการเล่นตามแนว TA น่าจะเป็นไปตามหลักกาลามสูตรข้อ 4 และ 8 ใช่หรือเปล่าไม่รู้นะครับ เดี่ยวฝ่ายท่านที่ใช้หลัก TA ในการซื้อขายหุ้นต้องอัดผมแน่ๆ ขออภัยล่วงหน้าแล้วกัน ไม่ได้ตั้งใจ ทั้งนี้ทั้งนั้น Warren Buffett แกก็เคยใช้วิธี TA เหมียนกันตั้งแต่อายุ 11 ถึง 19 (เห็นแกบอกว่าบ้าเรื่องกราฟ จนกระทั่ง กราฟจะทะลุออกบ้องหูทั้งสองข้าง) และสรุปว่าไม่เข้าท่าเมื่อได้มาอ่าน The Intelligent Investor ของ Ben Graham ตอนเอ๊าะๆอายุ 19 โน่นแหละ แล้วก็ลงมือปฏิบัติตามแนว VI มีพัฒนาการปรับปรุงด้วยตนเอง จนรู้แจ้งเห็นจริง จึงเกิดผลตามที่เราเห็นๆกันอยู่ปัจจุบันนี่แหละ

อย่างหุ้น โค๊ก กว่าท่านจะรู้แจ้งเห็นจริงว่าบริษัทนี้ดี และลงทุนด้วยเงินจำนวนมากมายมหาศาล Warren Buffett ท่านติดตามศึกษาอ่านรายงานประจำปีของบริษัทนี้ทุกปีทุกบรรทัดตัวอักษรอยู่นานหลาย 10 ปี (30ปีเห็นจะได้ถ้าจำไม่ผิด) วิธีนี้น่าจะเป็นไปตามหลักกาลามสูตรแน่แท้ (หาใช่ตัดสินใจจากการได้ข้อมูลโน่นนิดนี่หน่อยไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วันไม่กี่เดือน ...แล้วตัดสินใจซื้อหุ้น พอราคาไม่เป็นไปตามที่คิดแล้วขายขาดทุน ก้อมาพึมพำ ว่าไอ้วิธี VI นี่ไม่เห็นดีเลย ...../ ผมเองกำลังจะเพิ่งลองปฏิบัติอยู่นะ ยังไม่บรรลุ อาจไม่ถูกก็ได้ตามที่แสดงความเห็นมานี่ -ยึดหลักกาลามสูตร-ครับ)

ส่วนคำถามว่ากาลามสูตรเชื่อได้หรือไม่ ผมว่าคุณสามัญชน ต้องเอาหลักกาลามสูตร เข้ามาพิจารณาหลักกาลามสูตร ด้วยตัวเองจนกว่าจะรู้แจ้งเห็นจริงว่า หลักนี้เชื่อได้หรือไม่ด้วยตนเองดีกว่านะครับ ผมตอบไม่ได้ครับ ยังไงก็แง้มให้สมาชิก VI หน่อยก็แล้วกันเมื่อท่านบรรลุแล้ว อย่าลืมล่ะ ขอบคุณล่วงหน้า
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

"People calculate too much and think too little."..Charlie Munger 
"Diversification is a protection against ignorance. It makes very little sense for those who know what they're doing."..Warren Buffett
:cool:
ภาพประจำตัวสมาชิก
มือเก่าหัดขับ
Verified User
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

- หลักกาลามสูตร ก็จงอย่าเชื่อเลย พิจารณาเอาเองก่อน ว่าหลักนี้ ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว
หรือไม่ แล้วจึงยึดถือปฏิบัติตาม

- หลักพระพุทธศาสนา ยังคงสอนไม่ให้คนเราโลภเกินกว่าสิ่งที่ควร การพยายามหา
เงินมากๆ ในเวลาสั้นๆ เร็วๆ นั้น จะทำจากตลาดหุ้นได้อย่างไรหรือไม่ พิจารณาเองเอง
เช่นกัน

:wink:
คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

จริงๆแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ก็มีส่วนไม่ดีไม่เหมาะกับพุทธศาสนานะครับ

ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ คุณจะบริหารบริษัทให้แค่มีกำไรที่พอเหมาะในแต่ละปีคงไม่พอ

