เผยโฉมบิ๊กบจ.อุ้มหุ้น
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 13, 2005 12:22 pm
โดย ผู้จัดการรายวัน 13 กรกฎาคม 2548 10:35 น.
ผู้จัดการรายวัน - หลังดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนทรุดตัวลง หุ้นหลายตัวราคาปรับตัวลดลงส่งผลเจ้าของบริษัทจดทะเบียนเข้าซื้อหุ้นตัวเองเก็บเข้าพอร์ตเป็นระยะ ๆ สำรวจพอร์ตพบ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่"เกษมราษฎร์-ค้าเหล็กไทย"ทนเห็นหุ้นตัวเองราคาร่วงไม่ไหว เข้าซื้อหุ้นมาตลอดและไม่ขายออก ยืนยันเป็นการซื้อเพื่อลงทุน "ประทีป"เก็บศุภาลัยต่อเนื่อง ส่วนผู้บริหารบจ.หลายแห่งตบเท้าซื้อหุ้นเข้าพอร์ตไม่น้อย ด้านหุ้นไทยวานนี้รีบาวดน์แตะ 650 จุด ต่างชาติลุยซื้อต่ออีก 1.6 พันล้าน บล.พัฒนสิน เชื่อปิดปั๊ม 4 ทุ่มถึงตี 5 กระทบกำไรกลุ่มพลังงานไม่มาก
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพบว่าผู้บริหารของบมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (KH) ได้ทยอยซื้อหุ้นเก็บเข้าพอร์ต ซึ่งประกอบด้วย นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารและผศ.แพทย์หญิง สมพร หาญพาณิชย์ ภรรยานายแพทย์เฉลิม ได้ซื้อหุ้นรวมกันเป็นจำนวน 966,000 หุ้น
ทั้งนี้แบ่งเป็นนายแพทย์เฉลิม ได้ซื้อหุ้นจำนวน 782,200 หุ้นโดยเริ่มซื้อตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.2548 จำนวน 150,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 3.12 บาทต่อมาได้ซื้อเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2548 จำนวน 120,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 3.04 บาท,วันที่ 11 ก.ค.ได้ซื้อ 4 ครั้งจำนวน 12,200หุ้นในราคาหุ้นละ 2.60 บาท,จำนวน 100,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.68 บาท,จำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.58 บาทและจำนวน200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.74 บาท
ส่วนผศ.แพทย์หญิงสมพร ได้ซื้อจำนวน 183,800 หุ้น ซื้อในวันที่ 7 ก.ค.จำนวน 4 ครั้งจำนวน 90,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.70บาท,จำนวน 3,800 หุ้นในราคา 2.62 บาท,จำนวน 60,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.72 บาทและจำนวน 30,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.74 บาท
นอกจากนี้ก็มีผู้บริหารของบมจ.ค้าเหล็กไทย (TMT) เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 3.5 ล้านหุ้น โดยประกอบด้วยนายสูรย์ ธรสารสมบัติ ประธานกรรมการได้เข้ามาซื้อจำนวน 2.5 ล้านหุ้นเริ่มซื้อเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2548 จำนวน 154,400 หุ้นในราคาหุ้นละ5.25 บาท ซื้อต่อมาวันที่ 13 มิ.ย.จำนวน 550,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.96 บาท,วันที่ 14 มิ.ย.จำนวน 26,900 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.96 บาทวันที่ 15 มิ.ย.จำนวน 550,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.97 บาทและวันที่ 22 มิ.ย.ที่ซื้อ 2 ครั้งจำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 5 บาทและจำนวน 1,018,700 หุ้นในราคาหุ้นละ 5.04 บาท
นอกจากนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-11 ก.ค. พบว่า มีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนต่างๆ เข้าไปซื้อหุ้นของตนเองจำนวนหลายบริษัท ประกอบด้วย นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บมจ. ศุภาลัย (SPALI) ซื้อหุ้นรวม 9,813,800 หุ้น ราคาหุ้นละ 1.38-2.50 บาท ,นายกำจร ชื่นชูจิตต์ กรรมการตรวจสอบ บมจ.ยูไนเต็ด เปเปอร์ (UTP) ซื้อหุ้นรวม 901,400 หุ้น ราคาหุ้น 5.55-6.00 บาท และซื้อหุ้น โรงงานผ้าไทย (TTI) ซื้อหุ้นรวม 34,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 26.50-27 บาท,นางสาวคริสติน่า แลม ยิม คิง กรรมการ บมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD)ซื้อหุ้นรวม 518,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 675-8.08 บาท
