หน้า 1 จากทั้งหมด 2

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2005 8:23 pm
โดย สุมาอี้
ตลาดหุ้นให้ Real return 7% ในระยะยาว

ถ้าอยากมีเงินใช้ปีละ 500,000 บาท (น่าจะพอสำหรับคนส่วนใหญ่)

ต้องมีทุน 7,142,857 บาท

มานั่งคำนวนถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วการประสบอิสระภาพทางการเงินด้วยหุ้นไม่ได้ใช้เงินมากเลย (7 ล้านมากแต่ไม่ได้มากจนเป็นไปไม่ได้) ว่ามั้ยครับ

คงมีวันนั้นสักวัน

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2005 8:38 pm
โดย Jeng
คนที่มีเงินสดอยู่ในมือ 7 ล้านบาทน่าจะมีน้อยนะ

และส่วนใหญ่คนที่มีเงินหลักล้านมาเล่นหุ้นมักจะขาดทุน

เซียนส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน มักจะเริ่มต้นด้วยเงินหลักแสน

..........................................................................................

ผมว่าหากิจการทำ โดยใช้เงิน 1 ล้าน แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำกิจการ ให้กิจการมีกำไรหักค่าใช้จ่าย เดือนละ 7 หมื่น

ใช้จ่ายส่วนตัว + ครอบครัว เดือนละ 5 หมื่น

เหลือไว้ซื้อหุ้นเดือนละ 2 หมื่น

เก็บไว้ใช้ยามเจ็บป่วย + เกษียณ

น่าจะง่ายกว่ามั๊ยครับ

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 26, 2005 8:51 pm
โดย สุมาอี้
กิจการส่วนตัวให้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดหุ้นอยู่แล้วครับ

แต่มันเหนื่อย....อ่ะ

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 12:03 am
โดย tom
ผมเคยคิดอย่างพี่นะครับ ผมคิดว่าจะต้องมีเงิยในหุ้นประมาณ 8-9 ล้าน จึงจะมีอิสรภาพทางการเงิน ปัจจุบันนี้หาแทบตาย ได้ปริ่มๆล้าน ส่วนใหญ่มาจากหุ้นทั้งนั้น แต่ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย มีแมงกะไซต์ขี่อยู่คันเดียว บ้านก็อยู่บ้านหลวง ไม่มีหนี้ ไม่ที่ดิน ไม่มีรถยนต์ ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เมื่อเร็วๆนี้เกิดอยากจะทำอาชีพเสริมพวกปลูกผัก ปลูกไม้ขาย กลับทำไม่ได้เลย เพราะไม่มีพื้นทีี่ ที่จะทำ ก็เกิดความคิดว่า เอ ถ้าซื้อที่ดินไว้ทำเกษตร น่าจะดีมั้ย ...คิดแล้วก็ไม่ดี เพราะลงทุนเยอะไปหน่อย สรุป ถ้าไม่มีทุนมาก ทำอะไรได้น้อย ..ซะงั้น อิอิ

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 1:07 am
โดย Supra
:( :( :(

ตกลงแล้วอิสรภาพการเงินนี่มัน คือ การมีเงินใช้จ่ายตามความต้องการที่เราจะใช้เท่าไรก้อได้ หรือ ว่าเป็นการเพียงพอต่อจำนวนเงินที่เรามีอยู่และใช้ให้เหมาะสมกะฐานะ กันแน่ครับ สงสัยว่าเจ้าของกิจการก้อยังทำงาน เครียด หาเงินหาวิธีให้ธุรกิจไม่ล้ม แต่เกิดฟลุ้คล้มเงินหลายสิบล้านหายในพริบตา แล้วอย่างนี้จะมีอิสรภาพการเงินแม้จริงในโลกแห่งความจริงไหมครับ สงสัย????????