ผู้ถือหุ้นรายย่อย นักวิเคราะห์ ผู้จัดการกองทุน ย่อมต้องการให้บริษัทมีกำไรเติบโตขึ้นเรื่อยๆทุกปี รวมทั้งบริษัทต้องบริหารทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพ เรียกว่าลงทุนน้อยกำไรเยอะ ใช้คนน้อยกำไรเยอะ

ผู้บริหารและพนักงานบริษัทก็ต้องถูกกดดันให้ทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาให้กับครอบครัวหรือเปล่า จนไม่มีเวลาในการศึกษาหาความรู้ในเรื่องอื่นๆบ้างหรือเปล่า

รวมถึงต้องหากำไรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือเปล่า เช่น ตั้งราคาขายที่แพงที่สุดที่ขายได้ แทนที่จะลดราคาขายลงมาแต่ยังได้กำไรพอควร

คิดแล้วโชคดีที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

:lol: :lol: :lol: :lol:

ผมมีความรู้สึกว่าธรรมะข้อนี้ลึกซึ้งอย่างยิ่ง เกินกว่าที่สติปัญญาผมจะเข้าใจได้ถ่องแท้

ที่ผมพอจะเข้าใจตามหลักการนี้ก็คือ เราไม่ควรจะเชื่อสิ่งใดๆโดยไม่ได้ทำการพิสูจน์ด้วยตนเองก่อน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าการเข้าใจอย่างนี้เป็นการถูกต้องหรือยัง เหตุผลเพราะ

1. การที่จะพิสูจน์ด้วยตนเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่ผมเองจะต้องมีพื้นฐานทางปัญญาที่มากเพียงพอ มิฉะนั้นจะกลายเป็นคิดเอาเองว่า ใช่ หรือไม่ใช่ โดยพื้นฐานความรู้ที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นการหลงผิดหรือมิจฉาทิฐิไป มีตัวอย่างให้เห็นมากมายที่ ณ.เวลาหนึ่งเราได้พิสูจน์ด้วยตนเองแล้วว่าเรื่องราวนี้ถูกต้อง และเราก็สรุปว่าเราเชื่อ แต่เมื่อเรามีความรู้มากขึ้นการตัดสินใจก็เปลี่ยนไป มุมมองเปลี่ยนไป และเราตัดสินใจใหม่ว่ามันผิด เราไม่เชื่อ ยังไม่จบแค่นั้น ต่อมาเรามีความรู้มากกว่าเดิมอีกและย้อนมาพิจารณาอีกที ก็พบว่ามันถูกต้องแล้ว และเรากลับไปเชื่ออีกครั้ง วนเวียนอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายรอบตามระดับความรู้ที่เรามีเพิ่มขึ้น


ดังนั้น การที่จะตัดสินใจเชื่ออะไรก็ตาม โดยพึ่งพาการพิสูจน์หรือพิจารณาด้วยตนเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่ตนเองจะต้องมีศักยภาพเพียงพอที่จะพิสูจน์เป็นขั้นแรกก่อน ถ้าผมยังมีศักยภาพไม่เพียงพอ ก็จะเป็นการปลอดภัยกว่าที่จะเชื่อในสิ่งที่ผู้มีปัญญาจำนวนมากได้พิสูจน์มาแล้ว มิฉะนั้นผมอาจจะเข้ารกเข้าพงคนเดียวก็ได้ ( ผมไม่ยอมทำแน่ )

:lol: :lol: :lol: :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

:lol: :lol: :lol: :lol:

2. ผมเชื่อว่ามนุษยชาติได้สะสมความรู้มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานจนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางความรู้ คนในรุ่นปัจจุบันแค่เรียนรู้ในสิ่งที่มีอยู่แล้วก็แทบจะเรียนไม่ไหวอยู่แล้ว ผมเป็นหมอได้ก็เพราะเรียนรู้ในสิ่งที่หมอรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นทวด และย้อนไปเป็นพันๆปี ศึกษามาแล้ว พิสูจน์มาแล้ว ถ้าผมจะพิสูจน์หลักสูตรหมอด้วยตัวเอง ผมจะเอาอะไรไปพิสูจน์