นาย เกริกไกร จีระแพทย์ ประธานกรรมการ บมจ.บ้านปู (BANPU) ซื้อรวม 800 หุ้น ราคาหุ้นละ 149-150 บาท นายมนัส ลีวีระพันธุ์ กรรมการอิสระ บมจ.บ้านปู (BANPU) ซื้อรวม 46,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 137-151 บาท นายเมธี เอื้ออภิญญกุล กรรมการ บมจ.บ้านปู (BANPU) ซื้อรวม 40,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 150 บาท ,กลุ่มผู้บริหาร บมจ.ฟูรูกาวา เม็ททัล (ไทยแลนด์) (FMT)ประกอบด้วย นายมาซาฮิโร โอคาโดเมะ , เรียวอิชิ ฮามะ , ทาคาชิ ยามาดะ,โนบูโอะ ทาคาฮาชิ,โยชิฮิโร ยามะ คนละ 5,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 44 บาท นายสมชัย เลขะพจน์พานิช กรรมการผู้จัดการ บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP)ซื้อหุ้นรวม 23,800 หุ้น ราคาหุ้นละ 26.25-26.75 บาท
นางสาววิริยา อัมพรนภากุล กรรมการ บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP) ซื้อหุ้นรวม 3,200 ราคาหุ้นละ 25.75 บาท ,นายปรีชา อรรถวิภัชน์ กรรมการตรวจสอบบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)ซื้อหุ้นรวม 6,600 หุ้น ราคา 228-236 บาท ,นาย ธวัชชัย วงษ์เจริญสิน กรรมการ บมจ.ซี.พี.แอล. กรุ๊พ (CPL) ซื้อหุ้นรวม 17,100 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.50 บาท ,นาย ประมนต์ สุธีวงศ์ กรรมการอิสระ บมจ. กิจประกันภัย (NKI) ซื้อหุ้นรวม 8,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 46 บาท ,นายนิพล ตั้งจีรวงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. กิจประกันภัย (NKI) ซื้อหุ้นรวม 11,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 46.00 บาท
นายไพศาล ธรสารสมบัติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทค้าเหล็กไทย ได้ซื้อหุ้นบริษัทจำนวน 1 ล้านหุ้นเริ่มซื้อเมื่อวันที่8 มี.ค.48 จำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 6.14 บาท,วันที่ 21 เม.ย.จำนวน 100,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.46 บาท,วันที่ 17 พ.ค.จำนวน150,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.79 บาท,วันที่ 7 มิ.ย.จำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 5.05 บาท,วันที่ 9 มิ.ย.จำนวน 165,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 5 บาท,วันที่ 4 ก.ค.จำนวน 100,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.51 บาทและวันที่ 7 ก.ค.จำนวน 85,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.17 บาท
การที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนได้มีการซื้อหุ้นบริษัทตัวเองเก็บเข้าพอร์ต ส่วนหนึ่งเนื่องจากภาวะตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงมาอย่างมาก จนส่งผลทำให้ราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวลดลง ซึ่งผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนจึงมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันนี้ต่ำกว่ามูลค่าที่เป็นจริง จึงได้เข้ามาซื้อหุ้นเอง เพื่อทำให้ระดับราคาไม่ปรับตัวลดลงมาต่ำจนเกินไป
นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า นับตั้งแต่หุ้นบริษัทบางกอก เชน ฮอทปิทอลเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่เคยที่จะขายหุ้นออกมาเลยแม้แต่หุ้นเดียว เพราะมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำ จึงทำให้เข้าไปซื้อ เพราะเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงนั้น ถือว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีด้วย
ซึ่งลักษณะการซื้อจะเป็นการซื้อเก็บเพื่อลงทุนระยะยาว"ที่ผมเข้าไปซื้อเพราะเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก ซึ่งทำให้มีความน่าสนใจที่จะเข้าไปซื้อเก็บซึ่งมีภรรยาของผมก็เข้าไปซื้อด้วยเช่นเดียวกัน โดยในช่วงที่หุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วงแรกๆ ผมและภรรยาจะมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 40%เศษ แบ่งเป็นของผมประมาณ 34% และของภรรยาประมาณ 6% และได้เข้ามาซื้อเพิ่มก็ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นคงจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย"นายแพทย์เฉลิมกล่าว
ทั้งนี้เชื่อว่าภายในปีนี้บริษัทบางกอก เชน ฮอทปิทอลจะยังสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งที่ผ่านหุ้นของบริษัทก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศพอสมควร ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนจะเป็นการลงทุนระยะยาว