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 5:39 am
โดย สุมาอี้
ลักษณะของคนรวยคือ คนที่ Interest/Dividend Income มีรายได้ส่วนใหญ่

ลักษณะของคนจนคือ คนที่มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าแรง

งานที่ยิ่งเหนื่อยจะยิ่งได้เงินน้อย งานที่ยิ่งสบายจะยิ่งได้เงินมาก

คนที่มีหนี้คือคนที่ยอมจ่ายดอกเบี้ยเพื่อให้ได้บริโภคก่อนที่จะมีรายได้ ส่วนคนที่ให้กู้คือคนที่ยอมให้คนอื่นบริโภคด้วยเงินของเขาก่อนเพราะตนเองมีเงินเหลือใช้จนบริโภคเองไม่ทัน แล้วก็ได้ดอกเบี้ยเป็นค่าตอบแทน นักลงทุนก็เช่นเดียวกัน มีเงินแทนที่จะเอาไปบริโภคก็นำไปซื้อปัจจัยการผลิต และได้รับกำไรเป็นค่าตอบแทน

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 7:47 am
โดย golden-goose
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คนรวยคือ ผู้ที่มีความสุขในการให้ มากกว่ามีความสุขจากการรับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:24 am
โดย chatchai
ข้อควรระวัง

1. ระวังเรื่องเงินเฟ้อที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายของเราเพิ่มขึ้นทุกปี

2. Return ของตลาดที่ว่า เป็น Dividend รวม Capital Gain แต่ว่า Capital Gain นั้น เราคงไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อไรราคาหุ้นจะขึ้น เมื่อไรราคาหุ้นจะลง

3. บางปีเราอาจจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษก้อนโตก็ได้ครับ คล้ายกับธุรกิจศูนย์การค้าที่จะต้องมีการ Renovate ทุกๆ 3 - 5 ปี

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:37 am
โดย ioport
อิสระภาพทางการเงินคือ

รายจ่ายไม่เกินรายได้ และ หาให้พอแค่จ่าย

เช่น
รายจ่ายต่อเดือน 10000 บาท ก็หารายได้แค่ 12000 บาทไม่ต้องสะสมจนเกินเหตุ ก็จะมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว
คราวนี้การที่จะมีอิสระภาพทางการเงินได้เร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับรายจ่าย ของแต่ละคน ถ้ามากก็ช้า น้อยก็เร็ว หรือพูดง่ายๆ อยากมาก ก็หามาก อยากน้อยก็หาน้อย หรืออีกอย่าง จ่ายน้อยแต่หาได้ไม่รู้จักพอหาเพื่อไว้มากเกินไป อันนี้ก็ไม่มีทางเป็นอิสระได้

จริงไหมครับ

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:49 am
โดย CK
(1) อิสระภาพทางการเงินคือ เงินไม่มีอำนาจเหนือเรา

ตราบใดที่เรายังห่วงว่าจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ก็ยังไม่มีอิสระภาพ
ยังตกเป็นทาสของเงินอยู่ร่ำไป

(2) อิสระภาพทางการเงินคือ คำที่ Robert Kiyosaki เอามา
ใช้ขายหนังสือ ทำให้แกร่ำรวยมากขึ้น

เหมือน 7 Habbits ของ Covey

(3) อิสรภาพทางการเงิน คือที่ราบสูง ซึ่งเมื่อขึ้นไปถึง จะพบว่า
อา ยังมีภูเขาที่สูงขึ้นไปอีกนั่นแหละ

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:58 am
โดย woody
(3) อิสรภาพทางการเงิน คือที่ราบสูง ซึ่งเมื่อขึ้นไปถึง จะพบว่า
อา ยังมีภูเขาที่สูงขึ้นไปอีกนั่นแหละ
ต้องรู้จักความพอดีใช่หรือเปล่าครับพี่ CK

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 1:35 pm
โดย NT
อิสรภาพทางด้านการเงินในมุมของผมคือ

รายได้จากเงินมีมากพอที่จะให้เราดำรงชีพอยู่ได้อย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องทำงาน (หรือทำงานอดิเรกอื่นๆ ใดๆ ก้ได้ที่ตัวเองอยากทำ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรายได้อีก)

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่อาจมีบางสิ่งที่อยากทำมากกว่า แต่ไม่สามารถทำได้เพราะยังต้องทำงานปัจจุบันอยู่เพื่อให้มีรายได้มากพอที่จะรองรับค่าใช้จ่าย

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 3:02 pm
โดย SANTI
คุณ JENG ช่วยบอกหน่อยสิครับว่าธุรกิจอะไรที่ลงทุน 1 ล้านบาทแล้วได้เงิน 7 หมื่นต่อเดือน :shock: :shock: :shock:

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 3:11 pm
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol:

ขอแจมด้วยเด้อ.....