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นนี้ไม่สามารถสร้างความรู้ใหม่ได้ ได้ครับ แต่ต้องเป็นผู้ที่ทรงภูมิปัญญามากพอสมควร ซึ่งก็หมายถึงใช้ภูมิปัญญาของอดีตปีนขึ้นไปอยู่บนหัวไหล่ของยักษ์ แล้วต่อยอดความรู้ให้กับมนุษยชาติต่อไปให้เป็นยักษ์ที่ตัวใหญ่ขึ้นหรือสูงขึ้น คงไม่ใช่จะสร้างยักษ์ตัวใหม่ให้ใหญ่กว่าตัวเก่าตามลำพังคนเดียว


3. หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้ถูกตัดสินในเชิงคุณภาพอย่างเดียว ว่าถูกหรือผิด ( all or none ) แต่มักจะถูกตัดสินในเชิงปริมาณแทบทั้งสิ้น( ถูกมาก ถูกน้อย ) ทฤษฎีต่างๆก็เช่นเดียวกัน ไม่ควรจะกลายเป็นว่าเราเชื่อ( ทฤษฎีถูก ) หรือเราไม่เชื่อ ( ทฤษฎีผิด ) แต่ควรจะเป็นว่า ทฤษฎีนี้เราเชื่อ ( ว่าถูก 99.9% ) และเราจะปฏิบัติตาม โดยเผื่อใจสำหรับความผิดพลาด 0.1% ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้อยู่เสมอ ตามที่ท่าน CK เคยพูดไว้ว่าไม่มี ความถูกต้องโดยสัมบูรณ์ ( absolute true )

ดังนั้น ผมจึงเชื่อเลยว่าหลักการนี้( หลักกาลามสูตร )มีโอกาสถูกสูงถึง 99.99 % แต่ก็ยังเหลือความสงสัยเผื่อใจเอาไว้สำหรับอนาคต 0.01 %


ส่วนที่บัฟเฟตต์ใช้หลักกาลามสูตร ผมไม่สงสัยเลยครับ เพราะธรรมะทางพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่เป็นสัจธรรมอยู่แล้วผ่านการพิสูจน์มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานแล้ว สิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นไม่ถูกต้อง

ปล.ความเห็นผมออกจะหนักมาทางโลก แต่ผมก็เชื่อว่า ทางโลกกับทางธรรมก็สามารถยกขึ้นมาวิจารณ์ด้วยกันได้

:lol: :lol: :lol: :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
มือเก่าหัดขับ
Verified User
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 11

โพสต์

หลักกาลามสูตร เพียงบอกว่าให้เราใช้สติปัญญาพิจารณาด้วย
บ่อยครั้ง ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยตนเองนี่ครับ
(เพราะถ้าต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองตลอด การ "ต่อยอด" ก็เป็นไปได้ยาก และช้ามาก)

เช่น..
ทำไมเราจึงเชื่อว่า ยาชนิดนี้ ใช้รักษาโรคนี้ได้ผล ก็เพราะคนอื่นเขาพิสูจน์มีหลักฐาน
อันเชื่อถือได้มาแล้ว เราก็พิจารณาหลักฐานนั้น เป็นที่น่าเชื่อถือได้ ต่อไป ก็ตัดสินใจ
เองว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

การเรียนรู้ ทำได้หลายทาง ทั้งจากตัวเอง จากคนอื่น ทั้งด้านทีสำเร็จ และล้มเหลว
แต่ต้องพิจารณาด้วยเหตุ ด้วยผล อันสมควร เป็นแก่นของธรรมะข้อนี้ต่างหาก

และการที่ เราเองก็ไม่เชื่อในหลักการนี้ "ทันที" ที่ได้เห็นได้ยินได้ฟัง ก็เป็นสิ่งที่
ถูกต้องแล้วด้วยเช่นกัน นับว่าได้เข้าถึงเนื้อหาของมันแล้ว