นายปานชัย พิพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทค้าเหล็กไทย จำกัด(มหาชน)(TMT)เปิดเผยว่า กลุ่มผู้บริหารบริษัทมีความเห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น เพราะส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะตลาดหุ้นที่ไม่เอื้ออำนวยดังนั้นจึงได้เข้าไปซื้อหุ้นเก็บ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ซื้อมาตลอดไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย พบว่ากลุ่มผู้บริหารเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มแล้วเป็นจำนวนประมาณ 3.5 ล้านหุ้นในราคาเฉลี่ยหุ้นละประมาณ 4-5 บาทเศษ
"ที่ผ่านมาผมกับนายไพศาลก็ได้มีการปรึกษาหารือกันมาตลอด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์หลายๆ แห่งส่วนใหญ่ก็เห็นว่าราคาที่เหมาะสมจะสูงกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดานในขณะนี้ ดังนั้นกลุ่มผู้บริหารจึงได้เข้าไปซื้อหุ้นเก็บ เพราะเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์"นายปานชัยกล่าว
ทั้งนี้การเข้าไปซื้อหุ้นของกลุ่มผู้บริหารบริษัทค้าเหล็กไทย แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารยังมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอยู่ เมื่อนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ไม่ได้ทิ้งบริษัท ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ และบริษัทก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำผลประกอบการให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 20% โดยในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ก็สามารถทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นบริษัทค้าเหล็กไทยปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคาจอง คาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากแรงเทขายของนักงทุนสถาบันในประเทศ ที่พิจารณาเห็นว่าอุตสาหกรรมเหล็กโดยรวมได้รับผลกระทบ จึงเทขายหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจเหล็กทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจของบรษัทนั้นจะไม่ใช่ธุรกิจโรงเหล็ก แต่จะเป็นลักษณะของการค้าขายเหล็กเป็นหลัก
ด้านภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้(12 ก.ค.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวันโดยสูงสุดไปแตะระดับ 650 จุดแต่ผ่านไม่ได้ก่อนปิดที่ 648.98 จุดเพิ่มขึ้น 8.16 จุด หรือ 1.27% โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ 650.91 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 643.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,886.88 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,660.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 592.20 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,068.76 ล้านบาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือ CNS เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนนี้(12 ก.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะการรีบาวว์ทางเทคนิค
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13ก.ค.)คาดว่าจะทรงตัวในระดับ 645-655 จุด ซึ่งจะยังไม่มีการปรับขึ้นแรง จากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว รวมถึงการลอยตัวราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลให้ราคาสินค้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติในการประหยัดพลังงาน ที่จะให้มีการปิดปั้มระหว่าง 22.00-05.00 น.นั้น คาดว่าจะมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจปั้มน้ำมัน แต่ส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่ประกอบธุรกิจปั้มน้ำมันจะมีธุรกิจอื่นด้วย เช่นมีโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งจะไม่กระทบกับรายได้มากนัก
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การที่ครม.มีมติประหยัดพลังงาน คาดว่าจะมีผลกระทบต่อกำไรบจ.เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรก็ตามความต้องการใช้น้ำมันก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งผู้บริโภคก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
ทั้งนี้หากมาตรการดังกล่าวประสบความสำเร็จสามารถลดพลังงานได้จริง ก็จะช่วยลดการขาดดุลการค้าของประเทศและจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในระยะยาว