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... siological

:lol: :lol: :lol: :lol:

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 7:58 pm
โดย SmileGraycop
คือตามที่คุณสุมาอี้ว่ามานี่ผมก็เห็นด้วยนะครับแต่มีข้อแนะอีกนิดคือ
1. เราอาจมีรายจ่ายที่ไม่คาดคิดจำนวนมากๆเช่น หากเราเป็นโสดเราอาจต้องจัดงานแต่งที่สมกับหน้าตาเจ้าสาว(ถ้าคุณได้คนรวย) การแต่งเรือนหอ ฮ้นนีมูนต่างประเทศ
2. หากมีลูกค่าใช้จ่ายก็จะตามมาอีกคือค่าเทอม แป๊ะเจี๊ยะกินเปล่า ขึ้นกับว่าคุณอยากให้ลูกอยู่ในสังคมแบบไหน
สรุปแล้วอิสรภาพทางการเงินนี้ไปๆมาๆผมสรุปได้ว่าอยู่ที่อัตตาของคุณเอง ถ้าคุณพอใจกับบ้านทาวเฮ้าส์เล็กๆ มีเมียแบบไม่เรียกร้องอะไรมาก คือไม่ต้องถึงกับไปพาไปทัวร์ยุโรปทุกปี มีลูกที่เรียนโรงเรียนของกทม. รายได้แค่8000-10000 ต่อเดือนก็น่าจะพอนะครับ แต่ถ้าลูกต้องเรียนเซนคาเบรียลหรืออัสสัมเกรงว่า 7-8ล้านที่ลงทุนในหุ้นคงจะไม่พอ :D

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 8:12 pm
โดย Jeng
ขอแค่มีเบียร์กินก็พอ

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 9:14 pm
โดย Supra
:shock: :shock:

อย่างงี้การมีอิสรภาพทางการเงิน ก้อจะต้องได้เงินมาเพียงพอค่าใช้จ่ายและสามารถเพิ่มสัมพันธ์กะค่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นใช่ไหมครับ แต่ปัญหาคือว่าบางทีค่าใช้จ่ายก้อนโตมันก้อมาโดยไม่ตั้งใจ เช่น ค่าแต่งงาน ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าซ่อมบ้าน รถ มันก้อต้องเผื่อมากน่ะสิครับ.............. :roll: :roll: :roll:

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:06 pm
โดย woody
Input - Output, Inlet-Outlet ไม่คุมตัวนึงก็ต้องไปคุมอีกตัวนึงมั๊งครับผมคิดว่า บางทีอาจต้องคุมทั้งสองตัวเลยก็เป็นได้โดยเฉพาะ VI

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:32 pm
โดย naris
แนะนำให้ไปอ่านพ่อรวยสอนลูกเล่ม1-8ที่SE-ED ขอย้ำว่าที่SE-EDนะครับ ผมจะได้เป็นอิสระภาพเร็วๆ(หุ้นผมเอง) :lovl:

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:44 pm
โดย SmileGraycop
ผมว่าคิโยซากิจะรวยก่อนใครๆนะครับ คุณซื้อ8เล่มจะทำให้เขามีอิสรภาพการเงินที่มากๆขึ้น

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 10:57 pm
โดย yoyo
hatorihunso เขียน:ผมว่าคิโยซากิจะรวยก่อนใครๆนะครับ คุณซื้อ8เล่มจะทำให้เขามีอิสรภาพการเงินที่มากๆขึ้น
อันนั้นก็ไปโทษเค้าไม่ได้ครับ
ถ้าเค้าเขียนหนังสือออกมาดี คนซื้อเยอะ ก็สมควรที่เค้าจะรวยขึ้นๆ
หลายๆคนอาจจะไม่ชอบ คิโยซากิ
ผมเองก็ไม่เห็นด้วยในหลายๆเรื่องของเค้า
แต่ผมได้ประโยชน์จากหนังสือของเค้ามากๆ
ถ้าเมื่อ 4 ปีก่อนผมไม่ได้อ่านหนังสือของคิโย ผมคงไม่มีวันนี้
:D