เป็นแค่ความเห็นหนึ่งนะครับ :wink:
คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
wpong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ภาษาคน ภาษาธรรม
เรื่องเดียวกัน ถ้าตีวามในแง่ของคนที่ต้องการจะอยู่ ต้องการสะสม ก็ตีความได้แบบหนึ่ง
เรื่องเดียวกัน ถ้าตีความในแง่ผู้ต้องการจะไป สลัด หลุดพ้น ปล่อยวาง ก็ตีความได้อีกแบบหนึ่ง

สันทิฎฐิโก ผ้ปฏิบัติพึงเห็นขัดด้วยตนเอง
อกาลิโก ไม่ขึ้นอยู่กับกาล
เอหิปัสสิโก ควรเรียกให้เข้ามาดู
โอปะนะยิโก ควรน้อมเข้ามาในตน

ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหิติ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
JL
Verified User
โพสต์: 188
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ผมว่า ประเด็นของหลักธรรม ไม่ได้ให้สงสัยไปทุกอย่าง แต่ให้ไตร่ตรองก่อน บางอย่างคุณอาจใช้เวลาไตร่ตรองแค่หนึ่งวิ แต่เรื่องสำคัญอย่างซื้อหุ้นลงทุนต้องใช้เวลามากหน่อย

:lovl:
ขำตัวเอง มองปราดๆ ทีแรก เห็นเป็น บัฟเฟ็ทกับ กามสูตร
PP
Verified User
โพสต์: 435
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 14

โพสต์

chatchai เขียน:จริงๆแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ก็มีส่วนไม่ดีไม่เหมาะกับพุทธศาสนานะครับ

ลองคิดดูว่า ถ้าคุณเป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ คุณจะบริหารบริษัทให้แค่มีกำไรที่พอเหมาะในแต่ละปีคงไม่พอ

ผู้ถือหุ้นรายย่อย นักวิเคราะห์ ผู้จัดการกองทุน ย่อมต้องการให้บริษัทมีกำไรเติบโตขึ้นเรื่อยๆทุกปี รวมทั้งบริษัทต้องบริหารทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพ เรียกว่าลงทุนน้อยกำไรเยอะ ใช้คนน้อยกำไรเยอะ

ผู้บริหารและพนักงานบริษัทก็ต้องถูกกดดันให้ทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาให้กับครอบครัวหรือเปล่า จนไม่มีเวลาในการศึกษาหาความรู้ในเรื่องอื่นๆบ้างหรือเปล่า

รวมถึงต้องหากำไรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือเปล่า เช่น ตั้งราคาขายที่แพงที่สุดที่ขายได้ แทนที่จะลดราคาขายลงมาแต่ยังได้กำไรพอควร

Buffett เขาจะหาลงทุนในบริษัทที่ผู้บริหารไม่หวังลาภยศ สรรเสริญ (ผู้บริหารที่รวยกันแล้วทั้งนั้น) เขาหาลงทุนกับบริษัทที่ผู้บริหารมีความสุขกับงานที่ตัวเองรับผิดชอบ กล่าวคือ ทำงานแล้วมีความสุข หรือทำเพื่อความสะใจเสียมากกว่า มันก็เหมือนกับผู้บริหารเหล่านี้ไม่ได้ทำงานนั่นแหละ เขามี passion กับงานที่เขารัก .......ผมเองก็พยายามหาผู้บริหารอย่างนี้ในบริษัทจดทะเบียนในบ้านเราอยู่ เมื่อไหร่จะเจอยังตอบไม่ได้
chatchai เขียน:คิดแล้วโชคดีที่ไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
นี่แหละความงามของตลาดหลักทรัพย์ คือ เราสามารถเลือกบริษัทได้ครับ ไม่มีใครมาบังครับ ข้อสำคัญต้องเลือกให้ดีก่อนลงทุนครับ .....ว่าแต่ว่าคุณฉัตรชัย ใช้หลักกาลามสูตร ข้อที่10 ในกรณี manadrin เมื่อหลายปีก่อนหรือเปล่าครับ(ผมจำผิดหรือเปล่าไม่แน่ใจ .....เห็นบอกกำไรเยอะเลยนะครับงวดนั้น) โปรดช่วยขยายความฉายให้ชาว VI ทราบอีกสักรอบจะดีมากเลยครับ ขอบคุณครับ
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 1