ผู้จัดการรายวัน - หลังดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนทรุดตัวลง หุ้นหลายตัวราคาปรับตัวลดลงส่งผลเจ้าของบริษัทจดทะเบียนเข้าซื้อหุ้นตัวเองเก็บเข้าพอร์ตเป็นระยะ ๆ สำรวจพอร์ตพบ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่"เกษมราษฎร์-ค้าเหล็กไทย"ทนเห็นหุ้นตัวเองราคาร่วงไม่ไหว เข้าซื้อหุ้นมาตลอดและไม่ขายออก ยืนยันเป็นการซื้อเพื่อลงทุน "ประทีป"เก็บศุภาลัยต่อเนื่อง ส่วนผู้บริหารบจ.หลายแห่งตบเท้าซื้อหุ้นเข้าพอร์ตไม่น้อย ด้านหุ้นไทยวานนี้รีบาวดน์แตะ 650 จุด ต่างชาติลุยซื้อต่ออีก 1.6 พันล้าน บล.พัฒนสิน เชื่อปิดปั๊ม 4 ทุ่มถึงตี 5 กระทบกำไรกลุ่มพลังงานไม่มาก
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนพบว่าผู้บริหารของบมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (KH) ได้ทยอยซื้อหุ้นเก็บเข้าพอร์ต ซึ่งประกอบด้วย นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหารและผศ.แพทย์หญิง สมพร หาญพาณิชย์ ภรรยานายแพทย์เฉลิม ได้ซื้อหุ้นรวมกันเป็นจำนวน 966,000 หุ้น
ทั้งนี้แบ่งเป็นนายแพทย์เฉลิม ได้ซื้อหุ้นจำนวน 782,200 หุ้นโดยเริ่มซื้อตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.2548 จำนวน 150,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 3.12 บาทต่อมาได้ซื้อเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2548 จำนวน 120,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 3.04 บาท,วันที่ 11 ก.ค.ได้ซื้อ 4 ครั้งจำนวน 12,200หุ้นในราคาหุ้นละ 2.60 บาท,จำนวน 100,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.68 บาท,จำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.58 บาทและจำนวน200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.74 บาท
ส่วนผศ.แพทย์หญิงสมพร ได้ซื้อจำนวน 183,800 หุ้น ซื้อในวันที่ 7 ก.ค.จำนวน 4 ครั้งจำนวน 90,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.70บาท,จำนวน 3,800 หุ้นในราคา 2.62 บาท,จำนวน 60,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.72 บาทและจำนวน 30,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 2.74 บาท
นอกจากนี้ก็มีผู้บริหารของบมจ.ค้าเหล็กไทย (TMT) เข้ามาซื้อหุ้นจำนวน 3.5 ล้านหุ้น โดยประกอบด้วยนายสูรย์ ธรสารสมบัติ ประธานกรรมการได้เข้ามาซื้อจำนวน 2.5 ล้านหุ้นเริ่มซื้อเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2548 จำนวน 154,400 หุ้นในราคาหุ้นละ5.25 บาท ซื้อต่อมาวันที่ 13 มิ.ย.จำนวน 550,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.96 บาท,วันที่ 14 มิ.ย.จำนวน 26,900 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.96 บาทวันที่ 15 มิ.ย.จำนวน 550,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.97 บาทและวันที่ 22 มิ.ย.ที่ซื้อ 2 ครั้งจำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 5 บาทและจำนวน 1,018,700 หุ้นในราคาหุ้นละ 5.04 บาท
นอกจากนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 1 มิ.ย.-11 ก.ค. พบว่า มีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนต่างๆ เข้าไปซื้อหุ้นของตนเองจำนวนหลายบริษัท ประกอบด้วย นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการ บมจ. ศุภาลัย (SPALI) ซื้อหุ้นรวม 9,813,800 หุ้น ราคาหุ้นละ 1.38-2.50 บาท ,นายกำจร ชื่นชูจิตต์ กรรมการตรวจสอบ บมจ.ยูไนเต็ด เปเปอร์ (UTP) ซื้อหุ้นรวม 901,400 หุ้น ราคาหุ้น 5.55-6.00 บาท และซื้อหุ้น โรงงานผ้าไทย (TTI) ซื้อหุ้นรวม 34,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 26.50-27 บาท,นางสาวคริสติน่า แลม ยิม คิง กรรมการ บมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD)ซื้อหุ้นรวม 518,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 675-8.08 บาท