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 11:16 pm
โดย naris
ผมว่าคิโยซากิจะรวยก่อนใครๆนะครับ คุณซื้อ8เล่มจะทำให้เขามีอิสรภาพการเงินที่มากๆขึ้น
ผมว่าผมซื้อแนวความคิดของคนคนหนึ่งแค่หลัก100หลัก1000นั้นถูกมากครับเพราะกว่าเขาจะสั่งสมประสบการณ์20-30ปีเพื่อที่จะมาขาย ผมว่าไม่มีอะไรจะคุ้มไปกว่านี้แล้ว
ปล.ไม่ใช่แค่คุณ คิโยซากิ นะครับ มีแนวความคิดที่ดีๆในหนังสือที่เป็นร้อยๆเล่มที่ควรคู่แก่การอ่านอย่างมาก

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 9:56 am
โดย stp
บวชเป็นพระแล้วตัดขาดจากทางโลกครับ

ในชีวิตจริงคนมีตังก็ต้องการมีตังเยอะขึ้นอีก
ไม่เห็นมีใครหยุดได้สักที
เป็น VI VS VSOP ก็ต้องทำงานครับเพียงแต่ไม่มีใครบังคับเท่านั้น
ใครจะมาดูหุ้นให้หละถ้าไม่ใช่ตัวเอง เงินเราทั้งนั้น

ผมเคยลองสมมุติว่าถ้าแขนขาดขาขาด ไม่สามารถทำงานได้ ต้องเลี้ยงเมียเลี้ยงลูก พ่อแม่ พ่อตาแม่ยาย ซึ่งก็แขนขาดขาขาดทำงานไม่ได้เหมือนกัน เลวร้ายที่สุด ไม่สามารถหาเงินเพิ่ม ผมควรมีเงินเท่าไหร่ที่จะสามารถใช้จ่ายในสถานะที่เคยใช้จ่ายได้ในปัจจุบันจนกระทั่งทุกคนตายหมดตามอายุไข ...คิดออกมาได้ประมาณพันกว่าล้านครับ รวมลดค่าเงินอนาคต ไม่ใช่น้อยเลย

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 10:27 am
โดย chatchai
stp เขียน:บวชเป็นพระแล้วตัดขาดจากทางโลกครับ

ในชีวิตจริงคนมีตังก็ต้องการมีตังเยอะขึ้นอีก
ไม่เห็นมีใครหยุดได้สักที
เป็น VI VS VSOP ก็ต้องทำงานครับเพียงแต่ไม่มีใครบังคับเท่านั้น
ใครจะมาดูหุ้นให้หละถ้าไม่ใช่ตัวเอง เงินเราทั้งนั้น

ผมเคยลองสมมุติว่าถ้าแขนขาดขาขาด ไม่สามารถทำงานได้ ต้องเลี้ยงเมียเลี้ยงลูก พ่อแม่ พ่อตาแม่ยาย ซึ่งก็แขนขาดขาขาดทำงานไม่ได้เหมือนกัน เลวร้ายที่สุด ไม่สามารถหาเงินเพิ่ม ผมควรมีเงินเท่าไหร่ที่จะสามารถใช้จ่ายในสถานะที่เคยใช้จ่ายได้ในปัจจุบันจนกระทั่งทุกคนตายหมดตามอายุไข ...คิดออกมาได้ประมาณพันกว่าล้านครับ รวมลดค่าเงินอนาคต ไม่ใช่น้อยเลย
การมีอิสระภาพทางการเงินนั้นสำคัญอย่างไร ทำไมคนส่วนใหญ่ในยุคนี้ถึงถวิลหา

การมีอิสระภาพทางการเงิน นั้นหมายถึง การที่เรามีรายได้มากเพียงพอที่จะใช้จ่ายในการดำรงชีวิต โดยรายได้ที่ว่านี้ไม่ได้มาจากการใช้แรงงาน ดังนั้นจึงมีอิสระจากการใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ