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 15

โพสต์

:lol: :lol: :lol: :lol:
10. มา สมโณ โน ครูติ ....อย่าปลงใจเชื่อเพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
ข้อ 10 ตรงกับหลายแนวคิดในปัจจุบันหลายอย่างนะครับ และผู้ที่ปฏิบัติตามก็ไม่ได้หมายความว่าไม่นับถือครูบาอาจารย์ด้วยนะ ตรงข้าม กลับเป็นการนับถือมากกว่าด้วยซ้ำ

สุภาษิตจีน " เคารพมิสู้ทำตามคำสั่ง "

การบูชาในศาสนาพุทธที่มีความสำคัญที่สุดคือ " ปฏิบัติบูชา "

" ไม่ทำตามที่สอน อย่ามาอ้อนเรียกอาจารย์ " ของท่านพุทธทาส ภิกขุ

:lol: :lol: :lol: :lol:
PP
Verified User
โพสต์: 435
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 16

โพสต์

สามัญชน เขียน::lol: :lol: :lol: :lol:


1. การที่จะพิสูจน์ด้วยตนเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่ผมเองจะต้องมีพื้นฐานทางปัญญาที่มากเพียงพอ มิฉะนั้นจะกลายเป็นคิดเอาเองว่า ใช่ หรือไม่ใช่ โดยพื้นฐานความรู้ที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นการหลงผิดหรือมิจฉาทิฐิไป มีตัวอย่างให้เห็นมากมายที่ ณ.เวลาหนึ่งเราได้พิสูจน์ด้วยตนเองแล้วว่าเรื่องราวนี้ถูกต้อง และเราก็สรุปว่าเราเชื่อ แต่เมื่อเรามีความรู้มากขึ้นการตัดสินใจก็เปลี่ยนไป มุมมองเปลี่ยนไป และเราตัดสินใจใหม่ว่ามันผิด เราไม่เชื่อ ยังไม่จบแค่นั้น ต่อมาเรามีความรู้มากกว่าเดิมอีกและย้อนมาพิจารณาอีกที ก็พบว่ามันถูกต้องแล้ว และเรากลับไปเชื่ออีกครั้ง วนเวียนอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายรอบตามระดับความรู้ที่เรามีเพิ่มขึ้น


ดังนั้น การที่จะตัดสินใจเชื่ออะไรก็ตาม โดยพึ่งพาการพิสูจน์หรือพิจารณาด้วยตนเอง จำเป็นอย่างยิ่งที่ตนเองจะต้องมีศักยภาพเพียงพอที่จะพิสูจน์เป็นขั้นแรกก่อน
ถ้าผมยังมีศักยภาพไม่เพียงพอ ก็จะเป็นการปลอดภัยกว่าที่จะเชื่อในสิ่งที่ผู้มีปัญญาจำนวนมากได้พิสูจน์มาแล้ว มิฉะนั้นผมอาจจะเข้ารกเข้าพงคนเดียวก็ได้ ( ผมไม่ยอมทำแน่ )