นาย เกริกไกร จีระแพทย์ ประธานกรรมการ บมจ.บ้านปู (BANPU) ซื้อรวม 800 หุ้น ราคาหุ้นละ 149-150 บาท นายมนัส ลีวีระพันธุ์ กรรมการอิสระ บมจ.บ้านปู (BANPU) ซื้อรวม 46,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 137-151 บาท นายเมธี เอื้ออภิญญกุล กรรมการ บมจ.บ้านปู (BANPU) ซื้อรวม 40,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 150 บาท ,กลุ่มผู้บริหาร บมจ.ฟูรูกาวา เม็ททัล (ไทยแลนด์) (FMT)ประกอบด้วย นายมาซาฮิโร โอคาโดเมะ , เรียวอิชิ ฮามะ , ทาคาชิ ยามาดะ,โนบูโอะ ทาคาฮาชิ,โยชิฮิโร ยามะ คนละ 5,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 44 บาท นายสมชัย เลขะพจน์พานิช กรรมการผู้จัดการ บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP)ซื้อหุ้นรวม 23,800 หุ้น ราคาหุ้นละ 26.25-26.75 บาท
นางสาววิริยา อัมพรนภากุล กรรมการ บมจ.แปซิฟิกไพพ์ (PAP) ซื้อหุ้นรวม 3,200 ราคาหุ้นละ 25.75 บาท ,นายปรีชา อรรถวิภัชน์ กรรมการตรวจสอบบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)ซื้อหุ้นรวม 6,600 หุ้น ราคา 228-236 บาท ,นาย ธวัชชัย วงษ์เจริญสิน กรรมการ บมจ.ซี.พี.แอล. กรุ๊พ (CPL) ซื้อหุ้นรวม 17,100 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.50 บาท ,นาย ประมนต์ สุธีวงศ์ กรรมการอิสระ บมจ. กิจประกันภัย (NKI) ซื้อหุ้นรวม 8,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 46 บาท ,นายนิพล ตั้งจีรวงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. กิจประกันภัย (NKI) ซื้อหุ้นรวม 11,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 46.00 บาท
นายไพศาล ธรสารสมบัติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทค้าเหล็กไทย ได้ซื้อหุ้นบริษัทจำนวน 1 ล้านหุ้นเริ่มซื้อเมื่อวันที่8 มี.ค.48 จำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 6.14 บาท,วันที่ 21 เม.ย.จำนวน 100,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.46 บาท,วันที่ 17 พ.ค.จำนวน150,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.79 บาท,วันที่ 7 มิ.ย.จำนวน 200,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 5.05 บาท,วันที่ 9 มิ.ย.จำนวน 165,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 5 บาท,วันที่ 4 ก.ค.จำนวน 100,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.51 บาทและวันที่ 7 ก.ค.จำนวน 85,000 หุ้นในราคาหุ้นละ 4.17 บาท
การที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนได้มีการซื้อหุ้นบริษัทตัวเองเก็บเข้าพอร์ต ส่วนหนึ่งเนื่องจากภาวะตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงมาอย่างมาก จนส่งผลทำให้ราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวลดลง ซึ่งผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนจึงมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันนี้ต่ำกว่ามูลค่าที่เป็นจริง จึงได้เข้ามาซื้อหุ้นเอง เพื่อทำให้ระดับราคาไม่ปรับตัวลดลงมาต่ำจนเกินไป
นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า นับตั้งแต่หุ้นบริษัทบางกอก เชน ฮอทปิทอลเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่เคยที่จะขายหุ้นออกมาเลยแม้แต่หุ้นเดียว เพราะมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำ จึงทำให้เข้าไปซื้อ เพราะเห็นว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงนั้น ถือว่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีด้วย
ซึ่งลักษณะการซื้อจะเป็นการซื้อเก็บเพื่อลงทุนระยะยาว"ที่ผมเข้าไปซื้อเพราะเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก ซึ่งทำให้มีความน่าสนใจที่จะเข้าไปซื้อเก็บซึ่งมีภรรยาของผมก็เข้าไปซื้อด้วยเช่นเดียวกัน โดยในช่วงที่หุ้นเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วงแรกๆ ผมและภรรยาจะมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 40%เศษ แบ่งเป็นของผมประมาณ 34% และของภรรยาประมาณ 6% และได้เข้ามาซื้อเพิ่มก็ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นคงจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย"นายแพทย์เฉลิมกล่าว
ทั้งนี้เชื่อว่าภายในปีนี้บริษัทบางกอก เชน ฮอทปิทอลจะยังสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งที่ผ่านหุ้นของบริษัทก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศพอสมควร ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนจะเป็นการลงทุนระยะยาว