ปัจจุบันหลายคนต้องทนทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่รัก เพื่อรายได้ที่จะเลี้ยงชีพ ไม่มีเวลาเหลือไปทำในสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ตัวเองชอบ

แต่การมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว จะไม่ได้หมายความถึงว่าต้องไม่ทำงานอะไรเลยนะครับ งานที่เขารัก เขาชอบ อาจจะเป็นงานที่มีรายได้ที่ดี เป็นงานที่หลายคนไม่ชอบก็ได้ครับ เราถึงยังเห็นคนเหล่านั้นยังคงนั่งทำงานอยู่

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 10:29 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ผมควรมีเงินเท่าไหร่ที่จะสามารถใช้จ่ายในสถานะที่เคยใช้จ่ายได้ในปัจจุบันจนกระทั่งทุกคนตายหมดตามอายุไข ...คิดออกมาได้ประมาณพันกว่าล้านครับ รวมลดค่าเงินอนาคต ไม่ใช่น้อยเลย

อืม ทำไมเยอะจัง

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 10:31 am
โดย สามัญชน
:lol: :lol: :lol: :lol:
แต่การมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว จะไม่ได้หมายความถึงว่าต้องไม่ทำงานอะไรเลยนะครับ งานที่เขารัก เขาชอบ อาจจะเป็นงานที่มีรายได้ที่ดี เป็นงานที่หลายคนไม่ชอบก็ได้ครับ เราถึงยังเห็นคนเหล่านั้นยังคงนั่งทำงานอยู่
ใช่ครับ ถ้าเป็นปุถุชนก็ทำเพื่อความต้องการขั้นที่ 3-4-5 ซึ่งถ้าเปรียบเทียบสิ่งเหล่านี้เป็นพลังงาน ก็ถือได้ว่าเป็นพลังงานที่สะอาดกว่า ปลอดภัยกว่า

พลังงานจากความต้องการขั้นที่ 1 ค่อนข้างจะก่อมลพิษเยอะกว่า

:lol: :lol: :lol: :lol:

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 10:56 am
โดย chatchai
ถ้าเป็นคุณหมอ เมื่อมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว ก็ยังสามารถทำงานเป็นคุณหมอได้เหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะรักษาผู้ด้อยโอกาส

ลองนึกถึงผู้คนในสังคมที่มีอิสระภาพทางการเงินเป็นส่วนใหญ่ซิครับ สังคมจะดีขึ้นแค่ไหน

แต่การที่จะให้คนส่วนใหญ่ในสังคมมีอิสระภาพทางการเงินนั้นคงไม่ง่าย ถ้าคนในสังคมยังมีกิเลส ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟื่อย

ถ้าน้ำมีอยู่เพียงครึ่งแก้ว เราก็สามารถที่จะลดแก้วให้เล็กลงได้ครับ แต่ถ้าเรามัวแต่ขยายแก้วให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ น้ำก็คงไม่มีวันที่จะเต็มแก้ว ชีวิตก็คงต้องดิ้นรนไปจนวันสุดท้าย

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 11:11 am
โดย mustang
หาภรรยารวย ก็จะได้อิสรภาพทางการเงิน :lovl: แต่อาจแลกกับการเสียอิสรภาพอย่างอื่นไป :lovl: :lovl:

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 11:12 am
โดย Jeng
ผมว่า ในยุคหิน ที่ยังไม่มีเงินใช้ ยุคนั้นมีอิสรภาพทางการเงินมากกว่าปัจจุบันครับ

อิสระภาพทางการเงิน

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 11:22 am
โดย ต.หยวนเปียว
Jeng เขียน:ผมว่า ในยุคหิน ที่ยังไม่มีเงินใช้ ยุคนั้นมีอิสรภาพทางการเงินมากกว่าปัจจุบันครับ
นับวันผมจะค่อยๆ ไปสู่ยุคหินแล้วครับพี่เจ๋ง
(ผมกำลังจะมีอิสรภาพหรือเนี่ย :lol: :lol: )