:lol: :lol: :lol: :lol:
ผมเข้าใจว่า Buffett ในตอนหนุ่มๆก็น่าเหมือนเราๆท่านๆนี้แหละ คือเสาะแสวงค้นหา หลักการสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นให้ได้ผลดีที่สุด จนกระทั่งมาปิ๊งกับแนวทาง Ben Graham จึงยืดถือศึกษาค้นคว้าลองปฎิบัติเอง และพัฒนาต่อไปและเชื่อว่าต้องมี circle of competence หรือ circle of understanding เป็นหลักในการค้นหาหุ้น นั่นคือ ต้องสร้างภูมิความรู้ภูมิปัญญาในกลุ่มหุ้นที่เชื่อว่าดีเท่านั้น ไม่เที่ยวจับจดแวะเวียนไปสนใจหาความรู้หุ้นตัวโน้นทีตัวนี้ที หรือไม่ก็วิ่งรอกไปมาหาความรู้แบบไม่ลึกซึ้งจริงๆจากกลุ่มนี้ทีกลุ่มโน้นที วนเวียนไปมา ที่สุดก็ไม่รู้หรือเข้าใจหุ้นตัวใดตัวหนึ่งอย่างแจ่มแจ้งแทงตลอดสักที แน่นอนครับว่าการที่จะมี competence กับกลุ่มหุ้นที่ต้องการศึกษา หรือ ตัวใดตัวหนึ่งต้องอาศัยเวลา พลังงาน ความอดทนต่อสิ่งยั่วยุต่างๆในตลาด ทั้งต้องตรึกตรองใคร่ครวญเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆที่ได้ศึกษามาในหุ้นตัวนั้นๆแล้วเก็บสะสมไว้ในสมอง เพื่อให้แน่ใจว่าได้ความถูกต้องแม่นยำจนถึงที่สุดแล้วหลังเวลาผ่านนานๆไป แล้วเฝ้าคอย เมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมเมื่อ ราคาอยู่ในระดับที่เชื่อว่าเหมาะสมมีความปลอดภัยแล้วเท่านั้นถึงจะลงมือซื้อเพื่อลงทุน .....ผมเองก็กำลังทดลองพยายามปฏิบัติแนวนี้อยู่นะครับ ยังไม่ลึกซึ่งพอ ต้องอาศัยเวลาจริงๆผมว่านะ
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
PP
Verified User
โพสต์: 435
ผู้ติดตาม: 0

Warren Buffett กับหลักกาลามสูตร

โพสต์ที่ 17

โพสต์

สามัญชน เขียน::lol: :lol: :lol: :lol:

...........................................................
3. หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้ถูกตัดสินในเชิงคุณภาพอย่างเดียว ว่าถูกหรือผิด ( all or none ) แต่มักจะถูกตัดสินในเชิงปริมาณแทบทั้งสิ้น( ถูกมาก ถูกน้อย ) ทฤษฎีต่างๆก็เช่นเดียวกัน ไม่ควรจะกลายเป็นว่าเราเชื่อ( ทฤษฎีถูก ) หรือเราไม่เชื่อ ( ทฤษฎีผิด )
แต่ควรจะเป็นว่า ทฤษฎีนี้เราเชื่อ ( ว่าถูก 99.9% ) และเราจะปฏิบัติตาม โดยเผื่อใจสำหรับความผิดพลาด 0.1% ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้อยู่เสมอ ตามที่ท่าน CK เคยพูดไว้ว่าไม่มี ความถูกต้องโดยสัมบูรณ์ ( absolute true )

ดังนั้น ผมจึงเชื่อเลยว่าหลักการนี้( หลักกาลามสูตร )มีโอกาสถูกสูงถึง 99.99 % แต่ก็ยังเหลือความสงสัยเผื่อใจเอาไว้สำหรับอนาคต 0.01 %

............................................
ผมอ่านรายงานประจำปีของ Buffett ที่ท่านเขียนถึงหุ้นส่วนของ Buffett Partenrship นับตั้งแต่ปี 1959 - 1970 พบคำพูดของท่านเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตัดสินใจเลือกซื้อหุ้นไว้ดังนี้ครับ
"We make investment decisions based on our evaluation of the most profitable combination of probabilities"
ซึ่งจากคำพูดประโยคนี้ แสดงว่า Buffett ก็ไม่ได้แสดงตนว่าสามารถวิเคราะห์หุ้นแบบฟันธงว่าถูกต้อง 100% แต่อย่างใด ดังนั้นที่คุณหมอสามัญชนว่าไว้เรื่องเผื่อความสงสัยจึงถูกต้องตรงกับแนวของ Buffett แสดงว่าใกล้บรรลุรู้แจ้งเห็นจริงแน่ๆแล้วหละ คุณหมอ :lol:

ปล. ถ้าชาว VI ท่านใดประสงค์จะได้รายงานประจำปีของ Buffett Partnership ไปไว้อ่านประดับความรู้ ก้อส่ง Email ไปที่ [email protected] เพื่อว่าผมจะได้ reply ส่ง file ได้สะดวก ความยาวของรายงานนี้ ประมาณ 165 หน้า(microsoft word) และคนที่เขาส่งให้บอกว่าห้ามโพสต์ไปไว้ที่สาธารณะ (ได้มาจากคนเอมริกา)
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
ล็อคหัวข้อ