นายปานชัย พิพัฒนสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทค้าเหล็กไทย จำกัด(มหาชน)(TMT)เปิดเผยว่า กลุ่มผู้บริหารบริษัทมีความเห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น เพราะส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะตลาดหุ้นที่ไม่เอื้ออำนวยดังนั้นจึงได้เข้าไปซื้อหุ้นเก็บ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ซื้อมาตลอดไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย พบว่ากลุ่มผู้บริหารเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มแล้วเป็นจำนวนประมาณ 3.5 ล้านหุ้นในราคาเฉลี่ยหุ้นละประมาณ 4-5 บาทเศษ
"ที่ผ่านมาผมกับนายไพศาลก็ได้มีการปรึกษาหารือกันมาตลอด ซึ่งเมื่อพิจารณาจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์หลายๆ แห่งส่วนใหญ่ก็เห็นว่าราคาที่เหมาะสมจะสูงกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายในกระดานในขณะนี้ ดังนั้นกลุ่มผู้บริหารจึงได้เข้าไปซื้อหุ้นเก็บ เพราะเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์"นายปานชัยกล่าว
ทั้งนี้การเข้าไปซื้อหุ้นของกลุ่มผู้บริหารบริษัทค้าเหล็กไทย แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารยังมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอยู่ เมื่อนำหุ้นเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ไม่ได้ทิ้งบริษัท ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้ และบริษัทก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำผลประกอบการให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 20% โดยในไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ก็สามารถทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นบริษัทค้าเหล็กไทยปรับตัวลดลงมาต่ำกว่าราคาจอง คาดว่าส่วนหนึ่งเกิดจากแรงเทขายของนักงทุนสถาบันในประเทศ ที่พิจารณาเห็นว่าอุตสาหกรรมเหล็กโดยรวมได้รับผลกระทบ จึงเทขายหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจเหล็กทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจของบรษัทนั้นจะไม่ใช่ธุรกิจโรงเหล็ก แต่จะเป็นลักษณะของการค้าขายเหล็กเป็นหลัก
ด้านภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้(12 ก.ค.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวันโดยสูงสุดไปแตะระดับ 650 จุดแต่ผ่านไม่ได้ก่อนปิดที่ 648.98 จุดเพิ่มขึ้น 8.16 จุด หรือ 1.27% โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ 650.91 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 643.96 จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,886.88 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,660.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 592.20 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,068.76 ล้านบาท
นายสุกิจ อุดมศิริกุล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)หรือ CNS เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนนี้(12 ก.ค.)ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะการรีบาวว์ทางเทคนิค
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (13ก.ค.)คาดว่าจะทรงตัวในระดับ 645-655 จุด ซึ่งจะยังไม่มีการปรับขึ้นแรง จากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว รวมถึงการลอยตัวราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลให้ราคาสินค้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้การที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติในการประหยัดพลังงาน ที่จะให้มีการปิดปั้มระหว่าง 22.00-05.00 น.นั้น คาดว่าจะมีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจปั้มน้ำมัน แต่ส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่ประกอบธุรกิจปั้มน้ำมันจะมีธุรกิจอื่นด้วย เช่นมีโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งจะไม่กระทบกับรายได้มากนัก
นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การที่ครม.มีมติประหยัดพลังงาน คาดว่าจะมีผลกระทบต่อกำไรบจ.เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรก็ตามความต้องการใช้น้ำมันก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งผู้บริโภคก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
ทั้งนี้หากมาตรการดังกล่าวประสบความสำเร็จสามารถลดพลังงานได้จริง ก็จะช่วยลดการขาดดุลการค้าของประเทศและจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นในระยะยาว